Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จริยาปิฎก-อฎฺฐกถา • Cariyāpiṭaka-aṭṭhakathā |
๒. โสมนสฺสจริยาวณฺณนา
2. Somanassacariyāvaṇṇanā
๗. ทุติเย อินฺทปเตฺถ ปุรุตฺตเมติ เอวํนามเก นครวเรฯ กามิโตติ มาตาปิตุอาทีหิ ‘‘อโห วต เอโก ปุโตฺต อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ เอวํ จิรกาเล ปตฺถิโตฯ ทยิโตติ ปิยายิโตฯ โสมนโสฺสติ วิสฺสุโตติ ‘‘โสมนโสฺส’’ติ เอวํ ปกาสนาโมฯ
7. Dutiye indapatthe puruttameti evaṃnāmake nagaravare. Kāmitoti mātāpituādīhi ‘‘aho vata eko putto uppajjeyyā’’ti evaṃ cirakāle patthito. Dayitoti piyāyito. Somanassoti vissutoti ‘‘somanasso’’ti evaṃ pakāsanāmo.
๘. สีลวาติ ทสกุสลกมฺมปถสีเลน เจว อาจารสีเลน จ สมนฺนาคโตฯ คุณสมฺปโนฺนติ สทฺธาพาหุสจฺจาทิคุเณหิ อุเปโต, ปริปุโณฺณ วาฯ กลฺยาณปฎิภานวาติ ตํตํอิติกตฺตพฺพสาธเนน อุปายโกสลฺลสงฺขาเตน จ สุนฺทเรน ปฎิภาเนน สมนฺนาคโตฯ วุฑฺฒาปจายีติ มาตาปิตโร กุเล เชฎฺฐาติ เอวํ เย ชาติวุฑฺฒา, เย จ สีลาทิคุเณหิ วุฑฺฒา, เตสํ อปจายนสีโลฯ หิรีมาติ ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณาย หิริยา สมนฺนาคโตฯ สงฺคเหสุ จ โกวิโทติ ทานปิยวจนอตฺถจริยาสมานตฺตตาสงฺขาเตหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ยถารหํ สตฺตานํ สงฺคณฺหเนสุ กุสโลฯ เอวรูโป เรณุสฺส นาม กุรุราชสฺส ปุโตฺต โสมนโสฺสติ วิสฺสุโต ยทา โหมีติ สมฺพโนฺธฯ
8.Sīlavāti dasakusalakammapathasīlena ceva ācārasīlena ca samannāgato. Guṇasampannoti saddhābāhusaccādiguṇehi upeto, paripuṇṇo vā. Kalyāṇapaṭibhānavāti taṃtaṃitikattabbasādhanena upāyakosallasaṅkhātena ca sundarena paṭibhānena samannāgato. Vuḍḍhāpacāyīti mātāpitaro kule jeṭṭhāti evaṃ ye jātivuḍḍhā, ye ca sīlādiguṇehi vuḍḍhā, tesaṃ apacāyanasīlo. Hirīmāti pāpajigucchanalakkhaṇāya hiriyā samannāgato. Saṅgahesu ca kovidoti dānapiyavacanaatthacariyāsamānattatāsaṅkhātehi catūhi saṅgahavatthūhi yathārahaṃ sattānaṃ saṅgaṇhanesu kusalo. Evarūpo reṇussa nāma kururājassa putto somanassoti vissuto yadā homīti sambandho.
๙. ตสฺส รโญฺญ ปติกโรติ เตน กุรุราเชน ปติ อภิกฺขณํ อุปกตฺตพฺพภาเวน ปติกโร วลฺลโภฯ กุหกตาปโสติ อสนฺตคุณสมฺภาวนลกฺขเณน โกหเญฺญน ชีวิตกปฺปนโก เอโก ตาปโส, ตสฺส รโญฺญ สกฺกาตโพฺพ อโหสิฯ อารามนฺติ ผลารามํ, ยตฺถ เอฬาลุกลาพุกุมฺภณฺฑติปุสาทิวลฺลิผลานิ เจว ตณฺฑุเลยฺยกาทิสากญฺจ โรปียติฯ มาลาวจฺฉนฺติ ชาติอติมุตฺตกาทิปุปฺผคจฺฉํ, เตน ปุปฺผารามํ ทเสฺสติฯ เอตฺถ จ อารามํ กตฺวา ตตฺถ มาลาวจฺฉญฺจ ยถาวุตฺตผลวจฺฉญฺจ โรเปตฺวา ตโต ลทฺธธนํ สํหริตฺวา ฐเปโนฺต ชีวตีติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
9.Tassa rañño patikaroti tena kururājena pati abhikkhaṇaṃ upakattabbabhāvena patikaro vallabho. Kuhakatāpasoti asantaguṇasambhāvanalakkhaṇena kohaññena jīvitakappanako eko tāpaso, tassa rañño sakkātabbo ahosi. Ārāmanti phalārāmaṃ, yattha eḷālukalābukumbhaṇḍatipusādivalliphalāni ceva taṇḍuleyyakādisākañca ropīyati. Mālāvacchanti jātiatimuttakādipupphagacchaṃ, tena pupphārāmaṃ dasseti. Ettha ca ārāmaṃ katvā tattha mālāvacchañca yathāvuttaphalavacchañca ropetvā tato laddhadhanaṃ saṃharitvā ṭhapento jīvatīti attho veditabbo.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – ตทา มหารกฺขิโต นาม ตาปโส ปญฺจสตตาปสปริวาโร หิมวเนฺต วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทจาริกํ จรโนฺต อินฺทปตฺถนครํ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา สปริโส ปิณฺฑาย จรโนฺต ราชทฺวารํ ปาปุณิฯ ราชา อิสิคณํ ทิสฺวา อิริยาปเถ ปสโนฺน อลงฺกตมหาตเล นิสีทาเปตฺวา ปณีเตนาหาเรน ปริวิสิตฺวา ‘‘ภเนฺต, อิมํ วสฺสารตฺตํ มม อุยฺยาเนเยว วสถา’’ติ วตฺวา เตหิ สทฺธิํ อุยฺยานํ คนฺตฺวา วสนฎฺฐานานิ กาเรตฺวา ปพฺพชิตปริกฺขาเร ทตฺวา นิกฺขมิฯ ตโต ปฎฺฐาย สเพฺพปิ เต ราชนิเวสเน ภุญฺชนฺติฯ
Tatrāyaṃ anupubbikathā – tadā mahārakkhito nāma tāpaso pañcasatatāpasaparivāro himavante vasitvā loṇambilasevanatthāya janapadacārikaṃ caranto indapatthanagaraṃ patvā rājuyyāne vasitvā sapariso piṇḍāya caranto rājadvāraṃ pāpuṇi. Rājā isigaṇaṃ disvā iriyāpathe pasanno alaṅkatamahātale nisīdāpetvā paṇītenāhārena parivisitvā ‘‘bhante, imaṃ vassārattaṃ mama uyyāneyeva vasathā’’ti vatvā tehi saddhiṃ uyyānaṃ gantvā vasanaṭṭhānāni kāretvā pabbajitaparikkhāre datvā nikkhami. Tato paṭṭhāya sabbepi te rājanivesane bhuñjanti.
ราชา ปน อปุตฺตโก ปุเตฺต ปเตฺถติ, ปุตฺตา นุปฺปชฺชนฺติฯ วสฺสารตฺตจฺจเยน มหารกฺขิโต ‘‘หิมวนฺตํ คมิสฺสามา’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา รญฺญา กตสกฺการสมฺมาโน นิกฺขมิตฺวา อนฺตรามเคฺค มชฺฌนฺหิกสมเย มคฺคา โอกฺกมฺม เอกสฺส สนฺทจฺฉายสฺส รุกฺขสฺส เหฎฺฐา สปริโส นิสีทิฯ ตาปสา กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘ราชา อปุตฺตโก, สาธุ วตสฺส สเจ ราชปุตฺตํ ลเภยฺยา’’ติฯ มหารกฺขิโต ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘ภวิสฺสติ นุ โข รโญฺญ ปุโตฺต, อุทาหุ โน’’ติ อุปธาเรโนฺต ‘‘ภวิสฺสตี’’ติ ญตฺวา ‘‘มา ตุเมฺห จินฺตยิตฺถ, อชฺช ปจฺจูสกาเล เอโก เทวปุโตฺต จวิตฺวา รโญฺญ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ อาหฯ
Rājā pana aputtako putte pattheti, puttā nuppajjanti. Vassārattaccayena mahārakkhito ‘‘himavantaṃ gamissāmā’’ti rājānaṃ āpucchitvā raññā katasakkārasammāno nikkhamitvā antarāmagge majjhanhikasamaye maggā okkamma ekassa sandacchāyassa rukkhassa heṭṭhā sapariso nisīdi. Tāpasā kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘rājā aputtako, sādhu vatassa sace rājaputtaṃ labheyyā’’ti. Mahārakkhito taṃ kathaṃ sutvā ‘‘bhavissati nu kho rañño putto, udāhu no’’ti upadhārento ‘‘bhavissatī’’ti ñatvā ‘‘mā tumhe cintayittha, ajja paccūsakāle eko devaputto cavitvā rañño aggamahesiyā kucchimhi nibbattissatī’’ti āha.
ตํ สุตฺวา เอโก กูฎชฎิโล ‘‘อิทานิ ราชกุลูปโก ภวิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตาปสานํ คมนกาเล คิลานาลยํ กตฺวา นิปชฺชิตฺวา ‘‘เอหิ คจฺฉามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น สโกฺกมี’’ติ อาหฯ มหารกฺขิโต ตสฺส นิปนฺนการณํ ญตฺวา ‘‘ยทา สโกฺกสิ, ตทา อาคเจฺฉยฺยาสี’’ติ อิสิคณํ อาทาย หิมวนฺตเมว คโตฯ กุหโก นิวตฺติตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ราชทฺวาเร ฐตฺวา ‘‘มหารกฺขิตสฺส อุปฎฺฐากตาปโส อาคโต’’ติ รโญฺญ อาโรจาเปตฺวา รญฺญา เวเคน ปโกฺกสาปิโต ปาสาทํ อภิรุยฺห ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ ราชา ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน อิสีนํ อาโรคฺยํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ภเนฺต, อติขิปฺปํ นิวตฺติตฺถ, เกนเตฺถน อาคตตฺถา’’ติ อาหฯ
Taṃ sutvā eko kūṭajaṭilo ‘‘idāni rājakulūpako bhavissāmī’’ti cintetvā tāpasānaṃ gamanakāle gilānālayaṃ katvā nipajjitvā ‘‘ehi gacchāmā’’ti vutte ‘‘na sakkomī’’ti āha. Mahārakkhito tassa nipannakāraṇaṃ ñatvā ‘‘yadā sakkosi, tadā āgaccheyyāsī’’ti isigaṇaṃ ādāya himavantameva gato. Kuhako nivattitvā vegena gantvā rājadvāre ṭhatvā ‘‘mahārakkhitassa upaṭṭhākatāpaso āgato’’ti rañño ārocāpetvā raññā vegena pakkosāpito pāsādaṃ abhiruyha paññatte āsane nisīdi. Rājā taṃ vanditvā ekamantaṃ nisinno isīnaṃ ārogyaṃ pucchitvā ‘‘bhante, atikhippaṃ nivattittha, kenatthena āgatatthā’’ti āha.
มหาราช, อิสิคโณ สุขนิสิโนฺน ‘‘สาธุ วตสฺส สเจ รโญฺญ วํสานุรกฺขโก ปุโตฺต อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ กถํ สมุฎฺฐาเปสิฯ อหํ ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘ภวิสฺสติ นุ โข รโญฺญ ปุโตฺต, อุทาหุ โน’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกโนฺต ‘‘มหิทฺธิโก เทวปุโตฺต จวิตฺวา อคฺคมเหสิยา สุธมฺมาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ ทิสฺวา ‘‘อชานนฺตา คพฺภํ นาเสยฺยุํ, อาจิกฺขิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ ตุมฺหากํ กถนตฺถาย อาคโต, กถิตํ โว มยา, คจฺฉามห’’นฺติฯ ราชา ‘‘ภเนฺต, น สกฺกา คนฺตุ’’นฺติ หฎฺฐตุโฎฺฐ ปสนฺนจิโตฺต กุหกตาปสํ อุยฺยานํ เนตฺวา วสนฎฺฐานํ สํวิทหิตฺวา อทาสิฯ โส ตโต ปฎฺฐาย ราชกุเล ภุญฺชโนฺต วสติ, ‘‘ทิพฺพจกฺขุโก’’เตฺววสฺส นามํ อโหสิฯ
Mahārāja, isigaṇo sukhanisinno ‘‘sādhu vatassa sace rañño vaṃsānurakkhako putto uppajjeyyā’’ti kathaṃ samuṭṭhāpesi. Ahaṃ taṃ kathaṃ sutvā ‘‘bhavissati nu kho rañño putto, udāhu no’’ti dibbacakkhunā olokento ‘‘mahiddhiko devaputto cavitvā aggamahesiyā sudhammāya kucchimhi nibbattissatī’’ti disvā ‘‘ajānantā gabbhaṃ nāseyyuṃ, ācikkhissāmi tāva na’’nti tumhākaṃ kathanatthāya āgato, kathitaṃ vo mayā, gacchāmaha’’nti. Rājā ‘‘bhante, na sakkā gantu’’nti haṭṭhatuṭṭho pasannacitto kuhakatāpasaṃ uyyānaṃ netvā vasanaṭṭhānaṃ saṃvidahitvā adāsi. So tato paṭṭhāya rājakule bhuñjanto vasati, ‘‘dibbacakkhuko’’tvevassa nāmaṃ ahosi.
ตทา โพธิสโตฺต ตาวติํสภวนโต จวิตฺวา ตตฺถ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิ, ชาตสฺส จ นามคฺคหณทิวเส ‘‘โสมนโสฺส’’ติ นามํ กริํสุฯ โส กุมารปริหาเรน วฑฺฒติฯ กุหกตาปโสปิ อุยฺยานสฺส เอกปเสฺส นานปฺปการํ สูเปยฺยสากญฺจ ผลวลฺลิอาทโย จ โรเปตฺวา ปณฺณิกานํ หเตฺถ วิกฺกิณโนฺต ธนํ สํหรติฯ อถ โพธิสตฺตสฺส สตฺตวสฺสิกกาเล รโญฺญ ปจฺจโนฺต กุปิโตฯ โส ‘‘ตาต, ทิพฺพจกฺขุตาปเส มา ปมชฺชา’’ติ กุมารํ ปฎิจฺฉาเปตฺวา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตุํ คโตฯ
Tadā bodhisatto tāvatiṃsabhavanato cavitvā tattha paṭisandhiṃ gaṇhi, jātassa ca nāmaggahaṇadivase ‘‘somanasso’’ti nāmaṃ kariṃsu. So kumāraparihārena vaḍḍhati. Kuhakatāpasopi uyyānassa ekapasse nānappakāraṃ sūpeyyasākañca phalavalliādayo ca ropetvā paṇṇikānaṃ hatthe vikkiṇanto dhanaṃ saṃharati. Atha bodhisattassa sattavassikakāle rañño paccanto kupito. So ‘‘tāta, dibbacakkhutāpase mā pamajjā’’ti kumāraṃ paṭicchāpetvā paccantaṃ vūpasametuṃ gato.
๑๐-๑๓. อเถกทิวสํ กุมาโร ‘‘ชฎิลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ คนฺตฺวา กูฎชฎิลํ เอกํ คนฺธิกกาสาวํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา อุโภหิ หเตฺถหิ เทฺว ฆเฎ คเหตฺวา สากวตฺถุสฺมิํ อุทกํ สิญฺจนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ กูฎชฎิโล อตฺตโน สมณธมฺมํ อกตฺวา ปณฺณิกกมฺมํ กโรตี’’ติ ญตฺวา ‘‘กิํ กโรสิ ปณฺณิกคหปติกา’’ติ ตํ ลชฺชาเปตฺวา อวนฺทิตฺวา เอว นิกฺขมิฯ
10-13. Athekadivasaṃ kumāro ‘‘jaṭilaṃ passissāmī’’ti uyyānaṃ gantvā kūṭajaṭilaṃ ekaṃ gandhikakāsāvaṃ nivāsetvā ekaṃ pārupitvā ubhohi hatthehi dve ghaṭe gahetvā sākavatthusmiṃ udakaṃ siñcantaṃ disvā ‘‘ayaṃ kūṭajaṭilo attano samaṇadhammaṃ akatvā paṇṇikakammaṃ karotī’’ti ñatvā ‘‘kiṃ karosi paṇṇikagahapatikā’’ti taṃ lajjāpetvā avanditvā eva nikkhami.
กูฎชฎิโล ‘‘อยํ อิทาเนว เอวรูโป, ปจฺฉา ‘โก ชานาติ กิํ กริสฺสตี’ติ อิทาเนว นํ นาเสตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา รโญฺญ อาคมนกาเล ปาสาณผลกํ เอกมนฺตํ ขิปิตฺวา ปานียฆฎํ ภินฺทิตฺวา ปณฺณสาลาย ติณานิ วิกิริตฺวา สรีรํ เตเลน มเกฺขตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา สสีสํ ปารุปิตฺวา มหาทุกฺขปฺปโตฺต วิย มเญฺจ นิปชฺชิฯ ราชา อาคนฺตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา นิเวสนํ อปวิสิตฺวาว ‘‘มม สามิกํ ทิพฺพจกฺขุกํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ปณฺณสาลทฺวารํ คนฺตฺวา ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ‘‘กิํ นุ โข เอต’’นฺติ อโนฺต ปวิสิตฺวา ตํ นิปนฺนกํ ทิสฺวา ปาเท ปริมชฺชโนฺต ปุจฺฉิ – ‘‘เกน, ตฺวํ ภเนฺต, เอวํ วิเหฐิโต, กมชฺช ยมโลกํ เนมิ, ตํ เม สีฆํ อาจิกฺขา’’ติฯ
Kūṭajaṭilo ‘‘ayaṃ idāneva evarūpo, pacchā ‘ko jānāti kiṃ karissatī’ti idāneva naṃ nāsetuṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā rañño āgamanakāle pāsāṇaphalakaṃ ekamantaṃ khipitvā pānīyaghaṭaṃ bhinditvā paṇṇasālāya tiṇāni vikiritvā sarīraṃ telena makkhetvā paṇṇasālaṃ pavisitvā sasīsaṃ pārupitvā mahādukkhappatto viya mañce nipajji. Rājā āgantvā nagaraṃ padakkhiṇaṃ katvā nivesanaṃ apavisitvāva ‘‘mama sāmikaṃ dibbacakkhukaṃ passissāmī’’ti paṇṇasāladvāraṃ gantvā taṃ vippakāraṃ disvā ‘‘kiṃ nu kho eta’’nti anto pavisitvā taṃ nipannakaṃ disvā pāde parimajjanto pucchi – ‘‘kena, tvaṃ bhante, evaṃ viheṭhito, kamajja yamalokaṃ nemi, taṃ me sīghaṃ ācikkhā’’ti.
ตํ สุตฺวา กูฎชฎิโล นิตฺถุนโนฺต อุฎฺฐาย ทิโฎฺฐ, มหาราช, ตฺวํ เม, ปสฺสิตฺวา ตยิ วิสฺสาเสน อหํ อิมํ วิปฺปการํ ปโตฺต, ตว ปุเตฺตนมฺหิ เอวํ วิเหฐิโตติฯ ตํ สุตฺวา ราชา โจรฆาตเก อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉถ กุมารสฺส สีสํ ฉินฺทิตฺวา สรีรญฺจสฺส ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา รถิยา รถิยํ วิกิรถา’’ติฯ เต มาตรา อลงฺกริตฺวา อตฺตโน อเงฺก นิสีทาปิตํ กุมารํ อากฑฺฒิํสุ – ‘‘รญฺญา เต วโธ อาณโตฺต’’ติฯ กุมาโร มรณภยตชฺชิโต มาตุ องฺกโต วุฎฺฐาย – ‘‘รโญฺญ มํ ทเสฺสถ, สนฺติ ราชกิจฺจานี’’ติ อาหฯ เต กุมารสฺส วจนํ สุตฺวา มาเรตุํ อวิสหนฺตา โคณํ วิย รชฺชุยา ปริกฑฺฒนฺตา เนตฺวา รโญฺญ ทเสฺสสุํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตมหํ ทิสฺวาน กุหก’’นฺติอาทิฯ
Taṃ sutvā kūṭajaṭilo nitthunanto uṭṭhāya diṭṭho, mahārāja, tvaṃ me, passitvā tayi vissāsena ahaṃ imaṃ vippakāraṃ patto, tava puttenamhi evaṃ viheṭhitoti. Taṃ sutvā rājā coraghātake āṇāpesi – ‘‘gacchatha kumārassa sīsaṃ chinditvā sarīrañcassa khaṇḍākhaṇḍikaṃ chinditvā rathiyā rathiyaṃ vikirathā’’ti. Te mātarā alaṅkaritvā attano aṅke nisīdāpitaṃ kumāraṃ ākaḍḍhiṃsu – ‘‘raññā te vadho āṇatto’’ti. Kumāro maraṇabhayatajjito mātu aṅkato vuṭṭhāya – ‘‘rañño maṃ dassetha, santi rājakiccānī’’ti āha. Te kumārassa vacanaṃ sutvā māretuṃ avisahantā goṇaṃ viya rajjuyā parikaḍḍhantā netvā rañño dassesuṃ. Tena vuttaṃ ‘‘tamahaṃ disvāna kuhaka’’ntiādi.
ตตฺถ ถุสราสิํว อตณฺฑุลนฺติ ตณฺฑุลกเณหิ วิรหิตํ ถุสราสิํ วิย, ทุมํว รุกฺขํ วิย, อโนฺต มหาสุสิรํฯ กทลิํว อสารกํ สีลาทิสารรหิตํ ตาปสํ อหํ ทิสฺวา นตฺถิ อิมสฺส สตํ สาธูนํ ฌานาทิธโมฺมฯ กสฺมา? สามญฺญา สมณภาวา สีลมตฺตโตปิ อปคโต ปริหีโน อยํ, ตถา หิ อยํ หิรีสุกฺกธมฺมชหิโต ปชหิตหิริสงฺขาตสุกฺกธโมฺมฯ ชีวิตวุตฺติการณาติ ‘‘เกวลํ ชีวิตเสฺสว เหตุ อยํ ตาปสลิเงฺคน จรตี’’ติ จิเนฺตสินฺติ ทเสฺสติฯ ปรนฺติหีติ ปรโนฺต ปจฺจโนฺต นิวาสภูโต เอเตสํ อตฺถีติ ปรนฺติโน, สีมนฺตริกวาสิโนฯ เตหิ ปรนฺตีหิ อฎวิเกหิ ปจฺจนฺตเทโส โขภิโต อโหสิฯ ตํ ปจฺจนฺตโกปํ นิเสเธตุํ วูปสเมตุํ คจฺฉโนฺต มม ปิตา กุรุราชา ‘‘ตาต โสมนสฺสกุมาร, มยฺหํ สามิกํ อุคฺคตาปนํ โฆรตปํ ปรมสนฺตินฺทฺริยํ ชฎิลํ มา ปมชฺชิฯ โส หิ อมฺหากํ สพฺพกามทโท, ตสฺมา ยทิจฺฉกํ จิตฺตรุจิยํ ตสฺส จิตฺตานุกูลํ ปวเตฺตหิ อนุวเตฺตหี’’ติ ตทา มํ อนุสาสีติ ทเสฺสติฯ
Tattha thusarāsiṃva ataṇḍulanti taṇḍulakaṇehi virahitaṃ thusarāsiṃ viya, dumaṃva rukkhaṃ viya, anto mahāsusiraṃ. Kadaliṃva asārakaṃ sīlādisārarahitaṃ tāpasaṃ ahaṃ disvā natthi imassa sataṃ sādhūnaṃ jhānādidhammo. Kasmā? Sāmaññā samaṇabhāvā sīlamattatopi apagato parihīno ayaṃ, tathā hi ayaṃ hirīsukkadhammajahito pajahitahirisaṅkhātasukkadhammo. Jīvitavuttikāraṇāti ‘‘kevalaṃ jīvitasseva hetu ayaṃ tāpasaliṅgena caratī’’ti cintesinti dasseti. Parantihīti paranto paccanto nivāsabhūto etesaṃ atthīti parantino, sīmantarikavāsino. Tehi parantīhi aṭavikehi paccantadeso khobhito ahosi. Taṃ paccantakopaṃ nisedhetuṃ vūpasametuṃ gacchanto mama pitā kururājā ‘‘tāta somanassakumāra, mayhaṃ sāmikaṃ uggatāpanaṃ ghoratapaṃ paramasantindriyaṃ jaṭilaṃ mā pamajji. So hi amhākaṃ sabbakāmadado, tasmā yadicchakaṃ cittaruciyaṃ tassa cittānukūlaṃ pavattehi anuvattehī’’ti tadā maṃ anusāsīti dasseti.
๑๔. ตมหํ คนฺตฺวานุปฎฺฐานนฺติ ปิตุ วจนํ อนติกฺกโนฺต ตํ กูฎตาปสํ อุปฎฺฐานตฺถํ คนฺตฺวา ตํ สากวตฺถุสฺมิํ อุทกํ อาสิญฺจนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปณฺณิโก อย’’นฺติ จ ญตฺวา กจฺจิ เต, คหปติ, กุสลนฺติ, คหปติ, เต สรีรสฺส กจฺจิ กุสลํ กุสลเมว, ตถา หิ สากวตฺถุสฺมิํ อุทกํ อาสิญฺจสิฯ กิํ วา ตว หิรญฺญํ วา สุวณฺณํ วา อาหรียตุ, ตถา หิ ปณฺณิกวุตฺติํ อนุติฎฺฐสีติ อิทํ วจนํ อภาสิํฯ
14.Tamahaṃ gantvānupaṭṭhānanti pitu vacanaṃ anatikkanto taṃ kūṭatāpasaṃ upaṭṭhānatthaṃ gantvā taṃ sākavatthusmiṃ udakaṃ āsiñcantaṃ disvā ‘‘paṇṇiko aya’’nti ca ñatvā kacci te, gahapati, kusalanti, gahapati, te sarīrassa kacci kusalaṃ kusalameva, tathā hi sākavatthusmiṃ udakaṃ āsiñcasi. Kiṃ vā tava hiraññaṃ vā suvaṇṇaṃ vā āharīyatu, tathā hi paṇṇikavuttiṃ anutiṭṭhasīti idaṃ vacanaṃ abhāsiṃ.
๑๕. เตน โส กุปิโต อาสีติ เตน มยา วุตฺตคหปติวาเทน โส มานนิสฺสิโต มานํ อลฺลีโน กุหโก มยฺหํ กุปิโต กุโทฺธ อโหสิฯ กุโทฺธ จ สมาโน ‘‘ฆาตาเปมิ ตุวํ อชฺช, รฎฺฐา ปพฺพาชยามิ วา’’ติ อาหฯ
15.Tenaso kupito āsīti tena mayā vuttagahapativādena so mānanissito mānaṃ allīno kuhako mayhaṃ kupito kuddho ahosi. Kuddho ca samāno ‘‘ghātāpemi tuvaṃ ajja, raṭṭhā pabbājayāmi vā’’ti āha.
ตตฺถ ตุวํ อชฺชาติ, ตฺวํ อชฺช, อิทานิเยว รโญฺญ อาคตกาเลติ อโตฺถฯ
Tattha tuvaṃ ajjāti, tvaṃ ajja, idāniyeva rañño āgatakāleti attho.
๑๖. นิเสธยิตฺวา ปจฺจนฺตนฺติ ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา นครํ อปวิโฎฺฐ ตงฺขณเญฺญว อุยฺยานํ คนฺตฺวา กุหกํ กุหกตาปสํ กจฺจิ เต, ภเนฺต, ขมนียํ, สมฺมาโน เต ปวตฺติโตติ กุมาเรน เต สมฺมาโน ปวตฺติโต อโหสิฯ
16.Nisedhayitvā paccantanti paccantaṃ vūpasametvā nagaraṃ apaviṭṭho taṅkhaṇaññeva uyyānaṃ gantvā kuhakaṃ kuhakatāpasaṃ kacci te, bhante, khamanīyaṃ, sammāno te pavattitoti kumārena te sammāno pavattito ahosi.
๑๗. กุมาโร ยถา นาสิโยติ ยถา กุมาโร นาสิโย นาเสตโพฺพ ฆาตาเปตโพฺพ, ตถา โส ปาโป ตสฺส รโญฺญ อาจิกฺขิฯ อาณาเปสีติ มยฺหํ สามิเก อิมสฺมิํ ทิพฺพจกฺขุตาปเส สติ กิํ มม น นิปฺผชฺชติ, ตสฺมา ปุเตฺตน เม อโตฺถ นตฺถิ, ตโตปิ อยเมว เสโยฺยติ จิเนฺตตฺวา อาณาเปสิฯ
17.Kumāro yathā nāsiyoti yathā kumāro nāsiyo nāsetabbo ghātāpetabbo, tathā so pāpo tassa rañño ācikkhi. Āṇāpesīti mayhaṃ sāmike imasmiṃ dibbacakkhutāpase sati kiṃ mama na nipphajjati, tasmā puttena me attho natthi, tatopi ayameva seyyoti cintetvā āṇāpesi.
๑๘. กินฺติ ? สีสํ ตเตฺถว ฉินฺทิตฺวาติ ยสฺมิํ ฐาเน ตํ กุมารํ ปสฺสถ, ตเตฺถว ตสฺส สีสํ ฉินฺทิตฺวา สรีรญฺจสฺส กตฺวาน จตุขณฺฑิกํ จตุโร ขเณฺฑ กตฺวา รถิยา รถิยํ นียนฺตา วีถิโต วีถิํ วิกฺขิปนฺตา ทเสฺสถฯ กสฺมา? สา คติ ชฎิลหีฬิตาติ เยหิ อยํ ชฎิโล หีฬิโต, เตสํ ชฎิลหีฬิตานํ สา คติ สา นิปฺผตฺติ โส วิปาโกติฯ ชฎิลหีฬิตาติ วา ชฎิลหีฬนเหตุ สา ตสฺส นิปฺผตฺตีติ เอวเญฺจตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
18. Kinti ? Sīsaṃ tattheva chinditvāti yasmiṃ ṭhāne taṃ kumāraṃ passatha, tattheva tassa sīsaṃ chinditvā sarīrañcassa katvāna catukhaṇḍikaṃ caturo khaṇḍe katvā rathiyā rathiyaṃ nīyantā vīthito vīthiṃ vikkhipantā dassetha. Kasmā? Sā gati jaṭilahīḷitāti yehi ayaṃ jaṭilo hīḷito, tesaṃ jaṭilahīḷitānaṃ sā gati sā nipphatti so vipākoti. Jaṭilahīḷitāti vā jaṭilahīḷanahetu sā tassa nipphattīti evañcettha attho daṭṭhabbo.
๑๙. ตตฺถาติ ตสฺส รโญฺญ อาณายํ, ตสฺมิํ วา ตาปสสฺส ปริภเวฯ การณิกาติ ฆาตกา, โจรฆาตกาติ อโตฺถฯ จณฺฑาติ กุรูราฯ ลุทฺทาติ สุทารุณาฯ อการุณาติ ตเสฺสว เววจนํ กตํฯ ‘‘อกรุณา’’ติปิ ปาฬิ, นิกฺกรุณาติ อโตฺถฯ มาตุ อเงฺก นิสินฺนสฺสาติ มม มาตุ สุธมฺมาย เทวิยา อุจฺฉเงฺค นิสินฺนสฺสฯ ‘‘นิสินฺนสฺสา’’ติ อนาทเร สามิวจนํฯ อากฑฺฒิตฺวา นยนฺติ มนฺติ มาตรา อลงฺกริตฺวา อตฺตโน อเงฺก นิสีทาปิตํ มํ ราชาณาย เต โจรฆาตกา โคณํ วิย รชฺชุยา อากฑฺฒิตฺวา อาฆาตนํ นยนฺติฯ กุมาเร ปน นียมาเน ทาสิคณปริวุตา สทฺธิํ โอโรเธหิ สุธมฺมา เทวี นาคราปิ ‘‘มยํ นิรปราธํ กุมารํ มาเรตุํ น ทสฺสามา’’ติ เตน สทฺธิํเยว อคมํสุฯ
19.Tatthāti tassa rañño āṇāyaṃ, tasmiṃ vā tāpasassa paribhave. Kāraṇikāti ghātakā, coraghātakāti attho. Caṇḍāti kurūrā. Luddāti sudāruṇā. Akāruṇāti tasseva vevacanaṃ kataṃ. ‘‘Akaruṇā’’tipi pāḷi, nikkaruṇāti attho. Mātu aṅke nisinnassāti mama mātu sudhammāya deviyā ucchaṅge nisinnassa. ‘‘Nisinnassā’’ti anādare sāmivacanaṃ. Ākaḍḍhitvā nayanti manti mātarā alaṅkaritvā attano aṅke nisīdāpitaṃ maṃ rājāṇāya te coraghātakā goṇaṃ viya rajjuyā ākaḍḍhitvā āghātanaṃ nayanti. Kumāre pana nīyamāne dāsigaṇaparivutā saddhiṃ orodhehi sudhammā devī nāgarāpi ‘‘mayaṃ niraparādhaṃ kumāraṃ māretuṃ na dassāmā’’ti tena saddhiṃyeva agamaṃsu.
๒๐. พนฺธตํ คาฬฺหพนฺธนนฺติ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธนฺตานํ เตสํ การณิกปุริสานํฯ ราชกิริยานิ อตฺถิ เมติ มยา รโญฺญ วตฺตพฺพานิ ราชกิจฺจานิ อตฺถิฯ ตสฺมา รโญฺญ ทเสฺสถ มํ ขิปฺปนฺติ เตสํ อหํ เอวํ วจนํ อวจํฯ
20.Bandhataṃ gāḷhabandhananti gāḷhabandhanaṃ bandhantānaṃ tesaṃ kāraṇikapurisānaṃ. Rājakiriyāni atthi meti mayā rañño vattabbāni rājakiccāni atthi. Tasmā rañño dassetha maṃ khippanti tesaṃ ahaṃ evaṃ vacanaṃ avacaṃ.
๒๑. รโญฺญ ทสฺสยิํสุ, ปาปสฺส ปาปเสวิโนติ อตฺตนา ปาปสีลสฺส ลามกาจารสฺส กูฎตาปสสฺส เสวนโต ปาปเสวิโน รโญฺญ มํ ทสฺสยิํสุฯ ทิสฺวาน ตํ สญฺญาเปสินฺติ ตํ มม ปิตรํ กุรุราชานํ ปสฺสิตฺวา ‘‘กสฺมา มํ, เทว, มาราเปสี’’ติ วตฺวา เตน ‘‘กสฺมา จ ปน ตฺวํ มยฺหํ สามิกํ ทิพฺพจกฺขุตาปสํ คหปติวาเทน สมุทาจริฯ อิทญฺจิทญฺจ วิปฺปการํ กรี’’ติ วุเตฺต ‘‘เทว, คหปติเญฺญว ‘คหปตี’ติ วทนฺตสฺส โก มยฺหํ โทโส’’ติ วตฺวา ตสฺส นานาวิธานิ มาลาวจฺฉานิ โรเปตฺวา ปุปฺผปณฺณผลาผลาทีนํ วิกฺกิณนํ หตฺถโต จสฺส ตานิ เทวสิกํ วิกฺกิณเนฺตหิ มาลาการปณฺณิเกหิ สทฺทหาเปตฺวา ‘‘มาลาวตฺถุปณฺณวตฺถูนิ อุปธาเรถา’’ติ วตฺวา ปณฺณสาลญฺจสฺส ปวิสิตฺวา ปุปฺผาทิวิกฺกิยลทฺธํ กหาปณกภณฺฑิกํ อตฺตโน ปุริเสหิ นีหราเปตฺวา ราชานํ สญฺญาเปสิํ ตสฺส กูฎตาปสภาวํ ชานาเปสิํฯ มมญฺจ วสมานยินฺติ เตน สญฺญาปเนน ‘‘สจฺจํ โข ปน กุมาโร วทติ, อยํ กูฎตาปโส ปุเพฺพ อปฺปิโจฺฉ วิย หุตฺวา อิทานิ มหาปริคฺคโห ชาโต’’ติ ยถา ตสฺมิํ นิพฺพิโนฺน มม วเส วตฺตติ, เอวํ ราชานํ มม วสมาเนสิํฯ
21.Rañño dassayiṃsu, pāpassa pāpasevinoti attanā pāpasīlassa lāmakācārassa kūṭatāpasassa sevanato pāpasevino rañño maṃ dassayiṃsu. Disvāna taṃ saññāpesinti taṃ mama pitaraṃ kururājānaṃ passitvā ‘‘kasmā maṃ, deva, mārāpesī’’ti vatvā tena ‘‘kasmā ca pana tvaṃ mayhaṃ sāmikaṃ dibbacakkhutāpasaṃ gahapativādena samudācari. Idañcidañca vippakāraṃ karī’’ti vutte ‘‘deva, gahapatiññeva ‘gahapatī’ti vadantassa ko mayhaṃ doso’’ti vatvā tassa nānāvidhāni mālāvacchāni ropetvā pupphapaṇṇaphalāphalādīnaṃ vikkiṇanaṃ hatthato cassa tāni devasikaṃ vikkiṇantehi mālākārapaṇṇikehi saddahāpetvā ‘‘mālāvatthupaṇṇavatthūni upadhārethā’’ti vatvā paṇṇasālañcassa pavisitvā pupphādivikkiyaladdhaṃ kahāpaṇakabhaṇḍikaṃ attano purisehi nīharāpetvā rājānaṃ saññāpesiṃ tassa kūṭatāpasabhāvaṃ jānāpesiṃ. Mamañca vasamānayinti tena saññāpanena ‘‘saccaṃ kho pana kumāro vadati, ayaṃ kūṭatāpaso pubbe appiccho viya hutvā idāni mahāpariggaho jāto’’ti yathā tasmiṃ nibbinno mama vase vattati, evaṃ rājānaṃ mama vasamānesiṃ.
ตโต มหาสโตฺต ‘‘เอวรูปสฺส พาลสฺส รโญฺญ สนฺติเก วสนโต หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตุํ ยุตฺต’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ราชานํ อาปุจฺฉิ – ‘‘น เม, มหาราช, อิธ วาเสน อโตฺถ, อนุชานาถ มํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติฯ ราชา ‘‘ตาต, มยา อนุปธาเรตฺวาว เต วโธ อาณโตฺต, ขม มยฺหํ อปราธ’’นฺติ มหาสตฺตํ ขมาเปตฺวา ‘‘อเชฺชว อิมํ รชฺชํ ปฎิปชฺชาหี’’ติ อาหฯ กุมาโร ‘‘เทว, กิมตฺถิ มานุสเกสุ โภเคสุ, อหํ ปุเพฺพ ทีฆรตฺตํ ทิพฺพโภคสมฺปตฺติโย อนุภวิํ, น ตตฺถาปิ เม สโงฺค, ปพฺพชิสฺสาเมวาหํ, น ตาทิสสฺส พาลสฺส ปรเนยฺยพุทฺธิโน สนฺติเก วสามี’’ติ วตฺวา ตํ โอวทโนฺต –
Tato mahāsatto ‘‘evarūpassa bālassa rañño santike vasanato himavantaṃ pavisitvā pabbajituṃ yutta’’nti cintetvā rājānaṃ āpucchi – ‘‘na me, mahārāja, idha vāsena attho, anujānātha maṃ pabbajissāmī’’ti. Rājā ‘‘tāta, mayā anupadhāretvāva te vadho āṇatto, khama mayhaṃ aparādha’’nti mahāsattaṃ khamāpetvā ‘‘ajjeva imaṃ rajjaṃ paṭipajjāhī’’ti āha. Kumāro ‘‘deva, kimatthi mānusakesu bhogesu, ahaṃ pubbe dīgharattaṃ dibbabhogasampattiyo anubhaviṃ, na tatthāpi me saṅgo, pabbajissāmevāhaṃ, na tādisassa bālassa paraneyyabuddhino santike vasāmī’’ti vatvā taṃ ovadanto –
‘‘อนิสมฺม กตํ กมฺมํ, อนวตฺถาย จินฺติตํ;
‘‘Anisamma kataṃ kammaṃ, anavatthāya cintitaṃ;
เภสชฺชเสฺสว เวภโงฺค, วิปาโก โหติ ปาปโกฯ
Bhesajjasseva vebhaṅgo, vipāko hoti pāpako.
‘‘นิสมฺม จ กตํ กมฺมํ, สมฺมาวตฺถาย จินฺติตํ;
‘‘Nisamma ca kataṃ kammaṃ, sammāvatthāya cintitaṃ;
เภสชฺชเสฺสว สมฺปตฺติ, วิปาโก โหติ ภทฺรโกฯ
Bhesajjasseva sampatti, vipāko hoti bhadrako.
‘‘อลโส คิหี กามโภคี น สาธุ, อสญฺญโต ปพฺพชิโต น สาธุ;
‘‘Alaso gihī kāmabhogī na sādhu, asaññato pabbajito na sādhu;
ราชา น สาธุ อนิสมฺมการี, โย ปณฺฑิโต โกธโน ตํ น สาธุฯ
Rājā na sādhu anisammakārī, yo paṇḍito kodhano taṃ na sādhu.
‘‘นิสมฺม ขตฺติโย กยิรา, นานิสมฺม ทิสมฺปติ;
‘‘Nisamma khattiyo kayirā, nānisamma disampati;
นิสมฺมการิโน ราช, ยโส กิตฺติ จ วฑฺฒติฯ
Nisammakārino rāja, yaso kitti ca vaḍḍhati.
‘‘นิสมฺม ทณฺฑํ ปณเยยฺย อิสฺสโร, เวคา กตํ ตปฺปติ ภูมิปาล;
‘‘Nisamma daṇḍaṃ paṇayeyya issaro, vegā kataṃ tappati bhūmipāla;
สมฺมาปณีธี จ นรสฺส อตฺถา, อนานุตปฺปา เต ภวนฺติ ปจฺฉาฯ
Sammāpaṇīdhī ca narassa atthā, anānutappā te bhavanti pacchā.
‘‘อนานุตปฺปานิ หิ เย กโรนฺติ, วิภชฺช กมฺมายตนานิ โลเก;
‘‘Anānutappāni hi ye karonti, vibhajja kammāyatanāni loke;
วิญฺญุปฺปสตฺถานิ สุขุทฺรยานิ, ภวนฺติ พุทฺธานุมตานิ ตานิฯ
Viññuppasatthāni sukhudrayāni, bhavanti buddhānumatāni tāni.
‘‘อาคจฺฉุํ โทวาริกา ขคฺคพนฺธา, กาสาวิยา หนฺตุ มมํ ชนินฺท;
‘‘Āgacchuṃ dovārikā khaggabandhā, kāsāviyā hantu mamaṃ janinda;
มาตุญฺจ องฺกสฺมิมหํ นิสิโนฺน, อากฑฺฒิโต สหสา เตหิ เทวฯ
Mātuñca aṅkasmimahaṃ nisinno, ākaḍḍhito sahasā tehi deva.
‘‘กฎุกญฺหิ สมฺพาธํ สุกิจฺฉํ ปโตฺต, มธุรมฺปิยํ ชีวิตํ ลทฺธ ราช;
‘‘Kaṭukañhi sambādhaṃ sukicchaṃ patto, madhurampiyaṃ jīvitaṃ laddha rāja;
กิเจฺฉนหํ อชฺช วธา ปมุโตฺต, ปพฺพชฺชเมวาภิมโนหมสฺมี’’ติฯ (ชา. ๑.๑๕.๒๒๗-๒๓๔) –
Kicchenahaṃ ajja vadhā pamutto, pabbajjamevābhimanohamasmī’’ti. (jā. 1.15.227-234) –
อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิฯ
Imāhi gāthāhi dhammaṃ desesi.
ตตฺถ อนิสมฺมาติ อนุปธาเรตฺวาฯ อนวตฺถายาติ อววตฺถเปตฺวาฯ เวภโงฺคติ วิปตฺติฯ วิปาโกติ นิปฺผตฺติฯ อสญฺญโตติ อสํวุโต ทุสฺสีโลฯ ปณเยยฺยาติ ปฎฺฐเปยฺยฯ เวคาติ เวเคน สหสาฯ สมฺมาปณีธี จาติ สมฺมาปณิธินา, โยนิโส ฐปิเตน จิเตฺตน กตา นรสฺส อตฺถา ปจฺฉา อนานุตปฺปา ภวนฺตีติ อโตฺถฯ วิภชฺชาติ อิมานิ กาตุํ ยุตฺตานิ, อิมานิ อยุตฺตานีติ เอวํ ปญฺญาย วิภชิตฺวาฯ กมฺมายตนานีติ กมฺมานิฯ พุทฺธานุมตานีติ ปณฺฑิเตหิ อนุมตานิ อนวชฺชานิ โหนฺติฯ กฎุกนฺติ ทุกฺขํ อสาตํ, สมฺพาธํ สุกิจฺฉํ มรณภยํ ปโตฺตมฺหิฯ ลทฺธาติ อตฺตโน ญาณพเลน ชีวิตํ ลภิตฺวาฯ ปพฺพชฺชเมวาภิมโนติ ปพฺพชฺชาภิมุขจิโตฺต เอวาหมสฺมิฯ
Tattha anisammāti anupadhāretvā. Anavatthāyāti avavatthapetvā. Vebhaṅgoti vipatti. Vipākoti nipphatti. Asaññatoti asaṃvuto dussīlo. Paṇayeyyāti paṭṭhapeyya. Vegāti vegena sahasā. Sammāpaṇīdhī cāti sammāpaṇidhinā, yoniso ṭhapitena cittena katā narassa atthā pacchā anānutappā bhavantīti attho. Vibhajjāti imāni kātuṃ yuttāni, imāni ayuttānīti evaṃ paññāya vibhajitvā. Kammāyatanānīti kammāni. Buddhānumatānīti paṇḍitehi anumatāni anavajjāni honti. Kaṭukanti dukkhaṃ asātaṃ, sambādhaṃ sukicchaṃ maraṇabhayaṃ pattomhi. Laddhāti attano ñāṇabalena jīvitaṃ labhitvā. Pabbajjamevābhimanoti pabbajjābhimukhacitto evāhamasmi.
เอวํ มหาสเตฺตน ธเมฺม เทสิเต ราชา เทวิํ อามเนฺตสิ – ‘‘เทวิ, ตฺวํ ปุตฺตํ นิวเตฺตหี’’ติฯ เทวีปิ กุมารสฺส ปพฺพชฺชเมว โรเจสิฯ มหาสโตฺต มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ‘‘สเจ มยฺหํ โทโส อตฺถิ, ตํ ขมถา’’ติ ขมาเปตฺวา มหาชนํ อาปุจฺฉิตฺวา หิมวนฺตาภิมุโข อคมาสิฯ คเต จ ปน มหาสเตฺต มหาชโน กูฎชฎิลํ โปเถตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิฯ โพธิสโตฺตปิ สนาคเรหิ อมจฺจปาริสชฺชาทีหิ ราชปุริเสหิ อสฺสุมุเขหิ อนุพนฺธิยมาโน เต นิวเตฺตสิฯ มนุเสฺสสุ นิวเตฺตสุ มนุสฺสวเณฺณนาคนฺตฺวา เทวตาหิ นีโต สตฺต ปพฺพตราชิโย อติกฺกมิตฺวา หิมวเนฺต วิสฺสกมฺมุนา นิมฺมิตาย ปณฺณสาลาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิฯ เตน วุตฺตํ –
Evaṃ mahāsattena dhamme desite rājā deviṃ āmantesi – ‘‘devi, tvaṃ puttaṃ nivattehī’’ti. Devīpi kumārassa pabbajjameva rocesi. Mahāsatto mātāpitaro vanditvā ‘‘sace mayhaṃ doso atthi, taṃ khamathā’’ti khamāpetvā mahājanaṃ āpucchitvā himavantābhimukho agamāsi. Gate ca pana mahāsatte mahājano kūṭajaṭilaṃ pothetvā jīvitakkhayaṃ pāpesi. Bodhisattopi sanāgarehi amaccapārisajjādīhi rājapurisehi assumukhehi anubandhiyamāno te nivattesi. Manussesu nivattesu manussavaṇṇenāgantvā devatāhi nīto satta pabbatarājiyo atikkamitvā himavante vissakammunā nimmitāya paṇṇasālāya isipabbajjaṃ pabbaji. Tena vuttaṃ –
๒๒.
22.
‘‘โส มํ ตตฺถ ขมาเปสิ, มหารชฺชํ อทาสิ เม;
‘‘So maṃ tattha khamāpesi, mahārajjaṃ adāsi me;
โสหํ ตมํ ทาลยิตฺวา, ปพฺพชิํ อนคาริย’’นฺติฯ
Sohaṃ tamaṃ dālayitvā, pabbajiṃ anagāriya’’nti.
ตตฺถ ตมํ ทาลยิตฺวาติ กามาทีนวทสฺสนสฺส ปฎิปกฺขภูตํ สโมฺมหตมํ วิธมิตฺวาฯ ปพฺพชินฺติ อุปาคจฺฉิํฯ อนคาริยนฺติ ปพฺพชฺชํฯ
Tattha tamaṃ dālayitvāti kāmādīnavadassanassa paṭipakkhabhūtaṃ sammohatamaṃ vidhamitvā. Pabbajinti upāgacchiṃ. Anagāriyanti pabbajjaṃ.
๒๓. อิทานิ ยทตฺถํ ตทา ตํ ราชิสฺสริยํ ปริจฺจตฺตํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘น เม เทสฺส’’นฺติ โอสานคาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ วุตฺตนโยวฯ
23. Idāni yadatthaṃ tadā taṃ rājissariyaṃ pariccattaṃ, taṃ dassetuṃ ‘‘na me dessa’’nti osānagāthamāha. Tassattho vuttanayova.
เอวํ ปน มหาสเตฺต ปพฺพชิเต ยาว โสฬสวสฺสกาลา ราชกุเล ปริจาริกเวเสน เทวตาเยว นํ อุปฎฺฐหิํสุฯ โส ตตฺถ ฌานาภิญฺญาโย นิพฺพเตฺตตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิฯ
Evaṃ pana mahāsatte pabbajite yāva soḷasavassakālā rājakule paricārikavesena devatāyeva naṃ upaṭṭhahiṃsu. So tattha jhānābhiññāyo nibbattetvā brahmalokūpago ahosi.
ตทา กุหโก เทวทโตฺต อโหสิ, มาตา มหามายา, มหารกฺขิตตาปโส สาริปุตฺตเตฺถโร, โสมนสฺสกุมาโร โลกนาโถฯ
Tadā kuhako devadatto ahosi, mātā mahāmāyā, mahārakkhitatāpaso sāriputtatthero, somanassakumāro lokanātho.
ตสฺส ยุธญฺชยจริยายํ (จริยา. ๓.๑ อาทโย) วุตฺตนเยเนว ทส ปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพาฯ อิธาปิ เนกฺขมฺมปารมี อติสยวตีติ สา เอว เทสนํ อารุฬฺหาฯ ตถา สตฺตวสฺสิกกาเล เอว ราชกิเจฺจสุ สมตฺถตา, ตสฺส ตาปสสฺส กูฎชฎิลภาวปริคฺคณฺหนํ, เตน ปยุเตฺตน รญฺญา วเธ อาณเตฺต สนฺตาสาภาโว, รโญฺญ สนฺติกํ คนฺตฺวา นานานเยหิ ตสฺส สโทสตํ อตฺตโน จ นิรปราธตํ มหาชนสฺส มเชฺฌ ปกาเสตฺวา รโญฺญ จ ปรเนยฺยพุทฺธิตํ พาลภาวญฺจ ปฎฺฐเปตฺวา เตน ขมาปิเตปิ ตสฺส สนฺติเก วาสโต รชฺชิสฺสริยโต จ สํเวคมาปชฺชิตฺวา นานปฺปการํ ยาจิยมาเนนปิ หตฺถคตํ รชฺชสิริํ เขฬปิณฺฑํ วิย ฉเฑฺฑตฺวา กตฺถจิ อลคฺคจิเตฺตน หุตฺวา ปพฺพชนํ, ปพฺพชิตฺวา ปวิเวการาเมน หุตฺวา นจิรเสฺสว อปฺปกสิเรน ฌานาภิญฺญานิพฺพตฺตนนฺติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติฯ
Tassa yudhañjayacariyāyaṃ (cariyā. 3.1 ādayo) vuttanayeneva dasa pāramiyo niddhāretabbā. Idhāpi nekkhammapāramī atisayavatīti sā eva desanaṃ āruḷhā. Tathā sattavassikakāle eva rājakiccesu samatthatā, tassa tāpasassa kūṭajaṭilabhāvapariggaṇhanaṃ, tena payuttena raññā vadhe āṇatte santāsābhāvo, rañño santikaṃ gantvā nānānayehi tassa sadosataṃ attano ca niraparādhataṃ mahājanassa majjhe pakāsetvā rañño ca paraneyyabuddhitaṃ bālabhāvañca paṭṭhapetvā tena khamāpitepi tassa santike vāsato rajjissariyato ca saṃvegamāpajjitvā nānappakāraṃ yāciyamānenapi hatthagataṃ rajjasiriṃ kheḷapiṇḍaṃ viya chaḍḍetvā katthaci alaggacittena hutvā pabbajanaṃ, pabbajitvā pavivekārāmena hutvā nacirasseva appakasirena jhānābhiññānibbattananti evamādayo mahāsattassa guṇānubhāvā vibhāvetabbāti.
โสมนสฺสจริยาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Somanassacariyāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / จริยาปิฎกปาฬิ • Cariyāpiṭakapāḷi / ๒. โสมนสฺสจริยา • 2. Somanassacariyā