Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๔๑๐] ๕. โสมทตฺตชาตกวณฺณนา

    [410] 5. Somadattajātakavaṇṇanā

    โย มํ ปุเร ปจฺจุเฑฺฑตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อญฺญตรํ มหลฺลกํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิเรกํ สามเณรํ ปพฺพาเชสิ, สามเณโร ตสฺส อุปการโก หุตฺวา ตถารูเปน โรเคน กาลมกาสิฯ มหลฺลโก ตสฺมิํ กาลกเต โรทโนฺต ปริเทวโนฺต วิจรติฯ ตํ ทิสฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุกมหลฺลโก สามเณรสฺส กาลกิริยาย โรทโนฺต ปริเทวโนฺต วิจรติ, มรณสฺสติกมฺมฎฺฐานรหิโต มเญฺญ’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส อิมสฺมิํ มเต โรทิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Yomaṃ pure paccuḍḍetīti idaṃ satthā jetavane viharanto aññataraṃ mahallakaṃ ārabbha kathesi. So kirekaṃ sāmaṇeraṃ pabbājesi, sāmaṇero tassa upakārako hutvā tathārūpena rogena kālamakāsi. Mahallako tasmiṃ kālakate rodanto paridevanto vicarati. Taṃ disvā bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, asukamahallako sāmaṇerassa kālakiriyāya rodanto paridevanto vicarati, maraṇassatikammaṭṭhānarahito maññe’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa imasmiṃ mate rodiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตาวติํสภวเน สกฺกตฺตํ กาเรสิฯ อเถโก กาสิคามวาสี พฺราหฺมณมหาสาโล กาเม ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อุญฺฉาจริยาย วนมูลผลาผเลหิ ยาเปโนฺต วาสํ กเปฺปสิฯ เอกทิวสํ ผลาผลตฺถาย คโต เอกํ หตฺถิฉาปํ ทิสฺวา อตฺตโน อสฺสมํ อาเนตฺวา ปุตฺตฎฺฐาเน ฐเปตฺวา โสมทโตฺตติสฺส นามํ กตฺวา ติณปณฺณานิ ขาทาเปโนฺต ปฎิชคฺคิฯ โส วยปฺปโตฺต มหาสรีโร หุตฺวา เอกทิวสํ พหุํ โภชนํ คเหตฺวา อชีรเกน ทุพฺพโล อโหสิฯ ตาปโส ตํ อสฺสมปเท กตฺวา ผลาผลตฺถาย คโต, ตสฺมิํ อนาคเตเยว หตฺถิโปตโก กาลมกาสิฯ ตาปโส ผลาผลํ คเหตฺวา อาคจฺฉโนฺต ‘‘อเญฺญสุ ทิวเสสุ เม ปุโตฺต ปจฺจุคฺคมนํ กโรติ, อชฺช น ทิสฺสติ, กหํ นุ โข คโต’’ติ ปริเทวโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tāvatiṃsabhavane sakkattaṃ kāresi. Atheko kāsigāmavāsī brāhmaṇamahāsālo kāme pahāya himavantaṃ pavisitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā uñchācariyāya vanamūlaphalāphalehi yāpento vāsaṃ kappesi. Ekadivasaṃ phalāphalatthāya gato ekaṃ hatthichāpaṃ disvā attano assamaṃ ānetvā puttaṭṭhāne ṭhapetvā somadattotissa nāmaṃ katvā tiṇapaṇṇāni khādāpento paṭijaggi. So vayappatto mahāsarīro hutvā ekadivasaṃ bahuṃ bhojanaṃ gahetvā ajīrakena dubbalo ahosi. Tāpaso taṃ assamapade katvā phalāphalatthāya gato, tasmiṃ anāgateyeva hatthipotako kālamakāsi. Tāpaso phalāphalaṃ gahetvā āgacchanto ‘‘aññesu divasesu me putto paccuggamanaṃ karoti, ajja na dissati, kahaṃ nu kho gato’’ti paridevanto paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๑๐๕.

    105.

    ‘‘โย มํ ปุเร ปจฺจุเฑฺฑติ, อรเญฺญ ทูรมายโต;

    ‘‘Yo maṃ pure paccuḍḍeti, araññe dūramāyato;

    โส น ทิสฺสติ มาตโงฺค, โสมทโตฺต กุหิํ คโต’’ติฯ

    So na dissati mātaṅgo, somadatto kuhiṃ gato’’ti.

    ตตฺถ ปุเรติ อิโต ปุเรฯ ปจฺจุเฑฺฑตีติ ปจฺจุคฺคจฺฉติฯ อรเญฺญ ทูรนฺติ อิมสฺมิํ นิมฺมนุเสฺส อรเญฺญ มํ ทูรํ ปจฺจุเฑฺฑติฯ อายโตติ อายามสมฺปโนฺนฯ

    Tattha pureti ito pure. Paccuḍḍetīti paccuggacchati. Araññe dūranti imasmiṃ nimmanusse araññe maṃ dūraṃ paccuḍḍeti. Āyatoti āyāmasampanno.

    เอวํ ปริเทวมาโน อาคนฺตฺวา ตํ จงฺกมนโกฎิยํ ปติตํ ทิสฺวา คเล คเหตฺวา ปริเทวมาโน ทุติยํ คาถมาห –

    Evaṃ paridevamāno āgantvā taṃ caṅkamanakoṭiyaṃ patitaṃ disvā gale gahetvā paridevamāno dutiyaṃ gāthamāha –

    ๑๐๖.

    106.

    ‘‘อยํ วา โส มโต เสติ, อลฺลสิงฺคํว วจฺฉิโต;

    ‘‘Ayaṃ vā so mato seti, allasiṅgaṃva vacchito;

    ภูมฺยา นิปติโต เสติ, อมรา วต กุญฺชโร’’ติฯ

    Bhūmyā nipatito seti, amarā vata kuñjaro’’ti.

    ตตฺถ อยํ วาติ วิภาวนเตฺถ วา-สโทฺทฯ อยเมว โส, น อโญฺญติ ตํ วิภาเวโนฺต เอวมาหฯ อลฺลสิงฺคนฺติ มาลุวลตาย อคฺคปวาลํฯ วจฺฉิโตติ ฉิโนฺน, คิมฺหกาเล มชฺฌนฺหิกสมเย ตตฺตวาลิกาปุลิเน นเขน ฉินฺทิตฺวา ปาติโต มาลุวลตาย องฺกุโร วิยาติ วุตฺตํ โหติฯ ภูมฺยาติ ภูมิยํฯ อมรา วตาติ มโต วต, ‘‘อมรี’’ติปิ ปาโฐฯ

    Tattha ayaṃ vāti vibhāvanatthe vā-saddo. Ayameva so, na aññoti taṃ vibhāvento evamāha. Allasiṅganti māluvalatāya aggapavālaṃ. Vacchitoti chinno, gimhakāle majjhanhikasamaye tattavālikāpuline nakhena chinditvā pātito māluvalatāya aṅkuro viyāti vuttaṃ hoti. Bhūmyāti bhūmiyaṃ. Amarā vatāti mato vata, ‘‘amarī’’tipi pāṭho.

    ตสฺมิํ ขเณ สโกฺก โลกํ โอโลเกโนฺต ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ตาปโส ปุตฺตทารํ ปหาย ปพฺพชิโต, อิทานิ หตฺถิโปตเก ปุตฺตสญฺญํ กตฺวา ปริเทวติ, สํเวเชตฺวา นํ สติํ ปฎิลภาเปสฺสามี’’ติ ตสฺส อสฺสมปทํ อาคนฺตฺวา อากาเส ฐิโตว ตติยํ คาถมาห –

    Tasmiṃ khaṇe sakko lokaṃ olokento taṃ disvā ‘‘ayaṃ tāpaso puttadāraṃ pahāya pabbajito, idāni hatthipotake puttasaññaṃ katvā paridevati, saṃvejetvā naṃ satiṃ paṭilabhāpessāmī’’ti tassa assamapadaṃ āgantvā ākāse ṭhitova tatiyaṃ gāthamāha –

    ๑๐๗.

    107.

    ‘‘อนคาริยุเปตสฺส , วิปฺปมุตฺตสฺส เต สโต;

    ‘‘Anagāriyupetassa , vippamuttassa te sato;

    สมณสฺส น ตํ สาธุ, ยํ เปตมนุโสจสี’’ติฯ

    Samaṇassa na taṃ sādhu, yaṃ petamanusocasī’’ti.

    อถสฺส วจนํ สุตฺวา ตาปโส จตุตฺถํ คาถมาห –

    Athassa vacanaṃ sutvā tāpaso catutthaṃ gāthamāha –

    ๑๐๘.

    108.

    ‘‘สํวาเสน หเว สกฺก, มนุสฺสสฺส มิคสฺส วา;

    ‘‘Saṃvāsena have sakka, manussassa migassa vā;

    หทเย ชายเต เปมํ, ตํ น สกฺกา อโสจิตุ’’นฺติฯ

    Hadaye jāyate pemaṃ, taṃ na sakkā asocitu’’nti.

    ตตฺถ มิคสฺส วาติ อิมสฺมิํ ฐาเน สเพฺพปิ ติรจฺฉานา ‘‘มิคา’’ติ วุตฺตาฯ นฺติ ปิยายิตํ สตฺตํฯ

    Tattha migassa vāti imasmiṃ ṭhāne sabbepi tiracchānā ‘‘migā’’ti vuttā. Tanti piyāyitaṃ sattaṃ.

    อถ นํ โอวทโนฺต สโกฺก เทฺว คาถา อภาสิ –

    Atha naṃ ovadanto sakko dve gāthā abhāsi –

    ๑๐๙.

    109.

    ‘‘มตํ มริสฺสํ โรทนฺติ, เย รุทนฺติ ลปนฺติ จ;

    ‘‘Mataṃ marissaṃ rodanti, ye rudanti lapanti ca;

    ตสฺมา ตฺวํ อิสิ มา โรทิ, โรทิตํ โมฆมาหุ สโนฺตฯ

    Tasmā tvaṃ isi mā rodi, roditaṃ moghamāhu santo.

    ๑๑๐.

    110.

    ‘‘กนฺทิเตน หเว พฺรเหฺม, มโต เปโต สมุฎฺฐเห;

    ‘‘Kanditena have brahme, mato peto samuṭṭhahe;

    สเพฺพ สงฺคมฺม โรทาม, อญฺญมญฺญสฺส ญาตเก’’ติฯ

    Sabbe saṅgamma rodāma, aññamaññassa ñātake’’ti.

    ตตฺถ เย รุทนฺติ ลปนฺติ จาติ พฺรเหฺม เย สตฺตา โรทนฺติ ปริเทวนฺติ จ, สเพฺพ เต มตํ, โย จ มริสฺสติ, ตํ โรทนฺติ, เตสํเยว เอวํ โรทนฺตานํ อสฺสุสุกฺขนกาโล นตฺถิ, ตสฺมา ตฺวํ อิสิ มา โรทิฯ กิํการณา? โรทิตํ โมฆมาหุ สโนฺต, ปณฺฑิตา หิ ‘‘โรทิตํ นิปฺผล’’นฺติ วทนฺติฯ มโต เปโตติ ยทิ เอส เปโตติ สงฺขฺยํ คโต มโต โรทิเตน สมุฎฺฐเหยฺย, เอวํ สเนฺต สเพฺพปิ มยํ สมาคนฺตฺวา อญฺญมญฺญสฺส ญาตเก โรทาม, กิํ นิกฺกมฺมา อจฺฉามาติฯ

    Tattha ye rudanti lapanti cāti brahme ye sattā rodanti paridevanti ca, sabbe te mataṃ, yo ca marissati, taṃ rodanti, tesaṃyeva evaṃ rodantānaṃ assusukkhanakālo natthi, tasmā tvaṃ isi mā rodi. Kiṃkāraṇā? Roditaṃ moghamāhu santo, paṇḍitā hi ‘‘roditaṃ nipphala’’nti vadanti. Mato petoti yadi esa petoti saṅkhyaṃ gato mato roditena samuṭṭhaheyya, evaṃ sante sabbepi mayaṃ samāgantvā aññamaññassa ñātake rodāma, kiṃ nikkammā acchāmāti.

    ตาปโส สกฺกสฺส วจนํ สุตฺวา สติํ ปฎิลภิตฺวา วิคตโสโก อสฺสูนิ ปุญฺฉิตฺวา สกฺกสฺส ถุติวเสน เสสคาถา อาห –

    Tāpaso sakkassa vacanaṃ sutvā satiṃ paṭilabhitvā vigatasoko assūni puñchitvā sakkassa thutivasena sesagāthā āha –

    ๑๑๑.

    111.

    ‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

    ‘‘Ādittaṃ vata maṃ santaṃ, ghatasittaṃva pāvakaṃ;

    วารินา วิย โอสิญฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํฯ

    Vārinā viya osiñcaṃ, sabbaṃ nibbāpaye daraṃ.

    ๑๑๒.

    112.

    ‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, ยมาสิ หทยสฺสิตํ;

    ‘‘Abbahī vata me sallaṃ, yamāsi hadayassitaṃ;

    โย เม โสกปเรตสฺส, ปุตฺตโสกํ อปานุทิฯ

    Yo me sokaparetassa, puttasokaṃ apānudi.

    ๑๑๓.

    113.

    ‘‘โสหํ อพฺพูฬฺหสโลฺลสฺมิ, วีตโสโก อนาวิโล;

    ‘‘Sohaṃ abbūḷhasallosmi, vītasoko anāvilo;

    น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน วาสวา’’ติฯ

    Na socāmi na rodāmi, tava sutvāna vāsavā’’ti.

    ตา เหฎฺฐา วุตฺตตฺถาเยวฯ เอวํ สโกฺก ตาปสสฺส โอวาทํ ทตฺวา สกฎฺฐานเมว คโตฯ

    Tā heṭṭhā vuttatthāyeva. Evaṃ sakko tāpasassa ovādaṃ datvā sakaṭṭhānameva gato.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา หตฺถิโปตโก สามเณโร อโหสิ, ตาปโส มหลฺลโก, สโกฺก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā hatthipotako sāmaṇero ahosi, tāpaso mahallako, sakko pana ahameva ahosi’’nti.

    โสมทตฺตชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ

    Somadattajātakavaṇṇanā pañcamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๑๐. โสมทตฺตชาตกํ • 410. Somadattajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact