Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๓. โสภิตเตฺถรคาถาวณฺณนา

    3. Sobhitattheragāthāvaṇṇanā

    สติมา ปญฺญวาติ อายสฺมโต โสภิตเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ปุเพฺพนิวาสญาณลาภีนํ ภิกฺขูนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ ฐานนฺตรํ อุทฺทิสฺส ปตฺถนํ กตฺวา ปุญฺญานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรโนฺต สุเมธสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ คนฺตฺวา เนกฺขมฺมาธิมุโตฺต ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตสฺส สมีเป อรญฺญายตเน อสฺสมํ กาเรตฺวา วนมูลผลาผเลน ยาเปโนฺต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสเนว ภทฺทวตีนคเร สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘ตุวํ สตฺถา จ เกตุ จา’’ติอาทีหิ ฉหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ , สตฺถา จสฺส ภาวินิํ สมฺปตฺติํ ปกาเสสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติฯ โสภิโตติสฺส นามํ อกํสุฯ โส อปเรน สมเยน สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ ปุเพฺพนิวาสญาเณ จิณฺณวสี จ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๔๖-๗๔) –

    Satimā paññavāti āyasmato sobhitattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare kulagehe nibbattitvā vayappatto satthu dhammadesanaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ pubbenivāsañāṇalābhīnaṃ bhikkhūnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā sayampi taṃ ṭhānantaraṃ uddissa patthanaṃ katvā puññāni katvā sugatīsuyeva saṃsaranto sumedhassa bhagavato kāle brāhmaṇakule nibbattitvā viññutaṃ patto brāhmaṇānaṃ vijjāsippesu nipphattiṃ gantvā nekkhammādhimutto gharāvāsaṃ pahāya tāpasapabbajjaṃ pabbajitvā himavantassa samīpe araññāyatane assamaṃ kāretvā vanamūlaphalāphalena yāpento buddhuppādaṃ sutvā sabbattha ekarattivāseneva bhaddavatīnagare satthāraṃ upasaṅkamitvā pasannamānaso ‘‘tuvaṃ satthā ca ketu cā’’tiādīhi chahi gāthāhi abhitthavi , satthā cassa bhāviniṃ sampattiṃ pakāsesi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ brāhmaṇakule nibbatti. Sobhitotissa nāmaṃ akaṃsu. So aparena samayena satthu dhammadesanaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā chaḷabhiñño ahosi. Pubbenivāsañāṇe ciṇṇavasī ca ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.49.46-74) –

    ‘‘ทกฺขิเณ หิมวนฺตสฺส, สุกโต อสฺสโม มม;

    ‘‘Dakkhiṇe himavantassa, sukato assamo mama;

    อุตฺตมตฺถํ คเวสโนฺต, วสามิ วิปิเน ตทาฯ

    Uttamatthaṃ gavesanto, vasāmi vipine tadā.

    ‘‘ลาภาลาเภน สนฺตุโฎฺฐ, มูเลน จ ผเลน จ;

    ‘‘Lābhālābhena santuṭṭho, mūlena ca phalena ca;

    อเนฺวสโนฺต อาจริยํ, วสามิ เอกโก อหํฯ

    Anvesanto ācariyaṃ, vasāmi ekako ahaṃ.

    ‘‘สุเมโธ นาม สมฺพุโทฺธ, โลเก อุปฺปชฺชิ ตาวเท;

    ‘‘Sumedho nāma sambuddho, loke uppajji tāvade;

    จตุสจฺจํ ปกาเสติ, อุทฺธรโนฺต มหาชนํฯ

    Catusaccaṃ pakāseti, uddharanto mahājanaṃ.

    ‘‘นาหํ สุโณมิ สมฺพุทฺธํ, นปิ เม โกจิ สํสติ;

    ‘‘Nāhaṃ suṇomi sambuddhaṃ, napi me koci saṃsati;

    อฎฺฐวเสฺส อติกฺกเนฺต, อโสฺสสิํ โลกนายกํฯ

    Aṭṭhavasse atikkante, assosiṃ lokanāyakaṃ.

    ‘‘อคฺคิทารุํ นีหริตฺวา, สมฺมชฺชิตฺวาน อสฺสมํ;

    ‘‘Aggidāruṃ nīharitvā, sammajjitvāna assamaṃ;

    ขาริภารํ คเหตฺวาน, นิกฺขมิํ วิปินา อหํฯ

    Khāribhāraṃ gahetvāna, nikkhamiṃ vipinā ahaṃ.

    ‘‘เอกรตฺติํ วสโนฺตหํ, คาเมสุ นิคเมสุ จ;

    ‘‘Ekarattiṃ vasantohaṃ, gāmesu nigamesu ca;

    อนุปุเพฺพน จนฺทวติํ, ตทาหํ อุปสงฺกมิํฯ

    Anupubbena candavatiṃ, tadāhaṃ upasaṅkamiṃ.

    ‘‘ภควา ตมฺหิ สมเย, สุเมโธ โลกนายโก;

    ‘‘Bhagavā tamhi samaye, sumedho lokanāyako;

    อุทฺธรโนฺต พหู สเตฺต, เทเสติ อมตํ ปทํฯ

    Uddharanto bahū satte, deseti amataṃ padaṃ.

    ‘‘ชนกายมติกฺกมฺม, วนฺทิตฺวา ชินสาครํ;

    ‘‘Janakāyamatikkamma, vanditvā jinasāgaraṃ;

    เอกํสํ อชินํ กตฺวา, สนฺถวิํ โลกนายกํฯ

    Ekaṃsaṃ ajinaṃ katvā, santhaviṃ lokanāyakaṃ.

    ‘‘ตุวํ สตฺถา จ เกตุ จ, ธโช ยูโป จ ปาณินํ;

    ‘‘Tuvaṃ satthā ca ketu ca, dhajo yūpo ca pāṇinaṃ;

    ปรายโน ปติฎฺฐา จ, ทีโป จ ทฺวิปทุตฺตโมฯ

    Parāyano patiṭṭhā ca, dīpo ca dvipaduttamo.

    ‘‘เนปุโญฺญ ทสฺสเน วีโร, ตาเรสิ ชนตํ ตุวํ;

    ‘‘Nepuñño dassane vīro, tāresi janataṃ tuvaṃ;

    นตฺถโญฺญ ตารโก โลเก, ตวุตฺตริตโร มุเนฯ

    Natthañño tārako loke, tavuttaritaro mune.

    ‘‘สกฺกา เถเว กุสเคฺคน, ปเมตุํ สาครุตฺตเม;

    ‘‘Sakkā theve kusaggena, pametuṃ sāgaruttame;

    น เตฺวว ตว สพฺพญฺญุ, ญาณํ สกฺกา ปเมตเวฯ

    Na tveva tava sabbaññu, ñāṇaṃ sakkā pametave.

    ‘‘ตุลทเณฺฑ ฐเปตฺวาน, มหิํ สกฺกา ธเรตเว;

    ‘‘Tuladaṇḍe ṭhapetvāna, mahiṃ sakkā dharetave;

    นเตฺวว ตว ปญฺญาย, ปมาณมตฺถิ จกฺขุมฯ

    Natveva tava paññāya, pamāṇamatthi cakkhuma.

    ‘‘อากาโส มินิตุํ สกฺกา, รชฺชุยา องฺคุเลน วา;

    ‘‘Ākāso minituṃ sakkā, rajjuyā aṅgulena vā;

    นเตฺวว ตว สพฺพญฺญุ, สีลํ สกฺกา ปเมตเวฯ

    Natveva tava sabbaññu, sīlaṃ sakkā pametave.

    ‘‘มหาสมุเทฺท อุทกํ, อากาโส จ วสุนฺธรา;

    ‘‘Mahāsamudde udakaṃ, ākāso ca vasundharā;

    ปริเมยฺยานิ เอตานิ, อปฺปเมโยฺยสิ จกฺขุมฯ

    Parimeyyāni etāni, appameyyosi cakkhuma.

    ‘‘ฉหิ คาถาหิ สพฺพญฺญุํ, กิตฺตยิตฺวา มหายสํ;

    ‘‘Chahi gāthāhi sabbaññuṃ, kittayitvā mahāyasaṃ;

    อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวาน, ตุณฺหี อฎฺฐาสหํ ตทาฯ

    Añjaliṃ paggahetvāna, tuṇhī aṭṭhāsahaṃ tadā.

    ‘‘ยํ วทนฺติ สุเมโธติ, ภูริปญฺญํ สุเมธสํ;

    ‘‘Yaṃ vadanti sumedhoti, bhūripaññaṃ sumedhasaṃ;

    ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถฯ

    Bhikkhusaṅghe nisīditvā, imā gāthā abhāsatha.

    ‘‘โย เม ญาณํ ปกิเตฺตสิ, วิปฺปสเนฺนน เจตสา;

    ‘‘Yo me ñāṇaṃ pakittesi, vippasannena cetasā;

    ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโตฯ

    Tamahaṃ kittayissāmi, suṇātha mama bhāsato.

    ‘‘สตฺตสตฺตติ กปฺปานิ, เทวโลเก รมิสฺสติ;

    ‘‘Sattasattati kappāni, devaloke ramissati;

    สหสฺสกฺขตฺตุํ เทวิโนฺท, เทวรชฺชํ กริสฺสติฯ

    Sahassakkhattuṃ devindo, devarajjaṃ karissati.

    ‘‘อเนกสตกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

    ‘‘Anekasatakkhattuñca, cakkavattī bhavissati;

    ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํฯ

    Padesarajjaṃ vipulaṃ, gaṇanāto asaṅkhiyaṃ.

    ‘‘เทวภูโต มนุโสฺส วา, ปุญฺญกมฺมสมาหิโต;

    ‘‘Devabhūto manusso vā, puññakammasamāhito;

    อนูนมนสงฺกโปฺป, ติกฺขปโญฺญ ภวิสฺสติฯ

    Anūnamanasaṅkappo, tikkhapañño bhavissati.

    ‘‘ติํสกปฺปสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Tiṃsakappasahassamhi, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘อคารา อภินิกฺขมฺม, ปพฺพชิสฺสติกิญฺจโน;

    ‘‘Agārā abhinikkhamma, pabbajissatikiñcano;

    ชาติยา สตฺตวเสฺสน, อรหตฺตํ ผุสิสฺสติฯ

    Jātiyā sattavassena, arahattaṃ phusissati.

    ‘‘ยโต สรามิ อตฺตานํ, ยโต ปโตฺตสฺมิ สาสนํ;

    ‘‘Yato sarāmi attānaṃ, yato pattosmi sāsanaṃ;

    เอตฺถนฺตเร น ชานามิ, เจตนํ อมโนรมํฯ

    Etthantare na jānāmi, cetanaṃ amanoramaṃ.

    ‘‘สํสริตฺวา ภเว สเพฺพ, สมฺปตฺตานุภวิํ อหํ;

    ‘‘Saṃsaritvā bhave sabbe, sampattānubhaviṃ ahaṃ;

    โภเค เม อูนตา นตฺถิ, ผลํ ญาณสฺส โถมเนฯ

    Bhoge me ūnatā natthi, phalaṃ ñāṇassa thomane.

    ‘‘ติยคฺคี นิพฺพุตา มยฺหํ, ภวา สเพฺพ สมูหตา;

    ‘‘Tiyaggī nibbutā mayhaṃ, bhavā sabbe samūhatā;

    สพฺพาสวา ปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวฯ

    Sabbāsavā parikkhīṇā, natthi dāni punabbhavo.

    ‘‘ติํสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ยํ ญาณมถวิํ อหํ;

    ‘‘Tiṃsakappasahassamhi, yaṃ ñāṇamathaviṃ ahaṃ;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ผลํ ญาณสฺส โถมเนฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, phalaṃ ñāṇassa thomane.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    โส อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปุเพฺพนิวาสํ อนุปฎิปาฎิยา อนุสฺสรโนฺต ยาว อสญฺญภเว อจิตฺตกปฎิสนฺธิ, ตาว อทฺทสฯ ตโต ปญฺจ กปฺปสตานิ จิตฺตปฺปวตฺติํ อทิสฺวา อวสาเนว ทิสฺวา ‘‘กิเมต’’นฺติ อาวเชฺชโนฺต นยวเสน ‘‘อสญฺญภโว ภวิสฺสตี’’ติ นิฎฺฐํ อคมาสิฯ เตนาห ภควา – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อสญฺญสตฺตา นาม ทีฆายุกา เทวา, ตโต จุโต โสภิโต อิธูปปโนฺน, โส เอตํ ภวํ ชานาติ, โสภิโต อนุสฺสรตี’’ติ (ปารา. ๒๓๒ อตฺถโต สมานํ)ฯ เอวํ นยวเสน อนุสฺสรนฺตสฺส อนุสฺสรณโกสลฺลํ ทิสฺวา สตฺถา เถรํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ ตโต เอว จายํ อายสฺมา สวิเสสํ อตฺตโน ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณํ ตสฺส จ ปจฺจยภูตํ ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา โสมนสฺสชาโต ตทตฺถทีปนํ อุทานํ อุทาเนโนฺต –

    So arahattaṃ pana patvā attano pubbenivāsaṃ anupaṭipāṭiyā anussaranto yāva asaññabhave acittakapaṭisandhi, tāva addasa. Tato pañca kappasatāni cittappavattiṃ adisvā avasāneva disvā ‘‘kimeta’’nti āvajjento nayavasena ‘‘asaññabhavo bhavissatī’’ti niṭṭhaṃ agamāsi. Tenāha bhagavā – ‘‘atthi, bhikkhave, asaññasattā nāma dīghāyukā devā, tato cuto sobhito idhūpapanno, so etaṃ bhavaṃ jānāti, sobhito anussaratī’’ti (pārā. 232 atthato samānaṃ). Evaṃ nayavasena anussarantassa anussaraṇakosallaṃ disvā satthā theraṃ pubbenivāsaṃ anussarantānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi. Tato eva cāyaṃ āyasmā savisesaṃ attano pubbenivāsānussatiñāṇaṃ tassa ca paccayabhūtaṃ paṭipattiṃ paccavekkhitvā somanassajāto tadatthadīpanaṃ udānaṃ udānento –

    ๑๖๕.

    165.

    ‘‘สติมา ปญฺญวา ภิกฺขุ, อารทฺธพลวีริโย;

    ‘‘Satimā paññavā bhikkhu, āraddhabalavīriyo;

    ปญฺจ กปฺปสตานาหํ, เอกรตฺติํ อนุสฺสริํฯ

    Pañca kappasatānāhaṃ, ekarattiṃ anussariṃ.

    ๑๖๖.

    166.

    ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน, สตฺต อฎฺฐ จ ภาวยํ;

    ‘‘Cattāro satipaṭṭhāne, satta aṭṭha ca bhāvayaṃ;

    ปญฺจ กปฺปสตานาหํ, เอกรตฺติํ อนุสฺสริ’’นฺติฯ – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

    Pañca kappasatānāhaṃ, ekarattiṃ anussari’’nti. – gāthādvayaṃ abhāsi;

    ตตฺถ สติมาติ สยํ สมุทาคมนสมฺปนฺนาย สติปฎฺฐานภาวนาปาริปูริยา สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา จ สติมาฯ ปญฺญวาติ ฉฬภิญฺญาปาริปูริยา ปญฺญาเวปุลฺลปฺปตฺติยา จ ปญฺญวาฯ ภินฺนกิเลสตาย ภิกฺขุฯ สทฺธาทิพลานเญฺจว จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยสฺส จ สํสิทฺธิปาริปูริยา อารทฺธพลวีริโยฯ สทฺธาทีนเญฺหตฺถ พลคฺคหเณน คหณํ สติปิ สติอาทีนํ พลภาเว, ยถา ‘‘โคพลิพทฺธา ปุญฺญญาณสมฺภารา’’ติฯ ปญฺจ กปฺปสตานาหํ, เอกรตฺติํ อนุสฺสรินฺติ เอกรตฺติํ วิย อนุสฺสริํฯ วิย-สโทฺท หิ อิธ ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐ, เอเตน ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาเณ อตฺตโน ญาณวสีภาวํ ทีเปติฯ

    Tattha satimāti sayaṃ samudāgamanasampannāya satipaṭṭhānabhāvanāpāripūriyā sativepullappattiyā ca satimā. Paññavāti chaḷabhiññāpāripūriyā paññāvepullappattiyā ca paññavā. Bhinnakilesatāya bhikkhu. Saddhādibalānañceva catubbidhasammappadhānavīriyassa ca saṃsiddhipāripūriyā āraddhabalavīriyo. Saddhādīnañhettha balaggahaṇena gahaṇaṃ satipi satiādīnaṃ balabhāve, yathā ‘‘gobalibaddhā puññañāṇasambhārā’’ti. Pañca kappasatānāhaṃ, ekarattiṃ anussarinti ekarattiṃ viya anussariṃ. Viya-saddo hi idha luttaniddiṭṭho, etena pubbenivāsānussatiñāṇe attano ñāṇavasībhāvaṃ dīpeti.

    อิทานิ ยาย ปฎิปตฺติยา อตฺตโน สติมนฺตาทิภาโว สาติสยํ ปุเพฺพนิวาสญาณญฺจ สิทฺธํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘จตฺตาโร’’ติอาทินา ทุติยํ คาถมาหฯ ตตฺถ จตฺตาโร สติปฎฺฐาเนติ กายานุปสฺสนาทิเก อตฺตโน วิสยเภเทน จตุพฺพิเธ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเก สติสงฺขาเต สติปฎฺฐาเนฯ สตฺตาติ สตฺต โพชฺฌเงฺคฯ อฎฺฐาติ อฎฺฐ มคฺคงฺคานิฯ สติปฎฺฐาเนสุ หิ สุปฺปติฎฺฐิตจิตฺตสฺส สตฺต โพชฺฌงฺคา ภาวนาปาริปูริํ คตา เอว โหนฺติ, ตถา อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคฯ เตนาห ธมฺมเสนาปติ – ‘‘จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุปฺปติฎฺฐิตจิตฺตา สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา’’ติอาทีหิ (ที. นิ. ๓.๑๔๓) สตฺตโกฎฺฐาสิเกสุ สตฺตติํสาย โพธิปกฺขิยธเมฺมสุ เอกสฺมิํ โกฎฺฐาเส ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉเนฺต อิตเร อคจฺฉนฺตา นาม นตฺถีติฯ ภาวยนฺติ ภาวนาเหตุฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Idāni yāya paṭipattiyā attano satimantādibhāvo sātisayaṃ pubbenivāsañāṇañca siddhaṃ, taṃ dassetuṃ ‘‘cattāro’’tiādinā dutiyaṃ gāthamāha. Tattha cattāro satipaṭṭhāneti kāyānupassanādike attano visayabhedena catubbidhe lokiyalokuttaramissake satisaṅkhāte satipaṭṭhāne. Sattāti satta bojjhaṅge. Aṭṭhāti aṭṭha maggaṅgāni. Satipaṭṭhānesu hi suppatiṭṭhitacittassa satta bojjhaṅgā bhāvanāpāripūriṃ gatā eva honti, tathā ariyo aṭṭhaṅgiko maggo. Tenāha dhammasenāpati – ‘‘catūsu satipaṭṭhānesu suppatiṭṭhitacittā satta bojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvetvā’’tiādīhi (dī. ni. 3.143) sattakoṭṭhāsikesu sattatiṃsāya bodhipakkhiyadhammesu ekasmiṃ koṭṭhāse bhāvanāpāripūriṃ gacchante itare agacchantā nāma natthīti. Bhāvayanti bhāvanāhetu. Sesaṃ vuttanayameva.

    โสภิตเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sobhitattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๓. โสภิตเตฺถรคาถา • 3. Sobhitattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact