Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๑๐. สิริมเตฺถรคาถาวณฺณนา

    10. Sirimattheragāthāvaṇṇanā

    ปเร จ นํ ปสํสนฺตีติ อายสฺมโต สิริมเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตภวเน ฐิตกาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฎุภานํ สกฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย เนกฺขมฺมชฺฌาสยตาย กาเม ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จตุราสีติสหสฺสปริมาเณน ตาปสคเณน ปริวุโต หิมวนฺตปฺปเทเส เทวตาภินิมฺมิเต อสฺสเม ฌานาภิญฺญาโย นิพฺพเตฺตตฺวา วสโนฺต ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการตาย ลกฺขณมเนฺตสุ อาคตนิยาเมน จ พุทฺธคุเณ อนุสฺสริตฺวา อตีเต พุเทฺธ อุทฺทิสฺส อญฺญตรสฺมิํ นทีนิวตฺตเน ปุลินเจติยํ กตฺวา ปูชาสกฺการาภิรโต อโหสิฯ ตํ ทิสฺวา ตาปสา, ‘‘กํ อุทฺทิสฺส อยํ ปูชาสกฺกาโร กรียตี’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ โส เตสํ ลกฺขณมเนฺต อาหริตฺวา ตตฺถ อาคตานิ มหาปุริสลกฺขณานิ วิภชิตฺวา ตทนุสาเรน อตฺตโน พเล ฐตฺวา พุทฺธคุเณ กิเตฺตสิฯ ตํ สุตฺวา เตปิ ตาปสา ปสนฺนมานสา ตโต ปฎฺฐาย สมฺมาสมฺพุทฺธํ อุทฺทิสฺส ถูปปูชํ กโรนฺตา วิหรนฺติฯ

    Pare ca naṃ pasaṃsantīti āyasmato sirimattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato pāramiyo pūretvā tusitabhavane ṭhitakāle brāhmaṇakule nibbattitvā viññutaṃ patto tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū sanighaṇḍukeṭubhānaṃ sakkharappabhedānaṃ itihāsapañcamānaṃ padako veyyākaraṇo lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu anavayo nekkhammajjhāsayatāya kāme pahāya tāpasapabbajjaṃ pabbajitvā caturāsītisahassaparimāṇena tāpasagaṇena parivuto himavantappadese devatābhinimmite assame jhānābhiññāyo nibbattetvā vasanto purimabuddhesu katādhikāratāya lakkhaṇamantesu āgataniyāmena ca buddhaguṇe anussaritvā atīte buddhe uddissa aññatarasmiṃ nadīnivattane pulinacetiyaṃ katvā pūjāsakkārābhirato ahosi. Taṃ disvā tāpasā, ‘‘kaṃ uddissa ayaṃ pūjāsakkāro karīyatī’’ti pucchiṃsu. So tesaṃ lakkhaṇamante āharitvā tattha āgatāni mahāpurisalakkhaṇāni vibhajitvā tadanusārena attano bale ṭhatvā buddhaguṇe kittesi. Taṃ sutvā tepi tāpasā pasannamānasā tato paṭṭhāya sammāsambuddhaṃ uddissa thūpapūjaṃ karontā viharanti.

    เตน จ สมเยน ปทุมุตฺตรโพธิสโตฺต ตุสิตกายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกโนฺต โหติฯ จริมภเว ทฺวตฺติํส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ , สเพฺพ จ อจฺฉริยพฺภูตธมฺมาฯ ตาปโส ตานิ อเนฺตวาสิกานํ ทเสฺสตฺวา ภิโยฺยโสมตฺตาย สมฺมาสมฺพุเทฺธสุ เตสํ ปสาทํ วเฑฺฒตฺวา กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เตหิ อตฺตโน สรีรสฺส ปูชาย กรียมานาย ทิสฺสมานรูโป อาคนฺตฺวา, ‘‘อหํ ตุมฺหากํ อาจริโย พฺรหฺมโลเก นิพฺพโตฺต, ตุเมฺห อปฺปมตฺตา ปุลินเจติยปูชมนุยุญฺชถ, ภาวนาย จ ยุตฺตปฺปยุตฺตา โหถา’’ติ วตฺวา พฺรหฺมโลกเมว คโตฯ

    Tena ca samayena padumuttarabodhisatto tusitakāyā cavitvā mātukucchiṃ okkanto hoti. Carimabhave dvattiṃsa pubbanimittāni pāturahesuṃ , sabbe ca acchariyabbhūtadhammā. Tāpaso tāni antevāsikānaṃ dassetvā bhiyyosomattāya sammāsambuddhesu tesaṃ pasādaṃ vaḍḍhetvā kālaṃ katvā brahmaloke nibbattitvā tehi attano sarīrassa pūjāya karīyamānāya dissamānarūpo āgantvā, ‘‘ahaṃ tumhākaṃ ācariyo brahmaloke nibbatto, tumhe appamattā pulinacetiyapūjamanuyuñjatha, bhāvanāya ca yuttappayuttā hothā’’ti vatvā brahmalokameva gato.

    เอวํ โส เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ คหปติกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส ชาตทิวสโต ปฎฺฐาย ตสฺมิํ กุเล สิริสมฺปตฺติยา วฑฺฒมานตฺตา สิริมาเตฺวว นามํ อกํสุฯ ตสฺส ปทสา คมนกาเล กนิฎฺฐภาตา นิพฺพตฺติ, ตสฺส ‘‘อยํ สิริํ วเฑฺฒโนฺต ชาโต’’ติ สิริวโฑฺฒติ นามํ อกํสุฯ เต อุโภปิ เชตวนปฺปฎิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฎิลทฺธสทฺธา ปพฺพชิํสุฯ เตสุ สิริวโฑฺฒ น ตาว อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส ลาภี อโหสิ, จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ลาภี, คหฎฺฐปพฺพชิตานํ สกฺกโต ครุกโต, สิริมเตฺถโร ปน ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย ตาทิเสน กมฺมจฺฉิเทฺทน อปฺปลาภี อโหสิ พหุชนาสมฺภาวิโต, สมถวิปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรโนฺต นจิรเสฺสว ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๑๑๑-๑๔๗) –

    Evaṃ so devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ gahapatikule nibbatti, tassa jātadivasato paṭṭhāya tasmiṃ kule sirisampattiyā vaḍḍhamānattā sirimātveva nāmaṃ akaṃsu. Tassa padasā gamanakāle kaniṭṭhabhātā nibbatti, tassa ‘‘ayaṃ siriṃ vaḍḍhento jāto’’ti sirivaḍḍhoti nāmaṃ akaṃsu. Te ubhopi jetavanappaṭiggahaṇe buddhānubhāvaṃ disvā paṭiladdhasaddhā pabbajiṃsu. Tesu sirivaḍḍho na tāva uttarimanussadhammassa lābhī ahosi, catunnaṃ paccayānaṃ lābhī, gahaṭṭhapabbajitānaṃ sakkato garukato, sirimatthero pana pabbajitakālato paṭṭhāya tādisena kammacchiddena appalābhī ahosi bahujanāsambhāvito, samathavipassanāsu kammaṃ karonto nacirasseva chaḷabhiñño ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.49.111-147) –

    ‘‘ปพฺพเต หิมวนฺตมฺหิ, เทวโล นาม ตาปโส;

    ‘‘Pabbate himavantamhi, devalo nāma tāpaso;

    ตตฺถ เม จงฺกโม อาสิ, อมนุเสฺสหิ มาปิโตฯ

    Tattha me caṅkamo āsi, amanussehi māpito.

    ‘‘ชฎาภาเรน ภริโต, กมณฺฑลุธโร สทา;

    ‘‘Jaṭābhārena bharito, kamaṇḍaludharo sadā;

    อุตฺตมตฺถํ คเวสโนฺต, วิปินา นิกฺขมิํ ตทาฯ

    Uttamatthaṃ gavesanto, vipinā nikkhamiṃ tadā.

    ‘‘จุลฺลาสีติสหสฺสานิ, สิสฺสา มยฺหํ อุปฎฺฐหุํ;

    ‘‘Cullāsītisahassāni, sissā mayhaṃ upaṭṭhahuṃ;

    สกกมฺมาภิปสุตา, วสนฺติ วิปิเน ตทาฯ

    Sakakammābhipasutā, vasanti vipine tadā.

    ‘‘อสฺสมา อภินิกฺขมฺม, อกํ ปุลินเจติยํ;

    ‘‘Assamā abhinikkhamma, akaṃ pulinacetiyaṃ;

    นานาปุปฺผํ สมาเนตฺวา, ตํ เจติยมปูชยิํฯ

    Nānāpupphaṃ samānetvā, taṃ cetiyamapūjayiṃ.

    ‘‘ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, อสฺสมํ ปวิสามหํ;

    ‘‘Tattha cittaṃ pasādetvā, assamaṃ pavisāmahaṃ;

    สเพฺพ สิสฺสา สมาคนฺตฺวา, เอตมตฺถํ ปุจฺฉิํสุ มํฯ

    Sabbe sissā samāgantvā, etamatthaṃ pucchiṃsu maṃ.

    ‘‘ปุลิเนน กโต ถูโป, ยํ ตฺวํ เทว นมสฺสสิ;

    ‘‘Pulinena kato thūpo, yaṃ tvaṃ deva namassasi;

    มยมฺปิ ญาตุมิจฺฉาม, ปุโฎฺฐ อาจิกฺข โน ตุวํฯ

    Mayampi ñātumicchāma, puṭṭho ācikkha no tuvaṃ.

    ‘‘นิทฺทิฎฺฐา นุ มนฺตปเท, จกฺขุมโนฺต มหายสา;

    ‘‘Niddiṭṭhā nu mantapade, cakkhumanto mahāyasā;

    เต โข อหํ นมสฺสามิ, พุทฺธเสเฎฺฐ มหายเสฯ

    Te kho ahaṃ namassāmi, buddhaseṭṭhe mahāyase.

    ‘‘กีทิสา เต มหาวีรา, สพฺพญฺญู โลกนายกา;

    ‘‘Kīdisā te mahāvīrā, sabbaññū lokanāyakā;

    กถํวณฺณา กถํสีลา, กีทิสา เต มหายสาฯ

    Kathaṃvaṇṇā kathaṃsīlā, kīdisā te mahāyasā.

    ‘‘พาตฺติํสลกฺขณา พุทฺธา, จตฺตาลีสทิชาปิ จ;

    ‘‘Bāttiṃsalakkhaṇā buddhā, cattālīsadijāpi ca;

    เนตฺตา โคปขุมา เตสํ, ชิญฺชุกา ผลสนฺนิภาฯ

    Nettā gopakhumā tesaṃ, jiñjukā phalasannibhā.

    ‘‘คจฺฉมานา จ เต พุทฺธา, ยุคมตฺตญฺจ เปกฺขเร;

    ‘‘Gacchamānā ca te buddhā, yugamattañca pekkhare;

    น เตสํ ชาณุ นทติ, สนฺธิสโทฺท น สุยฺยติฯ

    Na tesaṃ jāṇu nadati, sandhisaddo na suyyati.

    ‘‘คจฺฉมานา จ สุคตา, อุทฺธรนฺตาว คจฺฉเร;

    ‘‘Gacchamānā ca sugatā, uddharantāva gacchare;

    ปฐมํ ทกฺขิณํ ปาทํ, พุทฺธานํ เอส ธมฺมตาฯ

    Paṭhamaṃ dakkhiṇaṃ pādaṃ, buddhānaṃ esa dhammatā.

    ‘‘อสมฺภีตา จ เต พุทฺธา, มิคราชาว เกสรี;

    ‘‘Asambhītā ca te buddhā, migarājāva kesarī;

    เนวุกฺกํเสนฺติ อตฺตานํ, โน จ วเมฺภนฺติ ปาณินํฯ

    Nevukkaṃsenti attānaṃ, no ca vambhenti pāṇinaṃ.

    ‘‘มานาวมานโต มุตฺตา, สมา สเพฺพสุ ปาณิสุ;

    ‘‘Mānāvamānato muttā, samā sabbesu pāṇisu;

    อนตฺตุกฺกํสกา พุทฺธา, พุทฺธานํ เอส ธมฺมตาฯ

    Anattukkaṃsakā buddhā, buddhānaṃ esa dhammatā.

    ‘‘อุปฺปชฺชนฺตา จ สมฺพุทฺธา, อาโลกํ ทสฺสยนฺติ เต;

    ‘‘Uppajjantā ca sambuddhā, ālokaṃ dassayanti te;

    ฉปฺปการํ ปกเมฺปนฺติ, เกวลํ วสุธํ อิมํฯ

    Chappakāraṃ pakampenti, kevalaṃ vasudhaṃ imaṃ.

    ‘‘ปสฺสนฺติ นิรยเญฺจเต, นิพฺพาติ นิรโย ตทา;

    ‘‘Passanti nirayañcete, nibbāti nirayo tadā;

    ปวสฺสติ มหาเมโฆ, พุทฺธานํ เอส ธมฺมตาฯ

    Pavassati mahāmegho, buddhānaṃ esa dhammatā.

    ‘‘อีทิสา เต มหานาคา, อตุลา จ มหายสา;

    ‘‘Īdisā te mahānāgā, atulā ca mahāyasā;

    วณฺณโต อนติกฺกนฺตา, อปฺปเมยฺยา ตถาคตาฯ

    Vaṇṇato anatikkantā, appameyyā tathāgatā.

    ‘‘อนุโมทิํสุ เม วากฺยํ, สเพฺพ สิสฺสา สคารวา;

    ‘‘Anumodiṃsu me vākyaṃ, sabbe sissā sagāravā;

    ตถา จ ปฎิปชฺชิํสุ, ยถาสตฺติ ยถาพลํฯ

    Tathā ca paṭipajjiṃsu, yathāsatti yathābalaṃ.

    ‘‘ปฎิปูเชนฺติ ปุลินํ, สกกมฺมาภิลาสิโน;

    ‘‘Paṭipūjenti pulinaṃ, sakakammābhilāsino;

    สทฺทหนฺตา มม วากฺยํ, พุทฺธสกฺกตมานสาฯ

    Saddahantā mama vākyaṃ, buddhasakkatamānasā.

    ‘‘ตทา จวิตฺวา ตุสิตา, เทวปุโตฺต มหายโส;

    ‘‘Tadā cavitvā tusitā, devaputto mahāyaso;

    อุปฺปชฺชิ มาตุกุจฺฉิมฺหิ, ทสสหสฺสิ กมฺปถฯ

    Uppajji mātukucchimhi, dasasahassi kampatha.

    ‘‘อสฺสมสฺสาวิทูรมฺหิ, จงฺกมมฺหิ ฐิโต อหํ;

    ‘‘Assamassāvidūramhi, caṅkamamhi ṭhito ahaṃ;

    สเพฺพ สิสฺสา สมาคนฺตฺวา, อาคจฺฉุํ มม สนฺติเกฯ

    Sabbe sissā samāgantvā, āgacchuṃ mama santike.

    ‘‘อุสโภว มหี นทติ, มิคราชาว กูชติ;

    ‘‘Usabhova mahī nadati, migarājāva kūjati;

    สุสุมาโรว สฬติ, กิํ วิปาโก ภวิสฺสติฯ

    Susumārova saḷati, kiṃ vipāko bhavissati.

    ‘‘ยํ ปกิเตฺตมิ สมฺพุทฺธํ, สิกตาถูปสนฺติเก;

    ‘‘Yaṃ pakittemi sambuddhaṃ, sikatāthūpasantike;

    โส ทานิ ภควา สตฺถา, มาตุกุจฺฉิมุปาคมิฯ

    So dāni bhagavā satthā, mātukucchimupāgami.

    ‘‘เตสํ ธมฺมกถํ วตฺวา, กิตฺตยิตฺวา มหามุนิํ;

    ‘‘Tesaṃ dhammakathaṃ vatvā, kittayitvā mahāmuniṃ;

    อุโยฺยเชตฺวา สเก สิเสฺส, ปลฺลงฺกมาภุชิํ อหํฯ

    Uyyojetvā sake sisse, pallaṅkamābhujiṃ ahaṃ.

    ‘‘พลญฺจ วต เม ขีณํ, พฺยาธินา ปรเมน ตํ;

    ‘‘Balañca vata me khīṇaṃ, byādhinā paramena taṃ;

    พุทฺธเสฎฺฐํ สริตฺวาน, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํฯ

    Buddhaseṭṭhaṃ saritvāna, tattha kālaṅkato ahaṃ.

    ‘‘สเพฺพ สิสฺสา สมาคนฺตฺวา, อกํสุ จิตกํ ตทา;

    ‘‘Sabbe sissā samāgantvā, akaṃsu citakaṃ tadā;

    กเฬวรญฺจ เม คยฺห, จิตกํ อภิโรปยุํฯ

    Kaḷevarañca me gayha, citakaṃ abhiropayuṃ.

    ‘‘จิตกํ ปริวาเรตฺวา, สีเส กตฺวาน อญฺชลิํ;

    ‘‘Citakaṃ parivāretvā, sīse katvāna añjaliṃ;

    โสกสลฺลปเรตา เต, วิกฺกนฺทิํสุ สมาคตาฯ

    Sokasallaparetā te, vikkandiṃsu samāgatā.

    ‘‘เตสํ ลาลปฺปมานานํ, อคมํ จิตกํ ตทา;

    ‘‘Tesaṃ lālappamānānaṃ, agamaṃ citakaṃ tadā;

    อหํ อาจริโย ตุมฺหํ, มา โสจิตฺถ สุเมธสาฯ

    Ahaṃ ācariyo tumhaṃ, mā socittha sumedhasā.

    ‘‘สทเตฺถ วายเมยฺยาถ, รตฺตินฺทิวมตนฺทิตา;

    ‘‘Sadatthe vāyameyyātha, rattindivamatanditā;

    มา โว ปมตฺตา อหุตฺถ, ขโณ โว ปฎิปาทิโตฯ

    Mā vo pamattā ahuttha, khaṇo vo paṭipādito.

    ‘‘สเก สิเสฺสนุสาสิตฺวา, เทวโลกํ ปุนาคมิํ;

    ‘‘Sake sissenusāsitvā, devalokaṃ punāgamiṃ;

    อฎฺฐารส จ กปฺปานิ, เทวโลเก รมามหํฯ

    Aṭṭhārasa ca kappāni, devaloke ramāmahaṃ.

    ‘‘สตานํ ปญฺจกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ;

    ‘‘Satānaṃ pañcakkhattuñca, cakkavattī ahosahaṃ;

    อเนกสตกฺขตฺตุญฺจ, เทวรชฺชมการยิํฯ

    Anekasatakkhattuñca, devarajjamakārayiṃ.

    ‘‘อวเสเสสุ กเปฺปสุ, โวกิโณฺณ สํสริํ อหํ;

    ‘‘Avasesesu kappesu, vokiṇṇo saṃsariṃ ahaṃ;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, อุปฺปาทสฺส อิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, uppādassa idaṃ phalaṃ.

    ‘‘ยถา โกมุทิเก มาเส, พหู ปุปฺผนฺติ ปาทปา;

    ‘‘Yathā komudike māse, bahū pupphanti pādapā;

    ตเถวาหมฺปิ สมเย, ปุปฺผิโตมฺหิ มเหสินาฯ

    Tathevāhampi samaye, pupphitomhi mahesinā.

    ‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺหํ, โยคเกฺขมาธิวาหนํ;

    ‘‘Vīriyaṃ me dhuradhorayhaṃ, yogakkhemādhivāhanaṃ;

    นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโวฯ

    Nāgova bandhanaṃ chetvā, viharāmi anāsavo.

    ‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, ยํ พุทฺธมภิกิตฺตยิํ;

    ‘‘Satasahassito kappe, yaṃ buddhamabhikittayiṃ;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, กิตฺตนาย อิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, kittanāya idaṃ phalaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    ฉฬภิญฺญญฺหิ สมานํ อายสฺมนฺตํ สิริมเตฺถรํ ‘‘อริโย’’ติ อชานนฺตา ปุถุชฺชนา ภิกฺขู สามเณรา จ อปฺปลาภิตาย โลกสฺส อนภิคตภาเวน อสมฺภาเวนฺตา ยํกิญฺจิ กเถตฺวา ครหนฺติฯ สิริวฑฺฒเตฺถรํ ปน ปจฺจยานํ ลาภิภาเวน โลกสฺส สกฺกตครุกตภาวโต สมฺภาเวนฺตา ปสํสนฺติฯ เถโร ‘‘อวณฺณารหสฺส นาม วณฺณภณนํ, วณฺณารหสฺส จ อวณฺณภณนํ อสฺส ปุถุชฺชนภาวสฺส โทโส’’ติ ปุถุชฺชนภาวญฺจ ครหโนฺต –

    Chaḷabhiññañhi samānaṃ āyasmantaṃ sirimattheraṃ ‘‘ariyo’’ti ajānantā puthujjanā bhikkhū sāmaṇerā ca appalābhitāya lokassa anabhigatabhāvena asambhāventā yaṃkiñci kathetvā garahanti. Sirivaḍḍhattheraṃ pana paccayānaṃ lābhibhāvena lokassa sakkatagarukatabhāvato sambhāventā pasaṃsanti. Thero ‘‘avaṇṇārahassa nāma vaṇṇabhaṇanaṃ, vaṇṇārahassa ca avaṇṇabhaṇanaṃ assa puthujjanabhāvassa doso’’ti puthujjanabhāvañca garahanto –

    ๑๕๙.

    159.

    ‘‘ปเร จ นํ ปสํสนฺติ, อตฺตา เจ อสมาหิโต;

    ‘‘Pare ca naṃ pasaṃsanti, attā ce asamāhito;

    โมฆํ ปเร ปสํสนฺติ, อตฺตา หิ อสมาหิโตฯ

    Moghaṃ pare pasaṃsanti, attā hi asamāhito.

    ๑๖๐.

    160.

    ‘‘ปเร จ นํ ครหนฺติ, อตฺตา เจ สุสมาหิโต;

    ‘‘Pare ca naṃ garahanti, attā ce susamāhito;

    โมฆํ ปเร ครหนฺติ, อตฺตา หิ สุสมาหิโต’’ติฯ

    Moghaṃ pare garahanti, attā hi susamāhito’’ti.

    – คาถาทฺวยมภาสิฯ

    – Gāthādvayamabhāsi.

    ตตฺถ ปเรติ อตฺตโต อเญฺญ ปเร นาม, อิธ ปน ปณฺฑิเตหิ อเญฺญ พาลา ปเรติ อธิเปฺปตาฯ เตสญฺหิ อชานิตฺวา อปริโยคาเหตฺวา ภาสนโต ครหา วิย ปสํสาปิ อปฺปมาณภูตาฯ นฺติ นํ ปุคฺคลํฯ ปสํสนฺตีติ อวิทฺทสุภาเวน ตณฺหาวิปนฺนตาย วา, อถ วา อภูตํเยว ปุคฺคลํ ‘‘อสุโก ภิกฺขุ ฌานลาภี, อริโย’’ติ วา อภูตคุณโรปเนน กิเตฺตนฺติ อภิตฺถวนฺติฯ โย ปเนตฺถ -สโทฺท, โส อตฺตูปนยโตฺถฯ เตน ปเร นํ ปุคฺคลํ ปสํสนฺติ จ, ตญฺจ โข เตสํ ปสํสนมตฺตํ, น ปน ตสฺมิํ ปสํสาย วตฺถุ อตฺถีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ อตฺตา เจ อสมาหิโตติ ยํ ปุคฺคลํ ปเร ปสํสนฺติ, โส เจ สยํ อสมาหิโต มคฺคสมาธินา ผลสมาธินา อุปจารปฺปนาสมาธิมเตฺตเนว วา น สมาหิโต, สมาธานสฺส ปฎิปกฺขภูตานํ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา วิกฺขิโตฺต วิพฺภนฺตจิโตฺต โหติ เจติ อโตฺถฯ ‘‘อสมาหิโต’’ติ จ เอเตน สมาธินิมิตฺตานํ คุณานํ อภาวํ ทเสฺสติฯ โมฆนฺติ ภาวนปุํสกนิเทฺทโส ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ วิยฯ ปเร ปสํสนฺตีติ เย ตํ อสมาหิตํ ปุคฺคลํ ปสํสนฺติ, เต โมฆํ มุธา อมูลกํ ปสํสนฺติฯ กสฺมา? อตฺตา หิ อสมาหิโต ยสฺมา ตสฺส ปุคฺคลสฺส จิตฺตํ อสมาหิตํ, ตสฺมาติ อโตฺถฯ

    Tattha pareti attato aññe pare nāma, idha pana paṇḍitehi aññe bālā pareti adhippetā. Tesañhi ajānitvā apariyogāhetvā bhāsanato garahā viya pasaṃsāpi appamāṇabhūtā. Nanti naṃ puggalaṃ. Pasaṃsantīti aviddasubhāvena taṇhāvipannatāya vā, atha vā abhūtaṃyeva puggalaṃ ‘‘asuko bhikkhu jhānalābhī, ariyo’’ti vā abhūtaguṇaropanena kittenti abhitthavanti. Yo panettha ca-saddo, so attūpanayattho. Tena pare naṃ puggalaṃ pasaṃsanti ca, tañca kho tesaṃ pasaṃsanamattaṃ, na pana tasmiṃ pasaṃsāya vatthu atthīti imamatthaṃ dasseti. Attā ce asamāhitoti yaṃ puggalaṃ pare pasaṃsanti, so ce sayaṃ asamāhito maggasamādhinā phalasamādhinā upacārappanāsamādhimatteneva vā na samāhito, samādhānassa paṭipakkhabhūtānaṃ kilesānaṃ appahīnattā vikkhitto vibbhantacitto hoti ceti attho. ‘‘Asamāhito’’ti ca etena samādhinimittānaṃ guṇānaṃ abhāvaṃ dasseti. Moghanti bhāvanapuṃsakaniddeso ‘‘visamaṃ candimasūriyā parivattantī’’tiādīsu viya. Pare pasaṃsantīti ye taṃ asamāhitaṃ puggalaṃ pasaṃsanti, te moghaṃ mudhā amūlakaṃ pasaṃsanti. Kasmā? Attā hi asamāhito yasmā tassa puggalassa cittaṃ asamāhitaṃ, tasmāti attho.

    ทุติยคาถายํ ครหนฺตีติ อตฺตโน อวิทฺทสุภาเวน โทสนฺตราย วา อริยํ ฌานลาภิญฺจ สมานํ ‘‘อสุโก ภิกฺขุ ชาคริยํ นานุยุญฺชติ อนฺตมโส โคทุหนมตฺตมฺปิ กาลํ เกวลํ กายทฬฺหิพหุโล นิทฺทาราโม ภสฺสาราโม สงฺคณิการาโม วิหรตี’’ติอาทินา อปฺปฎิปชฺชมานตาวิภาวเนน วา คุณปริธํสเนน วา ครหนฺติ นินฺทนฺติ, อุปโกฺกสนฺติ วาติ อโตฺถฯ เสสํ ปฐมคาถาย วุตฺตปริยาเยน เวทิตพฺพํฯ เอวํ เถเรน อิมาหิ คาถาหิ อตฺตโน นิกฺกิเลสภาเว สิริวฑฺฒสฺส จ สกิเลสภาเว ปกาสิเต ตํ สุตฺวา สิริวโฑฺฒ สํเวคชาโต วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นจิรเสฺสว สทตฺถํ ปริปูเรสิ, ครหกปุคฺคลา จ เถรํ ขมาเปสุํฯ

    Dutiyagāthāyaṃ garahantīti attano aviddasubhāvena dosantarāya vā ariyaṃ jhānalābhiñca samānaṃ ‘‘asuko bhikkhu jāgariyaṃ nānuyuñjati antamaso goduhanamattampi kālaṃ kevalaṃ kāyadaḷhibahulo niddārāmo bhassārāmo saṅgaṇikārāmo viharatī’’tiādinā appaṭipajjamānatāvibhāvanena vā guṇaparidhaṃsanena vā garahanti nindanti, upakkosanti vāti attho. Sesaṃ paṭhamagāthāya vuttapariyāyena veditabbaṃ. Evaṃ therena imāhi gāthāhi attano nikkilesabhāve sirivaḍḍhassa ca sakilesabhāve pakāsite taṃ sutvā sirivaḍḍho saṃvegajāto vipassanaṃ paṭṭhapetvā nacirasseva sadatthaṃ paripūresi, garahakapuggalā ca theraṃ khamāpesuṃ.

    สิริมเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sirimattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    ทุติยวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑๐. สิริมเตฺถรคาถา • 10. Sirimattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact