Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๔. สิวกสามเณรคาถาวณฺณนา
4. Sivakasāmaṇeragāthāvaṇṇanā
อุปชฺฌาโยติ สิวกสฺส สามเณรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? โส กิร อิโต เอกติํเส กเปฺป เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพโตฺต เอกทิวสํ เกนจิเทว กรณีเยน อรญฺญํ ปวิโฎฺฐ ตตฺถ ปพฺพตนฺตเร นิสินฺนํ เวสฺสภุํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิโตฺต อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห อฎฺฐาสิฯ ปุน ตตฺถ มโนหรานิ กาสุมาริกผลานิ ทิสฺวา ตานิ คเหตฺวา ภควโต อุปเนสิ, ปฎิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทายฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน มาตุเล ปพฺพชเนฺต เตน สทฺธิํ ปพฺพชิตฺวา พหุํ วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท วนวจฺฉเตฺถรสฺส ภาคิเนโยฺย หุตฺวา นิพฺพโตฺต, สิวโกติสฺส นามํ อโหสิฯ ตสฺส มาตา อตฺตโน เชฎฺฐภาติเก วนวเจฺฉ สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อรเญฺญ วิหรเนฺต ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต สิวก, เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา เถรํ อุปฎฺฐห, มหลฺลโก ทานิ เถโร’’ติฯ โส มาตุ เอกวจเนเนว จ ปุเพฺพ กตาธิการตาย จ มาตุลเตฺถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา ตํ อุปฎฺฐหโนฺต อรเญฺญ วสติฯ
Upajjhāyoti sivakassa sāmaṇerassa gāthā. Kā uppatti? So kira ito ekatiṃse kappe vessabhussa bhagavato kāle kulagehe nibbatto ekadivasaṃ kenacideva karaṇīyena araññaṃ paviṭṭho tattha pabbatantare nisinnaṃ vessabhuṃ bhagavantaṃ disvā pasannacitto upasaṅkamitvā vanditvā añjaliṃ paggayha aṭṭhāsi. Puna tattha manoharāni kāsumārikaphalāni disvā tāni gahetvā bhagavato upanesi, paṭiggahesi bhagavā anukampaṃ upādāya. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto kassapassa bhagavato sāsane mātule pabbajante tena saddhiṃ pabbajitvā bahuṃ vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinitvā imasmiṃ buddhuppāde vanavacchattherassa bhāgineyyo hutvā nibbatto, sivakotissa nāmaṃ ahosi. Tassa mātā attano jeṭṭhabhātike vanavacche sāsane pabbajitvā pabbajitakiccaṃ matthakaṃ pāpetvā araññe viharante taṃ pavattiṃ sutvā puttaṃ āha – ‘‘tāta sivaka, therassa santike pabbajitvā theraṃ upaṭṭhaha, mahallako dāni thero’’ti. So mātu ekavacaneneva ca pubbe katādhikāratāya ca mātulattherassa santikaṃ gantvā pabbajitvā taṃ upaṭṭhahanto araññe vasati.
ตสฺส เอกทิวสํ เกนจิเทว กรณีเยน คามนฺตํ คตสฺส ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชิฯ มนุเสฺสสุ เภสชฺชํ กโรเนฺตสุปิ น ปฎิปฺปสฺสมฺภิฯ ตสฺมิํ จิรายเนฺต เถโร ‘‘สามเณโร จิรายติ, กิํ นุ โข การณ’’นฺติ ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ คิลานํ ทิสฺวา ตสฺส ตํ ตํ กตฺตพฺพยุตฺตกํ กโรโนฺต ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา รตฺติภาเค พลวปจฺจูสเวลายํ อาห – ‘‘สิวก, น มยา ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย คาเม วสิตปุพฺพํ, อิโต อรญฺญเมว คจฺฉามา’’ติฯ ตํ สุตฺวา สิวโก ‘‘ยทิปิ เม, ภเนฺต, อิทานิ กาโย คามเนฺต ฐิโต, จิตฺตํ ปน อรเญฺญ, ตสฺมา สยาโนปิ อรญฺญเมว คมิสฺสามี’’ติ, ตํ สุตฺวา เถโร ตํ พาหายํ คเหตฺวา อรญฺญเมว เนตฺวา โอวาทํ อทาสิฯ โส เถรสฺส โอวาเท ฐตฺวา วิปสฺสิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๘.๕๓-๕๘) –
Tassa ekadivasaṃ kenacideva karaṇīyena gāmantaṃ gatassa kharo ābādho uppajji. Manussesu bhesajjaṃ karontesupi na paṭippassambhi. Tasmiṃ cirāyante thero ‘‘sāmaṇero cirāyati, kiṃ nu kho kāraṇa’’nti tattha gantvā taṃ gilānaṃ disvā tassa taṃ taṃ kattabbayuttakaṃ karonto divasabhāgaṃ vītināmetvā rattibhāge balavapaccūsavelāyaṃ āha – ‘‘sivaka, na mayā pabbajitakālato paṭṭhāya gāme vasitapubbaṃ, ito araññameva gacchāmā’’ti. Taṃ sutvā sivako ‘‘yadipi me, bhante, idāni kāyo gāmante ṭhito, cittaṃ pana araññe, tasmā sayānopi araññameva gamissāmī’’ti, taṃ sutvā thero taṃ bāhāyaṃ gahetvā araññameva netvā ovādaṃ adāsi. So therassa ovāde ṭhatvā vipassitvā arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.38.53-58) –
‘‘กณิการํว โชตนฺตํ, นิสินฺนํ ปพฺพตนฺตเร;
‘‘Kaṇikāraṃva jotantaṃ, nisinnaṃ pabbatantare;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, โลกเชฎฺฐํ นราสภํฯ
Addasaṃ virajaṃ buddhaṃ, lokajeṭṭhaṃ narāsabhaṃ.
‘‘ปสนฺนจิโตฺต สุมโน, กิเร กตฺวาน อญฺชลิํ;
‘‘Pasannacitto sumano, kire katvāna añjaliṃ;
กาสุมาริกมาทาย, พุทฺธเสฎฺฐสฺสทาสหํฯ
Kāsumārikamādāya, buddhaseṭṭhassadāsahaṃ.
‘‘เอกติํเส อิโต กเปฺป, ยํ ผลํ อททิํ ตทา;
‘‘Ekatiṃse ito kappe, yaṃ phalaṃ adadiṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, phaladānassidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
โส อรหตฺตํ ปตฺวา อุปชฺฌาเยน อตฺตนา จ วุตฺตมตฺถํ สํสนฺทิตฺวา อตฺตโน วิเวกาภิรติกตํ กตกิจฺจตญฺจ ปเวเทโนฺต ‘‘อุปชฺฌาโย มํ อวจา’’ติ คาถํ อภาสิฯ
So arahattaṃ patvā upajjhāyena attanā ca vuttamatthaṃ saṃsanditvā attano vivekābhiratikataṃ katakiccatañca pavedento ‘‘upajjhāyo maṃ avacā’’ti gāthaṃ abhāsi.
๑๔. ตตฺถ อุปชฺฌาโยติ วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายติ หิเตสิตํ ปจฺจุปฎฺฐเปตฺวา ญาณจกฺขุนา เปกฺขตีติ อุปชฺฌาโยฯ มนฺติ อตฺตานํ วทติฯ อวจาติ อภาสิฯ อิโต คจฺฉาม สีวกาติ วุตฺตาการทสฺสนํ, สิวก, อิโต คามนฺตโต อรญฺญฎฺฐานเมว เอหิ คจฺฉาม, ตเทว อมฺหากํ วสนโยคฺคนฺติ อธิปฺปาโยฯ เอวํ ปน อุปชฺฌาเยน วุโตฺต สิวโก ภโทฺร อสฺสาชานีโย วิย กสาภิหโต สญฺชาตสํเวโค หุตฺวา อรญฺญเมว คนฺตุกามตํ ปเวเทโนฺต –
14. Tattha upajjhāyoti vajjāvajjaṃ upanijjhāyati hitesitaṃ paccupaṭṭhapetvā ñāṇacakkhunā pekkhatīti upajjhāyo. Manti attānaṃ vadati. Avacāti abhāsi. Ito gacchāma sīvakāti vuttākāradassanaṃ, sivaka, ito gāmantato araññaṭṭhānameva ehi gacchāma, tadeva amhākaṃ vasanayogganti adhippāyo. Evaṃ pana upajjhāyena vutto sivako bhadro assājānīyo viya kasābhihato sañjātasaṃvego hutvā araññameva gantukāmataṃ pavedento –
‘‘คาเม เม วสติ กาโย, อรญฺญํ เม คตํ มโน;
‘‘Gāme me vasati kāyo, araññaṃ me gataṃ mano;
เสมานโกปิ คจฺฉามิ, นตฺถิ สโงฺค วิชานต’’นฺติฯ –อาห;
Semānakopi gacchāmi, natthi saṅgo vijānata’’nti. –āha;
ตสฺสโตฺถ – ยสฺมา อิทานิ ยทิปิ เม อิทํ สรีรํ คามเนฺต ฐิตํ, อชฺฌาสโย ปน อรญฺญเมว คโต, ตสฺมา เสมานโกปิ คจฺฉามิ เคลเญฺญน ฐานนิสชฺชาคมเนสุ อสมตฺถตาย สยาโนปิ อิมินา สยิตากาเรน สรีสโป วิย สรีสปโนฺต, เอถ, ภเนฺต, อรญฺญเมว คจฺฉาม, กสฺมา? นตฺถิ สโงฺค วิชานตนฺติ, ยสฺมา ธมฺมสภาวา กาเมสุ สํสาเร จ อาทีนวํ, เนกฺขเมฺม นิพฺพาเน จ อานิสํสํ ยาถาวโต ชานนฺตสฺส น กตฺถจิ สโงฺค, ตสฺมา เอกปเทเนว อุปชฺฌายสฺส อาณา อนุฐิตาติ, ตทปเทเสน อญฺญํ พฺยากาสิฯ
Tassattho – yasmā idāni yadipi me idaṃ sarīraṃ gāmante ṭhitaṃ, ajjhāsayo pana araññameva gato, tasmā semānakopi gacchāmi gelaññena ṭhānanisajjāgamanesu asamatthatāya sayānopi iminā sayitākārena sarīsapo viya sarīsapanto, etha, bhante, araññameva gacchāma, kasmā? Natthi saṅgo vijānatanti, yasmā dhammasabhāvā kāmesu saṃsāre ca ādīnavaṃ, nekkhamme nibbāne ca ānisaṃsaṃ yāthāvato jānantassa na katthaci saṅgo, tasmā ekapadeneva upajjhāyassa āṇā anuṭhitāti, tadapadesena aññaṃ byākāsi.
สิวกสามเณรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sivakasāmaṇeragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๔. สิวกสามเณรคาถา • 4. Sivakasāmaṇeragāthā