Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
๑. โสฬสปญฺญานิเทฺทสวณฺณนา
1. Soḷasapaññāniddesavaṇṇanā
๔. สุตฺตนฺตนิเทฺทเส ฉนฺนํ อภิญฺญาญาณานนฺติ อิทฺธิวิธทิพฺพโสตเจโตปริยปุเพฺพนิวาสทิพฺพจกฺขุอาสวานํ ขยญาณานํฯ เตสตฺตตีนํ ญาณานนฺติ ญาณกถาย นิทฺทิฎฺฐานํ สาวกสาธารณานํ ญาณานํฯ สตฺตสตฺตตีนํ ญาณานนฺติ เอตฺถ –
4. Suttantaniddese channaṃ abhiññāñāṇānanti iddhividhadibbasotacetopariyapubbenivāsadibbacakkhuāsavānaṃ khayañāṇānaṃ. Tesattatīnaṃ ñāṇānanti ñāṇakathāya niddiṭṭhānaṃ sāvakasādhāraṇānaṃ ñāṇānaṃ. Sattasattatīnaṃ ñāṇānanti ettha –
‘‘สตฺตสตฺตริ โว, ภิกฺขเว, ญาณวตฺถูนิ เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามีติฯ กตมานิ, ภิกฺขเว, สตฺตสตฺตริ ญาณวตฺถูนิ? ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ ญาณํ, อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณนฺติ ญาณํฯ อตีตมฺปิ อทฺธานํ ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ ญาณํ, อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณนฺติ ญาณํ, อนาคตมฺปิ อทฺธานํ ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ ญาณํ, อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณนฺติ ญาณํฯ ยมฺปิสฺส ตํ ธมฺมฎฺฐิติญาณํ, ตมฺปิ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมนฺติ ญาณํฯ ภวปจฺจยา ชาตีติ ญาณํ…เป.… อุปาทานปจฺจยา ภโวติ ญาณํ… ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานนฺติ ญาณํ… เวทนาปจฺจยา ตณฺหาติ ญาณํ… ผสฺสปจฺจยา เวทนาติ ญาณํ… สฬายตนปจฺจยา ผโสฺสติ ญาณํ… นามรูปปจฺจยา สฬายตนนฺติ ญาณํ… วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปนฺติ ญาณํ… สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณนฺติ ญาณํ… อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ ญาณํ, อสติ อวิชฺชาย นตฺถิ สงฺขาราติ ญาณํฯ อตีตมฺปิ อทฺธานํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ ญาณํ, อสติ อวิชฺชาย นตฺถิ สงฺขาราติ ญาณํ, อนาคตมฺปิ อทฺธานํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ ญาณํ, อสติ อวิชฺชาย นตฺถิ สงฺขาราติ ญาณํฯ ยมฺปิสฺส ตํ ธมฺมฎฺฐิติญาณํ, ตมฺปิ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมนฺติ ญาณํฯ อิมานิ วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตสตฺตริ ญาณวตฺถูนี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๓๔) –
‘‘Sattasattari vo, bhikkhave, ñāṇavatthūni desessāmi, taṃ suṇātha sādhukaṃ manasi karotha, bhāsissāmīti. Katamāni, bhikkhave, sattasattari ñāṇavatthūni? Jātipaccayā jarāmaraṇanti ñāṇaṃ, asati jātiyā natthi jarāmaraṇanti ñāṇaṃ. Atītampi addhānaṃ jātipaccayā jarāmaraṇanti ñāṇaṃ, asati jātiyā natthi jarāmaraṇanti ñāṇaṃ, anāgatampi addhānaṃ jātipaccayā jarāmaraṇanti ñāṇaṃ, asati jātiyā natthi jarāmaraṇanti ñāṇaṃ. Yampissa taṃ dhammaṭṭhitiñāṇaṃ, tampi khayadhammaṃ vayadhammaṃ virāgadhammaṃ nirodhadhammanti ñāṇaṃ. Bhavapaccayā jātīti ñāṇaṃ…pe… upādānapaccayā bhavoti ñāṇaṃ… taṇhāpaccayā upādānanti ñāṇaṃ… vedanāpaccayā taṇhāti ñāṇaṃ… phassapaccayā vedanāti ñāṇaṃ… saḷāyatanapaccayā phassoti ñāṇaṃ… nāmarūpapaccayā saḷāyatananti ñāṇaṃ… viññāṇapaccayā nāmarūpanti ñāṇaṃ… saṅkhārapaccayā viññāṇanti ñāṇaṃ… avijjāpaccayā saṅkhārāti ñāṇaṃ, asati avijjāya natthi saṅkhārāti ñāṇaṃ. Atītampi addhānaṃ avijjāpaccayā saṅkhārāti ñāṇaṃ, asati avijjāya natthi saṅkhārāti ñāṇaṃ, anāgatampi addhānaṃ avijjāpaccayā saṅkhārāti ñāṇaṃ, asati avijjāya natthi saṅkhārāti ñāṇaṃ. Yampissa taṃ dhammaṭṭhitiñāṇaṃ, tampi khayadhammaṃ vayadhammaṃ virāgadhammaṃ nirodhadhammanti ñāṇaṃ. Imāni vuccanti, bhikkhave, sattasattari ñāṇavatthūnī’’ti (saṃ. ni. 2.34) –
เอวํ ภควตา นิทานวเคฺค วุตฺตานิ สตฺตสตฺตติ ญาณานิฯ ‘‘ชรามรเณ ญาณํ, ชรามรณสมุทเย ญาณํ, ชรามรณนิโรเธ ญาณํ, ชรามรณนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย ญาณ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๓๓) อิมินา นเยน เอกาทสสุ อเงฺคสุ จตฺตาริ จตฺตาริ กตฺวา วุตฺตานิ จตุจตฺตารีส ญาณวตฺถูนิ ปน อิธ น คหิตานิฯ อุภยตฺถ จ ญาณานิเยว หิตสุขสฺส วตฺถูนีติ ญาณวตฺถูนิฯ ลาโภติอาทีสุ ลาโภเยว อุปสเคฺคน วิเสเสตฺวา ปฎิลาโภติ วุโตฺตฯ ปุน ตเสฺสว อตฺถวิวรณวเสน ปตฺติ สมฺปตฺตีติ วุตฺตํฯ ผสฺสนาติ อธิคมวเสน ผุสนาฯ สจฺฉิกิริยาติ ปฎิลาภสจฺฉิกิริยาฯ อุปสมฺปทาติ นิปฺผาทนาฯ
Evaṃ bhagavatā nidānavagge vuttāni sattasattati ñāṇāni. ‘‘Jarāmaraṇe ñāṇaṃ, jarāmaraṇasamudaye ñāṇaṃ, jarāmaraṇanirodhe ñāṇaṃ, jarāmaraṇanirodhagāminiyā paṭipadāya ñāṇa’’nti (saṃ. ni. 2.33) iminā nayena ekādasasu aṅgesu cattāri cattāri katvā vuttāni catucattārīsa ñāṇavatthūni pana idha na gahitāni. Ubhayattha ca ñāṇāniyeva hitasukhassa vatthūnīti ñāṇavatthūni. Lābhotiādīsu lābhoyeva upasaggena visesetvā paṭilābhoti vutto. Puna tasseva atthavivaraṇavasena patti sampattīti vuttaṃ. Phassanāti adhigamavasena phusanā. Sacchikiriyāti paṭilābhasacchikiriyā. Upasampadāti nipphādanā.
สตฺตนฺนญฺจ เสกฺขานนฺติ ติโสฺส สิกฺขา สิกฺขนฺตีติ เสกฺขสญฺญิตานํ โสตาปตฺติมคฺคฎฺฐาทีนํ สตฺตนฺนํฯ ปุถุชฺชนกลฺยาณกสฺส จาติ นิพฺพานคามินิยา ปฎิปทาย ยุตฺตตฺตา สุนฺทรเฎฺฐน กลฺยาณสญฺญิตสฺส ปุถุชฺชนสฺสฯ วฑฺฒิตํ วฑฺฒนํ เอตายาติ วฑฺฒิตวฑฺฒนาฯ ยถาวุตฺตานํ อฎฺฐนฺนมฺปิ ปญฺญานํ วเสน วิเสสโต จ อรหโต ปญฺญาวเสน ปญฺญาวุทฺธิยาฯ ตถา ปญฺญาเวปุลฺลายฯ มหเนฺต อเตฺถ ปริคฺคณฺหาตีติอาทีสุ ปฎิสมฺภิทปฺปโตฺต อริยสาวโก อตฺถาทโย อารมฺมณกรเณน ปริคฺคณฺหาติฯ สพฺพาปิ มหาปญฺญา อริยสาวกานํเยวฯ ตสฺสา จ ปญฺญาย วิสยา เหฎฺฐา วุตฺตตฺถา เอวฯ
Sattannañca sekkhānanti tisso sikkhā sikkhantīti sekkhasaññitānaṃ sotāpattimaggaṭṭhādīnaṃ sattannaṃ. Puthujjanakalyāṇakassa cāti nibbānagāminiyā paṭipadāya yuttattā sundaraṭṭhena kalyāṇasaññitassa puthujjanassa. Vaḍḍhitaṃ vaḍḍhanaṃ etāyāti vaḍḍhitavaḍḍhanā. Yathāvuttānaṃ aṭṭhannampi paññānaṃ vasena visesato ca arahato paññāvasena paññāvuddhiyā. Tathā paññāvepullāya. Mahanteatthe pariggaṇhātītiādīsu paṭisambhidappatto ariyasāvako atthādayo ārammaṇakaraṇena pariggaṇhāti. Sabbāpi mahāpaññā ariyasāvakānaṃyeva. Tassā ca paññāya visayā heṭṭhā vuttatthā eva.
ปุถุนานาขเนฺธสูติอาทีสุ นานาสโทฺท ปุถุสทฺทสฺส อตฺถวจนํฯ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญาติ เตสุ ตถาวุเตฺตสุ ขนฺธาทีสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ กตฺวา ตํ ญาณํ ปุถุปญฺญา นามาติ อโตฺถฯ นานาปฎิจฺจสมุปฺปาเทสูติ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ วเสน ปจฺจยพหุตฺตา วุตฺตํฯ นานาสุญฺญตมนุปลเพฺภสูติ อุปลพฺภนํ อุปลโพฺภ, คหณนฺติ อโตฺถฯ น อุปลโพฺภ อนุปลโพฺภ, อนุปลพฺภานํ พหุตฺตา พหุวจเนน อนุปลพฺภา, ปญฺจวีสติสุญฺญตาวเสน วา นานาสุญฺญตาสุ อตฺตตฺตนิยาทีนํ อนุปลพฺภา นานาสุญฺญตานุปลพฺภา, เตสุฯ ‘‘นานาสุญฺญตานุปลเพฺภสู’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘อทุกฺขมสุขา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๒) วิย ม-กาโร ปทสนฺธิวเสน วุโตฺตฯ อิมา ปญฺจ ปญฺญา กลฺยาณปุถุชฺชเนหิ สาธารณา, นานาอตฺถาทีสุ ปญฺญา อริยานํเยวฯ ปุถุชฺชนสาธารเณ ธเมฺมติ โลกิยธเมฺมฯ อิมินา อวสานปริยาเยน โลกิยโต ปุถุภูตนิพฺพานารมฺมณตฺตา ปุถุภูตา วิสุํภูตา ปญฺญาติ ปุถุปญฺญา นามาติ วุตฺตํ โหติฯ
Puthunānākhandhesūtiādīsu nānāsaddo puthusaddassa atthavacanaṃ. Ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññāti tesu tathāvuttesu khandhādīsu ñāṇaṃ pavattatīti katvā taṃ ñāṇaṃ puthupaññā nāmāti attho. Nānāpaṭiccasamuppādesūti paṭiccasamuppannānaṃ dhammānaṃ vasena paccayabahuttā vuttaṃ. Nānāsuññatamanupalabbhesūti upalabbhanaṃ upalabbho, gahaṇanti attho. Na upalabbho anupalabbho, anupalabbhānaṃ bahuttā bahuvacanena anupalabbhā, pañcavīsatisuññatāvasena vā nānāsuññatāsu attattaniyādīnaṃ anupalabbhā nānāsuññatānupalabbhā, tesu. ‘‘Nānāsuññatānupalabbhesū’’ti vattabbe ‘‘adukkhamasukhā’’tiādīsu (dha. sa. tikamātikā 2) viya ma-kāro padasandhivasena vutto. Imā pañca paññā kalyāṇaputhujjanehi sādhāraṇā, nānāatthādīsu paññā ariyānaṃyeva. Puthujjanasādhāraṇe dhammeti lokiyadhamme. Iminā avasānapariyāyena lokiyato puthubhūtanibbānārammaṇattā puthubhūtā visuṃbhūtā paññāti puthupaññā nāmāti vuttaṃ hoti.
วิปุลปญฺญา มหาปญฺญานเยน เวทิตพฺพาฯ ยถาวุเตฺต ธเมฺม ปริคฺคณฺหนฺตสฺส คุณมหนฺตตาย เตสํ ธมฺมานํ ปริคฺคาหิกาย จ ปญฺญาย มหนฺตตา, เตสํ ธมฺมานํ สยเมว มหนฺตตฺตา อุฬารตฺตา ธมฺมานญฺจ ปญฺญาย จ วิปุลตา เวทิตพฺพาฯ คมฺภีรปญฺญา ปุถุปญฺญานเยน เวทิตพฺพาฯ เต จ ธมฺมา เต จ อนุปลพฺภา สา จ ปญฺญา ปกติชเนน อลพฺภเนยฺยปติฎฺฐตฺตา คมฺภีราฯ
Vipulapaññā mahāpaññānayena veditabbā. Yathāvutte dhamme pariggaṇhantassa guṇamahantatāya tesaṃ dhammānaṃ pariggāhikāya ca paññāya mahantatā, tesaṃ dhammānaṃ sayameva mahantattā uḷārattā dhammānañca paññāya ca vipulatā veditabbā. Gambhīrapaññā puthupaññānayena veditabbā. Te ca dhammā te ca anupalabbhā sā ca paññā pakatijanena alabbhaneyyapatiṭṭhattā gambhīrā.
ยสฺส ปุคฺคลสฺสาติ อริยปุคฺคลเสฺสวฯ อโญฺญ โกจีติ ปุถุชฺชโนฯ อภิสมฺภวิตุนฺติ สมฺปาปุณิตุํฯ อนภิสมฺภวนีโยติ สมฺปาปุณิตุํ อสกฺกุเณโยฺยฯ อเญฺญหีติ ปุถุชฺชเนเหวฯ อฎฺฐมกสฺสาติ อรหตฺตผลฎฺฐโต ปฎฺฐาย คณิยมาเน อฎฺฐมภูตสฺส โสตาปตฺติมคฺคฎฺฐสฺสฯ ทูเรติ วิปฺปกเฎฺฐฯ วิทูเรติ วิเสเสน วิปฺปกเฎฺฐฯ สุวิทูเรติ สุฎฺฐุ วิเสเสน วิปฺปกเฎฺฐฯ น สนฺติเกติ น สมีเปฯ น สามนฺตาติ น สมีปภาเคฯ อิมานิ เทฺว ปฎิเสธสหิตานิ วจนานิ ทูรภาวเสฺสว นิยมนานิฯ อุปาทายาติ ปฎิจฺจฯ โสตาปนฺนสฺสาติ โสตาปตฺติผลฎฺฐสฺสฯ เอเตเนว ตํตํมคฺคปญฺญา ตํตํผลปญฺญาย ทูเรติ วุตฺตํ โหติฯ ปเจฺจกสมฺพุโทฺธติ อุปสเคฺคน วิเสสิตํฯ อิตรทฺวยํ ปน สุทฺธเมว อาคตํฯ
Yassa puggalassāti ariyapuggalasseva. Añño kocīti puthujjano. Abhisambhavitunti sampāpuṇituṃ. Anabhisambhavanīyoti sampāpuṇituṃ asakkuṇeyyo. Aññehīti puthujjaneheva. Aṭṭhamakassāti arahattaphalaṭṭhato paṭṭhāya gaṇiyamāne aṭṭhamabhūtassa sotāpattimaggaṭṭhassa. Dūreti vippakaṭṭhe. Vidūreti visesena vippakaṭṭhe. Suvidūreti suṭṭhu visesena vippakaṭṭhe. Na santiketi na samīpe. Na sāmantāti na samīpabhāge. Imāni dve paṭisedhasahitāni vacanāni dūrabhāvasseva niyamanāni. Upādāyāti paṭicca. Sotāpannassāti sotāpattiphalaṭṭhassa. Eteneva taṃtaṃmaggapaññā taṃtaṃphalapaññāya dūreti vuttaṃ hoti. Paccekasambuddhoti upasaggena visesitaṃ. Itaradvayaṃ pana suddhameva āgataṃ.
๕. ‘‘ปเจฺจกพุทฺธสฺส สเทวกสฺส จ โลกสฺส ปญฺญา ตถาคตสฺส ปญฺญาย ทูเร’’ติอาทีนิ วตฺวา ตเมว ทูรฎฺฐํ อเนกปฺปการโต ทเสฺสตุกาโม ปญฺญาปเภทกุสโลติอาทิมาห ฯ ตตฺถ ปญฺญาปเภทกุสโลติ อตฺตโน อนนฺตวิกเปฺป ปญฺญาปเภเท เฉโกฯ ปภินฺนญาโณติ อนนฺตปฺปเภทปตฺตญาโณฯ เอเตน ปญฺญาปเภทกุสลเตฺตปิ สติ ตาสํ ปญฺญานํ อนนฺตเภทตฺตํ ทเสฺสติฯ อธิคตปฎิสมฺภิโทติ ปฎิลทฺธอคฺคจตุปฎิสมฺภิทาญาโณฯ จตุเวสารชฺชปฺปโตฺตติ จตฺตาริ วิสารทภาวสงฺขาตานิ ญาณานิ ปโตฺตฯ ยถาห –
5. ‘‘Paccekabuddhassa sadevakassa ca lokassa paññā tathāgatassa paññāya dūre’’tiādīni vatvā tameva dūraṭṭhaṃ anekappakārato dassetukāmo paññāpabhedakusalotiādimāha . Tattha paññāpabhedakusaloti attano anantavikappe paññāpabhede cheko. Pabhinnañāṇoti anantappabhedapattañāṇo. Etena paññāpabhedakusalattepi sati tāsaṃ paññānaṃ anantabhedattaṃ dasseti. Adhigatapaṭisambhidoti paṭiladdhaaggacatupaṭisambhidāñāṇo. Catuvesārajjappattoti cattāri visāradabhāvasaṅkhātāni ñāṇāni patto. Yathāha –
‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฎิชานโต ‘อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’ติ, ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมิํ สห ธเมฺมน ปฎิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, ภิกฺขเว, น สมนุปสฺสามิ, เอตมหํ, ภิกฺขเว, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสโนฺต เขมปฺปโตฺต อภยปฺปโตฺต เวสารชฺชปฺปโตฺต วิหรามิฯ ขีณาสวสฺส เต ปฎิชานโต ‘อิเม อาสวา อปริกฺขีณา’ติ, ‘เย โข ปน เต อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา, เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ, ‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธโมฺม เทสิโต, โส น นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’ติ, ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมิํ สห ธเมฺมน ปฎิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, ภิกฺขเว, น สมนุปสฺสามิ, เอตมหํ, ภิกฺขเว, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสโนฺต เขมปฺปโตฺต อภยปฺปโตฺต เวสารชฺชปฺปโตฺต วิหรามี’’ติ (อ. นิ. ๔.๘; ม. นิ. ๑.๑๕๐)ฯ
‘‘Sammāsambuddhassa te paṭijānato ‘ime dhammā anabhisambuddhā’ti, tatra vata maṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā devo vā māro vā brahmā vā koci vā lokasmiṃ saha dhammena paṭicodessatīti nimittametaṃ, bhikkhave, na samanupassāmi, etamahaṃ, bhikkhave, nimittaṃ asamanupassanto khemappatto abhayappatto vesārajjappatto viharāmi. Khīṇāsavassa te paṭijānato ‘ime āsavā aparikkhīṇā’ti, ‘ye kho pana te antarāyikā dhammā vuttā, te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’ti, ‘yassa kho pana te atthāya dhammo desito, so na niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāyā’ti, tatra vata maṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā devo vā māro vā brahmā vā koci vā lokasmiṃ saha dhammena paṭicodessatīti nimittametaṃ, bhikkhave, na samanupassāmi, etamahaṃ, bhikkhave, nimittaṃ asamanupassanto khemappatto abhayappatto vesārajjappatto viharāmī’’ti (a. ni. 4.8; ma. ni. 1.150).
ทสพลพลธารีติ ทส พลานิ เอเตสนฺติ ทสพลา, ทสพลานํ พลานิ ทสพลพลานิ, ตานิ ทสพลพลานิ ธารยตีติ ทสพลพลธารี, ทสพลญาณพลธารีติ อโตฺถฯ เอเตหิ ตีหิ วจเนหิ อนนฺตปฺปเภทานํ เนยฺยานํ ปเภทมุขมตฺตํ ทสฺสิตํฯ โสเยว ปญฺญาปโยควเสน อภิมงฺคลสมฺมตเฎฺฐน ปุริสาสโภฯ อสนฺตาสเฎฺฐน ปุริสสีโหฯ มหนฺตเฎฺฐน ปุริสนาโคฯ ปชานนเฎฺฐน ปุริสาชโญฺญฯ โลกกิจฺจธุรวหนเฎฺฐน ปุริสโธรโยฺหฯ
Dasabalabaladhārīti dasa balāni etesanti dasabalā, dasabalānaṃ balāni dasabalabalāni, tāni dasabalabalāni dhārayatīti dasabalabaladhārī, dasabalañāṇabaladhārīti attho. Etehi tīhi vacanehi anantappabhedānaṃ neyyānaṃ pabhedamukhamattaṃ dassitaṃ. Soyeva paññāpayogavasena abhimaṅgalasammataṭṭhena purisāsabho. Asantāsaṭṭhena purisasīho. Mahantaṭṭhena purisanāgo. Pajānanaṭṭhena purisājañño. Lokakiccadhuravahanaṭṭhena purisadhorayho.
อถ เตชาทิกํ อนนฺตญาณโต ลทฺธํ คุณวิเสสํ ทเสฺสตุกาโม เตสํ เตชาทีนํ อนนฺตญาณมูลกภาวํ ทเสฺสโนฺต อนนฺตญาโณติ วตฺวา อนนฺตเตโชติอาทิมาหฯ ตตฺถ อนนฺตญาโณติ คณนวเสน จ ปภาววเสน จ อนฺตวิรหิตญาโณฯ อนนฺตเตโชติ เวเนยฺยสนฺตาเน โมหตมวิธมเนน อนนฺตญาณเตโชฯ อนนฺตยโสติ ปญฺญาคุเณเหว โลกตฺตยวิตฺถตานนฺตกิตฺติโฆโสฯ อโฑฺฒติ ปญฺญาธนสมิทฺธิยา สมิโทฺธฯ มหทฺธโนติ ปญฺญาธนวฑฺฒเตฺตปิ ปภาวมหเตฺตน มหนฺตํ ปญฺญาธนมสฺสาติ มหทฺธโน ฯ มหาธโนติปิ ปาโฐฯ ธนวาติ ปสํสิตพฺพปญฺญาธนวตฺตา นิจฺจยุตฺตปญฺญาธนวตฺตา อติสยภูตปญฺญาธนวตฺตา ธนวาฯ เอเตสุปิ หิ ตีสุ อเตฺถสุ อิทํ วจนํ สทฺทวิทู อิจฺฉนฺติฯ
Atha tejādikaṃ anantañāṇato laddhaṃ guṇavisesaṃ dassetukāmo tesaṃ tejādīnaṃ anantañāṇamūlakabhāvaṃ dassento anantañāṇoti vatvā anantatejotiādimāha. Tattha anantañāṇoti gaṇanavasena ca pabhāvavasena ca antavirahitañāṇo. Anantatejoti veneyyasantāne mohatamavidhamanena anantañāṇatejo. Anantayasoti paññāguṇeheva lokattayavitthatānantakittighoso. Aḍḍhoti paññādhanasamiddhiyā samiddho. Mahaddhanoti paññādhanavaḍḍhattepi pabhāvamahattena mahantaṃ paññādhanamassāti mahaddhano . Mahādhanotipi pāṭho. Dhanavāti pasaṃsitabbapaññādhanavattā niccayuttapaññādhanavattā atisayabhūtapaññādhanavattā dhanavā. Etesupi hi tīsu atthesu idaṃ vacanaṃ saddavidū icchanti.
เอวํ ปญฺญาคุเณน ภควโต อตฺตสมฺปตฺติสิทฺธิํ ทเสฺสตฺวา ปุน ปญฺญาคุเณเนว โลกหิตสมฺปตฺติสิทฺธิํ ทเสฺสโนฺต เนตาติอาทิมาหฯ ตตฺถ เวเนเยฺย สํสารสงฺขาตภยฎฺฐานโต นิพฺพานสงฺขาตเขมฎฺฐานํ เนตาฯ ตตฺถ นยนกาเล เอว สํวรวินยปหานวินยวเสน เวเนเยฺย วิเนตาฯ ธมฺมเทสนากาเล เอว สํสยเจฺฉทเนน อนุเนตาฯ สํสยํ ฉินฺทิตฺวา ปญฺญาเปตพฺพํ อตฺถํ ปญฺญาเปตาฯ ตถา ปญฺญาปิตานํ นิจฺฉยกรเณน นิชฺฌาเปตาฯ ตถา นิชฺฌายิตสฺส อตฺถสฺส ปฎิปตฺติปโยชนวเสน เปเกฺขตาฯ ตถาปฎิปเนฺน ปฎิปตฺติผเลน ปสาเทตาฯ โส หิ ภควาติ เอตฺถ หิ-กาโร อนนฺตรํ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส การโณปเทเส นิปาโตฯ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตาติ สกสนฺตาเน น อุปฺปนฺนปุพฺพสฺส ฉอสาธารณญาณเหตุภูตสฺส อริยมคฺคสฺส โพธิมูเล โลกหิตตฺถํ สกสนฺตาเน อุปฺปาเทตาฯ อสญฺชาตสฺส มคฺคสฺส สญฺชเนตาติ เวเนยฺยสนฺตาเน อสญฺชาตปุพฺพสฺส สาวกปารมิญาณเหตุภูตสฺส อริยมคฺคสฺส ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต ปภุติ ยาวชฺชกาลา เวเนยฺยสนฺตาเน สญฺชเนตาฯ สาวกเวเนยฺยานมฺปิ หิ สนฺตาเน ภควโต วุตฺตวจเนเนว อริยมคฺคสฺส สญฺชนนโต ภควา สญฺชเนตา นาม โหติฯ อนกฺขาตสฺส มคฺคสฺส อกฺขาตาติ อฎฺฐธมฺมสมนฺนาคตานํ พุทฺธภาวาย กตาภินีหารานํ โพธิสตฺตานํ พุทฺธภาวาย พฺยากรณํ ทตฺวา อนกฺขาตปุพฺพสฺส ปารมิตามคฺคสฺส, ‘‘พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากรณมเตฺตเนว วา โพธิมูเล อุปฺปชฺชิตพฺพสฺส อริยมคฺคสฺส อกฺขาตาฯ อยํ นโย ปเจฺจกโพธิสตฺตพฺยากรเณปิ ลพฺภติเยวฯ
Evaṃ paññāguṇena bhagavato attasampattisiddhiṃ dassetvā puna paññāguṇeneva lokahitasampattisiddhiṃ dassento netātiādimāha. Tattha veneyye saṃsārasaṅkhātabhayaṭṭhānato nibbānasaṅkhātakhemaṭṭhānaṃ netā. Tattha nayanakāle eva saṃvaravinayapahānavinayavasena veneyye vinetā. Dhammadesanākāle eva saṃsayacchedanena anunetā. Saṃsayaṃ chinditvā paññāpetabbaṃ atthaṃ paññāpetā. Tathā paññāpitānaṃ nicchayakaraṇena nijjhāpetā. Tathā nijjhāyitassa atthassa paṭipattipayojanavasena pekkhetā. Tathāpaṭipanne paṭipattiphalena pasādetā. So hi bhagavāti ettha hi-kāro anantaraṃ vuttassa atthassa kāraṇopadese nipāto. Anuppannassa maggassa uppādetāti sakasantāne na uppannapubbassa chaasādhāraṇañāṇahetubhūtassa ariyamaggassa bodhimūle lokahitatthaṃ sakasantāne uppādetā. Asañjātassa maggassa sañjanetāti veneyyasantāne asañjātapubbassa sāvakapāramiñāṇahetubhūtassa ariyamaggassa dhammacakkappavattanato pabhuti yāvajjakālā veneyyasantāne sañjanetā. Sāvakaveneyyānampi hi santāne bhagavato vuttavacaneneva ariyamaggassa sañjananato bhagavā sañjanetā nāma hoti. Anakkhātassa maggassa akkhātāti aṭṭhadhammasamannāgatānaṃ buddhabhāvāya katābhinīhārānaṃ bodhisattānaṃ buddhabhāvāya byākaraṇaṃ datvā anakkhātapubbassa pāramitāmaggassa, ‘‘buddho bhavissatī’’ti byākaraṇamatteneva vā bodhimūle uppajjitabbassa ariyamaggassa akkhātā. Ayaṃ nayo paccekabodhisattabyākaraṇepi labbhatiyeva.
มคฺคญฺญูติ ปจฺจเวกฺขณาวเสน อตฺตนา อุปฺปาทิตอริยมคฺคสฺส ญาตาฯ มคฺควิทูติ เวเนยฺยสนฺตาเน ชเนตพฺพสฺส อริยมคฺคสฺส กุสโลฯ มคฺคโกวิโทติ โพธิสตฺตานํ อกฺขาตพฺพมเคฺค วิจกฺขโณฯ อถ วา อภิสโมฺพธิปฎิปตฺติมคฺคญฺญู, ปเจฺจกโพธิปฎิปตฺติมคฺควิทู, สาวกโพธิปฎิปตฺติมคฺคโกวิโทฯ อถ วา ‘‘เอเตน มเคฺคน อตํสุ ปุเพฺพ, ตริสฺสนฺติเยว ตรนฺติ โอฆ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๔๐๙) วจนโต ยถาโยคํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนพุทฺธปเจฺจกพุทฺธสาวกานํ มคฺควเสน จ สุญฺญตานิมิตฺตอปฺปณิหิตมคฺควเสน จ อุคฺฆฎิตญฺญูวิปญฺจิตญฺญูเนยฺยปุคฺคลานํ มคฺควเสน จ ยถากฺกเมนตฺถโยชนํ กโรนฺติฯ มคฺคานุคามี จ ปนาติ ภควตา คตมคฺคานุคามิโน หุตฺวา ฯ เอตฺถ จ-สโทฺท เหตุอเตฺถ นิปาโตฯ เอเตน จ ภควโต มคฺคุปฺปาทนาทิคุณาธิคมาย เหตุ วุโตฺต โหติฯ ปน-สโทฺท กตเตฺถ นิปาโตฯ เตน ภควตา กตมคฺคกรณํ วุตฺตํ โหติฯ ปจฺฉา สมนฺนาคตาติ ปฐมํ คตสฺส ภควโต ปจฺฉาคตสีลาทิคุเณน สมนฺนาคตาฯ อิติ เถโร ‘‘อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’’ติอาทีหิ ยสฺมา สเพฺพปิ ภควโต สีลาทโย คุณา อรหตฺตมคฺคเมว นิสฺสาย อาคตา, ตสฺมา อรหตฺตมคฺคเมว นิสฺสาย คุณํ กเถสิฯ
Maggaññūti paccavekkhaṇāvasena attanā uppāditaariyamaggassa ñātā. Maggavidūti veneyyasantāne janetabbassa ariyamaggassa kusalo. Maggakovidoti bodhisattānaṃ akkhātabbamagge vicakkhaṇo. Atha vā abhisambodhipaṭipattimaggaññū, paccekabodhipaṭipattimaggavidū, sāvakabodhipaṭipattimaggakovido. Atha vā ‘‘etena maggena ataṃsu pubbe, tarissantiyeva taranti ogha’’nti (saṃ. ni. 5.409) vacanato yathāyogaṃ atītānāgatapaccuppannabuddhapaccekabuddhasāvakānaṃ maggavasena ca suññatānimittaappaṇihitamaggavasena ca ugghaṭitaññūvipañcitaññūneyyapuggalānaṃ maggavasena ca yathākkamenatthayojanaṃ karonti. Maggānugāmī ca panāti bhagavatā gatamaggānugāmino hutvā . Ettha ca-saddo hetuatthe nipāto. Etena ca bhagavato magguppādanādiguṇādhigamāya hetu vutto hoti. Pana-saddo katatthe nipāto. Tena bhagavatā katamaggakaraṇaṃ vuttaṃ hoti. Pacchā samannāgatāti paṭhamaṃ gatassa bhagavato pacchāgatasīlādiguṇena samannāgatā. Iti thero ‘‘anuppannassa maggassa uppādetā’’tiādīhi yasmā sabbepi bhagavato sīlādayo guṇā arahattamaggameva nissāya āgatā, tasmā arahattamaggameva nissāya guṇaṃ kathesi.
ชานํ ชานาตีติ ชานิตพฺพํ ชานาติ, สพฺพญฺญุตาย ยํกิญฺจิ ปญฺญาย ชานิตพฺพํ นาม อตฺถิ, ตํ สพฺพํ ปญฺจเนยฺยปถภูตํ ปญฺญาย ชานาตีติ อโตฺถฯ ปสฺสํ ปสฺสตีติ ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสติ, สพฺพทสฺสาวิตาย ตํเยว เนยฺยปถํ จกฺขุนา ทิฎฺฐํ วิย กโรโนฺต ปญฺญาจกฺขุนา ปสฺสตีติ อโตฺถฯ ยถา วา เอกโจฺจ วิปรีตํ คณฺหโนฺต ชานโนฺตปิ น ชานาติ, ปสฺสโนฺตปิ น ปสฺสติ, น เอวํ ภควาฯ ภควา ปน ยถาสภาวํ คณฺหโนฺต ชานโนฺต ชานาติเยว, ปสฺสโนฺต ปสฺสติเยวฯ สฺวายํ ทสฺสนปริณายกเฎฺฐน จกฺขุภูโตฯ วิทิตตาทิอเตฺถน ญาณภูโตฯ อวิปรีตสภาวเฎฺฐน วา ปริยตฺติธมฺมปวตฺตนโต หทเยน จิเนฺตตฺวา วาจาย นิจฺฉาริตธมฺมมโยติ วา ธมฺมภูโตฯ เสฎฺฐเฎฺฐน พฺรหฺมภูโตฯ อถ วา จกฺขุ วิย ภูโตติ จกฺขุภูโตฯ ญาณํ วิย ภูโตติ ญาณภูโตฯ ธโมฺม วิย ภูโตติ ธมฺมภูโตฯ พฺรหฺมา วิย ภูโตติ พฺรหฺมภูโตฯ สฺวายํ ธมฺมสฺส วจนโต, วตฺตนโต วา วตฺตาฯ นานปฺปกาเรหิ วจนโต, วตฺตนโต วา ปวตฺตาฯ อตฺถํ นีหริตฺวา นีหริตฺวา นยนโต อตฺถสฺส นิเนฺนตาฯ อมตาธิคมาย ปฎิปตฺติเทสนโต, อมตปฺปกาสนาย วา ธมฺมเทสนาย อมตสฺส อธิคมาปนโต อมตสฺส ทาตาฯ โลกุตฺตรธมฺมสฺส อุปฺปาทิตตฺตา เวเนยฺยานุรูเปน ยถาสุขํ โลกุตฺตรธมฺมสฺส ทาเนน จ, ธเมฺมสุ จ อิสฺสโรติ ธมฺมสฺสามีฯ ตถาคตปทํ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถํฯ
Jānaṃ jānātīti jānitabbaṃ jānāti, sabbaññutāya yaṃkiñci paññāya jānitabbaṃ nāma atthi, taṃ sabbaṃ pañcaneyyapathabhūtaṃ paññāya jānātīti attho. Passaṃ passatīti passitabbaṃ passati, sabbadassāvitāya taṃyeva neyyapathaṃ cakkhunā diṭṭhaṃ viya karonto paññācakkhunā passatīti attho. Yathā vā ekacco viparītaṃ gaṇhanto jānantopi na jānāti, passantopi na passati, na evaṃ bhagavā. Bhagavā pana yathāsabhāvaṃ gaṇhanto jānanto jānātiyeva, passanto passatiyeva. Svāyaṃ dassanapariṇāyakaṭṭhena cakkhubhūto. Viditatādiatthena ñāṇabhūto. Aviparītasabhāvaṭṭhena vā pariyattidhammapavattanato hadayena cintetvā vācāya nicchāritadhammamayoti vā dhammabhūto. Seṭṭhaṭṭhena brahmabhūto. Atha vā cakkhu viya bhūtoti cakkhubhūto. Ñāṇaṃ viya bhūtoti ñāṇabhūto. Dhammo viya bhūtoti dhammabhūto. Brahmā viya bhūtoti brahmabhūto. Svāyaṃ dhammassa vacanato, vattanato vā vattā. Nānappakārehi vacanato, vattanato vā pavattā. Atthaṃ nīharitvā nīharitvā nayanato atthassa ninnetā. Amatādhigamāya paṭipattidesanato, amatappakāsanāya vā dhammadesanāya amatassa adhigamāpanato amatassa dātā. Lokuttaradhammassa uppāditattā veneyyānurūpena yathāsukhaṃ lokuttaradhammassa dānena ca, dhammesu ca issaroti dhammassāmī. Tathāgatapadaṃ heṭṭhā vuttatthaṃ.
อิทานิ ‘‘ชานํ ชานาตี’’ติอาทีหิ วุตฺตํ คุณํ สพฺพญฺญุตาย วิเสเสตฺวา ทเสฺสตุกาโม สพฺพญฺญุตํ สาเธโนฺต นตฺถีติอาทิมาหฯ เอวํภูตสฺส หิ ตสฺส ภควโต ปารมิตาปุญฺญพลปฺปภาวนิปฺผเนฺนน อรหตฺตมคฺคญาเณน สพฺพธเมฺมสุ สวาสนสฺส สโมฺมหสฺส วิหตตฺตา อสจฺฉิกตํ นาม นตฺถิฯ อสโมฺมหโต สพฺพธมฺมานํ ญาตตฺตา อญฺญาตํ นาม นตฺถิฯ ตเถว จ สพฺพธมฺมานํ จกฺขุนา วิย ญาณจกฺขุนา ทิฎฺฐตฺตา อทิฎฺฐํ นาม นตฺถิฯ ญาเณน ปน ปตฺตตฺตา อวิทิตํ นาม นตฺถิฯ อสโมฺมหสจฺฉิกิริยาย สจฺฉิกตตฺตา อสจฺฉิกตํ นาม นตฺถิฯ อสโมฺมหปญฺญาย ผุฎฺฐตฺตา ปญฺญาย อผสฺสิตํ นาม นตฺถิฯ ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนํ กาลํ วา ธมฺมํ วาฯ อุปาทายาติ อาทาย, อโนฺตกตฺวาติ อโตฺถฯ ‘‘อุปาทายา’’ติ วจเนเนว กาลวินิมุตฺตํ นิพฺพานมฺปิ คหิตเมว โหติฯ ‘‘อตีตา’’ทิวจนานิ จ ‘‘นตฺถี’’ติอาทิวจเนเนว ฆฎียนฺติ, ‘‘สเพฺพ’’ติอาทิวจเนน วาฯ สเพฺพ ธมฺมาติ สพฺพสงฺขตาสงฺขตธมฺมปริยาทานํฯ สพฺพากาเรนาติ สพฺพธเมฺมสุ เอเกกเสฺสว ธมฺมสฺส อนิจฺจาการาทิสพฺพาการปริยาทานํ ฯ ญาณมุเขติ ญาณาภิมุเขฯ อาปาถํ อาคจฺฉนฺตีติ โอสรณํ อุเปนฺติฯ ‘‘ชานิตพฺพ’’นฺติปทํ ‘‘เนยฺย’’นฺติปทสฺส อตฺถวิวรณตฺถํ วุตฺตํฯ
Idāni ‘‘jānaṃ jānātī’’tiādīhi vuttaṃ guṇaṃ sabbaññutāya visesetvā dassetukāmo sabbaññutaṃ sādhento natthītiādimāha. Evaṃbhūtassa hi tassa bhagavato pāramitāpuññabalappabhāvanipphannena arahattamaggañāṇena sabbadhammesu savāsanassa sammohassa vihatattā asacchikataṃ nāma natthi. Asammohato sabbadhammānaṃ ñātattā aññātaṃ nāma natthi. Tatheva ca sabbadhammānaṃ cakkhunā viya ñāṇacakkhunā diṭṭhattā adiṭṭhaṃ nāma natthi. Ñāṇena pana pattattā aviditaṃ nāma natthi. Asammohasacchikiriyāya sacchikatattā asacchikataṃ nāma natthi. Asammohapaññāya phuṭṭhattā paññāya aphassitaṃ nāma natthi. Paccuppannanti paccuppannaṃ kālaṃ vā dhammaṃ vā. Upādāyāti ādāya, antokatvāti attho. ‘‘Upādāyā’’ti vacaneneva kālavinimuttaṃ nibbānampi gahitameva hoti. ‘‘Atītā’’divacanāni ca ‘‘natthī’’tiādivacaneneva ghaṭīyanti, ‘‘sabbe’’tiādivacanena vā. Sabbe dhammāti sabbasaṅkhatāsaṅkhatadhammapariyādānaṃ. Sabbākārenāti sabbadhammesu ekekasseva dhammassa aniccākārādisabbākārapariyādānaṃ . Ñāṇamukheti ñāṇābhimukhe. Āpāthaṃ āgacchantīti osaraṇaṃ upenti. ‘‘Jānitabba’’ntipadaṃ ‘‘neyya’’ntipadassa atthavivaraṇatthaṃ vuttaṃ.
อตฺตโตฺถ วาติอาทีสุ วา-สโทฺท สมุจฺจยโตฺถฯ อตฺตโตฺถติ อตฺตโน อโตฺถฯ ปรโตฺถติ ปเรสํ ติณฺณํ โลกานํ อโตฺถฯ อุภยโตฺถติ อตฺตโน จ ปเรสญฺจาติ สกิํเยว อุภินฺนํ อโตฺถฯ ทิฎฺฐธมฺมิโกติ ทิฎฺฐธเมฺม นิยุโตฺต, ทิฎฺฐธมฺมปฺปโยชโน วา อโตฺถฯ สมฺปราเย นิยุโตฺต, สมฺปรายปฺปโยชโน วา สมฺปรายิโกฯ อุตฺตาโนติอาทีสุ โวหารวเสน วตฺตโพฺพ สุขปติฎฺฐตฺตา อุตฺตาโนฯ โวหารํ อติกฺกมิตฺวา วตฺตโพฺพ สุญฺญตาปฎิสํยุโตฺต ทุกฺขปติฎฺฐตฺตา คมฺภีโรฯ โลกุตฺตโร อจฺจนฺตติโรกฺขตฺตา คูโฬฺหฯ อนิจฺจตาทิโก ฆนาทีหิ ปฎิจฺฉนฺนตฺตา ปฎิจฺฉโนฺนฯ อปฺปจุรโวหาเรน วตฺตโพฺพ ยถารุตํ อคฺคเหตฺวา อธิปฺปายสฺส เนตพฺพตฺตา เนโยฺยฯ ปจุรโวหาเรน วตฺตโพฺพ วจนมเตฺตน อธิปฺปายสฺส นีตตฺตา นีโตฯ สุปริสุทฺธสีลสมาธิวิปสฺสนโตฺถ ตทงฺควิกฺขมฺภนวเสน วชฺชวิรหิตตฺตา อนวโชฺชฯ กิเลสสมุเจฺฉทนโต อริยมคฺคโตฺถ นิกฺกิเลโสฯ กิเลสปฎิปฺปสฺสทฺธตฺตา อริยผลโตฺถ โวทาโนฯ สงฺขตาสงฺขเตสุ อคฺคธมฺมตฺตา นิพฺพานํ ปรมโตฺถฯ ปริวตฺตตีติ พุทฺธญาณสฺส วิสยภาวโต อพหิภูตตฺตา อโนฺตพุทฺธญาเณ พฺยาปิตฺวา วา สมนฺตา วา อาลิงฺคิตฺวา วา วิเสเสน วา วตฺตติฯ
Attattho vātiādīsu vā-saddo samuccayattho. Attatthoti attano attho. Paratthoti paresaṃ tiṇṇaṃ lokānaṃ attho. Ubhayatthoti attano ca paresañcāti sakiṃyeva ubhinnaṃ attho. Diṭṭhadhammikoti diṭṭhadhamme niyutto, diṭṭhadhammappayojano vā attho. Samparāye niyutto, samparāyappayojano vā samparāyiko. Uttānotiādīsu vohāravasena vattabbo sukhapatiṭṭhattā uttāno. Vohāraṃ atikkamitvā vattabbo suññatāpaṭisaṃyutto dukkhapatiṭṭhattā gambhīro. Lokuttaro accantatirokkhattā gūḷho. Aniccatādiko ghanādīhi paṭicchannattā paṭicchanno. Appacuravohārena vattabbo yathārutaṃ aggahetvā adhippāyassa netabbattā neyyo. Pacuravohārena vattabbo vacanamattena adhippāyassa nītattā nīto. Suparisuddhasīlasamādhivipassanattho tadaṅgavikkhambhanavasena vajjavirahitattā anavajjo. Kilesasamucchedanato ariyamaggattho nikkileso. Kilesapaṭippassaddhattā ariyaphalattho vodāno. Saṅkhatāsaṅkhatesu aggadhammattā nibbānaṃ paramattho. Parivattatīti buddhañāṇassa visayabhāvato abahibhūtattā antobuddhañāṇe byāpitvā vā samantā vā āliṅgitvā vā visesena vā vattati.
สพฺพํ กายกมฺมนฺติอาทีหิ ภควโต ญาณมยตํ ทเสฺสติฯ ญาณานุปริวตฺตตีติ ญาณํ อนุปริวตฺตติ, ญาณวิรหิตํ น โหตีติ อโตฺถฯ อปฺปฎิหตนฺติ นิราวรณตํ ทเสฺสติฯ ปุน สพฺพญฺญุตํ อุปมาย สาเธตุกาโม ยาวตกนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ชานิตพฺพนฺติ เนยฺยํ, เนยฺยปริยโนฺต เนยฺยาวสานมสฺส อตฺถีติ เนยฺยปริยนฺติกํฯ อสพฺพญฺญูนํ ปน เนยฺยาวสานเมว นตฺถิฯ ญาณปริยนฺติเกปิ เอเสว นโยฯ ปุริมยมเก วุตฺตตฺถเมว อิมินา ยมเกน วิเสเสตฺวา ทเสฺสติ, ตติยยมเกน ปฎิเสธวเสน นิยมิตฺวา ทเสฺสติ ฯ เอตฺถ จ เนยฺยํ ญาณสฺส ปถตฺตา เนยฺยปโถฯ อญฺญมญฺญปริยนฺตฎฺฐายิโนติ เนยฺยญฺจ ญาณญฺจ เขเปตฺวา ฐานโต อญฺญมญฺญสฺส ปริยเนฺต ฐานสีลาฯ อาวชฺชนปฺปฎิพทฺธาติ มโนทฺวาราวชฺชนายตฺตา, อาวชฺชิตานนฺตรเมว ชานาตีติ อโตฺถฯ อากงฺขปฺปฎิพทฺธาติ รุจิอายตฺตา, อาวชฺชนานนฺตรํ ชวนญาเณน ชานาตีติ อโตฺถฯ อิตรานิ เทฺว ปทานิ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปทานํ ยถากฺกเมน อตฺถปฺปกาสนตฺถํ วุตฺตานิฯ พุโทฺธ อาสยํ ชานาตีติอาทีนิ ญาณกถายํ วณฺณิตานิฯ มหานิเทฺทเส ปน ‘‘ภควา อาสยํ ชานาตี’’ติ (มหานิ. ๖๙) อาคตํฯ ตตฺถ ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต’’ติ (มหานิ. ๖๙) อาคตฎฺฐาเน จ อิธ กตฺถจิ ‘‘พุทฺธสฺสา’’ติ อาคตํฯ
Sabbaṃ kāyakammantiādīhi bhagavato ñāṇamayataṃ dasseti. Ñāṇānuparivattatīti ñāṇaṃ anuparivattati, ñāṇavirahitaṃ na hotīti attho. Appaṭihatanti nirāvaraṇataṃ dasseti. Puna sabbaññutaṃ upamāya sādhetukāmo yāvatakantiādimāha. Tattha jānitabbanti neyyaṃ, neyyapariyanto neyyāvasānamassa atthīti neyyapariyantikaṃ. Asabbaññūnaṃ pana neyyāvasānameva natthi. Ñāṇapariyantikepi eseva nayo. Purimayamake vuttatthameva iminā yamakena visesetvā dasseti, tatiyayamakena paṭisedhavasena niyamitvā dasseti . Ettha ca neyyaṃ ñāṇassa pathattā neyyapatho. Aññamaññapariyantaṭṭhāyinoti neyyañca ñāṇañca khepetvā ṭhānato aññamaññassa pariyante ṭhānasīlā. Āvajjanappaṭibaddhāti manodvārāvajjanāyattā, āvajjitānantarameva jānātīti attho. Ākaṅkhappaṭibaddhāti ruciāyattā, āvajjanānantaraṃ javanañāṇena jānātīti attho. Itarāni dve padāni imesaṃ dvinnaṃ padānaṃ yathākkamena atthappakāsanatthaṃ vuttāni. Buddho āsayaṃ jānātītiādīni ñāṇakathāyaṃ vaṇṇitāni. Mahāniddese pana ‘‘bhagavā āsayaṃ jānātī’’ti (mahāni. 69) āgataṃ. Tattha ‘‘buddhassa bhagavato’’ti (mahāni. 69) āgataṭṭhāne ca idha katthaci ‘‘buddhassā’’ti āgataṃ.
อนฺตมโสติ อุปริมเนฺตนฯ ติมิติมิงฺคลนฺติ เอตฺถ ติมิ นาม เอกา มจฺฉชาติ, ติมิํ คิลิตุํ สมตฺถา ตโต มหนฺตสรีรา ติมิงฺคลา นาม เอกา มจฺฉชาติ, ติมิงฺคลมฺปิ คิลิตุํ สมตฺถา ปญฺจโยชนสติกสรีรา ติมิติมิงฺคลา นาม เอกา มจฺฉชาติฯ อิธ ชาติคฺคหเณน เอกวจนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ครุฬํ เวนเตยฺยนฺติ เอตฺถ ครุโฬติ ชาติวเสน นามํ, เวนเตโยฺยติ โคตฺตวเสนฯ ปเทเสติ เอกเทเสฯ สาริปุตฺตสมาติ สพฺพพุทฺธานํ ธมฺมเสนาปติเตฺถเร คเหตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เสสสาวกา หิ ปญฺญาย ธมฺมเสนาปติเตฺถเรน สมา นาม นตฺถิฯ ยถาห – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ มหาปญฺญานํ ยทิทํ สาริปุโตฺต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘-๑๘๙)ฯ อฎฺฐกถายญฺจ วุตฺตํ –
Antamasoti uparimantena. Timitimiṅgalanti ettha timi nāma ekā macchajāti, timiṃ gilituṃ samatthā tato mahantasarīrā timiṅgalā nāma ekā macchajāti, timiṅgalampi gilituṃ samatthā pañcayojanasatikasarīrā timitimiṅgalā nāma ekā macchajāti. Idha jātiggahaṇena ekavacanaṃ katanti veditabbaṃ. Garuḷaṃ venateyyanti ettha garuḷoti jātivasena nāmaṃ, venateyyoti gottavasena. Padeseti ekadese. Sāriputtasamāti sabbabuddhānaṃ dhammasenāpatitthere gahetvā vuttanti veditabbaṃ. Sesasāvakā hi paññāya dhammasenāpatittherena samā nāma natthi. Yathāha – ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ mahāpaññānaṃ yadidaṃ sāriputto’’ti (a. ni. 1.188-189). Aṭṭhakathāyañca vuttaṃ –
‘‘โลกนาถํ ฐเปตฺวาน, เย จเญฺญ สนฺติ ปาณิโน;
‘‘Lokanāthaṃ ṭhapetvāna, ye caññe santi pāṇino;
ปญฺญาย สาริปุตฺตสฺส, กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสิ’’นฺติฯ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๗๑);
Paññāya sāriputtassa, kalaṃ nāgghanti soḷasi’’nti. (visuddhi. 1.171);
ผริตฺวาติ พุทฺธญาณํ สพฺพเทวมนุสฺสานมฺปิ ปญฺญํ ปาปุณิตฺวา ฐานโต เตสํ ปญฺญํ ผริตฺวา พฺยาปิตฺวา ติฎฺฐติฯ อติฆํสิตฺวาติ พุทฺธญาณํ สพฺพเทวมนุสฺสานมฺปิ ปญฺญํ อติกฺกมิตฺวา เตสํ อวิสยภูตมฺปิ สพฺพํ เนยฺยํ ฆํสิตฺวา ภญฺชิตฺวา ติฎฺฐติฯ มหานิเทฺทเส ปน (มหานิ. ๖๙) ‘‘อภิภวิตฺวา’’ติ ปาโฐ, มทฺทิตฺวาติปิ อโตฺถฯ เยปิ เตติอาทีหิ เอวํ ผริตฺวา อติฆํสิตฺวา ฐานสฺส ปจฺจกฺขการณํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ ปณฺฑิตาติ ปณฺฑิเจฺจน สมนฺนาคตาฯ นิปุณาติ สณฺหสุขุมพุทฺธิโน สุขุเม อตฺถนฺตเร ปฎิวิชฺฌนสมตฺถาฯ กตปรปฺปวาทาติ ญาตปรปฺปวาทา เจว ปเรหิ สทฺธิํ กตวาทปริจยา จฯ วาลเวธิรูปาติ วาลเวธิธนุคฺคหสทิสาฯ โวภินฺทนฺตา มเญฺญ จรนฺติ ปญฺญาคเตน ทิฎฺฐิคตานีติ วาลเวธี วิย วาลํ สุขุมานิปิ ปเรสํ ทิฎฺฐิคมนานิ อตฺตโน ปญฺญาคมเนน ภินฺทนฺตา วิย จรนฺตีติ อโตฺถฯ อถ วา ‘‘คูถคตํ มุตฺตคต’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๙.๑๑) วิย ปญฺญา เอว ปญฺญาคตานิ, ทิฎฺฐิโย เอว ทิฎฺฐิคตานิฯ
Pharitvāti buddhañāṇaṃ sabbadevamanussānampi paññaṃ pāpuṇitvā ṭhānato tesaṃ paññaṃ pharitvā byāpitvā tiṭṭhati. Atighaṃsitvāti buddhañāṇaṃ sabbadevamanussānampi paññaṃ atikkamitvā tesaṃ avisayabhūtampi sabbaṃ neyyaṃ ghaṃsitvā bhañjitvā tiṭṭhati. Mahāniddese pana (mahāni. 69) ‘‘abhibhavitvā’’ti pāṭho, madditvātipi attho. Yepi tetiādīhi evaṃ pharitvā atighaṃsitvā ṭhānassa paccakkhakāraṇaṃ dasseti. Tattha paṇḍitāti paṇḍiccena samannāgatā. Nipuṇāti saṇhasukhumabuddhino sukhume atthantare paṭivijjhanasamatthā. Kataparappavādāti ñātaparappavādā ceva parehi saddhiṃ katavādaparicayā ca. Vālavedhirūpāti vālavedhidhanuggahasadisā. Vobhindantā maññe caranti paññāgatena diṭṭhigatānīti vālavedhī viya vālaṃ sukhumānipi paresaṃ diṭṭhigamanāni attano paññāgamanena bhindantā viya carantīti attho. Atha vā ‘‘gūthagataṃ muttagata’’ntiādīsu (a. ni. 9.11) viya paññā eva paññāgatāni, diṭṭhiyo eva diṭṭhigatāni.
ปญฺหํ อภิสงฺขริตฺวาติ ทฺวิปทมฺปิ ติปทมฺปิ จตุปฺปทมฺปิ ปุจฺฉํ รจยิตฺวาฯ เตสํ ปญฺหานํ อติพหุกตฺตา สพฺพสงฺคหตฺถํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํฯ คูฬฺหานิ จ ปฎิจฺฉนฺนานิ อตฺถชาตานีติ ปาฐเสโสฯ เตสํ ตถา วินยํ ทิสฺวา ‘‘อตฺตนา อภิสงฺขตปญฺหํ ปุจฺฉตู’’ติ เอวํ ภควตา อธิเปฺปตตฺตา ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติฯ อเญฺญสํ ปน ปุจฺฉาย โอกาสเมว อทตฺวา ภควา อุปสงฺกมนฺตานํ ธมฺมํ เทเสติฯ ยถาห –
Pañhaṃ abhisaṅkharitvāti dvipadampi tipadampi catuppadampi pucchaṃ racayitvā. Tesaṃ pañhānaṃ atibahukattā sabbasaṅgahatthaṃ dvikkhattuṃ vuttaṃ. Gūḷhāni ca paṭicchannāni atthajātānīti pāṭhaseso. Tesaṃ tathā vinayaṃ disvā ‘‘attanā abhisaṅkhatapañhaṃ pucchatū’’ti evaṃ bhagavatā adhippetattā pañhaṃ pucchanti. Aññesaṃ pana pucchāya okāsameva adatvā bhagavā upasaṅkamantānaṃ dhammaṃ deseti. Yathāha –
‘‘เต ปญฺหํ อภิสงฺขโรนฺติ ‘อิมํ มยํ ปญฺหํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสาม, สเจ โน สมโณ โคตโม เอวํ ปุโฎฺฐ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสามฯ เอวํ เจปิ โน ปุโฎฺฐ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวํปิสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสามา’ติฯ เต เยน สมโณ โคตโม, เตนุปสงฺกมนฺติ, เต สมโณ โคตโม ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสติ สมาทเปติ สมุเตฺตเชติ สมฺปหํเสติฯ เต สมเณน โคตเมน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุเตฺตชิตา สมฺปหํสิตา น เจว สมณํ โคตมํ ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติ, กุโตสฺส วาทํ อาโรเปสฺสนฺติ? อญฺญทตฺถุ สมณเสฺสว โคตมสฺส สาวกา สมฺปชฺชนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๙)ฯ
‘‘Te pañhaṃ abhisaṅkharonti ‘imaṃ mayaṃ pañhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ upasaṅkamitvā pucchissāma, sace no samaṇo gotamo evaṃ puṭṭho evaṃ byākarissati, evamassa mayaṃ vādaṃ āropessāma. Evaṃ cepi no puṭṭho evaṃ byākarissati, evaṃpissa mayaṃ vādaṃ āropessāmā’ti. Te yena samaṇo gotamo, tenupasaṅkamanti, te samaṇo gotamo dhammiyā kathāya sandasseti samādapeti samuttejeti sampahaṃseti. Te samaṇena gotamena dhammiyā kathāya sandassitā samādapitā samuttejitā sampahaṃsitā na ceva samaṇaṃ gotamaṃ pañhaṃ pucchanti, kutossa vādaṃ āropessanti? Aññadatthu samaṇasseva gotamassa sāvakā sampajjantī’’ti (ma. ni. 1.289).
กสฺมา ปญฺหํ น ปุจฺฉนฺตีติ เจ? ภควา กิร ปริสมเชฺฌ ธมฺมํ เทเสโนฺต ปริสาย อชฺฌาสยํ โอโลเกติฯ ตโต ปสฺสติ ‘‘อิเม ปณฺฑิตา คูฬฺหํ รหสฺสํ ปญฺหํ โอวฎฺฎิกสารํ กตฺวา อาคตา’’ติฯ โส เตหิ อปุโฎฺฐเยว ‘‘ปญฺหปุจฺฉาย เอตฺตกา โทสา, วิสฺสชฺชเน เอตฺตกา, อเตฺถ ปเท อกฺขเร เอตฺตกาติ อิเม ปเญฺห ปุจฺฉโนฺต เอวํ ปุเจฺฉยฺย, วิสฺสเชฺชโนฺต เอวํ วิสฺสเชฺชยฺยา’’ติ อิติ โอวฎฺฎิกสารํ กตฺวา อานีเต ปเญฺห ธมฺมกถาย อนฺตเร ปกฺขิปิตฺวา วิทํเสติฯ เต ปณฺฑิตา ‘‘เสยฺยา วต โน, เย มยํ อิเม ปเญฺห น ปุจฺฉิมฺหฯ สเจปิ มยํ ปุเจฺฉยฺยาม, อปฺปติฎฺฐิเต โน กตฺวา สมโณ โคตโม ขิเปยฺยา’’ติ อตฺตมนา ภวนฺติฯ อปิจ พุทฺธา นาม ธมฺมํ เทเสนฺตา ปริสํ เมตฺตาย ผรนฺติฯ เมตฺตาย จ ผรเณน ทสพเลสุ มหาชนสฺส จิตฺตํ ปสีทติฯ พุทฺธา นาม รูปคฺคปฺปตฺตา โหนฺติ ทสฺสนสมฺปนฺนา มธุรสฺสรา มุทุชิวฺหา สุผุสิตทนฺตาวรณา อมเตน หทยํ สิญฺจนฺตา วิย ธมฺมํ กเถนฺติฯ ตตฺร เนสํ เมตฺตาผรเณน ปสนฺนจิตฺตานํ เอวํ โหติ – เอวรูปํ อเทฺวชฺฌกถํ อโมฆกถํ นิยฺยานิกกถํ กเถเนฺตน ภควตา สทฺธิํ น สกฺขิสฺสาม ปจฺจนีกคฺคาหํ คณฺหิตุนฺติ อตฺตโน ปสนฺนภาเวเนว ปญฺหํ น ปุจฺฉนฺตีติฯ
Kasmā pañhaṃ na pucchantīti ce? Bhagavā kira parisamajjhe dhammaṃ desento parisāya ajjhāsayaṃ oloketi. Tato passati ‘‘ime paṇḍitā gūḷhaṃ rahassaṃ pañhaṃ ovaṭṭikasāraṃ katvā āgatā’’ti. So tehi apuṭṭhoyeva ‘‘pañhapucchāya ettakā dosā, vissajjane ettakā, atthe pade akkhare ettakāti ime pañhe pucchanto evaṃ puccheyya, vissajjento evaṃ vissajjeyyā’’ti iti ovaṭṭikasāraṃ katvā ānīte pañhe dhammakathāya antare pakkhipitvā vidaṃseti. Te paṇḍitā ‘‘seyyā vata no, ye mayaṃ ime pañhe na pucchimha. Sacepi mayaṃ puccheyyāma, appatiṭṭhite no katvā samaṇo gotamo khipeyyā’’ti attamanā bhavanti. Apica buddhā nāma dhammaṃ desentā parisaṃ mettāya pharanti. Mettāya ca pharaṇena dasabalesu mahājanassa cittaṃ pasīdati. Buddhā nāma rūpaggappattā honti dassanasampannā madhurassarā mudujivhā suphusitadantāvaraṇā amatena hadayaṃ siñcantā viya dhammaṃ kathenti. Tatra nesaṃ mettāpharaṇena pasannacittānaṃ evaṃ hoti – evarūpaṃ advejjhakathaṃ amoghakathaṃ niyyānikakathaṃ kathentena bhagavatā saddhiṃ na sakkhissāma paccanīkaggāhaṃ gaṇhitunti attano pasannabhāveneva pañhaṃ na pucchantīti.
กถิตา วิสชฺชิตา จาติ เอวํ ตุเมฺห ปุจฺฉถาติ ปุจฺฉิตปญฺหานํ อุจฺจารเณน เต ปญฺหา ภควตา กถิตา เอว โหนฺติฯ ยถา จ เต วิสเชฺชตพฺพา, ตถา วิสชฺชิตา เอว โหนฺติฯ นิทฺทิฎฺฐการณาติ อิมินา การเณน อิมินา เหตุนา เอวํ โหตีติ เอวํ สเหตุกํ กตฺวา วิสชฺชเนน ภควตา นิทฺทิฎฺฐการณา เอว โหนฺติ เต ปญฺหาฯ อุปกฺขิตฺตกา จ เต ภควโต สมฺปชฺชนฺตีติ เต ขตฺติยปณฺฑิตาทโย ภควโต ปญฺหวิสชฺชเนเนว ภควโต สมีเป ขิตฺตกา ปาทขิตฺตกา สมฺปชฺชนฺติ, สาวกา วา สมฺปชฺชนฺติ อุปาสกา วาติ อโตฺถ, สาวกสมฺปตฺติํ วา ปาปุณนฺติ อุปาสกสมฺปตฺติํ วาติ วุตฺตํ โหติฯ อถาติ อนนฺตรเตฺถ, เตสํ อุปกฺขิตฺตกสมฺปตฺติสมนนฺตรเมวาติ อโตฺถ ฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ฐาเน, ตสฺมิํ อธิกาเร วาฯ อติโรจตีติ อติวิย โชเตติ ปกาสติฯ ยทิทํ ปญฺญายาติ ยายํ ภควโต ปญฺญา, ตาย ปญฺญาย ภควาว อติโรจตีติ อโตฺถฯ อิติสโทฺท การณเตฺถ, อิมินา การเณน อโคฺค อสามนฺตปโญฺญติ อโตฺถฯ
Kathitā visajjitā cāti evaṃ tumhe pucchathāti pucchitapañhānaṃ uccāraṇena te pañhā bhagavatā kathitā eva honti. Yathā ca te visajjetabbā, tathā visajjitā eva honti. Niddiṭṭhakāraṇāti iminā kāraṇena iminā hetunā evaṃ hotīti evaṃ sahetukaṃ katvā visajjanena bhagavatā niddiṭṭhakāraṇā eva honti te pañhā. Upakkhittakā ca te bhagavato sampajjantīti te khattiyapaṇḍitādayo bhagavato pañhavisajjaneneva bhagavato samīpe khittakā pādakhittakā sampajjanti, sāvakā vā sampajjanti upāsakā vāti attho, sāvakasampattiṃ vā pāpuṇanti upāsakasampattiṃ vāti vuttaṃ hoti. Athāti anantaratthe, tesaṃ upakkhittakasampattisamanantaramevāti attho . Tatthāti tasmiṃ ṭhāne, tasmiṃ adhikāre vā. Atirocatīti ativiya joteti pakāsati. Yadidaṃ paññāyāti yāyaṃ bhagavato paññā, tāya paññāya bhagavāva atirocatīti attho. Itisaddo kāraṇatthe, iminā kāraṇena aggo asāmantapaññoti attho.
๖. ราคํ อภิภุยฺยตีติ ภูริปญฺญาติ สา สา มคฺคปญฺญา อตฺตนา วชฺฌํ ราคํ อภิภุยฺยติ อภิภวติ มทฺทตีติ ภูริปญฺญาฯ ภูรีติ หิ ผุฎโฎฺฐ วิสทโตฺถ ฯ ยา จ ผุฎา, สา ปฎิปกฺขํ อภิภวติ น อผุฎา, ตสฺมา ภูริปญฺญาย อภิภวนโตฺถ วุโตฺตฯ อภิภวิตาติ สา สา ผลปญฺญา ตํ ตํ ราคํ อภิภวิตวตี มทฺทิตวตีติ ภูริปญฺญาฯ อภิภวตาติ วา ปาโฐฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ ราคาทีสุ ปน รชฺชนลกฺขโณ ราโคฯ ทุสฺสนลกฺขโณ โทโสฯ มุยฺหนลกฺขโณ โมโหฯ กุชฺฌนลกฺขโณ โกโธฯ อุปนนฺธนลกฺขโณ อุปนาโหฯ ปุพฺพกาลํ โกโธ, อปรกาลํ อุปนาโหฯ ปรคุณมกฺขนลกฺขโณ มโกฺขฯ ยุคคฺคาหลกฺขโณ ปฬาโสฯ ปรสมฺปตฺติขียนลกฺขณา อิสฺสาฯ อตฺตโน สมฺปตฺตินิคูหณลกฺขณํ มจฺฉริยํฯ อตฺตนา กตปาปปฎิจฺฉาทนลกฺขณา มายาฯ อตฺตโน อวิชฺชมานคุณปฺปกาสนลกฺขณํ สาเฐยฺยํฯ จิตฺตสฺส อุทฺธุมาตภาวลกฺขโณ ถโมฺภฯ กรณุตฺตริยลกฺขโณ สารโมฺภฯ อุนฺนติลกฺขโณ มาโนฯ อพฺภุนฺนติลกฺขโณ อติมาโนฯ มตฺตภาวลกฺขโณ มโทฯ ปญฺจสุ กามคุเณสุ จิตฺตโวสคฺคลกฺขโณ ปมาโทฯ
6.Rāgaṃ abhibhuyyatīti bhūripaññāti sā sā maggapaññā attanā vajjhaṃ rāgaṃ abhibhuyyati abhibhavati maddatīti bhūripaññā. Bhūrīti hi phuṭaṭṭho visadattho . Yā ca phuṭā, sā paṭipakkhaṃ abhibhavati na aphuṭā, tasmā bhūripaññāya abhibhavanattho vutto. Abhibhavitāti sā sā phalapaññā taṃ taṃ rāgaṃ abhibhavitavatī madditavatīti bhūripaññā. Abhibhavatāti vā pāṭho. Sesesupi eseva nayo. Rāgādīsu pana rajjanalakkhaṇo rāgo. Dussanalakkhaṇo doso. Muyhanalakkhaṇo moho. Kujjhanalakkhaṇo kodho. Upanandhanalakkhaṇo upanāho. Pubbakālaṃ kodho, aparakālaṃ upanāho. Paraguṇamakkhanalakkhaṇo makkho. Yugaggāhalakkhaṇo paḷāso. Parasampattikhīyanalakkhaṇā issā. Attano sampattinigūhaṇalakkhaṇaṃ macchariyaṃ. Attanā katapāpapaṭicchādanalakkhaṇā māyā. Attano avijjamānaguṇappakāsanalakkhaṇaṃ sāṭheyyaṃ. Cittassa uddhumātabhāvalakkhaṇo thambho. Karaṇuttariyalakkhaṇo sārambho. Unnatilakkhaṇo māno. Abbhunnatilakkhaṇo atimāno. Mattabhāvalakkhaṇo mado. Pañcasu kāmaguṇesu cittavosaggalakkhaṇo pamādo.
ราโค อริ, ตํ อริํ มทฺทนิปญฺญาติอาทีหิ กิํ วุตฺตํ โหติ? ราคาทิโก กิเลโส จิตฺตสนฺตาเน ภูโต อรีติ ภู-อริ, ปทสนฺธิวเสน อ-การ โลปํ กตฺวา ภูรีติ วุโตฺตฯ ตสฺส ภูริสฺส มทฺทนี ปญฺญา ภูริมทฺทนิปญฺญาติ วตฺตเพฺพ มทฺทนิ สทฺท โลปํ กตฺวา ‘‘ภูริปญฺญา’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตํ อริํ มทฺทนีติ จ เตสํ อรีนํ มทฺทนีติ ปทเจฺฉโท กาตโพฺพฯ ปถวีสมายาติ วิตฺถตวิปุลเฎฺฐเนว ปถวีสมายฯ วิตฺถตายาติ ปชานิตเพฺพ วิสเย ปตฺถฎาย, น เอกเทเส วตฺตมานายฯ วิปุลายาติ โอฬาริกภูตายฯ มหานิเทฺทเส ปน ‘‘วิปุลาย วิตฺถตายา’’ติ (มหานิ. ๒๗) อาคตํฯ สมนฺนาคโตติ ปุคฺคโลฯ อิติสโทฺท การณเตฺถ, อิมินา การเณน ปุคฺคลสฺส ภูริปญฺญาย สมนฺนาคตตฺตา ตสฺส ปญฺญา ภูริปญฺญา นามาติ ภูเต อเตฺถ รมตีติ อโตฺถฯ ภูริปญฺญสฺส ปญฺญา ภูริปญฺญปญฺญาติ วตฺตเพฺพ เอกสฺส ปญฺญาสทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘ภูริปญฺญา’’ติ วุตฺตํฯ ภูริสมา ปญฺญาติ วา ภูริปญฺญาฯ อปิจาติ อญฺญปริยายทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ปญฺญายเมตนฺติ ปญฺญาย เอตํฯ อธิวจนนฺติ อธิกวจนํฯ ภูรีติ ภูเต อเตฺถ รมตีติ ภูริฯ เมธาติ อสนิ วิย สิลุจฺจเย กิเลเส เมธติ หิํสตีติ เมธา, ขิปฺปํ คหณธารณเฎฺฐน วา เมธาฯ ปริณายิกาติ ยสฺสุปฺปชฺชติ, ตํ สตฺตํ หิตปฎิปตฺติยํ สมฺปยุตฺตธเมฺม จ ยาถาวลกฺขณปฎิเวเธ จ ปริเนตีติ ปริณายิกาฯ อิเมเหว อญฺญานิปิ ปญฺญาปริยายวจนานิ วุตฺตานิ โหนฺติฯ
Rāgo ari, taṃ ariṃ maddanipaññātiādīhi kiṃ vuttaṃ hoti? Rāgādiko kileso cittasantāne bhūto arīti bhū-ari, padasandhivasena a-kāra lopaṃ katvā bhūrīti vutto. Tassa bhūrissa maddanī paññā bhūrimaddanipaññāti vattabbe maddani sadda lopaṃ katvā ‘‘bhūripaññā’’ti vuttanti veditabbaṃ. Taṃ ariṃ maddanīti ca tesaṃ arīnaṃ maddanīti padacchedo kātabbo. Pathavīsamāyāti vitthatavipulaṭṭheneva pathavīsamāya. Vitthatāyāti pajānitabbe visaye patthaṭāya, na ekadese vattamānāya. Vipulāyāti oḷārikabhūtāya. Mahāniddese pana ‘‘vipulāya vitthatāyā’’ti (mahāni. 27) āgataṃ. Samannāgatoti puggalo. Itisaddo kāraṇatthe, iminā kāraṇena puggalassa bhūripaññāya samannāgatattā tassa paññā bhūripaññā nāmāti bhūte atthe ramatīti attho. Bhūripaññassa paññā bhūripaññapaññāti vattabbe ekassa paññāsaddassa lopaṃ katvā ‘‘bhūripaññā’’ti vuttaṃ. Bhūrisamā paññāti vā bhūripaññā. Apicāti aññapariyāyadassanatthaṃ vuttaṃ. Paññāyametanti paññāya etaṃ. Adhivacananti adhikavacanaṃ. Bhūrīti bhūte atthe ramatīti bhūri. Medhāti asani viya siluccaye kilese medhati hiṃsatīti medhā, khippaṃ gahaṇadhāraṇaṭṭhena vā medhā. Pariṇāyikāti yassuppajjati, taṃ sattaṃ hitapaṭipattiyaṃ sampayuttadhamme ca yāthāvalakkhaṇapaṭivedhe ca parinetīti pariṇāyikā. Imeheva aññānipi paññāpariyāyavacanāni vuttāni honti.
ปญฺญาพาหุลฺลนฺติ ปญฺญา พหุลา อสฺสาติ ปญฺญาพหุโล, ตสฺส ภาโว ปญฺญาพาหุลฺลํฯ ตญฺจ พหุลํ ปวตฺตมานา ปญฺญา เอวฯ อิเธกโจฺจติอาทีสุ ปุถุชฺชนกลฺยาณโก วา อริโย วาฯ ปญฺญา ครุกา อสฺสาติ ปญฺญาครุโกฯ ปญฺญา จริตํ ปวตฺตํ อสฺสาติ ปญฺญาจริโตฯ ปญฺญา อาสโย อสฺสาติ ปญฺญาสโยฯ ปญฺญาย อธิมุโตฺตติ ปญฺญาธิมุโตฺตฯ ปญฺญา เอว ธชภูตา อสฺสาติ ปญฺญาธโชฯ ปญฺญา เอว เกตุภูตา อสฺสาติ ปญฺญาเกตุฯ ปญฺญา เอว อธิปติ ปญฺญาธิปติ, ปญฺญาธิปติโต อาคตตฺตา ปญฺญาธิปเตโยฺยฯ ธมฺมสภาววิจินนํ พหุลมสฺสาติ วิจยพหุโลฯ นานปฺปกาเรน ธมฺมสภาววิจินนํ พหุลมสฺสาติ ปวิจยพหุโลฯ ปญฺญาย โอคาเหตฺวา ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส ขายนํ ปากฎกรณํ โอกฺขายนํ, โอกฺขายนํ พหุลมสฺสาติ โอกฺขายนพหุโลฯ ปญฺญาย ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส สมฺมา เปกฺขณา สเมฺปกฺขา, สเมฺปกฺขาย อยนํ ปวตฺตนํ สเมฺปกฺขายนํ, สเมฺปกฺขายนํ ธโมฺม ปกติ อสฺสาติ สเมฺปกฺขายนธโมฺมฯ ตํ ตํ ธมฺมํ วิภูตํ ปากฎํ กตฺวา วิหรตีติ วิภูตวิหารี, วิภูโต วิหาโร วา อสฺส อตฺถีติ วิภูตวิหารีฯ สา ปญฺญา จริตํ, ครุกา, พหุลา อสฺสาติ ตจฺจริโต ตคฺครุโก ตพฺพหุโลฯ ตสฺสํ ปญฺญายํ นิโนฺน, โปโณ, ปพฺภาโร, อธิมุโตฺตติ ตนฺนิโนฺน ตโปฺปโณ ตปฺปพฺภาโร ตทธิมุโตฺตฯ สา ปญฺญา อธิปติ ตทธิปติ, ตโต อาคโต ตทธิปเตโยฺยฯ ‘‘ปญฺญาครุโก’’ติอาทีนิ ‘‘กามํ เสวนฺตํเยว ชานาติ อยํ ปุคฺคโล กามครุโก’’ติอาทีสุ (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๓) วิย ปุริมชาติโต ปภุติ วุตฺตานิฯ ‘‘ตจฺจริโต’’ติอาทีนิ อิมิสฺสา ชาติยา วุตฺตานิฯ
Paññābāhullanti paññā bahulā assāti paññābahulo, tassa bhāvo paññābāhullaṃ. Tañca bahulaṃ pavattamānā paññā eva. Idhekaccotiādīsu puthujjanakalyāṇako vā ariyo vā. Paññā garukā assāti paññāgaruko. Paññā caritaṃ pavattaṃ assāti paññācarito. Paññā āsayo assāti paññāsayo. Paññāya adhimuttoti paññādhimutto. Paññā eva dhajabhūtā assāti paññādhajo. Paññā eva ketubhūtā assāti paññāketu. Paññā eva adhipati paññādhipati, paññādhipatito āgatattā paññādhipateyyo. Dhammasabhāvavicinanaṃ bahulamassāti vicayabahulo. Nānappakārena dhammasabhāvavicinanaṃ bahulamassāti pavicayabahulo. Paññāya ogāhetvā tassa tassa dhammassa khāyanaṃ pākaṭakaraṇaṃ okkhāyanaṃ, okkhāyanaṃ bahulamassāti okkhāyanabahulo. Paññāya tassa tassa dhammassa sammā pekkhaṇā sampekkhā, sampekkhāya ayanaṃ pavattanaṃ sampekkhāyanaṃ, sampekkhāyanaṃ dhammo pakati assāti sampekkhāyanadhammo. Taṃ taṃ dhammaṃ vibhūtaṃ pākaṭaṃ katvā viharatīti vibhūtavihārī, vibhūto vihāro vā assa atthīti vibhūtavihārī. Sā paññā caritaṃ, garukā, bahulā assāti taccarito taggaruko tabbahulo. Tassaṃ paññāyaṃ ninno, poṇo, pabbhāro, adhimuttoti tanninno tappoṇo tappabbhāro tadadhimutto. Sā paññā adhipati tadadhipati, tato āgato tadadhipateyyo. ‘‘Paññāgaruko’’tiādīni ‘‘kāmaṃ sevantaṃyeva jānāti ayaṃ puggalo kāmagaruko’’tiādīsu (paṭi. ma. 1.113) viya purimajātito pabhuti vuttāni. ‘‘Taccarito’’tiādīni imissā jātiyā vuttāni.
สีฆปญฺญา จ ลหุปญฺญา จ หาสปญฺญา จ ชวนปญฺญา จ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาฯ ขิปฺปเฎฺฐน สีฆปญฺญาฯ ลหุกเฎฺฐน ลหุปญฺญาฯ หาสพหุลเฎฺฐน หาสปญฺญาฯ วิปสฺสนูปคสงฺขาเรสุ จ วิสงฺขาเร จ ชวนเฎฺฐน ชวนปญฺญาฯ สีฆํ สีฆนฺติ พหุนฺนํ สีลาทีนํ สงฺคหตฺถํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํฯ สีลานีติ จาริตฺตวาริตฺตวเสน ปญฺญตฺตานิ ปาติโมกฺขสํวรสีลานิฯ อินฺทฺริยสํวรนฺติ จกฺขาทีนํ ฉนฺนํ อินฺทฺริยานํ ราคปฎิฆปฺปเวสํ อกตฺวา สติกวาเฎน วารณํ ถกนํฯ โภชเน มตฺตญฺญุตนฺติ ปจฺจเวกฺขิตปริโภควเสน โภชเน ปมาณญฺญุภาวํฯ ชาคริยานุโยคนฺติ ทิวสสฺส ตีสุ โกฎฺฐาเสสุ, รตฺติยา ปฐมปจฺฉิมโกฎฺฐาเสสุ จ ชาครติ น นิทฺทายติ, สมณธมฺมเมว จ กโรตีติ ชาคโร, ชาครสฺส ภาโว, กมฺมํ วา ชาคริยํ, ชาคริยสฺส อนุโยโค ชาคริยานุโยโคฯ ตํ ชาคริยานุโยคํฯ สีลกฺขนฺธนฺติ เสกฺขํ อเสกฺขํ วา สีลกฺขนฺธํฯ เอวมิตเรปิ ขนฺธา เวทิตพฺพาฯ ปญฺญากฺขนฺธนฺติ มคฺคปญฺญญฺจ เสกฺขาเสกฺขานํ โลกิยปญฺญญฺจฯ วิมุตฺติกฺขนฺธนฺติ ผลวิมุตฺติํฯ วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขนฺธนฺติ ปจฺจเวกฺขณญาณํฯ
Sīghapaññā ca lahupaññā ca hāsapaññā ca javanapaññā ca lokiyalokuttaramissakā. Khippaṭṭhena sīghapaññā. Lahukaṭṭhena lahupaññā. Hāsabahulaṭṭhena hāsapaññā. Vipassanūpagasaṅkhāresu ca visaṅkhāre ca javanaṭṭhena javanapaññā. Sīghaṃ sīghanti bahunnaṃ sīlādīnaṃ saṅgahatthaṃ dvikkhattuṃ vuttaṃ. Sīlānīti cārittavārittavasena paññattāni pātimokkhasaṃvarasīlāni. Indriyasaṃvaranti cakkhādīnaṃ channaṃ indriyānaṃ rāgapaṭighappavesaṃ akatvā satikavāṭena vāraṇaṃ thakanaṃ. Bhojane mattaññutanti paccavekkhitaparibhogavasena bhojane pamāṇaññubhāvaṃ. Jāgariyānuyoganti divasassa tīsu koṭṭhāsesu, rattiyā paṭhamapacchimakoṭṭhāsesu ca jāgarati na niddāyati, samaṇadhammameva ca karotīti jāgaro, jāgarassa bhāvo, kammaṃ vā jāgariyaṃ, jāgariyassa anuyogo jāgariyānuyogo. Taṃ jāgariyānuyogaṃ. Sīlakkhandhanti sekkhaṃ asekkhaṃ vā sīlakkhandhaṃ. Evamitarepi khandhā veditabbā. Paññākkhandhanti maggapaññañca sekkhāsekkhānaṃ lokiyapaññañca. Vimuttikkhandhanti phalavimuttiṃ. Vimuttiñāṇadassanakkhandhanti paccavekkhaṇañāṇaṃ.
หาสพหุโลติ มูลปทํฯ เวทพหุโลติ ตสฺสา เอว ปีติยา สมฺปยุตฺตโสมนสฺสเวทนาวเสน นิเทฺทสปทํฯ ตุฎฺฐิพหุโลติ นาติพลวปีติยา ตุฎฺฐาการวเสนฯ ปาโมชฺชพหุโลติ พลวปีติยา ปมุทิตภาววเสนฯ
Hāsabahuloti mūlapadaṃ. Vedabahuloti tassā eva pītiyā sampayuttasomanassavedanāvasena niddesapadaṃ. Tuṭṭhibahuloti nātibalavapītiyā tuṭṭhākāravasena. Pāmojjabahuloti balavapītiyā pamuditabhāvavasena.
๗. ยํ กิญฺจิ รูปนฺติอาทิ สมฺมสนญาณนิเทฺทเส วุตฺตตฺถํฯ ตุลยิตฺวาติ กลาปสมฺมสนวเสน ตุเลตฺวาฯ ตีรยิตฺวาติ อุทยพฺพยานุปสฺสนาวเสน ตีรยิตฺวาฯ วิภาวยิตฺวาติ ภงฺคานุปสฺสนาทิวเสน ปากฎํ กตฺวาฯ วิภูตํ กตฺวาติ สงฺขารุเปกฺขานุโลมวเสน ผุฎํ กตฺวาฯ ติกฺขปญฺญา โลกุตฺตรา เอวฯ อุปฺปนฺนนฺติ สมถวิปสฺสนาวเสน วิกฺขมฺภนตทงฺควเสน ปหีนมฺปิ อริยมเคฺคน อสมูหตตฺตา อุปฺปตฺติธมฺมตํ อนตีตตาย อสมูหตุปฺปนฺนนฺติ วุจฺจติ, ตํ อิธ อธิเปฺปตํฯ นาธิวาเสตีติ สนฺตานํ อาโรเปตฺวา น วาเสติฯ ปชหตีติ สมุเจฺฉทวเสน ปชหติฯ วิโนเทตีติ ขิปติฯ พฺยนฺตีกโรตีติ วิคตนฺตํ กโรติฯ อนภาวํ คเมตีติ อนุ อภาวํ คเมติ, วิปสฺสนานุกฺกเมน อริยมคฺคํ ปตฺวา สมุเจฺฉทวเสเนว อภาวํ คมยตีติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ กามปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก กามวิตโกฺกฯ ‘‘อิเม สตฺตา มรนฺตู’’ติ ปเรสํ มรณปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก พฺยาปาทวิตโกฺกฯ ‘‘อิเม สตฺตา วิหิํสียนฺตู’’ติ ปเรสํ วิหิํสาปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก วิหิํสาวิตโกฺกฯ ปาปเกติ ลามเกฯ อกุสเล ธเมฺมติ อโกสลฺลสมฺภูเต ธเมฺมฯ
7.Yaṃ kiñci rūpantiādi sammasanañāṇaniddese vuttatthaṃ. Tulayitvāti kalāpasammasanavasena tuletvā. Tīrayitvāti udayabbayānupassanāvasena tīrayitvā. Vibhāvayitvāti bhaṅgānupassanādivasena pākaṭaṃ katvā. Vibhūtaṃ katvāti saṅkhārupekkhānulomavasena phuṭaṃ katvā. Tikkhapaññā lokuttarā eva. Uppannanti samathavipassanāvasena vikkhambhanatadaṅgavasena pahīnampi ariyamaggena asamūhatattā uppattidhammataṃ anatītatāya asamūhatuppannanti vuccati, taṃ idha adhippetaṃ. Nādhivāsetīti santānaṃ āropetvā na vāseti. Pajahatīti samucchedavasena pajahati. Vinodetīti khipati. Byantīkarotīti vigatantaṃ karoti. Anabhāvaṃ gametīti anu abhāvaṃ gameti, vipassanānukkamena ariyamaggaṃ patvā samucchedavaseneva abhāvaṃ gamayatīti attho. Ettha ca kāmapaṭisaṃyutto vitakko kāmavitakko. ‘‘Ime sattā marantū’’ti paresaṃ maraṇapaṭisaṃyutto vitakko byāpādavitakko. ‘‘Ime sattā vihiṃsīyantū’’ti paresaṃ vihiṃsāpaṭisaṃyutto vitakko vihiṃsāvitakko. Pāpaketi lāmake. Akusale dhammeti akosallasambhūte dhamme.
นิเพฺพธิกปญฺญาติ นิพฺพิทาพหุลสฺส ปุคฺคลสฺส อุปฺปนฺนมคฺคปญฺญา เอวฯ อุเพฺพคพหุโลติ ญาณภยวเสน ภยพหุโลฯ อุตฺตาสพหุโลติ พลวภยพหุโล ฯ อิทํ ปุริมเสฺสว อตฺถวิวรณํฯ อุกฺกณฺฐนพหุโลติ สงฺขารโต อุทฺธํ วิสงฺขาราภิมุขตาย อุกฺกณฺฐนพหุโลฯ อนภิรติพหุโลติ อุกฺกณฺฐนวเสเนว อภิรติอภาวํ ทีเปติฯ อิทานิปิ ตมตฺถํ ทฺวีหิ วจเนหิ วิวรติฯ ตตฺถ พหิมุโขติ สงฺขารโต พหิภูตนิพฺพานาภิมุโขฯ น รมตีติ นาภิรมติฯ อนิพฺพิทฺธปุพฺพนฺติ อนมตเคฺค สํสาเร อนฺตํ ปาเปตฺวา อนิพฺพิทฺธปุพฺพํฯ อปฺปทาลิตปุพฺพนฺติ ตเสฺสว อตฺถวจนํ, อนฺตกรเณเนว อปทาลิตปุพฺพนฺติ อโตฺถฯ โลภกฺขนฺธนฺติ โลภราสิํ, โลภโกฎฺฐาสํ วาฯ อิมาหิ โสฬสหิ ปญฺญาหิ สมนฺนาคโตติ อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉเทน อรหาเยว วุโตฺตฯ อุปริ ‘‘เอโก เสกฺขปฎิสมฺภิทปฺปโตฺต’’ติ (ปฎิ. ม. ๓.๘) วุตฺตตฺตา โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิโนปิ ลพฺภนฺติเยวฯ
Nibbedhikapaññāti nibbidābahulassa puggalassa uppannamaggapaññā eva. Ubbegabahuloti ñāṇabhayavasena bhayabahulo. Uttāsabahuloti balavabhayabahulo . Idaṃ purimasseva atthavivaraṇaṃ. Ukkaṇṭhanabahuloti saṅkhārato uddhaṃ visaṅkhārābhimukhatāya ukkaṇṭhanabahulo. Anabhiratibahuloti ukkaṇṭhanavaseneva abhiratiabhāvaṃ dīpeti. Idānipi tamatthaṃ dvīhi vacanehi vivarati. Tattha bahimukhoti saṅkhārato bahibhūtanibbānābhimukho. Na ramatīti nābhiramati. Anibbiddhapubbanti anamatagge saṃsāre antaṃ pāpetvā anibbiddhapubbaṃ. Appadālitapubbanti tasseva atthavacanaṃ, antakaraṇeneva apadālitapubbanti attho. Lobhakkhandhanti lobharāsiṃ, lobhakoṭṭhāsaṃ vā. Imāhi soḷasahi paññāhi samannāgatoti ukkaṭṭhaparicchedena arahāyeva vutto. Upari ‘‘eko sekkhapaṭisambhidappatto’’ti (paṭi. ma. 3.8) vuttattā sotāpannasakadāgāmianāgāminopi labbhantiyeva.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๑. โสฬสปญฺญานิเทฺทโส • 1. Soḷasapaññāniddeso