Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จริยาปิฎก-อฎฺฐกถา • Cariyāpiṭaka-aṭṭhakathā |
๘. สิวิราชจริยาวณฺณนา
8. Sivirājacariyāvaṇṇanā
๕๑. อฎฺฐเม อริฎฺฐสวฺหเย นคเรติ อริฎฺฐปุรนามเก นคเรฯ สิวิ นามาสิ ขตฺติโยติ สิวีติ โคตฺตโต เอวํนามโก ราชา อโหสิฯ
51. Aṭṭhame ariṭṭhasavhaye nagareti ariṭṭhapuranāmake nagare. Sivi nāmāsi khattiyoti sivīti gottato evaṃnāmako rājā ahosi.
อตีเต กิร สิวิรเฎฺฐ อริฎฺฐปุรนคเร สิวิราเช รชฺชํ กาเรเนฺต มหาสโตฺต ตสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ‘‘สิวิกุมาโร’’ติสฺส นามมกํสุฯ โส วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา อุคฺคหิตสิโปฺป อาคนฺตฺวา ปิตุ สิปฺปํ ทเสฺสตฺวา อุปรชฺชํ ลภิตฺวา อปรภาเค ปิตุ อจฺจเยน ราชา หุตฺวา อคติคมนํ ปหาย ทส ราชธเมฺม อโกเปตฺวา รชฺชํ กาเรโนฺต นครสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ นครมเชฺฌ นิเวสนทฺวาเรติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ ฉสตสหสฺสปริจฺจาเคน มหาทานํ ปวเตฺตสิฯ อฎฺฐมีจาตุทฺทสีปนฺนรสีสุ สยํ ทานสาลํ คนฺตฺวา ทานคฺคํ โอโลเกติฯ
Atīte kira siviraṭṭhe ariṭṭhapuranagare sivirāje rajjaṃ kārente mahāsatto tassa putto hutvā nibbatti. ‘‘Sivikumāro’’tissa nāmamakaṃsu. So vayappatto takkasilaṃ gantvā uggahitasippo āgantvā pitu sippaṃ dassetvā uparajjaṃ labhitvā aparabhāge pitu accayena rājā hutvā agatigamanaṃ pahāya dasa rājadhamme akopetvā rajjaṃ kārento nagarassa catūsu dvāresu nagaramajjhe nivesanadvāreti cha dānasālāyo kāretvā devasikaṃ chasatasahassapariccāgena mahādānaṃ pavattesi. Aṭṭhamīcātuddasīpannarasīsu sayaṃ dānasālaṃ gantvā dānaggaṃ oloketi.
โส เอกทา ปุณฺณมทิวเส ปาโตว สมุสฺสิตเสตจฺฉเตฺต ราชปลฺลเงฺก นิสิโนฺน อตฺตนา ทินฺนทานํ อาวเชฺชโนฺต พาหิรวตฺถุํ อตฺตนา อทินฺนํ นาม อทิสฺวา ‘‘น เม พาหิรกทานํ ตถา จิตฺตํ โตเสติ, ยถา อชฺฌตฺติกทานํ, อโห วต มม ทานสาลํ คตกาเล โกจิ ยาจโก พาหิรวตฺถุํ อยาจิตฺวา อชฺฌตฺติกเมว ยาเจยฺย, สเจ หิ เม โกจิ สรีเร มํสํ วา โลหิตํ วา สีสํ วา หทยมํสํ วา อกฺขีนิ วา อุปฑฺฒสรีรํ วา สกลเมว วา อตฺตภาวํ ทาสภาเวน ยาเจยฺย, ตํตเทวสฺส อธิปฺปายํ ปูเรโนฺต ทาตุํ สโกฺกมี’’ติ จิเนฺตสิฯ ปาฬิยํ ปน อกฺขีนํ เอว วเสน อาคตาฯ เตน วุตฺตํ –
So ekadā puṇṇamadivase pātova samussitasetacchatte rājapallaṅke nisinno attanā dinnadānaṃ āvajjento bāhiravatthuṃ attanā adinnaṃ nāma adisvā ‘‘na me bāhirakadānaṃ tathā cittaṃ toseti, yathā ajjhattikadānaṃ, aho vata mama dānasālaṃ gatakāle koci yācako bāhiravatthuṃ ayācitvā ajjhattikameva yāceyya, sace hi me koci sarīre maṃsaṃ vā lohitaṃ vā sīsaṃ vā hadayamaṃsaṃ vā akkhīni vā upaḍḍhasarīraṃ vā sakalameva vā attabhāvaṃ dāsabhāvena yāceyya, taṃtadevassa adhippāyaṃ pūrento dātuṃ sakkomī’’ti cintesi. Pāḷiyaṃ pana akkhīnaṃ eva vasena āgatā. Tena vuttaṃ –
‘‘นิสชฺช ปาสาทวเร, เอวํ จิเนฺตสหํ ตทา’’ฯ
‘‘Nisajja pāsādavare, evaṃ cintesahaṃ tadā’’.
๕๒.
52.
‘‘ยํกิญฺจิ มานุสํ ทานํ, อทินฺนํ เม น วิชฺชติ;
‘‘Yaṃkiñci mānusaṃ dānaṃ, adinnaṃ me na vijjati;
โยปิ ยาเจยฺย มํ จกฺขุํ, ทเทยฺยํ อวิกมฺปิโต’’ติฯ
Yopi yāceyya maṃ cakkhuṃ, dadeyyaṃ avikampito’’ti.
ตตฺถ มานุสํ ทานนฺติ ปกติมนุเสฺสหิ ทาตพฺพทานํ อนฺนปานาทิฯ เอวํ ปน มหาสตฺตสฺส อุฬาเร ทานชฺฌาสเย อุปฺปเนฺน สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทเสฺสสิฯ โส ตสฺส การณํ อาวเชฺชโนฺต โพธิสตฺตสฺส อชฺฌาสยํ ทิสฺวา ‘‘สิวิราชา อชฺช สมฺปตฺตยาจกา จกฺขูนิ เจ ยาจนฺติ, จกฺขูนิ อุปฺปาเฎตฺวา เนสํ ทสฺสามีติ จิเนฺตสี’’ติ สโกฺก เทวปริสาย วตฺวา ‘‘โส สกฺขิสฺสติ นุ โข ตํ ทาตุํ, อุทาหุ โนติ วีมํสิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ โพธิสเตฺต โสฬสหิ คโนฺธทกฆเฎหิ นฺหตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ ปฎิมณฺฑิเต อลงฺกตหตฺถิกฺขนฺธวรคเต ทานคฺคํ คจฺฉเนฺต ชราชิโณฺณ อนฺธพฺราหฺมโณ วิย หุตฺวา ตสฺส จกฺขุปเถ เอกสฺมิํ อุนฺนตปฺปเทเส อุโภ หเตฺถ ปสาเรตฺวา ราชานํ ชยาเปตฺวา ฐิโต โพธิสเตฺตน ตทภิมุขํ วารณํ เปเสตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, กิํ อิจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉิโต ‘‘ตว ทานชฺฌาสยํ นิสฺสาย สมุคฺคเตน กิตฺติโฆเสน สกลโลกสนฺนิวาโส นิรนฺตรํ ผุโฎ, อหญฺจ อโนฺธ, ตสฺมา ตํ ยาจามี’’ติ อุปจารวเสน เอกํ จกฺขุํ ยาจิฯ เตน วุตฺตํ –
Tattha mānusaṃ dānanti pakatimanussehi dātabbadānaṃ annapānādi. Evaṃ pana mahāsattassa uḷāre dānajjhāsaye uppanne sakkassa paṇḍukambalasilāsanaṃ uṇhākāraṃ dassesi. So tassa kāraṇaṃ āvajjento bodhisattassa ajjhāsayaṃ disvā ‘‘sivirājā ajja sampattayācakā cakkhūni ce yācanti, cakkhūni uppāṭetvā nesaṃ dassāmīti cintesī’’ti sakko devaparisāya vatvā ‘‘so sakkhissati nu kho taṃ dātuṃ, udāhu noti vīmaṃsissāmi tāva na’’nti bodhisatte soḷasahi gandhodakaghaṭehi nhatvā sabbālaṅkārehi paṭimaṇḍite alaṅkatahatthikkhandhavaragate dānaggaṃ gacchante jarājiṇṇo andhabrāhmaṇo viya hutvā tassa cakkhupathe ekasmiṃ unnatappadese ubho hatthe pasāretvā rājānaṃ jayāpetvā ṭhito bodhisattena tadabhimukhaṃ vāraṇaṃ pesetvā ‘‘brāhmaṇa, kiṃ icchasī’’ti pucchito ‘‘tava dānajjhāsayaṃ nissāya samuggatena kittighosena sakalalokasannivāso nirantaraṃ phuṭo, ahañca andho, tasmā taṃ yācāmī’’ti upacāravasena ekaṃ cakkhuṃ yāci. Tena vuttaṃ –
๕๓.
53.
‘‘มม สงฺกปฺปมญฺญาย, สโกฺก เทวานมิสฺสโร;
‘‘Mama saṅkappamaññāya, sakko devānamissaro;
นิสิโนฺน เทวปริสาย, อิทํ วจนมพฺรวิฯ
Nisinno devaparisāya, idaṃ vacanamabravi.
๕๔.
54.
‘‘นิสชฺช ปาสาทวเร, สิวิราชา มหิทฺธิโก;
‘‘Nisajja pāsādavare, sivirājā mahiddhiko;
จิเนฺตโนฺต วิวิธํ ทานํ, อเทยฺยํ โส น ปสฺสติฯ
Cintento vividhaṃ dānaṃ, adeyyaṃ so na passati.
๕๕.
55.
‘‘ตถํ นุ วิตถํ เนตํ, หนฺท วีมํสยามิ ตํ;
‘‘Tathaṃ nu vitathaṃ netaṃ, handa vīmaṃsayāmi taṃ;
มุหุตฺตํ อาคเมยฺยาถ, ยาว ชานามิ ตํ มนํฯ
Muhuttaṃ āgameyyātha, yāva jānāmi taṃ manaṃ.
๕๖.
56.
‘‘ปเวธมาโน ปลิตสิโร, วลิคโตฺต ชราตุโร;
‘‘Pavedhamāno palitasiro, valigatto jarāturo;
อนฺธวโณฺณว หุตฺวาน, ราชานํ อุปสงฺกมิฯ
Andhavaṇṇova hutvāna, rājānaṃ upasaṅkami.
๕๗.
57.
‘‘โส ตทา ปคฺคเหตฺวาน, วามํ ทกฺขิณพาหุ จ;
‘‘So tadā paggahetvāna, vāmaṃ dakkhiṇabāhu ca;
สิรสฺมิํ อญฺชลิํ กตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิฯ
Sirasmiṃ añjaliṃ katvā, idaṃ vacanamabravi.
๕๘.
58.
‘‘‘ยาจามิ ตํ มหาราช, ธมฺมิก รฎฺฐวฑฺฒน;
‘‘‘Yācāmi taṃ mahārāja, dhammika raṭṭhavaḍḍhana;
ตว ทานรตา กิตฺติ, อุคฺคตา เทวมานุเสฯ
Tava dānaratā kitti, uggatā devamānuse.
๕๙.
59.
‘‘‘อุโภปิ เนตฺตา นยนา, อนฺธา อุปหตา มม;
‘‘‘Ubhopi nettā nayanā, andhā upahatā mama;
เอกํ เม นยนํ เทหิ, ตฺวมฺปิ เอเกน ยาปยา’’’ติฯ
Ekaṃ me nayanaṃ dehi, tvampi ekena yāpayā’’’ti.
ตตฺถ จิเนฺตโนฺต วิวิธํ ทานนฺติ อตฺตนา ทินฺนํ วิวิธํ ทานํ จิเนฺตโนฺต, อาวเชฺชโนฺต ทานํ วา อตฺตนา ทินฺนํ วิวิธํ พาหิรํ เทยฺยธมฺมํ จิเนฺตโนฺตฯ อเทยฺยํ โส น ปสฺสตีติ พาหิรํ วิย อชฺฌตฺติกวตฺถุมฺปิ อเทยฺยํ ทาตุํ อสกฺกุเณยฺยํ น ปสฺสติ, ‘‘จกฺขูนิปิ อุปฺปาเฎตฺวา ทสฺสามี’’ติ จิเนฺตสีติ อธิปฺปาโยฯ ตถํ นุ วิตถํ เนตนฺติ เอตํ อชฺฌตฺติกวตฺถุโนปิ อเทยฺยสฺส อทสฺสนํ เทยฺยภาเวเนว ทสฺสนํ จินฺตนํ สจฺจํ นุ โข, อุทาหุ, อสจฺจนฺติ อโตฺถฯ โส ตทา ปคฺคเหตฺวาน, วามํ ทกฺขิณพาหุ จาติ วามพาหุํ ทกฺขิณพาหุญฺจ ตทา ปคฺคเหตฺวา, อุโภ พาหู อุกฺขิปิตฺวาติ อโตฺถฯ รฎฺฐวฑฺฒนาติ รฎฺฐวฑฺฒีกรฯ ตฺวมฺปิ เอเกน ยาปยาติ เอเกน จกฺขุนา สมวิสมํ ปสฺสโนฺต สกํ อตฺตภาวํ ตฺวํ ยาเปหิ, อหมฺปิ ภวโต ลเทฺธน เอเกน ยาเปมีติ ทเสฺสติฯ
Tattha cintento vividhaṃ dānanti attanā dinnaṃ vividhaṃ dānaṃ cintento, āvajjento dānaṃ vā attanā dinnaṃ vividhaṃ bāhiraṃ deyyadhammaṃ cintento. Adeyyaṃ so na passatīti bāhiraṃ viya ajjhattikavatthumpi adeyyaṃ dātuṃ asakkuṇeyyaṃ na passati, ‘‘cakkhūnipi uppāṭetvā dassāmī’’ti cintesīti adhippāyo. Tathaṃ nu vitathaṃ netanti etaṃ ajjhattikavatthunopi adeyyassa adassanaṃ deyyabhāveneva dassanaṃ cintanaṃ saccaṃ nu kho, udāhu, asaccanti attho. So tadā paggahetvāna, vāmaṃ dakkhiṇabāhu cāti vāmabāhuṃ dakkhiṇabāhuñca tadā paggahetvā, ubho bāhū ukkhipitvāti attho. Raṭṭhavaḍḍhanāti raṭṭhavaḍḍhīkara. Tvampi ekena yāpayāti ekena cakkhunā samavisamaṃ passanto sakaṃ attabhāvaṃ tvaṃ yāpehi, ahampi bhavato laddhena ekena yāpemīti dasseti.
ตํ สุตฺวา มหาสโตฺต ตุฎฺฐมานโส ‘‘อิทาเนวาหํ ปาสาเท นิสิโนฺน เอวํ จิเนฺตตฺวา อาคโต, อยญฺจ เม จิตฺตํ ญตฺวา วิย จกฺขุํ ยาจติ, อโห วต เม ลาภา, อชฺช เม มโนรโถ มตฺถกํ ปาปุณิสฺสติ, อทินฺนปุพฺพํ วต ทานํ ทสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต อโหสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Taṃ sutvā mahāsatto tuṭṭhamānaso ‘‘idānevāhaṃ pāsāde nisinno evaṃ cintetvā āgato, ayañca me cittaṃ ñatvā viya cakkhuṃ yācati, aho vata me lābhā, ajja me manoratho matthakaṃ pāpuṇissati, adinnapubbaṃ vata dānaṃ dassāmī’’ti ussāhajāto ahosi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๖๐.
60.
‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, หโฎฺฐ สํวิคฺคมานโส;
‘‘Tassāhaṃ vacanaṃ sutvā, haṭṭho saṃviggamānaso;
กตญฺชลี เวทชาโต, อิทํ วจนมพฺรวิํฯ
Katañjalī vedajāto, idaṃ vacanamabraviṃ.
๖๑.
61.
‘‘‘อิทานาหํ จินฺตยิตฺวาน, ปาสาทโต อิธาคโต;
‘‘‘Idānāhaṃ cintayitvāna, pāsādato idhāgato;
ตฺวํ มม จิตฺตมญฺญาย, เนตฺตํ ยาจิตุมาคโตฯ
Tvaṃ mama cittamaññāya, nettaṃ yācitumāgato.
๖๒.
62.
‘‘‘อโห เม มานสํ สิทฺธํ, สงฺกโปฺป ปริปูริโต;
‘‘‘Aho me mānasaṃ siddhaṃ, saṅkappo paripūrito;
อทินฺนปุพฺพํ ทานวรํ, อชฺช ทสฺสามิ ยาจเก’’’ติฯ
Adinnapubbaṃ dānavaraṃ, ajja dassāmi yācake’’’ti.
ตตฺถ ตสฺสาติ ตสฺส พฺราหฺมณรูปธรสฺส สกฺกสฺสฯ หโฎฺฐติ ตุโฎฺฐฯ สํวิคฺคมานโสติ มม จิตฺตํ ชานิตฺวา วิย อิมินา พฺราหฺมเณน จกฺขุ ยาจิตํ, เอตฺตกํ กาลํ เอวํ อจิเนฺตตฺวา ปมชฺชิโต วตมฺหีติ สํวิคฺคจิโตฺตฯ เวทชาโตติ ชาตปีติปาโมโชฺชฯ อพฺรวินฺติ อภาสิํฯ มานสนฺติ มนสิ ภวํ มานสํ, ทานชฺฌาสโย, ‘‘จกฺขุํ ทสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนทานชฺฌาสโยติ อโตฺถฯ สงฺกโปฺปติ มโนรโถฯ ปริปูริโตติ ปริปุโณฺณฯ
Tattha tassāti tassa brāhmaṇarūpadharassa sakkassa. Haṭṭhoti tuṭṭho. Saṃviggamānasoti mama cittaṃ jānitvā viya iminā brāhmaṇena cakkhu yācitaṃ, ettakaṃ kālaṃ evaṃ acintetvā pamajjito vatamhīti saṃviggacitto. Vedajātoti jātapītipāmojjo. Abravinti abhāsiṃ. Mānasanti manasi bhavaṃ mānasaṃ, dānajjhāsayo, ‘‘cakkhuṃ dassāmī’’ti uppannadānajjhāsayoti attho. Saṅkappoti manoratho. Paripūritoti paripuṇṇo.
อถ โพธิสโตฺต จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ มม จิตฺตาจารํ ญตฺวา วิย ทุจฺจชมฺปิ จกฺขุํ มํ ยาจติ, สิยา นุ โข กายจิ เทวตาย อนุสิโฎฺฐ ภวิสฺสติ, ปุจฺฉิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ตํ พฺราหฺมณํ ปุจฺฉิฯ เตนาห ภควา ชาตกเทสนายํ –
Atha bodhisatto cintesi – ‘‘ayaṃ brāhmaṇo mama cittācāraṃ ñatvā viya duccajampi cakkhuṃ maṃ yācati, siyā nu kho kāyaci devatāya anusiṭṭho bhavissati, pucchissāmi tāva na’’nti cintetvā taṃ brāhmaṇaṃ pucchi. Tenāha bhagavā jātakadesanāyaṃ –
‘‘เกนานุสิโฎฺฐ อิธมาคโตสิ, วนิพฺพก จกฺขุปถานิ ยาจิตุํ;
‘‘Kenānusiṭṭho idhamāgatosi, vanibbaka cakkhupathāni yācituṃ;
สุทุจฺจชํ ยาจสิ อุตฺตมงฺคํ, ยมาหุ เนตฺตํ ปุริเสน ทุจฺจช’’นฺติฯ(ชา. ๑.๑๕.๕๓);
Suduccajaṃ yācasi uttamaṅgaṃ, yamāhu nettaṃ purisena duccaja’’nti.(jā. 1.15.53);
ตํ สุตฺวา พฺราหฺมณรูปธโร สโกฺก อาห –
Taṃ sutvā brāhmaṇarūpadharo sakko āha –
‘‘ยมาหุ เทเวสุ สุชมฺปตีติ, มฆวาติ นํ อาหุ มนุสฺสโลเก;
‘‘Yamāhu devesu sujampatīti, maghavāti naṃ āhu manussaloke;
เตนานุสิโฎฺฐ อิธมาคโตสฺมิ, วนิพฺพโก จกฺขุปถานิ ยาจิตุํฯ
Tenānusiṭṭho idhamāgatosmi, vanibbako cakkhupathāni yācituṃ.
‘‘วนิพฺพโต มยฺหํ วนิํ อนุตฺตรํ, ททาหิ เต จกฺขุปถานิ ยาจิโต;
‘‘Vanibbato mayhaṃ vaniṃ anuttaraṃ, dadāhi te cakkhupathāni yācito;
ททาหิ เม จกฺขุปถํ อนุตฺตรํ, ยมาหุ เนตฺตํ ปุริเสน ทุจฺจช’’นฺติฯ (ชา. ๑.๑๕.๕๔-๕๕);
Dadāhi me cakkhupathaṃ anuttaraṃ, yamāhu nettaṃ purisena duccaja’’nti. (jā. 1.15.54-55);
มหาสโตฺต อาห –
Mahāsatto āha –
‘‘เยน อเตฺถน อาคจฺฉิ, ยมตฺถมภิปตฺถยํ;
‘‘Yena atthena āgacchi, yamatthamabhipatthayaṃ;
เต เต อิชฺฌนฺตุ สงฺกปฺปา, ลภ จกฺขูนิ พฺราหฺมณฯ
Te te ijjhantu saṅkappā, labha cakkhūni brāhmaṇa.
‘‘เอกํ เต ยาจมานสฺส, อุภยานิ ททามหํ;
‘‘Ekaṃ te yācamānassa, ubhayāni dadāmahaṃ;
ส จกฺขุมา คจฺฉ ชนสฺส เปกฺขโต,
Sa cakkhumā gaccha janassa pekkhato,
ยทิจฺฉเส ตฺวํ ตท เต สมิชฺฌตู’’ติฯ (ชา. ๑.๑๕.๕๖-๕๗);
Yadicchase tvaṃ tada te samijjhatū’’ti. (jā. 1.15.56-57);
ตตฺถ วนิพฺพกาติ ตํ อาลปติฯ จกฺขุปถานีติ ทสฺสนสฺส ปถภาวโต จกฺขูนเมเวตํ นามํฯ ยมาหูติ ยํ โลเก ‘‘ทุจฺจช’’นฺติ กเถนฺติฯ วนิพฺพโตติ ยาจนฺตสฺสฯ วนินฺติ ยาจนํฯ เต เตติ เต ตว ตสฺส อนฺธสฺส สงฺกปฺปาฯ ส จกฺขุมาติ โส ตฺวํ มม จกฺขูหิ จกฺขุมา หุตฺวาฯ ตท เต สมิชฺฌตูติ ยํ ตฺวํ มม สนฺติกา อิจฺฉสิ, ตํ เต สมิชฺฌตูติฯ
Tattha vanibbakāti taṃ ālapati. Cakkhupathānīti dassanassa pathabhāvato cakkhūnamevetaṃ nāmaṃ. Yamāhūti yaṃ loke ‘‘duccaja’’nti kathenti. Vanibbatoti yācantassa. Vaninti yācanaṃ. Te teti te tava tassa andhassa saṅkappā. Sa cakkhumāti so tvaṃ mama cakkhūhi cakkhumā hutvā. Tada te samijjhatūti yaṃ tvaṃ mama santikā icchasi, taṃ te samijjhatūti.
ราชา เอตฺตกํ กเถตฺวา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ สเกฺกน อนุสิโฎฺฐ อิธาคโตสฺมีติ ภณติ, นูน อิมสฺส อิมินา อุปาเยน จกฺขุ สมฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ญตฺวา ‘‘อิเธว มยา จกฺขูนิ อุปฺปาเฎตฺวา ทาตุํ อสารุปฺป’’นฺติ จิเนฺตตฺวา พฺราหฺมณํ อาทาย อเนฺตปุรํ คนฺตฺวา ราชาสเน นิสีทิตฺวา สิวกํ นาม เวชฺชํ ปโกฺกสาเปสิฯ อถ ‘‘อมฺหากํ กิร ราชา อกฺขีนิ อุปฺปาเฎตฺวา พฺราหฺมณสฺส ทาตุกาโม’’ติ สกลนคเร เอกโกลาหลํ อโหสิฯ อถ นํ รโญฺญ ญาติเสนาปติอาทโย ราชวลฺลภา อมจฺจา ปาริสชฺชา นาครา โอโรธา จ สเพฺพ สนฺนิปติตฺวา นานาอุปาเยหิ นิวาเรสุํฯ ราชาปิ เน อนุวาเรสิ เตนาห –
Rājā ettakaṃ kathetvā ‘‘ayaṃ brāhmaṇo sakkena anusiṭṭho idhāgatosmīti bhaṇati, nūna imassa iminā upāyena cakkhu sampajjissatī’’ti ñatvā ‘‘idheva mayā cakkhūni uppāṭetvā dātuṃ asāruppa’’nti cintetvā brāhmaṇaṃ ādāya antepuraṃ gantvā rājāsane nisīditvā sivakaṃ nāma vejjaṃ pakkosāpesi. Atha ‘‘amhākaṃ kira rājā akkhīni uppāṭetvā brāhmaṇassa dātukāmo’’ti sakalanagare ekakolāhalaṃ ahosi. Atha naṃ rañño ñātisenāpatiādayo rājavallabhā amaccā pārisajjā nāgarā orodhā ca sabbe sannipatitvā nānāupāyehi nivāresuṃ. Rājāpi ne anuvāresi tenāha –
‘‘มา โน เทว อทา จกฺขุํ, มา โน สเพฺพ ปรากริ;
‘‘Mā no deva adā cakkhuṃ, mā no sabbe parākari;
ธนํ เทหิ มหาราช, มุตฺตา เวฬุริยา พหูฯ
Dhanaṃ dehi mahārāja, muttā veḷuriyā bahū.
‘‘ยุเตฺต เทว รเถ เทหิ, อาชานีเย จลงฺกเต;
‘‘Yutte deva rathe dehi, ājānīye calaṅkate;
นาเค เทหิ มหาราช, เหมกปฺปนวาสเสฯ
Nāge dehi mahārāja, hemakappanavāsase.
‘‘ยถา ตํ สิวโย สเพฺพ, สโยคฺคา สรถา สทา;
‘‘Yathā taṃ sivayo sabbe, sayoggā sarathā sadā;
สมนฺตา ปริกิเรยฺยุํ, เอวํ เทหิ รเถสภา’’ติฯ (ชา. ๑.๑๕.๕๘-๖๐);
Samantā parikireyyuṃ, evaṃ dehi rathesabhā’’ti. (jā. 1.15.58-60);
อถ ราชา ติโสฺส คาถา อภาสิ –
Atha rājā tisso gāthā abhāsi –
‘‘โย เว ทสฺสนฺติ วตฺวาน, อทาเน กุรุเต มโน;
‘‘Yo ve dassanti vatvāna, adāne kurute mano;
ภูมฺยํ โส ปติตํ ปาสํ, คีวายํ ปฎิมุญฺจติฯ
Bhūmyaṃ so patitaṃ pāsaṃ, gīvāyaṃ paṭimuñcati.
‘‘โย เว ทสฺสนฺติ วตฺวาน, อทาเน กุรุเต มโน;
‘‘Yo ve dassanti vatvāna, adāne kurute mano;
ปาปา ปาปตโร โหติ, สมฺปโตฺต ยมสาธนํฯ
Pāpā pāpataro hoti, sampatto yamasādhanaṃ.
‘‘ยญฺหิ ยาเจ ตญฺหิ ทเท, ยํ น ยาเจ น ตํ ทเท;
‘‘Yañhi yāce tañhi dade, yaṃ na yāce na taṃ dade;
สฺวาหํ ตเมว ทสฺสามิ, ยํ มํ ยาจติ พฺราหฺมโณ’’ติฯ (ชา. ๑.๑๕.๖๑-๖๓);
Svāhaṃ tameva dassāmi, yaṃ maṃ yācati brāhmaṇo’’ti. (jā. 1.15.61-63);
ตตฺถ มา โน, เทวาติ โนติ นิปาตมตฺตํฯ เทว, มา จกฺขุํ อทาสิฯ มา โน สเพฺพ ปรากรีติ อเมฺห สเพฺพ มา ปริจฺจชิฯ อกฺขีสุ หิ ทิเนฺนสุ ตฺวํ รชฺชํ น กริสฺสสิ, เอวํ ตยา มยํ ปริจฺจตฺตา นาม ภวิสฺสามาติ อธิปฺปาเยน เอวมาหํสุฯ ปริกิเรยฺยุนฺติ ปริวาเรยฺยุํฯ เอวํ เทหีติ ยถา ตํ อวิกลจกฺขุํ สิวโย จิรํ ปริวาเรยฺยุํ, เอวํ เทหิ ธนเมวสฺส เทหิ, มา อกฺขีนิ, อกฺขีสุ หิ ทิเนฺนสุ น ตํ สิวโย ปริวาเรสฺสนฺตีติ ทเสฺสติฯ
Tattha mā no, devāti noti nipātamattaṃ. Deva, mā cakkhuṃ adāsi. Mā no sabbe parākarīti amhe sabbe mā pariccaji. Akkhīsu hi dinnesu tvaṃ rajjaṃ na karissasi, evaṃ tayā mayaṃ pariccattā nāma bhavissāmāti adhippāyena evamāhaṃsu. Parikireyyunti parivāreyyuṃ. Evaṃ dehīti yathā taṃ avikalacakkhuṃ sivayo ciraṃ parivāreyyuṃ, evaṃ dehi dhanamevassa dehi, mā akkhīni, akkhīsu hi dinnesu na taṃ sivayo parivāressantīti dasseti.
ปฎิมุญฺจตีติ ปฎิปเวเสติฯ ปาปา ปาปตโร โหตีติ ลามกา ลามกตโร นาม โหติฯ สมฺปโตฺต ยมสาธนนฺติ ยมสฺส อาณาปวตฺติฎฺฐานํ อุสฺสทนิรยํ เอส ปโตฺต นาม โหติฯ ยญฺหิ ยาเจติ ยํ วตฺถุํ ยาจโก ยาจติ, ทายโกปิ ตเทว ทเทยฺย, น อยาจิตํ, อยญฺจ พฺราหฺมโณ จกฺขุํ มํ ยาจติ, น มุตฺตาทิกํ ธนํ, ตํ ทสฺสามีติ วทติฯ
Paṭimuñcatīti paṭipaveseti. Pāpā pāpataro hotīti lāmakā lāmakataro nāma hoti. Sampatto yamasādhananti yamassa āṇāpavattiṭṭhānaṃ ussadanirayaṃ esa patto nāma hoti. Yañhi yāceti yaṃ vatthuṃ yācako yācati, dāyakopi tadeva dadeyya, na ayācitaṃ, ayañca brāhmaṇo cakkhuṃ maṃ yācati, na muttādikaṃ dhanaṃ, taṃ dassāmīti vadati.
อถ นํ ‘‘อายุอาทีสุ กิํ ปเตฺถตฺวา จกฺขูนิ เทสิ เทวา’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ มหาปุริโส ‘‘นาหํ ทิฎฺฐธมฺมิกํ สมฺปรายิกํ วา สมฺปตฺติํ ปเตฺถตฺวา เทมิ, อปิ จ โพธิสตฺตานํ อาจิณฺณสมาจิโณฺณ โปราณกมโคฺค เอส, ยทิทํ ทานปารมิปูรณํ นามา’’ติ อาหฯ เตน วุตฺตํ –
Atha naṃ ‘‘āyuādīsu kiṃ patthetvā cakkhūni desi devā’’ti pucchiṃsu. Mahāpuriso ‘‘nāhaṃ diṭṭhadhammikaṃ samparāyikaṃ vā sampattiṃ patthetvā demi, api ca bodhisattānaṃ āciṇṇasamāciṇṇo porāṇakamaggo esa, yadidaṃ dānapāramipūraṇaṃ nāmā’’ti āha. Tena vuttaṃ –
‘‘อายุํ นุ วณฺณํ นุ สุขํ พลํ นุ, กิํ ปตฺถยาโน นุ ชนินฺท เทสิ;
‘‘Āyuṃ nu vaṇṇaṃ nu sukhaṃ balaṃ nu, kiṃ patthayāno nu janinda desi;
กถญฺหิ ราชา สิวินํ อนุตฺตโร, จกฺขูนิ ทชฺชา ปรโลกเหตุฯ
Kathañhi rājā sivinaṃ anuttaro, cakkhūni dajjā paralokahetu.
‘‘น วาหเมตํ ยสสา ททามิ, น ปุตฺตมิเจฺฉ น ธนํ น รฎฺฐํ;
‘‘Na vāhametaṃ yasasā dadāmi, na puttamicche na dhanaṃ na raṭṭhaṃ;
สตญฺจ ธโมฺม จริโต ปุราโณ, อิเจฺจว ทาเน รมเต มโน มมา’’ติฯ (ชา. ๑.๑๕.๖๔-๖๕);
Satañca dhammo carito purāṇo, icceva dāne ramate mano mamā’’ti. (jā. 1.15.64-65);
ตตฺถ ปรโลกเหตูติ, มหาราช, กถํ นาม ตุมฺหาทิโส ปณฺฑิตปุริโส สกฺกสมฺปตฺติสทิสํ สนฺทิฎฺฐิกํ อิสฺสริยํ ปหาย ปรโลกเหตุ จกฺขูนิ ทเทยฺยาติฯ
Tattha paralokahetūti, mahārāja, kathaṃ nāma tumhādiso paṇḍitapuriso sakkasampattisadisaṃ sandiṭṭhikaṃ issariyaṃ pahāya paralokahetu cakkhūni dadeyyāti.
น วาหนฺติ น เว อหํฯ ยสสาติ ทิพฺพสฺส วา มานุสสฺส วา อิสฺสริยสฺส การณา, อปิจ สตํ โพธิสตฺตานํ ธโมฺม พุทฺธการโก จริโต อาจริโต อาจิโณฺณ ปุราตโน อิเจฺจว อิมินา การเณน ทาเนเยว อีทิโส มม มโน นิรโตติฯ
Na vāhanti na ve ahaṃ. Yasasāti dibbassa vā mānusassa vā issariyassa kāraṇā, apica sataṃ bodhisattānaṃ dhammo buddhakārako carito ācarito āciṇṇo purātano icceva iminā kāraṇena dāneyeva īdiso mama mano niratoti.
เอวญฺจ ปน วตฺวา ราชา อมเจฺจ สญฺญาเปตฺวา สิวกํ เวชฺชํ อาณาเปสิ – ‘‘เอหิ, สิวก, มม อุโภปิ อกฺขีนิ อิมสฺส พฺราหฺมณสฺส ทาตุํ สีฆํ อุปฺปาเฎตฺวา หเตฺถ ปติฎฺฐเปหี’’ติฯ เตน วุตฺตํ –
Evañca pana vatvā rājā amacce saññāpetvā sivakaṃ vejjaṃ āṇāpesi – ‘‘ehi, sivaka, mama ubhopi akkhīni imassa brāhmaṇassa dātuṃ sīghaṃ uppāṭetvā hatthe patiṭṭhapehī’’ti. Tena vuttaṃ –
๖๓.
63.
‘‘เอหิ สิวก อุเฎฺฐหิ, มา ทนฺธยิ มา ปเวธยิ;
‘‘Ehi sivaka uṭṭhehi, mā dandhayi mā pavedhayi;
อุโภปิ นยนํ เทหิ, อุปฺปาเฎตฺวา วนิพฺพเกฯ
Ubhopi nayanaṃ dehi, uppāṭetvā vanibbake.
๖๔.
64.
‘‘ตโต โส โจทิโต มยฺหํ, สิวโก วจนํกโร;
‘‘Tato so codito mayhaṃ, sivako vacanaṃkaro;
อุทฺธริตฺวาน ปาทาสิ, ตาลมิญฺชํว ยาจเก’’ติฯ
Uddharitvāna pādāsi, tālamiñjaṃva yācake’’ti.
ตตฺถ อุเฎฺฐหีติ อุฎฺฐานวีริยํ กโรหิฯ อิมสฺมิํ มม จกฺขุทาเน สหายกิจฺจํ กโรหีติ ทเสฺสติฯ มา ทนฺตยีติ มา จิรายิฯ อยญฺหิ อติทุลฺลโภ จิรกาลํ ปตฺถิโต มยา อุตฺตโม ทานกฺขโณ ปฎิลโทฺธ, โส มา วิรชฺฌีติ อธิปฺปาโยฯ มา ปเวธยีติ ‘‘อมฺหากํ รโญฺญ จกฺขูนิ อุปฺปาเฎมี’’ติ จิตฺตุตฺราสวเสน มา เวธยิ สรีรกมฺปํ มา อาปชฺชิฯ อุโภปิ นยนนฺติ อุโภปิ นยเนฯ วนิพฺพเกติ ยาจกสฺส มยฺหนฺติ มยาฯ อุทฺธริตฺวาน ปาทาสีติ โส เวโชฺช รโญฺญ อกฺขิกูปโต อุโภปิ อกฺขีนิ อุปฺปาเฎตฺวา รโญฺญ หเตฺถ อทาสิฯ
Tattha uṭṭhehīti uṭṭhānavīriyaṃ karohi. Imasmiṃ mama cakkhudāne sahāyakiccaṃ karohīti dasseti. Mā dantayīti mā cirāyi. Ayañhi atidullabho cirakālaṃ patthito mayā uttamo dānakkhaṇo paṭiladdho, so mā virajjhīti adhippāyo. Mā pavedhayīti ‘‘amhākaṃ rañño cakkhūni uppāṭemī’’ti cittutrāsavasena mā vedhayi sarīrakampaṃ mā āpajji. Ubhopinayananti ubhopi nayane. Vanibbaketi yācakassa mayhanti mayā. Uddharitvāna pādāsīti so vejjo rañño akkhikūpato ubhopi akkhīni uppāṭetvā rañño hatthe adāsi.
เทโนฺต จ น สตฺถเกน อุทฺธริตฺวา อทาสิฯ โส หิ จิเนฺตสิ – ‘‘อยุตฺตํ มาทิสสฺส สุสิกฺขิตเวชฺชสฺส รโญฺญ อกฺขีสุ สตฺถปาตน’’นฺติ เภสชฺชานิ ฆํเสตฺวา เภสชฺชจุเณฺณน นีลุปฺปลํ ปริภาเวตฺวา ทกฺขิณกฺขิํ อุปสิงฺฆาเปสิ, อกฺขิ ปริวตฺติ, ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชิฯ โส ปริภาเวตฺวา ปุนปิ อุปสิงฺฆาเปสิ, อกฺขิ อกฺขิกูปโต มุจฺจิ, พลวตรา เวทนา อุทปาทิ, ตติยวาเร ขรตรํ ปริภาเวตฺวา อุปนาเมสิ, อกฺขิ โอสธพเลน ปริพฺภมิตฺวา อกฺขิกูปโต นิกฺขมิตฺวา นฺหารุสุตฺตเกน โอลมฺพมานํ อฎฺฐาสิ, อธิมตฺตา เวทนา อุทปาทิ, โลหิตํ ปคฺฆริ, นิวตฺถสาฎกาปิ โลหิเตน เตมิํสุฯ โอโรธา จ อมจฺจา จ รโญฺญ ปาทมูเล ปติตฺวา ‘‘เทว, อกฺขีนิ มา เทหิ, เทว, อกฺขีนิ มา เทหี’’ติ มหาปริเทวํ ปริเทวิํสุฯ
Dento ca na satthakena uddharitvā adāsi. So hi cintesi – ‘‘ayuttaṃ mādisassa susikkhitavejjassa rañño akkhīsu satthapātana’’nti bhesajjāni ghaṃsetvā bhesajjacuṇṇena nīluppalaṃ paribhāvetvā dakkhiṇakkhiṃ upasiṅghāpesi, akkhi parivatti, dukkhā vedanā uppajji. So paribhāvetvā punapi upasiṅghāpesi, akkhi akkhikūpato mucci, balavatarā vedanā udapādi, tatiyavāre kharataraṃ paribhāvetvā upanāmesi, akkhi osadhabalena paribbhamitvā akkhikūpato nikkhamitvā nhārusuttakena olambamānaṃ aṭṭhāsi, adhimattā vedanā udapādi, lohitaṃ pagghari, nivatthasāṭakāpi lohitena temiṃsu. Orodhā ca amaccā ca rañño pādamūle patitvā ‘‘deva, akkhīni mā dehi, deva, akkhīni mā dehī’’ti mahāparidevaṃ parideviṃsu.
ราชา เวทนํ อธิวาเสตฺวา ‘‘ตาต, มา ปปญฺจํ กรี’’ติ อาหฯ โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ วามหเตฺถน อกฺขิํ ธาเรตฺวา ทกฺขิณหเตฺถน สตฺถกํ อาทาย อกฺขิสุตฺตกํ ฉินฺทิตฺวา อกฺขิํ คเหตฺวา มหาสตฺตสฺส หเตฺถ ฐเปสิฯ โส วามกฺขินา ทกฺขิณกฺขิํ โอโลเกตฺวา ปริจฺจาคปีติยา อภิภุยฺยมานํ ทุกฺขเวทนํ เวเทโนฺต ‘‘เอหิ, พฺราหฺมณา’’ติ พฺราหฺมณํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘มม อิโต จกฺขุโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน สมนฺตจกฺขุเมว ปิยตรํ, ตสฺส เม อิทํ อกฺขิทานํ ปจฺจโย โหตู’’ติ พฺราหฺมณสฺส อกฺขิํ อทาสิฯ โส ตํ อุกฺขิปิตฺวา อตฺตโน อกฺขิมฺหิ ฐเปสิ, ตํ ตสฺสานุภาเวน วิกสิตนีลุปฺปลํ วิย หุตฺวา อุปฎฺฐาสิฯ มหาสโตฺต วามกฺขินา ตสฺส ตํ อกฺขิํ ทิสฺวา ‘‘อโห สุทินฺนํ มยา อกฺขี’’ติ อโนฺตสมุคฺคตาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฎสรีโร หุตฺวา อปรมฺปิ อทาสิฯ สโกฺกปิ ตํ ตเถว กตฺวา ราชนิเวสนา นิกฺขมิตฺวา มหาชนสฺส โอโลเกนฺตเสฺสว นครา นิกฺขมิตฺวา เทวโลกเมว คโตฯ
Rājā vedanaṃ adhivāsetvā ‘‘tāta, mā papañcaṃ karī’’ti āha. So ‘‘sādhu, devā’’ti vāmahatthena akkhiṃ dhāretvā dakkhiṇahatthena satthakaṃ ādāya akkhisuttakaṃ chinditvā akkhiṃ gahetvā mahāsattassa hatthe ṭhapesi. So vāmakkhinā dakkhiṇakkhiṃ oloketvā pariccāgapītiyā abhibhuyyamānaṃ dukkhavedanaṃ vedento ‘‘ehi, brāhmaṇā’’ti brāhmaṇaṃ pakkosāpetvā ‘‘mama ito cakkhuto sataguṇena sahassaguṇena satasahassaguṇena samantacakkhumeva piyataraṃ, tassa me idaṃ akkhidānaṃ paccayo hotū’’ti brāhmaṇassa akkhiṃ adāsi. So taṃ ukkhipitvā attano akkhimhi ṭhapesi, taṃ tassānubhāvena vikasitanīluppalaṃ viya hutvā upaṭṭhāsi. Mahāsatto vāmakkhinā tassa taṃ akkhiṃ disvā ‘‘aho sudinnaṃ mayā akkhī’’ti antosamuggatāya pītiyā nirantaraṃ phuṭasarīro hutvā aparampi adāsi. Sakkopi taṃ tatheva katvā rājanivesanā nikkhamitvā mahājanassa olokentasseva nagarā nikkhamitvā devalokameva gato.
รโญฺญ นจิรเสฺสว อกฺขีนิ อาวาฎภาวํ อปฺปตฺตานิ กมฺพลเคณฺฑุกํ วิย อุคฺคเตน มํสปิเณฺฑน ปูเรตฺวา จิตฺตกมฺมรูปสฺส วิย รุหิํสุ, เวทนา ปจฺฉิชฺชิฯ อถ มหาสโตฺต กติปาหํ ปาสาเท วสิตฺวา ‘‘กิํ อนฺธสฺส รเชฺชนาติ อมจฺจานํ รชฺชํ นิยฺยาเตตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา อมจฺจานํ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘มุขโธวนาทิทายโก เอโก ปุริโส มยฺหํ สนฺติเก โหตุ, สรีรกิจฺจฎฺฐาเนสุปิ เม รชฺชุกํ พนฺธถา’’ติ วตฺวา สิวิกาย คนฺตฺวา โปกฺขรณิตีเร ราชปลฺลเงฺก นิสีทิฯ อมจฺจาปิ วนฺทิตฺวา ปฎิกฺกมิํสุฯ โพธิสโตฺตปิ อตฺตโน ทานํ อาวเชฺชสิฯ ตสฺมิํ ขเณ สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทเสฺสสิฯ สโกฺก ตํ ทิสฺวา ‘‘มหาราชสฺส วรํ ทตฺวา จกฺขุํ ปฎิปากติกํ กริสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตสฺส สมีปํ คนฺตฺวา ปทสทฺทมกาสิฯ มหาสเตฺตน จ ‘‘โก เอโส’’ติ วุเตฺต –
Rañño nacirasseva akkhīni āvāṭabhāvaṃ appattāni kambalageṇḍukaṃ viya uggatena maṃsapiṇḍena pūretvā cittakammarūpassa viya ruhiṃsu, vedanā pacchijji. Atha mahāsatto katipāhaṃ pāsāde vasitvā ‘‘kiṃ andhassa rajjenāti amaccānaṃ rajjaṃ niyyātetvā uyyānaṃ gantvā pabbajitvā samaṇadhammaṃ karissāmī’’ti cintetvā amaccānaṃ tamatthaṃ ārocetvā ‘‘mukhadhovanādidāyako eko puriso mayhaṃ santike hotu, sarīrakiccaṭṭhānesupi me rajjukaṃ bandhathā’’ti vatvā sivikāya gantvā pokkharaṇitīre rājapallaṅke nisīdi. Amaccāpi vanditvā paṭikkamiṃsu. Bodhisattopi attano dānaṃ āvajjesi. Tasmiṃ khaṇe sakkassa āsanaṃ uṇhākāraṃ dassesi. Sakko taṃ disvā ‘‘mahārājassa varaṃ datvā cakkhuṃ paṭipākatikaṃ karissāmī’’ti bodhisattassa samīpaṃ gantvā padasaddamakāsi. Mahāsattena ca ‘‘ko eso’’ti vutte –
‘‘สโกฺกหมสฺมิ เทวิโนฺท, อาคโตสฺมิ ตวนฺติเก;
‘‘Sakkohamasmi devindo, āgatosmi tavantike;
วรํ วรสฺสุ ราชีสิ, ยํ กิญฺจิ มนสิจฺฉสี’’ติฯ (ชา. ๑.๑๕.๗๑) –
Varaṃ varassu rājīsi, yaṃ kiñci manasicchasī’’ti. (jā. 1.15.71) –
วตฺวา เตน –
Vatvā tena –
‘‘ปหูตํ เม ธนํ สกฺก, พลํ โกโส จนปฺปโก;
‘‘Pahūtaṃ me dhanaṃ sakka, balaṃ koso canappako;
อนฺธสฺส เม สโต ทานิ, มรณเญฺญว รุจฺจตี’’ติฯ (ชา. ๑.๑๕.๗๒) –
Andhassa me sato dāni, maraṇaññeva ruccatī’’ti. (jā. 1.15.72) –
วุเตฺต อถ นํ สโกฺก อาห – ‘‘สิวิราช, กิํ ปน ตฺวํ มริตุกาโม หุตฺวา มรณํ โรเจสิ, อุทาหุ อนฺธภาเวนา’’ติฯ อนฺธภาเวน, เทวาติฯ ‘‘มหาราช, ทานํ นาม น เกวลํ สมฺปรายตฺถเมว ทิยฺยติ, ทิฎฺฐธมฺมตฺถายปิ ปจฺจโย โหติ, ตสฺมา ตว ทานปุญฺญเมว นิสฺสาย สจฺจกิริยํ กโรหิ, ตสฺส พเลเนว เต จกฺขุ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ วุเตฺต ‘‘เตน หิ มยา มหาทานํ สุทินฺน’’นฺติ วตฺวา สจฺจกิริยํ กโรโนฺต –
Vutte atha naṃ sakko āha – ‘‘sivirāja, kiṃ pana tvaṃ maritukāmo hutvā maraṇaṃ rocesi, udāhu andhabhāvenā’’ti. Andhabhāvena, devāti. ‘‘Mahārāja, dānaṃ nāma na kevalaṃ samparāyatthameva diyyati, diṭṭhadhammatthāyapi paccayo hoti, tasmā tava dānapuññameva nissāya saccakiriyaṃ karohi, tassa baleneva te cakkhu uppajjissatī’’ti vutte ‘‘tena hi mayā mahādānaṃ sudinna’’nti vatvā saccakiriyaṃ karonto –
‘‘เย มํ ยาจิตุมายนฺติ, นานาโคตฺตา วนิพฺพกา;
‘‘Ye maṃ yācitumāyanti, nānāgottā vanibbakā;
โยปิ มํ ยาจเต ตตฺถ, โสปิ เม มนโส ปิโย;
Yopi maṃ yācate tattha, sopi me manaso piyo;
เอเตน สจฺจวเชฺชน, จกฺขุ เม อุปปชฺชถา’’ติฯ (ชา. ๑.๑๕.๗๔) –
Etena saccavajjena, cakkhu me upapajjathā’’ti. (jā. 1.15.74) –
อาหฯ
Āha.
ตตฺถ เย มนฺติ เย มํ ยาจิตุมาคจฺฉนฺติ, เตสุปิ อาคเตสุ โย อิมํ นาม เทหีติ วาจํ นิจฺฉาเรโนฺต มํ ยาจเต, โสปิ เม มนโส ปิโยฯ เอเตนาติ สเจ มยฺหํ สเพฺพปิ ยาจกา ปิยา, สจฺจเมเวตํ มยา วุตฺตํ, เอเตน เม สจฺจวจเนน เอกํ จกฺขุ อุปปชฺชถ อุปฺปชฺชตูติฯ
Tattha ye manti ye maṃ yācitumāgacchanti, tesupi āgatesu yo imaṃ nāma dehīti vācaṃ nicchārento maṃ yācate, sopi me manaso piyo. Etenāti sace mayhaṃ sabbepi yācakā piyā, saccamevetaṃ mayā vuttaṃ, etena me saccavacanena ekaṃ cakkhu upapajjatha uppajjatūti.
อถสฺส วจนสมนนฺตรเมว ปฐมํ จกฺขุ อุทปาทิฯ ตโต ทุติยสฺส อุปฺปชฺชนตฺถาย –
Athassa vacanasamanantarameva paṭhamaṃ cakkhu udapādi. Tato dutiyassa uppajjanatthāya –
‘‘ยํ มํ โส ยาจิตุํ อาคา, เทหิ จกฺขุนฺติ พฺราหฺมโณ;
‘‘Yaṃ maṃ so yācituṃ āgā, dehi cakkhunti brāhmaṇo;
ตสฺส จกฺขูนิ ปาทาสิํ, พฺราหฺมณสฺส วนิพฺพโตฯ
Tassa cakkhūni pādāsiṃ, brāhmaṇassa vanibbato.
‘‘ภิโยฺย มํ อาวิสี ปีติ, โสมนสฺสญฺจนปฺปกํ;
‘‘Bhiyyo maṃ āvisī pīti, somanassañcanappakaṃ;
เอเตน สจฺจวเชฺชน, ทุติยํ เม อุปปชฺชถา’’ติฯ (ชา. ๑.๑๕.๗๕-๗๖) –
Etena saccavajjena, dutiyaṃ me upapajjathā’’ti. (jā. 1.15.75-76) –
อาหฯ
Āha.
ตตฺถ ยํ มนฺติ โย มํฯ โสติ โส จกฺขุยาจโก พฺราหฺมโณฯ อาคาติ อาคโตฯ วนิพฺพโตติ ยาจนฺตสฺสฯ มํ อาวิสีติ พฺราหฺมณสฺส จกฺขูนิ ทตฺวา อนฺธกาเลปิ ตถารูปํ เวทนํ อคเณตฺวา ‘‘อโห สุทินฺนํ เม ทาน’’นฺติ ปจฺจเวกฺขนฺตํ มํ ภิโยฺย อติเรกตรา ปีติ อาวิสิฯ โสมนสฺสญฺจนปฺปกนฺติ อปริมาณํ โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชิฯ เอเตนาติ สเจ ตทา มม อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปนฺนํ, สจฺจเมเวตํ มยา วุตฺตํ, เอเตน เม สจฺจวจเนน ทุติยมฺปิ จกฺขุ อุปปชฺชตูติฯ
Tattha yaṃ manti yo maṃ. Soti so cakkhuyācako brāhmaṇo. Āgāti āgato. Vanibbatoti yācantassa. Maṃ āvisīti brāhmaṇassa cakkhūni datvā andhakālepi tathārūpaṃ vedanaṃ agaṇetvā ‘‘aho sudinnaṃ me dāna’’nti paccavekkhantaṃ maṃ bhiyyo atirekatarā pīti āvisi. Somanassañcanappakanti aparimāṇaṃ somanassaṃ uppajji. Etenāti sace tadā mama anappakaṃ pītisomanassaṃ uppannaṃ, saccamevetaṃ mayā vuttaṃ, etena me saccavacanena dutiyampi cakkhu upapajjatūti.
ตํขณเญฺญว ทุติยมฺปิ จกฺขุ อุทปาทิฯ ตานิ ปนสฺส จกฺขูนิ เนว ปากติกานิ, น ทิพฺพานิฯ สกฺกพฺราหฺมณสฺส หิ ทินฺนํ จกฺขุํ ปุน ปากติกํ กาตุํ น สกฺกา, อุปหตจกฺขุโน จ ทิพฺพจกฺขุ นาม นุปฺปชฺชติ, วุตฺตนเยน ปนสฺส อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ อวิปรีตํ อตฺตโน ทานปีติํ อุปาทาย ปีติผรณวเสน นิพฺพตฺตานิ ‘‘สจฺจปารมิตาจกฺขูนี’’ติ วุตฺตานิฯ เตน วุตฺตํ –
Taṃkhaṇaññeva dutiyampi cakkhu udapādi. Tāni panassa cakkhūni neva pākatikāni, na dibbāni. Sakkabrāhmaṇassa hi dinnaṃ cakkhuṃ puna pākatikaṃ kātuṃ na sakkā, upahatacakkhuno ca dibbacakkhu nāma nuppajjati, vuttanayena panassa ādimajjhapariyosānesu aviparītaṃ attano dānapītiṃ upādāya pītipharaṇavasena nibbattāni ‘‘saccapāramitācakkhūnī’’ti vuttāni. Tena vuttaṃ –
๖๕.
65.
‘‘ททมานสฺส เทนฺตสฺส, ทินฺนทานสฺส เม สโต;
‘‘Dadamānassa dentassa, dinnadānassa me sato;
จิตฺตสฺส อญฺญถา นตฺถิ, โพธิยาเยว การณา’’ติฯ
Cittassa aññathā natthi, bodhiyāyeva kāraṇā’’ti.
ตตฺถ ททมานสฺสาติ จกฺขูนิ ทาตุํ เวเชฺชน อุปฺปาเฎนฺตสฺสฯ เทนฺตสฺสาติ อุปฺปาฎิตานิ ตานิ สกฺกพฺราหฺมณสฺส หเตฺถ ฐเปนฺตสฺสฯ ทินฺนทานสฺสาติ จกฺขุทานํ ทินฺนวโตฯ จิตฺตสฺส อญฺญถาติ ทานชฺฌาสยสฺส อญฺญถาภาโวฯ โพธิยาเยว การณาติ ตญฺจ สพฺพญฺญุตญฺญาณเสฺสว เหตูติ อโตฺถฯ
Tattha dadamānassāti cakkhūni dātuṃ vejjena uppāṭentassa. Dentassāti uppāṭitāni tāni sakkabrāhmaṇassa hatthe ṭhapentassa. Dinnadānassāti cakkhudānaṃ dinnavato. Cittassa aññathāti dānajjhāsayassa aññathābhāvo. Bodhiyāyeva kāraṇāti tañca sabbaññutaññāṇasseva hetūti attho.
๖๖. สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส สุทุลฺลภตาย เอวํ สุทุกฺกรํ มยา กตนฺติ น จกฺขูนํ น อตฺตภาวสฺสปิ อปฺปิยตายาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น เม เทสฺสา’’ติ โอสานคาถมาหฯ ตตฺถ อตฺตา น เม น เทสฺสิโยติ ปฐโม น-กาโร นิปาตมโตฺตฯ อตฺตา น เม กุชฺฌิตโพฺพ, น อปฺปิโยติ อโตฺถฯ ‘‘อตฺตานํ เม น เทสฺสิย’’นฺติปิ ปาโฐฯ ตสฺสโตฺถ – เม อตฺตานํ อหํ น เทสฺสิยํ น กุเชฺฌยฺยํ น กุชฺฌิตุํ อรหามิ น โส มยา กุชฺฌิตโพฺพติฯ ‘‘อตฺตาปิ เม น เทสฺสิโย’’ติปิ ปฐนฺติฯ อทาสหนฺติ อทาสิํ อหํฯ ‘‘อทาสิห’’นฺติปิ ปาโฐฯ
66. Sabbaññutaññāṇassa sudullabhatāya evaṃ sudukkaraṃ mayā katanti na cakkhūnaṃ na attabhāvassapi appiyatāyāti dassento ‘‘na me dessā’’ti osānagāthamāha. Tattha attā na me na dessiyoti paṭhamo na-kāro nipātamatto. Attā na me kujjhitabbo, na appiyoti attho. ‘‘Attānaṃ me na dessiya’’ntipi pāṭho. Tassattho – me attānaṃ ahaṃ na dessiyaṃ na kujjheyyaṃ na kujjhituṃ arahāmi na so mayā kujjhitabboti. ‘‘Attāpi me na dessiyo’’tipi paṭhanti. Adāsahanti adāsiṃ ahaṃ. ‘‘Adāsiha’’ntipi pāṭho.
ตทา ปน โพธิสตฺตสฺส สจฺจกิริยาย จกฺขูสุ อุปฺปเนฺนสุ สกฺกานุภาเวน สพฺพา ราชปริสา สนฺนิปติตาว อโหสิฯ อถสฺส สโกฺก มหาชนมเชฺฌ อากาเส ฐตฺวา –
Tadā pana bodhisattassa saccakiriyāya cakkhūsu uppannesu sakkānubhāvena sabbā rājaparisā sannipatitāva ahosi. Athassa sakko mahājanamajjhe ākāse ṭhatvā –
‘‘ธเมฺมน ภาสิตา คาถา, สิวีนํ รฎฺฐวฑฺฒน;
‘‘Dhammena bhāsitā gāthā, sivīnaṃ raṭṭhavaḍḍhana;
เอตานิ ตว เนตฺตานิ, ทิพฺพานิ ปฎิทิสฺสเรฯ
Etāni tava nettāni, dibbāni paṭidissare.
‘‘ติโรกุฎฺฎํ ติโรเสลํ, สมติคฺคยฺห ปพฺพตํ;
‘‘Tirokuṭṭaṃ tiroselaṃ, samatiggayha pabbataṃ;
สมนฺตา โยชนสตํ, ทสฺสนํ อนุโภนฺตุ เต’’ติฯ (ชา. ๑.๑๕.๗๗-๗๘) –
Samantā yojanasataṃ, dassanaṃ anubhontu te’’ti. (jā. 1.15.77-78) –
อิมาหิ คาถาหิ ถุติํ กตฺวา เทวโลกเมว คโตฯ โพธิสโตฺตปิ มหาชนปริวุโต มหเนฺตน สกฺกาเรน นครํ ปวิสิตฺวา ราชเคหทฺวาเร สุสชฺชิเต มหามณฺฑเป สมุสฺสิตเสตจฺฉเตฺต ราชปลฺลเงฺก นิสิโนฺน จกฺขุปฎิลาเภน ตุฎฺฐหฎฺฐปมุทิตานํ ทฎฺฐุํ อาคตานํ นาครานํ ชานปทานํ ราชปริสาย จ ธมฺมํ เทเสโนฺต –
Imāhi gāthāhi thutiṃ katvā devalokameva gato. Bodhisattopi mahājanaparivuto mahantena sakkārena nagaraṃ pavisitvā rājagehadvāre susajjite mahāmaṇḍape samussitasetacchatte rājapallaṅke nisinno cakkhupaṭilābhena tuṭṭhahaṭṭhapamuditānaṃ daṭṭhuṃ āgatānaṃ nāgarānaṃ jānapadānaṃ rājaparisāya ca dhammaṃ desento –
‘‘โก นีธ วิตฺตํ น ทเทยฺย ยาจิโต, อปิ วิสิฎฺฐํ สุปิยมฺปิ อตฺตโน;
‘‘Ko nīdha vittaṃ na dadeyya yācito, api visiṭṭhaṃ supiyampi attano;
ตทิงฺฆ สเพฺพ สิวโย สมาคตา, ทิพฺพานิ เนตฺตานิ มมชฺช ปสฺสถฯ
Tadiṅgha sabbe sivayo samāgatā, dibbāni nettāni mamajja passatha.
‘‘ติโรกุฎฺฎํ ติโรเสลํ, สมติคฺคยฺห ปพฺพตํ;
‘‘Tirokuṭṭaṃ tiroselaṃ, samatiggayha pabbataṃ;
สมนฺตา โยชนสตํ, ทสฺสนํ อนุโภนฺติ เมฯ
Samantā yojanasataṃ, dassanaṃ anubhonti me.
‘‘น จาคมตฺตา ปรมตฺถิ กิญฺจิ, มจฺจานํ อิธ ชีวิเต;
‘‘Na cāgamattā paramatthi kiñci, maccānaṃ idha jīvite;
ทตฺวาน มานุสํ จกฺขุํ, ลทฺธํ เม จกฺขุ อมานุสํฯ
Datvāna mānusaṃ cakkhuṃ, laddhaṃ me cakkhu amānusaṃ.
‘‘เอตมฺปิ ทิสฺวา สิวโย, เทถ ทานานิ ภุญฺชถ;
‘‘Etampi disvā sivayo, detha dānāni bhuñjatha;
ทตฺวา จ ภุตฺวา จ ยถานุภาวํ, อนินฺทิตา สคฺคมุเปถ ฐาน’’นฺติฯ (ชา. ๑.๑๕.๗๙-๘๒) –
Datvā ca bhutvā ca yathānubhāvaṃ, aninditā saggamupetha ṭhāna’’nti. (jā. 1.15.79-82) –
อิมา คาถา อภาสิฯ ตตฺถ ธเมฺมน ภาสิตาติ, มหาราช, อิมา เต คาถา ธเมฺมน สภาเวเนว ภาสิตาฯ ทิพฺพานีติ ทิพฺพานุภาวยุตฺตานิฯ ปฎิทิสฺสเรติ ปฎิทิสฺสนฺติฯ ติโรกุฎฺฎนฺติ ปรกุฎฺฎํฯ ติโรเสลนฺติ ปรเสลํฯ สมติคฺคยฺหาติ อติกฺกมิตฺวาฯ สมนฺตา ทสทิสา โยชนสตํ รูปทสฺสนํ อนุโภนฺตุ สาเธนฺตุฯ
Imā gāthā abhāsi. Tattha dhammena bhāsitāti, mahārāja, imā te gāthā dhammena sabhāveneva bhāsitā. Dibbānīti dibbānubhāvayuttāni. Paṭidissareti paṭidissanti. Tirokuṭṭanti parakuṭṭaṃ. Tiroselanti paraselaṃ. Samatiggayhāti atikkamitvā. Samantā dasadisā yojanasataṃ rūpadassanaṃ anubhontu sādhentu.
โก นีธาติ โก นุ อิธฯ อปิ วิสิฎฺฐนฺติ อุตฺตมมฺปิ สมานํฯ น จาคมตฺตาติ จาคปฺปมาณโต อญฺญํ วรํ นาม นตฺถิฯ อิธ ชีวิเตติ อิมสฺมิํ ชีวโลเกฯ ‘‘อิธ ชีวต’’นฺติปิ ปฐนฺติฯ อิมสฺมิํ โลเก ชีวมานานนฺติ อโตฺถฯ อมานุสนฺติ ทิพฺพจกฺขุ มยา ลทฺธํ, อิมินา การเณน เวทิตพฺพเมตํ ‘‘จาคโต อุตฺตมํ นาม นตฺถี’’ติฯ เอตมฺปิ ทิสฺวาติ เอตํ มยา ลทฺธํ ทิพฺพจกฺขุํ ทิสฺวาปิฯ
Ko nīdhāti ko nu idha. Api visiṭṭhanti uttamampi samānaṃ. Na cāgamattāti cāgappamāṇato aññaṃ varaṃ nāma natthi. Idha jīviteti imasmiṃ jīvaloke. ‘‘Idha jīvata’’ntipi paṭhanti. Imasmiṃ loke jīvamānānanti attho. Amānusanti dibbacakkhu mayā laddhaṃ, iminā kāraṇena veditabbametaṃ ‘‘cāgato uttamaṃ nāma natthī’’ti. Etampi disvāti etaṃ mayā laddhaṃ dibbacakkhuṃ disvāpi.
อิติ อิมาหิ จตูหิ คาถาหิ น เกวลํ ตสฺมิํเยว ขเณ, อถ โข อนฺวทฺธมาสมฺปิ อุโปสเถ มหาชนํ สนฺนิปาเตตฺวา ธมฺมํ เทเสสิฯ ตํ สุตฺวา มหาชโน ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา เทวโลกปรายโน อโหสิฯ
Iti imāhi catūhi gāthāhi na kevalaṃ tasmiṃyeva khaṇe, atha kho anvaddhamāsampi uposathe mahājanaṃ sannipātetvā dhammaṃ desesi. Taṃ sutvā mahājano dānādīni puññāni katvā devalokaparāyano ahosi.
ตทา เวโชฺช อานนฺทเตฺถโร อโหสิ, สโกฺก อนุรุทฺธเตฺถโร, เสสปริสา พุทฺธปริสา, สิวิราชา โลกนาโถฯ
Tadā vejjo ānandatthero ahosi, sakko anuruddhatthero, sesaparisā buddhaparisā, sivirājā lokanātho.
ตสฺส อิธาปิ วุตฺตนเยเนว ยถารหํ ปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพาฯ ตถา ทิวเส ทิวเส ยถา อทินฺนปุพฺพํ พาหิรเทยฺยธมฺมวตฺถุ น โหติ, เอวํ อปริมิตํ มหาทานํ ปวเตฺตนฺตสฺส เตน อปริตุฎฺฐสฺส กถํ นุ โข อหํ อชฺฌตฺติกวตฺถุกํ ทานํ ทเทยฺยํ, กทา นุ โข มํ โกจิ อาคนฺตฺวา อชฺฌตฺติกํ เทยฺยธมฺมํ ยาเจยฺย, สเจ หิ โกจิ ยาจโก เม หทยมํสสฺส นามํ คเณฺหยฺย, กณเยน นํ นีหริตฺวา ปสนฺนอุทกโต สนาฬํ ปทุมํ อุทฺธรโนฺต วิย โลหิตพินฺทุํ ปคฺฆรนฺตํ หทยํ นีหริตฺวา ทสฺสามิฯ สเจ สรีรมํสสฺส นามํ คเณฺหยฺย, อวเลขเนน ตาลคุฬปฎลํ อุปฺปาเฎโนฺต วิย สรีรมํสํ อุปฺปาเฎตฺวา ทสฺสามิฯ สเจ โลหิตสฺส นามํ คเณฺหยฺย, อสินา วิชฺฌิตฺวา ยนฺตมุเข วา ปติตฺวา อุปนีตํ ภาชนํ ปูเรตฺวา โลหิตํ ทสฺสามิฯ สเจ ปน โกจิ ‘‘เคเห เม กมฺมํ นปฺปวตฺตติ, ตตฺถ เม ทาสกมฺมํ กโรหี’’ติ วเทยฺย, ราชเวสํ อปเนตฺวา ตสฺส อตฺตานํ สาเวตฺวา ทาสกมฺมํ กริสฺสามิฯ สเจ วา ปน โกจิ อกฺขีนํ นามํ คเณฺหยฺย, ตาลมิญฺชํ นีหรโนฺต วิย อกฺขีนิ อุปฺปาเฎตฺวา ตสฺส ทสฺสามีติ เอวํ อนญฺญสาธารณวสีภาวปฺปตฺตานํ มหาโพธิสตฺตานํเยว อาเวณิกา อุฬารตรา ปริวิตกฺกุปฺปตฺติ, จกฺขุยาจกํ ลภิตฺวา อมจฺจปาริสชฺชาทีหิ นิวาริยมานสฺสาปิ เตสํ วจนํ อนาทิยิตฺวา อตฺตโน ปริวิตกฺกานุรูปํ ปฎิปตฺติยา จ ปรมา ปีติปฎิสํเวทนา, ตสฺสา ปีติมนตาย อวิตถภาวํ นิสฺสาย สกฺกสฺส ปุรโต สจฺจกิริยากรณํ, เตน จ อตฺตโน จกฺขูนํ ปฎิปากติกภาโว, เตสญฺจ ทิพฺพานุภาวตาติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา เวทิตพฺพาติฯ
Tassa idhāpi vuttanayeneva yathārahaṃ pāramiyo niddhāretabbā. Tathā divase divase yathā adinnapubbaṃ bāhiradeyyadhammavatthu na hoti, evaṃ aparimitaṃ mahādānaṃ pavattentassa tena aparituṭṭhassa kathaṃ nu kho ahaṃ ajjhattikavatthukaṃ dānaṃ dadeyyaṃ, kadā nu kho maṃ koci āgantvā ajjhattikaṃ deyyadhammaṃ yāceyya, sace hi koci yācako me hadayamaṃsassa nāmaṃ gaṇheyya, kaṇayena naṃ nīharitvā pasannaudakato sanāḷaṃ padumaṃ uddharanto viya lohitabinduṃ paggharantaṃ hadayaṃ nīharitvā dassāmi. Sace sarīramaṃsassa nāmaṃ gaṇheyya, avalekhanena tālaguḷapaṭalaṃ uppāṭento viya sarīramaṃsaṃ uppāṭetvā dassāmi. Sace lohitassa nāmaṃ gaṇheyya, asinā vijjhitvā yantamukhe vā patitvā upanītaṃ bhājanaṃ pūretvā lohitaṃ dassāmi. Sace pana koci ‘‘gehe me kammaṃ nappavattati, tattha me dāsakammaṃ karohī’’ti vadeyya, rājavesaṃ apanetvā tassa attānaṃ sāvetvā dāsakammaṃ karissāmi. Sace vā pana koci akkhīnaṃ nāmaṃ gaṇheyya, tālamiñjaṃ nīharanto viya akkhīni uppāṭetvā tassa dassāmīti evaṃ anaññasādhāraṇavasībhāvappattānaṃ mahābodhisattānaṃyeva āveṇikā uḷāratarā parivitakkuppatti, cakkhuyācakaṃ labhitvā amaccapārisajjādīhi nivāriyamānassāpi tesaṃ vacanaṃ anādiyitvā attano parivitakkānurūpaṃ paṭipattiyā ca paramā pītipaṭisaṃvedanā, tassā pītimanatāya avitathabhāvaṃ nissāya sakkassa purato saccakiriyākaraṇaṃ, tena ca attano cakkhūnaṃ paṭipākatikabhāvo, tesañca dibbānubhāvatāti evamādayo mahāsattassa guṇānubhāvā veditabbāti.
สิวิราชจริยาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sivirājacariyāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / จริยาปิฎกปาฬิ • Cariyāpiṭakapāḷi / ๘. สิวิราชจริยา • 8. Sivirājacariyā