Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๕. สิวิราชจกฺขุทานปโญฺห
5. Sivirājacakkhudānapañho
๕. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ตุเมฺห เอวํ ภณถ ‘สิวิราเชน ยาจกสฺส จกฺขูนิ ทินฺนานิ, อนฺธสฺส สโต ปุน ทิพฺพจกฺขูนิ อุปฺปนฺนานี’ติ, เอตมฺปิ วจนํ สกสฎํ สนิคฺคหํ สโทสํ ‘เหตุสมุคฺฆาเต อเหตุสฺมิํ อวตฺถุสฺมิํ นตฺถิ ทิพฺพจกฺขุสฺส อุปฺปาโท’ติ สุเตฺต วุตฺตํ, ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, สิวิราเชน ยาจกสฺส จกฺขูนิ ทินฺนานิ, เตน หิ ‘ปุน ทิพฺพจกฺขูนิ อุปฺปนฺนานี’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา; ยทิ ทิพฺพจกฺขูนิ อุปฺปนฺนานิ, เตน หิ ‘สิวิราเชน ยาจกสฺส จกฺขูนิ ทินฺนานี’ติ ยํ วจนํ, ตมฺปิ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห คณฺฐิโตปิ คณฺฐิตโร เวฐโตปิ เวฐตโร คหนโตปิ คหนตโร, โส ตวานุปฺปโตฺต, ตตฺถ ฉนฺทมภิชเนหิ นิพฺพาหนาย ปรวาทานํ นิคฺคหายา’’ติฯ
5. ‘‘Bhante nāgasena, tumhe evaṃ bhaṇatha ‘sivirājena yācakassa cakkhūni dinnāni, andhassa sato puna dibbacakkhūni uppannānī’ti, etampi vacanaṃ sakasaṭaṃ saniggahaṃ sadosaṃ ‘hetusamugghāte ahetusmiṃ avatthusmiṃ natthi dibbacakkhussa uppādo’ti sutte vuttaṃ, yadi, bhante nāgasena, sivirājena yācakassa cakkhūni dinnāni, tena hi ‘puna dibbacakkhūni uppannānī’ti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā; yadi dibbacakkhūni uppannāni, tena hi ‘sivirājena yācakassa cakkhūni dinnānī’ti yaṃ vacanaṃ, tampi micchā. Ayampi ubhato koṭiko pañho gaṇṭhitopi gaṇṭhitaro veṭhatopi veṭhataro gahanatopi gahanataro, so tavānuppatto, tattha chandamabhijanehi nibbāhanāya paravādānaṃ niggahāyā’’ti.
‘‘ทินฺนานิ , มหาราช, สิวิราเชน ยาจกสฺส จกฺขูนิ, ตตฺถ มา วิมติํ อุปฺปาเทหิ, ปุน ทิพฺพานิ จ จกฺขูนิ อุปฺปนฺนานิ, ตตฺถาปิ มา วิมติํ ชเนหี’’ติฯ ‘‘อปิ นุ โข, ภเนฺต นาคเสน, เหตุสมุคฺฆาเต อเหตุสฺมิํ อวตฺถุสฺมิํ ทิพฺพจกฺขุ อุปฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราชา’’ติฯ ‘‘กิํ ปน, ภเนฺต, เอตฺถ การณํ, เยน การเณน เหตุสมุคฺฆาเต อเหตุสฺมิํ อวตฺถุสฺมิํ ทิพฺพจกฺขุ อุปฺปชฺชติ, อิงฺฆ ตาว การเณน มํ สญฺญาเปหี’’ติ?
‘‘Dinnāni , mahārāja, sivirājena yācakassa cakkhūni, tattha mā vimatiṃ uppādehi, puna dibbāni ca cakkhūni uppannāni, tatthāpi mā vimatiṃ janehī’’ti. ‘‘Api nu kho, bhante nāgasena, hetusamugghāte ahetusmiṃ avatthusmiṃ dibbacakkhu uppajjatī’’ti? ‘‘Na hi, mahārājā’’ti. ‘‘Kiṃ pana, bhante, ettha kāraṇaṃ, yena kāraṇena hetusamugghāte ahetusmiṃ avatthusmiṃ dibbacakkhu uppajjati, iṅgha tāva kāraṇena maṃ saññāpehī’’ti?
‘‘กิํ ปน, มหาราช, อตฺถิ โลเก สจฺจํ นาม, เยน สจฺจวาทิโน สจฺจกิริยํ กโรนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต, อตฺถิ โลเก สจฺจํ นาม, สเจฺจน, ภเนฺต นาคเสน, สจฺจวาทิโน สจฺจกิริยํ กตฺวา เทวํ วสฺสาเปนฺติ, อคฺคิํ นิพฺพาเปนฺติ, วิสํ ปฎิหนนฺติ, อญฺญมฺปิ วิวิธํ กตฺตพฺพํ กโรนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช, ยุชฺชติ สเมติ สิวิราชสฺส สจฺจพเลน ทิพฺพจกฺขูนิ อุปฺปนฺนานีติ, สจฺจพเลน, มหาราช, อวตฺถุสฺมิํ ทิพฺพจกฺขุ อุปฺปชฺชติ, สจฺจํ เยว ตตฺถ วตฺถุ ภวติ ทิพฺพจกฺขุสฺส อุปฺปาทายฯ
‘‘Kiṃ pana, mahārāja, atthi loke saccaṃ nāma, yena saccavādino saccakiriyaṃ karontī’’ti? ‘‘Āma, bhante, atthi loke saccaṃ nāma, saccena, bhante nāgasena, saccavādino saccakiriyaṃ katvā devaṃ vassāpenti, aggiṃ nibbāpenti, visaṃ paṭihananti, aññampi vividhaṃ kattabbaṃ karontī’’ti. ‘‘Tena hi, mahārāja, yujjati sameti sivirājassa saccabalena dibbacakkhūni uppannānīti, saccabalena, mahārāja, avatthusmiṃ dibbacakkhu uppajjati, saccaṃ yeva tattha vatthu bhavati dibbacakkhussa uppādāya.
‘‘ยถา, มหาราช, เย เกจิ สตฺตา สจฺจมนุคายนฺติ ‘มหาเมโฆ ปวสฺสตู’ติ, เตสํ สห สจฺจมนุคีเตน มหาเมโฆ ปวสฺสติ, อปิ นุ โข, มหาราช, อตฺถิ อากาเส วสฺสเหตุ สนฺนิจิโต ‘เยน เหตุนา มหาเมโฆ ปวสฺสตี’’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, สจฺจํ เยว ตตฺถ เหตุ ภวติ มหโต เมฆสฺส ปวสฺสนายา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ ตสฺส ปกติเหตุ, สจฺจํ เยเวตฺถ วตฺถุ ภวติ ทิพฺพจกฺขุสฺส อุปฺปาทายาติฯ
‘‘Yathā, mahārāja, ye keci sattā saccamanugāyanti ‘mahāmegho pavassatū’ti, tesaṃ saha saccamanugītena mahāmegho pavassati, api nu kho, mahārāja, atthi ākāse vassahetu sannicito ‘yena hetunā mahāmegho pavassatī’’’ti? ‘‘Na hi, bhante, saccaṃ yeva tattha hetu bhavati mahato meghassa pavassanāyā’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, natthi tassa pakatihetu, saccaṃ yevettha vatthu bhavati dibbacakkhussa uppādāyāti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, เย เกจิ สตฺตา สจฺจมนุคายนฺติ ‘ชลิตปชฺชลิตมหาอคฺคิกฺขโนฺธ ปฎินิวตฺตตู’ติ, เตสํ สห สจฺจมนุคีเตน ชลิตปชฺชลิตมหาอคฺคิกฺขโนฺธ ขเณน ปฎินิวตฺตติฯ อปิ นุ โข, มหาราช, อตฺถิ ตสฺมิํ ชลิตปชฺชลิเต มหาอคฺคิกฺขเนฺธ เหตุ สนฺนิจิโต ‘เยน เหตุนา ชลิตปชฺชลิตมหาอคฺคิกฺขโนฺธ ขเณน ปฎินิวตฺตตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, สจฺจํ เยว ตตฺถ วตฺถุ โหติ ตสฺส ชลิตปชฺชลิตสฺส มหาอคฺคิกฺขนฺธสฺส ขเณน ปฎินิวตฺตนายา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ ตสฺส ปกติเหตุ, สจฺจํ เยเวตฺถ วตฺถุ ภวติ ทิพฺพจกฺขุสฺส อุปฺปาทายาติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, ye keci sattā saccamanugāyanti ‘jalitapajjalitamahāaggikkhandho paṭinivattatū’ti, tesaṃ saha saccamanugītena jalitapajjalitamahāaggikkhandho khaṇena paṭinivattati. Api nu kho, mahārāja, atthi tasmiṃ jalitapajjalite mahāaggikkhandhe hetu sannicito ‘yena hetunā jalitapajjalitamahāaggikkhandho khaṇena paṭinivattatī’’ti? ‘‘Na hi, bhante, saccaṃ yeva tattha vatthu hoti tassa jalitapajjalitassa mahāaggikkhandhassa khaṇena paṭinivattanāyā’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, natthi tassa pakatihetu, saccaṃ yevettha vatthu bhavati dibbacakkhussa uppādāyāti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, เย เกจิ สตฺตา สจฺจมนุคายนฺติ ‘วิสํ หลาหลํ อคทํ ภวตู’ติฯ เตสํ สห สจฺจมนุคีเตน วิสํ หลาหลํ ขเณน อคทํ ภวติ, อปิ นุ โข, มหาราช, อตฺถิ ตสฺมิํ หลาหลวิเส เหตุ สนฺนิจิโต ‘เยน เหตุนา วิสํ หลาหลํ ขเณน อคทํ ภวตี’’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, สจฺจํ เยว ตตฺถ เหตุ ภวติ วิสสฺส หลาหลสฺส ขเณน ปฎิฆาตายา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, วินา ปกติเหตุํ สจฺจํ เยเวตฺถ วตฺถุ ภวติ ทิพฺพจกฺขุสฺส อุปฺปาทายาติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, ye keci sattā saccamanugāyanti ‘visaṃ halāhalaṃ agadaṃ bhavatū’ti. Tesaṃ saha saccamanugītena visaṃ halāhalaṃ khaṇena agadaṃ bhavati, api nu kho, mahārāja, atthi tasmiṃ halāhalavise hetu sannicito ‘yena hetunā visaṃ halāhalaṃ khaṇena agadaṃ bhavatī’’’ti? ‘‘Na hi, bhante, saccaṃ yeva tattha hetu bhavati visassa halāhalassa khaṇena paṭighātāyā’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, vinā pakatihetuṃ saccaṃ yevettha vatthu bhavati dibbacakkhussa uppādāyāti.
‘‘จตุนฺนมฺปิ, มหาราช, อริยสจฺจานํ ปฎิเวธาย นตฺถญฺญํ วตฺถุ, สจฺจํ วตฺถุํ กตฺวา จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปฎิวิชฺฌนฺตีติฯ อตฺถิ, มหาราช, จีนวิสเย จีนราชา, โส มหาสมุเทฺท กีฬิตุกาโม 1 จตุมาเส จตุมาเส สจฺจกิริยํ กตฺวา สห รเถน อโนฺตมหาสมุเทฺท โยชนํ ปวิสติ, ตสฺส รถสีสสฺส ปุรโต ปุรโต มหาวาริกฺขโนฺธ ปฎิกฺกมติ, นิกฺขนฺตสฺส ปุน โอตฺถรติ, อปิ นุ โข, มหาราช, โส มหาสมุโทฺท สเทวมนุเสฺสนปิ โลเกน ปกติกายพเลน สกฺกา ปฎิกฺกมาเปตุ’’นฺติ? ‘‘อติปริตฺตเกปิ, ภเนฺต, ตฬาเก อุทกํ น สกฺกา สเทวมนุเสฺสนปิ โลเกน ปกติกายพเลน ปฎิกฺกมาเปตุํ, กิํ ปน มหาสมุเทฺท อุทก’’นฺติ? ‘‘อิมินาปิ, มหาราช, การเณน สจฺจพลํ ญาตพฺพํ ‘นตฺถิ ตํ ฐานํ, ยํ สเจฺจน น ปตฺตพฺพ’นฺติฯ
‘‘Catunnampi, mahārāja, ariyasaccānaṃ paṭivedhāya natthaññaṃ vatthu, saccaṃ vatthuṃ katvā cattāri ariyasaccāni paṭivijjhantīti. Atthi, mahārāja, cīnavisaye cīnarājā, so mahāsamudde kīḷitukāmo 2 catumāse catumāse saccakiriyaṃ katvā saha rathena antomahāsamudde yojanaṃ pavisati, tassa rathasīsassa purato purato mahāvārikkhandho paṭikkamati, nikkhantassa puna ottharati, api nu kho, mahārāja, so mahāsamuddo sadevamanussenapi lokena pakatikāyabalena sakkā paṭikkamāpetu’’nti? ‘‘Atiparittakepi, bhante, taḷāke udakaṃ na sakkā sadevamanussenapi lokena pakatikāyabalena paṭikkamāpetuṃ, kiṃ pana mahāsamudde udaka’’nti? ‘‘Imināpi, mahārāja, kāraṇena saccabalaṃ ñātabbaṃ ‘natthi taṃ ṭhānaṃ, yaṃ saccena na pattabba’nti.
‘‘นคเร, มหาราช, ปาฎลิปุเตฺต อโสโก ธมฺมราชา สเนคมชานปทอมจฺจภฎพลมหามเตฺตหิ ปริวุโต คงฺคํ นทิํ 3 นวสลิลสมฺปุณฺณํ สมติตฺถิกํ สมฺภริตํ ปญฺจโยชนสตายามํ โยชนปุถุลํ สนฺทมานํ ทิสฺวา อมเจฺจ เอวมาห ‘อตฺถิ โกจิ, ภเณ, สมโตฺถ, โย อิมํ มหาคงฺคํ ปฎิโสตํ สนฺทาเปตุ’นฺติฯ อมจฺจา อาหํสุ ‘ทุกฺกรํ เทวา’ติฯ
‘‘Nagare, mahārāja, pāṭaliputte asoko dhammarājā sanegamajānapadaamaccabhaṭabalamahāmattehi parivuto gaṅgaṃ nadiṃ 4 navasalilasampuṇṇaṃ samatitthikaṃ sambharitaṃ pañcayojanasatāyāmaṃ yojanaputhulaṃ sandamānaṃ disvā amacce evamāha ‘atthi koci, bhaṇe, samattho, yo imaṃ mahāgaṅgaṃ paṭisotaṃ sandāpetu’nti. Amaccā āhaṃsu ‘dukkaraṃ devā’ti.
‘‘ตสฺมิํ เยว คงฺคากูเล ฐิตา พนฺธุมตี นาม คณิกา อโสฺสสิ รญฺญา กิร เอวํ วุตฺตํ ‘สกฺกา นุ โข อิมํ มหาคงฺคํ ปฎิโสตํ สนฺทาเปตุ’นฺติ, สา เอวมาห ‘อหญฺหิ นคเร ปาฎลิปุเตฺต คณิกา รูปูปชีวินี อนฺติมชีวิกา, มม ตาว ราชา สจฺจกิริยํ ปสฺสตู’ติฯ อถ สา สจฺจกิริยํ อกาสิ, สห ตสฺสา สจฺจกิริยาย ขเณน สา มหาคงฺคา คฬคฬายนฺตี ปฎิโสตํ สนฺทิตฺถ มหโต ชนกายสฺส ปสฺสโตฯ
‘‘Tasmiṃ yeva gaṅgākūle ṭhitā bandhumatī nāma gaṇikā assosi raññā kira evaṃ vuttaṃ ‘sakkā nu kho imaṃ mahāgaṅgaṃ paṭisotaṃ sandāpetu’nti, sā evamāha ‘ahañhi nagare pāṭaliputte gaṇikā rūpūpajīvinī antimajīvikā, mama tāva rājā saccakiriyaṃ passatū’ti. Atha sā saccakiriyaṃ akāsi, saha tassā saccakiriyāya khaṇena sā mahāgaṅgā gaḷagaḷāyantī paṭisotaṃ sandittha mahato janakāyassa passato.
‘‘อถ ราชา คงฺคาย อาวฎฺฎอูมิเวคชนิตํ หลาหลสทฺทํ สุตฺวา วิมฺหิโต อจฺฉริยพฺภุตชาโต อมเจฺจ เอวมาห ‘กิสฺสายํ, ภเณ, มหาคงฺคา ปฎิโสตํ สนฺทตี’ติ? ‘พนฺธุมตี, มหาราช, คณิกา ตว วจนํ สุตฺวา สจฺจกิริยํ อกาสิ, ตสฺสา สจฺจกิริยาย มหาคงฺคา อุทฺธํมุขา สนฺทตี’ติฯ
‘‘Atha rājā gaṅgāya āvaṭṭaūmivegajanitaṃ halāhalasaddaṃ sutvā vimhito acchariyabbhutajāto amacce evamāha ‘kissāyaṃ, bhaṇe, mahāgaṅgā paṭisotaṃ sandatī’ti? ‘Bandhumatī, mahārāja, gaṇikā tava vacanaṃ sutvā saccakiriyaṃ akāsi, tassā saccakiriyāya mahāgaṅgā uddhaṃmukhā sandatī’ti.
‘‘อถ สํวิคฺคหทโย ราชา ตุริตตุริโต สยํ คนฺตฺวา ตํ คณิกํ ปุจฺฉิ ‘สจฺจํ กิร, เช , ตยา สจฺจกิริยาย อยํ คงฺคา ปฎิโสตํ สนฺทาปิตา’ติ? ‘อาม เทวา’ติฯ ราชา อาห ‘กิํ เต ตตฺถ พลํ อตฺถิ, โก วา เต วจนํ อาทิยติ อนุมฺมโตฺต, เกน ตฺวํ พเลน อิมํ มหาคงฺคํ ปฎิโสตํ สนฺทาเปสี’ติ? สา อาห ‘สจฺจพเลนาหํ, มหาราช, อิมํ มหาคงฺคํ ปฎิโสตํ สนฺทาเปสิ’นฺติฯ ราชา อาห ‘กิํ เต สจฺจพลํ อตฺถิ โจริยา ธุตฺติยา อสติยา ฉินฺนิกาย ปาปิยา ภินฺนสีลาย 5 หิริอติกฺกนฺติกาย อนฺธชนปโลภิกายา’ติฯ ‘สจฺจํ, มหาราช, ตาทิสิกา อหํ, ตาทิสิกายปิ เม, มหาราช, สจฺจกิริยา อตฺถิ, ยายาหํ อิจฺฉมานา สเทวกมฺปิ โลกํ ปริวเตฺตยฺย’นฺติฯ ราชา อาห ‘กตมา ปน สา โหติ สจฺจกิริยา, อิงฺฆ มํ สาเวหี’ติฯ ‘โย เม, มหาราช, ธนํ เทติ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวโสฺส วา สุโทฺท วา อโญฺญ วา โกจิ, เตสํ สมกํ เยว อุปฎฺฐหามิ, ‘‘ขตฺติโย’’ติ วิเสโส นตฺถิ, ‘‘สุโทฺท’’ติ อติมญฺญนา 6 นตฺถิ, อนุนยปฺปฎิฆวิปฺปมุตฺตา ธนสฺสามิกํ ปริจรามิ, เอสา เม เทว สจฺจกิริยา, ยายาหํ อิมํ มหาคงฺคํ ปฎิโสตํ สนฺทาเปสิ’นฺติฯ
‘‘Atha saṃviggahadayo rājā turitaturito sayaṃ gantvā taṃ gaṇikaṃ pucchi ‘saccaṃ kira, je , tayā saccakiriyāya ayaṃ gaṅgā paṭisotaṃ sandāpitā’ti? ‘Āma devā’ti. Rājā āha ‘kiṃ te tattha balaṃ atthi, ko vā te vacanaṃ ādiyati anummatto, kena tvaṃ balena imaṃ mahāgaṅgaṃ paṭisotaṃ sandāpesī’ti? Sā āha ‘saccabalenāhaṃ, mahārāja, imaṃ mahāgaṅgaṃ paṭisotaṃ sandāpesi’nti. Rājā āha ‘kiṃ te saccabalaṃ atthi coriyā dhuttiyā asatiyā chinnikāya pāpiyā bhinnasīlāya 7 hiriatikkantikāya andhajanapalobhikāyā’ti. ‘Saccaṃ, mahārāja, tādisikā ahaṃ, tādisikāyapi me, mahārāja, saccakiriyā atthi, yāyāhaṃ icchamānā sadevakampi lokaṃ parivatteyya’nti. Rājā āha ‘katamā pana sā hoti saccakiriyā, iṅgha maṃ sāvehī’ti. ‘Yo me, mahārāja, dhanaṃ deti khattiyo vā brāhmaṇo vā vesso vā suddo vā añño vā koci, tesaṃ samakaṃ yeva upaṭṭhahāmi, ‘‘khattiyo’’ti viseso natthi, ‘‘suddo’’ti atimaññanā 8 natthi, anunayappaṭighavippamuttā dhanassāmikaṃ paricarāmi, esā me deva saccakiriyā, yāyāhaṃ imaṃ mahāgaṅgaṃ paṭisotaṃ sandāpesi’nti.
‘‘อิติปิ, มหาราช, สเจฺจ ฐิตา น กิญฺจิ อตฺถํ น วินฺทนฺติฯ ทินฺนานิ จ, มหาราช, สิวิราเชน ยาจกสฺส จกฺขูนิ , ทิพฺพจกฺขูนิ จ อุปฺปนฺนานิ, ตญฺจ สจฺจกิริยายฯ ยํ ปน สุเตฺต วุตฺตํ ‘มํสจกฺขุสฺมิํ นเฎฺฐ อเหตุสฺมิํ อวตฺถุสฺมิํ นตฺถิ ทิพฺพจกฺขุสฺส อุปฺปาโท’ติฯ ตํ ภาวนามยํ จกฺขุํ สนฺธาย วุตฺตํ, เอวเมตํ, มหาราช, ธาเรหี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, สุนิเพฺพฐิโต ปโญฺห, สุนิทฺทิโฎฺฐ นิคฺคโห, สุมทฺทิตา ปรวาทา, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Itipi, mahārāja, sacce ṭhitā na kiñci atthaṃ na vindanti. Dinnāni ca, mahārāja, sivirājena yācakassa cakkhūni , dibbacakkhūni ca uppannāni, tañca saccakiriyāya. Yaṃ pana sutte vuttaṃ ‘maṃsacakkhusmiṃ naṭṭhe ahetusmiṃ avatthusmiṃ natthi dibbacakkhussa uppādo’ti. Taṃ bhāvanāmayaṃ cakkhuṃ sandhāya vuttaṃ, evametaṃ, mahārāja, dhārehī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, sunibbeṭhito pañho, suniddiṭṭho niggaho, sumadditā paravādā, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.
สิวิราชจกฺขุทานปโญฺห ปญฺจโมฯ
Sivirājacakkhudānapañho pañcamo.
Footnotes: