Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๕๐๕] ๙. โสมนสฺสชาตกวณฺณนา
[505] 9. Somanassajātakavaṇṇanā
โก ตํ หิํสติ เหเฐตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิฯ ตทา หิ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส มม วธาย ปริสกฺกิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Ko taṃ hiṃsati heṭhetīti idaṃ satthā jetavane viharanto devadattassa vadhāya parisakkanaṃ ārabbha kathesi. Tadā hi satthā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa mama vadhāya parisakkiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต กุรุรเฎฺฐ อุตฺตรปญฺจาลนคเร เรณุ นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิฯ ตทา มหารกฺขิโต นาม ตาปโส ปญฺจสตตาปสปริวาโร หิมวเนฺต จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย จาริกํ จรโนฺต อุตฺตรปญฺจาลนครํ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา สปริโส ปิณฺฑาย จรโนฺต ราชทฺวารํ ปาปุณิฯ ราชา อิสิคณํ ทิสฺวา อิริยาปเถ ปสโนฺน อลงฺกตมหาตเล นิสีทาเปตฺวา ปณีเตนาหาเรน ปริวิสิตฺวา ‘‘ภเนฺต, อิมํ วสฺสารตฺตํ มม อุยฺยาเนเยว วสถา’’ติ วตฺวา เตหิ สทฺธิํ อุยฺยานํ คนฺตฺวา วสนฎฺฐานานิ กาเรตฺวา ปพฺพชิตปริกฺขาเร ทตฺวา วนฺทิตฺวา นิกฺขมิฯ ตโต ปฎฺฐาย สเพฺพปิ เต ราชนิเวสเน ภุญฺชนฺติฯ ราชา ปน อปุตฺตโก ปุตฺตํ ปเตฺถติ, ปุตฺตา นุปฺปชฺชนฺติฯ วสฺสารตฺตจฺจเยน มหารกฺขิโต ‘‘อิทานิ หิมวโนฺต รมณีโย, ตเตฺถว คมิสฺสามา’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา รญฺญา กตสกฺการสมฺมาโน นิกฺขมิตฺวา อนฺตรามเคฺค มชฺฌนฺหิกสมเย มคฺคา โอกฺกมฺม เอกสฺส สนฺทจฺฉายสฺส รุกฺขสฺส เหฎฺฐา ตรุณติณปิเฎฺฐ สปริวาโร นิสีทิฯ
Atīte kururaṭṭhe uttarapañcālanagare reṇu nāma rājā rajjaṃ kāresi. Tadā mahārakkhito nāma tāpaso pañcasatatāpasaparivāro himavante ciraṃ vasitvā loṇambilasevanatthāya cārikaṃ caranto uttarapañcālanagaraṃ patvā rājuyyāne vasitvā sapariso piṇḍāya caranto rājadvāraṃ pāpuṇi. Rājā isigaṇaṃ disvā iriyāpathe pasanno alaṅkatamahātale nisīdāpetvā paṇītenāhārena parivisitvā ‘‘bhante, imaṃ vassārattaṃ mama uyyāneyeva vasathā’’ti vatvā tehi saddhiṃ uyyānaṃ gantvā vasanaṭṭhānāni kāretvā pabbajitaparikkhāre datvā vanditvā nikkhami. Tato paṭṭhāya sabbepi te rājanivesane bhuñjanti. Rājā pana aputtako puttaṃ pattheti, puttā nuppajjanti. Vassārattaccayena mahārakkhito ‘‘idāni himavanto ramaṇīyo, tattheva gamissāmā’’ti rājānaṃ āpucchitvā raññā katasakkārasammāno nikkhamitvā antarāmagge majjhanhikasamaye maggā okkamma ekassa sandacchāyassa rukkhassa heṭṭhā taruṇatiṇapiṭṭhe saparivāro nisīdi.
ตาปสา กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘ราชเคเห วํสานุรกฺขิโต ปุโตฺต นตฺถิ, สาธุ วตสฺส สเจ ราชา ปุตฺตํ ลเภยฺย, ปเวณิ ฆฎีเยถา’’ติฯ มหารกฺขิโต เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘ภวิสฺสติ นุ โข รโญฺญ ปุโตฺต, อุทาหุ โน’’ติ อุปธาเรโนฺต ‘‘ภวิสฺสตี’’ติ ญตฺวา เอวมาห ‘‘มา โภโนฺต จินฺตยิตฺถ, อชฺช ปจฺจูสกาเล เอโก เทวปุโตฺต จวิตฺวา รโญฺญ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิสฺสตี’’ติฯ ตํ สุตฺวา เอโก กุฎชฎิโล ‘‘อิทานิ ราชกุลูปโก ภวิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตาปสานํ คมนกาเล คิลานาลยํ กตฺวา นิปชฺชิตฺวา ‘‘เอหิ คจฺฉามา’’ติ วุโตฺต ‘‘น สโกฺกมี’’ติ อาหฯ มหารกฺขิโต ตสฺส นิปนฺนการณํ ญตฺวา ‘‘ยทา สโกฺกสิ, ตทา อาคเจฺฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา อิสิคณํ อาทาย หิมวนฺตเมว คโตฯ กุหโกปิ นิวตฺติตฺวา เวเคนาคนฺตฺวา ราชทฺวาเร ฐตฺวา ‘‘มหารกฺขิตสฺส อุปฎฺฐากตาปโส อาคโต’’ติ รโญฺญ อาโรจาเปตฺวา รญฺญา เวเคน ปโกฺกสาปิโต ปาสาทํ อภิรุยฺห ปญฺญตฺตาสเน นิสีทิฯ ราชา กุหกํ ตาปสํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน อิสีนํ อาโรคฺยํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ภเนฺต, อติขิปฺปํ นิวตฺติตฺถ, เวเคน เกนเตฺถนาคตตฺถา’’ติ อาหฯ ‘‘อาม, มหาราช, อิสิคโณ สุขนิสิโนฺน ‘สาธุ วตสฺส, สเจ รโญฺญ ปเวณิปาลโก ปุโตฺต อุปฺปเชฺชยฺยา’ติ กถํ สมุฎฺฐาเปสิฯ อหํ กถํ สุตฺวา ‘‘ภวิสฺสติ นุ โข รโญฺญ ปุโตฺต, อุทาหุ โน’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกโนฺต ‘‘มหิทฺธิโก เทวปุโตฺต จวิตฺวา อคฺคมเหสิยา สุธมฺมาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ ทิสฺวา ‘‘อชานนฺตา คพฺภํ นาเสยฺยุํ, อาจิกฺขิสฺสามิ เนส’’นฺติ ตุมฺหากํ กถนตฺถาย อาคโตฯ กถิตํ เต มยา, คจฺฉามหํ, มหาราชาติฯ ราชา ‘‘ภเนฺต, น สกฺกา คนฺตุ’’นฺติ หฎฺฐตุโฎฺฐ ปสนฺนจิโตฺต กุหกตาปสํ อุยฺยานํ เนตฺวา วสนฎฺฐานํ สํวิทหิตฺวา อทาสิฯ โส ตโต ปฎฺฐาย ราชกุเล ภุญฺชโนฺต วสติ, ‘‘ทิพฺพจกฺขุโก’’เตฺววสฺส นามํ อโหสิฯ
Tāpasā kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘rājagehe vaṃsānurakkhito putto natthi, sādhu vatassa sace rājā puttaṃ labheyya, paveṇi ghaṭīyethā’’ti. Mahārakkhito tesaṃ kathaṃ sutvā ‘‘bhavissati nu kho rañño putto, udāhu no’’ti upadhārento ‘‘bhavissatī’’ti ñatvā evamāha ‘‘mā bhonto cintayittha, ajja paccūsakāle eko devaputto cavitvā rañño aggamahesiyā kucchimhi paṭisandhiṃ gaṇhissatī’’ti. Taṃ sutvā eko kuṭajaṭilo ‘‘idāni rājakulūpako bhavissāmī’’ti cintetvā tāpasānaṃ gamanakāle gilānālayaṃ katvā nipajjitvā ‘‘ehi gacchāmā’’ti vutto ‘‘na sakkomī’’ti āha. Mahārakkhito tassa nipannakāraṇaṃ ñatvā ‘‘yadā sakkosi, tadā āgaccheyyāsī’’ti vatvā isigaṇaṃ ādāya himavantameva gato. Kuhakopi nivattitvā vegenāgantvā rājadvāre ṭhatvā ‘‘mahārakkhitassa upaṭṭhākatāpaso āgato’’ti rañño ārocāpetvā raññā vegena pakkosāpito pāsādaṃ abhiruyha paññattāsane nisīdi. Rājā kuhakaṃ tāpasaṃ vanditvā ekamantaṃ nisinno isīnaṃ ārogyaṃ pucchitvā ‘‘bhante, atikhippaṃ nivattittha, vegena kenatthenāgatatthā’’ti āha. ‘‘Āma, mahārāja, isigaṇo sukhanisinno ‘sādhu vatassa, sace rañño paveṇipālako putto uppajjeyyā’ti kathaṃ samuṭṭhāpesi. Ahaṃ kathaṃ sutvā ‘‘bhavissati nu kho rañño putto, udāhu no’’ti dibbacakkhunā olokento ‘‘mahiddhiko devaputto cavitvā aggamahesiyā sudhammāya kucchimhi nibbattissatī’’ti disvā ‘‘ajānantā gabbhaṃ nāseyyuṃ, ācikkhissāmi nesa’’nti tumhākaṃ kathanatthāya āgato. Kathitaṃ te mayā, gacchāmahaṃ, mahārājāti. Rājā ‘‘bhante, na sakkā gantu’’nti haṭṭhatuṭṭho pasannacitto kuhakatāpasaṃ uyyānaṃ netvā vasanaṭṭhānaṃ saṃvidahitvā adāsi. So tato paṭṭhāya rājakule bhuñjanto vasati, ‘‘dibbacakkhuko’’tvevassa nāmaṃ ahosi.
ตทา โพธิสโตฺต ตาวติํสภวนา จวิตฺวา ตตฺถ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ชาตสฺส จสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘โสมนสฺสกุมาโร’’เตฺวว นามํ กริํสุฯ โส กุมารปริหาเรน วฑฺฒติฯ กุหกตาปโสปิ อุยฺยานสฺส เอกสฺมิํ ปเสฺส นานปฺปการํ สูเปยฺยสากญฺจ วลฺลิผลานิ จ โรเปตฺวา ปณฺณิกานํ หเตฺถ วิกฺกิณโนฺต ธนํ สณฺฐเปสิฯ โพธิสตฺตสฺส สตฺตวสฺสิกกาเล รโญฺญ ปจฺจโนฺต กุปฺปิฯ ‘‘ทิพฺพจกฺขุตาปสํ มา ปมชฺชี’’ติ กุมารํ ปฎิจฺฉาเปตฺวา ‘‘ปจฺจนฺตํ วูปสเมสฺสามี’’ติ คโตฯ อเถกทิวสํ กุมาโร ‘‘ชฎิลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ คนฺตฺวา กูฎชฎิลํ เอกํ คณฺฐิกกาสาวํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา อุโภหิ หเตฺถหิ เทฺว อุทกฆเฎ คเหตฺวา สากวตฺถุสฺมิํ อุทกํ อาสิญฺจนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ กูฎชฎิโล อตฺตโน สมณธมฺมํ อกตฺวา ปณฺณิกกมฺมํ กโรตี’’ติ ญตฺวา ‘‘กิํ กโรสิ ปณฺณิกคหปติกา’’ติ ตํ ลชฺชาเปตฺวา อวนฺทิตฺวาว นิกฺขมิฯ กูฎชฎิโล ‘‘อยํ อิทาเนว เอวรูโป ปจฺจามิโตฺต, โก ชานาติ กิํ กริสฺสติ, อิทาเนว นํ นาเสตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา รโญฺญ อาคมนกาเล ปาสาณผลกํ เอกมนฺตํ ขิปิตฺวา ปานียฆฎํ ภินฺทิตฺวา ปณฺณสาลาย ติณานิ วิกิริตฺวา สรีรํ เตเลน มเกฺขตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา สสีสํ ปารุปิตฺวา มหาทุกฺขปฺปโตฺต วิย มเญฺจ นิปชฺชิฯ ราชา อาคนฺตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา นิเวสนํ อปวิสิตฺวาว ‘‘มม สามิกํ ทิพฺพจกฺขุกํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ปณฺณสาลทฺวารํ คนฺตฺวา ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ‘‘กิํ นุ โข เอต’’นฺติ อโนฺต ปวิสิตฺวา ตํ นิปนฺนกํ ทิสฺวา ปาเท ปริมชฺชโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Tadā bodhisatto tāvatiṃsabhavanā cavitvā tattha paṭisandhiṃ gaṇhi. Jātassa cassa nāmaggahaṇadivase ‘‘somanassakumāro’’tveva nāmaṃ kariṃsu. So kumāraparihārena vaḍḍhati. Kuhakatāpasopi uyyānassa ekasmiṃ passe nānappakāraṃ sūpeyyasākañca valliphalāni ca ropetvā paṇṇikānaṃ hatthe vikkiṇanto dhanaṃ saṇṭhapesi. Bodhisattassa sattavassikakāle rañño paccanto kuppi. ‘‘Dibbacakkhutāpasaṃ mā pamajjī’’ti kumāraṃ paṭicchāpetvā ‘‘paccantaṃ vūpasamessāmī’’ti gato. Athekadivasaṃ kumāro ‘‘jaṭilaṃ passissāmī’’ti uyyānaṃ gantvā kūṭajaṭilaṃ ekaṃ gaṇṭhikakāsāvaṃ nivāsetvā ekaṃ pārupitvā ubhohi hatthehi dve udakaghaṭe gahetvā sākavatthusmiṃ udakaṃ āsiñcantaṃ disvā ‘‘ayaṃ kūṭajaṭilo attano samaṇadhammaṃ akatvā paṇṇikakammaṃ karotī’’ti ñatvā ‘‘kiṃ karosi paṇṇikagahapatikā’’ti taṃ lajjāpetvā avanditvāva nikkhami. Kūṭajaṭilo ‘‘ayaṃ idāneva evarūpo paccāmitto, ko jānāti kiṃ karissati, idāneva naṃ nāsetuṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā rañño āgamanakāle pāsāṇaphalakaṃ ekamantaṃ khipitvā pānīyaghaṭaṃ bhinditvā paṇṇasālāya tiṇāni vikiritvā sarīraṃ telena makkhetvā paṇṇasālaṃ pavisitvā sasīsaṃ pārupitvā mahādukkhappatto viya mañce nipajji. Rājā āgantvā nagaraṃ padakkhiṇaṃ katvā nivesanaṃ apavisitvāva ‘‘mama sāmikaṃ dibbacakkhukaṃ passissāmī’’ti paṇṇasāladvāraṃ gantvā taṃ vippakāraṃ disvā ‘‘kiṃ nu kho eta’’nti anto pavisitvā taṃ nipannakaṃ disvā pāde parimajjanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๒๑๑.
211.
‘‘โก ตํ หิํสติ เหเฐติ, กิํ ทุมฺมโน โสจสิ อปฺปตีโต;
‘‘Ko taṃ hiṃsati heṭheti, kiṃ dummano socasi appatīto;
กสฺสชฺช มาตาปิตโร รุทนฺตุ, กฺวชฺช เสตุ นิหโต ปถพฺยา’’ติฯ
Kassajja mātāpitaro rudantu, kvajja setu nihato pathabyā’’ti.
ตตฺถ หิํสตีติ ปหรติฯ เหเฐตีติ อโกฺกสติฯ กฺวชฺช เสตูติ โก อชฺช สยตุฯ
Tattha hiṃsatīti paharati. Heṭhetīti akkosati. Kvajja setūti ko ajja sayatu.
ตํ สุตฺวา กูฎชฎิโล นิตฺถุนโนฺต อุฎฺฐาย ทุติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā kūṭajaṭilo nitthunanto uṭṭhāya dutiyaṃ gāthamāha –
๒๑๒.
212.
‘‘ตุโฎฺฐสฺมิ เทว ตว ทสฺสเนน, จิรสฺสํ ปสฺสามิ ตํ ภูมิปาล;
‘‘Tuṭṭhosmi deva tava dassanena, cirassaṃ passāmi taṃ bhūmipāla;
อหิํสโก เรณุมนุปฺปวิสฺส, ปุเตฺตน เต เหฐยิโตสฺมิ เทวา’’ติฯ
Ahiṃsako reṇumanuppavissa, puttena te heṭhayitosmi devā’’ti.
อิโต ปรา อุตฺตานสมฺพนฺธคาถา ปาฬินเยเนว เวทิตพฺพา –
Ito parā uttānasambandhagāthā pāḷinayeneva veditabbā –
๒๑๓.
213.
‘‘อายนฺตุ โทวาริกา ขคฺคพนฺธา, กาสาวิยา ยนฺตุ อเนฺตปุรนฺตํ;
‘‘Āyantu dovārikā khaggabandhā, kāsāviyā yantu antepurantaṃ;
หนฺตฺวาน ตํ โสมนสฺสํ กุมารํ, เฉตฺวาน สีสํ วรมาหรนฺตุฯ
Hantvāna taṃ somanassaṃ kumāraṃ, chetvāna sīsaṃ varamāharantu.
๒๑๔.
214.
‘‘เปสิตา ราชิโน ทูตา, กุมารํ เอตทพฺรวุํ;
‘‘Pesitā rājino dūtā, kumāraṃ etadabravuṃ;
อิสฺสเรน วิติโณฺณสิ, วธํ ปโตฺตสิ ขตฺติยฯ
Issarena vitiṇṇosi, vadhaṃ pattosi khattiya.
๒๑๕.
215.
‘‘ส ราชปุโตฺต ปริเทวยโนฺต, ทสงฺคุลิํ อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา;
‘‘Sa rājaputto paridevayanto, dasaṅguliṃ añjaliṃ paggahetvā;
อหมฺปิ อิจฺฉามิ ชนินฺท ทฎฺฐุํ, ชีวํ มํ เนตฺวา ปฎิทสฺสเยถฯ
Ahampi icchāmi janinda daṭṭhuṃ, jīvaṃ maṃ netvā paṭidassayetha.
๒๑๖.
216.
‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, รโญฺญ ปุตฺตํ อทสฺสยุํ;
‘‘Tassa taṃ vacanaṃ sutvā, rañño puttaṃ adassayuṃ;
ปุโตฺต จ ปิตรํ ทิสฺวา, ทูรโตวชฺฌภาสถฯ
Putto ca pitaraṃ disvā, dūratovajjhabhāsatha.
๒๑๗.
217.
‘‘อาคจฺฉุํ โทวาริกา ขคฺคพนฺธา, กาสาวิยา หนฺตุ มมํ ชนินฺท;
‘‘Āgacchuṃ dovārikā khaggabandhā, kāsāviyā hantu mamaṃ janinda;
อกฺขาหิ เม ปุจฺฉิโต เอตมตฺถํ, อปราโธ โก นิธ มมชฺช อตฺถี’’ติฯ
Akkhāhi me pucchito etamatthaṃ, aparādho ko nidha mamajja atthī’’ti.
ตตฺถ อหิํสโกติ อหํ กสฺสจิ อหิํสโก สีลาจารสมฺปโนฺนฯ เรณุมนุปฺปวิสฺสาติ มหาราช เรณุ, อหํ ตว ปุเตฺตน มหาปริวาเรน อนุปวิสิตฺวา ‘‘อเร กูฎตาปส, กสฺมา ตฺวํ อิธ วสสี’’ติ วตฺวา ปาสาณผลกํ ขิปิตฺวา ฆฎํ ภินฺทิตฺวา หเตฺถหิ จ ปาเทหิ จ โกเฎฺฎเนฺตน วิเหฐิโตสฺมีติ เอวํ โส อภูตเมว ภูตํ วิย กตฺวา ราชานํ สทฺทหาเปสิฯ อายนฺตูติ คจฺฉนฺตุฯ ‘‘มม สามิมฺหิ วิปฺปฎิปนฺนกาลโต ปฎฺฐาย มยิปิ โส น ลชฺชิสฺสตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ตสฺส วธํ อาณาเปโนฺต เอวมาหฯ กาสาวิยาติ โจรฆาตกาฯ เตปิ ผรสุหตฺถา อตฺตโน วิธาเนน คจฺฉนฺตูติ วทติฯ วรนฺติ วรํ สีสํ อุตฺตมสีสํ ฉินฺทิตฺวา อาหรนฺตุฯ
Tattha ahiṃsakoti ahaṃ kassaci ahiṃsako sīlācārasampanno. Reṇumanuppavissāti mahārāja reṇu, ahaṃ tava puttena mahāparivārena anupavisitvā ‘‘are kūṭatāpasa, kasmā tvaṃ idha vasasī’’ti vatvā pāsāṇaphalakaṃ khipitvā ghaṭaṃ bhinditvā hatthehi ca pādehi ca koṭṭentena viheṭhitosmīti evaṃ so abhūtameva bhūtaṃ viya katvā rājānaṃ saddahāpesi. Āyantūti gacchantu. ‘‘Mama sāmimhi vippaṭipannakālato paṭṭhāya mayipi so na lajjissatī’’ti kujjhitvā tassa vadhaṃ āṇāpento evamāha. Kāsāviyāti coraghātakā. Tepi pharasuhatthā attano vidhānena gacchantūti vadati. Varanti varaṃ sīsaṃ uttamasīsaṃ chinditvā āharantu.
ราชิโนติ ภิกฺขเว, รโญฺญ สนฺติกา ทูตา รญฺญา เปสิตา เวเคน คนฺตฺวา มาตรา อลงฺกริตฺวา อตฺตโน อเงฺก นิสีทาปิตํ กุมารํ ปริวาเรตฺวา เอตทโวจุํฯ อิสฺสเรนาติ รญฺญาฯ วิติโณฺณสีติ ปริจฺจโตฺตสิฯ ส ราชปุโตฺตติ ภิกฺขเว, เตสํ วจนํ สุตฺวา มรณภยตชฺชิโต มาตุ องฺกโต อุฎฺฐาย โส ราชปุโตฺต ฯ ปฎิทสฺสเยถาติ ทเสฺสถฯ ตสฺสาติ ภิกฺขเว, เต ทูตา กุมารสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา มาเรตุํ อวิสหนฺตา โคณํ วิย นํ รชฺชุยา ปริกฑฺฒนฺตา เนตฺวา รโญฺญ ทสฺสยุํฯ กุมาเร ปน นียมาเน ทาสิคณปริวุตา สทฺธิํ โอโรเธหิ สุธมฺมาปิ เทวี นาคราปิ ‘‘มยํ นิรปราธํ กุมารํ มาเรตุํ น ทสฺสามา’’ติ เตน สทฺธิํเยว อคมํสุฯ อาคจฺฉุนฺติ ตุมฺหากํ อาณาย มม สนฺติกํ อาคมิํสุฯ หนฺตุํ มมนฺติ มํ มาเรตุํฯ โก นีธาติ โก นุ อิธ มม อปราโธ, เยน มํ ตฺวํ มาเรสีติ ปุจฺฉิฯ
Rājinoti bhikkhave, rañño santikā dūtā raññā pesitā vegena gantvā mātarā alaṅkaritvā attano aṅke nisīdāpitaṃ kumāraṃ parivāretvā etadavocuṃ. Issarenāti raññā. Vitiṇṇosīti pariccattosi. Sa rājaputtoti bhikkhave, tesaṃ vacanaṃ sutvā maraṇabhayatajjito mātu aṅkato uṭṭhāya so rājaputto . Paṭidassayethāti dassetha. Tassāti bhikkhave, te dūtā kumārassa taṃ vacanaṃ sutvā māretuṃ avisahantā goṇaṃ viya naṃ rajjuyā parikaḍḍhantā netvā rañño dassayuṃ. Kumāre pana nīyamāne dāsigaṇaparivutā saddhiṃ orodhehi sudhammāpi devī nāgarāpi ‘‘mayaṃ niraparādhaṃ kumāraṃ māretuṃ na dassāmā’’ti tena saddhiṃyeva agamaṃsu. Āgacchunti tumhākaṃ āṇāya mama santikaṃ āgamiṃsu. Hantuṃ mamanti maṃ māretuṃ. Ko nīdhāti ko nu idha mama aparādho, yena maṃ tvaṃ māresīti pucchi.
ราชา ‘‘ภวคฺคํ อตินีจํ, ตว โทโส อติมหโนฺต’’ติ ตสฺส โทสํ กเถโนฺต คาถมาห –
Rājā ‘‘bhavaggaṃ atinīcaṃ, tava doso atimahanto’’ti tassa dosaṃ kathento gāthamāha –
๒๑๘.
218.
‘‘สายญฺจ ปาโต อุทกํ สชาติ, อคฺคิํ สทา ปาริจรตปฺปมโตฺต;
‘‘Sāyañca pāto udakaṃ sajāti, aggiṃ sadā pāricaratappamatto;
ตํ ตาทิสํ สํยตํ พฺรหฺมจาริํ, กสฺมา ตุวํ พฺรูสิ คหปฺปตี’’ติฯ
Taṃ tādisaṃ saṃyataṃ brahmacāriṃ, kasmā tuvaṃ brūsi gahappatī’’ti.
ตตฺถ อุทกํ สชาตีติ อุทโกโรหณกมฺมํ กโรติฯ ตํ ตาทิสนฺติ ตํ ตถารูปํ มม สามิํ ทิพฺพจกฺขุตาปสํ กสฺมา ตฺวํ คหปติวาเทน สมุทาจรสีติ วทติฯ
Tattha udakaṃ sajātīti udakorohaṇakammaṃ karoti. Taṃ tādisanti taṃ tathārūpaṃ mama sāmiṃ dibbacakkhutāpasaṃ kasmā tvaṃ gahapativādena samudācarasīti vadati.
ตโต กุมาโร ‘‘เทว, มยฺหํ คหปติเญฺญว ‘คหปตี’ติ วทนฺตสฺส โก โทโส’’ติ วตฺวา คาถมาห –
Tato kumāro ‘‘deva, mayhaṃ gahapatiññeva ‘gahapatī’ti vadantassa ko doso’’ti vatvā gāthamāha –
๒๑๙.
219.
‘‘ตาลา จ มูลา จ ผลา จ เทว, ปริคฺคหา วิวิธา สนฺติมสฺส;
‘‘Tālā ca mūlā ca phalā ca deva, pariggahā vividhā santimassa;
เต รกฺขติ โคปยตปฺปมโตฺต, ตสฺมา อหํ พฺรูมิ คหปฺปตี’’ติฯ
Te rakkhati gopayatappamatto, tasmā ahaṃ brūmi gahappatī’’ti.
ตตฺถ มูลาติ มูลกาทิมูลานิฯ ผลาติ นานาวิธานิ วลฺลิผลานิฯ เต รกฺขติ โคปยตปฺปมโตฺตติ เต เอส ตว กุลูปกตาปโส ปณฺณิกกมฺมํ กโรโนฺต นิสีทิตฺวา รกฺขติ, วติํ กตฺวา โคปยติ อปฺปมโตฺต, เตน การเณน โส ตว พฺราหฺมโณ คหปติ นาม โหติฯ
Tattha mūlāti mūlakādimūlāni. Phalāti nānāvidhāni valliphalāni. Te rakkhati gopayatappamattoti te esa tava kulūpakatāpaso paṇṇikakammaṃ karonto nisīditvā rakkhati, vatiṃ katvā gopayati appamatto, tena kāraṇena so tava brāhmaṇo gahapati nāma hoti.
อิติ นํ อหมฺปิ ‘‘คหปตี’’ติ กเถสิํฯ สเจ น สทฺทหสิ, จตูสุ ทฺวาเรสุ ปณฺณิเก ปุจฺฉาเปหีติฯ ราชา ปุจฺฉาเปสิฯ เต ‘‘อาม, มยํ อิมสฺส หตฺถโต ปณฺณญฺจ ผลาผลานิ จ กิณามา’’ติ อาหํสุฯ ปณฺณวตฺถุมฺปิ อุปธาราเปตฺวา ปจฺจกฺขมกาสิฯ ปณฺณสาลมฺปิสฺส ปวิสิตฺวา กุมารสฺส ปุริสา ปณฺณวิกฺกยลทฺธํ กหาปณมาสกภณฺฑิกํ นีหริตฺวา รโญฺญ ทเสฺสสุํฯ ราชา มหาสตฺตสฺส นิโทฺทสภาวํ ญตฺวา คาถมาห –
Iti naṃ ahampi ‘‘gahapatī’’ti kathesiṃ. Sace na saddahasi, catūsu dvāresu paṇṇike pucchāpehīti. Rājā pucchāpesi. Te ‘‘āma, mayaṃ imassa hatthato paṇṇañca phalāphalāni ca kiṇāmā’’ti āhaṃsu. Paṇṇavatthumpi upadhārāpetvā paccakkhamakāsi. Paṇṇasālampissa pavisitvā kumārassa purisā paṇṇavikkayaladdhaṃ kahāpaṇamāsakabhaṇḍikaṃ nīharitvā rañño dassesuṃ. Rājā mahāsattassa niddosabhāvaṃ ñatvā gāthamāha –
๒๒๐.
220.
‘‘สจฺจํ โข เอตํ วทสิ กุมาร, ปริคฺคหา วิวิธา สนฺติมสฺส;
‘‘Saccaṃ kho etaṃ vadasi kumāra, pariggahā vividhā santimassa;
เต รกฺขติ โคปยตปฺปมโตฺต, ส พฺราหฺมโณ คหปติ เตน โหตี’’ติฯ
Te rakkhati gopayatappamatto, sa brāhmaṇo gahapati tena hotī’’ti.
ตโต มหาสโตฺต จิเนฺตสิ ‘‘เอวรูปสฺส พาลสฺส รโญฺญ สนฺติเก วาสโต หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตุํ วรํ, ปริสมเชฺฌเยวสฺส โทสํ อาวิกตฺวา อาปุจฺฉิตฺวา อเชฺชว นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติฯ โส ปริสาย นมกฺการํ กตฺวา คาถมาห –
Tato mahāsatto cintesi ‘‘evarūpassa bālassa rañño santike vāsato himavantaṃ pavisitvā pabbajituṃ varaṃ, parisamajjheyevassa dosaṃ āvikatvā āpucchitvā ajjeva nikkhamitvā pabbajissāmī’’ti. So parisāya namakkāraṃ katvā gāthamāha –
๒๒๑.
221.
‘‘สุณนฺตุ มยฺหํ ปริสา สมาคตา, สเนคมา ชานปทา จ สเพฺพ;
‘‘Suṇantu mayhaṃ parisā samāgatā, sanegamā jānapadā ca sabbe;
พาลายํ พาลสฺส วโจ นิสมฺม, อเหตุนา ฆาตยเต มํ ชนิโนฺท’’ติฯ
Bālāyaṃ bālassa vaco nisamma, ahetunā ghātayate maṃ janindo’’ti.
ตตฺถ พาลายํ พาลสฺสาติ อยํ ราชา สยํ พาโล อิมสฺส พาลสฺส กูฎชฎิลสฺส วจนํ สุตฺวา อเหตุนาว มํ ฆาตยเตติฯ
Tattha bālāyaṃ bālassāti ayaṃ rājā sayaṃ bālo imassa bālassa kūṭajaṭilassa vacanaṃ sutvā ahetunāva maṃ ghātayateti.
เอวญฺจ ปน วตฺวา ปิตรํ วนฺทิตฺวา อตฺตานํ ปพฺพชฺชาย อนุชานาเปโนฺต อิตรํ คาถมาห –
Evañca pana vatvā pitaraṃ vanditvā attānaṃ pabbajjāya anujānāpento itaraṃ gāthamāha –
๒๒๒.
222.
‘‘ทฬฺหสฺมิ มูเล วิสเฎ วิรูเฬฺห, ทุนฺนิกฺกโย เวฬุ ปสาขชาโต;
‘‘Daḷhasmi mūle visaṭe virūḷhe, dunnikkayo veḷu pasākhajāto;
วนฺทามิ ปาทานิ ตว ชนินฺท, อนุชาน มํ ปพฺพชิสฺสามิ เทวา’’ติฯ
Vandāmi pādāni tava janinda, anujāna maṃ pabbajissāmi devā’’ti.
ตตฺถ วิสเฎติ วิสาเล มหเนฺต ชาเตฯ ทุนฺนิกฺกโยติ ทุนฺนิกฺกฑฺฒิโยฯ
Tattha visaṭeti visāle mahante jāte. Dunnikkayoti dunnikkaḍḍhiyo.
ตโต ปรา รโญฺญ จ ปุตฺตสฺส จ วจนปฎิวจนคาถา โหนฺติ –
Tato parā rañño ca puttassa ca vacanapaṭivacanagāthā honti –
๒๒๓.
223.
‘‘ภุญฺชสฺสุ โภเค วิปุเล กุมาร, สพฺพญฺจ เต อิสฺสริยํ ททามิ;
‘‘Bhuñjassu bhoge vipule kumāra, sabbañca te issariyaṃ dadāmi;
อเชฺชว ตฺวํ กุรูนํ โหหิ ราชา, มา ปพฺพชี ปพฺพชฺชา หิ ทุกฺขาฯ
Ajjeva tvaṃ kurūnaṃ hohi rājā, mā pabbajī pabbajjā hi dukkhā.
๒๒๔.
224.
‘‘กินฺนูธ เทว ตวมตฺถิ โภคา, ปุเพฺพวหํ เทวโลเก รมิสฺสํ;
‘‘Kinnūdha deva tavamatthi bhogā, pubbevahaṃ devaloke ramissaṃ;
รูเปหิ สเทฺทหิ อโถ รเสหิ, คเนฺธหิ ผเสฺสหิ มโนรเมหิฯ
Rūpehi saddehi atho rasehi, gandhehi phassehi manoramehi.
๒๒๕.
225.
‘‘ภุตฺตา จ เม โภคา ติทิวสฺมิํ เทว, ปริวาริโต อจฺฉรานํ คเณน;
‘‘Bhuttā ca me bhogā tidivasmiṃ deva, parivārito accharānaṃ gaṇena;
ตุวญฺจ พาลํ ปรเนยฺยํ วิทิตฺวา, น ตาทิเส ราชกุเล วเสยฺยํฯ
Tuvañca bālaṃ paraneyyaṃ viditvā, na tādise rājakule vaseyyaṃ.
๒๒๖.
226.
‘‘สจาหํ พาโล ปรเนโยฺย อสฺมิ, เอกาปราธํ ขม ปุตฺต มยฺหํ;
‘‘Sacāhaṃ bālo paraneyyo asmi, ekāparādhaṃ khama putta mayhaṃ;
ปุนปิ เจ เอทิสกํ ภเวยฺย, ยถามติํ โสมนสฺส กโรหี’’ติฯ
Punapi ce edisakaṃ bhaveyya, yathāmatiṃ somanassa karohī’’ti.
ตตฺถ ทุกฺขาติ ตาต, ปพฺพชฺชา นาม ปรปฎิพทฺธชีวิกตฺตา ทุกฺขา, มา ปพฺพชิ, ราชา โหหีติ ตํ ยาจิฯ กินฺนูธ เทวาติ เทว, เย ตว โภคา, เตสุ กิํ นาม ภุญฺชิตพฺพํ อตฺถิฯ ปริวาริโตติ ปริจาริโต, อยเมว วา ปาโฐฯ ตสฺส กิร ชาติสฺสรญาณํ อุปฺปชฺชิ, ตสฺมา เอวมาหฯ ปรเนยฺยนฺติ อนฺธํ วิย ยฎฺฐิยา ปเรน เนตพฺพํฯ ตาทิเสติ ตาทิสสฺส รโญฺญ สนฺติเก น ปณฺฑิเตน วสิตพฺพํ, มยา อตฺตโน ญาณพเลน อชฺช ชีวิตํ ลทฺธํ, นาหํ ตว สนฺติเก วสิสฺสามีติ ญาเปตุํ เอวมาหฯ ยถามตินฺติ สเจ ปุน มยฺหํ เอวรูโป โทโส โหติ, อถ ตฺวํ ยถาอชฺฌาสยํ กโรหีติ ปุตฺตํ ขมาเปสิฯ
Tattha dukkhāti tāta, pabbajjā nāma parapaṭibaddhajīvikattā dukkhā, mā pabbaji, rājā hohīti taṃ yāci. Kinnūdha devāti deva, ye tava bhogā, tesu kiṃ nāma bhuñjitabbaṃ atthi. Parivāritoti paricārito, ayameva vā pāṭho. Tassa kira jātissarañāṇaṃ uppajji, tasmā evamāha. Paraneyyanti andhaṃ viya yaṭṭhiyā parena netabbaṃ. Tādiseti tādisassa rañño santike na paṇḍitena vasitabbaṃ, mayā attano ñāṇabalena ajja jīvitaṃ laddhaṃ, nāhaṃ tava santike vasissāmīti ñāpetuṃ evamāha. Yathāmatinti sace puna mayhaṃ evarūpo doso hoti, atha tvaṃ yathāajjhāsayaṃ karohīti puttaṃ khamāpesi.
มหาสโตฺต ราชานํ โอวทโนฺต อฎฺฐ คาถา อภาสิ –
Mahāsatto rājānaṃ ovadanto aṭṭha gāthā abhāsi –
๒๒๗.
227.
‘‘อนิสมฺม กตํ กมฺมํ, อนวตฺถาย จินฺติตํ;
‘‘Anisamma kataṃ kammaṃ, anavatthāya cintitaṃ;
เภสชฺชเสฺสว เวภโงฺค, วิปาโก โหติ ปาปโกฯ
Bhesajjasseva vebhaṅgo, vipāko hoti pāpako.
๒๒๘.
228.
‘‘นิสมฺม จ กตํ กมฺมํ, สมฺมาวตฺถาย จินฺติตํ;
‘‘Nisamma ca kataṃ kammaṃ, sammāvatthāya cintitaṃ;
เภสชฺชเสฺสว สมฺปตฺติ, วิปาโก โหติ ภทฺรโกฯ
Bhesajjasseva sampatti, vipāko hoti bhadrako.
๒๒๙.
229.
‘‘อลโส คิหี กามโภคี น สาธุ, อสญฺญโต ปพฺพชิโต น สาธุ;
‘‘Alaso gihī kāmabhogī na sādhu, asaññato pabbajito na sādhu;
ราชา น สาธุ อนิสมฺมการี, โย ปณฺฑิโต โกธโน ตํ น สาธุฯ
Rājā na sādhu anisammakārī, yo paṇḍito kodhano taṃ na sādhu.
๒๓๐.
230.
‘‘นิสมฺม ขตฺติโย กยิรา, นานิสมฺม ทิสมฺปติ;
‘‘Nisamma khattiyo kayirā, nānisamma disampati;
นิสมฺมการิโน ราช, ยโส กิตฺติ จ วฑฺฒติฯ
Nisammakārino rāja, yaso kitti ca vaḍḍhati.
๒๓๑.
231.
‘‘นิสมฺม ทณฺฑํ ปณเยยฺย อิสฺสโร, เวคา กตํ ตปฺปติ ภูมิปาล;
‘‘Nisamma daṇḍaṃ paṇayeyya issaro, vegā kataṃ tappati bhūmipāla;
สมฺมาปณีธี จ นรสฺส อตฺถา, อนานุตปฺปา เต ภวนฺติ ปจฺฉาฯ
Sammāpaṇīdhī ca narassa atthā, anānutappā te bhavanti pacchā.
๒๓๒.
232.
‘‘อนานุตปฺปานิ หิ เย กโรนฺติ, วิภชฺช กมฺมายตนานิ โลเก;
‘‘Anānutappāni hi ye karonti, vibhajja kammāyatanāni loke;
วิญฺญุปฺปสตฺถานิ สุขุทฺรยานิ, ภวนฺติ พุทฺธานุมตานิ ตานิฯ
Viññuppasatthāni sukhudrayāni, bhavanti buddhānumatāni tāni.
๒๓๓.
233.
‘‘อาคจฺฉุํ โทวาริกา ขคฺคพนฺธา, กาสาวิยา หนฺตุ มมํ ชนินฺท;
‘‘Āgacchuṃ dovārikā khaggabandhā, kāsāviyā hantu mamaṃ janinda;
มาตุญฺจ องฺกสฺมิมหํ นิสิโนฺน, อากฑฺฒิโต สหสา เตหิ เทวฯ
Mātuñca aṅkasmimahaṃ nisinno, ākaḍḍhito sahasā tehi deva.
๒๓๔.
234.
‘‘กฎุกญฺหิ สมฺพาธํ สุกิจฺฉํ ปโตฺต, มธุรมฺปิ ยํ ชีวิตํ ลทฺธ ราช;
‘‘Kaṭukañhi sambādhaṃ sukicchaṃ patto, madhurampi yaṃ jīvitaṃ laddha rāja;
กิเจฺฉนหํ อชฺช วธา ปมุโตฺต, ปพฺพชฺชเมวาภิมโนหมสฺมี’’ติฯ
Kicchenahaṃ ajja vadhā pamutto, pabbajjamevābhimanohamasmī’’ti.
ตตฺถ อนิสมฺมาติ อโนโลเกตฺวา อนุปธาเรตฺวาฯ อนวตฺถาย จินฺติตนฺติ อนวตฺถเปตฺวา อตุเลตฺวา อตีเรตฺวา จินฺติตํฯ วิปาโก โหติ ปาปโกติ ตสฺส หิ ยถา นาม เภสชฺชสฺส เวภโงฺค วิปตฺติ, เอวเมวํ วิปาโก โหติ ปาปโกฯ อสญฺญโตติ กายาทีหิ อสญฺญโต ทุสฺสีโลฯ ตํ น สาธูติ ตํ ตสฺส โกธนํ น สาธุฯ นานิสมฺมาติ อนิสาเมตฺวา กิญฺจิ กมฺมํ น กเรยฺยฯ ปณเยยฺยาติ ปฎฺฐเปยฺย ปวเตฺตยฺยฯ เวคาติ เวเคน สหสาฯ สมฺมาปณีธี จาติ โยนิโส ฐปิเตน จิเตฺตน กตา นรสฺส อตฺถา ปจฺฉา อนานุตปฺปา ภวนฺตีติ อโตฺถฯ วิภชฺชาติ ‘‘อิมานิ กาตุํ ยุตฺตานิ, อิมานิ อยุตฺตานี’’ติ เอวํ ปญฺญาย วิภชิตฺวาฯ กมฺมายตนานีติ กมฺมานิฯ พุทฺธานุมตานีติ ปณฺฑิเตหิ อนุมตานิ อนวชฺชานิ โหนฺติฯ กฎุกนฺติ เทว , กฎุกํ สมฺพาธํ สุกิจฺฉํ มรณภยํ ปโตฺตมฺหิฯ ลทฺธาติ อตฺตโน ญาณพเลน ลภิตฺวาฯ ปพฺพชฺชเมวาภิมโนหมสฺมีติ ปพฺพชฺชาภิมุขจิโตฺตเยวสฺมิฯ
Tattha anisammāti anoloketvā anupadhāretvā. Anavatthāya cintitanti anavatthapetvā atuletvā atīretvā cintitaṃ. Vipāko hoti pāpakoti tassa hi yathā nāma bhesajjassa vebhaṅgo vipatti, evamevaṃ vipāko hoti pāpako. Asaññatoti kāyādīhi asaññato dussīlo. Taṃ na sādhūti taṃ tassa kodhanaṃ na sādhu. Nānisammāti anisāmetvā kiñci kammaṃ na kareyya. Paṇayeyyāti paṭṭhapeyya pavatteyya. Vegāti vegena sahasā. Sammāpaṇīdhī cāti yoniso ṭhapitena cittena katā narassa atthā pacchā anānutappā bhavantīti attho. Vibhajjāti ‘‘imāni kātuṃ yuttāni, imāni ayuttānī’’ti evaṃ paññāya vibhajitvā. Kammāyatanānīti kammāni. Buddhānumatānīti paṇḍitehi anumatāni anavajjāni honti. Kaṭukanti deva , kaṭukaṃ sambādhaṃ sukicchaṃ maraṇabhayaṃ pattomhi. Laddhāti attano ñāṇabalena labhitvā. Pabbajjamevābhimanohamasmīti pabbajjābhimukhacittoyevasmi.
เอวํ มหาสเตฺตน ธเมฺม เทสิเต ราชา เทวิํ อามเนฺตตฺวา คาถมาห –
Evaṃ mahāsattena dhamme desite rājā deviṃ āmantetvā gāthamāha –
๒๓๕.
235.
‘‘ปุโตฺต ตวายํ ตรุโณ สุธเมฺม, อนุกมฺปโก โสมนโสฺส กุมาโร;
‘‘Putto tavāyaṃ taruṇo sudhamme, anukampako somanasso kumāro;
ตํ ยาจมาโน น ลภามิ สฺวชฺช, อรหสิ นํ ยาจิตเว ตุวมฺปี’’ติฯ
Taṃ yācamāno na labhāmi svajja, arahasi naṃ yācitave tuvampī’’ti.
ตตฺถ ยาจิตเวติ ยาจิตุํฯ
Tattha yācitaveti yācituṃ.
สา ปพฺพชฺชายเมว อุโยเชนฺตี คาถมาห –
Sā pabbajjāyameva uyojentī gāthamāha –
๒๓๖.
236.
‘‘รมสฺสุ ภิกฺขาจริยาย ปุตฺต, นิสมฺม ธเมฺมสุ ปริพฺพชสฺสุ;
‘‘Ramassu bhikkhācariyāya putta, nisamma dhammesu paribbajassu;
สเพฺพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ, อนินฺทิโต พฺรหฺมมุเปติ ฐาน’’นฺติฯ
Sabbesu bhūtesu nidhāya daṇḍaṃ, anindito brahmamupeti ṭhāna’’nti.
ตตฺถ นิสมฺมาติ ปพฺพชโนฺต จ นิสาเมตฺวา มิจฺฉาทิฎฺฐิกานํ ปพฺพชฺชํ ปหาย สมฺมาทิฎฺฐิยุตฺตํ นิยฺยานิกปพฺพชฺชํ ปพฺพชฯ
Tattha nisammāti pabbajanto ca nisāmetvā micchādiṭṭhikānaṃ pabbajjaṃ pahāya sammādiṭṭhiyuttaṃ niyyānikapabbajjaṃ pabbaja.
อถ ราชา คาถมาห –
Atha rājā gāthamāha –
๒๓๗.
237.
‘‘อเจฺฉรรูปํ วต ยาทิสญฺจ, ทุกฺขิตํ มํ ทุกฺขาปยเส สุธเมฺม;
‘‘Accherarūpaṃ vata yādisañca, dukkhitaṃ maṃ dukkhāpayase sudhamme;
ยาจสฺสุ ปุตฺตํ อิติ วุจฺจมานา, ภิโยฺยว อุสฺสาหยเส กุมาร’’นฺติฯ
Yācassu puttaṃ iti vuccamānā, bhiyyova ussāhayase kumāra’’nti.
ตตฺถ ยาทิสญฺจาติ ยาทิสํ อิทํ ตฺวํ วเทสิ, ตํ อจฺฉริยรูปํ วตฯ ทุกฺขิตนฺติ ปกติยาปิ มํ ทุกฺขิตํ ภิโยฺย ทุกฺขาปยสิฯ
Tattha yādisañcāti yādisaṃ idaṃ tvaṃ vadesi, taṃ acchariyarūpaṃ vata. Dukkhitanti pakatiyāpi maṃ dukkhitaṃ bhiyyo dukkhāpayasi.
ปุน เทวี คาถมาห –
Puna devī gāthamāha –
๒๓๘.
238.
‘‘เย วิปฺปมุตฺตา อนวชฺชโภคิโน, ปรินิพฺพุตา โลกมิมํ จรนฺติ;
‘‘Ye vippamuttā anavajjabhogino, parinibbutā lokamimaṃ caranti;
ตมริยมคฺคํ ปฎิปชฺชมานํ, น อุสฺสเห วารยิตุํ กุมาร’’นฺติฯ
Tamariyamaggaṃ paṭipajjamānaṃ, na ussahe vārayituṃ kumāra’’nti.
ตตฺถ วิปฺปมุตฺตาติ ราคาทีหิ วิปฺปมุตฺตาฯ ปรินิพฺพุตาติ กิเลสปรินิพฺพาเนน นิพฺพุตาฯ ตมริยมคฺคนฺติ ตํ เตสํ พุทฺธาทีนํ อริยานํ สนฺตกํ มคฺคํ ปฎิปชฺชมานํ มม ปุตฺตํ วาเรตุํ น อุสฺสหามิ เทวาติฯ
Tattha vippamuttāti rāgādīhi vippamuttā. Parinibbutāti kilesaparinibbānena nibbutā. Tamariyamagganti taṃ tesaṃ buddhādīnaṃ ariyānaṃ santakaṃ maggaṃ paṭipajjamānaṃ mama puttaṃ vāretuṃ na ussahāmi devāti.
ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ราชา โอสานคาถมาห –
Tassā vacanaṃ sutvā rājā osānagāthamāha –
๒๓๙.
239.
‘‘อทฺธา หเว เสวิตพฺพา สปญฺญา, พหุสฺสุตา เย พหุฐานจินฺติโน;
‘‘Addhā have sevitabbā sapaññā, bahussutā ye bahuṭhānacintino;
เยสายํ สุตฺวาน สุภาสิตานิ, อโปฺปสฺสุกฺกา วีตโสกา สุธมฺมา’’ติฯ
Yesāyaṃ sutvāna subhāsitāni, appossukkā vītasokā sudhammā’’ti.
ตตฺถ พหุฐานจินฺติโนติ พหุการณจินฺติโนฯ เยสายนฺติ เยสํ อยํฯ โสมนสฺสกุมารเสฺสว หิ สา สุภาสิตํ สุตฺวา อโปฺปสฺสุกฺกา ชาตา, ราชาปิ ตเทว สนฺธายาหฯ
Tattha bahuṭhānacintinoti bahukāraṇacintino. Yesāyanti yesaṃ ayaṃ. Somanassakumārasseva hi sā subhāsitaṃ sutvā appossukkā jātā, rājāpi tadeva sandhāyāha.
มหาสโตฺต มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ‘‘สเจ มยฺหํ โทโส อตฺถิ, ขมถา’’ติ มหาชนสฺส อญฺชลิํ กตฺวา หิมวนฺตาภิมุโข คนฺตฺวา มนุเสฺสสุ นิวเตฺตสุ มนุสฺสวเณฺณนาคนฺตฺวา เทวตาหิ สตฺต ปพฺพตราชิโย อติกฺกมิตฺวา หิมวนฺตํ นีโต วิสฺสกมฺมุนา นิมฺมิตาย ปณฺณสาลาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิฯ ตํ ตตฺถ ยาว โสฬสวสฺสกาลา ราชกุลปริจาริกเวเสน เทวตาเยว อุปฎฺฐหิํสุฯ กูฎชฎิลมฺปิ มหาชโน โปเถตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิฯ มหาสโตฺต ฌานาภิญฺญํ นิพฺพเตฺตตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิฯ
Mahāsatto mātāpitaro vanditvā ‘‘sace mayhaṃ doso atthi, khamathā’’ti mahājanassa añjaliṃ katvā himavantābhimukho gantvā manussesu nivattesu manussavaṇṇenāgantvā devatāhi satta pabbatarājiyo atikkamitvā himavantaṃ nīto vissakammunā nimmitāya paṇṇasālāya isipabbajjaṃ pabbaji. Taṃ tattha yāva soḷasavassakālā rājakulaparicārikavesena devatāyeva upaṭṭhahiṃsu. Kūṭajaṭilampi mahājano pothetvā jīvitakkhayaṃ pāpesi. Mahāsatto jhānābhiññaṃ nibbattetvā brahmalokūpago ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, ปุเพฺพเปส มยฺหํ วธาย ปริสกฺกิเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กุหโก เทวทโตฺต อโหสิ, มาตา มหามายา, มหารกฺขิโต สาริปุโตฺต, โสมนสฺสกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘evaṃ, bhikkhave, pubbepesa mayhaṃ vadhāya parisakkiyevā’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kuhako devadatto ahosi, mātā mahāmāyā, mahārakkhito sāriputto, somanassakumāro pana ahameva ahosi’’nti.
โสมนสฺสชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Somanassajātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๐๕. โสมนสฺสชาตกํ • 505. Somanassajātakaṃ