Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
๑๙. สฎฺฐินิปาโต
19. Saṭṭhinipāto
[๕๒๙] ๑. โสณกชาตกวณฺณนา
[529] 1. Soṇakajātakavaṇṇanā
กสฺส สุตฺวา สตํ ทมฺมีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เนกฺขมฺมปารมิํ อารพฺภ กเถสิฯ ตทา หิ ภควา ธมฺมสภายํ เนกฺขมฺมปารมิํ วณฺณยนฺตานํ ภิกฺขูนํ มเชฺฌ นิสีทิตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ ตถาคโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขโนฺตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Kassasutvā sataṃ dammīti idaṃ satthā jetavane viharanto nekkhammapāramiṃ ārabbha kathesi. Tadā hi bhagavā dhammasabhāyaṃ nekkhammapāramiṃ vaṇṇayantānaṃ bhikkhūnaṃ majjhe nisīditvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi tathāgato mahābhinikkhamanaṃ nikkhantoyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต ราชคเห มคธราชา นาม รชฺชํ กาเรสิฯ โพธิสโตฺต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมิํ นิพฺพตฺติ, นามคฺคหณทิวเส จสฺส ‘‘อรินฺทมกุมาโร’’ติ นามํ กริํสุฯ ตสฺส ชาตทิวเสเยว ปุโรหิตสฺสปิ ปุโตฺต ชายิ, ‘‘โสณกกุมาโร’’ติสฺส นามํ กริํสุฯ เต อุโภปิ เอกโตว วฑฺฒิตฺวา วยปฺปตฺตา อุตฺตมรูปธรา รูเปน นิพฺพิเสสา หุตฺวา ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา อุคฺคหิตสิปฺปา ตโต นิกฺขมิตฺวา ‘‘สพฺพสมยสิปฺปญฺจ เทสจาริตฺตญฺจ ชานิสฺสามา’’ติ อนุปุเพฺพน จาริกํ จรนฺตา พาราณสิํ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส นครํ ปวิสิํสุฯ ตํ ทิวสญฺจ เอกเจฺจ มนุสฺสา ‘‘พฺราหฺมณวาจนกํ กริสฺสามา’’ติ ปายาสํ ปฎิยาเทตฺวา อาสนานิ ปญฺญาเปตฺวา อาคจฺฉเนฺต เต กุมาเร ทิสฺวา ฆรํ ปเวเสตฺวา ปญฺญตฺตาสเน นิสีทาเปสุํฯ ตตฺถ โพธิสตฺตสฺส ปญฺญตฺตาสเน สุทฺธวตฺถํ อตฺถตํ อโหสิ, โสณกสฺส รตฺตกมฺพลํฯ โส ตํ นิมิตฺตํ ทิสฺวาว ‘‘อชฺช เม ปิยสหาโย อรินฺทมกุมาโร พาราณสิราชา ภวิสฺสติ, มยฺหํ ปน เสนาปติฎฺฐานํ ทสฺสตี’’ติ อญฺญาสิฯ เต อุโภปิ กตภตฺตกิจฺจา อุยฺยานเมว อคมํสุฯ
Atīte rājagahe magadharājā nāma rajjaṃ kāresi. Bodhisatto tassa aggamahesiyā kucchismiṃ nibbatti, nāmaggahaṇadivase cassa ‘‘arindamakumāro’’ti nāmaṃ kariṃsu. Tassa jātadivaseyeva purohitassapi putto jāyi, ‘‘soṇakakumāro’’tissa nāmaṃ kariṃsu. Te ubhopi ekatova vaḍḍhitvā vayappattā uttamarūpadharā rūpena nibbisesā hutvā takkasilaṃ gantvā uggahitasippā tato nikkhamitvā ‘‘sabbasamayasippañca desacārittañca jānissāmā’’ti anupubbena cārikaṃ carantā bārāṇasiṃ patvā rājuyyāne vasitvā punadivase nagaraṃ pavisiṃsu. Taṃ divasañca ekacce manussā ‘‘brāhmaṇavācanakaṃ karissāmā’’ti pāyāsaṃ paṭiyādetvā āsanāni paññāpetvā āgacchante te kumāre disvā gharaṃ pavesetvā paññattāsane nisīdāpesuṃ. Tattha bodhisattassa paññattāsane suddhavatthaṃ atthataṃ ahosi, soṇakassa rattakambalaṃ. So taṃ nimittaṃ disvāva ‘‘ajja me piyasahāyo arindamakumāro bārāṇasirājā bhavissati, mayhaṃ pana senāpatiṭṭhānaṃ dassatī’’ti aññāsi. Te ubhopi katabhattakiccā uyyānameva agamaṃsu.
ตทา พาราณสิรโญฺญ กาลกตสฺส สตฺตโม ทิวโส โหติ, อปุตฺตกํ ราชกุลํฯ อมจฺจาทโย ปาโตว สสีสํ นฺหาตา สนฺนิปติตฺวา ‘‘รชฺชารหสฺส สนฺติกํ คมิสฺสตี’’ติ ผุสฺสรถํ โยเชตฺวา วิสฺสเชฺชสุํฯ โส นครา นิกฺขมิตฺวา อนุปุเพฺพน ราชุยฺยานํ คนฺตฺวา อุยฺยานทฺวาเร นิวตฺติตฺวา อาโรหณสโชฺช หุตฺวา อฎฺฐาสิฯ โพธิสโตฺต มงฺคลสิลาปเฎฺฎสสีสํ ปารุปิตฺวา นิปชฺชิ, โสณกกุมาโร ตสฺส สนฺติเก นิสีทิฯ โส ตูริยสทฺทํ สุตฺวา ‘‘อรินฺทมสฺส ผุสฺสรโถ อาคจฺฉติ, อเชฺชส ราชา หุตฺวา มม เสนาปติฎฺฐานํ ทสฺสติ, น โข ปน มยฺหํ อิสฺสริเยนโตฺถ, เอตสฺมิํ คเต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา เอกมเนฺต ปฎิจฺฉเนฺน อฎฺฐาสิฯ ปุโรหิโต อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา มหาสตฺตํ นิปนฺนกํ ทิสฺวา ตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสิฯ มหาสโตฺต ปพุชฺฌิตฺวา ปริวตฺติตฺวา โถกํ นิปชฺชิตฺวา อุฎฺฐาย สิลาปเฎฺฎ ปลฺลเงฺกน นิสีทิฯ อถ นํ ปุโรหิโต อญฺชลิํ ปคฺคณฺหิตฺวา อาห – ‘‘รชฺชํ เต, เทว, ปาปุณาตี’’ติฯ ‘‘กิํ อปุตฺตกํ ราชกุล’’นฺติ? ‘‘เอวํ, เทวา’’ติฯ ‘‘เตน หิ สาธู’’ติฯ อถ นํ เต ตเตฺถว อภิสิญฺจิตฺวา รถํ อาโรเปตฺวา มหเนฺตน ปริวาเรน นครํ ปเวเสสุํฯ โส นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปาสาทํ อภิรูหิฯ โส ยสมหนฺตตาย โสณกกุมารํ น สริฯ
Tadā bārāṇasirañño kālakatassa sattamo divaso hoti, aputtakaṃ rājakulaṃ. Amaccādayo pātova sasīsaṃ nhātā sannipatitvā ‘‘rajjārahassa santikaṃ gamissatī’’ti phussarathaṃ yojetvā vissajjesuṃ. So nagarā nikkhamitvā anupubbena rājuyyānaṃ gantvā uyyānadvāre nivattitvā ārohaṇasajjo hutvā aṭṭhāsi. Bodhisatto maṅgalasilāpaṭṭesasīsaṃ pārupitvā nipajji, soṇakakumāro tassa santike nisīdi. So tūriyasaddaṃ sutvā ‘‘arindamassa phussaratho āgacchati, ajjesa rājā hutvā mama senāpatiṭṭhānaṃ dassati, na kho pana mayhaṃ issariyenattho, etasmiṃ gate nikkhamitvā pabbajissāmī’’ti cintetvā ekamante paṭicchanne aṭṭhāsi. Purohito uyyānaṃ pavisitvā mahāsattaṃ nipannakaṃ disvā tūriyāni paggaṇhāpesi. Mahāsatto pabujjhitvā parivattitvā thokaṃ nipajjitvā uṭṭhāya silāpaṭṭe pallaṅkena nisīdi. Atha naṃ purohito añjaliṃ paggaṇhitvā āha – ‘‘rajjaṃ te, deva, pāpuṇātī’’ti. ‘‘Kiṃ aputtakaṃ rājakula’’nti? ‘‘Evaṃ, devā’’ti. ‘‘Tena hi sādhū’’ti. Atha naṃ te tattheva abhisiñcitvā rathaṃ āropetvā mahantena parivārena nagaraṃ pavesesuṃ. So nagaraṃ padakkhiṇaṃ katvā pāsādaṃ abhirūhi. So yasamahantatāya soṇakakumāraṃ na sari.
โสปิ ตสฺมิํ นครํ ปวิเฎฺฐ ปจฺฉา อาคนฺตฺวา สิลาปเฎฺฎ นิสีทิฯ อถสฺส ปุรโต พนฺธนา ปวุตฺตํ สาลรุกฺขโต ปณฺฑุปลาสํ ปติฯ โส ตํ ทิสฺวาว ‘‘ยเถเวตํ, ตถา มมปิ สรีรํ ชรํ ปตฺวา ปติสฺสตี’’ติ อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา ปเจฺจกโพธิํ ปาปุณิฯ ตํขณเญฺญวสฺส คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายิ, ปพฺพชิตลิงฺคํ ปาตุรโหสิฯ โส ‘‘นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ อุทานํ อุทาเนโนฺต นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิฯ มหาสโตฺตปิ จตฺตาลีสมตฺตานํ สํวจฺฉรานํ อจฺจเยน สริตฺวา ‘‘กหํ นุ โข เม สหาโย โสณโก’’ติ โสณกํ ปุนปฺปุนํ สรโนฺตปิ ‘‘มยา สุโต วา ทิโฎฺฐ วา’’ติ วตฺตารํ อลภิตฺวา อลงฺกตมหาตเล ราชปลฺลเงฺก นิสิโนฺน คนฺธพฺพนาฎกนจฺจคีตาทีหิ ปริวุโต สมฺปตฺติมนุภวโนฺต ‘‘โย เม กสฺสจิ สนฺติเก สุตฺวา ‘อสุกฎฺฐาเน นาม โสณโก วสตี’ติ อาจิกฺขิสฺสติ, ตสฺส สตํ ทสฺสามิ, โย เม สามํ ทิสฺวา อาโรเจสฺสติ, ตสฺส สหสฺส’’นฺติ เอกํ อุทานํ อภิสงฺขริตฺวา คีตวเสน อุทาเนโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Sopi tasmiṃ nagaraṃ paviṭṭhe pacchā āgantvā silāpaṭṭe nisīdi. Athassa purato bandhanā pavuttaṃ sālarukkhato paṇḍupalāsaṃ pati. So taṃ disvāva ‘‘yathevetaṃ, tathā mamapi sarīraṃ jaraṃ patvā patissatī’’ti aniccādivasena vipassanaṃ paṭṭhapetvā paccekabodhiṃ pāpuṇi. Taṃkhaṇaññevassa gihiliṅgaṃ antaradhāyi, pabbajitaliṅgaṃ pāturahosi. So ‘‘natthi dāni punabbhavo’’ti udānaṃ udānento nandamūlakapabbhāraṃ agamāsi. Mahāsattopi cattālīsamattānaṃ saṃvaccharānaṃ accayena saritvā ‘‘kahaṃ nu kho me sahāyo soṇako’’ti soṇakaṃ punappunaṃ sarantopi ‘‘mayā suto vā diṭṭho vā’’ti vattāraṃ alabhitvā alaṅkatamahātale rājapallaṅke nisinno gandhabbanāṭakanaccagītādīhi parivuto sampattimanubhavanto ‘‘yo me kassaci santike sutvā ‘asukaṭṭhāne nāma soṇako vasatī’ti ācikkhissati, tassa sataṃ dassāmi, yo me sāmaṃ disvā ārocessati, tassa sahassa’’nti ekaṃ udānaṃ abhisaṅkharitvā gītavasena udānento paṭhamaṃ gāthamāha –
‘‘กสฺส สุตฺวา สตํ ทมฺมิ, สหสฺสํ ทิฎฺฐ โสณกํ;
‘‘Kassa sutvā sataṃ dammi, sahassaṃ diṭṭha soṇakaṃ;
โก เม โสณกมกฺขาติ, สหายํ ปํสุกีฬิต’’นฺติฯ
Ko me soṇakamakkhāti, sahāyaṃ paṃsukīḷita’’nti.
อถสฺส มุขโต ลุญฺจนฺตี วิย คเหตฺวา เอกา นาฎกีตฺถี ตํ คายิฯ อถญฺญา อถญฺญาติ ‘‘อมฺหากํ รโญฺญ ปิยคีต’’นฺติ สพฺพา โอโรธา คายิํสุฯ อนุกฺกเมน นครวาสิโนปิ ชานปทาปิ ตเมว คีตํ คายิํสุฯ ราชาปิ ปุนปฺปุนํ ตเมว คีตํ คายติฯ ปณฺณาสมตฺตานํ สํวจฺฉรานํ อจฺจเยน ปนสฺส พหู ปุตฺตธีตโร อเหสุํ, เชฎฺฐปุโตฺต ทีฆาวุกุมาโร นาม อโหสิฯ ตทา โสณกปเจฺจกพุโทฺธ ‘‘อรินฺทมราชา มํ ทฎฺฐุกาโม, อหํ ตตฺถ คนฺตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขเมฺม จานิสํสํ กเถตฺวา ปพฺพชฺชนาการํ กโรมี’’ติ จิเนฺตตฺวา อิทฺธิยา อากาเสนาคนฺตฺวา อุยฺยาเน นิสีทิฯ ตทา เอโก สตฺตวสฺสิโก ปญฺจจูฬกกุมารโก มาตรา ปหิโต คนฺตฺวา อุยฺยานวเน ทารูนิ อุทฺธรโนฺต ปุนปฺปุนํ ตเมว คีตํ คายิฯ อถ นํ โส ปโกฺกสิตฺวา ‘‘กุมารก, ตฺวํ อญฺญํ อคายิตฺวา เอกเมว คีตํ คายสิ, กิํ อญฺญํ น ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ชานามิ, ภเนฺต, อมฺหากํ ปน รโญฺญ อิทเมว ปิยํ, เตน นํ ปุนฺนปฺปุนํ คายามี’’ติฯ ‘‘เอตสฺส ปน เต คีตสฺส ปฎิคีตํ คายโนฺต โกจิ ทิฎฺฐปุโพฺพ’’ติฯ ‘‘น ทิฎฺฐปุโพฺพ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘อหํ ตํ สิกฺขาเปสฺสามิ, สกฺขิสฺสสิ รโญฺญ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฎิคีตํ คายิตุ’’นฺติฯ ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติฯ อถสฺส โส ปฎิคีตํ อาจิกฺขโนฺต ‘‘มยฺหํ สุตฺวา’’ติอาทิมาหฯ อุคฺคณฺหาเปตฺวา จ ปน ตํ อุโยฺยเชสิ – ‘‘คจฺฉ, กุมารก, อิมํ ปฎิคีตํ รญฺญา สทฺธิํ คายาหิ, ราชา เต มหนฺตํ อิสฺสริยํ ทสฺสติ, กิํ เต ทารูหิ, เวเคน ยาหี’’ติฯ
Athassa mukhato luñcantī viya gahetvā ekā nāṭakītthī taṃ gāyi. Athaññā athaññāti ‘‘amhākaṃ rañño piyagīta’’nti sabbā orodhā gāyiṃsu. Anukkamena nagaravāsinopi jānapadāpi tameva gītaṃ gāyiṃsu. Rājāpi punappunaṃ tameva gītaṃ gāyati. Paṇṇāsamattānaṃ saṃvaccharānaṃ accayena panassa bahū puttadhītaro ahesuṃ, jeṭṭhaputto dīghāvukumāro nāma ahosi. Tadā soṇakapaccekabuddho ‘‘arindamarājā maṃ daṭṭhukāmo, ahaṃ tattha gantvā kāmesu ādīnavaṃ nekkhamme cānisaṃsaṃ kathetvā pabbajjanākāraṃ karomī’’ti cintetvā iddhiyā ākāsenāgantvā uyyāne nisīdi. Tadā eko sattavassiko pañcacūḷakakumārako mātarā pahito gantvā uyyānavane dārūni uddharanto punappunaṃ tameva gītaṃ gāyi. Atha naṃ so pakkositvā ‘‘kumāraka, tvaṃ aññaṃ agāyitvā ekameva gītaṃ gāyasi, kiṃ aññaṃ na jānāsī’’ti pucchi. ‘‘Jānāmi, bhante, amhākaṃ pana rañño idameva piyaṃ, tena naṃ punnappunaṃ gāyāmī’’ti. ‘‘Etassa pana te gītassa paṭigītaṃ gāyanto koci diṭṭhapubbo’’ti. ‘‘Na diṭṭhapubbo, bhante’’ti. ‘‘Ahaṃ taṃ sikkhāpessāmi, sakkhissasi rañño santikaṃ gantvā paṭigītaṃ gāyitu’’nti. ‘‘Āma, bhante’’ti. Athassa so paṭigītaṃ ācikkhanto ‘‘mayhaṃ sutvā’’tiādimāha. Uggaṇhāpetvā ca pana taṃ uyyojesi – ‘‘gaccha, kumāraka, imaṃ paṭigītaṃ raññā saddhiṃ gāyāhi, rājā te mahantaṃ issariyaṃ dassati, kiṃ te dārūhi, vegena yāhī’’ti.
โส ‘‘สาธู’’ติ ตํ ปฎิคีตํ อุคฺคณฺหิตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘ภเนฺต, ยาวาหํ ราชานํ อาเนมิ, ตาว อิเธว โหถา’’ติ วตฺวา เวเคน มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘อมฺม, ขิปฺปํ มํ นฺหาเปตฺวา อลงฺกโรถ, อชฺช ตํ ทลิทฺทภาวโต โมเจสฺสามี’’ติ วตฺวา นฺหาตมณฺฑิโต ราชทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘อยฺย โทวาริก, ‘เอโก ทารโก ตุเมฺหหิ สทฺธิํ ปฎิคีตํ คายิสฺสามีติ อาคนฺตฺวา ทฺวาเร ฐิโต’ติ รโญฺญ อโรเจหี’’ติ อาหฯ โส เวเคน คนฺตฺวา รโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา ‘‘อาคจฺฉตู’’ติ ปโกฺกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, ตฺวํ มยา สทฺธิํ ปฎิคีตํ คายิสฺสสี’’ติ อาหฯ ‘‘อาม, เทวา’’ติฯ ‘‘เตน หิ คายสฺสู’’ติฯ ‘‘เทว, อิมสฺมิํ ฐาเน น คายามิ, นคเร ปน เภริํ จราเปตฺวา มหาชนํ สนฺนิปาตาเปถ, มหาชนมเชฺฌ คายิสฺสามี’’ติฯ ราชา ตถา กาเรตฺวา อลงฺกตมณฺฑเป ปลฺลงฺกมเชฺฌ นิสีทิตฺวา ตสฺสานุรูปํ อาสนํ ทาเปตฺวา ‘‘อิทานิ ตว คีตํ คายสฺสู’’ติ อาหฯ ‘‘เทว, ตุเมฺห ตาว คายถ, อถาหํ ปฎิคีตํ คายิสฺสามี’’ติฯ ตโต ราชา ปฐมํ คายโนฺต คาถมาห –
So ‘‘sādhū’’ti taṃ paṭigītaṃ uggaṇhitvā vanditvā, ‘‘bhante, yāvāhaṃ rājānaṃ ānemi, tāva idheva hothā’’ti vatvā vegena mātu santikaṃ gantvā, ‘‘amma, khippaṃ maṃ nhāpetvā alaṅkarotha, ajja taṃ daliddabhāvato mocessāmī’’ti vatvā nhātamaṇḍito rājadvāraṃ gantvā ‘‘ayya dovārika, ‘eko dārako tumhehi saddhiṃ paṭigītaṃ gāyissāmīti āgantvā dvāre ṭhito’ti rañño arocehī’’ti āha. So vegena gantvā rañño ārocesi. Rājā ‘‘āgacchatū’’ti pakkosāpetvā, ‘‘tāta, tvaṃ mayā saddhiṃ paṭigītaṃ gāyissasī’’ti āha. ‘‘Āma, devā’’ti. ‘‘Tena hi gāyassū’’ti. ‘‘Deva, imasmiṃ ṭhāne na gāyāmi, nagare pana bheriṃ carāpetvā mahājanaṃ sannipātāpetha, mahājanamajjhe gāyissāmī’’ti. Rājā tathā kāretvā alaṅkatamaṇḍape pallaṅkamajjhe nisīditvā tassānurūpaṃ āsanaṃ dāpetvā ‘‘idāni tava gītaṃ gāyassū’’ti āha. ‘‘Deva, tumhe tāva gāyatha, athāhaṃ paṭigītaṃ gāyissāmī’’ti. Tato rājā paṭhamaṃ gāyanto gāthamāha –
๑.
1.
‘‘กสฺส สุตฺวา สตํ ทมฺมิ, สหสฺสํ ทิฎฺฐ โสณกํ;
‘‘Kassa sutvā sataṃ dammi, sahassaṃ diṭṭha soṇakaṃ;
โส เม โสณกมกฺขาติ, สหายํ ปํสุกีฬิต’’นฺติฯ
So me soṇakamakkhāti, sahāyaṃ paṃsukīḷita’’nti.
ตตฺถ สุตฺวาติ ‘‘อสุกฎฺฐาเน นาม เต ปิยสหาโย โสณโก วสตี’’ติ ตสฺส วสนฎฺฐานํ สุตฺวา อาโรเจนฺตสฺส กสฺส สตํ ทมฺมิฯ ทิฎฺฐาติ ‘‘อสุกฎฺฐาเน นาม มยา ทิโฎฺฐ’’ติ ทิสฺวา อาโรเจนฺตสฺส กสฺส สหสฺสํ ทมฺมีติฯ
Tattha sutvāti ‘‘asukaṭṭhāne nāma te piyasahāyo soṇako vasatī’’ti tassa vasanaṭṭhānaṃ sutvā ārocentassa kassa sataṃ dammi. Diṭṭhāti ‘‘asukaṭṭhāne nāma mayā diṭṭho’’ti disvā ārocentassa kassa sahassaṃ dammīti.
เอวํ รญฺญา ปฐมํ อุทานคาถาย คีตาย ปญฺจจูฬกทารเกน ปฎิคีตภาวํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา ทียฑฺฒคาถา อภาสิ –
Evaṃ raññā paṭhamaṃ udānagāthāya gītāya pañcacūḷakadārakena paṭigītabhāvaṃ pakāsento satthā abhisambuddho hutvā dīyaḍḍhagāthā abhāsi –
๒.
2.
‘‘อถพฺรวี มาณวโก, ทหโร ปญฺจจูฬโก;
‘‘Athabravī māṇavako, daharo pañcacūḷako;
มยฺหํ สุตฺวา สตํ เทหิ, สหสฺสํ ทิฎฺฐ โสณกํ;
Mayhaṃ sutvā sataṃ dehi, sahassaṃ diṭṭha soṇakaṃ;
อหํ เต โสณกกฺขิสฺสํ, สหายํ ปํสุกีฬิต’’นฺติฯ
Ahaṃ te soṇakakkhissaṃ, sahāyaṃ paṃsukīḷita’’nti.
เตน วุตฺตคาถาย ปน อยมโตฺถ – มหาราช, ยํ ตฺวํ ‘‘สุตฺวา อาโรเจนฺตสฺส สตํ ทมฺมี’’ติ วทสิ, ตมฺปิ มเมว เทหิ, ยํ ‘‘ทิสฺวา อาโรเจนฺตสฺส สหสฺสํ ทมฺมี’’ติ วทสิ, ตมฺปิ มยฺหเมว เทหิ, อหํ เต ปิยสหายํ อิทาเนว ปจฺจกฺขโตว ‘‘อยํ โสณโก’’ติ อาจิกฺขิสฺสนฺติฯ
Tena vuttagāthāya pana ayamattho – mahārāja, yaṃ tvaṃ ‘‘sutvā ārocentassa sataṃ dammī’’ti vadasi, tampi mameva dehi, yaṃ ‘‘disvā ārocentassa sahassaṃ dammī’’ti vadasi, tampi mayhameva dehi, ahaṃ te piyasahāyaṃ idāneva paccakkhatova ‘‘ayaṃ soṇako’’ti ācikkhissanti.
อิโต ปรํ สุวิเญฺญยฺยา สมฺพุทฺธคาถา ปาฬินเยเนว เวทิตพฺพา –
Ito paraṃ suviññeyyā sambuddhagāthā pāḷinayeneva veditabbā –
๓.
3.
‘‘กตมสฺมิํ โส ชนปเท, รเฎฺฐสุ นิคเมสุ จ;
‘‘Katamasmiṃ so janapade, raṭṭhesu nigamesu ca;
กตฺถ โสณกมทฺทกฺขิ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโตฯ
Kattha soṇakamaddakkhi, taṃ me akkhāhi pucchito.
๔.
4.
‘‘ตเวว เทว วิชิเต, ตเววุยฺยานภูมิยํ;
‘‘Taveva deva vijite, tavevuyyānabhūmiyaṃ;
อุชุวํสา มหาสาลา, นีโลภาสา มโนรมาฯ
Ujuvaṃsā mahāsālā, nīlobhāsā manoramā.
๕.
5.
‘‘ติฎฺฐนฺติ เมฆสมานา, รมฺมา อโญฺญญฺญนิสฺสิตา;
‘‘Tiṭṭhanti meghasamānā, rammā aññoññanissitā;
เตสํ มูลมฺหิ โสณโก, ฌายตี อนุปาทโน;
Tesaṃ mūlamhi soṇako, jhāyatī anupādano;
อุปาทาเนสุ โลเกสุ, ฑยฺหมาเนสุ นิพฺพุโตฯ
Upādānesu lokesu, ḍayhamānesu nibbuto.
๖.
6.
‘‘ตโต จ ราชา ปายาสิ, เสนาย จตุรงฺคิยา;
‘‘Tato ca rājā pāyāsi, senāya caturaṅgiyā;
การาเปตฺวา สมํ มคฺคํ, อคมา เยน โสณโกฯ
Kārāpetvā samaṃ maggaṃ, agamā yena soṇako.
๗.
7.
‘‘อุยฺยานภูมิํ คนฺตฺวาน, วิจรโนฺต พฺรหาวเน;
‘‘Uyyānabhūmiṃ gantvāna, vicaranto brahāvane;
อาสีนํ โสณกํ ทกฺขิ, ฑยฺหมาเนสุ นิพฺพุต’’นฺติฯ
Āsīnaṃ soṇakaṃ dakkhi, ḍayhamānesu nibbuta’’nti.
ตตฺถ อุชุวํสาติ อุชุกฺขนฺธาฯ มหาสาลาติ มหารุกฺขาฯ เมฆสมานาติ นีลเมฆสทิสาฯ รมฺมาติ รมณียาฯ อโญฺญญฺญนิสฺสิตาติ สาขาหิ สาขํ, มูเลน มูลํ สํสิพฺพิตฺวา ฐิตาฯ เตสนฺติ เตสํ เอวรูปานํ ตว อุยฺยานวเน สาลานํ เหฎฺฐาฯ ฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานอารมฺมณูปนิชฺฌานสงฺขาเตหิ ฌาเนหิ ฌายติฯ อนุปาทโนติ กามุปาทานาทิวิรหิโตฯ ฑยฺหมาเนสูติ เอกาทสหิ อคฺคีหิ ฑยฺหมาเนสุ สเตฺตสุฯ นิพฺพุโตติ เต อคฺคี นิพฺพาเปตฺวา สีตเลน หทเยน ฌายมาโน ตว อุยฺยาเน มงฺคลสาลรุกฺขมูเล สิลาปเฎฺฎ นิสิโนฺน เอส เต สหาโย กญฺจนปฎิมา วิย โสภมาโน ปฎิมาเนตีติฯ ตโต จาติ, ภิกฺขเว, ตโต โส อรินฺทโม ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวาว ‘‘โสณกปเจฺจกพุทฺธํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ จตุรงฺคินิยา เสนาย ปายาสิ นิกฺขมิฯ วิจรโนฺตติ อุชุกเมว อคนฺตฺวา ตสฺมิํ มหเนฺต วนสเณฺฑ วิจรโนฺต ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ อาสีนํ อทฺทกฺขิฯ
Tattha ujuvaṃsāti ujukkhandhā. Mahāsālāti mahārukkhā. Meghasamānāti nīlameghasadisā. Rammāti ramaṇīyā. Aññoññanissitāti sākhāhi sākhaṃ, mūlena mūlaṃ saṃsibbitvā ṭhitā. Tesanti tesaṃ evarūpānaṃ tava uyyānavane sālānaṃ heṭṭhā. Jhāyatīti lakkhaṇūpanijjhānaārammaṇūpanijjhānasaṅkhātehi jhānehi jhāyati. Anupādanoti kāmupādānādivirahito. Ḍayhamānesūti ekādasahi aggīhi ḍayhamānesu sattesu. Nibbutoti te aggī nibbāpetvā sītalena hadayena jhāyamāno tava uyyāne maṅgalasālarukkhamūle silāpaṭṭe nisinno esa te sahāyo kañcanapaṭimā viya sobhamāno paṭimānetīti. Tato cāti, bhikkhave, tato so arindamo rājā tassa vacanaṃ sutvāva ‘‘soṇakapaccekabuddhaṃ passissāmī’’ti caturaṅginiyā senāya pāyāsi nikkhami. Vicarantoti ujukameva agantvā tasmiṃ mahante vanasaṇḍe vicaranto tassa santikaṃ gantvā taṃ āsīnaṃ addakkhi.
โส ตํ อวนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา อตฺตโน กิเลสาภิรตตฺตา ตํ ‘‘กปโณ’’ติ มญฺญมาโน อิมํ คาถมาห –
So taṃ avanditvā ekamantaṃ nisīditvā attano kilesābhiratattā taṃ ‘‘kapaṇo’’ti maññamāno imaṃ gāthamāha –
๘.
8.
‘‘กปโณ วตยํ ภิกฺขุ, มุโณฺฑ สงฺฆาฎิปารุโต;
‘‘Kapaṇo vatayaṃ bhikkhu, muṇḍo saṅghāṭipāruto;
อมาติโก อปิติโก, รุกฺขมูลสฺมิ ฌายตี’’ติฯ
Amātiko apitiko, rukkhamūlasmi jhāyatī’’ti.
ตตฺถ ฌายตีติ นิมฺมาติโก นิปฺปิติโก การุญฺญปฺปโตฺต ฌายติฯ
Tattha jhāyatīti nimmātiko nippitiko kāruññappatto jhāyati.
๙.
9.
‘‘อิมํ วากฺยํ นิสาเมตฺวา, โสณโก เอตทพฺรวิ;
‘‘Imaṃ vākyaṃ nisāmetvā, soṇako etadabravi;
น ราช กปโณ โหติ, ธมฺมํ กาเยน ผสฺสยํฯ
Na rāja kapaṇo hoti, dhammaṃ kāyena phassayaṃ.
๑๐.
10.
‘‘โย จ ธมฺมํ นิรํกตฺวา, อธมฺมมนุวตฺตติ;
‘‘Yo ca dhammaṃ niraṃkatvā, adhammamanuvattati;
ส ราช กปโณ โหติ, ปาโป ปาปปรายโณ’’ติฯ
Sa rāja kapaṇo hoti, pāpo pāpaparāyaṇo’’ti.
ตตฺถ อิมนฺติ ตสฺส กิเลสาภิรตสฺส ปพฺพชฺชํ อโรเจนฺตสฺส อิมํ ปพฺพชฺชาครหวจนํ สุตฺวาฯ เอตทพฺรวีติ ปพฺพชฺชาย คุณํ ปกาเสโนฺต เอตํ อพฺรวิฯ ผสฺสยนฺติ ผสฺสยโนฺต เยน อริยมคฺคธโมฺม นามกาเยน ผสฺสิโต, โส กปโณ นาม น โหตีติ ทเสฺสโนฺต เอวมาหฯ นิรํกตฺวาติ อตฺตภาวโต นีหริตฺวาฯ ปาโป ปาปปรายโณติ สยํ ปาปานํ กรเณน ปาโป, อเญฺญสมฺปิ กโรนฺตานํ ปติฎฺฐาภาเวน ปาปปรายโณติฯ
Tattha imanti tassa kilesābhiratassa pabbajjaṃ arocentassa imaṃ pabbajjāgarahavacanaṃ sutvā. Etadabravīti pabbajjāya guṇaṃ pakāsento etaṃ abravi. Phassayanti phassayanto yena ariyamaggadhammo nāmakāyena phassito, so kapaṇo nāma na hotīti dassento evamāha. Niraṃkatvāti attabhāvato nīharitvā. Pāpo pāpaparāyaṇoti sayaṃ pāpānaṃ karaṇena pāpo, aññesampi karontānaṃ patiṭṭhābhāvena pāpaparāyaṇoti.
เอวํ โส โพธิสตฺตํ ครหิฯ โส อตฺตโน ครหิตภาวํ อชานโนฺต วิย หุตฺวา นามโคตฺตํ กเถตฺวา เตน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กโรโนฺต คาถมาห –
Evaṃ so bodhisattaṃ garahi. So attano garahitabhāvaṃ ajānanto viya hutvā nāmagottaṃ kathetvā tena saddhiṃ paṭisanthāraṃ karonto gāthamāha –
๑๑.
11.
‘‘อรินฺทโมติ เม นามํ, กาสิราชาติ มํ วิทู;
‘‘Arindamoti me nāmaṃ, kāsirājāti maṃ vidū;
กจฺจิ โภโต สุขเสฺสยฺยา, อิธ ปตฺตสฺส โสณกา’’ติฯ
Kacci bhoto sukhasseyyā, idha pattassa soṇakā’’ti.
ตตฺถ กจฺจีติ อมฺหากํ ตาว น กิญฺจิ อผาสุกํ, โภโต ปน กจฺจิ อิธ ปตฺตสฺส อิมสฺมิํ อุยฺยาเน วสโต สุขวิหาโรติ ปุจฺฉติฯ
Tattha kaccīti amhākaṃ tāva na kiñci aphāsukaṃ, bhoto pana kacci idha pattassa imasmiṃ uyyāne vasato sukhavihāroti pucchati.
อถ นํ ปเจฺจกพุโทฺธ, ‘‘มหาราช, น เกวลํ อิธ, อญฺญตฺราปิ วสนฺตสฺส เม อสุขํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา ตสฺส สมณภทฺรคาถาโย นาม อารภิ –
Atha naṃ paccekabuddho, ‘‘mahārāja, na kevalaṃ idha, aññatrāpi vasantassa me asukhaṃ nāma natthī’’ti vatvā tassa samaṇabhadragāthāyo nāma ārabhi –
๑๒.
12.
‘‘สทาปิ ภทฺรมธนสฺส, อนาคารสฺส ภิกฺขุโน;
‘‘Sadāpi bhadramadhanassa, anāgārassa bhikkhuno;
น เตสํ โกเฎฺฐ โอเปนฺติ, น กุมฺภิํ น กโฬปิยํ;
Na tesaṃ koṭṭhe openti, na kumbhiṃ na kaḷopiyaṃ;
ปรนิฎฺฐิตเมสานา, เตน ยาเปนฺติ สุพฺพตาฯ
Paraniṭṭhitamesānā, tena yāpenti subbatā.
๑๓.
13.
‘‘ทุติยมฺปิ ภทฺรมธนสฺส, อนาคารสฺส ภิกฺขุโน;
‘‘Dutiyampi bhadramadhanassa, anāgārassa bhikkhuno;
อนวชฺชปิโณฺฑ โภตฺตโพฺพ, น จ โกจูปโรธติฯ
Anavajjapiṇḍo bhottabbo, na ca kocūparodhati.
๑๔.
14.
‘‘ตติยมฺปิ ภทฺรมธนสฺส, อนาคารสฺส ภิกฺขุโน;
‘‘Tatiyampi bhadramadhanassa, anāgārassa bhikkhuno;
นิพฺพุโต ปิโณฺฑ โภตฺตโพฺพ, น จ โกจูปโรธติฯ
Nibbuto piṇḍo bhottabbo, na ca kocūparodhati.
๑๕.
15.
‘‘จตุตฺถมฺปิ ภทฺรมธนสฺส, อนาคารสฺส ภิกฺขุโน;
‘‘Catutthampi bhadramadhanassa, anāgārassa bhikkhuno;
มุตฺตสฺส รเฎฺฐ จรโต, สโงฺค ยสฺส น วิชฺชติฯ
Muttassa raṭṭhe carato, saṅgo yassa na vijjati.
๑๖.
16.
‘‘ปญฺจมมฺปิ ภทฺรมธนสฺส, อนาคารสฺส ภิกฺขุโน;
‘‘Pañcamampi bhadramadhanassa, anāgārassa bhikkhuno;
นครมฺหิ ฑยฺหมานมฺหิ, นาสฺส กิญฺจิ อฑยฺหถฯ
Nagaramhi ḍayhamānamhi, nāssa kiñci aḍayhatha.
๑๗.
17.
‘‘ฉฎฺฐมฺปิ ภทฺรมธนสฺส, อนาคารสฺส ภิกฺขุโน;
‘‘Chaṭṭhampi bhadramadhanassa, anāgārassa bhikkhuno;
รเฎฺฐ วิลุมฺปมานมฺหิ, นาสฺส กิญฺจิ อหีรถฯ
Raṭṭhe vilumpamānamhi, nāssa kiñci ahīratha.
๑๘.
18.
‘‘สตฺตมมฺปิ ภทฺรมธนสฺส, อนาคารสฺส ภิกฺขุโน;
‘‘Sattamampi bhadramadhanassa, anāgārassa bhikkhuno;
โจเรหิ รกฺขิตํ มคฺคํ, เย จเญฺญ ปริปนฺถิกา;
Corehi rakkhitaṃ maggaṃ, ye caññe paripanthikā;
ปตฺตจีวรมาทาย, โสตฺถิํ คจฺฉติ สุพฺพโตฯ
Pattacīvaramādāya, sotthiṃ gacchati subbato.
๑๙.
19.
‘‘อฎฺฐมมฺปิ ภทฺรมธนสฺส, อนาคารสฺส ภิกฺขุโน;
‘‘Aṭṭhamampi bhadramadhanassa, anāgārassa bhikkhuno;
ยํ ยํ ทิสํ ปกฺกมติ, อนเปโกฺขว คจฺฉตี’’ติฯ
Yaṃ yaṃ disaṃ pakkamati, anapekkhova gacchatī’’ti.
ตตฺถ อนาคารสฺสาติ, มหาราช, ฆราวาสํ ปหาย อนาคาริยภาวํ ปตฺตสฺส อธนสฺส อกิญฺจนสฺส ภิกฺขุโน สพฺพกาลํ ภทฺรเมวฯ น เตสนฺติ, มหาราช, เตสํ อธนานํ ภิกฺขูนํ น โกฎฺฐาคาเร ธนธญฺญานิ โอเปนฺติ, น กุมฺภิยํ, น ปจฺฉิยํ, เต ปน สุพฺพตา ปรนิฎฺฐิตํ ปเรสํ ฆเร ปกฺกํ อาหารํ สงฺฆาฎิํ ปารุปิตฺวา กปาลมาทาย ฆรปฎิปาฎิยา เอสานา ปริเยสนฺตา เตน ตโต ลเทฺธน ปิเณฺฑน ตํ อาหารํ นวนฺนํ ปาฎิกุลฺยานํ วเสน ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุญฺชิตฺวา ชีวิตวุตฺติํ ยาเปนฺติฯ
Tattha anāgārassāti, mahārāja, gharāvāsaṃ pahāya anāgāriyabhāvaṃ pattassa adhanassa akiñcanassa bhikkhuno sabbakālaṃ bhadrameva. Na tesanti, mahārāja, tesaṃ adhanānaṃ bhikkhūnaṃ na koṭṭhāgāre dhanadhaññāni openti, na kumbhiyaṃ, na pacchiyaṃ, te pana subbatā paraniṭṭhitaṃ paresaṃ ghare pakkaṃ āhāraṃ saṅghāṭiṃ pārupitvā kapālamādāya gharapaṭipāṭiyā esānā pariyesantā tena tato laddhena piṇḍena taṃ āhāraṃ navannaṃ pāṭikulyānaṃ vasena paccavekkhitvā paribhuñjitvā jīvitavuttiṃ yāpenti.
อนวชฺชปิโณฺฑ โภตฺตโพฺพติ เวชฺชกมฺมาทิกาย อเนสนาย วา กุหนา ลปนา เนมิตฺติกตา นิเปฺปสิกตา ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตาติ เอวรูเปน มิจฺฉาชีเวน วา อุปฺปาทิตา จตฺตาโร ปจฺจยา, ธเมฺมน อุปฺปาทิตาปิ อปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุตฺตา สาวชฺชปิโณฺฑ นามฯ อเนสนํ ปน ปหาย มิจฺฉาชีวํ วเชฺชตฺวา ธเมฺมน สเมน อุปฺปาทิตา ‘‘ปฎิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฎิเสวามี’’ติ วุตฺตนเยเนว ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุตฺตา อนวชฺชปิโณฺฑ นามฯ เยน เอวรูโป อนวชฺชปิโณฺฑ โภตฺตโพฺพ ปริภุญฺชิตโพฺพ, ยญฺจ เอวรูปํ อนวชฺชํ ปิณฺฑํ ภุญฺชมานานํ ปจฺจเย นิสฺสาย โกจิ อปฺปมตฺตโกปิ กิเลโส น อุปโรธติ น ปีเฬติ, ตสฺส ทุติยมฺปิ ภทฺรํ อธนสฺส อนาคารสฺส ภิกฺขุโนฯ
Anavajjapiṇḍo bhottabboti vejjakammādikāya anesanāya vā kuhanā lapanā nemittikatā nippesikatā lābhena lābhaṃ nijigīsanatāti evarūpena micchājīvena vā uppāditā cattāro paccayā, dhammena uppāditāpi apaccavekkhitvā paribhuttā sāvajjapiṇḍo nāma. Anesanaṃ pana pahāya micchājīvaṃ vajjetvā dhammena samena uppāditā ‘‘paṭisaṅkhā yoniso cīvaraṃ paṭisevāmī’’ti vuttanayeneva paccavekkhitvā paribhuttā anavajjapiṇḍo nāma. Yena evarūpo anavajjapiṇḍo bhottabbo paribhuñjitabbo, yañca evarūpaṃ anavajjaṃ piṇḍaṃ bhuñjamānānaṃ paccaye nissāya koci appamattakopi kileso na uparodhati na pīḷeti, tassa dutiyampi bhadraṃ adhanassa anāgārassa bhikkhuno.
นิพฺพุโตติ ปุถุชฺชนภิกฺขุโน ธเมฺมน อุปฺปนฺนปิโณฺฑปิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุญฺชิยมาโน นิพฺพุตปิโณฺฑ นาม, เอกนฺตโต ปน ขีณาสวสฺส ปิโณฺฑว นิพฺพุตปิโณฺฑ นามฯ กิํการณา? โส หิ เถยฺยปริโภโค, อิณปริโภโค , ทายชฺชปริโภโค, สามิปริโภโคติ อิเมสุ จตูสุ ปริโภเคสุ สามิปริโภควเสน ตํ ภุญฺชติ, ตณฺหาทาสพฺยํ อตีโต สามี หุตฺวา ปริภุญฺชติ, น ตํ ตปฺปจฺจยา โกจิ อปฺปมตฺตโกปิ กิเลโส อุปโรธติฯ
Nibbutoti puthujjanabhikkhuno dhammena uppannapiṇḍopi paccavekkhitvā paribhuñjiyamāno nibbutapiṇḍo nāma, ekantato pana khīṇāsavassa piṇḍova nibbutapiṇḍo nāma. Kiṃkāraṇā? So hi theyyaparibhogo, iṇaparibhogo , dāyajjaparibhogo, sāmiparibhogoti imesu catūsu paribhogesu sāmiparibhogavasena taṃ bhuñjati, taṇhādāsabyaṃ atīto sāmī hutvā paribhuñjati, na taṃ tappaccayā koci appamattakopi kileso uparodhati.
มุตฺตสฺส รเฎฺฐ จรโตติ อุปฎฺฐากกุลาทีสุ อลคฺคมานสสฺส ฉินฺนวลาหกสฺส วิย ราหุมุขา ปมุตฺตสฺส วิมลจนฺทมณฺฑลสฺส วิย จ ยสฺส คามนิคมาทีสุ จรนฺตสฺส ราคสงฺคาทีสุ เอโกปิ สโงฺค นตฺถิฯ เอกโจฺจ หิ กุเลหิ สํสโฎฺฐ วิหรติ สหโสกี สหนนฺที, เอกโจฺจ มาตาปิตูสุปิ อลคฺคมานโส วิจรติ โกรุนครคามวาสี ทหโร วิย, เอวรูปสฺส ปุถุชฺชนสฺสปิ ภทฺรเมว ฯ
Muttassa raṭṭhe caratoti upaṭṭhākakulādīsu alaggamānasassa chinnavalāhakassa viya rāhumukhā pamuttassa vimalacandamaṇḍalassa viya ca yassa gāmanigamādīsu carantassa rāgasaṅgādīsu ekopi saṅgo natthi. Ekacco hi kulehi saṃsaṭṭho viharati sahasokī sahanandī, ekacco mātāpitūsupi alaggamānaso vicarati korunagaragāmavāsī daharo viya, evarūpassa puthujjanassapi bhadrameva .
นาสฺส กิญฺจีติ โย หิ พหุปริกฺขาโร โหติ, โส ‘‘มา เม โจรา ปริกฺขาเร หริํสู’’ติ อติเรกานิ จ จีวราทีนิ อโนฺตนคเร อุปฎฺฐากกุเล นิกฺขิปติ, อถ นครมฺหิ ฑยฺหมาเน ‘‘อสุกกุเล นาม อคฺคิ อุฎฺฐิโต’’ติ สุตฺวา โสจติ กิลมติ, เอวรูปสฺส ภทฺรํ นาม นตฺถิฯ โย ปน, มหาราช, สกุณวตฺตํ ปูเรติ, กายปฎิพทฺธปริกฺขาโรว โหติ, ตสฺส ตาทิสสฺส น กิญฺจิ อฑยฺหถ, เตนสฺส ปญฺจมมฺปิ ภทฺรเมวฯ
Nāssa kiñcīti yo hi bahuparikkhāro hoti, so ‘‘mā me corā parikkhāre hariṃsū’’ti atirekāni ca cīvarādīni antonagare upaṭṭhākakule nikkhipati, atha nagaramhi ḍayhamāne ‘‘asukakule nāma aggi uṭṭhito’’ti sutvā socati kilamati, evarūpassa bhadraṃ nāma natthi. Yo pana, mahārāja, sakuṇavattaṃ pūreti, kāyapaṭibaddhaparikkhārova hoti, tassa tādisassa na kiñci aḍayhatha, tenassa pañcamampi bhadrameva.
วิลุมฺปมานมฺหีติ วิลุปฺปมานมฺหิ, อยเมว วา ปาโฐฯ อหีรถาติ ยถา ปพฺพตคหนาทีหิ นิกฺขมิตฺวา รฎฺฐํ วิลุมฺปมาเนสุ โจเรสุ พหุปริกฺขารสฺส อโนฺตคาเม ฐปิตํ วิลุมฺปติ หรติ, ตถา ยสฺส อธนสฺส กายปฎิพทฺธปริกฺขารสฺส น กิญฺจิ อหีรถ ตสฺส ฉฎฺฐมฺปิ ภทฺรเมวฯ
Vilumpamānamhīti viluppamānamhi, ayameva vā pāṭho. Ahīrathāti yathā pabbatagahanādīhi nikkhamitvā raṭṭhaṃ vilumpamānesu coresu bahuparikkhārassa antogāme ṭhapitaṃ vilumpati harati, tathā yassa adhanassa kāyapaṭibaddhaparikkhārassa na kiñci ahīratha tassa chaṭṭhampi bhadrameva.
เย จเญฺญ ปริปนฺถิกาติ เย จ อเญฺญปิ เตสุ เตสุ ฐาเนสุ สุงฺกคหณตฺถาย ฐปิตา ปริปนฺถิกา, เตหิ จ รกฺขิตํฯ ปตฺตจีวรนฺติ โจรานํ อนุปการํ สุงฺกิกานํ อสุงฺการหํ มตฺติกาปตฺตเญฺจว กตทฬฺหีกมฺมปริภณฺฑํ ปํสุกูลจีวรญฺจ อปฺปคฺฆานิ กายพนฺธนปริสฺสาวนสูจิวาสิปตฺตตฺถวิกานิ จาติ สเพฺพปิ อฎฺฐ ปริกฺขาเร กายปฎิพเทฺธ กตฺวา มคฺคปฺปฎิปโนฺน เกนจิ อวิเหฐิยมาโน โสตฺถิํ คจฺฉติฯ สุพฺพโตติ โลภนียานิ หิ จีวราทีนิ ทิสฺวา โจรา หรนฺติ, สุงฺกิกาปิ ‘‘กิํ นุ โข เอตสฺส หเตฺถ’’ติ ปตฺตตฺถวิกาทีนิ โสเธนฺติ, สุพฺพโต ปน สลฺลหุกวุตฺติ เตสํ ปสฺสนฺตานเญฺญว โสตฺถิํ คจฺฉติ, เตนสฺส สตฺตมมฺปิ ภทฺรเมวฯ
Ye caññe paripanthikāti ye ca aññepi tesu tesu ṭhānesu suṅkagahaṇatthāya ṭhapitā paripanthikā, tehi ca rakkhitaṃ. Pattacīvaranti corānaṃ anupakāraṃ suṅkikānaṃ asuṅkārahaṃ mattikāpattañceva katadaḷhīkammaparibhaṇḍaṃ paṃsukūlacīvarañca appagghāni kāyabandhanaparissāvanasūcivāsipattatthavikāni cāti sabbepi aṭṭha parikkhāre kāyapaṭibaddhe katvā maggappaṭipanno kenaci aviheṭhiyamāno sotthiṃ gacchati. Subbatoti lobhanīyāni hi cīvarādīni disvā corā haranti, suṅkikāpi ‘‘kiṃ nu kho etassa hatthe’’ti pattatthavikādīni sodhenti, subbato pana sallahukavutti tesaṃ passantānaññeva sotthiṃ gacchati, tenassa sattamampi bhadrameva.
อนเปโกฺขว คจฺฉตีติ กายปฎิพทฺธโต อติเรกสฺส วิหาเร ปฎิสามิตสฺส กสฺสจิ ปริกฺขารสฺส อภาวา วสนฎฺฐานํ นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกติฯ ยํ ยํ ทิสํ คนฺตุกาโม โหติ, ตํ ตํ คจฺฉโนฺตฺต อนเปโกฺขว คจฺฉติ อนุราธปุรา นิกฺขมิตฺวา ถูปาราเม ปพฺพชิตานํ ทฺวินฺนํ กุลปุตฺตานํ วุฑฺฒตโร วิยฯ
Anapekkhova gacchatīti kāyapaṭibaddhato atirekassa vihāre paṭisāmitassa kassaci parikkhārassa abhāvā vasanaṭṭhānaṃ nivattitvāpi na oloketi. Yaṃ yaṃ disaṃ gantukāmo hoti, taṃ taṃ gacchantto anapekkhova gacchati anurādhapurā nikkhamitvā thūpārāme pabbajitānaṃ dvinnaṃ kulaputtānaṃ vuḍḍhataro viya.
อิติ โสณกปเจฺจกพุโทฺธ อฎฺฐ สมณภทฺรกานิ กเถสิฯ ตโต อุตฺตริํ ปน สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ อปริมาณานิ สมณภทฺรกานิ เอส กเถตุํ สมโตฺถเยวฯ ราชา ปน กามาภิรตตฺตา ตสฺส กถํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘มยฺหํ สมณภทฺรเกหิ อโตฺถ นตฺถี’’ติ อตฺตโน กามาธิมุตฺตตํ ปกาเสโนฺต อาห –
Iti soṇakapaccekabuddho aṭṭha samaṇabhadrakāni kathesi. Tato uttariṃ pana satampi sahassampi aparimāṇāni samaṇabhadrakāni esa kathetuṃ samatthoyeva. Rājā pana kāmābhiratattā tassa kathaṃ pacchinditvā ‘‘mayhaṃ samaṇabhadrakehi attho natthī’’ti attano kāmādhimuttataṃ pakāsento āha –
๒๐.
20.
‘‘พหูนิ สมณภทฺรานิ, เย ตฺวํ ภิกฺขุ ปสํสสิ;
‘‘Bahūni samaṇabhadrāni, ye tvaṃ bhikkhu pasaṃsasi;
อหญฺจ คิโทฺธ กาเมสุ, กถํ กาหามิ โสณกฯ
Ahañca giddho kāmesu, kathaṃ kāhāmi soṇaka.
๒๑.
21.
‘‘ปิยา เม มานุสา กามา, อโถ ทิพฺยาปิ เม ปิยา;
‘‘Piyā me mānusā kāmā, atho dibyāpi me piyā;
อถ เกน นุ วเณฺณน, อุโภ โลเก ลภามเส’’ติฯ
Atha kena nu vaṇṇena, ubho loke labhāmase’’ti.
ตตฺถ วเณฺณนาติ การเณนฯ
Tattha vaṇṇenāti kāraṇena.
อถ นํ ปเจฺจกพุโทฺธ อาห –
Atha naṃ paccekabuddho āha –
๒๒.
22.
‘‘กาเม คิทฺธา กามรตา, กาเมสุ อธิมุจฺจิตา;
‘‘Kāme giddhā kāmaratā, kāmesu adhimuccitā;
นรา ปาปานิ กตฺวาน, อุปปชฺชนฺติ ทุคฺคติํฯ
Narā pāpāni katvāna, upapajjanti duggatiṃ.
๒๓.
23.
‘‘เย จ กาเม ปหนฺตฺวาน, นิกฺขนฺตา อกุโตภยา;
‘‘Ye ca kāme pahantvāna, nikkhantā akutobhayā;
เอโกทิภาวาธิคตา, น เต คจฺฉนฺติ ทุคฺคติํฯ
Ekodibhāvādhigatā, na te gacchanti duggatiṃ.
๒๔.
24.
‘‘อุปมํ เต กริสฺสามิ, ตํ สุโณหิ อรินฺทม;
‘‘Upamaṃ te karissāmi, taṃ suṇohi arindama;
อุปมาย มิเธกเจฺจ, อตฺถํ ชานนฺติ ปณฺฑิตาฯ
Upamāya midhekacce, atthaṃ jānanti paṇḍitā.
๒๕.
25.
‘‘คงฺคาย กุณปํ ทิสฺวา, วุยฺหมานํ มหณฺณเว;
‘‘Gaṅgāya kuṇapaṃ disvā, vuyhamānaṃ mahaṇṇave;
วายโส สมจิเนฺตสิ, อปฺปปโญฺญ อเจตโสฯ
Vāyaso samacintesi, appapañño acetaso.
๒๖.
26.
‘‘ยานญฺจ วติทํ ลทฺธํ, ภโกฺข จายํ อนปฺปโก;
‘‘Yānañca vatidaṃ laddhaṃ, bhakkho cāyaṃ anappako;
ตตฺถ รตฺติํ ตตฺถ ทิวา, ตเตฺถว นิรโต มโนฯ
Tattha rattiṃ tattha divā, tattheva nirato mano.
๒๗.
27.
‘‘ขาทํ นาคสฺส มํสานิ, ปิวํ ภาคีรโถทกํ;
‘‘Khādaṃ nāgassa maṃsāni, pivaṃ bhāgīrathodakaṃ;
สมฺปสฺสํ วนเจตฺยานิ, น ปเลตฺถ วิหงฺคโมฯ
Sampassaṃ vanacetyāni, na palettha vihaṅgamo.
๒๘.
28.
‘‘ตญฺจ โอตรณี คงฺคา, ปมตฺตํ กุณเป รตํ;
‘‘Tañca otaraṇī gaṅgā, pamattaṃ kuṇape rataṃ;
สมุทฺทํ อชฺฌคาหาสิ, อคตี ยตฺถ ปกฺขินํฯ
Samuddaṃ ajjhagāhāsi, agatī yattha pakkhinaṃ.
๒๙.
29.
‘‘โส จ ภกฺขปริกฺขีโณ, อุทปตฺวา วิหงฺคโม;
‘‘So ca bhakkhaparikkhīṇo, udapatvā vihaṅgamo;
น ปจฺฉโต น ปุรโต, นุตฺตรํ โนปิ ทกฺขิณํฯ
Na pacchato na purato, nuttaraṃ nopi dakkhiṇaṃ.
๓๐.
30.
‘‘ทีปํ โส นชฺฌคาคญฺฉิ, อคตี ยตฺถ ปกฺขินํ;
‘‘Dīpaṃ so najjhagāgañchi, agatī yattha pakkhinaṃ;
โส จ ตเตฺถว ปาปตฺถ, ยถา ทุพฺพลโก ตถาฯ
So ca tattheva pāpattha, yathā dubbalako tathā.
๓๑.
31.
‘‘ตญฺจ สามุทฺทิกา มจฺฉา, กุมฺภีลา มกรา สุสู;
‘‘Tañca sāmuddikā macchā, kumbhīlā makarā susū;
ปสยฺหการา ขาทิํสุ, ผนฺทมานํ วิปกฺขกํฯ
Pasayhakārā khādiṃsu, phandamānaṃ vipakkhakaṃ.
๓๒.
32.
‘‘เอวเมว ตุวํ ราช, เย จเญฺญ กามโภคิโน;
‘‘Evameva tuvaṃ rāja, ye caññe kāmabhogino;
คิทฺธา เจ น วมิสฺสนฺติ, กากปญฺญาว เต วิทูฯ
Giddhā ce na vamissanti, kākapaññāva te vidū.
๓๓.
33.
‘‘เอสา เต อุปมา ราช, อตฺถสนฺทสฺสนี กตา;
‘‘Esā te upamā rāja, atthasandassanī katā;
ตฺวญฺจ ปญฺญายเส เตน, ยทิ กาหสิ วา น วา’’ติฯ
Tvañca paññāyase tena, yadi kāhasi vā na vā’’ti.
ตตฺถ ปาปานีติ, มหาราช, ตฺวํ กามคิโทฺธ, นรา จ กาเม นิสฺสาย กายทุจฺจริตาทีนิ ปาปานิ กตฺวา ยตฺถ สุปินเนฺตปิ ทิพฺพา จ มานุสิกา จ กามา น ลพฺภนฺติ, ตํ ทุคฺคติํ อุปปชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ ปหนฺตฺวานาติ เขฬปิณฺฑํ วิย ปหายฯ อกุโตภยาติ ราคาทีสุ กุโตจิ อนาคตภยาฯ เอโกทิภาวาธิคตาติ เอโกทิภาวํ เอกวิหาริกตํ อธิคตาฯ น เตติ เต เอวรูปา ปพฺพชิตา ทุคฺคติํ น คจฺฉนฺติฯ
Tattha pāpānīti, mahārāja, tvaṃ kāmagiddho, narā ca kāme nissāya kāyaduccaritādīni pāpāni katvā yattha supinantepi dibbā ca mānusikā ca kāmā na labbhanti, taṃ duggatiṃ upapajjantīti attho. Pahantvānāti kheḷapiṇḍaṃ viya pahāya. Akutobhayāti rāgādīsu kutoci anāgatabhayā. Ekodibhāvādhigatāti ekodibhāvaṃ ekavihārikataṃ adhigatā. Na teti te evarūpā pabbajitā duggatiṃ na gacchanti.
อุปมํ เตติ, มหาราช, ทิพฺพมานุสเก กาเม ปเตฺถนฺตสฺส หตฺถิกุณเป ปฎิพทฺธกากสทิสสฺส ตว เอกํ อุปมํ กริสฺสามิ, ตํ สุโณหีติ อโตฺถฯ กุณปนฺติ หตฺถิกเฬวรํฯ มหณฺณเวติ คมฺภีรปุถุเล อุทเก ฯ เอโก กิร มหาวารโณ คงฺคาตีเร จรโนฺต คงฺคายํ ปติตฺวา อุตฺตริตุํ อสเกฺกโนฺต ตเตฺถว มโต คงฺคาย วุยฺหิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ วายโสติ อากาเสน คจฺฉโนฺต เอโก กาโกฯ ยานญฺจ วติทนฺติ โส เอวํ จิเนฺตตฺวา ตตฺถ นิลียิตฺวา ‘‘อิทํ มยา หตฺถิยานํ ลทฺธํ, เอตฺถ นิลีโน สุขํ จริสฺสามิ, อยเมว จ เม อนปฺปโก ภโกฺข ภวิสฺสติ, อิทานิ มยา อญฺญตฺถ คนฺตุํ น วฎฺฎตี’’ติ สนฺนิฎฺฐานมกาสิฯ ตตฺถ รตฺตินฺติ ตตฺถ รตฺติญฺจ ทิวา จ ตเตฺถว มโน อภิรโต อโหสิฯ น ปเลตฺถาติ น อุปฺปติตฺวา ปกฺกามิฯ
Upamaṃ teti, mahārāja, dibbamānusake kāme patthentassa hatthikuṇape paṭibaddhakākasadisassa tava ekaṃ upamaṃ karissāmi, taṃ suṇohīti attho. Kuṇapanti hatthikaḷevaraṃ. Mahaṇṇaveti gambhīraputhule udake . Eko kira mahāvāraṇo gaṅgātīre caranto gaṅgāyaṃ patitvā uttarituṃ asakkento tattheva mato gaṅgāya vuyhi, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Vāyasoti ākāsena gacchanto eko kāko. Yānañca vatidanti so evaṃ cintetvā tattha nilīyitvā ‘‘idaṃ mayā hatthiyānaṃ laddhaṃ, ettha nilīno sukhaṃ carissāmi, ayameva ca me anappako bhakkho bhavissati, idāni mayā aññattha gantuṃ na vaṭṭatī’’ti sanniṭṭhānamakāsi. Tattha rattinti tattha rattiñca divā ca tattheva mano abhirato ahosi. Na paletthāti na uppatitvā pakkāmi.
โอตรณีติ สมุทฺทาภิมุขี โอตรมานาฯ ‘‘โอหาริณี’’ติปิ ปาโฐ, สา สมุทฺทาภิมุขี อวหาริณีติ อโตฺถฯ อคตี ยตฺถาติ สมุทฺทมชฺฌํ สนฺธายาหฯ ภกฺขปริกฺขีโณติ ปริกฺขีณภโกฺขฯ อุทปตฺวาติ ขีเณ จเมฺม จ มํเส จ อฎฺฐิสงฺฆาโต อูมิเวเคน ภิโนฺน อุทเก นิมุชฺชิฯ อถ โส กาโก อุทเก ปติฎฺฐาตุํ อสโกฺกโนฺต อุปฺปติ, เอวํ อุปฺปติตฺวาติ อโตฺถฯ อคตี ยตฺถ ปกฺขินนฺติ ยสฺมิํ สมุทฺทมเชฺฌ ปกฺขีนํ อคติ, ตตฺถ โส เอวํ อุปฺปติโต ปจฺฉิมํ ทิสํ คนฺตฺวา ตตฺถ ปติฎฺฐํ อลภิตฺวา ปุรตฺถิมํ, ตโต อุตฺตรํ, ตโต ทกฺขิณนฺติ จตโสฺสปิ ทิสา คนฺตฺวา อตฺตโน ปติฎฺฐานํ น อชฺฌคา นาคญฺฉีติ อโตฺถฯ อถ วา วายโส เอวํ อุปฺปติตฺวา ปจฺฉิมาทีสุ เอเกกํ ทิสํ อาคญฺฉิ, ทีปํ ปน นชฺฌาคมาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ปาปตฺถาติ ปปติโตฯ ยถา ทุพฺพลโกติ ยถา ทุพฺพลโก ปเตยฺย, ตเถว ปติโตฯ สุสูติ สุสุนามกา จณฺฑมจฺฉาฯ ปสยฺหการาติ อนิจฺฉมานกํเยว พลกฺกาเรนฯ วิปกฺขกนฺติ วิทฺธสฺตปกฺขกํฯ
Otaraṇīti samuddābhimukhī otaramānā. ‘‘Ohāriṇī’’tipi pāṭho, sā samuddābhimukhī avahāriṇīti attho. Agatī yatthāti samuddamajjhaṃ sandhāyāha. Bhakkhaparikkhīṇoti parikkhīṇabhakkho. Udapatvāti khīṇe camme ca maṃse ca aṭṭhisaṅghāto ūmivegena bhinno udake nimujji. Atha so kāko udake patiṭṭhātuṃ asakkonto uppati, evaṃ uppatitvāti attho. Agatī yattha pakkhinanti yasmiṃ samuddamajjhe pakkhīnaṃ agati, tattha so evaṃ uppatito pacchimaṃ disaṃ gantvā tattha patiṭṭhaṃ alabhitvā puratthimaṃ, tato uttaraṃ, tato dakkhiṇanti catassopi disā gantvā attano patiṭṭhānaṃ na ajjhagā nāgañchīti attho. Atha vā vāyaso evaṃ uppatitvā pacchimādīsu ekekaṃ disaṃ āgañchi, dīpaṃ pana najjhāgamāti evamettha attho daṭṭhabbo. Pāpatthāti papatito. Yathā dubbalakoti yathā dubbalako pateyya, tatheva patito. Susūti susunāmakā caṇḍamacchā. Pasayhakārāti anicchamānakaṃyeva balakkārena. Vipakkhakanti viddhastapakkhakaṃ.
คิทฺธา เจ น วมิสฺสนฺตีติ ยทิ คิทฺธา หุตฺวา กาเม น วมิสฺสนฺติ, น ฉเฑฺฑสฺสนฺติฯ กากปญฺญาว เตติ กากสฺส สมานปญฺญา อิติ เต พุทฺธาทโย ปณฺฑิตา วิทู วิทนฺติ, ชานนฺตีติ อโตฺถฯ อตฺถสนฺทสฺสนีติ อตฺถปฺปกาสิกาฯ ตฺวญฺจ ปญฺญายเสติ ตฺวญฺจ ปญฺญายิสฺสสิฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, มยา หิตกาเมน ตว โอวาโท ทิโนฺน, ตํ ปน ตฺวํ ยทิ กาหสิ, เทวโลเก นิพฺพตฺติสฺสสิ, ยทิ น กาหสิ, กามปเงฺก นิมุโคฺค ชีวิตปริโยสาเน นิรเย นิพฺพตฺติสฺสสีติ เอวํ ตฺวเมว เตน การเณน วา อการเณน วา สเคฺค วา นิรเย วา ปญฺญายิสฺสสิฯ อหํ ปน สพฺพภเวหิ มุโตฺต อปฺปฎิสนฺธิโกติฯ
Giddhā ce na vamissantīti yadi giddhā hutvā kāme na vamissanti, na chaḍḍessanti. Kākapaññāva teti kākassa samānapaññā iti te buddhādayo paṇḍitā vidū vidanti, jānantīti attho. Atthasandassanīti atthappakāsikā. Tvañca paññāyaseti tvañca paññāyissasi. Idaṃ vuttaṃ hoti – mahārāja, mayā hitakāmena tava ovādo dinno, taṃ pana tvaṃ yadi kāhasi, devaloke nibbattissasi, yadi na kāhasi, kāmapaṅke nimuggo jīvitapariyosāne niraye nibbattissasīti evaṃ tvameva tena kāraṇena vā akāraṇena vā sagge vā niraye vā paññāyissasi. Ahaṃ pana sabbabhavehi mutto appaṭisandhikoti.
อิมํ ปน โอวาทํ เทเนฺตน ปเจฺจกพุเทฺธน นที ทสฺสิตา, ตาย วุยฺหมานํ หตฺถิกุณปํ ทสฺสิตํ, กุณปขาทโก กาโก ทสฺสิโต, ตสฺส กุณปํ ขาทิตฺวา ปานียปิวนกาโล ทสฺสิโต, รมณียวนสณฺฑทสฺสนกาโล ทสฺสิโต, กุณปสฺส นทิยา วุยฺหมานสฺส สมุทฺทปเวโส ทสฺสิโต, สมุทฺทมเชฺฌ กากสฺส หตฺถิกุณเป ปติฎฺฐํ อลภิตฺวา วินาสํ ปตฺตกาโล ทสฺสิโตฯ ตตฺถ นที วิย อนมตโคฺค สํสาโร ทฎฺฐโพฺพ, นทิยา วุยฺหมานํ หตฺถิกุณปํ วิย สํสาเร ปญฺจ กามคุณา, กาโก วิย พาลปุถุชฺชโน, กากสฺส กุณปํ ขาทิตฺวา ปานียปิวนกาโล วิย ปุถุชฺชนสฺส กามคุเณ ปริภุญฺชิตฺวา โสมนสฺสิกกาโล, กากสฺส กุณเป ลคฺคเสฺสว รมณียวนสณฺฑทสฺสนํ วิย ปุถุชฺชนสฺส กามคุเณสุ ลคฺคเสฺสว สวนวเสน อฎฺฐติํสารมฺมณทสฺสนํ, กุณเป สมุทฺทํ ปวิเฎฺฐ กากสฺส ปติฎฺฐํ ลภิตุํ อสโกฺกนฺตสฺส วินาสํ ปตฺตกาโล วิย พาลปุถุชฺชนสฺส กามคุณคิทฺธสฺส ปาปปรายณสฺส กุสลธเมฺม ปติฎฺฐํ ลภิตุํ อสโกฺกนฺตสฺส มหานิรเย มหาวินาสปตฺติ ทฎฺฐพฺพาติฯ
Imaṃ pana ovādaṃ dentena paccekabuddhena nadī dassitā, tāya vuyhamānaṃ hatthikuṇapaṃ dassitaṃ, kuṇapakhādako kāko dassito, tassa kuṇapaṃ khāditvā pānīyapivanakālo dassito, ramaṇīyavanasaṇḍadassanakālo dassito, kuṇapassa nadiyā vuyhamānassa samuddapaveso dassito, samuddamajjhe kākassa hatthikuṇape patiṭṭhaṃ alabhitvā vināsaṃ pattakālo dassito. Tattha nadī viya anamataggo saṃsāro daṭṭhabbo, nadiyā vuyhamānaṃ hatthikuṇapaṃ viya saṃsāre pañca kāmaguṇā, kāko viya bālaputhujjano, kākassa kuṇapaṃ khāditvā pānīyapivanakālo viya puthujjanassa kāmaguṇe paribhuñjitvā somanassikakālo, kākassa kuṇape laggasseva ramaṇīyavanasaṇḍadassanaṃ viya puthujjanassa kāmaguṇesu laggasseva savanavasena aṭṭhatiṃsārammaṇadassanaṃ, kuṇape samuddaṃ paviṭṭhe kākassa patiṭṭhaṃ labhituṃ asakkontassa vināsaṃ pattakālo viya bālaputhujjanassa kāmaguṇagiddhassa pāpaparāyaṇassa kusaladhamme patiṭṭhaṃ labhituṃ asakkontassa mahāniraye mahāvināsapatti daṭṭhabbāti.
เอวมสฺส โส อิมาย อุปมาย โอวาทํ ทตฺวา อิทานิ ตเมว โอวาทํ ถิรํ กตฺวา ปติฎฺฐเปตุํ คาถมาห –
Evamassa so imāya upamāya ovādaṃ datvā idāni tameva ovādaṃ thiraṃ katvā patiṭṭhapetuṃ gāthamāha –
๓๔.
34.
‘‘เอกวาจมฺปิ ทฺวิวาจํ, ภเณยฺย อนุกมฺปโก;
‘‘Ekavācampi dvivācaṃ, bhaṇeyya anukampako;
ตตุตฺตริํ น ภาเสยฺย, ทาโสวยฺยสฺส สนฺติเก’’ติฯ
Tatuttariṃ na bhāseyya, dāsovayyassa santike’’ti.
ตตฺถ น ภาเสยฺยาติ วจนํ อคฺคณฺหนฺตสฺส หิ ตโต อุตฺตริํ ภาสมาโน สามิกสฺส สนฺติเก ทาโส วิย โหติฯ ทาโส หิ สามิเก กถํ คณฺหเนฺตปิ อคฺคณฺหเนฺตปิ กเถติเยวฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตตุตฺตริํ น ภาเสยฺยา’’ติฯ
Tattha na bhāseyyāti vacanaṃ aggaṇhantassa hi tato uttariṃ bhāsamāno sāmikassa santike dāso viya hoti. Dāso hi sāmike kathaṃ gaṇhantepi aggaṇhantepi kathetiyeva. Tena vuttaṃ ‘‘tatuttariṃ na bhāseyyā’’ti.
๓๕.
35.
‘‘อิทํ วตฺวาน ปกฺกามิ, โสณโก อมิตพุทฺธิมา;
‘‘Idaṃ vatvāna pakkāmi, soṇako amitabuddhimā;
เวหาเส อนฺตลิกฺขสฺมิํ, อนุสาสิตฺวาน ขตฺติย’’นฺติฯ –
Vehāse antalikkhasmiṃ, anusāsitvāna khattiya’’nti. –
อยํ อภิสมฺพุทฺธคาถาฯ
Ayaṃ abhisambuddhagāthā.
ตตฺถ อิทํ วตฺวานาติ, ภิกฺขเว, โส ปเจฺจกพุโทฺธ อมิตาย โลกุตฺตรพุทฺธิยา อมิตพุทฺธิมา อิทํ วตฺวา อิทฺธิยา อุปฺปติตฺวา ‘‘สเจ ปพฺพชิสฺสสิ, ตเวว, โน เจ ปพฺพชิสฺสสิ, ตเวว, ทิโนฺน เต มยา โอวาโท, อปฺปมโตฺต โหหี’’ติ เอวํ อนุสาสิตฺวาน ขตฺติยํ ปกฺกามิฯ
Tattha idaṃ vatvānāti, bhikkhave, so paccekabuddho amitāya lokuttarabuddhiyā amitabuddhimā idaṃ vatvā iddhiyā uppatitvā ‘‘sace pabbajissasi, taveva, no ce pabbajissasi, taveva, dinno te mayā ovādo, appamatto hohī’’ti evaṃ anusāsitvāna khattiyaṃ pakkāmi.
โพธิสโตฺตปิ ตํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ยาว ทสฺสนปถา โอโลเกโนฺต ฐตฺวา ตสฺมิํ จกฺขุปเถ อติกฺกเนฺต สํเวคํ ปฎิลภิตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ หีนชโจฺจ สมาโน อสมฺภิเนฺน ขตฺติยวํเส ชาตสฺส มม มตฺถเก อตฺตโน ปาทรชํ โอกิรโนฺต อากาสํ อุปฺปติตฺวา คโต, มยาปิ อเชฺชว นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ โส รชฺชํ นิยฺยาเทตฺวา ปพฺพชิตุกาโม คาถาทฺวยมาห –
Bodhisattopi taṃ ākāsena gacchantaṃ yāva dassanapathā olokento ṭhatvā tasmiṃ cakkhupathe atikkante saṃvegaṃ paṭilabhitvā cintesi – ‘‘ayaṃ brāhmaṇo hīnajacco samāno asambhinne khattiyavaṃse jātassa mama matthake attano pādarajaṃ okiranto ākāsaṃ uppatitvā gato, mayāpi ajjeva nikkhamitvā pabbajituṃ vaṭṭatī’’ti. So rajjaṃ niyyādetvā pabbajitukāmo gāthādvayamāha –
๓๖.
36.
‘‘โก นุเม ราชกตฺตาโร, สุทฺทา เวยฺยตฺตมาคตา;
‘‘Ko nume rājakattāro, suddā veyyattamāgatā;
รชฺชํ นิยฺยาทยิสฺสามิ, นาหํ รเชฺชน มตฺถิโกฯ
Rajjaṃ niyyādayissāmi, nāhaṃ rajjena matthiko.
๓๗.
37.
‘‘อเชฺชว ปพฺพชิสฺสามิ, โก ชญฺญา มรณํ สุเว;
‘‘Ajjeva pabbajissāmi, ko jaññā maraṇaṃ suve;
มาหํ กาโกว ทุเมฺมโธ, กามานํ วสมนฺวค’’นฺติฯ
Māhaṃ kākova dummedho, kāmānaṃ vasamanvaga’’nti.
ตตฺถ โก นุเมติ กุหิํ นุ อิเมฯ ราชกตฺตาโรติ เย ราชารหํ อภิสิญฺจิตฺวา ราชานํ กโรนฺติฯ สุทฺทา เวยฺยตฺตมาคตาติ สุทฺทา จ เย จ อเญฺญ พฺยตฺตภาวํ อาคตา มุขมงฺคลิกาฯ รเชฺชน มตฺถิโกติ รเชฺชน อตฺถิโกฯ โก ชญฺญา มรณํ สุเวติ มรณํ อชฺช วา สุเว วาติ อิทํ โก ชานิตุํ สมโตฺถฯ
Tattha ko numeti kuhiṃ nu ime. Rājakattāroti ye rājārahaṃ abhisiñcitvā rājānaṃ karonti. Suddā veyyattamāgatāti suddā ca ye ca aññe byattabhāvaṃ āgatā mukhamaṅgalikā. Rajjena matthikoti rajjena atthiko. Ko jaññā maraṇaṃ suveti maraṇaṃ ajja vā suve vāti idaṃ ko jānituṃ samattho.
เอวํ รชฺชํ นิยฺยาเทนฺตสฺส สุตฺวา อมจฺจา อาหํสุ –
Evaṃ rajjaṃ niyyādentassa sutvā amaccā āhaṃsu –
๓๘.
38.
‘‘อตฺถิ เต ทหโร ปุโตฺต, ทีฆาวุ รฎฺฐวฑฺฒโน;
‘‘Atthi te daharo putto, dīghāvu raṭṭhavaḍḍhano;
ตํ รเชฺช อภิสิญฺจสฺสุ, โส โน ราชา ภวิสฺสตี’’ติฯ
Taṃ rajje abhisiñcassu, so no rājā bhavissatī’’ti.
ตโต ปรํ รญฺญา วุตฺตคาถมาทิํ กตฺวา อุทานสมฺพนฺธคาถา ปาฬินเยเนว เวทิตพฺพา –
Tato paraṃ raññā vuttagāthamādiṃ katvā udānasambandhagāthā pāḷinayeneva veditabbā –
๓๙.
39.
‘‘ขิปฺปํ กุมารมาเนถ, ทีฆาวุํ รฎฺฐวฑฺฒนํ;
‘‘Khippaṃ kumāramānetha, dīghāvuṃ raṭṭhavaḍḍhanaṃ;
ตํ รเชฺช อภิสิญฺจิสฺสํ, โส โว ราชา ภวิสฺสติฯ
Taṃ rajje abhisiñcissaṃ, so vo rājā bhavissati.
๔๐.
40.
‘‘ตโต กุมารมาเนสุํ, ทีฆาวุํ รฎฺฐวฑฺฒนํ;
‘‘Tato kumāramānesuṃ, dīghāvuṃ raṭṭhavaḍḍhanaṃ;
ตํ ทิสฺวา อาลปี ราชา, เอกปุตฺตํ มโนรมํฯ
Taṃ disvā ālapī rājā, ekaputtaṃ manoramaṃ.
๔๑.
41.
‘‘สฎฺฐิ คามสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ สพฺพโส;
‘‘Saṭṭhi gāmasahassāni, paripuṇṇāni sabbaso;
เต ปุตฺต ปฎิปชฺชสุ, รชฺชํ นิยฺยาทยามิ เตฯ
Te putta paṭipajjasu, rajjaṃ niyyādayāmi te.
๔๒.
42.
‘‘อเชฺชว ปพฺพชิสฺสามิ, โก ชญฺญา มรณํ สุเว;
‘‘Ajjeva pabbajissāmi, ko jaññā maraṇaṃ suve;
มาหํ กาโก ว ทุเมฺมโธ, กามานํ วสมนฺวคํฯ
Māhaṃ kāko va dummedho, kāmānaṃ vasamanvagaṃ.
๔๓.
43.
‘‘สฎฺฐิ นาคสหสฺสานิ, สพฺพาลงฺการภูสิตา;
‘‘Saṭṭhi nāgasahassāni, sabbālaṅkārabhūsitā;
สุวณฺณกจฺฉา มาตงฺคา, เหมกปฺปนวาสสาฯ
Suvaṇṇakacchā mātaṅgā, hemakappanavāsasā.
๔๔.
44.
‘‘อารูฬฺหา คามณีเยภิ, โตมรงฺกุสปาณิภิ;
‘‘Ārūḷhā gāmaṇīyebhi, tomaraṅkusapāṇibhi;
เต ปุตฺต ปฎิปชฺชสฺสุ, รชฺชํ นิยฺยาทยามิ เตฯ
Te putta paṭipajjassu, rajjaṃ niyyādayāmi te.
๔๕.
45.
‘‘อเชฺชว ปพฺพชิสฺสามิ, โก ชญฺญา มรณํ สุเว;
‘‘Ajjeva pabbajissāmi, ko jaññā maraṇaṃ suve;
มาหํ กาโกว ทุเมฺมโธ, กามานํ วสมนฺวคํฯ
Māhaṃ kākova dummedho, kāmānaṃ vasamanvagaṃ.
๔๖.
46.
‘‘สฎฺฐิ อสฺสสหสฺสานิ, สพฺพาลงฺการภูสิตา;
‘‘Saṭṭhi assasahassāni, sabbālaṅkārabhūsitā;
อาชานียาว ชาติยา, สินฺธวา สีฆวาหิโนฯ
Ājānīyāva jātiyā, sindhavā sīghavāhino.
๔๗.
47.
‘‘อารูฬฺหา คามณีเยภิ, อิลฺลิยาจาปธาริภิ;
‘‘Ārūḷhā gāmaṇīyebhi, illiyācāpadhāribhi;
เต ปุตฺต ปฎิปชฺชสฺสุ, รชฺชํ นิยฺยาทยามิ เตฯ
Te putta paṭipajjassu, rajjaṃ niyyādayāmi te.
๔๘.
48.
‘‘อเชฺชว ปพฺพชิสฺสามิ, โก ชญฺญา มรณํ สุเว;
‘‘Ajjeva pabbajissāmi, ko jaññā maraṇaṃ suve;
มาหํ กาโกว ทุเมฺมโธ, กามานํ วสมนฺวคํฯ
Māhaṃ kākova dummedho, kāmānaṃ vasamanvagaṃ.
๔๙.
49.
‘‘สฎฺฐิ รถสหสฺสานิ, สนฺนทฺธา อุสฺสิตทฺธชา;
‘‘Saṭṭhi rathasahassāni, sannaddhā ussitaddhajā;
ทีปา อโถปิ เวยฺยคฺฆา, สพฺพาลงฺการภูสิตาฯ
Dīpā athopi veyyagghā, sabbālaṅkārabhūsitā.
๕๐.
50.
‘‘อารูฬฺหา คามณีเยภิ, จาปหเตฺถหิ วมฺมิภิ;
‘‘Ārūḷhā gāmaṇīyebhi, cāpahatthehi vammibhi;
เต ปุตฺต ปฎิปชฺชสฺสุ, รชฺชํ นิยฺยาทยามิ เตฯ
Te putta paṭipajjassu, rajjaṃ niyyādayāmi te.
๕๑.
51.
‘‘อเชฺชว ปพฺพชิสฺสามิ, โก ชญฺญา มรณํ สุเว;
‘‘Ajjeva pabbajissāmi, ko jaññā maraṇaṃ suve;
มาหํ กาโกว ทุเมฺมโธ, กามานํ วสมนฺวคํฯ
Māhaṃ kākova dummedho, kāmānaṃ vasamanvagaṃ.
๕๒.
52.
‘‘สฎฺฐิ เธนุสหสฺสานิ, โรหญฺญา ปุงฺควูสภา;
‘‘Saṭṭhi dhenusahassāni, rohaññā puṅgavūsabhā;
ตา ปุตฺต ปฎิปชฺชสฺสุ, รชฺชํ นิยฺยาทยามิ เตฯ
Tā putta paṭipajjassu, rajjaṃ niyyādayāmi te.
๕๓.
53.
‘‘อเชฺชว ปพฺพชิสฺสามิ, โก ชญฺญา มรณํ สุเว;
‘‘Ajjeva pabbajissāmi, ko jaññā maraṇaṃ suve;
มาหํ กาโกว ทุเมฺมโธ, กามานํ วสมนฺวคํฯ
Māhaṃ kākova dummedho, kāmānaṃ vasamanvagaṃ.
๕๔.
54.
‘‘โสฬสิตฺถิสหสฺสานิ, สพฺพาลงฺการภูสิตา;
‘‘Soḷasitthisahassāni, sabbālaṅkārabhūsitā;
วิจิตฺรวตฺถาภรณา, อามุตฺตมณิกุณฺฑลา;
Vicitravatthābharaṇā, āmuttamaṇikuṇḍalā;
ตา ปุตฺต ปฎิปชฺชสฺสุ, รชฺชํ นิยฺยาทยามิ เตฯ
Tā putta paṭipajjassu, rajjaṃ niyyādayāmi te.
๕๕.
55.
‘‘อเชฺชว ปพฺพชิสฺสามิ, โก ชญฺญา มรณํ สุเว;
‘‘Ajjeva pabbajissāmi, ko jaññā maraṇaṃ suve;
มาหํ กาโกว ทุเมฺมโธ, กามานํ วสมนฺวคํฯ
Māhaṃ kākova dummedho, kāmānaṃ vasamanvagaṃ.
๕๖.
56.
‘‘ทหรเสฺสว เม ตาต, มาตา มตาติ เม สุตํ;
‘‘Daharasseva me tāta, mātā matāti me sutaṃ;
ตยา วินา อหํ ตาต, ชีวิตุมฺปิ น อุสฺสเหฯ
Tayā vinā ahaṃ tāta, jīvitumpi na ussahe.
๕๗.
57.
‘‘ยถา อารญฺญกํ นาคํ, โปโต อเนฺวติ ปจฺฉโต;
‘‘Yathā āraññakaṃ nāgaṃ, poto anveti pacchato;
เชสฺสนฺตํ คิริทุเคฺคสุ, สเมสุ วิสเมสุ จฯ
Jessantaṃ giriduggesu, samesu visamesu ca.
๕๘.
58.
‘‘เอวํ ตํ อนุคจฺฉามิ, ปตฺตมาทาย ปจฺฉโต;
‘‘Evaṃ taṃ anugacchāmi, pattamādāya pacchato;
สุภโร เต ภวิสฺสามิ, น เต เหสฺสามิ ทุพฺภโรฯ
Subharo te bhavissāmi, na te hessāmi dubbharo.
๕๙.
59.
‘‘ยถา สามุทฺทิกํ นาวํ, วาณิชานํ ธเนสินํ;
‘‘Yathā sāmuddikaṃ nāvaṃ, vāṇijānaṃ dhanesinaṃ;
โวหาโร ตตฺถ คเณฺหยฺย, วาณิชา พฺยสนี สิยาฯ
Vohāro tattha gaṇheyya, vāṇijā byasanī siyā.
๖๐.
60.
‘‘เอวเมวายํ ปุตฺตกลิ, อนฺตรายกโร มม;
‘‘Evamevāyaṃ puttakali, antarāyakaro mama;
อิมํ กุมารํ ปาเปถ, ปาสาทํ รติวฑฺฒนํฯ
Imaṃ kumāraṃ pāpetha, pāsādaṃ rativaḍḍhanaṃ.
๖๑.
61.
‘‘ตตฺถ กมฺพุสหตฺถาโย, ยถา สกฺกํว อจฺฉรา;
‘‘Tattha kambusahatthāyo, yathā sakkaṃva accharā;
ตา นํ ตตฺถ รเมสฺสนฺติ, ตาหิ เจโส รมิสฺสติฯ
Tā naṃ tattha ramessanti, tāhi ceso ramissati.
๖๒.
62.
‘‘ตโต กุมารํ ปาเปสุํ, ปาสาทํ รติวฑฺฒนํ;
‘‘Tato kumāraṃ pāpesuṃ, pāsādaṃ rativaḍḍhanaṃ;
ตํ ทิสฺวา อวจุํ กญฺญา, ทีฆาวุํ รฎฺฐวฑฺฒนํฯ
Taṃ disvā avacuṃ kaññā, dīghāvuṃ raṭṭhavaḍḍhanaṃ.
๖๓.
63.
‘‘เทวตานุสิ คนฺธโพฺพ, อทุ สโกฺก ปุรินฺทโท;
‘‘Devatānusi gandhabbo, adu sakko purindado;
โก วา ตฺวํ กสฺส วา ปุโตฺต, กถํ ชาเนมุ ตํ มยํฯ
Ko vā tvaṃ kassa vā putto, kathaṃ jānemu taṃ mayaṃ.
๖๔.
64.
‘‘นมฺหิ เทโว น คนฺธโพฺพ, นาปิ สโกฺก ปุรินฺทโท;
‘‘Namhi devo na gandhabbo, nāpi sakko purindado;
กาสิรโญฺญ อหํ ปุโตฺต, ทีฆาวุ รฎฺฐวฑฺฒโน;
Kāsirañño ahaṃ putto, dīghāvu raṭṭhavaḍḍhano;
มมํ ภรถ ภทฺทํ โว, อหํ ภตฺตา ภวามิ โวฯ
Mamaṃ bharatha bhaddaṃ vo, ahaṃ bhattā bhavāmi vo.
๖๕.
65.
‘‘ตํ ตตฺถ อวจุํ กญฺญา, ทีฆาวุํ รฎฺฐวฑฺฒนํ;
‘‘Taṃ tattha avacuṃ kaññā, dīghāvuṃ raṭṭhavaḍḍhanaṃ;
กุหิํ ราชา อนุปฺปโตฺต, อิโต ราชา กุหิํ คโตฯ
Kuhiṃ rājā anuppatto, ito rājā kuhiṃ gato.
๖๖.
66.
‘‘ปงฺกํ ราชา อติกฺกโนฺต, ถเล ราชา ปติฎฺฐิโต;
‘‘Paṅkaṃ rājā atikkanto, thale rājā patiṭṭhito;
อกณฺฑกํ อคหนํ, ปฎิปโนฺน มหาปถํฯ
Akaṇḍakaṃ agahanaṃ, paṭipanno mahāpathaṃ.
๖๗.
67.
‘‘อหญฺจ ปฎิปโนฺนสฺมิ, มคฺคํ ทุคฺคติคามินํ;
‘‘Ahañca paṭipannosmi, maggaṃ duggatigāminaṃ;
สกณฺฎกํ สคหนํ, เยน คจฺฉนฺติ ทุคฺคติํฯ
Sakaṇṭakaṃ sagahanaṃ, yena gacchanti duggatiṃ.
๖๘.
68.
‘‘ตสฺส เต สฺวาคตํ ราช, สีหเสฺสว คิริพฺพชํ;
‘‘Tassa te svāgataṃ rāja, sīhasseva giribbajaṃ;
อนุสาส มหาราช, ตฺวํ โน สพฺพาสมิสฺสโร’’ติฯ
Anusāsa mahārāja, tvaṃ no sabbāsamissaro’’ti.
ตตฺถ ขิปฺปนฺติ เตน หิ นํ สีฆํ อาเนถฯ อาลปีติ ‘‘สฎฺฐิ คามสหสฺสานี’’ติอาทีนิ วทโนฺต อาลปิฯ สพฺพาลงฺการภูสิตาติ เต นาคา สเพฺพหิ สีสูปคาทีหิ อลงฺกาเรหิ ภูสิตาฯ เหมกปฺปนวาสสาติ สุวณฺณขจิเตน กปฺปเนน ปฎิจฺฉนฺนสรีราฯ คามณีเยภีติ หตฺถาจริเยหิฯ อาชานียาวาติ การณาการณวิชานนกา วฯ ชาติยาติ สินฺธวชาติยา สินฺธุรเฎฺฐ สินฺธุนทีตีเร ชาตาฯ คามณีเยภีติ อสฺสาจริเยหิฯ อิลฺลิยา จาปธาริภีติ อิลฺลิยาวุธญฺจ จาปาวุธญฺจ ธาเรเนฺตหิฯ ทีปา อโถปิ เวยฺยคฺฆาติ ทีปิจมฺมพฺยคฺฆจมฺมปริวาราฯ คามณีเยภีติ รถิเกหิฯ วมฺมิภีติ สนฺนทฺธวเมฺมหิฯ โรหญฺญาติ รตฺตวณฺณาฯ ปุงฺควูสภาติ อุสภสงฺขาเตน เชฎฺฐกปุงฺคเวน สมนฺนาคตาฯ
Tattha khippanti tena hi naṃ sīghaṃ ānetha. Ālapīti ‘‘saṭṭhi gāmasahassānī’’tiādīni vadanto ālapi. Sabbālaṅkārabhūsitāti te nāgā sabbehi sīsūpagādīhi alaṅkārehi bhūsitā. Hemakappanavāsasāti suvaṇṇakhacitena kappanena paṭicchannasarīrā. Gāmaṇīyebhīti hatthācariyehi. Ājānīyāvāti kāraṇākāraṇavijānanakā va. Jātiyāti sindhavajātiyā sindhuraṭṭhe sindhunadītīre jātā. Gāmaṇīyebhīti assācariyehi. Illiyā cāpadhāribhīti illiyāvudhañca cāpāvudhañca dhārentehi. Dīpā athopi veyyagghāti dīpicammabyagghacammaparivārā. Gāmaṇīyebhīti rathikehi. Vammibhīti sannaddhavammehi. Rohaññāti rattavaṇṇā. Puṅgavūsabhāti usabhasaṅkhātena jeṭṭhakapuṅgavena samannāgatā.
ทหรเสฺสว เม, ตาตาติ อถ นํ กุมาโร, ตาต, มม ทหรเสฺสว สโต มาตา มตา อิติ มยา สุตํ, โสหํ ตยา วินา ชีวิตุํ น สกฺขิสฺสามีติ อาหฯ โปโตติ ตรุณโปตโกฯ เชสฺสนฺตนฺติ วิจรนฺตํฯ สามุทฺทิกนฺติ สมุเทฺท วิจรนฺตํฯ ธเนสินนฺติ ธนํ ปริเยสนฺตานํฯ โวหาโรติ วิจิตฺรโวหาโร เหฎฺฐากฑฺฒนโก วาฬมโจฺฉ วา อุทกรกฺขโส วา อาวโฎฺฎ วาฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ สมุเทฺทฯ วาณิชา พฺยสนี สิยาติ อถ เต วาณิชา พฺยสนปฺปตฺตา ภเวยฺยุํฯ ‘‘สิยฺยุนฺติ’’ปิ ปาโฐ ฯ ปุตฺตกลีติ ปุตฺตลามโก ปุตฺตกาฬกณฺณีฯ กุมาโร ปุน กิญฺจิ วตฺตุํ น วิสหิฯ อถ ราชา อมเจฺจ อาณาเปโนฺต ‘‘อิม’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ กมฺพุสหตฺถาโยติ กมฺพุสํ วุจฺจติ สุวณฺณํ, สุวณฺณาภรณภูสิตหตฺถาโยติ อโตฺถฯ ยถาติ ยถา อิจฺฉนฺติ, ตถา กโรนฺติฯ
Daharasseva me, tātāti atha naṃ kumāro, tāta, mama daharasseva sato mātā matā iti mayā sutaṃ, sohaṃ tayā vinā jīvituṃ na sakkhissāmīti āha. Pototi taruṇapotako. Jessantanti vicarantaṃ. Sāmuddikanti samudde vicarantaṃ. Dhanesinanti dhanaṃ pariyesantānaṃ. Vohāroti vicitravohāro heṭṭhākaḍḍhanako vāḷamaccho vā udakarakkhaso vā āvaṭṭo vā. Tatthāti tasmiṃ samudde. Vāṇijā byasanī siyāti atha te vāṇijā byasanappattā bhaveyyuṃ. ‘‘Siyyunti’’pi pāṭho . Puttakalīti puttalāmako puttakāḷakaṇṇī. Kumāro puna kiñci vattuṃ na visahi. Atha rājā amacce āṇāpento ‘‘ima’’ntiādimāha. Tattha kambusahatthāyoti kambusaṃ vuccati suvaṇṇaṃ, suvaṇṇābharaṇabhūsitahatthāyoti attho. Yathāti yathā icchanti, tathā karonti.
เอวํ วตฺวา มหาสโตฺต ตเตฺถว ตํ อภิสิญฺจาเปตฺวา นครํ ปาเหสิฯ สยํ ปน เอกโกว อุยฺยานา นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา รมณีเย ภูมิภาเค ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วนมูลผลาหาโร ยาเปสิฯ มหาชโนปิ กุมารํ พาราณสิํ ปเวเสสิฯ โส นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา ‘‘ตโต’’ติอาทิมาหฯ ตํ ทิสฺวา อวจุํ กญฺญาติ ตํ มหเนฺตน ปริวาเรน สิริโสภเคฺคน อาคตํ ทิสฺวา ‘‘อสุโก นาเมโส’’ติ อชานนฺติโยว ตา นาฎกิตฺถิโย คนฺตฺวา อโวจุํฯ มมํ ภรถาติ มมํ อิจฺฉถฯ ปงฺกนฺติ ราคาทิกิเลสปงฺกํฯ ถเลติ ปพฺพชฺชายฯ อกณฺฎกนฺติ ราคกณฺฎกาทิวิรหิตํฯ เตเหว คหเนหิ อคหนํฯ มหาปถนฺติ สคฺคโมกฺขคามินํ มหามคฺคํ ปฎิปโนฺนฯ เยนาติ เยน มิจฺฉามเคฺคน ทุคฺคติํ คจฺฉนฺติ, ตํ อหํ ปฎิปโนฺนติ วทติฯ ตโต ตา จิเนฺตสุํ – ‘‘ราชา ตาว อเมฺห ปหาย ปพฺพชิโต, อยมฺปิ กาเมสุ วิรตฺตจิตฺตรูโป, สเจ นํ นาภิรเมสฺสาม, นิกฺขมิตฺวา ปพฺพเชยฺย, อภิรมนาการมสฺส กริสฺสามา’’ติฯ อถ นํ อภินนฺทนฺติโย โอสานคาถมาหํสุฯ ตตฺถ คิริพฺพชนฺติ สีหโปตกานํ วสนฎฺฐานํ กญฺจนคุหํ เกสรสีหสฺส อาคตํ วิย ตสฺส ตว อาคตํ สุอาคตํฯ ตฺวํ โนติ ตฺวํ สพฺพาสมฺปิ อมฺหากํ อิสฺสโร, สามีติฯ
Evaṃ vatvā mahāsatto tattheva taṃ abhisiñcāpetvā nagaraṃ pāhesi. Sayaṃ pana ekakova uyyānā nikkhamitvā himavantaṃ pavisitvā ramaṇīye bhūmibhāge paṇṇasālaṃ māpetvā isipabbajjaṃ pabbajitvā vanamūlaphalāhāro yāpesi. Mahājanopi kumāraṃ bārāṇasiṃ pavesesi. So nagaraṃ padakkhiṇaṃ katvā pāsādaṃ abhiruhi. Tamatthaṃ pakāsento satthā ‘‘tato’’tiādimāha. Taṃ disvā avacuṃ kaññāti taṃ mahantena parivārena sirisobhaggena āgataṃ disvā ‘‘asuko nāmeso’’ti ajānantiyova tā nāṭakitthiyo gantvā avocuṃ. Mamaṃ bharathāti mamaṃ icchatha. Paṅkanti rāgādikilesapaṅkaṃ. Thaleti pabbajjāya. Akaṇṭakanti rāgakaṇṭakādivirahitaṃ. Teheva gahanehi agahanaṃ. Mahāpathanti saggamokkhagāminaṃ mahāmaggaṃ paṭipanno. Yenāti yena micchāmaggena duggatiṃ gacchanti, taṃ ahaṃ paṭipannoti vadati. Tato tā cintesuṃ – ‘‘rājā tāva amhe pahāya pabbajito, ayampi kāmesu virattacittarūpo, sace naṃ nābhiramessāma, nikkhamitvā pabbajeyya, abhiramanākāramassa karissāmā’’ti. Atha naṃ abhinandantiyo osānagāthamāhaṃsu. Tattha giribbajanti sīhapotakānaṃ vasanaṭṭhānaṃ kañcanaguhaṃ kesarasīhassa āgataṃ viya tassa tava āgataṃ suāgataṃ. Tvaṃ noti tvaṃ sabbāsampi amhākaṃ issaro, sāmīti.
เอวญฺจ ปน วตฺวา สพฺพา ตูริยานิ ปคฺคณฺหิํสุ, นานปฺปการานิ นจฺจคีตานิ ปวตฺติํสุ ฯ ยโส มหา อโหสิ, โส ยสมทมโตฺต ปิตรํ น สริ, ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตฺวา ยถากมฺมํ คโตฯ โพธิสโตฺตปิ ฌานาภิญฺญา นิพฺพเตฺตตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิฯ
Evañca pana vatvā sabbā tūriyāni paggaṇhiṃsu, nānappakārāni naccagītāni pavattiṃsu . Yaso mahā ahosi, so yasamadamatto pitaraṃ na sari, dhammena rajjaṃ kāretvā yathākammaṃ gato. Bodhisattopi jhānābhiññā nibbattetvā āyupariyosāne brahmalokūpago ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ ตถาคโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขโนฺตเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปเจฺจกพุโทฺธ ปรินิพฺพายิ, ปุโตฺต ราหุลกุมาโร อโหสิ , เสสปริสา พุทฺธปริสา, อรินฺทมราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi tathāgato mahābhinikkhamanaṃ nikkhantoyevā’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā paccekabuddho parinibbāyi, putto rāhulakumāro ahosi , sesaparisā buddhaparisā, arindamarājā pana ahameva ahosi’’nti.
โสณกชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ
Soṇakajātakavaṇṇanā paṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๒๙. โสณกชาตกํ • 529. Soṇakajātakaṃ