Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) |
๔. โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนา
4. Soṇadaṇḍasuttavaṇṇanā
๓๐๐. สุนฺทรภาเวน สาติสยานิ องฺคานิ เอเตสํ อตฺถีติ องฺคา, ราชกุมาราติ อาห ‘‘องฺคา นาม องฺคปาสาทิกตายา’’ติอาทิฯ อิธาปิ อธิเปฺปตา, น อมฺพฎฺฐสุเตฺต เอวฯ อาคนฺตุํ น ทสฺสนฺตีติ อาคมเน อาทีนวํ ทเสฺสตฺวา ปฎิกฺขิปนวเสน อาคนฺตุํ น ทสฺสนฺติ, นานุชานิสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ นีลาโสกกณิการโกวิฬารกุนฺทราชรุเกฺขหิ สมฺมิสฺสตาย ตํ จมฺปกวนํ ‘‘นีลาทิปญฺจวณฺณกุสุมปฎิมณฺฑิต’’นฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ น จมฺปกรุกฺขานํเยว นีลาทิปญฺจกุสุมตายาติ วทนฺติฯ ‘‘ภควา กุสุมคนฺธสุคเนฺธ จมฺปกวเน วิหรตี’’ติ อิมินา น มาปนกาเล เอว ตสฺมิํ นคเร จมฺปกรุกฺขา อุสฺสนฺนา, อถ โข อปรภาเค ปีติ ทเสฺสติฯ มาปนกาเล หิ จมฺปกานํ อุสฺสนฺนตาย สา นครี ‘‘จมฺปา’’ติ นามํ ลภิฯ อิสฺสรตฺตาติ อธิปติภาวโตฯ เสนา เอตสฺส อตฺถีติ เสนิโก, เสนิโก เอว เสนิโย, อตฺถิตา เจตฺถ พหุภาววิสิฎฺฐาติ วุตฺตํ ‘‘มหติยา เสนาย สมนฺนาคตตฺตา’’ติฯ
300. Sundarabhāvena sātisayāni aṅgāni etesaṃ atthīti aṅgā, rājakumārāti āha ‘‘aṅgā nāma aṅgapāsādikatāyā’’tiādi. Idhāpi adhippetā, na ambaṭṭhasutte eva. Āgantuṃ na dassantīti āgamane ādīnavaṃ dassetvā paṭikkhipanavasena āgantuṃ na dassanti, nānujānissantīti adhippāyo. Nīlāsokakaṇikārakoviḷārakundarājarukkhehi sammissatāya taṃ campakavanaṃ ‘‘nīlādipañcavaṇṇakusumapaṭimaṇḍita’’nti daṭṭhabbaṃ. Na campakarukkhānaṃyeva nīlādipañcakusumatāyāti vadanti. ‘‘Bhagavā kusumagandhasugandhe campakavane viharatī’’ti iminā na māpanakāle eva tasmiṃ nagare campakarukkhā ussannā, atha kho aparabhāge pīti dasseti. Māpanakāle hi campakānaṃ ussannatāya sā nagarī ‘‘campā’’ti nāmaṃ labhi. Issarattāti adhipatibhāvato. Senā etassa atthīti seniko, seniko eva seniyo, atthitā cettha bahubhāvavisiṭṭhāti vuttaṃ ‘‘mahatiyā senāya samannāgatattā’’ti.
๓๐๑-๒. สํหตาติ สนฺนิปติตา, ‘‘สงฺฆิโน’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘สงฺฆี’’ติ ปุถุเตฺถ เอกวจนํ พฺราหฺมณคหปติกานํ อธิเปฺปตตฺตา, เตนาห ‘‘เอเตส’’นฺติฯ ราชราชญฺญาทีนํ ภณฺฑธรา ปุริสา ขตา, เนสํ ตายนโต ขตฺตาฯ โส หิ เยหิ ยตฺถ เปสิโต, ตตฺถ เตสํ โทสํ ปริหรโนฺต ยุตฺตปตฺตวเสน ปุจฺฉิตมตฺถํ กเถติ, เตนาห ‘‘ปุจฺฉิตปเญฺห พฺยากรณสมโตฺถ’’ติฯ กุลาปเทสาทินา มหตี มตฺตา เอตสฺสาติ มหามโตฺตฯ
301-2.Saṃhatāti sannipatitā, ‘‘saṅghino’’ti vattabbe ‘‘saṅghī’’ti puthutthe ekavacanaṃ brāhmaṇagahapatikānaṃ adhippetattā, tenāha ‘‘etesa’’nti. Rājarājaññādīnaṃ bhaṇḍadharā purisā khatā, nesaṃ tāyanato khattā. So hi yehi yattha pesito, tattha tesaṃ dosaṃ pariharanto yuttapattavasena pucchitamatthaṃ katheti, tenāha ‘‘pucchitapañhe byākaraṇasamattho’’ti. Kulāpadesādinā mahatī mattā etassāti mahāmatto.
โสณทณฺฑคุณกถาวณฺณนา
Soṇadaṇḍaguṇakathāvaṇṇanā
๓๐๓. วิสิฎฺฐํ รชฺชํ วิรชฺชํ, วิรชฺชเมว เวรชฺชํ ยถา ‘‘เวกตํ เวสย’’นฺติ, นานาวิธํ เวรชฺชํ นานาเวรชฺชํ, ตตฺถ ชาตาติอาทินา สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อุตฺตมพฺราหฺมโณติ อภิชนสมฺปตฺติยา วิตฺตสมฺปตฺติยา วิชฺชาสมฺปตฺติยา อุคฺคตตโร, อุฬาโร วา พฺราหฺมโณฯ อสนฺนิปาโตติ ลาภมจฺฉเรน นิปฺปีฬิตตาย อสนฺนิปาโต วิย ภวิสฺสติฯ
303. Visiṭṭhaṃ rajjaṃ virajjaṃ, virajjameva verajjaṃ yathā ‘‘vekataṃ vesaya’’nti, nānāvidhaṃ verajjaṃ nānāverajjaṃ, tattha jātātiādinā sabbaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Uttamabrāhmaṇoti abhijanasampattiyā vittasampattiyā vijjāsampattiyā uggatataro, uḷāro vā brāhmaṇo. Asannipātoti lābhamaccharena nippīḷitatāya asannipāto viya bhavissati.
‘‘อเงฺคติ คเมติ ญาเปตีติ องฺคํ, เหตูติ อาห ‘‘อิมินาปิ การเณนา’’ติฯ ‘‘อุภโต สุชาโต’’ติ เอตฺตเก วุเตฺต เยหิ เกหิจิ ทฺวีหิ ภาเคหิ สุชาตตา วิญฺญาเยยฺยฯ สุชาต-สโทฺท จ ‘‘สุชาโต จารุทสฺสโน’’ติอาทีสุ (เถรคา. ๘๑๘) อาโรหสมฺปตฺติปริยาโยติ ชาติวเสเนว สุชาตตํ วิภาเวตุํ ‘‘มาติโต จ ปิติโต จา’’ติ วุตฺตํฯ อโนรสปุตฺตวเสนาปิ โลเก มาตุปิตุสมญฺญา ทิสฺสติ, อิธ ปนสฺส โอรสปุตฺตวเสเนว อิจฺฉิตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘สํสุทฺธคหณิโก’’ติ วุตฺตํฯ คพฺภํ คณฺหาติ ธาเรตีติ คหณี, คพฺภาสยสญฺญิโต มาตุกุจฺฉิปฺปเทโสฯ ยถาภุตฺตสฺส อาหารสฺส วิปาจนวเสน คณฺหนโต อฉฑฺฑนโต คหณี, กมฺมชเตโชธาตุฯ
‘‘Aṅgeti gameti ñāpetīti aṅgaṃ, hetūti āha ‘‘imināpi kāraṇenā’’ti. ‘‘Ubhato sujāto’’ti ettake vutte yehi kehici dvīhi bhāgehi sujātatā viññāyeyya. Sujāta-saddo ca ‘‘sujāto cārudassano’’tiādīsu (theragā. 818) ārohasampattipariyāyoti jātivaseneva sujātataṃ vibhāvetuṃ ‘‘mātito ca pitito cā’’ti vuttaṃ. Anorasaputtavasenāpi loke mātupitusamaññā dissati, idha panassa orasaputtavaseneva icchitāti dassetuṃ ‘‘saṃsuddhagahaṇiko’’ti vuttaṃ. Gabbhaṃ gaṇhāti dhāretīti gahaṇī, gabbhāsayasaññito mātukucchippadeso. Yathābhuttassa āhārassa vipācanavasena gaṇhanato achaḍḍanato gahaṇī, kammajatejodhātu.
ปิตา จ มาตา จ ปิตโร, ปิตูนํ ปิตโร ปิตามหา, เตสํ ยุโค ทฺวโนฺท ปิตามหยุโค, ตสฺมา, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา ปิตามหทฺวนฺทาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เอวญฺหิ ปิตามหคฺคหเณเนว มาตามโหปิ คหิโตติฯ โส อฎฺฐกถายํ วิสุํ น อุทฺธโฎฯ ยุค-สโทฺท เจตฺถ เอกเสสนเยน ทฎฺฐโพฺพ ‘‘ยุโค จ ยุโค จ ยุคา’’ติฯ เอวญฺหิ ตตฺถ ตตฺถ ทฺวนฺทํ คหิตเมว โหติ, เตนาห ‘‘ตโต อุทฺธํ สเพฺพปิ ปุพฺพปุริสา ปิตามหคฺคหเณเนว คหิตา’’ติฯ ปุริสคฺคหณเญฺจตฺถ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทสวเสน กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอวญฺหิ ‘‘มาติโต’’ติ ปาฬิวจนํ สมตฺถิตํ โหติฯ อกฺขิโตฺตติ อปฺปตฺตเขโปฯ อนวกฺขิโตฺตติ สทฺธถาลิปากาทีสุ น อวกฺขิโตฺต น ฉฑฺฑิโตฯ ชาติวาเทนาติ เหตุมฺหิ กรณวจนนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘เกน การเณนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ ‘‘อุภโต…เป.… ปิตามหยุคา’’ติ เอเตน พฺราหฺมณสฺส โยนิโทสาภาโว ทสฺสิโต สํสุทฺธคหณิกภาวกิตฺตนโต, ‘‘อกฺขิโตฺต’’ติ อิมินา กิริยาปราธาภาโวฯ กิริยาปราเธน หิ สตฺตา เขปํ ปาปุณนฺติฯ ‘‘อนุปกฺกุโฎฺฐ’’ติ อิมินา อยุตฺตสํสคฺคาภาโวฯ อยุตฺตสํสคฺคมฺปิ หิ ปฎิจฺจ สตฺตา อโกฺกสํ ลภนฺติฯ
Pitā ca mātā ca pitaro, pitūnaṃ pitaro pitāmahā, tesaṃ yugo dvando pitāmahayugo, tasmā, yāva sattamā pitāmahayugā pitāmahadvandāti evamettha attho daṭṭhabbo. Evañhi pitāmahaggahaṇeneva mātāmahopi gahitoti. So aṭṭhakathāyaṃ visuṃ na uddhaṭo. Yuga-saddo cettha ekasesanayena daṭṭhabbo ‘‘yugo ca yugo ca yugā’’ti. Evañhi tattha tattha dvandaṃ gahitameva hoti, tenāha ‘‘tato uddhaṃ sabbepi pubbapurisā pitāmahaggahaṇeneva gahitā’’ti. Purisaggahaṇañcettha ukkaṭṭhaniddesavasena katanti daṭṭhabbaṃ. Evañhi ‘‘mātito’’ti pāḷivacanaṃ samatthitaṃ hoti. Akkhittoti appattakhepo. Anavakkhittoti saddhathālipākādīsu na avakkhitto na chaḍḍito. Jātivādenāti hetumhi karaṇavacananti dassetuṃ ‘‘kena kāraṇenā’’tiādi vuttaṃ. Ettha ca ‘‘ubhato…pe… pitāmahayugā’’ti etena brāhmaṇassa yonidosābhāvo dassito saṃsuddhagahaṇikabhāvakittanato, ‘‘akkhitto’’ti iminā kiriyāparādhābhāvo. Kiriyāparādhena hi sattā khepaṃ pāpuṇanti. ‘‘Anupakkuṭṭho’’ti iminā ayuttasaṃsaggābhāvo. Ayuttasaṃsaggampi hi paṭicca sattā akkosaṃ labhanti.
อิสฺสโรติ อาธิปเตยฺยสํวตฺตนิยกมฺมพเลน อีสนสีโล, สา ปนสฺส อิสฺสรตา วิภวสมฺปตฺติปจฺจยา ปากฎา ชาตาติ อฑฺฒตาปริยายภาเวเนว วทโนฺต ‘‘อโฑฺฒติ อิสฺสโร’’ติ อาหฯ มหนฺตํ ธนํ อสฺส ภูมิคตเญฺจว เวหาสฎฺฐญฺจาติ มหทฺธโนฯ ตสฺสาติ ตสฺส ตสฺส ฯ วทนฺติ ‘‘อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ อนุปสงฺกมนการณํ กิเตฺตมา’’ติฯ
Issaroti ādhipateyyasaṃvattaniyakammabalena īsanasīlo, sā panassa issaratā vibhavasampattipaccayā pākaṭā jātāti aḍḍhatāpariyāyabhāveneva vadanto ‘‘aḍḍhoti issaro’’ti āha. Mahantaṃ dhanaṃ assa bhūmigatañceva vehāsaṭṭhañcāti mahaddhano. Tassāti tassa tassa . Vadanti ‘‘anvayato, byatirekato ca anupasaṅkamanakāraṇaṃ kittemā’’ti.
อธิกรูโปติ วิสิฎฺฐรูโป อุตฺตมสรีโรฯ ทสฺสนํ อรหตีติ ทสฺสนีโย, เตนาห ‘‘ทสฺสนโยโคฺค’’ติฯ ปสาทํ อาวหตีติ ปาสาทิโก, เตนาห ‘‘จิตฺตปฺปสาทชนนโต’’ติฯ วณฺณสฺสาติ วณฺณธาตุยาฯ สรีรนฺติ สนฺนิเวสวิสิฎฺฐํ กรจรณคีวาสีสาทิอวยวสมุทายํ, โส จ สณฺฐานมุเขน คยฺหตีติ ‘‘ปรมาย วณฺณโปกฺขรตายาติ…เป.… สมฺปตฺติยา จา’’ติ วุตฺตํฯ สพฺพวเณฺณสุ สุวณฺณวโณฺณว อุตฺตโมติ วุตฺตํ ‘‘เสเฎฺฐน สุวณฺณวเณฺณน สมนฺนาคโต’’ติฯ ตถา หิ พุทฺธา, จกฺกวตฺติโน จ สุวณฺณวณฺณาว โหนฺติฯ พฺรหฺมวจฺฉสีติ อุตฺตมสรีราโภ, สุวณฺณาโภ อิเจฺจว อโตฺถฯ อิมเมว หิ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘มหาพฺรหฺมุโน สรีรสทิเสเนว สรีเรน สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺตํ, น พฺรหฺมุชุคตฺตตํฯ อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนายาติ อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา, อวยวปาริปูริยา จ ทสฺสนาย โอกาโส น ขุทฺทโก, เตนาห ‘‘สพฺพาเนวา’’ติอาทิฯ
Adhikarūpoti visiṭṭharūpo uttamasarīro. Dassanaṃ arahatīti dassanīyo, tenāha ‘‘dassanayoggo’’ti. Pasādaṃ āvahatīti pāsādiko, tenāha ‘‘cittappasādajananato’’ti. Vaṇṇassāti vaṇṇadhātuyā. Sarīranti sannivesavisiṭṭhaṃ karacaraṇagīvāsīsādiavayavasamudāyaṃ, so ca saṇṭhānamukhena gayhatīti ‘‘paramāya vaṇṇapokkharatāyāti…pe… sampattiyā cā’’ti vuttaṃ. Sabbavaṇṇesu suvaṇṇavaṇṇova uttamoti vuttaṃ ‘‘seṭṭhena suvaṇṇavaṇṇena samannāgato’’ti. Tathā hi buddhā, cakkavattino ca suvaṇṇavaṇṇāva honti. Brahmavacchasīti uttamasarīrābho, suvaṇṇābho icceva attho. Imameva hi atthaṃ sandhāya ‘‘mahābrahmuno sarīrasadiseneva sarīrena samannāgato’’ti vuttaṃ, na brahmujugattataṃ. Akhuddāvakāso dassanāyāti ārohapariṇāhasampattiyā, avayavapāripūriyā ca dassanāya okāso na khuddako, tenāha ‘‘sabbānevā’’tiādi.
ยมนิยมลกฺขณํ สีลมสฺส อตฺถีติ สีลวาฯ ตํ ปนสฺส รตฺตญฺญุตาย วุทฺธํ วฑฺฒิตํ อตฺถีติ วุทฺธสีลีฯ เตน จ สพฺพทา สมฺมาโยคโต วุทฺธสีเลน สมนฺนาคโตฯ สพฺพเมตํ ปญฺจสีลมตฺตเมว สนฺธาย วทนฺติ ตโต ปรํ สีลสฺส ตตฺถ อภาวโต, เตสญฺจ อชานนโตฯ
Yamaniyamalakkhaṇaṃ sīlamassa atthīti sīlavā. Taṃ panassa rattaññutāya vuddhaṃ vaḍḍhitaṃ atthīti vuddhasīlī. Tena ca sabbadā sammāyogato vuddhasīlena samannāgato. Sabbametaṃ pañcasīlamattameva sandhāya vadanti tato paraṃ sīlassa tattha abhāvato, tesañca ajānanato.
ฐานกรณสมฺปตฺติยา, สิกฺขาสมฺปตฺติยา จ กตฺถจิปิ อนูนตาย ปริมณฺฑลปทานิ พฺยญฺชนานิ อกฺขรานิ เอติสฺสาติ ปริมณฺฑลปทพฺยญฺชนาฯ อถ วา ปชฺชติ อโตฺถ เอเตนาติ ปทํ, นามาทิฯ ยถาธิเปฺปตมตฺถํ พฺยเญฺชตีติ พฺยญฺชนํ, วากฺยํฯ เตสํ ปริปุณฺณตาย ปริมณฺฑลปทพฺยญฺชนาฯ อตฺถญาปเน สาธนตาย วาจาว กรณนฺติ วากฺกรณํ, อุทาหารโฆโสฯ คุณปริปุณฺณภาเวน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส, เตน วา ภาสิตพฺพอตฺถสฺสฯ ปูเร ปุณฺณภาเวฯ ปูเรติ จ ปุริมสฺมิํ อเตฺถ อาธาเร ภุมฺมํ, ทุติยสฺมิํ วิสเยฯ ‘‘สุขุมาลตฺตเนนา’’ติ อิมินา ตสฺสา วาจาย มุทุสณฺหภาวมาหฯ อปลิพุทฺธาย ปิตฺตเสมฺหาทีหิฯ สนฺทิฎฺฐํ สพฺพํ ทเสฺสตฺวา วิย เอกเทสํ กถนํฯ วิลมฺพิตํ สณิกํ จิรายิตฺวา กถนํฯ ‘‘สนฺทิทฺธวิลมฺพิตาที’’ติ วา ปาโฐฯ ตตฺถ สนฺทิทฺธํ สเนฺทหชนกํฯ อาทิ-สเทฺทน ทุกฺขลิตานุกฑฺฒิตาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ‘‘อาทิมชฺฌปริโยสานํ ปากฎํ กตฺวา’’ติ อิมินา ตสฺสา วาจาย อตฺถปาริปูริํ วทนฺติฯ
Ṭhānakaraṇasampattiyā, sikkhāsampattiyā ca katthacipi anūnatāya parimaṇḍalapadāni byañjanāni akkharāni etissāti parimaṇḍalapadabyañjanā. Atha vā pajjati attho etenāti padaṃ, nāmādi. Yathādhippetamatthaṃ byañjetīti byañjanaṃ, vākyaṃ. Tesaṃ paripuṇṇatāya parimaṇḍalapadabyañjanā. Atthañāpane sādhanatāya vācāva karaṇanti vākkaraṇaṃ, udāhāraghoso. Guṇaparipuṇṇabhāvena tassa brāhmaṇassa, tena vā bhāsitabbaatthassa. Pūre puṇṇabhāve. Pūreti ca purimasmiṃ atthe ādhāre bhummaṃ, dutiyasmiṃ visaye. ‘‘Sukhumālattanenā’’ti iminā tassā vācāya mudusaṇhabhāvamāha. Apalibuddhāya pittasemhādīhi. Sandiṭṭhaṃ sabbaṃ dassetvā viya ekadesaṃ kathanaṃ. Vilambitaṃ saṇikaṃ cirāyitvā kathanaṃ. ‘‘Sandiddhavilambitādī’’ti vā pāṭho. Tattha sandiddhaṃ sandehajanakaṃ. Ādi-saddena dukkhalitānukaḍḍhitādiṃ saṅgaṇhāti. ‘‘Ādimajjhapariyosānaṃ pākaṭaṃ katvā’’ti iminā tassā vācāya atthapāripūriṃ vadanti.
‘‘ชิโณฺณ’’ติอาทีนิ ปทานิ สุวิเญฺญยฺยานิ, เหฎฺฐา วุตฺตตฺถานิ จฯ ทุติยนเย ปน ชิโณฺณติ นายํ ชิณฺณตา วโยมเตฺตน, อถ โข กุลปริวเฎฺฎน ปุราณตาติ อาห ‘‘ชิโณฺณติ โปราโณ’’ติอาทิ, เตน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส กุลวเสน อุทิโตทิตภาวมาหฯ ชาติวุทฺธิยา ‘‘วโยอนุปฺปโตฺต’’ติ วกฺขมานตฺตา, คุณวุทฺธิยา ตโต สาติสยตฺตา จ ‘‘วุโทฺธติ สีลาจาราทิคุณวุทฺธิยา ยุโตฺต’’ติ อาหฯ ตถา ชาติมหลฺลกตาย วกฺขมานตฺตา ‘‘มหลฺลโก’’ติ ปเทน วิภวมหตฺตตา โยชิตาฯ มคฺคปฎิปโนฺนติ พฺราหฺมณานํ ปฎิปตฺติวีถิํ อุปคโต ตํ อโวกฺกมฺม จรณโตฯ อนฺติมวยนฺติ ปจฺฉิมวยํฯ
‘‘Jiṇṇo’’tiādīni padāni suviññeyyāni, heṭṭhā vuttatthāni ca. Dutiyanaye pana jiṇṇoti nāyaṃ jiṇṇatā vayomattena, atha kho kulaparivaṭṭena purāṇatāti āha ‘‘jiṇṇoti porāṇo’’tiādi, tena tassa brāhmaṇassa kulavasena uditoditabhāvamāha. Jātivuddhiyā ‘‘vayoanuppatto’’ti vakkhamānattā, guṇavuddhiyā tato sātisayattā ca ‘‘vuddhoti sīlācārādiguṇavuddhiyā yutto’’ti āha. Tathā jātimahallakatāya vakkhamānattā ‘‘mahallako’’ti padena vibhavamahattatā yojitā. Maggapaṭipannoti brāhmaṇānaṃ paṭipattivīthiṃ upagato taṃ avokkamma caraṇato. Antimavayanti pacchimavayaṃ.
พุทฺธคุณกถาวณฺณนา
Buddhaguṇakathāvaṇṇanā
๓๐๔. ตาทิเสหิ มหานุภาเวหิ สทฺธิํ ยุคคฺคาหวเสนปิ ทหนํ น มาทิสานํ อนุจฺฉวิกํ, กุโต ปน อุกฺกํสนนฺติ อิทํ พฺราหฺมณสฺส น ยุตฺตรูปนฺติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘น โข ปน เมตํ ยุตฺต’’นฺติอาทิฯ สทิสาติ เอกเทเสน สทิสาฯ น หิ พุทฺธานํ คุเณหิ สพฺพถา สทิสา เกจิปิ คุณา อเญฺญสุ ลพฺภนฺติฯ อิตเรติ อตฺตโน คุเณหิ อสทิสคุเณฯ อิทนฺติ อิทํ อตฺถชาตํฯ โคปทกนฺติ คาวิยา ปเท ฐิตอุทกํฯ
304. Tādisehi mahānubhāvehi saddhiṃ yugaggāhavasenapi dahanaṃ na mādisānaṃ anucchavikaṃ, kuto pana ukkaṃsananti idaṃ brāhmaṇassa na yuttarūpanti dassento āha ‘‘na kho pana metaṃ yutta’’ntiādi. Sadisāti ekadesena sadisā. Na hi buddhānaṃ guṇehi sabbathā sadisā kecipi guṇā aññesu labbhanti. Itareti attano guṇehi asadisaguṇe. Idanti idaṃ atthajātaṃ. Gopadakanti gāviyā pade ṭhitaudakaṃ.
สฎฺฐิกุลสตสหสฺสนฺติ สฎฺฐิสหสฺสาธิกํ กุลสตสหสฺสํ กุลปริยาเยนาติ สุโทฺธทนมหาราชสฺส กุลานุกฺกเมน อาคตํฯ เตสุปีติ เตสุปิ จตูสุ นิธีสุฯ คหิตคหิตนฺติ คหิตํ คหิตํ ฐานํ ปูรติเยว ธเนน ปฎิปากติกเมว โหติฯ อปริมาโณเยวาติ ‘‘เอตฺตโก เอโส’’ติ เกนจิ ปริจฺฉินฺทิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อปริจฺฉิโนฺน เอวฯ
Saṭṭhikulasatasahassanti saṭṭhisahassādhikaṃ kulasatasahassaṃ kulapariyāyenāti suddhodanamahārājassa kulānukkamena āgataṃ. Tesupīti tesupi catūsu nidhīsu. Gahitagahitanti gahitaṃ gahitaṃ ṭhānaṃ pūratiyeva dhanena paṭipākatikameva hoti. Aparimāṇoyevāti ‘‘ettako eso’’ti kenaci paricchindituṃ asakkuṇeyyatāya aparicchinno eva.
ตตฺถาติ มญฺจเกฯ สีหเสยฺยํ กเปฺปสีติ ยถา ราหุ อสุริโนฺท อายามโต, วิตฺถารโต อุเพฺพธโต จ ภควโต รูปกายสฺส ปริเจฺฉทํ คเหตุํ น สโกฺกติ, ตถา รูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขโรโนฺต สีหเสยฺยํ กเปฺปสิฯ
Tatthāti mañcake. Sīhaseyyaṃ kappesīti yathā rāhu asurindo āyāmato, vitthārato ubbedhato ca bhagavato rūpakāyassa paricchedaṃ gahetuṃ na sakkoti, tathā rūpaṃ iddhābhisaṅkhāraṃ abhisaṅkharonto sīhaseyyaṃ kappesi.
กิเลเสหิ อารกตฺตา ปริสุทฺธเฎฺฐน อริยนฺติ อาห ‘‘อริยํ อุตฺตมํ ปริสุทฺธ’’นฺติฯ อนวชฺชเฎฺฐน กุสลํ, น สุขวิปากเฎฺฐนฯ กตฺถจิ จตุราสีติปาณสหสฺสานิ, กตฺถจิ อปริมาณาปิ เทวมนุสฺสา ยสฺมา จตุวีสติยา ฐาเนสุ อสเงฺขฺยยฺยา อปริเมยฺยา เทวมนุสฺสา มคฺคผลามตํ ปิวิํสุ, โกฎิสตสหสฺสาทิปริมาเณนปิ พหู เอว, ตสฺมา อนุตฺตราจารสิกฺขาปนวเสน ภควา พหูนํ อาจริโยฯ เตติ กามราคโต อเญฺญ ภควโต ปหีนกิเลเสฯ เกฬนาติ เกฬายนา ธนายนาฯ
Kilesehi ārakattā parisuddhaṭṭhena ariyanti āha ‘‘ariyaṃ uttamaṃ parisuddha’’nti. Anavajjaṭṭhena kusalaṃ, na sukhavipākaṭṭhena. Katthaci caturāsītipāṇasahassāni, katthaci aparimāṇāpi devamanussā yasmā catuvīsatiyā ṭhānesu asaṅkhyeyyā aparimeyyā devamanussā maggaphalāmataṃ piviṃsu, koṭisatasahassādiparimāṇenapi bahū eva, tasmā anuttarācārasikkhāpanavasena bhagavā bahūnaṃ ācariyo. Teti kāmarāgato aññe bhagavato pahīnakilese. Keḷanāti keḷāyanā dhanāyanā.
อปาปปุเรกฺขาโรติ อปาเป ปุเร กโรติ, น วา ปาปํ ปุรโต กโรตีติปิ อปาปปุเรกฺขาโรติ อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปาเป นวโลกุตฺตรธเมฺม’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อปาเปติ ปาปปฎิปเกฺข, ปาปรหิเต จฯ พฺรหฺมนิ เสเฎฺฐ พุเทฺธ ภควติ ภวา ตสฺส ธมฺมเทสนาวเสน อริยาย ชาติยา ชาตตฺตา, พฺรหฺมุโน วา ภควโต หิตา ครุกรณาทินา, ยถานุสิฎฺฐปฎิปตฺติยา จ, พฺรหฺมํ วา เสฎฺฐํ อริยมคฺคํ ชานาตีติ พฺรหฺมญฺญา, อริยสาวกสงฺขาตา ปชา, เตนาห ‘‘สาริปุตฺตา’’ติอาทิฯ ปกติพฺราหฺมณชาติวเสนาปิ ‘‘พฺรหฺมญฺญาย ปชายา’’ติ ปทสฺส อโตฺถ เวทิตโพฺพติ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Apāpapurekkhāroti apāpe pure karoti, na vā pāpaṃ purato karotītipi apāpapurekkhāroti imamatthaṃ dassetuṃ ‘‘apāpe navalokuttaradhamme’’tiādi vuttaṃ. Tattha apāpeti pāpapaṭipakkhe, pāparahite ca. Brahmani seṭṭhe buddhe bhagavati bhavā tassa dhammadesanāvasena ariyāya jātiyā jātattā, brahmuno vā bhagavato hitā garukaraṇādinā, yathānusiṭṭhapaṭipattiyā ca, brahmaṃ vā seṭṭhaṃ ariyamaggaṃ jānātīti brahmaññā, ariyasāvakasaṅkhātā pajā, tenāha ‘‘sāriputtā’’tiādi. Pakatibrāhmaṇajātivasenāpi ‘‘brahmaññāya pajāyā’’ti padassa attho veditabboti dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ.
ติโรรฎฺฐา ติโรชนปทาติ เอตฺถ รชฺชํ รฎฺฐํ, ราชนฺติ ราชาโน เอเตนาติ, ตเทกเทสภูตา ปเทสา ปน ชนปโท,ชนา ปชฺชนฺติ เอตฺถ สุขชีวิกํ ปาปุณนฺตีติฯ ปุจฺฉาย วา โทสํ สลฺลเกฺขตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ อสมตฺถตนฺติ อตฺตโน อสมตฺถตํฯ ภควา วิสฺสเชฺชติ เตสํ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติํ, ญาณปริปากํ, จิตฺตาจารญฺจ ญตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ
Tiroraṭṭhā tirojanapadāti ettha rajjaṃ raṭṭhaṃ, rājanti rājāno etenāti, tadekadesabhūtā padesā pana janapado,janā pajjanti ettha sukhajīvikaṃ pāpuṇantīti. Pucchāya vā dosaṃ sallakkhetvāti sambandho. Asamatthatanti attano asamatthataṃ. Bhagavā vissajjeti tesaṃ upanissayasampattiṃ, ñāṇaparipākaṃ, cittācārañca ñatvāti adhippāyo.
‘‘เอหิ สฺวาคตวาที’’ติ อิมินา สุขสมฺภาสปุพฺพกํ ปิยวาทิตํ ทเสฺสติ, ‘‘สขิโล’’ติ อิมินา สณฺหวาจตํ, ‘‘สโมฺมทโก’’ติ อิมินา ปฎิสนฺธารกุสลตํ, ‘‘อภากุฎิโก’’ติ อิมินา สพฺพเตฺถว วิปฺปสนฺนมุขตํ, ‘‘อุตฺตานมุโข’’ติ อิมินา สุขาลาปตํ, ‘‘ปุพฺพภาสี’’ติ อิมินา ธมฺมานุคฺคหสฺส โอกาสกรณโต หิตชฺฌาสยตํ ภควโต วิภาเวติฯ
‘‘Ehisvāgatavādī’’ti iminā sukhasambhāsapubbakaṃ piyavāditaṃ dasseti, ‘‘sakhilo’’ti iminā saṇhavācataṃ, ‘‘sammodako’’ti iminā paṭisandhārakusalataṃ, ‘‘abhākuṭiko’’ti iminā sabbattheva vippasannamukhataṃ, ‘‘uttānamukho’’ti iminā sukhālāpataṃ, ‘‘pubbabhāsī’’ti iminā dhammānuggahassa okāsakaraṇato hitajjhāsayataṃ bhagavato vibhāveti.
ยตฺถ กิราติ กิร-สโทฺท อรุจิสูจนโตฺถ, เตน ภควตา อธิวุตฺถปเทเส น เทวตานุภาเวน มนุสฺสานํ อนุปทฺทวตา, อถ โข พุทฺธานุภาเวนาติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิฯ
Yattha kirāti kira-saddo arucisūcanattho, tena bhagavatā adhivutthapadese na devatānubhāvena manussānaṃ anupaddavatā, atha kho buddhānubhāvenāti dasseti. Tenāha ‘‘apicā’’tiādi.
อนุสาสิตโพฺพติ วิเนยฺยชนสมูโห คยฺหตีติ นิพฺพตฺติตํ อริยสงฺฆเมว ทเสฺสตุํ ‘‘สยํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ, อนนฺตรสฺส วิธิ ปฎิเสโธ วาติ กตฺวาฯ ‘‘ตาทิโสวา’’ติ อิมินา ‘‘สยํ วา’’ติอาทินา วุตฺตวิกโปฺป เอว ปจฺจามโฎฺฐติฯ ‘‘ปุริมปทเสฺสว วา’’ติ วิกปฺปนฺตรคฺคหณํฯ พหูนํ ติตฺถกรานนฺติ ปูรณาทีนํ อเนเกสํ ติตฺถกรานํ, นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํฯ การเณนาติ อปฺปิจฺฉสนฺตุฎฺฐตาทิสมาโรปนลกฺขเณน การเณนฯ อาคนฺตุกา นวกาติ อภินวา อาคนฺตุกา อพฺภาคตาฯ ปริยาปุณามีติ ปริจฺฉินฺทิตุํ ชานามิ สโกฺกมิ, เตนาห ‘‘ชานามี’’ติฯ ‘‘กปฺปมฺปิ เจ อญฺญมภาสมาโน’’ติ อภูตปริกปฺปนวจนเมตํ ตถา ภาสมานสฺส อภาวโตฯ
Anusāsitabboti vineyyajanasamūho gayhatīti nibbattitaṃ ariyasaṅghameva dassetuṃ ‘‘sayaṃ vā’’tiādi vuttaṃ, anantarassa vidhi paṭisedho vāti katvā. ‘‘Tādisovā’’ti iminā ‘‘sayaṃ vā’’tiādinā vuttavikappo eva paccāmaṭṭhoti. ‘‘Purimapadasseva vā’’ti vikappantaraggahaṇaṃ. Bahūnaṃ titthakarānanti pūraṇādīnaṃ anekesaṃ titthakarānaṃ, niddhāraṇe cetaṃ sāmivacanaṃ. Kāraṇenāti appicchasantuṭṭhatādisamāropanalakkhaṇena kāraṇena. Āgantukā navakāti abhinavā āgantukā abbhāgatā. Pariyāpuṇāmīti paricchindituṃ jānāmi sakkomi, tenāha ‘‘jānāmī’’ti. ‘‘Kappampi ce aññamabhāsamāno’’ti abhūtaparikappanavacanametaṃ tathā bhāsamānassa abhāvato.
๓๐๕. อลํ-สโทฺท อรหโตฺตปิ โหติ ‘‘อลเมว นิพฺพินฺทิตุ’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๔) วิยาติ อาห ‘‘อลเมวาติ ยุตฺตเมวา’’ติฯ ปุเฎน เนตฺวา อสิตพฺพโต ปริภุญฺชิตพฺพโต ปุโฎสํ วุจฺจติ ปาเถยฺยํฯ ปุฎํเสน ปุริเสนฯ
305. Alaṃ-saddo arahattopi hoti ‘‘alameva nibbinditu’’ntiādīsu (saṃ. ni. 1.124) viyāti āha ‘‘alamevāti yuttamevā’’ti. Puṭena netvā asitabbato paribhuñjitabbato puṭosaṃ vuccati pātheyyaṃ. Puṭaṃsena purisena.
โสณทณฺฑปริวิตกฺกวณฺณนา
Soṇadaṇḍaparivitakkavaṇṇanā
๓๐๗. อุภโตปกฺขิกาติ มิจฺฉาทิฎฺฐิสมฺมาทิฎฺฐีนํ วเสน อุภยปกฺขิกาฯ เกราฎิกาติ สฐาฯ
307.Ubhatopakkhikāti micchādiṭṭhisammādiṭṭhīnaṃ vasena ubhayapakkhikā. Kerāṭikāti saṭhā.
พฺราหฺมณปญฺญตฺติวณฺณนา
Brāhmaṇapaññattivaṇṇanā
๓๐๙. วิฆาตนฺติ จิตฺตทุกฺขํฯ
309.Vighātanti cittadukkhaṃ.
๓๑๑-๓. สุชนฺติ โหมทพฺพิํ ปคฺคณฺหเนฺตสูติ ชุหนตฺถํ คณฺหนเกสุ, อิรุพฺพิเชฺชสูติ อโตฺถฯ ปฐโม วาติ ตตฺถ สนฺนิปติเตสุ ยชนกิริยายํ สพฺพปธาโน วาฯ ทุติโย วาติ ตทนนฺตโร วาฯ ‘‘สุช’’นฺติ กรเณ เอตํ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘สุชายา’’ติฯ อคฺคิหุตฺตปมุขตาย ยญฺญสฺส ยเญฺญ ทิยฺยมานํ สุชามุเขน ทียตีติ อาห ‘‘สุชาย ทิยฺยมาน’’นฺติฯ โปราณาติ อฎฺฐกถาจริยาฯ วิเสสโตติ วิชฺชาจรณวิเสสโต, น พฺราหฺมเณหิ อิจฺฉิตวิชฺชาจรณมตฺตโตฯ อุตฺตมพฺราหฺมณสฺสาติ อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยตาย อุกฺกฎฺฐพฺราหฺมณสฺสฯ พฺราหฺมณสมยนฺติ พฺราหฺมณสิทฺธนฺตํฯ มา ภินฺทิ มา วินาเสสิฯ
311-3.Sujanti homadabbiṃ paggaṇhantesūti juhanatthaṃ gaṇhanakesu, irubbijjesūti attho. Paṭhamo vāti tattha sannipatitesu yajanakiriyāyaṃ sabbapadhāno vā. Dutiyo vāti tadanantaro vā. ‘‘Suja’’nti karaṇe etaṃ upayogavacananti āha ‘‘sujāyā’’ti. Aggihuttapamukhatāya yaññassa yaññe diyyamānaṃ sujāmukhena dīyatīti āha ‘‘sujāya diyyamāna’’nti. Porāṇāti aṭṭhakathācariyā. Visesatoti vijjācaraṇavisesato, na brāhmaṇehi icchitavijjācaraṇamattato. Uttamabrāhmaṇassāti anuttaradakkhiṇeyyatāya ukkaṭṭhabrāhmaṇassa. Brāhmaṇasamayanti brāhmaṇasiddhantaṃ. Mā bhindi mā vināsesi.
๓๑๖. สมสโมติ สโมเยว หุตฺวา สโมฯ หีโนปมวเสนปิ สมตา วุจฺจตีติ ตํ นิวเตฺตโนฺต ‘‘ฐเปตฺวา เอกเทสสมตฺต’’นฺติอาทิมาหฯ กุลโกฎิปริทีปนนฺติ กุลอาทิปริทีปนํ อถาปิ สิยาติ อถาปิ ตุมฺหากํ เอวํ ปริวิตโกฺก สิยาฯ พฺราหฺมณภาวํ สาเธติ วโณฺณฯ มนฺตชาตีสุปิ เอเสว นโยฯ สีลเมว สาเธสฺสติ พฺราหฺมณภาวํฯ กสฺมาติ เจ? อาห ‘‘ตสฺมิญฺหิสฺสา’’ติอาทิฯ สโมฺมหมตฺตํ วณฺณาทโยติ วณฺณมนฺตชาติโย หิ พฺราหฺมณภาวสฺส องฺคนฺติ สโมฺมหมตฺตเมตํ อสมเวกฺขิตาภิมานภาวโตฯ
316.Samasamoti samoyeva hutvā samo. Hīnopamavasenapi samatā vuccatīti taṃ nivattento ‘‘ṭhapetvā ekadesasamatta’’ntiādimāha. Kulakoṭiparidīpananti kulaādiparidīpanaṃ athāpisiyāti athāpi tumhākaṃ evaṃ parivitakko siyā. Brāhmaṇabhāvaṃ sādheti vaṇṇo. Mantajātīsupi eseva nayo. Sīlameva sādhessati brāhmaṇabhāvaṃ. Kasmāti ce? Āha ‘‘tasmiñhissā’’tiādi. Sammohamattaṃ vaṇṇādayoti vaṇṇamantajātiyo hi brāhmaṇabhāvassa aṅganti sammohamattametaṃ asamavekkhitābhimānabhāvato.
สีลปญฺญากถาวณฺณนา
Sīlapaññākathāvaṇṇanā
๓๑๗. กถิโต พฺราหฺมเณน ปโญฺหติ ‘‘สีลวา จ โหตี’’ติอาทินา ทฺวินฺนเมว องฺคานํ วเสน ยถาปุจฺฉิโต ปโญฺห ยาถาวโต วิสฺสชฺชิโต เอตฺถาติ เอตสฺมิํ ยถาวิสฺสชฺชิเต อเตฺถฯ ตสฺสาติ โสณทณฺฑสฺสฯ สีลปริสุทฺธาติ สีลสมฺปตฺติยา สพฺพโส สุทฺธา อนุปกฺกิลิฎฺฐาฯ กุโต ทุสฺสีเล ปญฺญา อสมาหิตตฺตา ตสฺสฯ ชเฬ เอฬมูเค กุโต สีลนฺติ ชเฬ เอฬมูเค ทุปฺปเญฺญ กุโต สีลํ สีลวิภาคสฺส, สีลปริโสธนูปายสฺส จ อชานนโตฯ ปกฎฺฐํ อุกฺกฎฺฐํ ญาณํ ปญฺญาณนฺติ, ปากติกํ ญาณํ นิวเตฺตตุํ ‘‘ปญฺญาณ’’นฺติ วุตฺตนฺติ ตยิทํ ปกาเรหิ ชานนโต ปญฺญาวาติ อาห ‘‘ปญฺญาณนฺติ ปญฺญา เยวา’’ติฯ
317.Kathito brāhmaṇena pañhoti ‘‘sīlavā ca hotī’’tiādinā dvinnameva aṅgānaṃ vasena yathāpucchito pañho yāthāvato vissajjito etthāti etasmiṃ yathāvissajjite atthe. Tassāti soṇadaṇḍassa. Sīlaparisuddhāti sīlasampattiyā sabbaso suddhā anupakkiliṭṭhā. Kuto dussīle paññā asamāhitattā tassa. Jaḷe eḷamūge kuto sīlanti jaḷe eḷamūge duppaññe kuto sīlaṃ sīlavibhāgassa, sīlaparisodhanūpāyassa ca ajānanato. Pakaṭṭhaṃ ukkaṭṭhaṃ ñāṇaṃ paññāṇanti, pākatikaṃ ñāṇaṃ nivattetuṃ ‘‘paññāṇa’’nti vuttanti tayidaṃ pakārehi jānanato paññāvāti āha ‘‘paññāṇanti paññā yevā’’ti.
สีเลนโธตาติ สมาธิปทฎฺฐาเนน สีเลน สกลสํกิเลสมลวิสุทฺธิยา โธตา วิสุทฺธา, เตนาห ‘‘กถํ ปนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ โธวตีติ สุชฺฌติฯ มหาสฎฺฐิวสฺสเตฺถโร วิยาติ สฎฺฐิวสฺสมหาเถโร วิยฯ เวทนาปริคฺคหมตฺตมฺปีติ เอตฺถ เวทนาปริคฺคโห นาม ยถาอุปฺปนฺนํ เวทนํ สภาวรสโต อุปธาเรตฺวา ‘‘อยํ เวทนา ผสฺสํ ปฎิจฺจ, โส ผโสฺส อนิโจฺจ ทุโกฺข วิปริณามธโมฺม’’ติ ลกฺขณตฺตยํ อาโรเปตฺวา ปวตฺติตวิปสฺสนาฯ เอวํ วิปสฺสเนฺตน ‘‘สุเขน สกฺกา สา เวทนา อธิวาเสตุํ ‘‘เวทนา เอว เวทิยตี’’ติฯ เวทนํ วิกฺขเมฺภตฺวาติ ยถาอุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ เวทนํ อนนุวตฺติตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา วีถิํ ปฎิปนฺนาย วิปสฺสนาย ตํ วิโนเทตฺวาฯ สํสุมารปติเตนาติ กุมฺภีเลน วิย ภูมิยํ อุเรน นิปชฺชเนนฯ ปญฺญาย สีลํ โธวิตฺวาติ อขณฺฑาทิภาวาปาทเนน สีลํ อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ ปญฺญาย สุวิโสธิตํ กตฺวาฯ
Sīlenadhotāti samādhipadaṭṭhānena sīlena sakalasaṃkilesamalavisuddhiyā dhotā visuddhā, tenāha ‘‘kathaṃ panā’’tiādi. Tattha dhovatīti sujjhati. Mahāsaṭṭhivassatthero viyāti saṭṭhivassamahāthero viya. Vedanāpariggahamattampīti ettha vedanāpariggaho nāma yathāuppannaṃ vedanaṃ sabhāvarasato upadhāretvā ‘‘ayaṃ vedanā phassaṃ paṭicca, so phasso anicco dukkho vipariṇāmadhammo’’ti lakkhaṇattayaṃ āropetvā pavattitavipassanā. Evaṃ vipassantena ‘‘sukhena sakkā sā vedanā adhivāsetuṃ ‘‘vedanā eva vediyatī’’ti. Vedanaṃ vikkhambhetvāti yathāuppannaṃ dukkhaṃ vedanaṃ ananuvattitvā vipassanaṃ ārabhitvā vīthiṃ paṭipannāya vipassanāya taṃ vinodetvā. Saṃsumārapatitenāti kumbhīlena viya bhūmiyaṃ urena nipajjanena. Paññāya sīlaṃ dhovitvāti akhaṇḍādibhāvāpādanena sīlaṃ ādimajjhapariyosānesu paññāya suvisodhitaṃ katvā.
๓๑๘. ‘‘กสฺมา อาหา’’ติ อุปริเทสนาย การณํ ปุจฺฉติฯ ลชฺชา นาม ‘‘สีลสฺส ชาติยา จ คุณโทสปกาสเนน สมเณน โคตเมน ปุจฺฉิตปญฺหํ วิสฺสเชฺชสี’’ติ ปริสาย ปญฺญาตตาฯ เอตฺตกปรมาติ เอตฺตกอุกฺกํสโกฎิกา ปญฺจ สีลานิ, เวทตฺตยวิภาวนํ ปญฺญญฺจ ลกฺขณาทิโต นิทฺธาเรตฺวา ชานนํ นตฺถิ, เกวลํ ตตฺถ วจีปรมา มยนฺติ ทเสฺสตีติ อาห ‘‘สีลปญฺญาณนฺติ วจนเมว ปรมํ อมฺหาก’’นฺติฯ ‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติ อิทํ นิยฺยาตนาเปกฺขํ สีลนิเทฺทเส, เตนาห ‘‘สีลมิเจฺจว นิยฺยาติต’’นฺติฯ สามญฺญผเล ปน ‘‘สามญฺญผล’’ มิเจฺจว นิยฺยาติตํ, ปญฺญานิเทฺทเส ปน ฌานปญฺญํ อธิฎฺฐานํ กตฺวา วิปสฺสนาปญฺญาวเสเนว ปญฺญานิยฺยาตนํ กตํ, เตนาห ‘‘ปฐมชฺฌานาทีนี’’ติฯ
318.‘‘Kasmā āhā’’ti uparidesanāya kāraṇaṃ pucchati. Lajjā nāma ‘‘sīlassa jātiyā ca guṇadosapakāsanena samaṇena gotamena pucchitapañhaṃ vissajjesī’’ti parisāya paññātatā. Ettakaparamāti ettakaukkaṃsakoṭikā pañca sīlāni, vedattayavibhāvanaṃ paññañca lakkhaṇādito niddhāretvā jānanaṃ natthi, kevalaṃ tattha vacīparamā mayanti dassetīti āha ‘‘sīlapaññāṇanti vacanameva paramaṃ amhāka’’nti. ‘‘Ayaṃ pana viseso’’ti idaṃ niyyātanāpekkhaṃ sīlaniddese, tenāha ‘‘sīlamicceva niyyātita’’nti. Sāmaññaphale pana ‘‘sāmaññaphala’’ micceva niyyātitaṃ, paññāniddese pana jhānapaññaṃ adhiṭṭhānaṃ katvā vipassanāpaññāvaseneva paññāniyyātanaṃ kataṃ, tenāha ‘‘paṭhamajjhānādīnī’’ti.
โสณทณฺฑอุปาสกตฺตปฎิเวทนากถาวณฺณนา
Soṇadaṇḍaupāsakattapaṭivedanākathāvaṇṇanā
๓๒๑-๒. นตฺตาติ ปุตฺตปุโตฺตฯ อคารวํ นาม นตฺถิ, น จายํ ภควติ อคารเวน ‘‘อหเญฺจว โข ปนา’’ติอาทิมาห, อถ โข อตฺตลาภปริหานิภเยนฯ อยญฺหิ ยถา ตถา อตฺตโน มหาชนสฺส สมฺภาวนํ อุปฺปาเทตฺวา โกหเญฺญน ปเร วิมฺหาเปตฺวา ลาภุปฺปาทํ นิชิคิสโนฺต วิจรติ, ตสฺมา ตถา อโวจ, เตนาห ‘‘อิมินา กิรา’’ติอาทิฯ
321-2.Nattāti puttaputto. Agāravaṃ nāma natthi, na cāyaṃ bhagavati agāravena ‘‘ahañceva kho panā’’tiādimāha, atha kho attalābhaparihānibhayena. Ayañhi yathā tathā attano mahājanassa sambhāvanaṃ uppādetvā kohaññena pare vimhāpetvā lābhuppādaṃ nijigisanto vicarati, tasmā tathā avoca, tenāha ‘‘iminā kirā’’tiādi.
ตงฺขณานุรูปายาติ ยาทิสี ตทา ตสฺส อชฺฌาสยปฺปวตฺติ, ตทนุรูปายาติ อโตฺถฯ ตสฺส ตทา ตาทิสสฺส วิวฎฺฎสนฺนิสฺสิตสฺส ญาณสฺส ปริปากสฺส อภาวโต เกวลํ อพฺภุทยนิสฺสิโต เอว อโตฺถ ทสฺสิโตติ อาห ‘‘ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกมตฺถํ สนฺทเสฺสตฺวา’’ติ, ปจฺจกฺขโต วิภาเวตฺวาติ อโตฺถฯ กุสเล ธเมฺมติ เตภูมเก กุสเล ธเมฺม, ‘‘จตุภูมเก’’ติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติเยว, เตเนวาห ‘‘อายติํ นิพฺพานตฺถาย วาสนาภาคิยา วา’’ติฯ ตตฺถาติ กุสลธเมฺม ยถา สมาทปิเตฯ นนฺติ พฺราหฺมณํ สมุเตฺตเชตฺวาติ สมฺมเทว อุปรูปริ นิสาเนตฺวา ปุญฺญกิริยาย ติกฺขวิสทภาวํ อาปาเทตฺวาฯ ตํ ปน อตฺถโต ตตฺถ อุสฺสาหชนนํ โหตีติ อาห ‘‘สอุสฺสาหํ กตฺวา’’ติ ฯ เอวํ ปุญฺญกิริยาย สอุสฺสาหตา, เอวรูปํ คุณสมงฺคิตา จ นิยมโต ทิฎฺฐธมฺมิกา อตฺถสมฺปาทนีติ เอวํ สอุสฺสาหตาย, อเญฺญหิ จ ตสฺมิํ วิชฺชมานคุเณหิ สมฺปหํเสตฺวา สมฺมเทว หฎฺฐตุฎฺฐภาวํ อาปาเทตฺวาฯ
Taṅkhaṇānurūpāyāti yādisī tadā tassa ajjhāsayappavatti, tadanurūpāyāti attho. Tassa tadā tādisassa vivaṭṭasannissitassa ñāṇassa paripākassa abhāvato kevalaṃ abbhudayanissito eva attho dassitoti āha ‘‘diṭṭhadhammikasamparāyikamatthaṃ sandassetvā’’ti, paccakkhato vibhāvetvāti attho. Kusale dhammeti tebhūmake kusale dhamme, ‘‘catubhūmake’’tipi vattuṃ vaṭṭatiyeva, tenevāha ‘‘āyatiṃ nibbānatthāya vāsanābhāgiyā vā’’ti. Tatthāti kusaladhamme yathā samādapite. Nanti brāhmaṇaṃ samuttejetvāti sammadeva uparūpari nisānetvā puññakiriyāya tikkhavisadabhāvaṃ āpādetvā. Taṃ pana atthato tattha ussāhajananaṃ hotīti āha ‘‘saussāhaṃ katvā’’ti . Evaṃ puññakiriyāya saussāhatā, evarūpaṃ guṇasamaṅgitā ca niyamato diṭṭhadhammikā atthasampādanīti evaṃ saussāhatāya, aññehi ca tasmiṃ vijjamānaguṇehi sampahaṃsetvā sammadeva haṭṭhatuṭṭhabhāvaṃ āpādetvā.
ยทิ ภควา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสิ, อถ กสฺมา โส วิเสสํ นาธิคจฺฉตีติ อาห ‘‘พฺราหฺมโณ ปนา’’ติอาทิฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ภควา ตสฺส ตถา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสีติ อาห ‘‘เกวลมสฺสา’’ติอาทิฯ น หิ ภควโต นิรตฺถกา เทสนา โหตีติฯ
Yadi bhagavā dhammaratanavassaṃ vassi, atha kasmā so visesaṃ nādhigacchatīti āha ‘‘brāhmaṇo panā’’tiādi. Yadi evaṃ kasmā bhagavā tassa tathā dhammaratanavassaṃ vassīti āha ‘‘kevalamassā’’tiādi. Na hi bhagavato niratthakā desanā hotīti.
โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ
Soṇadaṇḍasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๔. โสณทณฺฑสุตฺตํ • 4. Soṇadaṇḍasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๔. โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนา • 4. Soṇadaṇḍasuttavaṇṇanā