Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
๔. โสณทณฺฑสุตฺตํ
4. Soṇadaṇḍasuttaṃ
จเมฺปยฺยกพฺราหฺมณคหปติกา
Campeyyakabrāhmaṇagahapatikā
๓๐๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อเงฺคสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิ เยน จมฺปา ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเรฯ เตน โข ปน สมเยน โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ จมฺปํ อชฺฌาวสติ สตฺตุสฺสทํ สติณกโฎฺฐทกํ สธญฺญํ ราชโภคฺคํ รญฺญา มาคเธน เสนิเยน พิมฺพิสาเรน ทินฺนํ ราชทายํ พฺรหฺมเทยฺยํฯ
300. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā aṅgesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi yena campā tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā campāyaṃ viharati gaggarāya pokkharaṇiyā tīre. Tena kho pana samayena soṇadaṇḍo brāhmaṇo campaṃ ajjhāvasati sattussadaṃ satiṇakaṭṭhodakaṃ sadhaññaṃ rājabhoggaṃ raññā māgadhena seniyena bimbisārena dinnaṃ rājadāyaṃ brahmadeyyaṃ.
๓๐๑. อโสฺสสุํ โข จเมฺปยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต อเงฺคสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิ จมฺปํ อนุปฺปโตฺต จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเรฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติฯ อถ โข จเมฺปยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา จมฺปาย นิกฺขมิตฺวา สงฺฆสงฺฆี 1 คณีภูตา เยน คคฺครา โปกฺขรณี เตนุปสงฺกมนฺติฯ
301. Assosuṃ kho campeyyakā brāhmaṇagahapatikā – ‘‘samaṇo khalu bho gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito aṅgesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi campaṃ anuppatto campāyaṃ viharati gaggarāya pokkharaṇiyā tīre. Taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti. So imaṃ lokaṃ sadevakaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti. So dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’ti. Atha kho campeyyakā brāhmaṇagahapatikā campāya nikkhamitvā saṅghasaṅghī 2 gaṇībhūtā yena gaggarā pokkharaṇī tenupasaṅkamanti.
๓๐๒. เตน โข ปน สมเยน โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ อุปริปาสาเท ทิวาเสยฺยํ อุปคโต โหติฯ อทฺทสา โข โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ จเมฺปยฺยเก พฺราหฺมณคหปติเก จมฺปาย นิกฺขมิตฺวา สงฺฆสงฺฆี 3 คณีภูเต เยน คคฺครา โปกฺขรณี เตนุปสงฺกมเนฺตฯ ทิสฺวา ขตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘กิํ นุ โข, โภ ขเตฺต, จเมฺปยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา จมฺปาย นิกฺขมิตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูตา เยน คคฺครา โปกฺขรณี เตนุปสงฺกมนฺตี’’ติ? ‘‘อตฺถิ โข, โภ, สมโณ โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต อเงฺคสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิ จมฺปํ อนุปฺปโตฺต จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเรฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติฯ ตเมเต ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, โภ ขเตฺต, เยน จเมฺปยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา เตนุปสงฺกม, อุปสงฺกมิตฺวา จเมฺปยฺยเก พฺราหฺมณคหปติเก เอวํ วเทหิ – ‘โสณทโณฺฑ, โภ, พฺราหฺมโณ เอวมาห – อาคเมนฺตุ กิร ภวโนฺต, โสณทโณฺฑปิ พฺราหฺมโณ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข โส ขตฺตา โสณทณฺฑสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน จเมฺปยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา จเมฺปยฺยเก พฺราหฺมณคหปติเก เอตทโวจ – ‘‘โสณทโณฺฑ โภ พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อาคเมนฺตุ กิร ภวโนฺต, โสณทโณฺฑปิ พฺราหฺมโณ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’’ติฯ
302. Tena kho pana samayena soṇadaṇḍo brāhmaṇo uparipāsāde divāseyyaṃ upagato hoti. Addasā kho soṇadaṇḍo brāhmaṇo campeyyake brāhmaṇagahapatike campāya nikkhamitvā saṅghasaṅghī 4 gaṇībhūte yena gaggarā pokkharaṇī tenupasaṅkamante. Disvā khattaṃ āmantesi – ‘‘kiṃ nu kho, bho khatte, campeyyakā brāhmaṇagahapatikā campāya nikkhamitvā saṅghasaṅghī gaṇībhūtā yena gaggarā pokkharaṇī tenupasaṅkamantī’’ti? ‘‘Atthi kho, bho, samaṇo gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito aṅgesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi campaṃ anuppatto campāyaṃ viharati gaggarāya pokkharaṇiyā tīre. Taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti. Tamete bhavantaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamantī’’ti. ‘‘Tena hi, bho khatte, yena campeyyakā brāhmaṇagahapatikā tenupasaṅkama, upasaṅkamitvā campeyyake brāhmaṇagahapatike evaṃ vadehi – ‘soṇadaṇḍo, bho, brāhmaṇo evamāha – āgamentu kira bhavanto, soṇadaṇḍopi brāhmaṇo samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissatī’’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho so khattā soṇadaṇḍassa brāhmaṇassa paṭissutvā yena campeyyakā brāhmaṇagahapatikā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā campeyyake brāhmaṇagahapatike etadavoca – ‘‘soṇadaṇḍo bho brāhmaṇo evamāha – ‘āgamentu kira bhavanto, soṇadaṇḍopi brāhmaṇo samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissatī’’’ti.
โสณทณฺฑคุณกถา
Soṇadaṇḍaguṇakathā
๓๐๓. เตน โข ปน สมเยน นานาเวรชฺชกานํ พฺราหฺมณานํ ปญฺจมตฺตานิ พฺราหฺมณสตานิ จมฺปายํ ปฎิวสนฺติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ อโสฺสสุํ โข เต พฺราหฺมณา – ‘‘โสณทโณฺฑ กิร พฺราหฺมโณ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’ติฯ อถ โข เต พฺราหฺมณา เยน โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา โสณทณฺฑํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจุํ – ‘‘สจฺจํ กิร ภวํ โสณทโณฺฑ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’ติ? ‘‘เอวํ โข เม, โภ, โหติ – ‘อหมฺปิ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสามี’’’ติฯ
303. Tena kho pana samayena nānāverajjakānaṃ brāhmaṇānaṃ pañcamattāni brāhmaṇasatāni campāyaṃ paṭivasanti kenacideva karaṇīyena. Assosuṃ kho te brāhmaṇā – ‘‘soṇadaṇḍo kira brāhmaṇo samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissatī’’ti. Atha kho te brāhmaṇā yena soṇadaṇḍo brāhmaṇo tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā soṇadaṇḍaṃ brāhmaṇaṃ etadavocuṃ – ‘‘saccaṃ kira bhavaṃ soṇadaṇḍo samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissatī’’ti? ‘‘Evaṃ kho me, bho, hoti – ‘ahampi samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissāmī’’’ti.
‘‘มา ภวํ โสณทโณฺฑ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิฯ น อรหติ ภวํ โสณทโณฺฑ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ สเจ ภวํ โสณทโณฺฑ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสติ, โภโต โสณทณฺฑสฺส ยโส หายิสฺสติ, สมณสฺส โคตมสฺส ยโส อภิวฑฺฒิสฺสติฯ ยมฺปิ โภโต โสณทณฺฑสฺส ยโส หายิสฺสติ, สมณสฺส โคตมสฺส ยโส อภิวฑฺฒิสฺสติ , อิมินาปเงฺคน น อรหติ ภวํ โสณทโณฺฑ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; สมโณเตฺวว โคตโม อรหติ ภวนฺตํ โสณทณฺฑํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ
‘‘Mā bhavaṃ soṇadaṇḍo samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkami. Na arahati bhavaṃ soṇadaṇḍo samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ. Sace bhavaṃ soṇadaṇḍo samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissati, bhoto soṇadaṇḍassa yaso hāyissati, samaṇassa gotamassa yaso abhivaḍḍhissati. Yampi bhoto soṇadaṇḍassa yaso hāyissati, samaṇassa gotamassa yaso abhivaḍḍhissati , imināpaṅgena na arahati bhavaṃ soṇadaṇḍo samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ; samaṇotveva gotamo arahati bhavantaṃ soṇadaṇḍaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ.
‘‘ภวญฺหิ โสณทโณฺฑ อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทนฯ ยมฺปิ ภวํ โสณทโณฺฑ อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทน, อิมินาปเงฺคน น อรหติ ภวํ โสณทโณฺฑ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; สมโณเตฺวว โคตโม อรหติ ภวนฺตํ โสณทณฺฑํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ
‘‘Bhavañhi soṇadaṇḍo ubhato sujāto mātito ca pitito ca, saṃsuddhagahaṇiko yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena. Yampi bhavaṃ soṇadaṇḍo ubhato sujāto mātito ca pitito ca, saṃsuddhagahaṇiko yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena, imināpaṅgena na arahati bhavaṃ soṇadaṇḍo samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ; samaṇotveva gotamo arahati bhavantaṃ soṇadaṇḍaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ.
‘‘ภวญฺหิ โสณทโณฺฑ อโฑฺฒ มหทฺธโน มหาโภโค…เป.…
‘‘Bhavañhi soṇadaṇḍo aḍḍho mahaddhano mahābhogo…pe…
‘‘ภวญฺหิ โสณทโณฺฑ อชฺฌายโก , มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฎุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย…เป.…
‘‘Bhavañhi soṇadaṇḍo ajjhāyako , mantadharo, tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū sanighaṇḍukeṭubhānaṃ sākkharappabhedānaṃ itihāsapañcamānaṃ padako veyyākaraṇo, lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu anavayo…pe…
‘‘ภวญฺหิ โสณทโณฺฑ อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต พฺรหฺมวณฺณี พฺรหฺมวจฺฉสี 5 อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนาย…เป.…
‘‘Bhavañhi soṇadaṇḍo abhirūpo dassanīyo pāsādiko paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgato brahmavaṇṇī brahmavacchasī 6 akhuddāvakāso dassanāya…pe…
‘‘ภวญฺหิ โสณทโณฺฑ สีลวา วุทฺธสีลี วุทฺธสีเลน สมนฺนาคโต…เป.…
‘‘Bhavañhi soṇadaṇḍo sīlavā vuddhasīlī vuddhasīlena samannāgato…pe…
‘‘ภวญฺหิ โสณทโณฺฑ กลฺยาณวาโจ กลฺยาณวากฺกรโณ โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต วิสฺสฎฺฐาย อเนลคลาย 7 อตฺถสฺส วิญฺญาปนิยา…เป.…
‘‘Bhavañhi soṇadaṇḍo kalyāṇavāco kalyāṇavākkaraṇo poriyā vācāya samannāgato vissaṭṭhāya anelagalāya 8 atthassa viññāpaniyā…pe…
‘‘ภวญฺหิ โสณทโณฺฑ พหูนํ อาจริยปาจริโย ตีณิ มาณวกสตานิ มเนฺต วาเจติฯ พหู โข ปน นานาทิสา นานาชนปทา มาณวกา อาคจฺฉนฺติ โภโต โสณทณฺฑสฺส สนฺติเก มนฺตตฺถิกา มเนฺต อธิยิตุกามา …เป.…
‘‘Bhavañhi soṇadaṇḍo bahūnaṃ ācariyapācariyo tīṇi māṇavakasatāni mante vāceti. Bahū kho pana nānādisā nānājanapadā māṇavakā āgacchanti bhoto soṇadaṇḍassa santike mantatthikā mante adhiyitukāmā …pe…
‘‘ภวญฺหิ โสณทโณฺฑ ชิโณฺณ วุโทฺธ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺต; สมโณ โคตโม ตรุโณ เจว ตรุณปพฺพชิโต จ…เป.…
‘‘Bhavañhi soṇadaṇḍo jiṇṇo vuddho mahallako addhagato vayoanuppatto; samaṇo gotamo taruṇo ceva taruṇapabbajito ca…pe…
‘‘ภวญฺหิ โสณทโณฺฑ รโญฺญ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต…เป.…
‘‘Bhavañhi soṇadaṇḍo rañño māgadhassa seniyassa bimbisārassa sakkato garukato mānito pūjito apacito…pe…
‘‘ภวญฺหิ โสณทโณฺฑ พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต…เป.…
‘‘Bhavañhi soṇadaṇḍo brāhmaṇassa pokkharasātissa sakkato garukato mānito pūjito apacito…pe…
‘‘ภวญฺหิ โสณทโณฺฑ จมฺปํ อชฺฌาวสติ สตฺตุสฺสทํ สติณกโฎฺฐทกํ สธญฺญํ ราชโภคฺคํ, รญฺญา มาคเธน เสนิเยน พิมฺพิสาเรน ทินฺนํ, ราชทายํ พฺรหฺมเทยฺยํฯ ยมฺปิ ภวํ โสณทโณฺฑ จมฺปํ อชฺฌาวสติ สตฺตุสฺสทํ สติณกโฎฺฐทกํ สธญฺญํ ราชโภคฺคํ, รญฺญา มาคเธน เสนิเยน พิมฺพิสาเรน ทินฺนํ, ราชทายํ พฺรหฺมเทยฺยํฯ อิมินาปเงฺคน น อรหติ ภวํ โสณทโณฺฑ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; สมโณเตฺวว โคตโม อรหติ ภวนฺตํ โสณทณฺฑํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุ’’นฺติฯ
‘‘Bhavañhi soṇadaṇḍo campaṃ ajjhāvasati sattussadaṃ satiṇakaṭṭhodakaṃ sadhaññaṃ rājabhoggaṃ, raññā māgadhena seniyena bimbisārena dinnaṃ, rājadāyaṃ brahmadeyyaṃ. Yampi bhavaṃ soṇadaṇḍo campaṃ ajjhāvasati sattussadaṃ satiṇakaṭṭhodakaṃ sadhaññaṃ rājabhoggaṃ, raññā māgadhena seniyena bimbisārena dinnaṃ, rājadāyaṃ brahmadeyyaṃ. Imināpaṅgena na arahati bhavaṃ soṇadaṇḍo samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ; samaṇotveva gotamo arahati bhavantaṃ soṇadaṇḍaṃ dassanāya upasaṅkamitu’’nti.
พุทฺธคุณกถา
Buddhaguṇakathā
๓๐๔. เอวํ วุเตฺต, โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ –
304. Evaṃ vutte, soṇadaṇḍo brāhmaṇo te brāhmaṇe etadavoca –
‘‘เตน หิ, โภ, มมปิ สุณาถ, ยถา มยเมว อรหาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; นเตฺวว อรหติ โส ภวํ โคตโม อมฺหากํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา, อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทนฯ ยมฺปิ โภ สมโณ โคตโม อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา, อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทน, อิมินาปเงฺคน น อรหติ โส ภวํ โคตโม อมฺหากํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ ; อถ โข มยเมว อรหาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ
‘‘Tena hi, bho, mamapi suṇātha, yathā mayameva arahāma taṃ bhavantaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ; natveva arahati so bhavaṃ gotamo amhākaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ. Samaṇo khalu, bho, gotamo ubhato sujāto mātito ca pitito ca, saṃsuddhagahaṇiko yāva sattamā pitāmahayugā, akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena. Yampi bho samaṇo gotamo ubhato sujāto mātito ca pitito ca saṃsuddhagahaṇiko yāva sattamā pitāmahayugā, akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena, imināpaṅgena na arahati so bhavaṃ gotamo amhākaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ ; atha kho mayameva arahāma taṃ bhavantaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ.
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม มหนฺตํ ญาติสงฺฆํ โอหาย ปพฺพชิโต…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo mahantaṃ ñātisaṅghaṃ ohāya pabbajito…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ปหูตํ หิรญฺญสุวณฺณํ โอหาย ปพฺพชิโต ภูมิคตญฺจ เวหาสฎฺฐํ จ…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo pahūtaṃ hiraññasuvaṇṇaṃ ohāya pabbajito bhūmigatañca vehāsaṭṭhaṃ ca…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ทหโรว สมาโน ยุวา สุสุกาฬเกโส ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปฐเมน วยสา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo daharova samāno yuvā susukāḷakeso bhadrena yobbanena samannāgato paṭhamena vayasā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อกามกานํ มาตาปิตูนํ อสฺสุมุขานํ รุทนฺตานํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo akāmakānaṃ mātāpitūnaṃ assumukhānaṃ rudantānaṃ kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต, พฺรหฺมวณฺณี, พฺรหฺมวจฺฉสี, อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนาย…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo abhirūpo dassanīyo pāsādiko paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgato, brahmavaṇṇī, brahmavacchasī, akhuddāvakāso dassanāya…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สีลวา อริยสีลี กุสลสีลี กุสลสีเลน สมนฺนาคโต…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo sīlavā ariyasīlī kusalasīlī kusalasīlena samannāgato…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม กลฺยาณวาโจ กลฺยาณวากฺกรโณ โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต วิสฺสฎฺฐาย อเนลคลาย อตฺถสฺส วิญฺญาปนิยา…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo kalyāṇavāco kalyāṇavākkaraṇo poriyā vācāya samannāgato vissaṭṭhāya anelagalāya atthassa viññāpaniyā…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม พหูนํ อาจริยปาจริโย…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo bahūnaṃ ācariyapācariyo…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ขีณกามราโค วิคตจาปโลฺล…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo khīṇakāmarāgo vigatacāpallo…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม กมฺมวาที กิริยวาที อปาปปุเรกฺขาโร พฺรหฺมญฺญาย ปชาย…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo kammavādī kiriyavādī apāpapurekkhāro brahmaññāya pajāya…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อุจฺจา กุลา ปพฺพชิโต อสมฺภินฺนขตฺติยกุลา…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo uccā kulā pabbajito asambhinnakhattiyakulā…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อฑฺฒา กุลา ปพฺพชิโต มหทฺธนา มหาโภคา…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo aḍḍhā kulā pabbajito mahaddhanā mahābhogā…pe…
‘‘สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ ติโรรฎฺฐา ติโรชนปทา ปญฺหํ ปุจฺฉิตุํ อาคจฺฉนฺติ…เป.…
‘‘Samaṇaṃ khalu, bho, gotamaṃ tiroraṭṭhā tirojanapadā pañhaṃ pucchituṃ āgacchanti…pe…
‘‘สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ อเนกานิ เทวตาสหสฺสานิ ปาเณหิ สรณํ คตานิ…เป.…
‘‘Samaṇaṃ khalu, bho, gotamaṃ anekāni devatāsahassāni pāṇehi saraṇaṃ gatāni…pe…
‘‘สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ ติ…เป.…
‘‘Samaṇaṃ khalu, bho, gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ ti…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇehi samannāgato…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม เอหิสฺวาคตวาที สขิโล สโมฺมทโก อพฺภากุฎิโก อุตฺตานมุโข ปุพฺพภาสี…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo ehisvāgatavādī sakhilo sammodako abbhākuṭiko uttānamukho pubbabhāsī…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม จตุนฺนํ ปริสานํ สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo catunnaṃ parisānaṃ sakkato garukato mānito pūjito apacito…pe…
‘‘สมเณ ขลุ, โภ, โคตเม พหู เทวา จ มนุสฺสา จ อภิปฺปสนฺนา…เป.…
‘‘Samaṇe khalu, bho, gotame bahū devā ca manussā ca abhippasannā…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ยสฺมิํ คาเม วา นิคเม วา ปฎิวสติ, น ตสฺมิํ คาเม วา นิคเม วา อมนุสฺสา มนุเสฺส วิเหเฐนฺติ…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo yasmiṃ gāme vā nigame vā paṭivasati, na tasmiṃ gāme vā nigame vā amanussā manusse viheṭhenti…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สงฺฆี คณี คณาจริโย ปุถุติตฺถกรานํ อคฺคมกฺขายติฯ ยถา โข ปน, โภ, เอเตสํ สมณพฺราหฺมณานํ ยถา วา ตถา วา ยโส สมุทาคจฺฉติ, น เหวํ สมณสฺส โคตมสฺส ยโส สมุทาคโตฯ อถ โข อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย สมณสฺส โคตมสฺส ยโส สมุทาคโต…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo saṅghī gaṇī gaṇācariyo puthutitthakarānaṃ aggamakkhāyati. Yathā kho pana, bho, etesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ yathā vā tathā vā yaso samudāgacchati, na hevaṃ samaṇassa gotamassa yaso samudāgato. Atha kho anuttarāya vijjācaraṇasampadāya samaṇassa gotamassa yaso samudāgato…pe…
‘‘สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สปุโตฺต สภริโย สปริโส สามโจฺจ ปาเณหิ สรณํ คโต…เป.…
‘‘Samaṇaṃ khalu, bho, gotamaṃ rājā māgadho seniyo bimbisāro saputto sabhariyo sapariso sāmacco pāṇehi saraṇaṃ gato…pe…
‘‘สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ ราชา ปเสนทิ โกสโล สปุโตฺต สภริโย สปริโส สามโจฺจ ปาเณหิ สรณํ คโต…เป.…
‘‘Samaṇaṃ khalu, bho, gotamaṃ rājā pasenadi kosalo saputto sabhariyo sapariso sāmacco pāṇehi saraṇaṃ gato…pe…
‘‘สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ สปุโตฺต สภริโย สปริโส สามโจฺจ ปาเณหิ สรณํ คโต…เป.…
‘‘Samaṇaṃ khalu, bho, gotamaṃ brāhmaṇo pokkharasāti saputto sabhariyo sapariso sāmacco pāṇehi saraṇaṃ gato…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม รโญฺญ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo rañño māgadhassa seniyassa bimbisārassa sakkato garukato mānito pūjito apacito…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo rañño pasenadissa kosalassa sakkato garukato mānito pūjito apacito…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต…เป.…
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo brāhmaṇassa pokkharasātissa sakkato garukato mānito pūjito apacito…pe…
‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม จมฺปํ อนุปฺปโตฺต, จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเรฯ เย โข ปน, โภ, เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อมฺหากํ คามเขตฺตํ อาคจฺฉนฺติ อติถี โน เต โหนฺติฯ อติถี โข ปนเมฺหหิ สกฺกาตพฺพา ครุกาตพฺพา มาเนตพฺพา ปูเชตพฺพา อปเจตพฺพาฯ ยมฺปิ, โภ, สมโณ โคตโม จมฺปํ อนุปฺปโตฺต จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร, อติถิมฺหากํ สมโณ โคตโม; อติถิ โข ปนเมฺหหิ สกฺกาตโพฺพ ครุกาตโพฺพ มาเนตโพฺพ ปูเชตโพฺพ อปเจตโพฺพฯ อิมินาปเงฺคน น อรหติ โส ภวํ โคตโม อมฺหากํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ อถ โข มยเมว อรหาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ เอตฺตเก โข อหํ, โภ, ตสฺส โภโต โคตมสฺส วเณฺณ ปริยาปุณามิ, โน จ โข โส ภวํ โคตโม เอตฺตกวโณฺณฯ อปริมาณวโณฺณ หิ โส ภวํ โคตโม’’ติฯ
‘‘Samaṇo khalu, bho, gotamo campaṃ anuppatto, campāyaṃ viharati gaggarāya pokkharaṇiyā tīre. Ye kho pana, bho, keci samaṇā vā brāhmaṇā vā amhākaṃ gāmakhettaṃ āgacchanti atithī no te honti. Atithī kho panamhehi sakkātabbā garukātabbā mānetabbā pūjetabbā apacetabbā. Yampi, bho, samaṇo gotamo campaṃ anuppatto campāyaṃ viharati gaggarāya pokkharaṇiyā tīre, atithimhākaṃ samaṇo gotamo; atithi kho panamhehi sakkātabbo garukātabbo mānetabbo pūjetabbo apacetabbo. Imināpaṅgena na arahati so bhavaṃ gotamo amhākaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ. Atha kho mayameva arahāma taṃ bhavantaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ. Ettake kho ahaṃ, bho, tassa bhoto gotamassa vaṇṇe pariyāpuṇāmi, no ca kho so bhavaṃ gotamo ettakavaṇṇo. Aparimāṇavaṇṇo hi so bhavaṃ gotamo’’ti.
๓๐๕. เอวํ วุเตฺต, เต พฺราหฺมณา โสณทณฺฑํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจุํ – ‘‘ยถา โข ภวํ โสณทโณฺฑ สมณสฺส โคตมสฺส วเณฺณ ภาสติ อิโต เจปิ โส ภวํ โคตโม โยชนสเต วิหรติ, อลเมว สเทฺธน กุลปุเตฺตน ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ อปิ ปุโฎเสนา’’ติฯ ‘‘เตน หิ, โภ, สเพฺพว มยํ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสามา’’ติฯ
305. Evaṃ vutte, te brāhmaṇā soṇadaṇḍaṃ brāhmaṇaṃ etadavocuṃ – ‘‘yathā kho bhavaṃ soṇadaṇḍo samaṇassa gotamassa vaṇṇe bhāsati ito cepi so bhavaṃ gotamo yojanasate viharati, alameva saddhena kulaputtena dassanāya upasaṅkamituṃ api puṭosenā’’ti. ‘‘Tena hi, bho, sabbeva mayaṃ samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissāmā’’ti.
โสณทณฺฑปริวิตโกฺก
Soṇadaṇḍaparivitakko
๓๐๖. อถ โข โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ มหตา พฺราหฺมณคเณน สทฺธิํ เยน คคฺครา โปกฺขรณี เตนุปสงฺกมิฯ อถ โข โสณทณฺฑสฺส พฺราหฺมณสฺส ติโรวนสณฺฑคตสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘‘อหเญฺจว โข ปน สมณํ โคตมํ ปญฺหํ ปุเจฺฉยฺยํ; ตตฺร เจ มํ สมโณ โคตโม เอวํ วเทยฺย – ‘น โข เอส, พฺราหฺมณ, ปโญฺห เอวํ ปุจฺฉิตโพฺพ, เอวํ นาเมส, พฺราหฺมณ , ปโญฺห ปุจฺฉิตโพฺพ’ติ, เตน มํ อยํ ปริสา ปริภเวยฺย – ‘พาโล โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ อพฺยโตฺต, นาสกฺขิ สมณํ โคตมํ โยนิโส ปญฺหํ ปุจฺฉิตุ’นฺติฯ ยํ โข ปนายํ ปริสา ปริภเวยฺย, ยโสปิ ตสฺส หาเยถฯ ยสฺส โข ปน ยโส หาเยถ, โภคาปิ ตสฺส หาเยยฺยุํฯ ยโสลทฺธา โข ปนมฺหากํ โภคาฯ มมเญฺจว โข ปน สมโณ โคตโม ปญฺหํ ปุเจฺฉยฺย, ตสฺส จาหํ ปญฺหสฺส เวยฺยากรเณน จิตฺตํ น อาราเธยฺยํ; ตตฺร เจ มํ สมโณ โคตโม เอวํ วเทยฺย – ‘น โข เอส, พฺราหฺมณ, ปโญฺห เอวํ พฺยากาตโพฺพ, เอวํ นาเมส, พฺราหฺมณ, ปโญฺห พฺยากาตโพฺพ’ติ, เตน มํ อยํ ปริสา ปริภเวยฺย – ‘พาโล โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ อพฺยโตฺต, นาสกฺขิ สมณสฺส โคตมสฺส ปญฺหสฺส เวยฺยากรเณน จิตฺตํ อาราเธตุ’นฺติฯ ยํ โข ปนายํ ปริสา ปริภเวยฺย, ยโสปิ ตสฺส หาเยถฯ ยสฺส โข ปน ยโส หาเยถ, โภคาปิ ตสฺส หาเยยฺยุํฯ ยโสลทฺธา โข ปนมฺหากํ โภคาฯ อหเญฺจว โข ปน เอวํ สมีปคโต สมาโน อทิสฺวาว สมณํ โคตมํ นิวเตฺตยฺยํ, เตน มํ อยํ ปริสา ปริภเวยฺย – ‘พาโล โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ อพฺยโตฺต มานถโทฺธ ภีโต จ, โน วิสหติ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ, กถญฺหิ นาม เอวํ สมีปคโต สมาโน อทิสฺวา สมณํ โคตมํ นิวตฺติสฺสตี’ติฯ ยํ โข ปนายํ ปริสา ปริภเวยฺย, ยโสปิ ตสฺส หาเยถฯ ยสฺส โข ปน ยโส หาเยถ, โภคาปิ ตสฺส หาเยยฺยุํ, ยโสลทฺธา โข ปนมฺหากํ โภคา’’ติฯ
306. Atha kho soṇadaṇḍo brāhmaṇo mahatā brāhmaṇagaṇena saddhiṃ yena gaggarā pokkharaṇī tenupasaṅkami. Atha kho soṇadaṇḍassa brāhmaṇassa tirovanasaṇḍagatassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘‘ahañceva kho pana samaṇaṃ gotamaṃ pañhaṃ puccheyyaṃ; tatra ce maṃ samaṇo gotamo evaṃ vadeyya – ‘na kho esa, brāhmaṇa, pañho evaṃ pucchitabbo, evaṃ nāmesa, brāhmaṇa , pañho pucchitabbo’ti, tena maṃ ayaṃ parisā paribhaveyya – ‘bālo soṇadaṇḍo brāhmaṇo abyatto, nāsakkhi samaṇaṃ gotamaṃ yoniso pañhaṃ pucchitu’nti. Yaṃ kho panāyaṃ parisā paribhaveyya, yasopi tassa hāyetha. Yassa kho pana yaso hāyetha, bhogāpi tassa hāyeyyuṃ. Yasoladdhā kho panamhākaṃ bhogā. Mamañceva kho pana samaṇo gotamo pañhaṃ puccheyya, tassa cāhaṃ pañhassa veyyākaraṇena cittaṃ na ārādheyyaṃ; tatra ce maṃ samaṇo gotamo evaṃ vadeyya – ‘na kho esa, brāhmaṇa, pañho evaṃ byākātabbo, evaṃ nāmesa, brāhmaṇa, pañho byākātabbo’ti, tena maṃ ayaṃ parisā paribhaveyya – ‘bālo soṇadaṇḍo brāhmaṇo abyatto, nāsakkhi samaṇassa gotamassa pañhassa veyyākaraṇena cittaṃ ārādhetu’nti. Yaṃ kho panāyaṃ parisā paribhaveyya, yasopi tassa hāyetha. Yassa kho pana yaso hāyetha, bhogāpi tassa hāyeyyuṃ. Yasoladdhā kho panamhākaṃ bhogā. Ahañceva kho pana evaṃ samīpagato samāno adisvāva samaṇaṃ gotamaṃ nivatteyyaṃ, tena maṃ ayaṃ parisā paribhaveyya – ‘bālo soṇadaṇḍo brāhmaṇo abyatto mānathaddho bhīto ca, no visahati samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ, kathañhi nāma evaṃ samīpagato samāno adisvā samaṇaṃ gotamaṃ nivattissatī’ti. Yaṃ kho panāyaṃ parisā paribhaveyya, yasopi tassa hāyetha. Yassa kho pana yaso hāyetha, bhogāpi tassa hāyeyyuṃ, yasoladdhā kho panamhākaṃ bhogā’’ti.
๓๐๗. อถ โข โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ จเมฺปยฺยกาปิ โข พฺราหฺมณคหปติกา อเปฺปกเจฺจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ; อเปฺปกเจฺจ ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิํสุ; สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ; อเปฺปกเจฺจ เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ; อเปฺปกเจฺจ นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ; อเปฺปกเจฺจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ
307. Atha kho soṇadaṇḍo brāhmaṇo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Campeyyakāpi kho brāhmaṇagahapatikā appekacce bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu; appekacce bhagavatā saddhiṃ sammodiṃsu; sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu; appekacce yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu; appekacce nāmagottaṃ sāvetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu; appekacce tuṇhībhūtā ekamantaṃ nisīdiṃsu.
๓๐๘. ตตฺรปิ สุทํ โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ เอตเทว พหุลมนุวิตเกฺกโนฺต นิสิโนฺน โหติ – ‘‘อหเญฺจว โข ปน สมณํ โคตมํ ปญฺหํ ปุเจฺฉยฺยํ; ตตฺร เจ มํ สมโณ โคตโม เอวํ วเทยฺย – ‘น โข เอส, พฺราหฺมณ, ปโญฺห เอวํ ปุจฺฉิตโพฺพ, เอวํ นาเมส, พฺราหฺมณ, ปโญฺห ปุจฺฉิตโพฺพ’ติ, เตน มํ อยํ ปริสา ปริภเวยฺย – ‘พาโล โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ อพฺยโตฺต, นาสกฺขิ สมณํ โคตมํ โยนิโส ปญฺหํ ปุจฺฉิตุ’นฺติฯ ยํ โข ปนายํ ปริสา ปริภเวยฺย, ยโสปิ ตสฺส หาเยถฯ ยสฺส โข ปน ยโส หาเยถ, โภคาปิ ตสฺส หาเยยฺยุํฯ ยโสลทฺธา โข ปนมฺหากํ โภคาฯ มมเญฺจว โข ปน สมโณ โคตโม ปญฺหํ ปุเจฺฉยฺย, ตสฺส จาหํ ปญฺหสฺส เวยฺยากรเณน จิตฺตํ น อาราเธยฺยํ; ตตฺร เจ มํ สมโณ โคตโม เอวํ วเทยฺย – ‘น โข เอส, พฺราหฺมณ, ปโญฺห เอวํ พฺยากาตโพฺพ, เอวํ นาเมส, พฺราหฺมณ, ปโญฺห พฺยากาตโพฺพ’ติ, เตน มํ อยํ ปริสา ปริภเวยฺย – ‘พาโล โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ อพฺยโตฺต, นาสกฺขิ สมณสฺส โคตมสฺส ปญฺหสฺส เวยฺยากรเณน จิตฺตํ อาราเธตุ’นฺติฯ ยํ โข ปนายํ ปริสา ปริภเวยฺย, ยโสปิ ตสฺส หาเยถฯ ยสฺส โข ปน ยโส หาเยถ, โภคาปิ ตสฺส หาเยยฺยุํฯ ยโสลทฺธา โข ปนมฺหากํ โภคาฯ อโห วต มํ สมโณ โคตโม สเก อาจริยเก เตวิชฺชเก ปญฺหํ ปุเจฺฉยฺย, อทฺธา วตสฺสาหํ จิตฺตํ อาราเธยฺยํ ปญฺหสฺส เวยฺยากรเณนา’’ติฯ
308. Tatrapi sudaṃ soṇadaṇḍo brāhmaṇo etadeva bahulamanuvitakkento nisinno hoti – ‘‘ahañceva kho pana samaṇaṃ gotamaṃ pañhaṃ puccheyyaṃ; tatra ce maṃ samaṇo gotamo evaṃ vadeyya – ‘na kho esa, brāhmaṇa, pañho evaṃ pucchitabbo, evaṃ nāmesa, brāhmaṇa, pañho pucchitabbo’ti, tena maṃ ayaṃ parisā paribhaveyya – ‘bālo soṇadaṇḍo brāhmaṇo abyatto, nāsakkhi samaṇaṃ gotamaṃ yoniso pañhaṃ pucchitu’nti. Yaṃ kho panāyaṃ parisā paribhaveyya, yasopi tassa hāyetha. Yassa kho pana yaso hāyetha, bhogāpi tassa hāyeyyuṃ. Yasoladdhā kho panamhākaṃ bhogā. Mamañceva kho pana samaṇo gotamo pañhaṃ puccheyya, tassa cāhaṃ pañhassa veyyākaraṇena cittaṃ na ārādheyyaṃ; tatra ce maṃ samaṇo gotamo evaṃ vadeyya – ‘na kho esa, brāhmaṇa, pañho evaṃ byākātabbo, evaṃ nāmesa, brāhmaṇa, pañho byākātabbo’ti, tena maṃ ayaṃ parisā paribhaveyya – ‘bālo soṇadaṇḍo brāhmaṇo abyatto, nāsakkhi samaṇassa gotamassa pañhassa veyyākaraṇena cittaṃ ārādhetu’nti. Yaṃ kho panāyaṃ parisā paribhaveyya, yasopi tassa hāyetha. Yassa kho pana yaso hāyetha, bhogāpi tassa hāyeyyuṃ. Yasoladdhā kho panamhākaṃ bhogā. Aho vata maṃ samaṇo gotamo sake ācariyake tevijjake pañhaṃ puccheyya, addhā vatassāhaṃ cittaṃ ārādheyyaṃ pañhassa veyyākaraṇenā’’ti.
พฺราหฺมณปญฺญตฺติ
Brāhmaṇapaññatti
๓๐๙. อถ โข ภควโต โสณทณฺฑสฺส พฺราหฺมณสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย เอตทโหสิ – ‘‘วิหญฺญติ โข อยํ โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ สเกน จิเตฺตนฯ ยํนูนาหํ โสณทณฺฑํ พฺราหฺมณํ สเก อาจริยเก เตวิชฺชเก ปญฺหํ ปุเจฺฉยฺย’’นฺติฯ อถ โข ภควา โสณทณฺฑํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘กติหิ ปน, พฺราหฺมณ, อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ ปญฺญเปนฺติ; ‘พฺราหฺมโณสฺมี’ติ จ วทมาโน สมฺมา วเทยฺย, น จ ปน มุสาวาทํ อาปเชฺชยฺยา’’ติ?
309. Atha kho bhagavato soṇadaṇḍassa brāhmaṇassa cetasā cetoparivitakkamaññāya etadahosi – ‘‘vihaññati kho ayaṃ soṇadaṇḍo brāhmaṇo sakena cittena. Yaṃnūnāhaṃ soṇadaṇḍaṃ brāhmaṇaṃ sake ācariyake tevijjake pañhaṃ puccheyya’’nti. Atha kho bhagavā soṇadaṇḍaṃ brāhmaṇaṃ etadavoca – ‘‘katihi pana, brāhmaṇa, aṅgehi samannāgataṃ brāhmaṇā brāhmaṇaṃ paññapenti; ‘brāhmaṇosmī’ti ca vadamāno sammā vadeyya, na ca pana musāvādaṃ āpajjeyyā’’ti?
๓๑๐. อถ โข โสณทณฺฑสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ยํ วต โน อโหสิ อิจฺฉิตํ, ยํ อากงฺขิตํ, ยํ อธิเปฺปตํ, ยํ อภิปตฺถิตํ – ‘อโห วต มํ สมโณ โคตโม สเก อาจริยเก เตวิชฺชเก ปญฺหํ ปุเจฺฉยฺย, อทฺธา วตสฺสาหํ จิตฺตํ อาราเธยฺยํ ปญฺหสฺส เวยฺยากรเณนา’ติ, ตตฺร มํ สมโณ โคตโม สเก อาจริยเก เตวิชฺชเก ปญฺหํ ปุจฺฉติฯ อทฺธา วตสฺสาหํ จิตฺตํ อาราเธสฺสามิ ปญฺหสฺส เวยฺยากรเณนา’’ติฯ
310. Atha kho soṇadaṇḍassa brāhmaṇassa etadahosi – ‘‘yaṃ vata no ahosi icchitaṃ, yaṃ ākaṅkhitaṃ, yaṃ adhippetaṃ, yaṃ abhipatthitaṃ – ‘aho vata maṃ samaṇo gotamo sake ācariyake tevijjake pañhaṃ puccheyya, addhā vatassāhaṃ cittaṃ ārādheyyaṃ pañhassa veyyākaraṇenā’ti, tatra maṃ samaṇo gotamo sake ācariyake tevijjake pañhaṃ pucchati. Addhā vatassāhaṃ cittaṃ ārādhessāmi pañhassa veyyākaraṇenā’’ti.
๓๑๑. อถ โข โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ อพฺภุนฺนาเมตฺวา กายํ อนุวิโลเกตฺวา ปริสํ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปญฺจหิ, โภ โคตม, อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ ปญฺญเปนฺติ; ‘พฺราหฺมโณสฺมี’ติ จ วทมาโน สมฺมา วเทยฺย, น จ ปน มุสาวาทํ อาปเชฺชยฺยฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อิธ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต โหติ มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทน; อชฺฌายโก โหติ มนฺตธโร ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฎุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย; อภิรูโป โหติ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต พฺรหฺมวณฺณี พฺรหฺมวจฺฉสี อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนาย; สีลวา โหติ วุทฺธสีลี วุทฺธสีเลน สมนฺนาคโต; ปณฺฑิโต จ โหติ เมธาวี ปฐโม วา ทุติโย วา สุชํ ปคฺคณฺหนฺตานํฯ อิเมหิ โข, โภ โคตม, ปญฺจหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ ปญฺญเปนฺติ; ‘พฺราหฺมโณสฺมี’ติ จ วทมาโน สมฺมา วเทยฺย, น จ ปน มุสาวาทํ อาปเชฺชยฺยา’’ติฯ
311. Atha kho soṇadaṇḍo brāhmaṇo abbhunnāmetvā kāyaṃ anuviloketvā parisaṃ bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘pañcahi, bho gotama, aṅgehi samannāgataṃ brāhmaṇā brāhmaṇaṃ paññapenti; ‘brāhmaṇosmī’ti ca vadamāno sammā vadeyya, na ca pana musāvādaṃ āpajjeyya. Katamehi pañcahi? Idha, bho gotama, brāhmaṇo ubhato sujāto hoti mātito ca pitito ca, saṃsuddhagahaṇiko yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena; ajjhāyako hoti mantadharo tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū sanighaṇḍukeṭubhānaṃ sākkharappabhedānaṃ itihāsapañcamānaṃ padako veyyākaraṇo lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu anavayo; abhirūpo hoti dassanīyo pāsādiko paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgato brahmavaṇṇī brahmavacchasī akhuddāvakāso dassanāya; sīlavā hoti vuddhasīlī vuddhasīlena samannāgato; paṇḍito ca hoti medhāvī paṭhamo vā dutiyo vā sujaṃ paggaṇhantānaṃ. Imehi kho, bho gotama, pañcahi aṅgehi samannāgataṃ brāhmaṇā brāhmaṇaṃ paññapenti; ‘brāhmaṇosmī’ti ca vadamāno sammā vadeyya, na ca pana musāvādaṃ āpajjeyyā’’ti.
‘‘อิเมสํ ปน, พฺราหฺมณ, ปญฺจนฺนํ องฺคานํ สกฺกา เอกํ องฺคํ ฐปยิตฺวา จตูหเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ ปญฺญเปตุํ; ‘พฺราหฺมโณสฺมี’ติ จ วทมาโน สมฺมา วเทยฺย, น จ ปน มุสาวาทํ อาปเชฺชยฺยา’’ติ? ‘‘สกฺกา , โภ โคตมฯ อิเมสญฺหิ, โภ โคตม, ปญฺจนฺนํ องฺคานํ วณฺณํ ฐปยามฯ กิญฺหิ วโณฺณ กริสฺสติ? ยโต โข, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต โหติ มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทน; อชฺฌายโก จ โหติ มนฺตธโร จ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฎุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย; สีลวา จ โหติ วุทฺธสีลี วุทฺธสีเลน สมนฺนาคโต; ปณฺฑิโต จ โหติ เมธาวี ปฐโม วา ทุติโย วา สุชํ ปคฺคณฺหนฺตานํฯ อิเมหิ โข โภ โคตม จตูหเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ ปญฺญเปนฺติ; ‘พฺราหฺมโณสฺมี’ติ จ วทมาโน สมฺมา วเทยฺย, น จ ปน มุสาวาทํ อาปเชฺชยฺยา’’ติฯ
‘‘Imesaṃ pana, brāhmaṇa, pañcannaṃ aṅgānaṃ sakkā ekaṃ aṅgaṃ ṭhapayitvā catūhaṅgehi samannāgataṃ brāhmaṇā brāhmaṇaṃ paññapetuṃ; ‘brāhmaṇosmī’ti ca vadamāno sammā vadeyya, na ca pana musāvādaṃ āpajjeyyā’’ti? ‘‘Sakkā , bho gotama. Imesañhi, bho gotama, pañcannaṃ aṅgānaṃ vaṇṇaṃ ṭhapayāma. Kiñhi vaṇṇo karissati? Yato kho, bho gotama, brāhmaṇo ubhato sujāto hoti mātito ca pitito ca saṃsuddhagahaṇiko yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena; ajjhāyako ca hoti mantadharo ca tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū sanighaṇḍukeṭubhānaṃ sākkharappabhedānaṃ itihāsapañcamānaṃ padako veyyākaraṇo lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu anavayo; sīlavā ca hoti vuddhasīlī vuddhasīlena samannāgato; paṇḍito ca hoti medhāvī paṭhamo vā dutiyo vā sujaṃ paggaṇhantānaṃ. Imehi kho bho gotama catūhaṅgehi samannāgataṃ brāhmaṇā brāhmaṇaṃ paññapenti; ‘brāhmaṇosmī’ti ca vadamāno sammā vadeyya, na ca pana musāvādaṃ āpajjeyyā’’ti.
๓๑๒. ‘‘อิเมสํ ปน, พฺราหฺมณ, จตุนฺนํ องฺคานํ สกฺกา เอกํ องฺคํ ฐปยิตฺวา ตีหเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ ปญฺญเปตุํ; ‘พฺราหฺมโณสฺมี’ติ จ วทมาโน สมฺมา วเทยฺย, น จ ปน มุสาวาทํ อาปเชฺชยฺยา’’ติ? ‘‘สกฺกา, โภ โคตมฯ อิเมสญฺหิ, โภ โคตม, จตุนฺนํ องฺคานํ มเนฺต ฐปยามฯ กิญฺหิ มนฺตา กริสฺสนฺติ? ยโต โข, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต โหติ มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทน; สีลวา จ โหติ วุทฺธสีลี วุทฺธสีเลน สมนฺนาคโต; ปณฺฑิโต จ โหติ เมธาวี ปฐโม วา ทุติโย วา สุชํ ปคฺคณฺหนฺตานํฯ อิเมหิ โข, โภ โคตม, ตีหเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ ปญฺญเปนฺติ; ‘พฺราหฺมโณสฺมี’ติ จ วทมาโน สมฺมา วเทยฺย, น จ ปน มุสาวาทํ อาปเชฺชยฺยา’’ติฯ
312. ‘‘Imesaṃ pana, brāhmaṇa, catunnaṃ aṅgānaṃ sakkā ekaṃ aṅgaṃ ṭhapayitvā tīhaṅgehi samannāgataṃ brāhmaṇā brāhmaṇaṃ paññapetuṃ; ‘brāhmaṇosmī’ti ca vadamāno sammā vadeyya, na ca pana musāvādaṃ āpajjeyyā’’ti? ‘‘Sakkā, bho gotama. Imesañhi, bho gotama, catunnaṃ aṅgānaṃ mante ṭhapayāma. Kiñhi mantā karissanti? Yato kho, bho gotama, brāhmaṇo ubhato sujāto hoti mātito ca pitito ca saṃsuddhagahaṇiko yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena; sīlavā ca hoti vuddhasīlī vuddhasīlena samannāgato; paṇḍito ca hoti medhāvī paṭhamo vā dutiyo vā sujaṃ paggaṇhantānaṃ. Imehi kho, bho gotama, tīhaṅgehi samannāgataṃ brāhmaṇā brāhmaṇaṃ paññapenti; ‘brāhmaṇosmī’ti ca vadamāno sammā vadeyya, na ca pana musāvādaṃ āpajjeyyā’’ti.
‘‘อิเมสํ ปน, พฺราหฺมณ, ติณฺณํ องฺคานํ สกฺกา เอกํ องฺคํ ฐปยิตฺวา ทฺวีหเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ ปญฺญเปตุํ; ‘พฺราหฺมโณสฺมี’ติ จ วทมาโน สมฺมา วเทยฺย, น จ ปน มุสาวาทํ อาปเชฺชยฺยา’’ติ? ‘‘สกฺกา, โภ โคตมฯ อิเมสญฺหิ, โภ โคตม, ติณฺณํ องฺคานํ ชาติํ ฐปยามฯ กิญฺหิ ชาติ กริสฺสติ? ยโต โข, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ สีลวา โหติ วุทฺธสีลี วุทฺธสีเลน สมนฺนาคโต; ปณฺฑิโต จ โหติ เมธาวี ปฐโม วา ทุติโย วา สุชํ ปคฺคณฺหนฺตานํฯ อิเมหิ โข, โภ โคตม, ทฺวีหเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ ปญฺญเปนฺติ; ‘พฺราหฺมโณสฺมี’ติ จ วทมาโน สมฺมา วเทยฺย, น จ ปน มุสาวาทํ อาปเชฺชยฺยา’’ติฯ
‘‘Imesaṃ pana, brāhmaṇa, tiṇṇaṃ aṅgānaṃ sakkā ekaṃ aṅgaṃ ṭhapayitvā dvīhaṅgehi samannāgataṃ brāhmaṇā brāhmaṇaṃ paññapetuṃ; ‘brāhmaṇosmī’ti ca vadamāno sammā vadeyya, na ca pana musāvādaṃ āpajjeyyā’’ti? ‘‘Sakkā, bho gotama. Imesañhi, bho gotama, tiṇṇaṃ aṅgānaṃ jātiṃ ṭhapayāma. Kiñhi jāti karissati? Yato kho, bho gotama, brāhmaṇo sīlavā hoti vuddhasīlī vuddhasīlena samannāgato; paṇḍito ca hoti medhāvī paṭhamo vā dutiyo vā sujaṃ paggaṇhantānaṃ. Imehi kho, bho gotama, dvīhaṅgehi samannāgataṃ brāhmaṇā brāhmaṇaṃ paññapenti; ‘brāhmaṇosmī’ti ca vadamāno sammā vadeyya, na ca pana musāvādaṃ āpajjeyyā’’ti.
๓๑๓. เอวํ วุเตฺต, เต พฺราหฺมณา โสณทณฺฑํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจุํ – ‘‘มา ภวํ โสณทโณฺฑ เอวํ อวจ, มา ภวํ โสณทโณฺฑ เอวํ อวจฯ อปวทเตว ภวํ โสณทโณฺฑ วณฺณํ, อปวทติ มเนฺต, อปวทติ ชาติํ เอกํเสนฯ ภวํ โสณทโณฺฑ สมณเสฺสว โคตมสฺส วาทํ อนุปกฺขนฺทตี’’ติฯ
313. Evaṃ vutte, te brāhmaṇā soṇadaṇḍaṃ brāhmaṇaṃ etadavocuṃ – ‘‘mā bhavaṃ soṇadaṇḍo evaṃ avaca, mā bhavaṃ soṇadaṇḍo evaṃ avaca. Apavadateva bhavaṃ soṇadaṇḍo vaṇṇaṃ, apavadati mante, apavadati jātiṃ ekaṃsena. Bhavaṃ soṇadaṇḍo samaṇasseva gotamassa vādaṃ anupakkhandatī’’ti.
๓๑๔. อถ โข ภควา เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ – ‘‘สเจ โข ตุมฺหากํ พฺราหฺมณานํ เอวํ โหติ – ‘อปฺปสฺสุโต จ โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ, อกลฺยาณวากฺกรโณ จ โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ, ทุปฺปโญฺญ จ โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ, น จ ปโหติ โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ สมเณน โคตเมน สทฺธิํ อสฺมิํ วจเน ปฎิมเนฺตตุ’นฺติ, ติฎฺฐตุ โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ, ตุเมฺห มยา สทฺธิํ มนฺตโวฺห อสฺมิํ วจเนฯ สเจ ปน ตุมฺหากํ พฺราหฺมณานํ เอวํ โหติ – ‘พหุสฺสุโต จ โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ, กลฺยาณวากฺกรโณ จ โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ, ปณฺฑิโต จ โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ, ปโหติ จ โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ สมเณน โคตเมน สทฺธิํ อสฺมิํ วจเน ปฎิมเนฺตตุ’นฺติ, ติฎฺฐถ ตุเมฺห, โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ มยา สทฺธิํ ปฎิมเนฺตตู’’ติฯ
314. Atha kho bhagavā te brāhmaṇe etadavoca – ‘‘sace kho tumhākaṃ brāhmaṇānaṃ evaṃ hoti – ‘appassuto ca soṇadaṇḍo brāhmaṇo, akalyāṇavākkaraṇo ca soṇadaṇḍo brāhmaṇo, duppañño ca soṇadaṇḍo brāhmaṇo, na ca pahoti soṇadaṇḍo brāhmaṇo samaṇena gotamena saddhiṃ asmiṃ vacane paṭimantetu’nti, tiṭṭhatu soṇadaṇḍo brāhmaṇo, tumhe mayā saddhiṃ mantavho asmiṃ vacane. Sace pana tumhākaṃ brāhmaṇānaṃ evaṃ hoti – ‘bahussuto ca soṇadaṇḍo brāhmaṇo, kalyāṇavākkaraṇo ca soṇadaṇḍo brāhmaṇo, paṇḍito ca soṇadaṇḍo brāhmaṇo, pahoti ca soṇadaṇḍo brāhmaṇo samaṇena gotamena saddhiṃ asmiṃ vacane paṭimantetu’nti, tiṭṭhatha tumhe, soṇadaṇḍo brāhmaṇo mayā saddhiṃ paṭimantetū’’ti.
๓๑๕. เอวํ วุเตฺต, โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ติฎฺฐตุ ภวํ โคตโม, ตุณฺหี ภวํ โคตโม โหตุ, อหเมว เตสํ สหธเมฺมน ปฎิวจนํ กริสฺสามี’’ติฯ อถ โข โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ – ‘‘มา ภวโนฺต เอวํ อวจุตฺถ, มา ภวโนฺต เอวํ อวจุตฺถ – ‘อปวทเตว ภวํ โสณทโณฺฑ วณฺณํ, อปวทติ มเนฺต, อปวทติ ชาติํ เอกํเสนฯ ภวํ โสณทโณฺฑ สมณเสฺสว โคตมสฺส วาทํ อนุปกฺขนฺทตี’ติฯ นาหํ, โภ, อปวทามิ วณฺณํ วา มเนฺต วา ชาติํ วา’’ติฯ
315. Evaṃ vutte, soṇadaṇḍo brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘tiṭṭhatu bhavaṃ gotamo, tuṇhī bhavaṃ gotamo hotu, ahameva tesaṃ sahadhammena paṭivacanaṃ karissāmī’’ti. Atha kho soṇadaṇḍo brāhmaṇo te brāhmaṇe etadavoca – ‘‘mā bhavanto evaṃ avacuttha, mā bhavanto evaṃ avacuttha – ‘apavadateva bhavaṃ soṇadaṇḍo vaṇṇaṃ, apavadati mante, apavadati jātiṃ ekaṃsena. Bhavaṃ soṇadaṇḍo samaṇasseva gotamassa vādaṃ anupakkhandatī’ti. Nāhaṃ, bho, apavadāmi vaṇṇaṃ vā mante vā jātiṃ vā’’ti.
๓๑๖. เตน โข ปน สมเยน โสณทณฺฑสฺส พฺราหฺมณสฺส ภาคิเนโยฺย องฺคโก นาม มาณวโก ตสฺสํ ปริสายํ นิสิโนฺน โหติฯ อถ โข โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ – ‘‘ปสฺสนฺติ โน โภโนฺต อิมํ องฺคกํ มาณวกํ อมฺหากํ ภาคิเนยฺย’’นฺติ? ‘‘เอวํ, โภ’’ฯ ‘‘องฺคโก โข, โภ, มาณวโก อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต พฺรหฺมวณฺณี พฺรหฺมวจฺฉสี อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนาย, นาสฺส อิมิสฺสํ ปริสายํ สมสโม อตฺถิ วเณฺณน ฐเปตฺวา สมณํ โคตมํฯ องฺคโก โข มาณวโก อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฎุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโยฯ อหมสฺส มเนฺต วาเจตาฯ องฺคโก โข มาณวโก อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทนฯ อหมสฺส มาตาปิตโร ชานามิฯ องฺคโก โข มาณวโก ปาณมฺปิ หเนยฺย, อทินฺนมฺปิ อาทิเยยฺย , ปรทารมฺปิ คเจฺฉยฺย, มุสาวาทมฺปิ ภเณยฺย, มชฺชมฺปิ ปิเวยฺย, เอตฺถ ทานิ, โภ, กิํ วโณฺณ กริสฺสติ, กิํ มนฺตา, กิํ ชาติ? ยโต โข, โภ, พฺราหฺมโณ สีลวา จ โหติ วุทฺธสีลี วุทฺธสีเลน สมนฺนาคโต, ปณฺฑิโต จ โหติ เมธาวี ปฐโม วา ทุติโย วา สุชํ ปคฺคณฺหนฺตานํฯ อิเมหิ โข, โภ, ทฺวีหเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ ปญฺญเปนฺติ; ‘พฺราหฺมโณสฺมี’ติ จ วทมาโน สมฺมา วเทยฺย, น จ ปน มุสาวาทํ อาปเชฺชยฺยา’’ติฯ
316. Tena kho pana samayena soṇadaṇḍassa brāhmaṇassa bhāgineyyo aṅgako nāma māṇavako tassaṃ parisāyaṃ nisinno hoti. Atha kho soṇadaṇḍo brāhmaṇo te brāhmaṇe etadavoca – ‘‘passanti no bhonto imaṃ aṅgakaṃ māṇavakaṃ amhākaṃ bhāgineyya’’nti? ‘‘Evaṃ, bho’’. ‘‘Aṅgako kho, bho, māṇavako abhirūpo dassanīyo pāsādiko paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgato brahmavaṇṇī brahmavacchasī akhuddāvakāso dassanāya, nāssa imissaṃ parisāyaṃ samasamo atthi vaṇṇena ṭhapetvā samaṇaṃ gotamaṃ. Aṅgako kho māṇavako ajjhāyako mantadharo, tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū sanighaṇḍukeṭubhānaṃ sākkharappabhedānaṃ itihāsapañcamānaṃ padako veyyākaraṇo lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu anavayo. Ahamassa mante vācetā. Aṅgako kho māṇavako ubhato sujāto mātito ca pitito ca saṃsuddhagahaṇiko yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena. Ahamassa mātāpitaro jānāmi. Aṅgako kho māṇavako pāṇampi haneyya, adinnampi ādiyeyya , paradārampi gaccheyya, musāvādampi bhaṇeyya, majjampi piveyya, ettha dāni, bho, kiṃ vaṇṇo karissati, kiṃ mantā, kiṃ jāti? Yato kho, bho, brāhmaṇo sīlavā ca hoti vuddhasīlī vuddhasīlena samannāgato, paṇḍito ca hoti medhāvī paṭhamo vā dutiyo vā sujaṃ paggaṇhantānaṃ. Imehi kho, bho, dvīhaṅgehi samannāgataṃ brāhmaṇā brāhmaṇaṃ paññapenti; ‘brāhmaṇosmī’ti ca vadamāno sammā vadeyya, na ca pana musāvādaṃ āpajjeyyā’’ti.
สีลปญฺญากถา
Sīlapaññākathā
๓๑๗. ‘‘อิเมสํ ปน, พฺราหฺมณ, ทฺวินฺนํ องฺคานํ สกฺกา เอกํ องฺคํ ฐปยิตฺวา เอเกน อเงฺคน สมนฺนาคตํ พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ ปญฺญเปตุํ; ‘พฺราหฺมโณสฺมี’ติ จ วทมาโน สมฺมา วเทยฺย, น จ ปน มุสาวาทํ อาปเชฺชยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตมฯ สีลปริโธตา หิ, โภ โคตม, ปญฺญา; ปญฺญาปริโธตํ สีลํฯ ยตฺถ สีลํ ตตฺถ ปญฺญา, ยตฺถ ปญฺญา ตตฺถ สีลํฯ สีลวโต ปญฺญา, ปญฺญวโต สีลํฯ สีลปญฺญาณญฺจ ปน โลกสฺมิํ อคฺคมกฺขายติฯ เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, หเตฺถน วา หตฺถํ โธเวยฺย, ปาเทน วา ปาทํ โธเวยฺย; เอวเมว โข, โภ โคตม, สีลปริโธตา ปญฺญา, ปญฺญาปริโธตํ สีลํฯ ยตฺถ สีลํ ตตฺถ ปญฺญา, ยตฺถ ปญฺญา ตตฺถ สีลํฯ สีลวโต ปญฺญา, ปญฺญวโต สีลํฯ สีลปญฺญาณญฺจ ปน โลกสฺมิํ อคฺคมกฺขายตี’’ติฯ ‘‘เอวเมตํ, พฺราหฺมณ, เอวเมตํ, พฺราหฺมณ, สีลปริโธตา หิ, พฺราหฺมณ, ปญฺญา, ปญฺญาปริโธตํ สีลํฯ ยตฺถ สีลํ ตตฺถ ปญฺญา, ยตฺถ ปญฺญา ตตฺถ สีลํฯ สีลวโต ปญฺญา, ปญฺญวโต สีลํฯ สีลปญฺญาณญฺจ ปน โลกสฺมิํ อคฺคมกฺขายติฯ เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, หเตฺถน วา หตฺถํ โธเวยฺย, ปาเทน วา ปาทํ โธเวยฺย; เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, สีลปริโธตา ปญฺญา, ปญฺญาปริโธตํ สีลํฯ ยตฺถ สีลํ ตตฺถ ปญฺญา, ยตฺถ ปญฺญา ตตฺถ สีลํฯ สีลวโต ปญฺญา, ปญฺญวโต สีลํฯ สีลปญฺญาณญฺจ ปน โลกสฺมิํ อคฺคมกฺขายติ ฯ
317. ‘‘Imesaṃ pana, brāhmaṇa, dvinnaṃ aṅgānaṃ sakkā ekaṃ aṅgaṃ ṭhapayitvā ekena aṅgena samannāgataṃ brāhmaṇā brāhmaṇaṃ paññapetuṃ; ‘brāhmaṇosmī’ti ca vadamāno sammā vadeyya, na ca pana musāvādaṃ āpajjeyyā’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama. Sīlaparidhotā hi, bho gotama, paññā; paññāparidhotaṃ sīlaṃ. Yattha sīlaṃ tattha paññā, yattha paññā tattha sīlaṃ. Sīlavato paññā, paññavato sīlaṃ. Sīlapaññāṇañca pana lokasmiṃ aggamakkhāyati. Seyyathāpi, bho gotama, hatthena vā hatthaṃ dhoveyya, pādena vā pādaṃ dhoveyya; evameva kho, bho gotama, sīlaparidhotā paññā, paññāparidhotaṃ sīlaṃ. Yattha sīlaṃ tattha paññā, yattha paññā tattha sīlaṃ. Sīlavato paññā, paññavato sīlaṃ. Sīlapaññāṇañca pana lokasmiṃ aggamakkhāyatī’’ti. ‘‘Evametaṃ, brāhmaṇa, evametaṃ, brāhmaṇa, sīlaparidhotā hi, brāhmaṇa, paññā, paññāparidhotaṃ sīlaṃ. Yattha sīlaṃ tattha paññā, yattha paññā tattha sīlaṃ. Sīlavato paññā, paññavato sīlaṃ. Sīlapaññāṇañca pana lokasmiṃ aggamakkhāyati. Seyyathāpi, brāhmaṇa, hatthena vā hatthaṃ dhoveyya, pādena vā pādaṃ dhoveyya; evameva kho, brāhmaṇa, sīlaparidhotā paññā, paññāparidhotaṃ sīlaṃ. Yattha sīlaṃ tattha paññā, yattha paññā tattha sīlaṃ. Sīlavato paññā, paññavato sīlaṃ. Sīlapaññāṇañca pana lokasmiṃ aggamakkhāyati .
๓๑๘. ‘‘กตมํ ปน ตํ, พฺราหฺมณ, สีลํ? กตมา สา ปญฺญา’’ติ? ‘‘เอตฺตกปรมาว มยํ, โภ โคตม, เอตสฺมิํ อเตฺถฯ สาธุ วต ภวนฺตํเยว โคตมํ ปฎิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ’’ติฯ ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, สุโณหิ; สาธุกํ มนสิกโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘อิธ, พฺราหฺมณ, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ…เป.… (ยถา ๑๙๐-๒๑๒ อนุเจฺฉเทสุ ตถา วิตฺถาเรตพฺพํ)ฯ เอวํ โข, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ สีลสมฺปโนฺน โหติฯ อิทํ โข ตํ, พฺราหฺมณ, สีลํ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป.… ทุติยํ ฌานํ…เป.… ตติยํ ฌานํ…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป.… ญาณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรติ, อภินินฺนาเมติฯ อิทมฺปิสฺส โหติ ปญฺญาย…เป.… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ, อิทมฺปิสฺส โหติ ปญฺญาย อยํ โข สา, พฺราหฺมณ, ปญฺญา’’ติฯ
318. ‘‘Katamaṃ pana taṃ, brāhmaṇa, sīlaṃ? Katamā sā paññā’’ti? ‘‘Ettakaparamāva mayaṃ, bho gotama, etasmiṃ atthe. Sādhu vata bhavantaṃyeva gotamaṃ paṭibhātu etassa bhāsitassa attho’’ti. ‘‘Tena hi, brāhmaṇa, suṇohi; sādhukaṃ manasikarohi; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho soṇadaṇḍo brāhmaṇo bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca – ‘‘idha, brāhmaṇa, tathāgato loke uppajjati arahaṃ sammāsambuddho…pe… (yathā 190-212 anucchedesu tathā vitthāretabbaṃ). Evaṃ kho, brāhmaṇa, bhikkhu sīlasampanno hoti. Idaṃ kho taṃ, brāhmaṇa, sīlaṃ…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati…pe… dutiyaṃ jhānaṃ…pe… tatiyaṃ jhānaṃ…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati…pe… ñāṇadassanāya cittaṃ abhinīharati, abhininnāmeti. Idampissa hoti paññāya…pe… nāparaṃ itthattāyāti pajānāti, idampissa hoti paññāya ayaṃ kho sā, brāhmaṇa, paññā’’ti.
โสณทณฺฑอุปาสกตฺตปฎิเวทนา
Soṇadaṇḍaupāsakattapaṭivedanā
๓๑๙. เอวํ วุเตฺต, โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ , โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม ฯ เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย, ‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมญฺจ, ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คตํ ฯ อธิวาเสตุ จ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ
319. Evaṃ vutte, soṇadaṇḍo brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ , bho gotama, abhikkantaṃ, bho gotama . Seyyathāpi, bho gotama, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya, ‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’ti; evamevaṃ bhotā gotamena anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ bhavantaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gacchāmi, dhammañca, bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gataṃ . Adhivāsetu ca me bhavaṃ gotamo svātanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena.
๓๒๐. อถ โข โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อถ โข โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ – ‘‘กาโล, โภ โคตม, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน เยน โสณทณฺฑสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปสิ สมฺปวาเรสิฯ
320. Atha kho soṇadaṇḍo brāhmaṇo bhagavato adhivāsanaṃ viditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Atha kho soṇadaṇḍo brāhmaṇo tassā rattiyā accayena sake nivesane paṇītaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyādāpetvā bhagavato kālaṃ ārocāpesi – ‘‘kālo, bho gotama, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya saddhiṃ bhikkhusaṅghena yena soṇadaṇḍassa brāhmaṇassa nivesanaṃ tenupasaṅkami ; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Atha kho soṇadaṇḍo brāhmaṇo buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappesi sampavāresi.
๓๒๑. อถ โข โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ อญฺญตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหเญฺจว โข ปน, โภ โคตม, ปริสคโต สมาโน อาสนา วุฎฺฐหิตฺวา ภวนฺตํ โคตมํ อภิวาเทยฺยํ, เตน มํ สา ปริสา ปริภเวยฺยฯ ยํ โข ปน สา ปริสา ปริภเวยฺย, ยโสปิ ตสฺส หาเยถฯ ยสฺส โข ปน ยโส หาเยถ, โภคาปิ ตสฺส หาเยยฺยุํฯ ยโสลทฺธา โข ปนมฺหากํ โภคาฯ อหเญฺจว โข ปน, โภ โคตม, ปริสคโต สมาโน อญฺชลิํ ปคฺคเณฺหยฺยํ, อาสนา เม ตํ ภวํ โคตโม ปจฺจุฎฺฐานํ ธาเรตุฯ อหเญฺจว โข ปน, โภ โคตม, ปริสคโต สมาโน เวฐนํ โอมุเญฺจยฺยํ, สิรสา เม ตํ ภวํ โคตโม อภิวาทนํ ธาเรตุฯ อหเญฺจว โข ปน, โภ โคตม, ยานคโต สมาโน ยานา ปโจฺจโรหิตฺวา ภวนฺตํ โคตมํ อภิวาเทยฺยํ, เตน มํ สา ปริสา ปริภเวยฺยฯ ยํ โข ปน สา ปริสา ปริภเวยฺย, ยโสปิ ตสฺส หาเยถ, ยสฺส โข ปน ยโส หาเยถ, โภคาปิ ตสฺส หาเยยฺยุํฯ ยโสลทฺธา โข ปนมฺหากํ โภคาฯ อหเญฺจว โข ปน, โภ โคตม, ยานคโต สมาโน ปโตทลฎฺฐิํ อพฺภุนฺนาเมยฺยํ, ยานา เม ตํ ภวํ โคตโม ปโจฺจโรหนํ ธาเรตุฯ อหเญฺจว โข ปน, โภ โคตม, ยานคโต สมาโน ฉตฺตํ อปนาเมยฺยํ, สิรสา เม ตํ ภวํ โคตโม อภิวาทนํ ธาเรตู’’ติฯ
321. Atha kho soṇadaṇḍo brāhmaṇo bhagavantaṃ bhuttāviṃ onītapattapāṇiṃ aññataraṃ nīcaṃ āsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho soṇadaṇḍo brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ahañceva kho pana, bho gotama, parisagato samāno āsanā vuṭṭhahitvā bhavantaṃ gotamaṃ abhivādeyyaṃ, tena maṃ sā parisā paribhaveyya. Yaṃ kho pana sā parisā paribhaveyya, yasopi tassa hāyetha. Yassa kho pana yaso hāyetha, bhogāpi tassa hāyeyyuṃ. Yasoladdhā kho panamhākaṃ bhogā. Ahañceva kho pana, bho gotama, parisagato samāno añjaliṃ paggaṇheyyaṃ, āsanā me taṃ bhavaṃ gotamo paccuṭṭhānaṃ dhāretu. Ahañceva kho pana, bho gotama, parisagato samāno veṭhanaṃ omuñceyyaṃ, sirasā me taṃ bhavaṃ gotamo abhivādanaṃ dhāretu. Ahañceva kho pana, bho gotama, yānagato samāno yānā paccorohitvā bhavantaṃ gotamaṃ abhivādeyyaṃ, tena maṃ sā parisā paribhaveyya. Yaṃ kho pana sā parisā paribhaveyya, yasopi tassa hāyetha, yassa kho pana yaso hāyetha, bhogāpi tassa hāyeyyuṃ. Yasoladdhā kho panamhākaṃ bhogā. Ahañceva kho pana, bho gotama, yānagato samāno patodalaṭṭhiṃ abbhunnāmeyyaṃ, yānā me taṃ bhavaṃ gotamo paccorohanaṃ dhāretu. Ahañceva kho pana, bho gotama, yānagato samāno chattaṃ apanāmeyyaṃ, sirasā me taṃ bhavaṃ gotamo abhivādanaṃ dhāretū’’ti.
๓๒๒. อถ โข ภควา โสณทณฺฑํ พฺราหฺมณํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุเตฺตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามีติฯ
322. Atha kho bhagavā soṇadaṇḍaṃ brāhmaṇaṃ dhammiyā kathāya sandassetvā samādapetvā samuttejetvā sampahaṃsetvā uṭṭhāyāsanā pakkāmīti.
โสณทณฺฑสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ
Soṇadaṇḍasuttaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๔. โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนา • 4. Soṇadaṇḍasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๔. โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนา • 4. Soṇadaṇḍasuttavaṇṇanā