Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) |
๔. โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนา
4. Soṇadaṇḍasuttavaṇṇanā
๓๐๐. เอวํ เม สุตํ…เป.… อเงฺคสูติ โสณทณฺฑสุตฺตํฯ ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนาฯ อเงฺคสูติ องฺคา นาม องฺคปาสาทิกตาย เอวํ ลทฺธโวหารา ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รูฬฺหิสเทฺทน องฺคาติ วุจฺจติ, ตสฺมิํ อเงฺคสุ ชนปเทฯ จาริกนฺติ อิธาปิ อตุริตจาริกา เจว นิพทฺธจาริกา จ อธิเปฺปตาฯ ตทา กิร ภควโต ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกนฺตสฺส โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ ญาณชาลสฺส อโนฺต ปญฺญายิตฺถฯ อถ ภควา อยํ พฺราหฺมโณ มยฺหํ ญาณชาเล ปญฺญายติฯ ‘อตฺถิ นุ ขฺวสฺสุปนิสฺสโย’ติ วีมํสโนฺต อทฺทสฯ ‘มยิ ตตฺถ คเต เอตสฺส อเนฺตวาสิโน ทฺวาทสหากาเรหิ พฺราหฺมณสฺส วณฺณํ ภาสิตฺวา มม สนฺติเก อาคนฺตุํ น ทสฺสนฺติฯ โส ปน เตสํ วาทํ ภินฺทิตฺวา เอกูนติํส อากาเรหิ มม วณฺณํ ภาสิตฺวา มํ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสติฯ โส ปญฺหวิสฺสชฺชนปริโยสาเน สรณํ คมิสฺสตี’ติ, ทิสฺวา ปญฺจสตภิกฺขุปริวาโร ตํ ชนปทํ ปฎิปโนฺนฯ เตน วุตฺตํ – อเงฺคสุ จาริกํ จรมาโน…เป.… เยน จมฺปา ตทวสรีติฯ
300. Evaṃ me sutaṃ…pe… aṅgesūti soṇadaṇḍasuttaṃ. Tatrāyaṃ apubbapadavaṇṇanā. Aṅgesūti aṅgā nāma aṅgapāsādikatāya evaṃ laddhavohārā jānapadino rājakumārā, tesaṃ nivāso ekopi janapado rūḷhisaddena aṅgāti vuccati, tasmiṃ aṅgesu janapade. Cārikanti idhāpi aturitacārikā ceva nibaddhacārikā ca adhippetā. Tadā kira bhagavato dasasahassilokadhātuṃ olokentassa soṇadaṇḍo brāhmaṇo ñāṇajālassa anto paññāyittha. Atha bhagavā ayaṃ brāhmaṇo mayhaṃ ñāṇajāle paññāyati. ‘Atthi nu khvassupanissayo’ti vīmaṃsanto addasa. ‘Mayi tattha gate etassa antevāsino dvādasahākārehi brāhmaṇassa vaṇṇaṃ bhāsitvā mama santike āgantuṃ na dassanti. So pana tesaṃ vādaṃ bhinditvā ekūnatiṃsa ākārehi mama vaṇṇaṃ bhāsitvā maṃ upasaṅkamitvā pañhaṃ pucchissati. So pañhavissajjanapariyosāne saraṇaṃ gamissatī’ti, disvā pañcasatabhikkhuparivāro taṃ janapadaṃ paṭipanno. Tena vuttaṃ – aṅgesu cārikaṃ caramāno…pe… yena campā tadavasarīti.
คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเรติ ตสฺส จมฺปานครสฺส อวิทูเร คคฺคราย นาม ราชคฺคมเหสิยา ขณิตตฺตา คคฺคราติ ลทฺธโวหารา โปกฺขรณี อตฺถิฯ ตสฺสา ตีเร สมนฺตโต นีลาทิปญฺจวณฺณกุสุมปฎิมณฺฑิตํ มหนฺตํ จมฺปกวนํฯ ตสฺมิํ ภควา กุสุมคนฺธสุคเนฺธ จมฺปกวเน วิหรติฯ ตํ สนฺธาย คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเรติ วุตฺตํฯ มาคเธน เสนิเยน พิมฺพิสาเรนาติ เอตฺถ โส ราชา มคธานํ อิสฺสรตฺตา มาคโธฯ มหติยา เสนาย สมนฺนาคตตฺตา เสนิโยฯ พิมฺพีติ สุวณฺณํฯ ตสฺมา สารสุวณฺณสทิสวณฺณตาย พิมฺพิสาโรติ วุจฺจติฯ
Gaggarāya pokkharaṇiyā tīreti tassa campānagarassa avidūre gaggarāya nāma rājaggamahesiyā khaṇitattā gaggarāti laddhavohārā pokkharaṇī atthi. Tassā tīre samantato nīlādipañcavaṇṇakusumapaṭimaṇḍitaṃ mahantaṃ campakavanaṃ. Tasmiṃ bhagavā kusumagandhasugandhe campakavane viharati. Taṃ sandhāya gaggarāya pokkharaṇiyā tīreti vuttaṃ. Māgadhena seniyena bimbisārenāti ettha so rājā magadhānaṃ issarattā māgadho. Mahatiyā senāya samannāgatattā seniyo. Bimbīti suvaṇṇaṃ. Tasmā sārasuvaṇṇasadisavaṇṇatāya bimbisāroti vuccati.
๓๐๑-๓๐๒. พหู พหู หุตฺวา สํหตาติ สงฺฆาฯ เอเกกิสฺสาย ทิสาย สโงฺฆ เอเตสํ อตฺถีติ สงฺฆีฯ ปุเพฺพ นครสฺส อโนฺต อคณา พหิ นิกฺขมิตฺวา คณตํ ปตฺตาติ คณีภูตาฯ ขตฺตํ อามเนฺตสีติฯ ขตฺตา วุจฺจติ ปุจฺฉิตปเญฺห พฺยากรณสมโตฺถ มหามโตฺต, ตํ อามเนฺตสิ อาคเมนฺตูติ มุหุตฺตํ ปฎิมาเนนฺตุ, มา คจฺฉนฺตูติ วุตฺตํ โหติฯ
301-302. Bahū bahū hutvā saṃhatāti saṅghā. Ekekissāya disāya saṅgho etesaṃ atthīti saṅghī. Pubbe nagarassa anto agaṇā bahi nikkhamitvā gaṇataṃ pattāti gaṇībhūtā. Khattaṃ āmantesīti. Khattā vuccati pucchitapañhe byākaraṇasamattho mahāmatto, taṃ āmantesi āgamentūti muhuttaṃ paṭimānentu, mā gacchantūti vuttaṃ hoti.
โสณทณฺฑคุณกถา
Soṇadaṇḍaguṇakathā
๓๐๓. นานาเวรชฺชกานนฺติ นานาวิเธสุ รเชฺชสุ, อเญฺญสุ อเญฺญสุ กาสิโกสลาทีสุ รเชฺชสุ ชาตา, ตานิ วา เตสํ นิวาสา, ตโต วา อาคตาติ นานาเวรชฺชกา, เตสํ นานาเวรชฺชกานํฯ เกนจิเทว กรณีเยนาติ ตสฺมิํ กิร นคเร ทฺวีหิ กรณีเยหิ พฺราหฺมณา สนฺนิปตนฺติ – ยญฺญานุภวนตฺถํ วา มนฺตสชฺฌายนตฺถํ วาฯ ตทา จ ตสฺมิํ นคเร ยมญฺญา นตฺถิฯ โสณทณฺฑสฺส ปน สนฺติเก มนฺตสชฺฌายนตฺถํ เอเต สนฺนิปติตาฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เกนจิเทว กรณีเยนา’’ติฯ เต ตสฺส คมนํ สุตฺวา จิเนฺตสุํ – ‘‘อยํ โสณทโณฺฑ อุคฺคตพฺราหฺมโณ เยภุเยฺยน จ อเญฺญ พฺราหฺมณา สมณํ โคตมํ สรณํ คตา, อยเมว น คโตฯ สฺวายํ สเจ ตตฺถ คมิสฺสติ, อทฺธา สมณสฺส โคตมสฺส อาวฎฺฎนิยา มายาย อาวฎฺฎิโต, ตํ สรณํ คมิสฺสติฯ ตโต เอตสฺสาปิ เคหทฺวาเร พฺราหฺมณานํ สนฺนิปาโต น ภวิสฺสตี’’ติฯ ‘‘หนฺทสฺส คมนนฺตรายํ กโรมา’’ติ สมฺมนฺตยิตฺวา ตตฺถ อคมํสุฯ ตํ สนฺธาย – อถ โข เต พฺราหฺมณาติอาทิ วุตฺตํฯ
303.Nānāverajjakānanti nānāvidhesu rajjesu, aññesu aññesu kāsikosalādīsu rajjesu jātā, tāni vā tesaṃ nivāsā, tato vā āgatāti nānāverajjakā, tesaṃ nānāverajjakānaṃ. Kenacideva karaṇīyenāti tasmiṃ kira nagare dvīhi karaṇīyehi brāhmaṇā sannipatanti – yaññānubhavanatthaṃ vā mantasajjhāyanatthaṃ vā. Tadā ca tasmiṃ nagare yamaññā natthi. Soṇadaṇḍassa pana santike mantasajjhāyanatthaṃ ete sannipatitā. Taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘kenacideva karaṇīyenā’’ti. Te tassa gamanaṃ sutvā cintesuṃ – ‘‘ayaṃ soṇadaṇḍo uggatabrāhmaṇo yebhuyyena ca aññe brāhmaṇā samaṇaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gatā, ayameva na gato. Svāyaṃ sace tattha gamissati, addhā samaṇassa gotamassa āvaṭṭaniyā māyāya āvaṭṭito, taṃ saraṇaṃ gamissati. Tato etassāpi gehadvāre brāhmaṇānaṃ sannipāto na bhavissatī’’ti. ‘‘Handassa gamanantarāyaṃ karomā’’ti sammantayitvā tattha agamaṃsu. Taṃ sandhāya – atha kho te brāhmaṇātiādi vuttaṃ.
ตตฺถ อิมินาปเงฺคนาติ อิมินาปิ การเณนฯ เอวํ เอตํ การณํ วตฺวา ปุน – ‘‘อตฺตโน วเณฺณ ภญฺญมาเน อตุสฺสนกสโตฺต นาม นตฺถิฯ หนฺทสฺส วณฺณํ ภณเนน คมนํ นิวาเรสฺสามา’’ติ จิเนฺตตฺวา ภวญฺหิ โสณทโณฺฑ อุภโต สุชาโตติอาทีนิ การณานิ อาหํสุฯ
Tattha imināpaṅgenāti imināpi kāraṇena. Evaṃ etaṃ kāraṇaṃ vatvā puna – ‘‘attano vaṇṇe bhaññamāne atussanakasatto nāma natthi. Handassa vaṇṇaṃ bhaṇanena gamanaṃ nivāressāmā’’ti cintetvā bhavañhi soṇadaṇḍo ubhato sujātotiādīni kāraṇāni āhaṃsu.
อุภโตติ ทฺวีหิ ปเกฺขหิฯ มาติโต จ ปิติโต จาติ โภโต มาตา พฺราหฺมณี, มาตุมาตา พฺราหฺมณี, ตสฺสาปิ มาตา พฺราหฺมณี; ปิตา พฺราหฺมโณ, ปิตุปิตา พฺราหฺมโณ, ตสฺสาปิ ปิตา พฺราหฺมโณติ, เอวํ ภวํ อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จฯ สํสุทฺธคหณิโกติ สํสุทฺธา เต มาตุคหณี กุจฺฉีติ อโตฺถฯ สมเวปากินิยา คหณิยาติ เอตฺถ ปน กมฺมชเตโชธาตุ ‘‘คหณี’’ติ วุจฺจติฯ
Ubhatoti dvīhi pakkhehi. Mātito ca pitito cāti bhoto mātā brāhmaṇī, mātumātā brāhmaṇī, tassāpi mātā brāhmaṇī; pitā brāhmaṇo, pitupitā brāhmaṇo, tassāpi pitā brāhmaṇoti, evaṃ bhavaṃ ubhato sujāto mātito ca pitito ca. Saṃsuddhagahaṇikoti saṃsuddhā te mātugahaṇī kucchīti attho. Samavepākiniyā gahaṇiyāti ettha pana kammajatejodhātu ‘‘gahaṇī’’ti vuccati.
ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคาติ เอตฺถ ปิตุปิตา ปิตามโห, ปิตามหสฺส ยุคํ ปิตามหยุคํฯ ยุคนฺติ อายุปฺปมาณํ วุจฺจติฯ อภิลาปมตฺตเมว เจตํฯ อตฺถโต ปน ปิตามโหเยว ปิตามหยุคํฯ ตโต อุทฺธํ สเพฺพปิ ปุพฺพปุริสา ปิตามหคฺคหเณเนว คหิตาฯ เอวํ ยาว สตฺตโม ปุริโส , ตาว สํสุทฺธคหณิโกฯ อถ วา อกฺขิโตฺต อนุปกุโฎฺฐ ชาติวาเทนาติ ทเสฺสนฺติฯ อกฺขิโตฺตติ – ‘‘อปเนถ เอตํ, กิํ อิมินา’’ติ เอวํ อกฺขิโตฺต อนวกฺขิโตฺตฯ อนุปกุโฎฺฐติ น อุปกุโฎฺฐ, น อโกฺกสํ วา นินฺทํ วา ลทฺธปุโพฺพฯ เกน การเณนาติ? ชาติวาเทนฯ อิติปิ – ‘‘หีนชาติโก เอโส’’ติ เอวรูเปน วจเนนาติ อโตฺถฯ
Yāva sattamā pitāmahayugāti ettha pitupitā pitāmaho, pitāmahassa yugaṃ pitāmahayugaṃ. Yuganti āyuppamāṇaṃ vuccati. Abhilāpamattameva cetaṃ. Atthato pana pitāmahoyeva pitāmahayugaṃ. Tato uddhaṃ sabbepi pubbapurisā pitāmahaggahaṇeneva gahitā. Evaṃ yāva sattamo puriso , tāva saṃsuddhagahaṇiko. Atha vā akkhitto anupakuṭṭho jātivādenāti dassenti. Akkhittoti – ‘‘apanetha etaṃ, kiṃ iminā’’ti evaṃ akkhitto anavakkhitto. Anupakuṭṭhoti na upakuṭṭho, na akkosaṃ vā nindaṃ vā laddhapubbo. Kena kāraṇenāti? Jātivādena. Itipi – ‘‘hīnajātiko eso’’ti evarūpena vacanenāti attho.
อโฑฺฒติ อิสฺสโรฯ มหทฺธโนติ มหตา ธเนน สมนฺนาคโตฯ ภวโต หิ เคเห ปถวิยํ ปํสุวาลิกา วิย พหุธนํ, สมโณ ปน โคตโม อธโน ภิกฺขาย อุทรํ ปูเรตฺวา ยาเปตีติ ทเสฺสนฺติฯ มหาโภโคติ ปญฺจกามคุณวเสน มหาอุปโภโคฯ เอวํ ยํ ยํ คุณํ วทนฺติ, ตสฺส ตสฺส ปฎิปกฺขวเสน ภควโต อคุณํเยว ทเสฺสมาติ มญฺญมานา วทนฺติฯ
Aḍḍhoti issaro. Mahaddhanoti mahatā dhanena samannāgato. Bhavato hi gehe pathaviyaṃ paṃsuvālikā viya bahudhanaṃ, samaṇo pana gotamo adhano bhikkhāya udaraṃ pūretvā yāpetīti dassenti. Mahābhogoti pañcakāmaguṇavasena mahāupabhogo. Evaṃ yaṃ yaṃ guṇaṃ vadanti, tassa tassa paṭipakkhavasena bhagavato aguṇaṃyeva dassemāti maññamānā vadanti.
อภิรูโปติ อเญฺญหิ มนุเสฺสหิ อภิรูโป อธิกรูโปฯ ทสฺสนีโยติ ทิวสมฺปิ ปสฺสนฺตานํ อติตฺติกรณโต ทสฺสนโยโคฺคฯ ทสฺสเนเนว จิตฺตปสาทชนนโต ปาสาทิโกฯ โปกฺขรตา วุจฺจติ สุนฺทรภาโว, วณฺณสฺส โปกฺขรตา วณฺณโปกฺขรตา, ตาย วณฺณสมฺปตฺติยา ยุโตฺตติ อโตฺถฯ โปราณา ปนาหุ – ‘‘โปกฺขรนฺติ สรีรํ วทนฺติ, วณฺณํ วณฺณเมวา’’ติฯ เตสํ มเตน วณฺณญฺจ โปกฺขรญฺจ วณฺณโปกฺขรานิฯ เตสํ ภาโว วณฺณโปกฺขรตาฯ อิติ ปรมาย วณฺณโปกฺขรตายาติ อุตฺตเมน ปริสุเทฺธน วเณฺณน เจว สรีรสณฺฐานสมฺปตฺติยา จาติ อโตฺถฯ พฺรหฺมวณฺณีติ เสฎฺฐวณฺณีฯ ปริสุทฺธวเณฺณสุปิ เสเฎฺฐน สุวณฺณวเณฺณน สมนฺนาคโตติ อโตฺถฯ พฺรหฺมวจฺฉสีติ มหาพฺรหฺมุโน สรีรสทิเสเนว สรีเรน สมนฺนาคโตฯ อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนายาติ ‘‘โภโต สรีเร ทสฺสนสฺส โอกาโส น ขุทฺทโก มหา, สพฺพาเนว เต องฺคปจฺจงฺคานิ ทสฺสนียาเนว, ตานิ จาปิ มหนฺตาเนวา’’ติ ทีเปนฺติฯ
Abhirūpoti aññehi manussehi abhirūpo adhikarūpo. Dassanīyoti divasampi passantānaṃ atittikaraṇato dassanayoggo. Dassaneneva cittapasādajananato pāsādiko. Pokkharatā vuccati sundarabhāvo, vaṇṇassa pokkharatā vaṇṇapokkharatā, tāya vaṇṇasampattiyā yuttoti attho. Porāṇā panāhu – ‘‘pokkharanti sarīraṃ vadanti, vaṇṇaṃ vaṇṇamevā’’ti. Tesaṃ matena vaṇṇañca pokkharañca vaṇṇapokkharāni. Tesaṃ bhāvo vaṇṇapokkharatā. Iti paramāya vaṇṇapokkharatāyāti uttamena parisuddhena vaṇṇena ceva sarīrasaṇṭhānasampattiyā cāti attho. Brahmavaṇṇīti seṭṭhavaṇṇī. Parisuddhavaṇṇesupi seṭṭhena suvaṇṇavaṇṇena samannāgatoti attho. Brahmavacchasīti mahābrahmuno sarīrasadiseneva sarīrena samannāgato. Akhuddāvakāso dassanāyāti ‘‘bhoto sarīre dassanassa okāso na khuddako mahā, sabbāneva te aṅgapaccaṅgāni dassanīyāneva, tāni cāpi mahantānevā’’ti dīpenti.
สีลมสฺส อตฺถีติ สีลวาฯ วุทฺธํ วทฺธิตํ สีลมสฺสาติ วุทฺธสีลีฯ วุทฺธสีเลนาติ วุเทฺธน วทฺธิเตน สีเลนฯ สมนฺนาคโตติ ยุโตฺตฯ อิทํ วุทฺธสีลีปทเสฺสว เววจนํฯ สพฺพเมตํ ปญฺจสีลมตฺตเมว สนฺธาย วทนฺติฯ
Sīlamassa atthīti sīlavā. Vuddhaṃ vaddhitaṃ sīlamassāti vuddhasīlī. Vuddhasīlenāti vuddhena vaddhitena sīlena. Samannāgatoti yutto. Idaṃ vuddhasīlīpadasseva vevacanaṃ. Sabbametaṃ pañcasīlamattameva sandhāya vadanti.
กลฺยาณวาโจติอาทีสุ กลฺยาณา สุนฺทรา ปริมณฺฑลปทพฺยญฺชนา วาจา อสฺสาติ กลฺยาณวาโจฯ กลฺยาณํ มธุรํ วากฺกรณํ อสฺสาติ กลฺยาณวากฺกรโณ ฯ วากฺกรณนฺติ อุทาหรณโฆโสฯ คุณปริปุณฺณภาเวน ปุเร ภวาติ โปรีฯ ปุเร วา ภวตฺตา โปรีฯ โปริยา นาคริกิตฺถิยา สุขุมาลตฺตเนน สทิสาติ โปรี, ตาย โปริยาฯ วิสฺสฎฺฐายาติ อปลิพุทฺธาย สนฺทิฎฺฐวิลมฺพิตาทิโทสรหิตายฯ อเนลคลายาติ เอลคเฬนวิรหิตายฯ ยสฺส กสฺสจิ หิ กเถนฺตสฺส เอลา คฬนฺติ, ลาลา วา ปคฺฆรนฺติ, เขฬผุสิตานิ วา นิกฺขมนฺติ, ตสฺส วาจา เอลคฬํ นาม โหติ, ตพฺพิปริตายาติ อโตฺถฯ อตฺถสฺส วิญฺญาปนิยาติ อาทิมชฺฌปริโยสานํ ปากฎํ กตฺวา ภาสิตตฺถสฺส วิญฺญาปนสมตฺถายฯ
Kalyāṇavācotiādīsu kalyāṇā sundarā parimaṇḍalapadabyañjanā vācā assāti kalyāṇavāco. Kalyāṇaṃ madhuraṃ vākkaraṇaṃ assāti kalyāṇavākkaraṇo. Vākkaraṇanti udāharaṇaghoso. Guṇaparipuṇṇabhāvena pure bhavāti porī. Pure vā bhavattā porī. Poriyā nāgarikitthiyā sukhumālattanena sadisāti porī, tāya poriyā. Vissaṭṭhāyāti apalibuddhāya sandiṭṭhavilambitādidosarahitāya. Anelagalāyāti elagaḷenavirahitāya. Yassa kassaci hi kathentassa elā gaḷanti, lālā vā paggharanti, kheḷaphusitāni vā nikkhamanti, tassa vācā elagaḷaṃ nāma hoti, tabbiparitāyāti attho. Atthassa viññāpaniyāti ādimajjhapariyosānaṃ pākaṭaṃ katvā bhāsitatthassa viññāpanasamatthāya.
ชิโณฺณติ ชราชิณฺณตาย ชิโณฺณฯ วุโทฺธติ องฺคปจฺจงฺคานํ วุทฺธิภาวมริยาทปฺปโตฺตฯ มหลฺลโกติ ชาติมหลฺลกตาย สมนฺนาคโตฯ จิรกาลปฺปสุโตติ วุตฺตํ โหติฯ อทฺธคโตติ อทฺธานํ คโต, เทฺว ตโย ราชปริวเฎฺฎ อตีโตติ อธิปฺปาโยฯ วโยอนุปฺปโตฺตติ ปจฺฉิมวยํ สมฺปโตฺต, ปจฺฉิมวโย นาม วสฺสสตสฺส ปจฺฉิโม ตติยภาโคฯ
Jiṇṇoti jarājiṇṇatāya jiṇṇo. Vuddhoti aṅgapaccaṅgānaṃ vuddhibhāvamariyādappatto. Mahallakoti jātimahallakatāya samannāgato. Cirakālappasutoti vuttaṃ hoti. Addhagatoti addhānaṃ gato, dve tayo rājaparivaṭṭe atītoti adhippāyo. Vayoanuppattoti pacchimavayaṃ sampatto, pacchimavayo nāma vassasatassa pacchimo tatiyabhāgo.
อปิ จ ชิโณฺณติ โปราโณ, จิรกาลปฺปวตฺตกุลนฺวโยติ วุตฺตํ โหติฯ วุโทฺธติ สีลาจาราทิคุณวุทฺธิยา ยุโตฺตฯ มหลฺลโกติ วิภวมหนฺตาย สมนฺนาคโตฯ อทฺธคโตติ มคฺคปฺปฎิปโนฺน พฺราหฺมณานํ วตจริยาทิมริยาทํ อวีติกฺกมฺม จรณสีโลฯ วโยอนุปฺปโตฺตติ ชาติวุทฺธภาวมฺปิ อนฺติมวยํ อนุปฺปโตฺตฯ
Api ca jiṇṇoti porāṇo, cirakālappavattakulanvayoti vuttaṃ hoti. Vuddhoti sīlācārādiguṇavuddhiyā yutto. Mahallakoti vibhavamahantāya samannāgato. Addhagatoti maggappaṭipanno brāhmaṇānaṃ vatacariyādimariyādaṃ avītikkamma caraṇasīlo. Vayoanuppattoti jātivuddhabhāvampi antimavayaṃ anuppatto.
พุทฺธคุณกถา
Buddhaguṇakathā
๓๐๔. เอวํ วุเตฺตติ เอวํ เตหิ พฺราหฺมเณหิ วุเตฺตฯ โสณทโณฺฑ – ‘‘อิเม พฺราหฺมณา ชาติอาทีหิ มม วณฺณํ วทนฺติ, น โข ปน เมตํ ยุตฺตํ อตฺตโน วเณฺณ รชฺชิตุํฯ หนฺทาหํ เอเตสํ วาทํ ภินฺทิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส มหนฺตภาวํ ญาเปตฺวา เอเตสํ ตตฺถ คมนํ กโรมี’’ติ จิเนฺตตฺวา เตน หิ – โภ มมปิ สุณาถาติอาทิมาหฯ ตตฺถ เยปิ อุภโต สุชาโตติ อาทโย อตฺตโน คุเณหิ สทิสา คุณา เตปิ ; ‘‘โก จาหํ เก จ สมณสฺส โคตมสฺส ชาติสมฺปตฺติอาทโย คุณา’’ติ อตฺตโน คุเณหิ อุตฺตริตเรเยว มญฺญมาโน, อิตเร ปน เอกเนฺตเนว ภควโต มหนฺตภาวทีปนตฺถํ ปกาเสติฯ
304.Evaṃ vutteti evaṃ tehi brāhmaṇehi vutte. Soṇadaṇḍo – ‘‘ime brāhmaṇā jātiādīhi mama vaṇṇaṃ vadanti, na kho pana metaṃ yuttaṃ attano vaṇṇe rajjituṃ. Handāhaṃ etesaṃ vādaṃ bhinditvā samaṇassa gotamassa mahantabhāvaṃ ñāpetvā etesaṃ tattha gamanaṃ karomī’’ti cintetvā tena hi – bho mamapi suṇāthātiādimāha. Tattha yepi ubhato sujātoti ādayo attano guṇehi sadisā guṇā tepi ; ‘‘ko cāhaṃ ke ca samaṇassa gotamassa jātisampattiādayo guṇā’’ti attano guṇehi uttaritareyeva maññamāno, itare pana ekanteneva bhagavato mahantabhāvadīpanatthaṃ pakāseti.
มยเมว อรหามาติ เอวํ นิยาเมโนฺตเวตฺถ อิทํ ทีเปติ – ‘‘ยทิ คุณมหนฺตตาย อุปสงฺกมิตโพฺพ นาม โหติฯ ยถา หิ สิเนรุํ อุปนิธาย สาสโป, มหาสมุทฺทํ อุปนิธาย โคปทกํ, สตฺตสุ มหาสเรสุ อุทกํ อุปนิธาย อุสฺสาวพินฺทุ ปริโตฺต ลามโกฯ เอวเมว สมณสฺส โคตมสฺส ชาติสมฺปตฺติอาทโยปิ คุเณ อุปนิธาย อมฺหากํ คุณา ปริตฺตา ลามกา; ตสฺมา มยเมว อรหาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุ’’นฺติฯ
Mayameva arahāmāti evaṃ niyāmentovettha idaṃ dīpeti – ‘‘yadi guṇamahantatāya upasaṅkamitabbo nāma hoti. Yathā hi sineruṃ upanidhāya sāsapo, mahāsamuddaṃ upanidhāya gopadakaṃ, sattasu mahāsaresu udakaṃ upanidhāya ussāvabindu paritto lāmako. Evameva samaṇassa gotamassa jātisampattiādayopi guṇe upanidhāya amhākaṃ guṇā parittā lāmakā; tasmā mayameva arahāma taṃ bhavantaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamitu’’nti.
มหนฺตํ ญาติสํฆํ โอหายาติ มาติปเกฺข อสีติกุลสหสฺสานิ , ปิติปเกฺข อสีติกุลสหสฺสานีติ เอวํ สฎฺฐิกุลสตสหสฺสํ โอหาย ปพฺพชิโตฯ
Mahantaṃñātisaṃghaṃ ohāyāti mātipakkhe asītikulasahassāni , pitipakkhe asītikulasahassānīti evaṃ saṭṭhikulasatasahassaṃ ohāya pabbajito.
ภูมิคตญฺจ เวหาสฎฺฐญฺจาติ เอตฺถ ราชงฺคเณ เจว อุยฺยาเน จ สุธามฎฺฐโปกฺขรณิโย สตฺตรตนานํ ปูเรตฺวา ภูมิยํ ฐปิตํ ธนํ ภูมิคตํ นามฯ ปาสาทนิยูหาทโย ปริปูเรตฺวา ฐปิตํ เวหาสฎฺฐํ นามฯ เอตํ ตาว กุลปริยาเยน อาคตํฯ ตถาคตสฺส ปน ชาตทิวเสเยว สโงฺข, เอโล, อุปฺปโล, ปุณฺฑรีโกติ จตฺตาโร นิธโย อุคฺคตาฯ เตสุ สโงฺข คาวุติโก, เอโล อฑฺฒโยชนิโก, อุปฺปโล ติคาวุติโก, ปุณฺฑรีโก โยชนิโกฯ เตสุปิ คหิตํ คหิตํ ปูรติเยว, อิติ ภควา ปหูตํ หิรญฺญสุวณฺณํ โอหาย ปพฺพชิโตติ เวทิตโพฺพฯ
Bhūmigatañca vehāsaṭṭhañcāti ettha rājaṅgaṇe ceva uyyāne ca sudhāmaṭṭhapokkharaṇiyo sattaratanānaṃ pūretvā bhūmiyaṃ ṭhapitaṃ dhanaṃ bhūmigataṃ nāma. Pāsādaniyūhādayo paripūretvā ṭhapitaṃ vehāsaṭṭhaṃ nāma. Etaṃ tāva kulapariyāyena āgataṃ. Tathāgatassa pana jātadivaseyeva saṅkho, elo, uppalo, puṇḍarīkoti cattāro nidhayo uggatā. Tesu saṅkho gāvutiko, elo aḍḍhayojaniko, uppalo tigāvutiko, puṇḍarīko yojaniko. Tesupi gahitaṃ gahitaṃ pūratiyeva, iti bhagavā pahūtaṃ hiraññasuvaṇṇaṃ ohāya pabbajitoti veditabbo.
ทหโรว สมาโนติ ตรุโณว สมาโนฯ สุสุกาฬเกโสติ สุฎฺฐุ กาฬเกโส, อญฺชนวณฺณสทิสเกโส หุตฺวา วาติ อโตฺถฯ ภเทฺรนาติ ภทฺทเกนฯ ปฐเมน วยสาติ ติณฺณํ วยานํ ปฐมวเยนฯ อกามกานนฺติ อนิจฺฉมานานํฯ อนาทรเตฺถ สามิวจนํฯ อสฺสูนิ มุเข เอเตสนฺติ อสฺสุมุขา, เตสํ อสฺสุมุขานํ, อสฺสูหิ กิลินฺนมุขานนฺติ อโตฺถฯ รุทนฺตานนฺติ กนฺทิตฺวา โรทมานานํฯ อขุทฺทาวกาโสติ เอตฺถ ภควโต อปริมาโณเยว ทสฺสนาย โอกาโสติ เวทิตโพฺพฯ
Daharova samānoti taruṇova samāno. Susukāḷakesoti suṭṭhu kāḷakeso, añjanavaṇṇasadisakeso hutvā vāti attho. Bhadrenāti bhaddakena. Paṭhamena vayasāti tiṇṇaṃ vayānaṃ paṭhamavayena. Akāmakānanti anicchamānānaṃ. Anādaratthe sāmivacanaṃ. Assūni mukhe etesanti assumukhā, tesaṃ assumukhānaṃ, assūhi kilinnamukhānanti attho. Rudantānanti kanditvā rodamānānaṃ. Akhuddāvakāsoti ettha bhagavato aparimāṇoyeva dassanāya okāsoti veditabbo.
ตตฺริทํ วตฺถุ – ราชคเห กิร อญฺญตโร พฺราหฺมโณ สมณสฺส โคตมสฺส ปมาณํ คเหตุํ น สโกฺกตีติ สุตฺวา ภควโต ปิณฺฑาย ปวิสนกาเล สฎฺฐิหตฺถํ เวฬุํ คเหตฺวา นครทฺวารสฺส พหิ ฐตฺวา สมฺปเตฺต ภควติ เวฬุํ คเหตฺวา สมีเป อฎฺฐาสิฯ เวฬุ ภควโต ชาณุกมตฺตํ ปาปุณิฯ ปุน ทิวเส เทฺว เวฬู ฆเฎตฺวา สมีเป อฎฺฐาสิฯ ภควาปิ ทฺวินฺนํ เวฬูนํ อุปริ กฎิมตฺตเมว ปญฺญายมาโน – ‘‘พฺราหฺมณ, กิํ กโรสี’’ติ อาหฯ ตุมฺหากํ ปมาณํ คณฺหามีติฯ ‘‘พฺราหฺมณ, สเจปิ ตฺวํ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ปูเรตฺวา ฐิเต เวฬู ฆเฎตฺวา อาคมิสฺสสิ, เนว เม ปมาณํ คเหตุํ สกฺขิสฺสสิฯ น หิ มยา จตฺตาริ อสเงฺขฺยยานิ กปฺปสตสหสฺสญฺจ ตถา ปารมิโย ปูริตา, ยถา เม ปโร ปมาณํ คเณฺหยฺย, อตุโล, พฺราหฺมณ, ตถาคโต อปฺปเมโยฺย’’ติ วตฺวา ธมฺมปเท คาถมาห –
Tatridaṃ vatthu – rājagahe kira aññataro brāhmaṇo samaṇassa gotamassa pamāṇaṃ gahetuṃ na sakkotīti sutvā bhagavato piṇḍāya pavisanakāle saṭṭhihatthaṃ veḷuṃ gahetvā nagaradvārassa bahi ṭhatvā sampatte bhagavati veḷuṃ gahetvā samīpe aṭṭhāsi. Veḷu bhagavato jāṇukamattaṃ pāpuṇi. Puna divase dve veḷū ghaṭetvā samīpe aṭṭhāsi. Bhagavāpi dvinnaṃ veḷūnaṃ upari kaṭimattameva paññāyamāno – ‘‘brāhmaṇa, kiṃ karosī’’ti āha. Tumhākaṃ pamāṇaṃ gaṇhāmīti. ‘‘Brāhmaṇa, sacepi tvaṃ sakalacakkavāḷagabbhaṃ pūretvā ṭhite veḷū ghaṭetvā āgamissasi, neva me pamāṇaṃ gahetuṃ sakkhissasi. Na hi mayā cattāri asaṅkhyeyāni kappasatasahassañca tathā pāramiyo pūritā, yathā me paro pamāṇaṃ gaṇheyya, atulo, brāhmaṇa, tathāgato appameyyo’’ti vatvā dhammapade gāthamāha –
‘‘เต ตาทิเส ปูชยโต, นิพฺพุเต อกุโตภเย;
‘‘Te tādise pūjayato, nibbute akutobhaye;
น สกฺกา ปุญฺญํ สงฺขาตุํ, อิเมตฺตมปิ เกนจี’’ติฯ (ธ. ป. ๓๖);
Na sakkā puññaṃ saṅkhātuṃ, imettamapi kenacī’’ti. (dha. pa. 36);
คาถาปริโยสาเน จตุราสีติปาณสหสฺสานิ อมตํ ปิวิํสุฯ
Gāthāpariyosāne caturāsītipāṇasahassāni amataṃ piviṃsu.
อปรมฺปิ วตฺถุ – ราหุ กิร อสุริโนฺท จตฺตาริ โยชนสหสฺสานิ อฎฺฐ จ โยชนสตานิ อุโจฺจฯ พาหนฺตรมสฺส ทฺวาทสโยชนสตานิฯ พหลนฺตเรน ฉ โยชนสตานิฯ หตฺถตลปาทตลานํ ปุถุลโต ตีณิ โยชนสตานิฯ องฺคุลิปพฺพานิ ปณฺณาสโยชนานิฯ ภมุกนฺตรํ ปณฺณาสโยชนํฯ มุขํ ทฺวิโยชนสตํ ติโยชนสตคมฺภีรํ ติโยชนสตปริมณฺฑลํฯ คีวา ติโยชนสตํฯ นลาฎํ ติโยชนสตํฯ สีสํ นวโยชนสตํฯ ‘‘โส อหํ อุโจฺจสฺมิ, สตฺถารํ โอนมิตฺวา โอโลเกตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา นาคจฺฉิฯ โส เอกทิวสํ ภควโต วณฺณํ สุตฺวา – ‘‘ยถากถญฺจ โอโลเกสฺสามี’’ติ อาคโตฯ
Aparampi vatthu – rāhu kira asurindo cattāri yojanasahassāni aṭṭha ca yojanasatāni ucco. Bāhantaramassa dvādasayojanasatāni. Bahalantarena cha yojanasatāni. Hatthatalapādatalānaṃ puthulato tīṇi yojanasatāni. Aṅgulipabbāni paṇṇāsayojanāni. Bhamukantaraṃ paṇṇāsayojanaṃ. Mukhaṃ dviyojanasataṃ tiyojanasatagambhīraṃ tiyojanasataparimaṇḍalaṃ. Gīvā tiyojanasataṃ. Nalāṭaṃ tiyojanasataṃ. Sīsaṃ navayojanasataṃ. ‘‘So ahaṃ uccosmi, satthāraṃ onamitvā oloketuṃ na sakkhissāmī’’ti cintetvā nāgacchi. So ekadivasaṃ bhagavato vaṇṇaṃ sutvā – ‘‘yathākathañca olokessāmī’’ti āgato.
อถ ภควา ตสฺสชฺฌาสยํ วิทิตฺวา – ‘‘จตูสุ อิริยาปเถสุ กตเรน ทเสฺสสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘ฐิตโก นาม นีโจปิ อุโจฺจ วิย ปญฺญายติฯ นิปโนฺนวสฺส อตฺตานํ ทเสฺสสฺสามี’’ติ ‘‘อานนฺท, คนฺธกุฎิปริเวเณ มญฺจกํ ปญฺญาเปหี’’ติ วตฺวา ตตฺถ สีหเสยฺยํ กเปฺปสิฯ ราหุ อาคนฺตฺวา นิปนฺนํ ภควนฺตํ คีวํ อุนฺนาเมตฺวา นภมเชฺฌ ปุณฺณจนฺทํ วิย อุโลฺลเกสิฯ กิมิทํ อสุรินฺทาติ จ วุเตฺต – ‘‘ภควา โอนมิตฺวา โอโลเกตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ นาคจฺฉินฺติฯ น มยา, อสุรินฺท, อโธมุเขน ปารมิโย ปูริตาฯ อุทฺธคฺคเมว กตฺวา ทานํ ทินฺนนฺติฯ ตํ ทิวสํ ราหุ สรณํ อคมาสิฯ เอวํ ภควา อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนายฯ
Atha bhagavā tassajjhāsayaṃ viditvā – ‘‘catūsu iriyāpathesu katarena dassessāmī’’ti cintetvā ‘‘ṭhitako nāma nīcopi ucco viya paññāyati. Nipannovassa attānaṃ dassessāmī’’ti ‘‘ānanda, gandhakuṭipariveṇe mañcakaṃ paññāpehī’’ti vatvā tattha sīhaseyyaṃ kappesi. Rāhu āgantvā nipannaṃ bhagavantaṃ gīvaṃ unnāmetvā nabhamajjhe puṇṇacandaṃ viya ullokesi. Kimidaṃ asurindāti ca vutte – ‘‘bhagavā onamitvā oloketuṃ na sakkhissāmī’’ti nāgacchinti. Na mayā, asurinda, adhomukhena pāramiyo pūritā. Uddhaggameva katvā dānaṃ dinnanti. Taṃ divasaṃ rāhu saraṇaṃ agamāsi. Evaṃ bhagavā akhuddāvakāso dassanāya.
จตุปาริสุทฺธิสีเลน สีลวา, ตํ ปน สีลํ อริยํ อุตฺตมํ ปริสุทฺธํฯ เตนาห – ‘‘อริยสีลี’’ติฯ ตเทตํ อนวชฺชเฎฺฐน กุสลํฯ เตนาห – ‘‘กุสลสีลี’’ติฯ กุสลสีเลนาติ อิทมสฺส เววจนํฯ
Catupārisuddhisīlena sīlavā, taṃ pana sīlaṃ ariyaṃ uttamaṃ parisuddhaṃ. Tenāha – ‘‘ariyasīlī’’ti. Tadetaṃ anavajjaṭṭhena kusalaṃ. Tenāha – ‘‘kusalasīlī’’ti. Kusalasīlenāti idamassa vevacanaṃ.
พหูนํ อาจริยปาจริโยติ ภควโต เอเกกาย ธมฺมเทสนาย จตุราสีติปาณสหสฺสานิ อปริมาณาปิ เทวมนุสฺสา มคฺคผลามตํ ปิวนฺติ, ตสฺมา พหูนํ อาจริโยฯ สาวกเวเนยฺยานํ ปน ปาจริโยติฯ
Bahūnaṃ ācariyapācariyoti bhagavato ekekāya dhammadesanāya caturāsītipāṇasahassāni aparimāṇāpi devamanussā maggaphalāmataṃ pivanti, tasmā bahūnaṃ ācariyo. Sāvakaveneyyānaṃ pana pācariyoti.
ขีณกามราโคติ เอตฺถ กามํ ภควโต สเพฺพปิ กิเลสา ขีณาฯ พฺราหฺมโณ ปน เต น ชานาติฯ อตฺตโน ชานนฎฺฐาเนเยว คุณํ กเถติฯ วิคตจาปโลฺลติ – ‘‘ปตฺตมณฺฑนา จีวรมณฺฑนา เสนาสนมณฺฑนา อิมสฺส วา ปูติกายสฺส…เป.… เกลนา ปฎิเกลนา’’ติ (วิภ. ๘๕๔) เอวํ วุตฺตจาปลฺลา วิรหิโตฯ
Khīṇakāmarāgoti ettha kāmaṃ bhagavato sabbepi kilesā khīṇā. Brāhmaṇo pana te na jānāti. Attano jānanaṭṭhāneyeva guṇaṃ katheti. Vigatacāpalloti – ‘‘pattamaṇḍanā cīvaramaṇḍanā senāsanamaṇḍanā imassa vā pūtikāyassa…pe… kelanā paṭikelanā’’ti (vibha. 854) evaṃ vuttacāpallā virahito.
อปาปปุเรกฺขาโรติ อปาเป นว โลกุตฺตรธเมฺม ปุรโต กตฺวา วิจรติฯ พฺรหฺมญฺญาย ปชายาติ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานมหากสฺสปาทิเภทาย พฺราหฺมณปชาย, เอติสฺสาย จ ปชาย ปุเรกฺขาโรฯ อยญฺหิ ปชา สมณํ โคตมํ ปุรกฺขตฺวา จรตีติ อโตฺถฯ อปิ จ อปาปปุเรกฺขาโรติ น ปาปํ ปุเรกฺขาโร น ปาปํ ปุรโต กตฺวา จรติ, น ปาปํ อิจฺฉตีติ อโตฺถฯ กสฺส? พฺรหฺมญฺญาย ปชายฯ อตฺตนา สทฺธิํ ปฎิวิรุทฺธายปิ พฺราหฺมณปชาย อวิรุโทฺธ หิตสุขตฺถิโก เยวาติ วุตฺตํ โหติฯ
Apāpapurekkhāroti apāpe nava lokuttaradhamme purato katvā vicarati. Brahmaññāya pajāyāti sāriputtamoggallānamahākassapādibhedāya brāhmaṇapajāya, etissāya ca pajāya purekkhāro. Ayañhi pajā samaṇaṃ gotamaṃ purakkhatvā caratīti attho. Api ca apāpapurekkhāroti na pāpaṃ purekkhāro na pāpaṃ purato katvā carati, na pāpaṃ icchatīti attho. Kassa? Brahmaññāya pajāya. Attanā saddhiṃ paṭiviruddhāyapi brāhmaṇapajāya aviruddho hitasukhatthiko yevāti vuttaṃ hoti.
ติโรรฎฺฐาติ ปรรฎฺฐโตฯ ติโรชนปทาติ ปรชนปทโตฯ ปญฺหํ ปุจฺฉิตุํ อาคจฺฉนฺตีติ ขตฺติยปณฺฑิตาทโย เจว เทวพฺรหฺมนาคคนฺธพฺพาทโย จ – ‘‘ปเญฺห อภิสงฺขริตฺวา ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ อาคจฺฉนฺติฯ ตตฺถ เกจิ ปุจฺฉาย วา โทสํ วิสฺสชฺชนสมฺปฎิจฺฉเน วา อสมตฺถตํ สลฺลเกฺขตฺวา อปุจฺฉิตฺวาว ตุณฺหี นิสีทนฺติฯ เกจิ ปุจฺฉนฺติฯ เกสญฺจิ ภควา ปุจฺฉาย อุสฺสาหํ ชเนตฺวา วิสฺสเชฺชติฯ เอวํ สเพฺพสมฺปิ เตสํ วิมติโย ตีรํ ปตฺวา มหาสมุทฺทสฺส อูมิโย วิย ภควนฺตํ ปตฺวา ภิชฺชนฺติฯ
Tiroraṭṭhāti pararaṭṭhato. Tirojanapadāti parajanapadato. Pañhaṃ pucchituṃ āgacchantīti khattiyapaṇḍitādayo ceva devabrahmanāgagandhabbādayo ca – ‘‘pañhe abhisaṅkharitvā pucchissāmā’’ti āgacchanti. Tattha keci pucchāya vā dosaṃ vissajjanasampaṭicchane vā asamatthataṃ sallakkhetvā apucchitvāva tuṇhī nisīdanti. Keci pucchanti. Kesañci bhagavā pucchāya ussāhaṃ janetvā vissajjeti. Evaṃ sabbesampi tesaṃ vimatiyo tīraṃ patvā mahāsamuddassa ūmiyo viya bhagavantaṃ patvā bhijjanti.
เอหิ สฺวาคตวาทีติ เทวมนุสฺสปพฺพชิตคหเฎฺฐสุ ตํ ตํ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ – ‘‘เอหิ สฺวาคต’’นฺติ เอวํ วทตีติ อโตฺถฯ สขิโลติ ตตฺถ กตมํ สาขลฺยํ? ‘‘ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตสาขเลฺยน สมนฺนาคโต, มุทุวจโนติ อโตฺถฯ สโมฺมทโกติ ปฎิสนฺถารกุสโล, อาคตาคตานํ จตุนฺนํ ปริสานํ – ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติอาทินา นเยน สพฺพํ อทฺธานทรถํ วูปสเมโนฺต วิย ปฐมตรํ สโมฺมทนียํ กถํ กตฺตาติ อโตฺถฯ อพฺภากุฎิโกติ ยถา เอกเจฺจ ปริสํ ปตฺวา ถทฺธมุขา สงฺกุฎิตมุขา โหนฺติ, น เอทิโส, ปริสทสฺสเนน ปนสฺส พาลาตปสมฺผเสฺสน วิย ปทุมํ มุขปทุมํ วิกสติ ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ โหติฯ อุตฺตานมุโขติ ยถา เอกเจฺจ นิกุชฺชิตมุขา วิย สมฺปตฺตาย ปริสาย น กิญฺจิ กเถนฺติ, อติทุลฺลภกถา โหนฺติ, น เอวรูโปฯ สมโณ ปน โคตโม สุลภกโถฯ น ตสฺส สนฺติกํ อาคตาคตานํ – ‘‘กสฺมา มยํ อิธาคตา’’ติ วิปฺปฎิสาโร อุปฺปชฺชติ ธมฺมํ ปน สุตฺวา อตฺตมนาว โหนฺตีติ ทเสฺสติฯ ปุพฺพภาสีติ ภาสโนฺต จ ปฐมตรํ ภาสติ, ตญฺจ โข กาลยุตฺตํ ปมาณยุตฺตํ อตฺถนิสฺสิตเมว ภาสติ, น นิรตฺถกกถํฯ
Ehisvāgatavādīti devamanussapabbajitagahaṭṭhesu taṃ taṃ attano santikaṃ āgataṃ – ‘‘ehi svāgata’’nti evaṃ vadatīti attho. Sakhiloti tattha katamaṃ sākhalyaṃ? ‘‘Yā sā vācā nelā kaṇṇasukhā’’tiādinā nayena vuttasākhalyena samannāgato, muduvacanoti attho. Sammodakoti paṭisanthārakusalo, āgatāgatānaṃ catunnaṃ parisānaṃ – ‘‘kacci, bhikkhave, khamanīyaṃ, kacci yāpanīya’’ntiādinā nayena sabbaṃ addhānadarathaṃ vūpasamento viya paṭhamataraṃ sammodanīyaṃ kathaṃ kattāti attho. Abbhākuṭikoti yathā ekacce parisaṃ patvā thaddhamukhā saṅkuṭitamukhā honti, na ediso, parisadassanena panassa bālātapasamphassena viya padumaṃ mukhapadumaṃ vikasati puṇṇacandasassirikaṃ hoti. Uttānamukhoti yathā ekacce nikujjitamukhā viya sampattāya parisāya na kiñci kathenti, atidullabhakathā honti, na evarūpo. Samaṇo pana gotamo sulabhakatho. Na tassa santikaṃ āgatāgatānaṃ – ‘‘kasmā mayaṃ idhāgatā’’ti vippaṭisāro uppajjati dhammaṃ pana sutvā attamanāva hontīti dasseti. Pubbabhāsīti bhāsanto ca paṭhamataraṃ bhāsati, tañca kho kālayuttaṃ pamāṇayuttaṃ atthanissitameva bhāsati, na niratthakakathaṃ.
น ตสฺมิํ คาเม วาติ ยตฺถ กิร ภควา ปฎิวสติ, ตตฺถ มเหสกฺขา เทวตา อารกฺขํ คณฺหนฺติ, ตํ นิสฺสาย มนุสฺสานํ อุปทฺทโว น โหติ, ปํสุปิสาจกาทโยเยว หิ มนุเสฺส วิเหเฐนฺติ, เต ตาสํ อานุภาเวน ทูรํ อปกฺกมนฺติฯ อปิ จ ภควโต เมตฺตาพเลนปิ น อมนุสฺสา มนุเสฺส วิเหเฐนฺติฯ
Natasmiṃ gāme vāti yattha kira bhagavā paṭivasati, tattha mahesakkhā devatā ārakkhaṃ gaṇhanti, taṃ nissāya manussānaṃ upaddavo na hoti, paṃsupisācakādayoyeva hi manusse viheṭhenti, te tāsaṃ ānubhāvena dūraṃ apakkamanti. Api ca bhagavato mettābalenapi na amanussā manusse viheṭhenti.
สงฺฆีติอาทีสุ อนุสาสิตโพฺพ สยํ วา อุปฺปาทิโต สโงฺฆ อสฺส อตฺถีติ สงฺฆีฯ ตาทิโส จสฺส คโณ อตฺถีติ คณีฯ ปุริมปทเสฺสว วา เววจนเมตํฯ อาจารสิกฺขาปนวเสน คณสฺส อาจริโยติ คณาจริโย ฯ ปุถุติตฺถกรานนฺติ พหูนํ ติตฺถกรานํฯ ยถา วา ตถา วาติ เยน วา เตน วา อเจลกาทิมตฺตเกนาปิ การเณนฯ สมุทาคจฺฉตีติ สมนฺตโต อุปคจฺฉติ อภิวฑฺฒติฯ
Saṅghītiādīsu anusāsitabbo sayaṃ vā uppādito saṅgho assa atthīti saṅghī. Tādiso cassa gaṇo atthīti gaṇī. Purimapadasseva vā vevacanametaṃ. Ācārasikkhāpanavasena gaṇassa ācariyoti gaṇācariyo. Puthutitthakarānanti bahūnaṃ titthakarānaṃ. Yathāvā tathā vāti yena vā tena vā acelakādimattakenāpi kāraṇena. Samudāgacchatīti samantato upagacchati abhivaḍḍhati.
อติถิ โน เต โหนฺตีติ เต อมฺหากํ อาคนฺตุกา, นวกา ปาหุนกา โหนฺตีติ อโตฺถฯ ปริยาปุณามีติ ชานามิฯ อปริมาณวโณฺณติ ตถารูเปเนว สพฺพญฺญุนาปิ อปฺปเมยฺยวโณฺณ – ‘‘ปเคว มาทิเสนา’’ติ ทเสฺสติฯ วุตฺตมฺปิ เจตฺตํ –
Atithi no te hontīti te amhākaṃ āgantukā, navakā pāhunakā hontīti attho. Pariyāpuṇāmīti jānāmi. Aparimāṇavaṇṇoti tathārūpeneva sabbaññunāpi appameyyavaṇṇo – ‘‘pageva mādisenā’’ti dasseti. Vuttampi cettaṃ –
‘‘พุโทฺธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,
‘‘Buddhopi buddhassa bhaṇeyya vaṇṇaṃ,
กปฺปมฺปิ เจ อญฺญมภาสมาโน;
Kappampi ce aññamabhāsamāno;
ขีเยถ กโปฺป จิรทีฆมนฺตเร,
Khīyetha kappo ciradīghamantare,
วโณฺณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติฯ
Vaṇṇo na khīyetha tathāgatassā’’ti.
๓๐๕. อิมํ ปน สตฺถุ คุณกถํ สุตฺวา เต พฺราหฺมณา จินฺตยิํสุ – ยถา โสณทโณฺฑ พฺราหฺมโณ สมณสฺส โคตมสฺส วเณฺณ ภณติ, อโนมคุโณ โส ภวํ โคตโม; เอวํ ตสฺส คุเณ ชานมาเนน โข ปน อาจริเยน อติจิรํ อธิวาสิตํ, หนฺท นํ อนุวตฺตามาติ อนุวตฺติํสุฯ ตสฺมา เอวํ วุเตฺต ‘‘เต พฺราหฺมณา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อลเมวาติ ยุตฺตเมวฯ อปิ ปุโฎเสนาติ ปุโฎสํ วุจฺจติ ปาเถยฺยํ, ตํ คเหตฺวาปิ อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตเมวาติ อโตฺถฯ ปุฎํเสนาติปิ ปาโฐ, ตสฺสโตฺถ, ปุโฎ อํเส อสฺสาติ ปุฎํโส, เตน ปุฎํเสนฯ อํเสน หิ ปาเถยฺยปุฎํ วหเนฺตนาปีติ วุตฺตํ โหติฯ
305. Imaṃ pana satthu guṇakathaṃ sutvā te brāhmaṇā cintayiṃsu – yathā soṇadaṇḍo brāhmaṇo samaṇassa gotamassa vaṇṇe bhaṇati, anomaguṇo so bhavaṃ gotamo; evaṃ tassa guṇe jānamānena kho pana ācariyena aticiraṃ adhivāsitaṃ, handa naṃ anuvattāmāti anuvattiṃsu. Tasmā evaṃ vutte ‘‘te brāhmaṇā’’tiādi vuttaṃ. Tattha alamevāti yuttameva. Api puṭosenāti puṭosaṃ vuccati pātheyyaṃ, taṃ gahetvāpi upasaṅkamituṃ yuttamevāti attho. Puṭaṃsenātipi pāṭho, tassattho, puṭo aṃse assāti puṭaṃso, tena puṭaṃsena. Aṃsena hi pātheyyapuṭaṃ vahantenāpīti vuttaṃ hoti.
โสณทณฺฑปริวิตกฺกวณฺณนา
Soṇadaṇḍaparivitakkavaṇṇanā
๓๐๖-๓๐๘. ติโรวนสณฺฑคตสฺสาติ อโนฺตวนสเณฺฑ คตสฺส, วิหารพฺภนฺตรํ ปวิฎฺฐสฺสาติ อโตฺถฯ อญฺชลิํ ปณาเมตฺวาติ เอเต อุภโตปกฺขิกา, เต เอวํ จินฺตยิํสุ – ‘‘สเจ โน มิจฺฉาทิฎฺฐิกา โจเทสฺสนฺติ – ‘กสฺมา ตุเมฺห สมณํ โคตมํ วนฺทิตฺถา’ติ? เตสํ – ‘กิํ อญฺชลิมตฺตกรเณนาปิ วนฺทนํ นาม โหตี’ติ วกฺขามฯ สเจ โน สมฺมาทิฎฺฐิกา โจเทสฺสนฺติ – ‘กสฺมา ตุเมฺห ภควนฺตํ น วนฺทิตฺถา’ติฯ ‘กิํ สีเสน ภูมิยํ ปหรเนฺตเนว วนฺทนํ นาม โหติ, นนุ อญฺชลิกมฺมมฺปิ วนฺทนํ เอวา’ติ วกฺขามา’’ติฯ นามโคตฺตนฺติ ‘‘โภ, โคตม, อหํ อสุกสฺส ปุโตฺต ทโตฺต นาม, มิโตฺต นาม, อิธาคโต’’ติ วทนฺตา นามํ สาเวนฺติ นามฯ ‘‘โภ, โคตม, อหํ วาเสโฎฺฐ นาม, กจฺจาโน นาม, อิธาคโต’’ติ วทนฺตา โคตฺตํ สาเวนฺติ นามฯ เอเต กิร ทลิทฺทา ชิณฺณา กุลปุตฺตา ‘‘ปริสมเชฺฌ นามโคตฺตวเสน ปากฎา ภวิสฺสามา’’ติ เอวมกํสุฯ เย ปน ตุณฺหีภูตา นิสีทิํสุ, เต เกราฎิกา เจว อนฺธพาลา จฯ ตตฺถ เกราฎิกา – ‘‘เอกํ เทฺว กถาสลฺลาเปปิ กโรโนฺต วิสฺสาสิโก โหติ, อถ วิสฺสาเส สติ เอกํ เทฺว ภิกฺขา อทาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ตโต อตฺตานํ โมเจตฺวา ตุณฺหี นิสีทนฺติฯ อนฺธพาลา อญฺญาณตาเยว อวกฺขิตฺตมตฺติกาปิโณฺฑ วิย ยตฺถ กตฺถจิ ตุณฺหีภูตา นิสีทนฺติฯ
306-308.Tirovanasaṇḍagatassāti antovanasaṇḍe gatassa, vihārabbhantaraṃ paviṭṭhassāti attho. Añjaliṃ paṇāmetvāti ete ubhatopakkhikā, te evaṃ cintayiṃsu – ‘‘sace no micchādiṭṭhikā codessanti – ‘kasmā tumhe samaṇaṃ gotamaṃ vanditthā’ti? Tesaṃ – ‘kiṃ añjalimattakaraṇenāpi vandanaṃ nāma hotī’ti vakkhāma. Sace no sammādiṭṭhikā codessanti – ‘kasmā tumhe bhagavantaṃ na vanditthā’ti. ‘Kiṃ sīsena bhūmiyaṃ paharanteneva vandanaṃ nāma hoti, nanu añjalikammampi vandanaṃ evā’ti vakkhāmā’’ti. Nāmagottanti ‘‘bho, gotama, ahaṃ asukassa putto datto nāma, mitto nāma, idhāgato’’ti vadantā nāmaṃ sāventi nāma. ‘‘Bho, gotama, ahaṃ vāseṭṭho nāma, kaccāno nāma, idhāgato’’ti vadantā gottaṃ sāventi nāma. Ete kira daliddā jiṇṇā kulaputtā ‘‘parisamajjhe nāmagottavasena pākaṭā bhavissāmā’’ti evamakaṃsu. Ye pana tuṇhībhūtā nisīdiṃsu, te kerāṭikā ceva andhabālā ca. Tattha kerāṭikā – ‘‘ekaṃ dve kathāsallāpepi karonto vissāsiko hoti, atha vissāse sati ekaṃ dve bhikkhā adātuṃ na yutta’’nti tato attānaṃ mocetvā tuṇhī nisīdanti. Andhabālā aññāṇatāyeva avakkhittamattikāpiṇḍo viya yattha katthaci tuṇhībhūtā nisīdanti.
พฺราหฺมณปญฺญตฺติวณฺณนา
Brāhmaṇapaññattivaṇṇanā
๓๐๙-๓๑๐. เจตสา เจโตปริวิตกฺกนฺติ ภควา – ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ อาคตกาลโต ปฎฺฐาย อโธมุโข ถทฺธคโตฺต กิํ จินฺตยมาโน นิสิโนฺน, กิํ นุ โข จิเนฺตตี’’ติ อาวชฺชโนฺต อตฺตโน เจตสา ตสฺส จิตฺตํ อญฺญาสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญายา’’ติฯ วิหญฺญตีติ วิฆาตํ อาปชฺชติฯ อนุวิโลเกตฺวา ปริสนฺติ ภควโต สกสมเย ปญฺหปุจฺฉเนน อุทเก มิยมาโน อุกฺขิปิตฺวา ถเล ฐปิโต วิย สมปสฺสทฺธกายจิโตฺต หุตฺวา ปริสํ สงฺคณฺหนตฺถํ ทิฎฺฐิสญฺชาเนเนว ‘‘อุปธาเรนฺตุ เม โภโนฺต วจน’’นฺติ วทโนฺต วิย อนุวิโลเกตฺวา ปริสํ ภควนฺตํ เอตทโวจฯ
309-310.Cetasā cetoparivitakkanti bhagavā – ‘‘ayaṃ brāhmaṇo āgatakālato paṭṭhāya adhomukho thaddhagatto kiṃ cintayamāno nisinno, kiṃ nu kho cintetī’’ti āvajjanto attano cetasā tassa cittaṃ aññāsi. Tena vuttaṃ – ‘‘cetasā cetoparivitakkamaññāyā’’ti. Vihaññatīti vighātaṃ āpajjati. Anuviloketvā parisanti bhagavato sakasamaye pañhapucchanena udake miyamāno ukkhipitvā thale ṭhapito viya samapassaddhakāyacitto hutvā parisaṃ saṅgaṇhanatthaṃ diṭṭhisañjāneneva ‘‘upadhārentu me bhonto vacana’’nti vadanto viya anuviloketvā parisaṃ bhagavantaṃ etadavoca.
๓๑๑-๓๑๓. สุชํ ปคฺคณฺหนฺตานนฺติ ยญฺญยชนตฺถาย สุชํ คณฺหเนฺตสุ พฺราหฺมเณสุ ปฐโม วา ทุติโย วาติ อโตฺถฯ สุชาย ทิยฺยมานํ มหายาคํ ปฎิคฺคณฺหนฺตานนฺติ โปราณาฯ อิติ พฺราหฺมโณ สกสมยวเสน สมฺมเทว ปญฺหํ วิสฺสเชฺชสิฯ ภควา ปน วิเสสโต อุตฺตมพฺราหฺมณสฺส ทสฺสนตฺถํ – ‘‘อิเมสํ ปนา’’ติอาทิมาหฯ เอตทโวจุนฺติ สเจ ชาติวณฺณมนฺตสมฺปโนฺน พฺราหฺมโณ น โหติ, อถ โก จรหิ โลเก พฺราหฺมโณ ภวิสฺสติ? นาเสติ โน อยํ โสณทโณฺฑ, หนฺทสฺส วาทํ ปฎิกฺขิปิสฺสามาติ จิเนฺตตฺวา เอตทโวจุํฯ อปวทตีติ ปฎิกฺขิปติฯ อนุปกฺขนฺทตีติ อนุปวิสติฯ อิทํ – ‘‘สเจ ตฺวํ ปสาทวเสน สมณํ โคตมํ สรณํ คนฺตุกาโม, คจฺฉ; มา พฺราหฺมณสฺส สมยํ ภินฺที’’ติ อธิปฺปาเยน อาหํสุฯ
311-313.Sujaṃ paggaṇhantānanti yaññayajanatthāya sujaṃ gaṇhantesu brāhmaṇesu paṭhamo vā dutiyo vāti attho. Sujāya diyyamānaṃ mahāyāgaṃ paṭiggaṇhantānanti porāṇā. Iti brāhmaṇo sakasamayavasena sammadeva pañhaṃ vissajjesi. Bhagavā pana visesato uttamabrāhmaṇassa dassanatthaṃ – ‘‘imesaṃ panā’’tiādimāha. Etadavocunti sace jātivaṇṇamantasampanno brāhmaṇo na hoti, atha ko carahi loke brāhmaṇo bhavissati? Nāseti no ayaṃ soṇadaṇḍo, handassa vādaṃ paṭikkhipissāmāti cintetvā etadavocuṃ. Apavadatīti paṭikkhipati. Anupakkhandatīti anupavisati. Idaṃ – ‘‘sace tvaṃ pasādavasena samaṇaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gantukāmo, gaccha; mā brāhmaṇassa samayaṃ bhindī’’ti adhippāyena āhaṃsu.
๓๑๔. เอตทโวจาติ อิเมสุ พฺราหฺมเณสุ เอวํ เอกปฺปหาเรเนว วิรวเนฺตสุ ‘‘อยํ กถา ปริโยสานํ น คมิสฺสติ, หนฺท เน นิสฺสเทฺท กตฺวา โสณทเณฺฑเนว สทฺธิํ กเถมี’’ติ จิเนฺตตฺวา – ‘‘เอตํ สเจ โข ตุมฺหาก’’นฺติอาทิกํ วจนํ อโวจฯ
314.Etadavocāti imesu brāhmaṇesu evaṃ ekappahāreneva viravantesu ‘‘ayaṃ kathā pariyosānaṃ na gamissati, handa ne nissadde katvā soṇadaṇḍeneva saddhiṃ kathemī’’ti cintetvā – ‘‘etaṃ sace kho tumhāka’’ntiādikaṃ vacanaṃ avoca.
๓๑๕-๓๑๖. สหธเมฺมนาติ สการเณนฯ สมสโมติ ฐเปตฺวา เอกเทสสมตฺตํ สมภาเวน สโม, สพฺพากาเรน สโมติ อโตฺถฯ อหมสฺส มาตาปิตโร ชานามีติ ภคินิยา ปุตฺตสฺส มาตาปิตโร กิํ น ชานิสฺสติ, กุลโกฎิปริทีปนํ สนฺธาเยว วทติฯ มุสาวาทมฺปิ ภเณยฺยาติ อตฺถภญฺชนกํ มุสาวาทํ กเถยฺยฯ กิํ วโณฺณ กริสฺสตีติ อพฺภนฺตเร คุเณ อสติ กิํ กริสฺสติ? กิมสฺส พฺราหฺมณภาวํ รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสตีติ อโตฺถฯ อถาปิ สิยา ปุน – ‘‘ปกติสีเล ฐิตสฺส พฺราหฺมณภาวํ สาเธนฺตี’’ติ เอวมฺปิ สีลเมว สาเธสฺสติ, ตสฺมิํ หิสฺส อสติ พฺราหฺมณภาโว นาโหสีติ สโมฺมหมตฺตํ วณฺณาทโยฯ อิทํ ปน สุตฺวา เต พฺราหฺมณา – ‘‘สภาวํ อาจริโย อาห, อการณาว มยํ อุชฺฌายิมฺหา’’ติ ตุณฺหี อเหสุํฯ
315-316.Sahadhammenāti sakāraṇena. Samasamoti ṭhapetvā ekadesasamattaṃ samabhāvena samo, sabbākārena samoti attho. Ahamassa mātāpitaro jānāmīti bhaginiyā puttassa mātāpitaro kiṃ na jānissati, kulakoṭiparidīpanaṃ sandhāyeva vadati. Musāvādampi bhaṇeyyāti atthabhañjanakaṃ musāvādaṃ katheyya. Kiṃ vaṇṇo karissatīti abbhantare guṇe asati kiṃ karissati? Kimassa brāhmaṇabhāvaṃ rakkhituṃ sakkhissatīti attho. Athāpi siyā puna – ‘‘pakatisīle ṭhitassa brāhmaṇabhāvaṃ sādhentī’’ti evampi sīlameva sādhessati, tasmiṃ hissa asati brāhmaṇabhāvo nāhosīti sammohamattaṃ vaṇṇādayo. Idaṃ pana sutvā te brāhmaṇā – ‘‘sabhāvaṃ ācariyo āha, akāraṇāva mayaṃ ujjhāyimhā’’ti tuṇhī ahesuṃ.
สีลปญฺญากถาวณฺณนา
Sīlapaññākathāvaṇṇanā
๓๑๗. ตโต ภควา ‘กถิโต พฺราหฺมเณน ปโญฺห, กิํ ปเนตฺถ ปติฎฺฐาตุํ สกฺขิสฺสติ, น สกฺขิสฺสตี’ติ? ตสฺส วีมํสนตฺถํ – ‘‘อิเมสํ ปน พฺราหฺมณา’’ติอาทิมาหฯ สีลปริโธตาติ สีลปริสุทฺธาฯ ยตฺถ สีลํ ตตฺถ ปญฺญาติ ยสฺมิํ ปุคฺคเล สีลํ, ตเตฺถว ปญฺญา, กุโต ทุสฺสีเล ปญฺญา? ปญฺญารหิเต วา ชเฬ เอฬมูเค กุโต สีลนฺติ? สีลปญฺญาณนฺติ สีลญฺจ ปญฺญาณญฺจ สีลปญฺญาณํฯ ปญฺญาณนฺติ ปญฺญาเยวฯ เอวเมตํ พฺราหฺมณาติ ภควา พฺราหฺมณสฺส วจนํ อนุชานโนฺต อาหฯ ตตฺถ สีลปริโธตา ปญฺญาติ จตุปาริสุทฺธิสีเลน โธตาฯ กถํ ปน สีเลน ปญฺญํ โธวตีติ? ยสฺส ปุถุชฺชนสฺส สีลํ สฎฺฐิอสีติวสฺสานิ อขณฺฑํ โหติ, โส มรณกาเลปิ สพฺพกิเลเส ฆาเตตฺวา สีเลน ปญฺญํ โธวิตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติฯ กนฺทรสาลปริเวเณ มหาสฎฺฐิวสฺสเตฺถโร วิยฯ เถเร กิร มรณมเญฺจ นิปชฺชิตฺวา พลวเวทนาย นิตฺถุนเนฺต , ติสฺสมหาราชา ‘‘เถรํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปริเวณทฺวาเร ฐิโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺส สโทฺท อย’’นฺติ? เถรสฺส นิตฺถุนนสโทฺทติฯ ‘‘ปพฺพชฺชาย สฎฺฐิวเสฺสน เวทนาปริคฺคหมตฺตมฺปิ น กตํ, น ทานิ นํ วนฺทิสฺสามี’’ติ นิวตฺติตฺวา มหาโพธิํ วนฺทิตุํ คโตฯ ตโต อุปฎฺฐากทหโร เถรํ อาห – ‘‘กิํ โน, ภเนฺต, ลชฺชาเปถ, สโทฺธปิ ราชา วิปฺปฎิสารี หุตฺวา น วนฺทิสฺสามี’’ติ คโตติฯ กสฺมา อาวุโสติ? ตุมฺหากํ นิตฺถุนนสทฺทํ สุตฺวาติฯ ‘‘เตน หิ เม โอกาสํ กโรถา’’ติ วตฺวา เวทนํ วิกฺขมฺภิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ทหรสฺส สญฺญํ อทาสิ – ‘‘คจฺฉาวุโส, อิทานิ ราชานํ อเมฺห วนฺทาเปหี’’ติฯ ทหโร คนฺตฺวา – ‘‘อิทานิ กิร เถรํ, วนฺทถา’’ติ อาหฯ ราชา สํสุมารปติเตน เถรํ วนฺทโนฺต – ‘‘นาหํ อยฺยสฺส อรหตฺตํ วนฺทามิ, ปุถุชฺชนภูมิยํ ปน ฐตฺวา รกฺขิตสีลเมว วนฺทามี’’ติ อาห, เอวํ สีเลน ปญฺญํ โธวติ นามฯ ยสฺส ปน อพฺภนฺตเร สีลสํวโร นตฺถิ, อุคฺฆาฎิตญฺญุตาย ปน จตุปฺปทิกคาถาปริโยสาเน ปญฺญาย สีลํ โธวิตฺวา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณาติฯ อยํ ปญฺญาย สีลํ โธวติ นามฯ เสยฺยถาปิ สนฺตติมหามโตฺตฯ
317. Tato bhagavā ‘kathito brāhmaṇena pañho, kiṃ panettha patiṭṭhātuṃ sakkhissati, na sakkhissatī’ti? Tassa vīmaṃsanatthaṃ – ‘‘imesaṃ pana brāhmaṇā’’tiādimāha. Sīlaparidhotāti sīlaparisuddhā. Yattha sīlaṃ tattha paññāti yasmiṃ puggale sīlaṃ, tattheva paññā, kuto dussīle paññā? Paññārahite vā jaḷe eḷamūge kuto sīlanti? Sīlapaññāṇanti sīlañca paññāṇañca sīlapaññāṇaṃ. Paññāṇanti paññāyeva. Evametaṃ brāhmaṇāti bhagavā brāhmaṇassa vacanaṃ anujānanto āha. Tattha sīlaparidhotā paññāti catupārisuddhisīlena dhotā. Kathaṃ pana sīlena paññaṃ dhovatīti? Yassa puthujjanassa sīlaṃ saṭṭhiasītivassāni akhaṇḍaṃ hoti, so maraṇakālepi sabbakilese ghātetvā sīlena paññaṃ dhovitvā arahattaṃ gaṇhāti. Kandarasālapariveṇe mahāsaṭṭhivassatthero viya. There kira maraṇamañce nipajjitvā balavavedanāya nitthunante , tissamahārājā ‘‘theraṃ passissāmī’’ti gantvā pariveṇadvāre ṭhito taṃ saddaṃ sutvā pucchi – ‘‘kassa saddo aya’’nti? Therassa nitthunanasaddoti. ‘‘Pabbajjāya saṭṭhivassena vedanāpariggahamattampi na kataṃ, na dāni naṃ vandissāmī’’ti nivattitvā mahābodhiṃ vandituṃ gato. Tato upaṭṭhākadaharo theraṃ āha – ‘‘kiṃ no, bhante, lajjāpetha, saddhopi rājā vippaṭisārī hutvā na vandissāmī’’ti gatoti. Kasmā āvusoti? Tumhākaṃ nitthunanasaddaṃ sutvāti. ‘‘Tena hi me okāsaṃ karothā’’ti vatvā vedanaṃ vikkhambhitvā arahattaṃ patvā daharassa saññaṃ adāsi – ‘‘gacchāvuso, idāni rājānaṃ amhe vandāpehī’’ti. Daharo gantvā – ‘‘idāni kira theraṃ, vandathā’’ti āha. Rājā saṃsumārapatitena theraṃ vandanto – ‘‘nāhaṃ ayyassa arahattaṃ vandāmi, puthujjanabhūmiyaṃ pana ṭhatvā rakkhitasīlameva vandāmī’’ti āha, evaṃ sīlena paññaṃ dhovati nāma. Yassa pana abbhantare sīlasaṃvaro natthi, ugghāṭitaññutāya pana catuppadikagāthāpariyosāne paññāya sīlaṃ dhovitvā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇāti. Ayaṃ paññāya sīlaṃ dhovati nāma. Seyyathāpi santatimahāmatto.
๓๑๘. กตมํ ปน ตํ พฺราหฺมณาติ กสฺมา อาห? ภควา กิร จิเนฺตสิ – ‘‘พฺราหฺมณา พฺราหฺมณสมเย ปญฺจสีลานิ ‘สีล’นฺติ ปญฺญาเปนฺติ, เวทตฺตยอุคฺคหณปญฺญา ปญฺญาติฯ อุปริวิเสสํ น ชานนฺติฯ ยํนูนาหํ พฺราหฺมณสฺส อุตฺตริวิเสสภูตํ มคฺคสีลํ, ผลสีลํ, มคฺคปญฺญํ, ผลปญฺญญฺจ ทเสฺสตฺวา อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐเปยฺย’’นฺติฯ อถ นํ กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉโนฺต – ‘‘กตมํ ปน ตํ, พฺราหฺมณ, สีลํ กตมา สา ปญฺญา’’ติ อาหฯ อถ พฺราหฺมโณ – ‘‘มยา สกสมยวเสน ปโญฺห วิสฺสชฺชิโตฯ สมโณ ปน มํ โคตโม ปุน นิวตฺติตฺวา ปุจฺฉติ, อิทานิสฺสาหํ จิตฺตํ ปริโตเสตฺวา วิสฺสชฺชิตุํ สกฺกุเณยฺยํ วา น วา? สเจ น สกฺขิสฺสํ ปฐมํ อุปฺปนฺนาปิ เม ลชฺชา ภิชฺชิสฺสติฯ อสโกฺกนฺตสฺส ปน น สโกฺกมีติ วจเน โทโส นตฺถี’’ติ ปุน นิวตฺติตฺวา ภควโตเยว ภารํ กโรโนฺต ‘‘เอตฺตกปรมาว มย’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอตฺตกปรมาติ เอตฺตกํ สีลปญฺญาณนฺติ วจนเมว ปรมํ อมฺหากํ, เต มยํ เอตฺตกปรมา, อิโต ปรํ เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ น ชานามาติ อโตฺถฯ
318.Katamaṃ pana taṃ brāhmaṇāti kasmā āha? Bhagavā kira cintesi – ‘‘brāhmaṇā brāhmaṇasamaye pañcasīlāni ‘sīla’nti paññāpenti, vedattayauggahaṇapaññā paññāti. Uparivisesaṃ na jānanti. Yaṃnūnāhaṃ brāhmaṇassa uttarivisesabhūtaṃ maggasīlaṃ, phalasīlaṃ, maggapaññaṃ, phalapaññañca dassetvā arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhapeyya’’nti. Atha naṃ kathetukamyatāya pucchanto – ‘‘katamaṃ pana taṃ, brāhmaṇa, sīlaṃ katamā sā paññā’’ti āha. Atha brāhmaṇo – ‘‘mayā sakasamayavasena pañho vissajjito. Samaṇo pana maṃ gotamo puna nivattitvā pucchati, idānissāhaṃ cittaṃ paritosetvā vissajjituṃ sakkuṇeyyaṃ vā na vā? Sace na sakkhissaṃ paṭhamaṃ uppannāpi me lajjā bhijjissati. Asakkontassa pana na sakkomīti vacane doso natthī’’ti puna nivattitvā bhagavatoyeva bhāraṃ karonto ‘‘ettakaparamāva maya’’ntiādimāha. Tattha ettakaparamāti ettakaṃ sīlapaññāṇanti vacanameva paramaṃ amhākaṃ, te mayaṃ ettakaparamā, ito paraṃ etassa bhāsitassa atthaṃ na jānāmāti attho.
อถสฺส ภควา สีลปญฺญาย มูลภูตสฺส ตถาคตสฺส อุปฺปาทโต ปภุติ สีลปญฺญาณํ ทเสฺสตุํ – ‘‘อิธ พฺราหฺมณ, ตถาคโต’’ติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ สามญฺญผเล วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพ, อยํ ปน วิเสโส, อิธ ติวิธมฺปิ สีลํ – ‘‘อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมิ’’นฺติ เอวํ สีลมิเจฺจว นิยฺยาติตํ ปฐมชฺฌานาทีนิ จตฺตาริ ฌานานิ อตฺถโต ปญฺญาสมฺปทาฯ เอวํ ปญฺญาวเสน ปน อนิยฺยาเตตฺวา วิปสฺสนาปญฺญาย ปทฎฺฐานภาวมเตฺตน ทเสฺสตฺวา วิปสฺสนาปญฺญาโต ปฎฺฐาย ปญฺญา นิยฺยาติตาติฯ
Athassa bhagavā sīlapaññāya mūlabhūtassa tathāgatassa uppādato pabhuti sīlapaññāṇaṃ dassetuṃ – ‘‘idha brāhmaṇa, tathāgato’’tiādimāha. Tassattho sāmaññaphale vuttanayeneva veditabbo, ayaṃ pana viseso, idha tividhampi sīlaṃ – ‘‘idampissa hoti sīlasmi’’nti evaṃ sīlamicceva niyyātitaṃ paṭhamajjhānādīni cattāri jhānāni atthato paññāsampadā. Evaṃ paññāvasena pana aniyyātetvā vipassanāpaññāya padaṭṭhānabhāvamattena dassetvā vipassanāpaññāto paṭṭhāya paññā niyyātitāti.
โสณทณฺฑอุปาสกตฺตปฎิเวทนากถา
Soṇadaṇḍaupāsakattapaṭivedanākathā
๓๑๙-๓๒๒. สฺวาตนายาติ ปทสฺส อโตฺถ อชฺชตนายาติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ เตน มํ สา ปริสา ปริภเวยฺยาติ เตน ตุเมฺห ทูรโตว ทิสฺวา อาสนา วุฎฺฐิตการเณน มํ สา ปริสา – ‘‘อยํ โสณทโณฺฑ ปจฺฉิมวเย ฐิโต มหลฺลโก, โคตโม ปน ทหโร ยุวา นตฺตาปิสฺส นปฺปโหติ, โส นาม อตฺตโน นตฺตุมตฺตภาวมฺปิ อปฺปตฺตสฺส อาสนา วุฎฺฐาตี’’ติ ปริภเวยฺยฯ อาสนา เม ตํ ภวํ โคตโม ปจฺจุฎฺฐานนฺติ มม อคารเวน อวุฎฺฐานํ นาม นตฺถิ, โภคนาสนภเยน ปน น วุฎฺฐหิสฺสามิ, ตํ ตุเมฺห หิ เจว มยา จ ญาตุํ วฎฺฎติฯ ตสฺมา อาสนา เม เอตํ ภวํ โคตโม ปจฺจุฎฺฐานํ ธาเรตูติ, อิมินา กิร สทิโส กุหโก ทุลฺลโภ, ภควติ ปนสฺส อคารวํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา โภคนาสนภยา กุหนวเสน เอวํ วทติฯ ปรปเทสุปิ เอเสว นโยฯ ธมฺมิยา กถายาติอาทีสุ ตงฺขณานุรูปาย ธมฺมิยา กถาย ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ สนฺทเสฺสตฺวา กุสเล ธเมฺม สมาทเปตฺวา คณฺหาเปตฺวาฯ ตตฺถ นํ สมุเตฺตเชตฺวา สอุสฺสาหํ กตฺวา ตาย จ สอุสฺสาหตาย อเญฺญหิ จ วิชฺชมานคุเณหิ สมฺปหํเสตฺวา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ พฺราหฺมโณ ปน อตฺตโน กุหกตาย เอวมฺปิ ภควติ ธมฺมวสฺสํ วสฺสิเต วิเสสํ นิพฺพเตฺตตุํ นาสกฺขิฯ เกวลมสฺส อายติํ นิพฺพานตฺถาย วาสนาภาคิยาย จ สพฺพา ปุริมปจฺฉิมกถา อโหสีติฯ
319-322.Svātanāyāti padassa attho ajjatanāyāti ettha vuttanayeneva veditabbo. Tena maṃ sā parisā paribhaveyyāti tena tumhe dūratova disvā āsanā vuṭṭhitakāraṇena maṃ sā parisā – ‘‘ayaṃ soṇadaṇḍo pacchimavaye ṭhito mahallako, gotamo pana daharo yuvā nattāpissa nappahoti, so nāma attano nattumattabhāvampi appattassa āsanā vuṭṭhātī’’ti paribhaveyya. Āsanā me taṃ bhavaṃ gotamo paccuṭṭhānanti mama agāravena avuṭṭhānaṃ nāma natthi, bhoganāsanabhayena pana na vuṭṭhahissāmi, taṃ tumhe hi ceva mayā ca ñātuṃ vaṭṭati. Tasmā āsanā me etaṃ bhavaṃ gotamo paccuṭṭhānaṃ dhāretūti, iminā kira sadiso kuhako dullabho, bhagavati panassa agāravaṃ nāma natthi, tasmā bhoganāsanabhayā kuhanavasena evaṃ vadati. Parapadesupi eseva nayo. Dhammiyā kathāyātiādīsu taṅkhaṇānurūpāya dhammiyā kathāya diṭṭhadhammikasamparāyikaṃ atthaṃ sandassetvā kusale dhamme samādapetvā gaṇhāpetvā. Tattha naṃ samuttejetvā saussāhaṃ katvā tāya ca saussāhatāya aññehi ca vijjamānaguṇehi sampahaṃsetvā dhammaratanavassaṃ vassitvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi. Brāhmaṇo pana attano kuhakatāya evampi bhagavati dhammavassaṃ vassite visesaṃ nibbattetuṃ nāsakkhi. Kevalamassa āyatiṃ nibbānatthāya vāsanābhāgiyāya ca sabbā purimapacchimakathā ahosīti.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ
Iti sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ
โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Soṇadaṇḍasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๔. โสณทณฺฑสุตฺตํ • 4. Soṇadaṇḍasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๔. โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนา • 4. Soṇadaṇḍasuttavaṇṇanā