Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๘๔] ๔. สิริชาตกวณฺณนา
[284] 4. Sirijātakavaṇṇanā
ยํ อุสฺสุกา สงฺฆรนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ สิริโจรพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิฯ อิมสฺมิํ ชาตเก ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เหฎฺฐา ขทิรงฺคารชาตเก (ชา. ๑.๑.๔๐) วิตฺถาริตเมวฯ อิธาปิ ปน สา อนาถปิณฺฑิกสฺส ฆเร จตุเตฺถ ทฺวารโกฎฺฐเก วสนกา มิจฺฉาทิฎฺฐิเทวตา ทณฺฑกมฺมํ กโรนฺตี จตุปญฺญาสหิรญฺญโกฎิโย อาหริตฺวา โกเฎฺฐ ปูเรตฺวา เสฎฺฐินา สทฺธิํ สหายิกา อโหสิฯ อถ นํ โส อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ เนสิฯ สตฺถา ตสฺสา ธมฺมํ เทเสสิ, สา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปนฺนา อโหสิฯ ตโต ปฎฺฐาย เสฎฺฐิโน ยโส ยถาโปราโณว ชาโตฯ อเถโก สาวตฺถิวาสี สิริลกฺขณญฺญู พฺราหฺมโณ จิเนฺตสิ – ‘‘อนาถปิณฺฑิโก ทุคฺคโต หุตฺวา ปุน อิสฺสโร ชาโต, ยํนูนาหํ ตํ ทฎฺฐุกาโม วิย คตฺวา ตสฺส ฆรโต สิริํ เถเนตฺวา อาคเจฺฉยฺย’’นฺติฯ โส ตสฺส ฆรํ คนฺตฺวา เตน กตสกฺการสมฺมาโน สารณียกถาย วตฺตมานาย ‘‘กิมตฺถํ อาคโตสี’’ติ วุเตฺต ‘‘กตฺถ นุ โข สิรี ปติฎฺฐิตา’’ติ โอโลเกสิฯ เสฎฺฐิโน จ สพฺพเสโต โธตสงฺขปฎิภาโค กุกฺกุโฎ สุวณฺณปญฺชเร ปกฺขิปิตฺวา ฐปิโต อตฺถิ, ตสฺส จูฬาย สิรี ปติฎฺฐาสิฯ พฺราหฺมโณ โอโลกยมาโน สิริยา ตตฺถ ปติฎฺฐิตภาวํ ญตฺวา อาห – ‘‘อหํ, มหาเสฎฺฐิ, ปญฺจสเต มาณเว มเนฺต วาเจมิ, อกาลรวิํ เอกํ กุกฺกุฎํ นิสฺสาย เต จ มยญฺจ กิลมาม, อยญฺจ กิร กุกฺกุโฎ กาลรวี, อิมสฺสตฺถาย อาคโตมฺหิ, เทหิ เม เอตํ กุกฺกุฎ’’นฺติฯ ‘‘คณฺห, พฺราหฺมณ, เทมิ เต กุกฺกุฎ’’นฺติฯ ‘‘เทมี’’ติ จ วุตฺตกฺขเณเยว สิรี ตสฺส จูฬโต อปคนฺตฺวา อุสฺสีสเก ฐปิเต มณิกฺขเนฺธ ปติฎฺฐาสิฯ
Yaṃussukā saṅgharantīti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ siricorabrāhmaṇaṃ ārabbha kathesi. Imasmiṃ jātake paccuppannavatthu heṭṭhā khadiraṅgārajātake (jā. 1.1.40) vitthāritameva. Idhāpi pana sā anāthapiṇḍikassa ghare catutthe dvārakoṭṭhake vasanakā micchādiṭṭhidevatā daṇḍakammaṃ karontī catupaññāsahiraññakoṭiyo āharitvā koṭṭhe pūretvā seṭṭhinā saddhiṃ sahāyikā ahosi. Atha naṃ so ādāya satthu santikaṃ nesi. Satthā tassā dhammaṃ desesi, sā dhammaṃ sutvā sotāpannā ahosi. Tato paṭṭhāya seṭṭhino yaso yathāporāṇova jāto. Atheko sāvatthivāsī sirilakkhaṇaññū brāhmaṇo cintesi – ‘‘anāthapiṇḍiko duggato hutvā puna issaro jāto, yaṃnūnāhaṃ taṃ daṭṭhukāmo viya gatvā tassa gharato siriṃ thenetvā āgaccheyya’’nti. So tassa gharaṃ gantvā tena katasakkārasammāno sāraṇīyakathāya vattamānāya ‘‘kimatthaṃ āgatosī’’ti vutte ‘‘kattha nu kho sirī patiṭṭhitā’’ti olokesi. Seṭṭhino ca sabbaseto dhotasaṅkhapaṭibhāgo kukkuṭo suvaṇṇapañjare pakkhipitvā ṭhapito atthi, tassa cūḷāya sirī patiṭṭhāsi. Brāhmaṇo olokayamāno siriyā tattha patiṭṭhitabhāvaṃ ñatvā āha – ‘‘ahaṃ, mahāseṭṭhi, pañcasate māṇave mante vācemi, akālaraviṃ ekaṃ kukkuṭaṃ nissāya te ca mayañca kilamāma, ayañca kira kukkuṭo kālaravī, imassatthāya āgatomhi, dehi me etaṃ kukkuṭa’’nti. ‘‘Gaṇha, brāhmaṇa, demi te kukkuṭa’’nti. ‘‘Demī’’ti ca vuttakkhaṇeyeva sirī tassa cūḷato apagantvā ussīsake ṭhapite maṇikkhandhe patiṭṭhāsi.
พฺราหฺมโณ สิริยา มณิมฺหิ ปติฎฺฐิตภาวํ ญตฺวา มณิมฺปิ ยาจิฯ ‘‘มณิมฺปิ เทมี’’ติ วุตฺตกฺขเณเยว สิรี มณิโต อปคนฺตฺวา อุสฺสีสเก ฐปิตอารกฺขยฎฺฐิยํ ปติฎฺฐาสิฯ พฺราหฺมโณ สิริยา ตตฺถ ปติฎฺฐิตภาวํ ญตฺวา ตมฺปิ ยาจิฯ ‘‘คเหตฺวา คจฺฉาหี’’ติ วุตฺตกฺขเณเยว สิรี ยฎฺฐิโต อปคนฺตฺวา ปุญฺญลกฺขณเทวิยา นาม เสฎฺฐิโน อคฺคมเหสิยา สีเส ปติฎฺฐาสิฯ สิริโจรพฺราหฺมโณ ตตฺถ ปติฎฺฐิตภาวํ ญตฺวา ‘‘อวิสฺสชฺชิยภณฺฑํ เอตํ, ยาจิตุมฺปิ น สกฺกา’’ติ จิเนฺตตฺวา เสฎฺฐิํ เอตทโวจ – ‘‘มหาเสฎฺฐิ, อหํ ตุมฺหากํ เคเห ‘สิริํ เถเนตฺวา คมิสฺสามี’ติ อาคจฺฉิํ, สิรี ปน เต กุกฺกุฎสฺส จูฬายํ ปติฎฺฐิตา อโหสิ, ตสฺมิํ มม ทิเนฺน ตโต อปคนฺตฺวา มณิมฺหิ ปติฎฺฐหิ, มณิมฺหิ ทิเนฺน อารกฺขยฎฺฐิยํ ปติฎฺฐหิ, อารกฺขยฎฺฐิยา ทินฺนาย ตโต อปคนฺตฺวา ปุญฺญลกฺขณเทวิยา สีเส ปติฎฺฐหิ, ‘อิทํ โข ปน อวิสฺสชฺชิยภณฺฑ’นฺติ อิมมฺปิ เม น คหิตํ, น สกฺกา ตว สิริํ เถเนตุํ, ตว สนฺตกํ ตเวว โหตู’’ติ อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ อนาถปิณฺฑิโก ‘‘อิมํ การณํ สตฺถุ กเถสฺสามี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน สพฺพํ ตถาคตสฺส อาโรเจสิฯ สตฺถา ตํ สุตฺวา ‘‘น โข, คหปติ, อิทาเนว อเญฺญสํ สิรี อญฺญตฺถ คจฺฉติ, ปุเพฺพปิ อปฺปปุเญฺญหิ อุปฺปาทิตสิรี ปน ปุญฺญวนฺตานํเยว ปาทมูลํ คตา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Brāhmaṇo siriyā maṇimhi patiṭṭhitabhāvaṃ ñatvā maṇimpi yāci. ‘‘Maṇimpi demī’’ti vuttakkhaṇeyeva sirī maṇito apagantvā ussīsake ṭhapitaārakkhayaṭṭhiyaṃ patiṭṭhāsi. Brāhmaṇo siriyā tattha patiṭṭhitabhāvaṃ ñatvā tampi yāci. ‘‘Gahetvā gacchāhī’’ti vuttakkhaṇeyeva sirī yaṭṭhito apagantvā puññalakkhaṇadeviyā nāma seṭṭhino aggamahesiyā sīse patiṭṭhāsi. Siricorabrāhmaṇo tattha patiṭṭhitabhāvaṃ ñatvā ‘‘avissajjiyabhaṇḍaṃ etaṃ, yācitumpi na sakkā’’ti cintetvā seṭṭhiṃ etadavoca – ‘‘mahāseṭṭhi, ahaṃ tumhākaṃ gehe ‘siriṃ thenetvā gamissāmī’ti āgacchiṃ, sirī pana te kukkuṭassa cūḷāyaṃ patiṭṭhitā ahosi, tasmiṃ mama dinne tato apagantvā maṇimhi patiṭṭhahi, maṇimhi dinne ārakkhayaṭṭhiyaṃ patiṭṭhahi, ārakkhayaṭṭhiyā dinnāya tato apagantvā puññalakkhaṇadeviyā sīse patiṭṭhahi, ‘idaṃ kho pana avissajjiyabhaṇḍa’nti imampi me na gahitaṃ, na sakkā tava siriṃ thenetuṃ, tava santakaṃ taveva hotū’’ti uṭṭhāyāsanā pakkāmi. Anāthapiṇḍiko ‘‘imaṃ kāraṇaṃ satthu kathessāmī’’ti vihāraṃ gantvā satthāraṃ pūjetvā vanditvā ekamantaṃ nisinno sabbaṃ tathāgatassa ārocesi. Satthā taṃ sutvā ‘‘na kho, gahapati, idāneva aññesaṃ sirī aññattha gacchati, pubbepi appapuññehi uppāditasirī pana puññavantānaṃyeva pādamūlaṃ gatā’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต กาสิรเฎฺฐ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา อคารํ อชฺฌาวสโนฺต มาตาปิตูนํ กาลกิริยาย สํวิโคฺค นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปเทเส อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทํ คนฺตฺวา พาราณสิรโญฺญ อุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขํ จรมาโน หตฺถาจริยสฺส ฆรทฺวารํ อคมาสิฯ โส ตสฺส อาจารวิหาเร ปสโนฺน ภิกฺขํ ทตฺวา อุยฺยาเน วสาเปตฺวา นิจฺจํ ปฎิชคฺคิฯ ตสฺมิํ กาเล เอโก กฎฺฐหารโก อรญฺญโต ทารูนิ อาหรโนฺต เวลาย นครทฺวารํ ปาปุณิตุํ นาสกฺขิฯ สายํ เอกสฺมิํ เทวกุเล ทารุกลาปํ อุสฺสีสเก กตฺวา นิปชฺชิ, เทวกุเล วิสฺสฎฺฐา พหู กุกฺกุฎา ตสฺส อวิทูเร เอกสฺมิํ รุเกฺข สยิํสุฯ เตสุ อุปริสยิตกุกฺกุโฎ ปจฺจูสกาเล วจฺจํ ปาเตโนฺต เหฎฺฐาสยิตกุกฺกุฎสฺส สรีเร ปาเตสิฯ ‘‘เกน เม สรีเร วจฺจํ ปาติต’’นฺติ จ วุเตฺต ‘‘มยา’’ติ อาหฯ ‘‘กิํการณา’’ติ จ วุเตฺต ‘‘อนุปธาเรตฺวา’’ติ วตฺวา ปุนปิ ปาเตสิฯ ตโต อุโภปิ อญฺญมญฺญํ กุทฺธา ‘‘กิํ เต พลํ, กิํ เต พล’’นฺติ กลหํ กริํสุฯ อถ เหฎฺฐาสยิตกุกฺกุโฎ อาห – ‘‘มํ มาเรตฺวา องฺคาเร ปกฺกมํสํ ขาทโนฺต ปาโตว กหาปณสหสฺสํ ลภตี’’ติฯ อุปริสยิตกุกฺกุโฎ อาห – ‘‘อโมฺภ, มา ตฺวํ เอตฺตเกน คชฺชิ, มม ถูลมํสํ ขาทโนฺต ราชา โหติ, พหิมํสํ ขาทโนฺต ปุริโส เจ, เสนาปติฎฺฐานํ, อิตฺถี เจ, อคฺคมเหสิฎฺฐานํ ลภติฯ อฎฺฐิมํสํ ปน เม ขาทโนฺต คิหี เจ, ภณฺฑาคาริกฎฺฐานํ, ปพฺพชิโต เจ, ราชกุลูปกภาวํ ลภตี’’ติฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto kāsiraṭṭhe brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto takkasilāyaṃ sippaṃ uggaṇhitvā agāraṃ ajjhāvasanto mātāpitūnaṃ kālakiriyāya saṃviggo nikkhamitvā himavantapadese isipabbajjaṃ pabbajitvā abhiññā ca samāpattiyo ca uppādetvā dīghassa addhuno accayena loṇambilasevanatthāya janapadaṃ gantvā bārāṇasirañño uyyāne vasitvā punadivase bhikkhaṃ caramāno hatthācariyassa gharadvāraṃ agamāsi. So tassa ācāravihāre pasanno bhikkhaṃ datvā uyyāne vasāpetvā niccaṃ paṭijaggi. Tasmiṃ kāle eko kaṭṭhahārako araññato dārūni āharanto velāya nagaradvāraṃ pāpuṇituṃ nāsakkhi. Sāyaṃ ekasmiṃ devakule dārukalāpaṃ ussīsake katvā nipajji, devakule vissaṭṭhā bahū kukkuṭā tassa avidūre ekasmiṃ rukkhe sayiṃsu. Tesu uparisayitakukkuṭo paccūsakāle vaccaṃ pātento heṭṭhāsayitakukkuṭassa sarīre pātesi. ‘‘Kena me sarīre vaccaṃ pātita’’nti ca vutte ‘‘mayā’’ti āha. ‘‘Kiṃkāraṇā’’ti ca vutte ‘‘anupadhāretvā’’ti vatvā punapi pātesi. Tato ubhopi aññamaññaṃ kuddhā ‘‘kiṃ te balaṃ, kiṃ te bala’’nti kalahaṃ kariṃsu. Atha heṭṭhāsayitakukkuṭo āha – ‘‘maṃ māretvā aṅgāre pakkamaṃsaṃ khādanto pātova kahāpaṇasahassaṃ labhatī’’ti. Uparisayitakukkuṭo āha – ‘‘ambho, mā tvaṃ ettakena gajji, mama thūlamaṃsaṃ khādanto rājā hoti, bahimaṃsaṃ khādanto puriso ce, senāpatiṭṭhānaṃ, itthī ce, aggamahesiṭṭhānaṃ labhati. Aṭṭhimaṃsaṃ pana me khādanto gihī ce, bhaṇḍāgārikaṭṭhānaṃ, pabbajito ce, rājakulūpakabhāvaṃ labhatī’’ti.
กฎฺฐหารโก เตสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘รเชฺช ปเตฺต สหเสฺสน กิจฺจํ นตฺถี’’ติ สณิกํ อภิรุหิตฺวา อุปริสยิตกุกฺกุฎํ คเหตฺวา มาเรตฺวา อุจฺฉเงฺค กตฺวา ‘‘ราชา ภวิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา วิวฎทฺวาเรเนว นครํ ปวิสิตฺวา กุกฺกุฎํ นิตฺตจํ กตฺวา อุทรํ โสเธตฺวา ‘‘อิทํ กุกฺกุฎมํสํ สาธุกํ สมฺปาเทหี’’ติ ปชาปติยา อทาสิฯ สา กุกฺกุฎมํสญฺจ ภตฺตญฺจ สมฺปาเทตฺวา ‘‘ภุญฺช, สามี’’ติ ตสฺส อุปนาเมสิฯ ‘‘ภเทฺท, เอตํ มํสํ มหานุภาวํ, เอตํ ขาทิตฺวา อหํ ราชา ภวิสฺสามิ, ตฺวํ อคฺคมเหสี ภวิสฺสสิ, ตํ ภตฺตญฺจ มํสญฺจ อาทาย คงฺคาตีรํ คนฺตฺวา นฺหายิตฺวา ภุญฺชิสฺสามา’’ติ ภตฺตภาชนํ ตีเร ฐเปตฺวา นฺหานตฺถาย โอตริํสุฯ ตสฺมิํ ขเณ วาเตน ขุภิตํ อุทกํ อาคนฺตฺวา ภตฺตภาชนํ อาทาย อคมาสิฯ ตํ นทีโสเตน วุยฺหมานํ เหฎฺฐานทิยํ หตฺถิํ นฺหาเปโนฺต เอโก หตฺถาจริโย มหามโตฺต ทิสฺวา อุกฺขิปาเปตฺวา วิวราเปตฺวา ‘‘กิเมตฺถา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ภตฺตเญฺจว กุกฺกุฎมํสญฺจ สามี’’ติฯ โส ตํ ปิทหาเปตฺวา ลญฺฉาเปตฺวา ‘‘ยาว มยํ อาคจฺฉาม, ตาวิมํ ภตฺตํ มา วิวรา’’ติ ภริยาย เปเสสิฯ โสปิ โข กฎฺฐหารโก มุขโต ปวิเฎฺฐน วาลุโกทเกน อุทฺธุมาตอุทโร ปลายิฯ
Kaṭṭhahārako tesaṃ vacanaṃ sutvā ‘‘rajje patte sahassena kiccaṃ natthī’’ti saṇikaṃ abhiruhitvā uparisayitakukkuṭaṃ gahetvā māretvā ucchaṅge katvā ‘‘rājā bhavissāmī’’ti gantvā vivaṭadvāreneva nagaraṃ pavisitvā kukkuṭaṃ nittacaṃ katvā udaraṃ sodhetvā ‘‘idaṃ kukkuṭamaṃsaṃ sādhukaṃ sampādehī’’ti pajāpatiyā adāsi. Sā kukkuṭamaṃsañca bhattañca sampādetvā ‘‘bhuñja, sāmī’’ti tassa upanāmesi. ‘‘Bhadde, etaṃ maṃsaṃ mahānubhāvaṃ, etaṃ khāditvā ahaṃ rājā bhavissāmi, tvaṃ aggamahesī bhavissasi, taṃ bhattañca maṃsañca ādāya gaṅgātīraṃ gantvā nhāyitvā bhuñjissāmā’’ti bhattabhājanaṃ tīre ṭhapetvā nhānatthāya otariṃsu. Tasmiṃ khaṇe vātena khubhitaṃ udakaṃ āgantvā bhattabhājanaṃ ādāya agamāsi. Taṃ nadīsotena vuyhamānaṃ heṭṭhānadiyaṃ hatthiṃ nhāpento eko hatthācariyo mahāmatto disvā ukkhipāpetvā vivarāpetvā ‘‘kimetthā’’ti pucchi. ‘‘Bhattañceva kukkuṭamaṃsañca sāmī’’ti. So taṃ pidahāpetvā lañchāpetvā ‘‘yāva mayaṃ āgacchāma, tāvimaṃ bhattaṃ mā vivarā’’ti bhariyāya pesesi. Sopi kho kaṭṭhahārako mukhato paviṭṭhena vālukodakena uddhumātaudaro palāyi.
อเถโก ตสฺส หตฺถาจริยสฺส กุลูปโก ทิพฺพจกฺขุกตาปโส ‘‘มยฺหํ อุปฎฺฐาโก หตฺถิฎฺฐานํ น วิชหติ, กทา นุ โข สมฺปตฺติํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา อุปธาเรโนฺต ตํ ปุริสํ ทิสฺวา ตํ การณํ ญตฺวา ปุเรตรํ คนฺตฺวา หตฺถาจริยสฺส นิเวสเน นิสีทิฯ หตฺถาจริโย อาคนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน ตํ ภตฺตภาชนํ อาหราเปตฺวา ‘‘ตาปสํ มํโสทเนน ปริวิสถา’’ติ อาหฯ ตาปโส ภตฺตํ คเหตฺวา มํเส ทียมาเน อคฺคเหตฺวา ‘‘อิมํ มํสํ อหํ วิจาเรมี’’ติ วตฺวา ‘‘วิจาเรถ , ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ถูลมํสาทีนิ เอเกกํ โกฎฺฐาสํ กาเรตฺวา ถูลมํสํ หตฺถาจริยสฺส ทาเปสิ, พหิมํสํ ตสฺส ภริยาย, อฎฺฐิมํสํ อตฺตนา ปริภุญฺชิฯ โส ภตฺตกิจฺจาวสาเน คจฺฉโนฺต ‘‘ตฺวํ อิโต ตติยทิวเส ราชา ภวิสฺสสิ, อปฺปมโตฺต โหหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิฯ ตติยทิวเส เอโก สามนฺตราชา อาคนฺตฺวา พาราณสิํ ปริวาเรสิฯ พาราณสิราชา หตฺถาจริยํ ราชเวสํ คาหาเปตฺวา ‘‘หตฺถิํ อภิรุหิตฺวา ยุชฺฌา’’ติ อาณาเปตฺวา สยํ อญฺญาตกเวเสน เสนาย วิจาเรโนฺต เอเกน มหาเวเคน สเรน วิโทฺธ ตงฺขณเญฺญว มริฯ ตสฺส มตภาวํ ญตฺวา หตฺถาจริโย พหู กหาปเณ นีหราเปตฺวา ‘‘ธนตฺถิกา ปุรโต หุตฺวา ยุชฺฌนฺตู’’ติ เภริํ จราเปสิฯ พลกาโย มุหุเตฺตเนว สามนฺตราชานํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิฯ อมจฺจา รโญฺญ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ‘‘กํ ราชานํ กโรมา’’ติ มนฺตยมานา ‘‘อมฺหากํ ราชา ชีวมาโน อตฺตโน เวสํ หตฺถาจริยสฺส อทาสิ, อยเมว ยุทฺธํ กตฺวา รชฺชํ คณฺหิ, เอตเสฺสว รชฺชํ ทสฺสามา’’ติ ตํ รเชฺชน อภิสิญฺจิํสุ, ภริยมฺปิสฺส อคฺคมเหสิํ อกํสุฯ โพธิสโตฺต ราชกุลูปโก อโหสิฯ
Atheko tassa hatthācariyassa kulūpako dibbacakkhukatāpaso ‘‘mayhaṃ upaṭṭhāko hatthiṭṭhānaṃ na vijahati, kadā nu kho sampattiṃ pāpuṇissatī’’ti dibbacakkhunā upadhārento taṃ purisaṃ disvā taṃ kāraṇaṃ ñatvā puretaraṃ gantvā hatthācariyassa nivesane nisīdi. Hatthācariyo āgantvā taṃ vanditvā ekamantaṃ nisinno taṃ bhattabhājanaṃ āharāpetvā ‘‘tāpasaṃ maṃsodanena parivisathā’’ti āha. Tāpaso bhattaṃ gahetvā maṃse dīyamāne aggahetvā ‘‘imaṃ maṃsaṃ ahaṃ vicāremī’’ti vatvā ‘‘vicāretha , bhante’’ti vutte thūlamaṃsādīni ekekaṃ koṭṭhāsaṃ kāretvā thūlamaṃsaṃ hatthācariyassa dāpesi, bahimaṃsaṃ tassa bhariyāya, aṭṭhimaṃsaṃ attanā paribhuñji. So bhattakiccāvasāne gacchanto ‘‘tvaṃ ito tatiyadivase rājā bhavissasi, appamatto hohī’’ti vatvā pakkāmi. Tatiyadivase eko sāmantarājā āgantvā bārāṇasiṃ parivāresi. Bārāṇasirājā hatthācariyaṃ rājavesaṃ gāhāpetvā ‘‘hatthiṃ abhiruhitvā yujjhā’’ti āṇāpetvā sayaṃ aññātakavesena senāya vicārento ekena mahāvegena sarena viddho taṅkhaṇaññeva mari. Tassa matabhāvaṃ ñatvā hatthācariyo bahū kahāpaṇe nīharāpetvā ‘‘dhanatthikā purato hutvā yujjhantū’’ti bheriṃ carāpesi. Balakāyo muhutteneva sāmantarājānaṃ jīvitakkhayaṃ pāpesi. Amaccā rañño sarīrakiccaṃ katvā ‘‘kaṃ rājānaṃ karomā’’ti mantayamānā ‘‘amhākaṃ rājā jīvamāno attano vesaṃ hatthācariyassa adāsi, ayameva yuddhaṃ katvā rajjaṃ gaṇhi, etasseva rajjaṃ dassāmā’’ti taṃ rajjena abhisiñciṃsu, bhariyampissa aggamahesiṃ akaṃsu. Bodhisatto rājakulūpako ahosi.
สตฺถา อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา อิมา เทฺว คาถา อภาสิ –
Satthā atītaṃ āharitvā abhisambuddho hutvā imā dve gāthā abhāsi –
๑๐๐.
100.
‘‘ยํ อุสฺสุกา สงฺฆรนฺติ, อลกฺขิกา พหุํ ธนํ;
‘‘Yaṃ ussukā saṅgharanti, alakkhikā bahuṃ dhanaṃ;
สิปฺปวโนฺต อสิปฺปา จ, ลกฺขิวา ตานิ ภุญฺชติฯ
Sippavanto asippā ca, lakkhivā tāni bhuñjati.
๑๐๑.
101.
‘‘สพฺพตฺถ กตปุญฺญสฺส, อติจฺจเญฺญว ปาณิโน;
‘‘Sabbattha katapuññassa, aticcaññeva pāṇino;
อุปฺปชฺชนฺติ พหู โภคา, อปฺปนายตเนสุปี’’ติฯ
Uppajjanti bahū bhogā, appanāyatanesupī’’ti.
ตตฺถ ยํ อุสฺสุกาติ ยํ ธนสงฺฆรเณ อุสฺสุกฺกมาปนฺนา ฉนฺทชาตา กิเจฺฉน พหุํ ธนํ สงฺฆรนฺติฯ‘‘เย อุสฺสุกา’’ติปิ ปาโฐ, เย ปุริสา ธนสํหรเณ อุสฺสุกา หตฺถิสิปฺปาทิวเสน สิปฺปวโนฺต อสิปฺปา จ อนฺตมโส เวตเนน กมฺมํ กตฺวา พหุํ ธนํ สงฺฆรนฺตีติ อโตฺถฯ ลกฺขิวา ตานิ ภุญฺชตีติ ตานิ ‘‘พหุํ ธน’’นฺติ วุตฺตานิ ธนานิ ปุญฺญวา ปุริโส อตฺตโน ปุญฺญผลํ ปริภุญฺชโนฺต กิญฺจิ กมฺมํ อกตฺวาปิ ปริภุญฺชติฯ
Tattha yaṃ ussukāti yaṃ dhanasaṅgharaṇe ussukkamāpannā chandajātā kicchena bahuṃ dhanaṃ saṅgharanti.‘‘Ye ussukā’’tipi pāṭho, ye purisā dhanasaṃharaṇe ussukā hatthisippādivasena sippavanto asippā ca antamaso vetanena kammaṃ katvā bahuṃ dhanaṃ saṅgharantīti attho. Lakkhivā tāni bhuñjatīti tāni ‘‘bahuṃ dhana’’nti vuttāni dhanāni puññavā puriso attano puññaphalaṃ paribhuñjanto kiñci kammaṃ akatvāpi paribhuñjati.
อติจฺจเญฺญว ปาณิโนติ อติจฺจ อเญฺญ เอว ปาณิโนฯ เอว-กาโร ปุริมปเทน โยเชตโพฺพ, สพฺพเตฺถว กตปุญฺญสฺส อเญฺญ อกตปุเญฺญ สเตฺต อติกฺกมิตฺวาติ อโตฺถฯ อปฺปนายตเนสุปีติ อปิ อนายตเนสุปิ อรตนากเรสุ รตนานิ อสุวณฺณายตนาทีสุ สุวณฺณาทีนิ อหตฺถายตนาทีสุ หตฺถิอาทโยติ สวิญฺญาณกอวิญฺญาณกา พหู โภคา อุปฺปชฺชนฺติ ฯ ตตฺถ มุตฺตามณิอาทีนํ อนากเร อุปฺปตฺติยํ ทุฎฺฐคามณิอภยมหาราชสฺส วตฺถุ กเถตพฺพํฯ
Aticcaññeva pāṇinoti aticca aññe eva pāṇino. Eva-kāro purimapadena yojetabbo, sabbattheva katapuññassa aññe akatapuññe satte atikkamitvāti attho. Appanāyatanesupīti api anāyatanesupi aratanākaresu ratanāni asuvaṇṇāyatanādīsu suvaṇṇādīni ahatthāyatanādīsu hatthiādayoti saviññāṇakaaviññāṇakā bahū bhogā uppajjanti . Tattha muttāmaṇiādīnaṃ anākare uppattiyaṃ duṭṭhagāmaṇiabhayamahārājassa vatthu kathetabbaṃ.
สตฺถา ปน อิมา คาถา วตฺวา ‘‘คหปติ, อิเมสํ สตฺตานํ ปุญฺญสทิสํ อญฺญํ อายตนํ นาม นตฺถิ, ปุญฺญวนฺตานญฺหิ อนากเรสุ รตนานิ อุปฺปชฺชนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมํ เทเสสิ –
Satthā pana imā gāthā vatvā ‘‘gahapati, imesaṃ sattānaṃ puññasadisaṃ aññaṃ āyatanaṃ nāma natthi, puññavantānañhi anākaresu ratanāni uppajjantiyevā’’ti vatvā imaṃ dhammaṃ desesi –
‘‘เอส เทวมนุสฺสานํ, สพฺพกามทโท นิธิ;
‘‘Esa devamanussānaṃ, sabbakāmadado nidhi;
ยํ ยเทวาภิปเตฺถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภติฯ
Yaṃ yadevābhipatthenti, sabbametena labbhati.
‘‘สุวณฺณตา สุสรตา, สุสณฺฐานา สุรูปตา;
‘‘Suvaṇṇatā susaratā, susaṇṭhānā surūpatā;
อาธิปจฺจปริวาโร, สพฺพเมเตน ลพฺภติฯ
Ādhipaccaparivāro, sabbametena labbhati.
‘‘ปเทสรชฺชํ อิสฺสริยํ, จกฺกวตฺติสุขํ ปิยํ;
‘‘Padesarajjaṃ issariyaṃ, cakkavattisukhaṃ piyaṃ;
เทวรชฺชมฺปิ ทิเพฺพสุ, สพฺพเมเตน ลพฺภติฯ
Devarajjampi dibbesu, sabbametena labbhati.
‘‘มานุสฺสิกา จ สมฺปตฺติ, เทวโลเก จ ยา รติ;
‘‘Mānussikā ca sampatti, devaloke ca yā rati;
ยา จ นิพฺพานสมฺปตฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภติฯ
Yā ca nibbānasampatti, sabbametena labbhati.
‘‘มิตฺตสมฺปทมาคมฺม, โยนิโสว ปยุญฺชโต;
‘‘Mittasampadamāgamma, yonisova payuñjato;
วิชฺชาวิมุตฺติวสีภาโว, สพฺพเมเตน ลพฺภติฯ
Vijjāvimuttivasībhāvo, sabbametena labbhati.
‘‘ปฎิสมฺภิทา วิโมกฺขา จ, ยา จ สาวกปารมี;
‘‘Paṭisambhidā vimokkhā ca, yā ca sāvakapāramī;
ปเจฺจกโพธิ พุทฺธภูมิ, สพฺพเมเตน ลพฺภติฯ
Paccekabodhi buddhabhūmi, sabbametena labbhati.
‘‘เอวํ มหตฺถิกา เอสา, ยทิทํ ปุญฺญสมฺปทา;
‘‘Evaṃ mahatthikā esā, yadidaṃ puññasampadā;
ตสฺมา ธีรา ปสํสนฺติ, ปณฺฑิตา กตปุญฺญต’’นฺติฯ (ขุ. ปา. ๘.๑๐-๑๖);
Tasmā dhīrā pasaṃsanti, paṇḍitā katapuññata’’nti. (khu. pā. 8.10-16);
อิทานิ เยสุ อนาถปิณฺฑิกสฺส สิรี ปติฎฺฐิตา, ตานิ รตนานิ ทเสฺสตุํ ‘‘กุกฺกุโฎ’’ติอาทิมาหฯ
Idāni yesu anāthapiṇḍikassa sirī patiṭṭhitā, tāni ratanāni dassetuṃ ‘‘kukkuṭo’’tiādimāha.
๑๐๒.
102.
‘‘กุกฺกุโฎ มณโย ทโณฺฑ, ถิโย จ ปุญฺญลกฺขณา;
‘‘Kukkuṭo maṇayo daṇḍo, thiyo ca puññalakkhaṇā;
อุปฺปชฺชนฺติ อปาปสฺส, กตปุญฺญสฺส ชนฺตุโน’’ติฯ
Uppajjanti apāpassa, katapuññassa jantuno’’ti.
ตตฺถ ทโณฺฑติ อารกฺขยฎฺฐิํ สนฺธาย วุตฺตํ, ถิโยติ เสฎฺฐิภริยํ ปุญฺญลกฺขณเทวิํฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ คาถํ วตฺวา จ ปน ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, กุลูปกตาปโส ปน อหเมว สมฺมาสมฺพุโทฺธ อโหสิ’’นฺติฯ
Tattha daṇḍoti ārakkhayaṭṭhiṃ sandhāya vuttaṃ, thiyoti seṭṭhibhariyaṃ puññalakkhaṇadeviṃ. Sesamettha uttānameva. Gāthaṃ vatvā ca pana jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā rājā ānando ahosi, kulūpakatāpaso pana ahameva sammāsambuddho ahosi’’nti.
สิริชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ
Sirijātakavaṇṇanā catutthā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๘๔. สิริชาตกํ • 284. Sirijātakaṃ