Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๑๓. เตรสนิปาโต

    13. Terasanipāto

    ๑. โสณโกฬิวิสเตฺถรคาถาวณฺณนา

    1. Soṇakoḷivisattheragāthāvaṇṇanā

    เตรสนิปาเต ยาหุ รเฎฺฐติอาทิกา อายสฺมโต โสณสฺส โกฬิวิสสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินิฯ อยํ กิร อโนมทสฺสิสฺส ภควโต กาเล มหาวิภโว เสฎฺฐิ หุตฺวา อุปาสเกหิ สทฺธิํ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนมานโส สตฺถุ จงฺกมนฎฺฐาเน สุธาย ปริกมฺมํ กาเรตฺวา นานาวเณฺณหิ ปุเปฺผหิ สนฺถริตฺวา อุปริ นานาวิราควเตฺถหิ วิตานํ พนฺธาเปสิ, ตถา สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ทีฆสาลํ กาเรตฺวา นิยฺยาเทสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร เสฎฺฐิกุเล นิพฺพตฺติ, สิริวโฑฺฒติสฺส นามํ อโหสิฯ โส วยปฺปโตฺต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อารทฺธวีริยานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา, สยมฺปิ ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถโนฺต สตฺตาหํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา ปณิธานมกาสิฯ สตฺถาปิ ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา พฺยากริตฺวา ปกฺกามิฯ

    Terasanipāte yāhu raṭṭhetiādikā āyasmato soṇassa koḷivisassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacini. Ayaṃ kira anomadassissa bhagavato kāle mahāvibhavo seṭṭhi hutvā upāsakehi saddhiṃ vihāraṃ gantvā satthu santike dhammaṃ sutvā pasannamānaso satthu caṅkamanaṭṭhāne sudhāya parikammaṃ kāretvā nānāvaṇṇehi pupphehi santharitvā upari nānāvirāgavatthehi vitānaṃ bandhāpesi, tathā satthu bhikkhusaṅghassa ca dīghasālaṃ kāretvā niyyādesi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare seṭṭhikule nibbatti, sirivaḍḍhotissa nāmaṃ ahosi. So vayappatto vihāraṃ gantvā satthu santike dhammaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ āraddhavīriyānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā, sayampi taṃ ṭhānantaraṃ patthento sattāhaṃ mahādānaṃ pavattetvā paṇidhānamakāsi. Satthāpi tassa patthanāya samijjhanabhāvaṃ disvā byākaritvā pakkāmi.

    โสปิ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต ปรินิพฺพุเต กสฺสปทสพเล อนุปฺปเนฺน อมฺหากํ ภควติ พาราณสิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต คงฺคาตีเร ปณฺณสาลํ กริตฺวา เอกํ ปเจฺจกพุทฺธํ เตมาสํ จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐหิฯ ปเจฺจกพุโทฺธ วุฎฺฐวโสฺส ปริปุณฺณปริกฺขาโร คนฺธมาทนเมว คโตฯ โสปิ กุลปุโตฺต ยาวชีวํ ตตฺถ ปุญฺญานิ กตฺวา ตโต จวิตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อมฺหากํ ภควโต กาเล จมฺปานคเร อุสภเสฎฺฐิสฺส เคเห ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ตสฺส ปฎิสนฺธิคฺคหณโต ปฎฺฐาย เสฎฺฐิสฺส มหาโภคกฺขโนฺธ อภิวฑฺฒิฯ ตสฺส ชาตทิวเส สกลนคเร มหาสกฺการสมฺปโนฺน อโหสิ, ตสฺส ปุเพฺพ ปเจฺจกพุทฺธสฺส สตสหสฺสคฺฆนิกรตฺตกมฺพลปริจฺจาเคน สุวณฺณวโณฺณ สุขุมาลตโร จ อตฺตภาโว อโหสิ, เตนสฺส โสโณติ นามํ อกํสุฯ มหตา ปริวาเรน วฑฺฒติ , ตสฺส หตฺถปาทตลานิ พนฺธุชีวกปุปฺผวณฺณานิ อเหสุํ, สตวิหตกปฺปาสสฺส วิย สมฺผโสฺส ปาทตเลสุ มณิกุณฺฑลาวฎฺฎวณฺณานิ โลมานิ ชายิํสุฯ วยปฺปตฺตสฺส ตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเก ตโย ปาสาเท กาเรตฺวา นาฎกานิ อุปฎฺฐาเปสุํฯ โส ตตฺถ มหติํ สมฺปตฺติํ อนุภวโนฺต เทวกุมาโร วิย ปฎิวสติฯ

    Sopi yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā devamanussesu saṃsaranto parinibbute kassapadasabale anuppanne amhākaṃ bhagavati bārāṇasiyaṃ kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto gaṅgātīre paṇṇasālaṃ karitvā ekaṃ paccekabuddhaṃ temāsaṃ catūhi paccayehi sakkaccaṃ upaṭṭhahi. Paccekabuddho vuṭṭhavasso paripuṇṇaparikkhāro gandhamādanameva gato. Sopi kulaputto yāvajīvaṃ tattha puññāni katvā tato cavitvā devamanussesu saṃsaranto amhākaṃ bhagavato kāle campānagare usabhaseṭṭhissa gehe paṭisandhiṃ gaṇhi. Tassa paṭisandhiggahaṇato paṭṭhāya seṭṭhissa mahābhogakkhandho abhivaḍḍhi. Tassa jātadivase sakalanagare mahāsakkārasampanno ahosi, tassa pubbe paccekabuddhassa satasahassagghanikarattakambalapariccāgena suvaṇṇavaṇṇo sukhumālataro ca attabhāvo ahosi, tenassa soṇoti nāmaṃ akaṃsu. Mahatā parivārena vaḍḍhati , tassa hatthapādatalāni bandhujīvakapupphavaṇṇāni ahesuṃ, satavihatakappāsassa viya samphasso pādatalesu maṇikuṇḍalāvaṭṭavaṇṇāni lomāni jāyiṃsu. Vayappattassa tassa tiṇṇaṃ utūnaṃ anucchavike tayo pāsāde kāretvā nāṭakāni upaṭṭhāpesuṃ. So tattha mahatiṃ sampattiṃ anubhavanto devakumāro viya paṭivasati.

    อถ อมฺหากํ สตฺถริ สพฺพญฺญุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจเกฺก ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรเนฺต พิมฺพิสารรญฺญา ปโกฺกสาปิโต อสีติยา คามิกสหเสฺสหิ สทฺธิํ ราชคหํ อาคโต, สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา สาสเน ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา, ชนสํสคฺคปริหรณตฺถํ สีตวเน วสโนฺต ‘‘มม สรีรํ สุขุมาลํ, น จ สกฺกา สุเขเนว สุขํ อธิคนฺตุํ, กายํ กิลเมตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ ฐานจงฺกมเมว อธิฎฺฐาย, ปธานมนุยุญฺชโนฺต ปาทตเลสุ โผเฎสุ อุฎฺฐหิเตสุปิ เวทนํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ทฬฺหํ วีริยํ กโรโนฺต อจฺจารทฺธวีริยตาย วิเสสํ นิพฺพเตฺตตุํ อสโกฺกโนฺต, ‘‘เอวํ วายมโนฺตปิ อหํ มคฺคํ วา ผลํ วา นิพฺพเตฺตตุํ น สโกฺกมิ, กิํ เม ปพฺพชฺชาย, หีนายาวตฺติตฺวา โภเค จ ภุญฺชิสฺสามิ, ปุญฺญานิ จ กริสฺสามี’’ติ จิเนฺตสิฯ สตฺถา ตสฺส จิตฺตาจารํ ญตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา วีณูปโมวาเทน โอวทิตฺวา วีริยสมตาโยชนวิธิํ ทเสฺสโนฺต กมฺมฎฺฐานํ โสเธตฺวา คิชฺฌกูฎํ คโตฯ โสณเตฺถโรปิ สตฺถุ สมฺมุขา โอวาทํ ลภิตฺวา วีริยสมตํ โยเชตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหเตฺต ปติฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๕.๒๕-๕๓) –

    Atha amhākaṃ satthari sabbaññutaṃ patvā pavattitavaradhammacakke rājagahaṃ upanissāya viharante bimbisāraraññā pakkosāpito asītiyā gāmikasahassehi saddhiṃ rājagahaṃ āgato, satthu santikaṃ gantvā dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho mātāpitaro anujānāpetvā sāsane pabbajitvā laddhūpasampado satthu santike kammaṭṭhānaṃ gahetvā, janasaṃsaggapariharaṇatthaṃ sītavane vasanto ‘‘mama sarīraṃ sukhumālaṃ, na ca sakkā sukheneva sukhaṃ adhigantuṃ, kāyaṃ kilametvā samaṇadhammaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti ṭhānacaṅkamameva adhiṭṭhāya, padhānamanuyuñjanto pādatalesu phoṭesu uṭṭhahitesupi vedanaṃ ajjhupekkhitvā daḷhaṃ vīriyaṃ karonto accāraddhavīriyatāya visesaṃ nibbattetuṃ asakkonto, ‘‘evaṃ vāyamantopi ahaṃ maggaṃ vā phalaṃ vā nibbattetuṃ na sakkomi, kiṃ me pabbajjāya, hīnāyāvattitvā bhoge ca bhuñjissāmi, puññāni ca karissāmī’’ti cintesi. Satthā tassa cittācāraṃ ñatvā tattha gantvā vīṇūpamovādena ovaditvā vīriyasamatāyojanavidhiṃ dassento kammaṭṭhānaṃ sodhetvā gijjhakūṭaṃ gato. Soṇattheropi satthu sammukhā ovādaṃ labhitvā vīriyasamataṃ yojetvā vipassanaṃ ussukkāpetvā arahatte patiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.5.25-53) –

    ‘‘อโนมทสฺสิสฺส มุนิโน, โลกเชฎฺฐสฺส ตาทิโน;

    ‘‘Anomadassissa munino, lokajeṭṭhassa tādino;

    สุธาย เลปนํ กตฺวา, จงฺกมํ การยิํ อหํฯ

    Sudhāya lepanaṃ katvā, caṅkamaṃ kārayiṃ ahaṃ.

    ‘‘นานาวเณฺณหิ ปุเปฺผหิ, จงฺกมํ สนฺถริํ อหํ;

    ‘‘Nānāvaṇṇehi pupphehi, caṅkamaṃ santhariṃ ahaṃ;

    อากาเส วิตานํ กตฺวา, โภชยิํ พุทฺธมุตฺตมํฯ

    Ākāse vitānaṃ katvā, bhojayiṃ buddhamuttamaṃ.

    ‘‘อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวาน, อภิวาเทตฺวาน สุพฺพตํ;

    ‘‘Añjaliṃ paggahetvāna, abhivādetvāna subbataṃ;

    ทีฆสาลํ ภควโต, นิยฺยาเทสิมหํ ตทาฯ

    Dīghasālaṃ bhagavato, niyyādesimahaṃ tadā.

    ‘‘มม สงฺกปฺปมญฺญาย, สตฺถา โลเก อนุตฺตโร;

    ‘‘Mama saṅkappamaññāya, satthā loke anuttaro;

    ปฎิคฺคเหสิ ภควา, อนุกมฺปาย จกฺขุมาฯ

    Paṭiggahesi bhagavā, anukampāya cakkhumā.

    ‘‘ปฎิคฺคเหตฺวาน สมฺพุโทฺธ, ทกฺขิเณโยฺย สเทวเก;

    ‘‘Paṭiggahetvāna sambuddho, dakkhiṇeyyo sadevake;

    ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถฯ

    Bhikkhusaṅghe nisīditvā, imā gāthā abhāsatha.

    ‘‘โย โส หเฎฺฐน จิเตฺตน, ทีฆสาลํ อทาสิ เม;

    ‘‘Yo so haṭṭhena cittena, dīghasālaṃ adāsi me;

    ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโตฯ

    Tamahaṃ kittayissāmi, suṇātha mama bhāsato.

    ‘‘อิมสฺส มจฺจุกาลมฺหิ, ปุญฺญกมฺมสมงฺคิโน;

    ‘‘Imassa maccukālamhi, puññakammasamaṅgino;

    สหสฺสยุตฺตสฺสรโถ, อุปฎฺฐิสฺสติ ตาวเทฯ

    Sahassayuttassaratho, upaṭṭhissati tāvade.

    ‘‘เตน ยาเนนยํ โปโส, เทวโลกํ คมิสฺสติ;

    ‘‘Tena yānenayaṃ poso, devalokaṃ gamissati;

    อนุโมทิสฺสเร เทวา, สมฺปเตฺต กุลสมฺภเวฯ

    Anumodissare devā, sampatte kulasambhave.

    ‘‘มหารหํ พฺยมฺหํ เสฎฺฐํ, รตนมตฺติกเลปนํ;

    ‘‘Mahārahaṃ byamhaṃ seṭṭhaṃ, ratanamattikalepanaṃ;

    กูฎาคารวรูเปตํ, พฺยมฺหํ อชฺฌาวสิสฺสติฯ

    Kūṭāgāravarūpetaṃ, byamhaṃ ajjhāvasissati.

    ‘‘ติํสกปฺปสหสฺสานิ, เทวโลเก รมิสฺสติ;

    ‘‘Tiṃsakappasahassāni, devaloke ramissati;

    ปญฺจวีสติ กปฺปานิ, เทวราชา ภวิสฺสติฯ

    Pañcavīsati kappāni, devarājā bhavissati.

    ‘‘สตฺตสตฺตติกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

    ‘‘Sattasattatikkhattuñca, cakkavattī bhavissati;

    ยโสธรสนามา เต, สเพฺพปิ เอกนามกาฯ

    Yasodharasanāmā te, sabbepi ekanāmakā.

    ‘‘เทฺว สมฺปตฺตี อนุโภตฺวา, วเฑฺฒตฺวา ปุญฺญสญฺจยํ;

    ‘‘Dve sampattī anubhotvā, vaḍḍhetvā puññasañcayaṃ;

    อฎฺฐวีสติกปฺปมฺหิ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติฯ

    Aṭṭhavīsatikappamhi, cakkavattī bhavissati.

    ‘‘ตตฺราปิ พฺยมฺหํ ปวรํ, วิสฺสกเมฺมน มาปิตํ;

    ‘‘Tatrāpi byamhaṃ pavaraṃ, vissakammena māpitaṃ;

    ทสสทฺทาวิวิตฺตํ ตํ, ปุรมชฺฌาวสิสฺสติฯ

    Dasasaddāvivittaṃ taṃ, puramajjhāvasissati.

    ‘‘อปริเมเยฺย อิโต กเปฺป, ภูมิปาโล มหิทฺธิโก;

    ‘‘Aparimeyye ito kappe, bhūmipālo mahiddhiko;

    โอกฺกาโก นาม นาเมน, ราชา รเฎฺฐ ภวิสฺสติฯ

    Okkāko nāma nāmena, rājā raṭṭhe bhavissati.

    ‘‘โสฬสิตฺถิสหสฺสานํ, สพฺพาสํ ปวรา จ สา;

    ‘‘Soḷasitthisahassānaṃ, sabbāsaṃ pavarā ca sā;

    อภิชาตา ขตฺติยานี, นว ปุเตฺต ชเนสฺสติฯ

    Abhijātā khattiyānī, nava putte janessati.

    ‘‘นว ปุเตฺต ชเนตฺวาน, ขตฺติยานี มริสฺสติ;

    ‘‘Nava putte janetvāna, khattiyānī marissati;

    ตรุณี จ ปิยา กญฺญา, มเหสิตฺตํ กริสฺสติฯ

    Taruṇī ca piyā kaññā, mahesittaṃ karissati.

    ‘‘โอกฺกากํ โตสยิตฺวาน, วรํ กญฺญา ลภิสฺสติ;

    ‘‘Okkākaṃ tosayitvāna, varaṃ kaññā labhissati;

    วรํ ลทฺธาน สา กญฺญา, ปุเตฺต ปพฺพาชยิสฺสติฯ

    Varaṃ laddhāna sā kaññā, putte pabbājayissati.

    ‘‘ปพฺพาชิตา จ เต สเพฺพ, คมิสฺสนฺติ นคุตฺตมํ;

    ‘‘Pabbājitā ca te sabbe, gamissanti naguttamaṃ;

    ชาติเภทภยา สเพฺพ, ภคินีหิ วสิสฺสเรฯ

    Jātibhedabhayā sabbe, bhaginīhi vasissare.

    ‘‘เอกา จ กญฺญา พฺยาธีหิ, ภวิสฺสติ ปริกฺขตา;

    ‘‘Ekā ca kaññā byādhīhi, bhavissati parikkhatā;

    มา โน ชาติ ปภิชฺชีติ, นิขณิสฺสนฺติ ขตฺติยาฯ

    Mā no jāti pabhijjīti, nikhaṇissanti khattiyā.

    ‘‘ขตฺติโย นีหริตฺวาน, ตาย สทฺธิํ วสิสฺสติ;

    ‘‘Khattiyo nīharitvāna, tāya saddhiṃ vasissati;

    ภวิสฺสติ ตทา เภโท, โอกฺกากกุลสมฺภโวฯ

    Bhavissati tadā bhedo, okkākakulasambhavo.

    ‘‘เตสํ ปชา ภวิสฺสนฺติ, โกฬิยา นาม ชาติยา;

    ‘‘Tesaṃ pajā bhavissanti, koḷiyā nāma jātiyā;

    ตตฺถ มานุสกํ โภคํ, อนุโภสฺสตินปฺปกํฯ

    Tattha mānusakaṃ bhogaṃ, anubhossatinappakaṃ.

    ‘‘ตมฺหา กายา จวิตฺวาน, เทวโลกํ คมิสฺสติ;

    ‘‘Tamhā kāyā cavitvāna, devalokaṃ gamissati;

    ตตฺราปิ ปวรํ พฺยมฺหํ, ลภิสฺสติ มโนรมํฯ

    Tatrāpi pavaraṃ byamhaṃ, labhissati manoramaṃ.

    ‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

    ‘‘Devalokā cavitvāna, sukkamūlena codito;

    อาคนฺตฺวาน มนุสฺสตฺตํ, โสโณ นาม ภวิสฺสติฯ

    Āgantvāna manussattaṃ, soṇo nāma bhavissati.

    ‘‘อารทฺธวีริโย ปหิตโตฺต, ปทหํ สตฺถุ สาสเน;

    ‘‘Āraddhavīriyo pahitatto, padahaṃ satthu sāsane;

    สพฺพาสเว ปริญฺญาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโวฯ

    Sabbāsave pariññāya, nibbāyissatināsavo.

    ‘‘อนนฺตทสฺสี ภควา, โคตโม สกฺยปุงฺคโว;

    ‘‘Anantadassī bhagavā, gotamo sakyapuṅgavo;

    วิเสสญฺญู มหาวีโร, อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสฺสติฯ

    Visesaññū mahāvīro, aggaṭṭhāne ṭhapessati.

    ‘‘วุฎฺฐมฺหิ เทเว จตุรงฺคุลมฺหิ, ติเณ อนิเลริตองฺคณมฺหิ;

    ‘‘Vuṭṭhamhi deve caturaṅgulamhi, tiṇe anileritaaṅgaṇamhi;

    ฐตฺวาน โยคสฺส ปยุตฺตตาทิโน, ตโตตฺตริํ ปารมตา น วิชฺชติฯ

    Ṭhatvāna yogassa payuttatādino, tatottariṃ pāramatā na vijjati.

    ‘‘อุตฺตเม ทมเถ ทโนฺต, จิตฺตํ เม สุปณีหิตํ;

    ‘‘Uttame damathe danto, cittaṃ me supaṇīhitaṃ;

    ภาโร เม โอหิโต สโพฺพ, นิพฺพุโตมฺหิ อนาสโวฯ

    Bhāro me ohito sabbo, nibbutomhi anāsavo.

    ‘‘องฺคีรโส มหานาโค, อภิชาโตว เกสรี;

    ‘‘Aṅgīraso mahānāgo, abhijātova kesarī;

    ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, เอตทเคฺค ฐเปสิ มํฯ

    Bhikkhusaṅghe nisīditvā, etadagge ṭhapesi maṃ.

    ‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Paṭisambhidā catasso…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทานวเสน อญฺญาพฺยากรณวเสน จ –

    Arahattaṃ pana patvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā udānavasena aññābyākaraṇavasena ca –

    ๖๓๒.

    632.

    ‘‘ยาหุ รเฎฺฐ สมุกฺกโฎฺฐ, รโญฺญ องฺคสฺส ปทฺธคู;

    ‘‘Yāhu raṭṭhe samukkaṭṭho, rañño aṅgassa paddhagū;

    สฺวาชฺช ธเมฺมสุ อุกฺกโฎฺฐ, โสโณ ทุกฺขสฺส ปารคูฯ

    Svājja dhammesu ukkaṭṭho, soṇo dukkhassa pāragū.

    ๖๓๓.

    633.

    ‘‘ปญฺจ ฉิเนฺท ปญฺจ ชเห, ปญฺจ จุตฺตริ ภาวเย;

    ‘‘Pañca chinde pañca jahe, pañca cuttari bhāvaye;

    ปญฺจสงฺคาติโค ภิกฺขุ, โอฆติโณฺณติ วุจฺจติฯ

    Pañcasaṅgātigo bhikkhu, oghatiṇṇoti vuccati.

    ๖๓๔.

    634.

    ‘‘อุนฺนฬสฺส ปมตฺตสฺส, พาหิราสสฺส ภิกฺขุโน;

    ‘‘Unnaḷassa pamattassa, bāhirāsassa bhikkhuno;

    สีลํ สมาธิ ปญฺญา จ, ปาริปูริํ น คจฺฉติฯ

    Sīlaṃ samādhi paññā ca, pāripūriṃ na gacchati.

    ๖๓๕.

    635.

    ‘‘ยญฺหิ กิจฺจํ อปวิทฺธํ, อกิจฺจํ ปน กรียติ;

    ‘‘Yañhi kiccaṃ apaviddhaṃ, akiccaṃ pana karīyati;

    อุนฺนฬานํ ปมตฺตานํ, เตสํ วฑฺฒนฺติ อาสวาฯ

    Unnaḷānaṃ pamattānaṃ, tesaṃ vaḍḍhanti āsavā.

    ๖๓๖.

    636.

    ‘‘เยสญฺจ สุสมารทฺธา, นิจฺจํ กายคตา สติ;

    ‘‘Yesañca susamāraddhā, niccaṃ kāyagatā sati;

    อกิจฺจํ เต น เสวนฺติ, กิเจฺจ สาตจฺจการิโน;

    Akiccaṃ te na sevanti, kicce sātaccakārino;

    สตานํ สมฺปชานานํ, อตฺถํ คจฺฉนฺติ อาสวาฯ

    Satānaṃ sampajānānaṃ, atthaṃ gacchanti āsavā.

    ๖๓๗.

    637.

    ‘‘อุชุมคฺคมฺหิ อกฺขาเต, คจฺฉถ มา นิวตฺตถ;

    ‘‘Ujumaggamhi akkhāte, gacchatha mā nivattatha;

    อตฺตนา โจทยตฺตานํ, นิพฺพานมภิหารเยฯ

    Attanā codayattānaṃ, nibbānamabhihāraye.

    ๖๓๘.

    638.

    ‘‘อจฺจารทฺธมฺหิ วีริยมฺหิ, สตฺถา โลเก อนุตฺตโร;

    ‘‘Accāraddhamhi vīriyamhi, satthā loke anuttaro;

    วีโณปมํ กริตฺวา เม, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา;

    Vīṇopamaṃ karitvā me, dhammaṃ deseti cakkhumā;

    ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, วิหาสิํ สาสเน รโตฯ

    Tassāhaṃ vacanaṃ sutvā, vihāsiṃ sāsane rato.

    ๖๓๙.

    639.

    ‘‘สมถํ ปฎิปาเทสิํ, อุตฺตมตฺถสฺส ปตฺติยา;

    ‘‘Samathaṃ paṭipādesiṃ, uttamatthassa pattiyā;

    ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํฯ

    Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ.

    ๖๔๐.

    640.

    ‘‘เนกฺขเมฺม อธิมุตฺตสฺส, ปวิเวกญฺจ เจตโส;

    ‘‘Nekkhamme adhimuttassa, pavivekañca cetaso;

    อพฺยาพชฺฌาธิมุตฺตสฺส, อุปาทานกฺขยสฺส จฯ

    Abyābajjhādhimuttassa, upādānakkhayassa ca.

    ๖๔๑.

    641.

    ‘‘ตณฺหกฺขยาธิมุตฺตสฺส, อสโมฺมหญฺจ เจตโส;

    ‘‘Taṇhakkhayādhimuttassa, asammohañca cetaso;

    ทิสฺวา อายตนุปฺปาทํ, สมฺมา จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ

    Disvā āyatanuppādaṃ, sammā cittaṃ vimuccati.

    ๖๔๒.

    642.

    ‘‘ตสฺส สมฺมา วิมุตฺตสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;

    ‘‘Tassa sammā vimuttassa, santacittassa bhikkhuno;

    กตสฺส ปติจโย นตฺถิ, กรณียํ น วิชฺชติฯ

    Katassa paticayo natthi, karaṇīyaṃ na vijjati.

    ๖๔๓.

    643.

    ‘‘เสโล ยถา เอกฆโน, วาเตน น สมีรติ;

    ‘‘Selo yathā ekaghano, vātena na samīrati;

    เอวํ รูปา รสา สทฺทา, คนฺธา ผสฺสา จ เกวลาฯ

    Evaṃ rūpā rasā saddā, gandhā phassā ca kevalā.

    ๖๔๔.

    644.

    ‘‘อิฎฺฐา ธมฺมา อนิฎฺฐา จ, นปฺปเวเธนฺติ ตาทิโน;

    ‘‘Iṭṭhā dhammā aniṭṭhā ca, nappavedhenti tādino;

    ฐิตํ จิตฺตํ วิสญฺญุตฺตํ, วยญฺจสฺสานุปสฺสตี’’ติฯ – อิมา คาถา อภาสิ;

    Ṭhitaṃ cittaṃ visaññuttaṃ, vayañcassānupassatī’’ti. – imā gāthā abhāsi;

    ตตฺถ ยาหุ รเฎฺฐ สมุกฺกโฎฺฐติ โย อหุ อโหสิ องฺครเฎฺฐ อสีติยา คามิกสหเสฺสหิ โภคสมฺปตฺติยา อิสฺสริยสมฺปตฺติยา จ สมฺมา อติวิย อุกฺกโฎฺฐ เสโฎฺฐฯ รโญฺญ องฺคสฺส ปทฺธคูติ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ปริสาย รญฺชนเฎฺฐน รโญฺญ องฺคาธิปติโน พิมฺพิสารสฺส ปริวารภูโต คหปติวิเสโส ตสฺส รเฎฺฐ กุฎุมฺพิโก อหูติ โยเชตพฺพํฯ สฺวาชฺช ธเมฺมสุ อุกฺกโฎฺฐติ โส โสโณ อเชฺชตรหิ โลกุตฺตรธเมฺมสุ อุกฺกโฎฺฐ ชาโต, คิหิกาเลปิ เกหิจิ อุกฺกโฎฺฐเยว หุตฺวา อิทานิ ปพฺพชิตกาเลปิ อุกฺกโฎฺฐเยว โหตีติ อตฺตานเมว ปรํ วิย ทเสฺสติฯ ทุกฺขสฺส ปารคูติ สกลสฺส วฎฺฎทุกฺขสฺส ปารํ ปริยนฺตํ คโต, เอเตน ธเมฺมสุ อุกฺกโฎฺฐติ อวิเสเสน วุตฺตํ อุกฺกฎฺฐภาวํ วิเสเสติ อรหตฺตาธิคมทีปนโตฯ

    Tattha yāhu raṭṭhe samukkaṭṭhoti yo ahu ahosi aṅgaraṭṭhe asītiyā gāmikasahassehi bhogasampattiyā issariyasampattiyā ca sammā ativiya ukkaṭṭho seṭṭho. Rañño aṅgassa paddhagūti catūhi saṅgahavatthūhi parisāya rañjanaṭṭhena rañño aṅgādhipatino bimbisārassa parivārabhūto gahapativiseso tassa raṭṭhe kuṭumbiko ahūti yojetabbaṃ. Svājja dhammesu ukkaṭṭhoti so soṇo ajjetarahi lokuttaradhammesu ukkaṭṭho jāto, gihikālepi kehici ukkaṭṭhoyeva hutvā idāni pabbajitakālepi ukkaṭṭhoyeva hotīti attānameva paraṃ viya dasseti. Dukkhassa pāragūti sakalassa vaṭṭadukkhassa pāraṃ pariyantaṃ gato, etena dhammesu ukkaṭṭhoti avisesena vuttaṃ ukkaṭṭhabhāvaṃ viseseti arahattādhigamadīpanato.

    อิทานิ ยาย ปฎิปตฺติยา ทุกฺขปารคู ชาโต, อญฺญาปเทเสน ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปญฺจ ฉิเนฺท’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – อปายกามสุคติสมฺปาปกานิ ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปุริโส สเตฺถน ปาเท พทฺธรชฺชุกํ วิย เหฎฺฐิเมน มคฺคตฺตเยน ฉิเนฺทยฺย, รูปารูปภวสมฺปาปกานิ ปญฺจ อุทฺธมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปุริโส คีวาย พทฺธรชฺชุกํ วิย อคฺคมเคฺคน ชเหยฺย, ฉิเนฺทยฺย, เตสํ ปน อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานํ ปหานาย ปญฺจ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ อุตฺตริ ภาวเย ภาเวยฺยฯ เอวํภูโต ปน ภิกฺขุ ราคสโงฺค โทสโมหมานทิฎฺฐิสโงฺคติ ปญฺจนฺนํ สงฺคานํ อติกฺกมเนน ปญฺจสงฺคาติโค หุตฺวา, กาโมโฆ, ภโวโฆ, ทิโฎฺฐโฆ, อวิโชฺชโฆติ จตุนฺนํ โอฆานํ ติณฺณตฺตา โอฆติโณฺณติ วุจฺจติฯ

    Idāni yāya paṭipattiyā dukkhapāragū jāto, aññāpadesena taṃ dassento ‘‘pañca chinde’’ti gāthamāha. Tassattho – apāyakāmasugatisampāpakāni pañcorambhāgiyāni saṃyojanāni puriso satthena pāde baddharajjukaṃ viya heṭṭhimena maggattayena chindeyya, rūpārūpabhavasampāpakāni pañca uddhambhāgiyāni saṃyojanāni puriso gīvāya baddharajjukaṃ viya aggamaggena jaheyya, chindeyya, tesaṃ pana uddhambhāgiyasaṃyojanānaṃ pahānāya pañca saddhādīni indriyāni uttari bhāvaye bhāveyya. Evaṃbhūto pana bhikkhu rāgasaṅgo dosamohamānadiṭṭhisaṅgoti pañcannaṃ saṅgānaṃ atikkamanena pañcasaṅgātigo hutvā, kāmogho, bhavogho, diṭṭhogho, avijjoghoti catunnaṃ oghānaṃ tiṇṇattā oghatiṇṇoti vuccati.

    อยญฺจ โอฆตรณปฎิปตฺติสีลาทีนํ ปาริปูริยาว โหติ, สีลาทโย จ มานาทิปฺปหาเนน ปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, น อญฺญถาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อุนฺนฬสฺสา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ อุนฺนฬสฺสาติ อุคฺคตตุจฺฉมานสฺสฯ มาโน หิ อุนฺนมนาการวุตฺติยา ตุจฺฉภาเวน นโฬ วิยาติ ‘‘นโฬ’’ติ วุจฺจติฯ ปมตฺตสฺสาติ สติโวสฺสเคฺคน ปมาทํ อาปนฺนสฺสฯ พาหิราสสฺสาติ พาหิเรสุ อายตเนสุ อาสาวโต, กาเมสุ อวีตราคสฺสาติ อโตฺถฯ สีลํ สมาธิ ปญฺญา จ, ปาริปูริํ น คจฺฉตีติ ตสฺส สีลาทีนํ ปฎิปกฺขเสวิโน โลกิโยปิ ตาว สีลาทิคุโณ ปาริปูริํ น คจฺฉติ, ปเคว โลกุตฺตโรฯ

    Ayañca oghataraṇapaṭipattisīlādīnaṃ pāripūriyāva hoti, sīlādayo ca mānādippahānena pāripūriṃ gacchanti, na aññathāti dassento ‘‘unnaḷassā’’ti gāthamāha. Tattha unnaḷassāti uggatatucchamānassa. Māno hi unnamanākāravuttiyā tucchabhāvena naḷo viyāti ‘‘naḷo’’ti vuccati. Pamattassāti sativossaggena pamādaṃ āpannassa. Bāhirāsassāti bāhiresu āyatanesu āsāvato, kāmesu avītarāgassāti attho. Sīlaṃ samādhi paññā ca, pāripūriṃ na gacchatīti tassa sīlādīnaṃ paṭipakkhasevino lokiyopi tāva sīlādiguṇo pāripūriṃ na gacchati, pageva lokuttaro.

    ตตฺถ การณมาห ‘‘ยญฺหิ กิจฺจ’’นฺติอาทินาฯ ภิกฺขุโน หิ ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย อปริมาณสีลกฺขนฺธโคปนํ อรญฺญวาโส ธุตงฺคปริหรณํ ภาวนารามตาติ เอวมาทิ กิจฺจํ นามฯ เยหิ ปน อิทํ ยถาวุตฺตํ อตฺตโน กิจฺจํ, ตํ อปวิทฺธํ อกรเณน ฉฑฺฑิตํฯ อกิจฺจนฺติ ปตฺตมณฺฑนํ จีวรกายพนฺธนอํสพทฺธฉตฺตุปาหนตาลวณฺฎธมฺมกรณมณฺฑนนฺติ เอวมาทิ ปริกฺขารมณฺฑนํ ปจฺจยพาหุลิยนฺติ เอวมาทิ ภิกฺขุโน อกิจฺจํ นาม, ตํ กยิรติ, เตสํ มานนฬํ อุกฺขิปิตฺวา จรเณน อุนฺนฬานํ สติโวสฺสเคฺคน ปมตฺตานํ จตฺตาโรปิ อาสวา วฑฺฒนฺติฯ

    Tattha kāraṇamāha ‘‘yañhi kicca’’ntiādinā. Bhikkhuno hi pabbajitakālato paṭṭhāya aparimāṇasīlakkhandhagopanaṃ araññavāso dhutaṅgapariharaṇaṃ bhāvanārāmatāti evamādi kiccaṃ nāma. Yehi pana idaṃ yathāvuttaṃ attano kiccaṃ, taṃ apaviddhaṃ akaraṇena chaḍḍitaṃ. Akiccanti pattamaṇḍanaṃ cīvarakāyabandhanaaṃsabaddhachattupāhanatālavaṇṭadhammakaraṇamaṇḍananti evamādi parikkhāramaṇḍanaṃ paccayabāhuliyanti evamādi bhikkhuno akiccaṃ nāma, taṃ kayirati, tesaṃ mānanaḷaṃ ukkhipitvā caraṇena unnaḷānaṃ sativossaggena pamattānaṃ cattāropi āsavā vaḍḍhanti.

    เยสํ ปน ปญฺญาทิคุโณ วฑฺฒติ, เต ทเสฺสตุํ ‘‘เยส’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สุสมารทฺธาติ สุฎฺฐุ ปคฺคหิตาฯ กายคตา สตีติ, กายานุปสฺสนาภาวนาฯ อกิจฺจํ เตติ เต เอตํ ปตฺตมณฺฑนาทิอกิจฺจํฯ น เสวนฺตีติ น กโรนฺติฯ กิเจฺจติ, ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย กตฺตเพฺพ อปริมาณสีลกฺขนฺธโคปนาทิเกฯ สาตจฺจการิโนติ สตตการิโน เตสํ สติยา อวิปฺปวาเสน สตานํ สาตฺถกสมฺปชญฺญํ, สปฺปายสมฺปชญฺญํ, โคจรสมฺปชญฺญํ, อสโมฺมหสมฺปชญฺญนฺติ จตูหิ สมฺปชเญฺญหิ สมฺปชานานํ, จตฺตาโรปิ อาสวา อตฺถํ คจฺฉนฺติ ปริกฺขยํ อภาวํ คจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ

    Yesaṃ pana paññādiguṇo vaḍḍhati, te dassetuṃ ‘‘yesa’’ntiādi vuttaṃ. Tattha susamāraddhāti suṭṭhu paggahitā. Kāyagatā satīti, kāyānupassanābhāvanā. Akiccaṃ teti te etaṃ pattamaṇḍanādiakiccaṃ. Na sevantīti na karonti. Kicceti, pabbajitakālato paṭṭhāya kattabbe aparimāṇasīlakkhandhagopanādike. Sātaccakārinoti satatakārino tesaṃ satiyā avippavāsena satānaṃ sātthakasampajaññaṃ, sappāyasampajaññaṃ, gocarasampajaññaṃ, asammohasampajaññanti catūhi sampajaññehi sampajānānaṃ, cattāropi āsavā atthaṃ gacchanti parikkhayaṃ abhāvaṃ gacchantīti attho.

    อิทานิ อตฺตโน สนฺติเก ฐิตภิกฺขูนํ โอวาทํ เทโนฺต ‘‘อุชุมคฺคมฺหี’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ อุชุมคฺคมฺหิ อกฺขาเตติ อนฺตทฺวยปริวชฺชเนน กายวงฺกาทิปฺปหาเนน จ อุชุเก มชฺฌิมปฎิปทาภูเต อริยมเคฺค สตฺถารา ภาสิเตฯ คจฺฉถาติ ปฎิปชฺชถฯ มา นิวตฺตถาติ อนฺตรา โวสานํ มาปชฺชถฯ อตฺตนา โจทยตฺตานนฺติ อิธ อตฺถกาโม กุลปุโตฺต อปายภยปจฺจเวกฺขณาทินา อตฺตนาว อตฺตานํ โจเทโนฺตฯ นิพฺพานมภิหารเยติ, อตฺตานํ นิพฺพานํ อภิหเรยฺย อุปเนยฺย, ยถา นํ สจฺฉิกโรติ, ตถา ปฎิปเชฺชยฺยาติ อโตฺถฯ

    Idāni attano santike ṭhitabhikkhūnaṃ ovādaṃ dento ‘‘ujumaggamhī’’ti gāthamāha. Tattha ujumaggamhi akkhāteti antadvayaparivajjanena kāyavaṅkādippahānena ca ujuke majjhimapaṭipadābhūte ariyamagge satthārā bhāsite. Gacchathāti paṭipajjatha. Mā nivattathāti antarā vosānaṃ māpajjatha. Attanā codayattānanti idha atthakāmo kulaputto apāyabhayapaccavekkhaṇādinā attanāva attānaṃ codento. Nibbānamabhihārayeti, attānaṃ nibbānaṃ abhihareyya upaneyya, yathā naṃ sacchikaroti, tathā paṭipajjeyyāti attho.

    อิทานิ มยาปิ เอวเมว ปฎิปนฺนนฺติ, อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ทเสฺสตุํ ‘‘อจฺจารทฺธมฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อจฺจารทฺธมฺหิ วีริยมฺหีติ วิปสฺสนํ ภาเวเนฺตน มยา สมาธินา วีริยํ สมรสํ อกตฺวา อติวิย วีริเย ปคฺคหิเตฯ อจฺจารทฺธวีริยตา จสฺส เหฎฺฐา วุตฺตาเยวฯ วีโณปมํ กริตฺวา เมติ อายสฺมโต โสณสฺส ‘‘เย โข เกจิ ภควโต สาวกา อารทฺธวีริยา วิหรนฺติฯ อหํ เตสํ อญฺญตโร, อถ จ ปน เม นานุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ตสฺมาหํ วิพฺภมิสฺสามี’’ติ จิเตฺต อุปฺปเนฺน สตฺถา อิทฺธิยา ตสฺส สมฺมุเข อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา ‘‘กสฺมา ตฺวํ, โสณ, ‘วิพฺภมิสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ, กุสโล ตฺวํ ปุเพฺพ อคาริยภูโต วีณาย ตนฺติสฺสเร’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตน ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, โสณ? ยทา เต วีณาย ตนฺติโย อจฺจายตา โหนฺติ, อปิ นุ เต วีณา ตสฺมิํ สมเย สรวตี วา โหติ กมฺมญฺญา วาติ? โน เหตํ, ภเนฺต! ตํ กิํ มญฺญสิ, โสณ, ยทา เต วีณาย ตนฺติโย อติสิถิลา โหนฺติ, อปิ นุ เต วีณา ตสฺมิํ สมเย สรวตี วา โหติ กมฺมญฺญา วาติ? โน เหตํ, ภเนฺตฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, โสณ, ยทา ปน เต วีณาย ตนฺติโย เนว อจฺจายตา โหนฺติ, นาติสิถิลา สเม คุเณ ปติฎฺฐิตา, อปิ นุ เต วีณา ตสฺมิํ สมเย สรวตี วา โหติ กมฺมญฺญา วาติ? เอวํ, ภเนฺตฯ เอวเมว โข, โสณ, อจฺจารทฺธวีริยํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺตติ, อติลีนวีริยํ โกสชฺชาย สํวตฺตติ, ตสฺมาติห ตฺวํ, โสณ, วีริยสมตํ อธิฎฺฐห, อินฺทฺริยานญฺจ สมตํ ปฎิวิชฺฌา’’ติ เอวํ วีณํ อุปมํ กตฺวา ปวตฺติเตน วีโณปโมวาเทน มยฺหํ ธมฺมํ เทเสสิฯ ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวาติ ตสฺส ภควโต วจนํ วีโณปโมวาทํ สุตฺวา อนฺตรา อุปฺปนฺนํ วิพฺภมิตุกามตํ ปหาย สตฺถุ สาสเน รโต อภิรโต วิหริํฯ

    Idāni mayāpi evameva paṭipannanti, attano paṭipattiṃ dassetuṃ ‘‘accāraddhamhī’’tiādi vuttaṃ. Accāraddhamhi vīriyamhīti vipassanaṃ bhāventena mayā samādhinā vīriyaṃ samarasaṃ akatvā ativiya vīriye paggahite. Accāraddhavīriyatā cassa heṭṭhā vuttāyeva. Vīṇopamaṃ karitvā meti āyasmato soṇassa ‘‘ye kho keci bhagavato sāvakā āraddhavīriyā viharanti. Ahaṃ tesaṃ aññataro, atha ca pana me nānupādāya āsavehi cittaṃ vimuccati, tasmāhaṃ vibbhamissāmī’’ti citte uppanne satthā iddhiyā tassa sammukhe attānaṃ dassetvā ‘‘kasmā tvaṃ, soṇa, ‘vibbhamissāmī’ti cittaṃ uppādesi, kusalo tvaṃ pubbe agāriyabhūto vīṇāya tantissare’’ti pucchitvā tena ‘‘evaṃ, bhante’’ti vutte ‘‘taṃ kiṃ maññasi, soṇa? Yadā te vīṇāya tantiyo accāyatā honti, api nu te vīṇā tasmiṃ samaye saravatī vā hoti kammaññā vāti? No hetaṃ, bhante! Taṃ kiṃ maññasi, soṇa, yadā te vīṇāya tantiyo atisithilā honti, api nu te vīṇā tasmiṃ samaye saravatī vā hoti kammaññā vāti? No hetaṃ, bhante. Taṃ kiṃ maññasi, soṇa, yadā pana te vīṇāya tantiyo neva accāyatā honti, nātisithilā same guṇe patiṭṭhitā, api nu te vīṇā tasmiṃ samaye saravatī vā hoti kammaññā vāti? Evaṃ, bhante. Evameva kho, soṇa, accāraddhavīriyaṃ uddhaccāya saṃvattati, atilīnavīriyaṃ kosajjāya saṃvattati, tasmātiha tvaṃ, soṇa, vīriyasamataṃ adhiṭṭhaha, indriyānañca samataṃ paṭivijjhā’’ti evaṃ vīṇaṃ upamaṃ katvā pavattitena vīṇopamovādena mayhaṃ dhammaṃ desesi. Tassāhaṃ vacanaṃ sutvāti tassa bhagavato vacanaṃ vīṇopamovādaṃ sutvā antarā uppannaṃ vibbhamitukāmataṃ pahāya satthu sāsane rato abhirato vihariṃ.

    วิหรโนฺต จ สมถํ ปฎิปาเทสิํ วีริยสมตํ โยเชโนฺต สทฺธาปญฺญานํ วิย สมาธิวีริยานํ สมรสตํ อุปฺปาเทโนฺต ฌานาธิฎฺฐานํ วิปสฺสนาสมาธิํ สมฺปาเทสิํ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปสิํฯ ตตฺถ ปโยชนํ อาห ‘‘อุตฺตมตฺถสฺส ปตฺติยา’’ติฯ อุตฺตมตฺถสฺส ปตฺติยาติ อรหตฺตาธิคมายาติ อโตฺถฯ

    Viharanto ca samathaṃ paṭipādesiṃ vīriyasamataṃ yojento saddhāpaññānaṃ viya samādhivīriyānaṃ samarasataṃ uppādento jhānādhiṭṭhānaṃ vipassanāsamādhiṃ sampādesiṃ vipassanaṃ ussukkāpesiṃ. Tattha payojanaṃ āha ‘‘uttamatthassa pattiyā’’ti. Uttamatthassa pattiyāti arahattādhigamāyāti attho.

    อิทานิ ยถา ปฎิปนฺนสฺส สมถวิปสฺสนา สมฺปชฺชิํสุ, ตํ อญฺญาปเทเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘เนกฺขเมฺม’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เนกฺขเมฺมติ ปพฺพชฺชาทิเก กามนิสฺสรเณฯ อธิมุตฺตสฺสาติ ตตฺถ นินฺนโปณปพฺภารภาเวน ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺส, ปฐมํ ตาว ปพฺพชฺชาภิมุโข หุตฺวา กาเม ปหาย ปพฺพชิตฺวา จ สีลวิโสธนํ อรญฺญวาโส ธุตงฺคปริหรณํ ภาวนาภิโยโคติ เอวมาทีสุ อนวชฺชธเมฺมสุ ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺสาติ อโตฺถฯ ปวิเวกญฺจ เจตโสติ เจตโส ปวิเวกญฺจ อธิมุตฺตสฺส เอวํ เนกฺขมฺมาธิมุตฺตสฺส สโต จตุกฺกปญฺจกชฺฌานานํ นิพฺพตฺตเนน วิเวเก ยุตฺตสฺส ปยุตฺตสฺสฯ อพฺยาพชฺฌาธิมุตฺตสฺสาติ อพฺยาพเชฺฌ นิทุกฺขตาย อธิมุตฺตสฺส ฌานสมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา สมถสุเข ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺสฯ อุปาทานกฺขยสฺส จาติ จตุนฺนมฺปิ อุปาทานานํ ขยเนฺต อรหเตฺต อธิมุตฺตสฺสฯ ภุมฺมเตฺถ หิ เอตํ สามิวจนํฯ ตํ ยถาธิคตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อรหตฺตาธิคมาย วิปสฺสนํ อนุยุญฺชนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ

    Idāni yathā paṭipannassa samathavipassanā sampajjiṃsu, taṃ aññāpadesena dassento ‘‘nekkhamme’’tiādimāha. Tattha nekkhammeti pabbajjādike kāmanissaraṇe. Adhimuttassāti tattha ninnapoṇapabbhārabhāvena yuttappayuttassa, paṭhamaṃ tāva pabbajjābhimukho hutvā kāme pahāya pabbajitvā ca sīlavisodhanaṃ araññavāso dhutaṅgapariharaṇaṃ bhāvanābhiyogoti evamādīsu anavajjadhammesu yuttappayuttassāti attho. Pavivekañca cetasoti cetaso pavivekañca adhimuttassa evaṃ nekkhammādhimuttassa sato catukkapañcakajjhānānaṃ nibbattanena viveke yuttassa payuttassa. Abyābajjhādhimuttassāti abyābajjhe nidukkhatāya adhimuttassa jhānasamāpattiyo nibbattetvā samathasukhe yuttappayuttassa. Upādānakkhayassa cāti catunnampi upādānānaṃ khayante arahatte adhimuttassa. Bhummatthe hi etaṃ sāmivacanaṃ. Taṃ yathādhigataṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā arahattādhigamāya vipassanaṃ anuyuñjantassāti attho.

    ตณฺหกฺขยาธิมุตฺตสฺสาติ ตณฺหา ขียติ เอตฺถาติ ตณฺหกฺขโย, นิพฺพานํ, ตสฺมิํ อธิมุตฺตสฺส อุปาทิํ ภยโต, อนุปาทิญฺจ เขมโต ทสฺสเนน นิโรเธ นินฺนโปณปพฺภารสฺสฯ อสโมฺมหญฺจ เจตโสติ อสโมฺมหสมฺปชญฺญวเสน จิตฺตสฺส อสโมฺมหปวตฺติํ สโมฺมหสมุจฺฉินฺทเนน วา จิตฺตสฺส อสโมฺมหภูตํ อริยมคฺคํ อธิมุตฺตสฺสฯ ทิสฺวา อายตนุปฺปาทนฺติ จกฺขาทีนํ อายตนานํ ยถาสกปจฺจเยหิ ขเณ ขเณ อุปฺปาทํ, ตปฺปฎิปกฺขโต นิโรธญฺจ วิปสฺสนาปญฺญาสหิตาย มคฺคปญฺญาย ทิสฺวา ทสฺสนเหตุ สมฺมา จิตฺตํ วิมุจฺจตีติ สมฺมา เหตุนา ญาเยน มคฺคปฎิปาฎิยา สพฺพาสวโต จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ

    Taṇhakkhayādhimuttassāti taṇhā khīyati etthāti taṇhakkhayo, nibbānaṃ, tasmiṃ adhimuttassa upādiṃ bhayato, anupādiñca khemato dassanena nirodhe ninnapoṇapabbhārassa. Asammohañca cetasoti asammohasampajaññavasena cittassa asammohapavattiṃ sammohasamucchindanena vā cittassa asammohabhūtaṃ ariyamaggaṃ adhimuttassa. Disvā āyatanuppādanti cakkhādīnaṃ āyatanānaṃ yathāsakapaccayehi khaṇe khaṇe uppādaṃ, tappaṭipakkhato nirodhañca vipassanāpaññāsahitāya maggapaññāya disvā dassanahetu sammā cittaṃ vimuccatīti sammā hetunā ñāyena maggapaṭipāṭiyā sabbāsavato cittaṃ vimuccati.

    ‘‘ตสฺส สมฺมา วิมุตฺตสฺสา’’ติอาทีสุ อยํ สเงฺขปโตฺถ – ตสฺส วุตฺตนเยน สมฺมเทว สพฺพสํกิเลสโต วิมุตฺตสฺส, ตโต เอว อจฺจนฺตุปสเมน สนฺตจิตฺตสฺส ขีณาสวภิกฺขุโน กตสฺส กุสลสฺส อกุสลสฺส วา อุปจโย นตฺถิ มเคฺคเนว สมุคฺฆาติตตฺตา, ปริญฺญาทิเภทํ กรณียํ น วิชฺชติ กตกิจฺจตฺตาฯ เอวํ ภูตสฺส ยถา เอกฆโน เสโล ปพฺพโต ปกติวาเตน น สมีรติ น สํกมฺปติ, เอวํ อิฎฺฐา จ อนิฎฺฐา จ รูปาทโย อารมฺมณธมฺมา ตาทิโน ตาทิภาวปฺปตฺตสฺส ฐิตํ อเนชํ ปหีนสพฺพโสกตาย วิสํยุตฺตํ จิตฺตํ นปฺปเวธนฺติ น จาเลนฺติฯ อสฺส จ อารมฺมณธมฺมสฺส กาเลน กาลํ ผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา วิปสฺสโนฺต วยํ นิโรธํ ขเณ ขเณ ภิชฺชนสภาวํ อนุปสฺสตีติ อญฺญํ พฺยากาสิฯ

    ‘‘Tassa sammā vimuttassā’’tiādīsu ayaṃ saṅkhepattho – tassa vuttanayena sammadeva sabbasaṃkilesato vimuttassa, tato eva accantupasamena santacittassa khīṇāsavabhikkhuno katassa kusalassa akusalassa vā upacayo natthi maggeneva samugghātitattā, pariññādibhedaṃ karaṇīyaṃ na vijjati katakiccattā. Evaṃ bhūtassa yathā ekaghano selo pabbato pakativātena na samīrati na saṃkampati, evaṃ iṭṭhā ca aniṭṭhā ca rūpādayo ārammaṇadhammā tādino tādibhāvappattassa ṭhitaṃ anejaṃ pahīnasabbasokatāya visaṃyuttaṃ cittaṃ nappavedhanti na cālenti. Assa ca ārammaṇadhammassa kālena kālaṃ phalasamāpattiṃ samāpajjitvā vipassanto vayaṃ nirodhaṃ khaṇe khaṇe bhijjanasabhāvaṃ anupassatīti aññaṃ byākāsi.

    โสณโกฬิวิสเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Soṇakoḷivisattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    เตรสนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Terasanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. โสณโกฬิวิสเตฺถรคาถา • 1. Soṇakoḷivisattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact