Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā |
๘. โสภิตพุทฺธวํสวณฺณนา
8. Sobhitabuddhavaṃsavaṇṇanā
ตสฺส ปน อปรภาเค ตสฺส สาสเนปิ อนฺตรหิเต โสภิโต นาม โพธิสโตฺต กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ฐตฺวา เทเวหิ อายาจิโต ตุสิตปุรโต จวิตฺวา สุธมฺมนคเร สุธมฺมราชสฺส กุเล สุธมฺมาย นาม เทวิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ อคฺคเหสิฯ โส ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน สุธมฺมุยฺยาเน มาตุกุจฺฉิโต ปริสุทฺธวิราชิตฆนเมฆปฎลโต ปุณฺณจโนฺท วิย นิกฺขมิฯ ตสฺส ปฎิสนฺธิยํ ชาติยญฺจ ปาฎิหาริยานิ ปุเพฺพ วุตฺตปฺปการานิฯ
Tassa pana aparabhāge tassa sāsanepi antarahite sobhito nāma bodhisatto kappasatasahassādhikāni cattāri asaṅkhyeyyāni pāramiyo pūretvā tusitapure nibbattitvā tattha yāvatāyukaṃ ṭhatvā devehi āyācito tusitapurato cavitvā sudhammanagare sudhammarājassa kule sudhammāya nāma deviyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ aggahesi. So dasannaṃ māsānaṃ accayena sudhammuyyāne mātukucchito parisuddhavirājitaghanameghapaṭalato puṇṇacando viya nikkhami. Tassa paṭisandhiyaṃ jātiyañca pāṭihāriyāni pubbe vuttappakārāni.
โส ทสวสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิตฺวา สตฺตตฺติํสนาฎกิตฺถิสหสฺสานํ อคฺคาย อคฺคมเหสิยา มขิลเทวิยา กุจฺฉิสฺมิํ สีหกุมาเร นาม ปุเตฺต อุปฺปเนฺน จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา สญฺชาตสํเวโค ปาสาเทเยว ปพฺพชิตฺวา ตเตฺถว อานาปานสฺสติสมาธิํ ภาเวตฺวา จตฺตาริ ฌานานิ ปฎิลภิตฺวา สตฺตาหํ ตเตฺถว ปธานจริยมจริฯ ตโต มขิลมหาเทวิยา ทินฺนํ ปรมมธุรํ มธุปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา อภินิกฺขมนตฺถาย จิตฺตมุปฺปาเทสิ – ‘‘อยํ ปาสาโท อลงฺกตปฎิยโตฺต มหาชนสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว อากาเสน คนฺตฺวา โพธิรุกฺขํ มเชฺฌกตฺวา ปถวิยํ โอตรตุ, อิมา จ อิตฺถิโย มยิ โพธิมูเล นิสิเนฺน อวุตฺตา สยเมว ปาสาทโต นิกฺขมนฺตู’’ติฯ สหจิตฺตุปฺปาทา ปาสาโท จ สุธมฺมราชภวนโต อุปฺปติตฺวา อสิตญฺชนสงฺกาสมากาสมพฺภุคฺคญฺฉิฯ โส สโมสริตสุรภิกุสุมทามสมลงฺกตปาสาทตโล สกลมฺปิ คคนตลํ สมลงฺกุรุมาโน วิย กนกรสธาราสทิสรุจิรกรนิกโร ทิวสกโร วิย จ สรทสมยรชนิกโร วิย จ วิโรจมาโน วิลมฺพมานวิวิธวิจิตฺตกิงฺกิณิกชาโล ยสฺส กิร วาเตริตสฺส สุกุสลชนวาทิตสฺส ปญฺจงฺคิกสฺส ตุริยสฺส วิย สโทฺท วคฺคุ จ รชนีโย จ กมนีโย จ อโหสิฯ
So dasavassasahassāni agāraṃ ajjhāvasitvā sattattiṃsanāṭakitthisahassānaṃ aggāya aggamahesiyā makhiladeviyā kucchismiṃ sīhakumāre nāma putte uppanne cattāri nimittāni disvā sañjātasaṃvego pāsādeyeva pabbajitvā tattheva ānāpānassatisamādhiṃ bhāvetvā cattāri jhānāni paṭilabhitvā sattāhaṃ tattheva padhānacariyamacari. Tato makhilamahādeviyā dinnaṃ paramamadhuraṃ madhupāyāsaṃ paribhuñjitvā abhinikkhamanatthāya cittamuppādesi – ‘‘ayaṃ pāsādo alaṅkatapaṭiyatto mahājanassa passantasseva ākāsena gantvā bodhirukkhaṃ majjhekatvā pathaviyaṃ otaratu, imā ca itthiyo mayi bodhimūle nisinne avuttā sayameva pāsādato nikkhamantū’’ti. Sahacittuppādā pāsādo ca sudhammarājabhavanato uppatitvā asitañjanasaṅkāsamākāsamabbhuggañchi. So samosaritasurabhikusumadāmasamalaṅkatapāsādatalo sakalampi gaganatalaṃ samalaṅkurumāno viya kanakarasadhārāsadisarucirakaranikaro divasakaro viya ca saradasamayarajanikaro viya ca virocamāno vilambamānavividhavicittakiṅkiṇikajālo yassa kira vāteritassa sukusalajanavāditassa pañcaṅgikassa turiyassa viya saddo vaggu ca rajanīyo ca kamanīyo ca ahosi.
ทูรโต ปฎฺฐาย สุยฺยมาเนน มธุเรน สเรน สตฺตานํ โสตานิ โอทหมาโน ฆรจจฺจรจตุกฺกวีถิอาทีสุ ฐตฺวา ปวตฺติตกถาสลฺลาเปสุ มนุเสฺสสุ นาตินีเจน นาติอุเจฺจน ตรุวรวนมตฺถกาวิทูเรนากาเสน ปโลภยมาโน วิย ตรุวรสาขานานารตนชุติวิสรสมุชฺชเลน วเณฺณน ชนนยนานิ อากเฑฺฒโนฺต วิย จ ปุญฺญานุภาวํ สมุโคฺฆสยโนฺต วิย จ คคนตลํ ปฎิปชฺชิฯ ตตฺถ นาฎกิตฺถิโยปิ ปญฺจงฺคิกสฺส วรตุริยสฺส มธุเรน สเรน อุปคายิํสุ เจว วิลปิํสุ จฯ จตุรงฺคินี กิรสฺส เสนาปิ อลงฺการ-กายาภรณ-ชุติ-สมุทย-สมุโชฺชตนานาวิราค-สุรภิกุสุมวสนาภรณโสภิตา อมรวรเสนา วิย ปรมรุจิรทสฺสนา ธรณี วิย คคนตเลน ปาสาทํ ปริวาเรตฺวา อคมาสิฯ
Dūrato paṭṭhāya suyyamānena madhurena sarena sattānaṃ sotāni odahamāno gharacaccaracatukkavīthiādīsu ṭhatvā pavattitakathāsallāpesu manussesu nātinīcena nātiuccena taruvaravanamatthakāvidūrenākāsena palobhayamāno viya taruvarasākhānānāratanajutivisarasamujjalena vaṇṇena jananayanāni ākaḍḍhento viya ca puññānubhāvaṃ samugghosayanto viya ca gaganatalaṃ paṭipajji. Tattha nāṭakitthiyopi pañcaṅgikassa varaturiyassa madhurena sarena upagāyiṃsu ceva vilapiṃsu ca. Caturaṅginī kirassa senāpi alaṅkāra-kāyābharaṇa-juti-samudaya-samujjotanānāvirāga-surabhikusumavasanābharaṇasobhitā amaravarasenā viya paramaruciradassanā dharaṇī viya gaganatalena pāsādaṃ parivāretvā agamāsi.
ตโต ปาสาโท คนฺตฺวา อฎฺฐาสีติหตฺถุเพฺพธํ อุชุวิปุลวฎฺฎกฺขนฺธํ กุสุมปลฺลวมกุลสมลงฺกตํ นาครุกฺขํ มเชฺฌกตฺวา โอตริตฺวา ภูมิยํ ปติฎฺฐหิฯ นาฎกิตฺถิโย จ เกนจิ อวุตฺตาว ตโต ปาสาทโต โอตริตฺวา ปกฺกมิํสุฯ อเนกคุณโสภิโต กิร โสภิโตปิ มหาปุริโส มหาชนกตปริวาโรเยว รตฺติยา ตีสุ ยาเมสุ ติโสฺส วิชฺชาโย อุปฺปาเทสิฯ มารพลํ ปนสฺส ธมฺมตาพเลเนว ยถาคตมคมาสิฯ ปาสาโท ปน ตเตฺถว อฎฺฐาสิฯ โสภิโต ปน ภควตา สโมฺพธิํ ปตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป.… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนตฺวา โพธิสมีเปเยว สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา พฺรหฺมุโน ธมฺมเชฺฌสนํ ปฎิชานิตฺวา – ‘‘กสฺส นุ โข ปฐมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ พุทฺธจกฺขุนา โอโลเกโนฺต อตฺตโน เวมาติเก กนิฎฺฐภาติเก อสมกุมารญฺจ สุเนตฺตกุมารญฺจ ทิสฺวา – ‘‘อิเม เทฺว กุมารา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา คมฺภีรํ นิปุณํ ธมฺมํ ปฎิวิชฺฌิตุํ สมตฺถา, หนฺทาหํ อิเมสํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ อากาเสนาคนฺตฺวา สุธมฺมุยฺยาเน โอตริตฺวา เทฺวปิ กุมาเร อุยฺยานปาเลน ปโกฺกสาเปตฺวา เตหิ สปริวาเรหิ ปริวุโต มหาชนมเชฺฌ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิฯ เตน วุตฺตํ –
Tato pāsādo gantvā aṭṭhāsītihatthubbedhaṃ ujuvipulavaṭṭakkhandhaṃ kusumapallavamakulasamalaṅkataṃ nāgarukkhaṃ majjhekatvā otaritvā bhūmiyaṃ patiṭṭhahi. Nāṭakitthiyo ca kenaci avuttāva tato pāsādato otaritvā pakkamiṃsu. Anekaguṇasobhito kira sobhitopi mahāpuriso mahājanakataparivāroyeva rattiyā tīsu yāmesu tisso vijjāyo uppādesi. Mārabalaṃ panassa dhammatābaleneva yathāgatamagamāsi. Pāsādo pana tattheva aṭṭhāsi. Sobhito pana bhagavatā sambodhiṃ patvā – ‘‘anekajātisaṃsāraṃ…pe… taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti udānaṃ udānetvā bodhisamīpeyeva sattasattāhaṃ vītināmetvā brahmuno dhammajjhesanaṃ paṭijānitvā – ‘‘kassa nu kho paṭhamaṃ dhammaṃ deseyya’’nti buddhacakkhunā olokento attano vemātike kaniṭṭhabhātike asamakumārañca sunettakumārañca disvā – ‘‘ime dve kumārā upanissayasampannā gambhīraṃ nipuṇaṃ dhammaṃ paṭivijjhituṃ samatthā, handāhaṃ imesaṃ dhammaṃ deseyya’’nti ākāsenāgantvā sudhammuyyāne otaritvā dvepi kumāre uyyānapālena pakkosāpetvā tehi saparivārehi parivuto mahājanamajjhe dhammacakkaṃ pavattesi. Tena vuttaṃ –
๑.
1.
‘‘เรวตสฺส อปเรน, โสภิโต นาม นายโก;
‘‘Revatassa aparena, sobhito nāma nāyako;
สมาหิโต สนฺตจิโตฺต, อสโม อปฺปฎิปุคฺคโลฯ
Samāhito santacitto, asamo appaṭipuggalo.
๒.
2.
‘‘โส ชิโน สกเคหมฺหิ, มานสํ วินิวตฺตยิ;
‘‘So jino sakagehamhi, mānasaṃ vinivattayi;
ปตฺวาน เกวลํ โพธิํ, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยิฯ
Patvāna kevalaṃ bodhiṃ, dhammacakkaṃ pavattayi.
๓.
3.
‘‘ยาว เหฎฺฐา อวีจิโต, ภวคฺคา จาปิ อุทฺธโต;
‘‘Yāva heṭṭhā avīcito, bhavaggā cāpi uddhato;
เอตฺถนฺตเร เอกปริสา, อโหสิ ธมฺมเทสเนฯ
Etthantare ekaparisā, ahosi dhammadesane.
๔.
4.
‘‘ตาย ปริสาย สมฺพุโทฺธ, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยิ;
‘‘Tāya parisāya sambuddho, dhammacakkaṃ pavattayi;
คณนาย น วตฺตโพฺพ, ปฐมาภิสมโย อหู’’ติฯ
Gaṇanāya na vattabbo, paṭhamābhisamayo ahū’’ti.
ตตฺถ สกเคหมฺหีติ อตฺตโน ภวเนเยว, อโนฺตปาสาทตเลเยวาติ อโตฺถฯ มานสํ วินิวตฺตยีติ จิตฺตํ ปริวเตฺตสิ, สกเคเห ฐตฺวา สตฺตทิวสพฺภนฺตเรเยว ปุถุชฺชนภาวโต จิตฺตํ วินิวเตฺตตฺวา พุทฺธตฺตํ ปาปุณีติ อโตฺถฯ เหฎฺฐาติ เหฎฺฐโตฯ ภวคฺคาติ อกนิฎฺฐภวนโตฯ ตาย ปริสายาติ ตสฺสา ปริสาย มเชฺฌฯ คณนาย น วตฺตโพฺพติ คณนปถมตีตาติ อโตฺถฯ ปฐมาภิสมโยติ ปฐโม ธมฺมาภิสมโยฯ อหูติ คณนาย น วตฺตพฺพา ปริสา อโหสีติ อโตฺถฯ ‘‘ปฐเม อภิสมิํสุเยวา’’ติปิ ปาโฐ, ตสฺส ปฐมธมฺมเทสเน อภิสมิํสุ เย ชนา, เต คณนาย น วตฺตพฺพาติ อโตฺถฯ
Tattha sakagehamhīti attano bhavaneyeva, antopāsādataleyevāti attho. Mānasaṃ vinivattayīti cittaṃ parivattesi, sakagehe ṭhatvā sattadivasabbhantareyeva puthujjanabhāvato cittaṃ vinivattetvā buddhattaṃ pāpuṇīti attho. Heṭṭhāti heṭṭhato. Bhavaggāti akaniṭṭhabhavanato. Tāya parisāyāti tassā parisāya majjhe. Gaṇanāya na vattabboti gaṇanapathamatītāti attho. Paṭhamābhisamayoti paṭhamo dhammābhisamayo. Ahūti gaṇanāya na vattabbā parisā ahosīti attho. ‘‘Paṭhame abhisamiṃsuyevā’’tipi pāṭho, tassa paṭhamadhammadesane abhisamiṃsu ye janā, te gaṇanāya na vattabbāti attho.
อถาปเรน สมเยน สุทสฺสนนครทฺวาเร จิตฺตปาฎลิยา มูเล ยมกปาฎิหาริยํ กตฺวา นวกนกมณิมยภวเน ตาวติํสภวเน ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลสิลาตเล นิสีทิตฺวา อภิธมฺมํ เทเสสิฯ เทสนาปริโยสาเน นวุติโกฎิสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ อยํ ทุติโย อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Athāparena samayena sudassananagaradvāre cittapāṭaliyā mūle yamakapāṭihāriyaṃ katvā navakanakamaṇimayabhavane tāvatiṃsabhavane pāricchattakamūle paṇḍukambalasilātale nisīditvā abhidhammaṃ desesi. Desanāpariyosāne navutikoṭisahassānaṃ dhammābhisamayo ahosi. Ayaṃ dutiyo abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –
๕.
5.
‘‘ตโต ปรมฺปิ เทเสเนฺต, มรูนญฺจ สมาคเม;
‘‘Tato parampi desente, marūnañca samāgame;
นวุติโกฎิสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหู’’ติฯ
Navutikoṭisahassānaṃ, dutiyābhisamayo ahū’’ti.
อถาปเรน สมเยน สุทสฺสนนคเร ชยเสโน นาม ราชกุมาโร โยชนปฺปมาณํ วิหารํ กาเรตฺวา อโสกสฺสกณฺณจมฺปกนาคปุนฺนาควกุลสุรภิจูตปนสาสนสาลกุนฺท- สหการกรวีราทิตรุวรนิรนฺตรํ อารามํ โรเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาเตสิฯ ทานานุโมทนํ กตฺวา ยาคํ วเณฺณตฺวา ภควา ธมฺมํ เทเสสิฯ ตทา โกฎิสตสหสฺสสตฺตนิกายสฺส ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ อยํ ตติยาภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Athāparena samayena sudassananagare jayaseno nāma rājakumāro yojanappamāṇaṃ vihāraṃ kāretvā asokassakaṇṇacampakanāgapunnāgavakulasurabhicūtapanasāsanasālakunda- sahakārakaravīrāditaruvaranirantaraṃ ārāmaṃ ropetvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa niyyātesi. Dānānumodanaṃ katvā yāgaṃ vaṇṇetvā bhagavā dhammaṃ desesi. Tadā koṭisatasahassasattanikāyassa dhammābhisamayo ahosi. Ayaṃ tatiyābhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –
๖.
6.
‘‘ปุนาปรํ ราชปุโตฺต, ชยเสโน นาม ขตฺติโย;
‘‘Punāparaṃ rājaputto, jayaseno nāma khattiyo;
อารามํ โรปยิตฺวาน, พุเทฺธ นิยฺยาตยี ตทาฯ
Ārāmaṃ ropayitvāna, buddhe niyyātayī tadā.
๗.
7.
‘‘ตสฺส ยาคํ ปกิเตฺตโนฺต, ธมฺมํ เทเสสิ จกฺขุมา;
‘‘Tassa yāgaṃ pakittento, dhammaṃ desesi cakkhumā;
ตทา โกฎิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติฯ
Tadā koṭisahassānaṃ, tatiyābhisamayo ahū’’ti.
ปุน อุคฺคโต นาม ราชา สุนนฺทนคเร สุนนฺทํ นาม วิหารํ กาเรตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทาสิฯ ตสฺมิํ ทาเน เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตานํ โกฎิสตํ อรหนฺตานํ สนฺนิปาโต , เตสํ มเชฺฌ โสภิโต ภควา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิฯ อยํ ปฐโม สนฺนิปาโต อโหสิฯ ปุน เมขลานคเร ธมฺมคโณ ธมฺมคณารามํ นาม ปวรารามํ มหาวิหารํ กาเรตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทตฺวา สห สพฺพปริกฺขาเรหิ ทานํ อทาสิฯ ตสฺมิํ สมาคเม เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพชิตานํ นวุติยา อรหนฺตโกฎีนํ สนฺนิปาเต ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิฯ อยํ ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ ยทา ปน ภควา ทสสตนยนปุเร วสฺสํ วสิตฺวา ปวารณาย สุรวรปริวุโต โอตริ, ตทา อสีติยา อรหนฺตโกฎีหิ สทฺธิํ จตุรงฺคิเก สนฺนิปาเต ปวาเรสิฯ อยํ ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Puna uggato nāma rājā sunandanagare sunandaṃ nāma vihāraṃ kāretvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa adāsi. Tasmiṃ dāne ehibhikkhupabbajjāya pabbajitānaṃ koṭisataṃ arahantānaṃ sannipāto , tesaṃ majjhe sobhito bhagavā pātimokkhaṃ uddisi. Ayaṃ paṭhamo sannipāto ahosi. Puna mekhalānagare dhammagaṇo dhammagaṇārāmaṃ nāma pavarārāmaṃ mahāvihāraṃ kāretvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa datvā saha sabbaparikkhārehi dānaṃ adāsi. Tasmiṃ samāgame ehibhikkhubhāvena pabbajitānaṃ navutiyā arahantakoṭīnaṃ sannipāte pātimokkhaṃ uddisi. Ayaṃ dutiyo sannipāto ahosi. Yadā pana bhagavā dasasatanayanapure vassaṃ vasitvā pavāraṇāya suravaraparivuto otari, tadā asītiyā arahantakoṭīhi saddhiṃ caturaṅgike sannipāte pavāresi. Ayaṃ tatiyo sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –
๘.
8.
‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, โสภิตสฺส มเหสิโน;
‘‘Sannipātā tayo āsuṃ, sobhitassa mahesino;
ขีณาสวานํ วิมลานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํฯ
Khīṇāsavānaṃ vimalānaṃ, santacittāna tādinaṃ.
๙.
9.
‘‘อุคฺคโต นาม โส ราชา, ทานํ เทติ นรุตฺตเม;
‘‘Uggato nāma so rājā, dānaṃ deti naruttame;
ตมฺหิ ทาเน สมาคญฺฉุํ, อรหนฺตา สตโกฎิโยฯ
Tamhi dāne samāgañchuṃ, arahantā satakoṭiyo.
๑๐.
10.
‘‘ปุนาปรํ ปุรคโณ, เทติ ทานํ นรุตฺตเม;
‘‘Punāparaṃ puragaṇo, deti dānaṃ naruttame;
ตทา นวุติโกฎีนํ, ทุติโย อาสิ สมาคโมฯ
Tadā navutikoṭīnaṃ, dutiyo āsi samāgamo.
๑๑.
11.
‘‘เทวโลเก วสิตฺวาน, ยทา โอโรหตี ชิโน;
‘‘Devaloke vasitvāna, yadā orohatī jino;
ตทา อสีติโกฎีนํ, ตติโย อาสิ สมาคโม’’ติฯ
Tadā asītikoṭīnaṃ, tatiyo āsi samāgamo’’ti.
ตทา กิร อมฺหากํ โพธิสโตฺต รมฺมวตีนคเร อุภโต สุชาโต ‘สุชาโต’ นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา โสภิตสฺส ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฎฺฐาย พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส เตมาสํ มหาทานมทาสิฯ โสปิ นํ ‘‘อนาคเต โคตโม นาม พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ เตน วุตฺตํ –
Tadā kira amhākaṃ bodhisatto rammavatīnagare ubhato sujāto ‘sujāto’ nāma brāhmaṇo hutvā sobhitassa bhagavato dhammadesanaṃ sutvā saraṇesu patiṭṭhāya buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa temāsaṃ mahādānamadāsi. Sopi naṃ ‘‘anāgate gotamo nāma buddho bhavissatī’’ti byākāsi. Tena vuttaṃ –
๑๒.
12.
‘‘อหํ เตน สมเยน, สุชาโต นาม พฺราหฺมโณ;
‘‘Ahaṃ tena samayena, sujāto nāma brāhmaṇo;
ตทา สสาวกํ พุทฺธํ, อนฺนปาเนน ตปฺปยิํฯ
Tadā sasāvakaṃ buddhaṃ, annapānena tappayiṃ.
๑๓.
13.
‘‘โสปิ มํ พุโทฺธ พฺยากาสิ, โสภิโต โลกนายโก;
‘‘Sopi maṃ buddho byākāsi, sobhito lokanāyako;
อปริเมยฺยิโต กเปฺป, อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ
Aparimeyyito kappe, ayaṃ buddho bhavissati.
๑๔.
14.
‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป.… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ
‘‘Padhānaṃ padahitvāna…pe… hessāma sammukhā imaṃ.
๑๕.
15.
‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, หโฎฺฐ สํวิคฺคมานโส;
‘‘Tassāpi vacanaṃ sutvā, haṭṭho saṃviggamānaso;
ตเมวตฺถมนุปฺปตฺติยา, อุคฺคํ ธิติมกาสห’’นฺติฯ
Tamevatthamanuppattiyā, uggaṃ dhitimakāsaha’’nti.
ตตฺถ ตเมวตฺถมนุปฺปตฺติยาติ ตสฺส พุทฺธตฺตสฺส อนุปฺปตฺติอตฺถํ, ตสฺส ปน โสภิตพุทฺธสฺส – ‘‘อนาคเต อยํ โคตโม นาม พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ วจนํ สุตฺวา ‘‘อวิตถวจนา หิ พุทฺธา’’ติ พุทฺธตฺตปฺปตฺติอตฺถนฺติ อโตฺถฯ อุคฺคนฺติ ติพฺพํ โฆรํฯ ธิตินฺติ วีริยํฯ อกาสหนฺติ อกาสิํ อหํฯ
Tattha tamevatthamanuppattiyāti tassa buddhattassa anuppattiatthaṃ, tassa pana sobhitabuddhassa – ‘‘anāgate ayaṃ gotamo nāma buddho bhavissatī’’ti vacanaṃ sutvā ‘‘avitathavacanā hi buddhā’’ti buddhattappattiatthanti attho. Ugganti tibbaṃ ghoraṃ. Dhitinti vīriyaṃ. Akāsahanti akāsiṃ ahaṃ.
ตสฺส ปน โสภิตสฺส ภควโต สุธมฺมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา สุธโมฺม นาม ราชา, มาตา สุธมฺมา นาม เทวี, อสโม จ สุเนโตฺต จ เทฺว อคฺคสาวกา, อโนโม นามุปฎฺฐาโก, นกุลา จ สุชาตา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, นาครุโกฺข โพธิ, อฎฺฐปณฺณาสหตฺถุเพฺพธํ สรีรํ อโหสิ, นวุติวสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ, มขิลา นามสฺส มหาเทวี, สีหกุมาโร นาม อตฺรโช, นาฎกิตฺถีนํ สตฺตตฺติํสสหสฺสานิ นววสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิฯ ปาสาเทน อภินิกฺขมิฯ ชยเสโน นาม ราชา อุปฎฺฐาโกฯ เสตาราเม กิร วสีติฯ เตน วุตฺตํ –
Tassa pana sobhitassa bhagavato sudhammaṃ nāma nagaraṃ ahosi, pitā sudhammo nāma rājā, mātā sudhammā nāma devī, asamo ca sunetto ca dve aggasāvakā, anomo nāmupaṭṭhāko, nakulā ca sujātā ca dve aggasāvikā, nāgarukkho bodhi, aṭṭhapaṇṇāsahatthubbedhaṃ sarīraṃ ahosi, navutivassasahassāni āyuppamāṇaṃ, makhilā nāmassa mahādevī, sīhakumāro nāma atrajo, nāṭakitthīnaṃ sattattiṃsasahassāni navavassasahassāni agāraṃ ajjhāvasi. Pāsādena abhinikkhami. Jayaseno nāma rājā upaṭṭhāko. Setārāme kira vasīti. Tena vuttaṃ –
๑๖.
16.
‘‘สุธมฺมํ นาม นครํ, สุธโมฺม นาม ขตฺติโย;
‘‘Sudhammaṃ nāma nagaraṃ, sudhammo nāma khattiyo;
สุธมฺมา นาม ชนิกา, โสภิตสฺส มเหสิโนฯ
Sudhammā nāma janikā, sobhitassa mahesino.
๒๑.
21.
‘‘อสโม จ สุเนโตฺต จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;
‘‘Asamo ca sunetto ca, ahesuṃ aggasāvakā;
อโนโม นามุปฎฺฐาโก, โสภิตสฺส มเหสิโนฯ
Anomo nāmupaṭṭhāko, sobhitassa mahesino.
๒๒.
22.
‘‘นกุลา จ สุชาตา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;
‘‘Nakulā ca sujātā ca, ahesuṃ aggasāvikā;
พุชฺฌมาโน จ โส พุโทฺธ, นาคมูเล อพุชฺฌถฯ
Bujjhamāno ca so buddho, nāgamūle abujjhatha.
๒๔.
24.
‘‘อฎฺฐปณฺณาสรตนํ , อจฺจุคฺคโต มหามุนิ;
‘‘Aṭṭhapaṇṇāsaratanaṃ , accuggato mahāmuni;
โอภาเสติ ทิสา สพฺพา, สตรํสีว อุคฺคโตฯ
Obhāseti disā sabbā, sataraṃsīva uggato.
๒๕.
25.
‘‘ตถา สุผุลฺลํ ปวนํ, นานาคเนฺธหิ ธูปิตํ;
‘‘Tathā suphullaṃ pavanaṃ, nānāgandhehi dhūpitaṃ;
ตเถว ตสฺส ปาวจนํ, สีลคเนฺธหิ ธูปิตํฯ
Tatheva tassa pāvacanaṃ, sīlagandhehi dhūpitaṃ.
๒๖.
26.
‘‘ยถาปิ สาคโร นาม, ทสฺสเนน อตปฺปิโย;
‘‘Yathāpi sāgaro nāma, dassanena atappiyo;
ตเถว ตสฺส ปาวจนํ, สวเนน อตปฺปิยํฯ
Tatheva tassa pāvacanaṃ, savanena atappiyaṃ.
๒๗.
27.
‘‘นวุติวสฺสสหสฺสานิ , อายุ วิชฺชติ ตาวเท;
‘‘Navutivassasahassāni , āyu vijjati tāvade;
ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ
Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi janataṃ bahuṃ.
๒๘.
28.
‘‘โอวาทํ อนุสิฎฺฐิญฺจ, ทตฺวาน เสสเก ชเน;
‘‘Ovādaṃ anusiṭṭhiñca, datvāna sesake jane;
หุตาสโนว ตาเปตฺวา, นิพฺพุโต โส สสาวโกฯ
Hutāsanova tāpetvā, nibbuto so sasāvako.
๒๙.
29.
‘‘โส จ พุโทฺธ อสมสโม, เตปิ สาวกา พลปฺปตฺตา;
‘‘So ca buddho asamasamo, tepi sāvakā balappattā;
สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติฯ
Sabbaṃ tamantarahitaṃ, nanu rittā sabbasaṅkhārā’’ti.
ตตฺถ สตรํสีวาติอาทิโจฺจ วิย, สพฺพา ทิสา โอภาเสตีติ อโตฺถฯ ปวนนฺติ มหาวนํฯ ธูปิตนฺติ วาสิตํ คนฺธิตํฯ อตปฺปิโยติ อติตฺติกโร, อติตฺติชนโน วาฯ ตาวเทติ ตสฺมิํ กาเล, ตาวตกํ กาลนฺติ อโตฺถฯ ตาเรสีติ ตารยีฯ โอวาทนฺติ สกิํ วาโท โอวาโท นามฯ อนุสิฎฺฐินฺติ ปุนปฺปุนํ วจนํ อนุสิฎฺฐิ นามฯ เสสเก ชเนติ สจฺจปฺปฎิเวธํ อปฺปตฺตสฺส เสสชนสฺส, สามิอเตฺถ ภุมฺมวจนํฯ หุตาสโนว ตาเปตฺวาติ อคฺคิ วิย ตเปฺปตฺวาฯ อยเมว วา ปาโฐ, อุปาทานกฺขยา ภควา ปรินิพฺพุโตติ อโตฺถฯ เสสคาถาสุ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Tattha sataraṃsīvātiādicco viya, sabbā disā obhāsetīti attho. Pavananti mahāvanaṃ. Dhūpitanti vāsitaṃ gandhitaṃ. Atappiyoti atittikaro, atittijanano vā. Tāvadeti tasmiṃ kāle, tāvatakaṃ kālanti attho. Tāresīti tārayī. Ovādanti sakiṃ vādo ovādo nāma. Anusiṭṭhinti punappunaṃ vacanaṃ anusiṭṭhi nāma. Sesake janeti saccappaṭivedhaṃ appattassa sesajanassa, sāmiatthe bhummavacanaṃ. Hutāsanova tāpetvāti aggi viya tappetvā. Ayameva vā pāṭho, upādānakkhayā bhagavā parinibbutoti attho. Sesagāthāsu sabbattha uttānamevāti.
โสภิตพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sobhitabuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.
นิฎฺฐิโต ฉโฎฺฐ พุทฺธวํโสฯ
Niṭṭhito chaṭṭho buddhavaṃso.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๘. โสภิตพุทฺธวํโส • 8. Sobhitabuddhavaṃso