Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๑๑. โสณกุฎิกณฺณเตฺถรคาถาวณฺณนา
11. Soṇakuṭikaṇṇattheragāthāvaṇṇanā
อุปสมฺปทา จ เม ลทฺธาติอาทิกา อายสฺมโต โสณสฺส กุฎิกณฺณสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร วิภวสมฺปโนฺน เสฎฺฐิ หุตฺวา อุฬาราย อิสฺสริยสมฺปตฺติยา ฐิโต เอกทิวสํ สตฺถารํ สตสหสฺสขีณาสวปริวุตํ มหติยา พุทฺธลีฬาย มหเนฺตน พุทฺธานุภาเวน นครํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วนฺทิตฺวา อญฺชลิํ กตฺวา อฎฺฐาสิฯ โส ปจฺฉาภตฺตํ อุปาสเกหิ สทฺธิํ วิหารํ คนฺตฺวา ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ ฐานํ ปเตฺถตฺวา มหาทานํ ทตฺวา ปณิธานํ อกาสิฯ สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต โคตมสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน กลฺยาณวากฺกรณานํ อโคฺค ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ
Upasampadāca me laddhātiādikā āyasmato soṇassa kuṭikaṇṇassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare vibhavasampanno seṭṭhi hutvā uḷārāya issariyasampattiyā ṭhito ekadivasaṃ satthāraṃ satasahassakhīṇāsavaparivutaṃ mahatiyā buddhalīḷāya mahantena buddhānubhāvena nagaraṃ pavisantaṃ disvā pasannamānaso vanditvā añjaliṃ katvā aṭṭhāsi. So pacchābhattaṃ upāsakehi saddhiṃ vihāraṃ gantvā bhagavato santike dhammaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ kalyāṇavākkaraṇānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā sayampi taṃ ṭhānaṃ patthetvā mahādānaṃ datvā paṇidhānaṃ akāsi. Satthā tassa anantarāyataṃ disvā ‘‘anāgate gotamassa nāma sammāsambuddhassa sāsane kalyāṇavākkaraṇānaṃ aggo bhavissatī’’ti byākāsi.
โส ตตฺถ ยาวชีวํ ปุญฺญานิ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล สาสเน ปพฺพชิตฺวา วตฺตปฎิวตฺตานิ ปูเรโนฺต เอกสฺส ภิกฺขุโน จีวรํ สิพฺพิตฺวา อทาสิฯ ปุน พุทฺธสุเญฺญ โลเก พาราณสิยํ ตุนฺนวาโย หุตฺวา เอกสฺส ปเจฺจกพุทฺธสฺส จีวรโกฎิํ ฉินฺนํ ฆเฎตฺวา อทาสิฯ เอวํ ตตฺถ ตตฺถ ปุญฺญานิ กตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท อวนฺติรเฎฺฐ กุรรฆเร มหาวิภวสฺส เสฎฺฐิโน ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ โสโณติสฺส นามํ อกํสุฯ โกฎิอคฺฆนกสฺส กณฺณปิฬนฺธนสฺส ธารเณน ‘‘โกฎิกโณฺณ’’ติ วตฺตเพฺพ กุฎิกโณฺณติ ปญฺญายิตฺถฯ
So tattha yāvajīvaṃ puññāni katvā devamanussesu saṃsaranto vipassissa bhagavato kāle sāsane pabbajitvā vattapaṭivattāni pūrento ekassa bhikkhuno cīvaraṃ sibbitvā adāsi. Puna buddhasuññe loke bārāṇasiyaṃ tunnavāyo hutvā ekassa paccekabuddhassa cīvarakoṭiṃ chinnaṃ ghaṭetvā adāsi. Evaṃ tattha tattha puññāni katvā imasmiṃ buddhuppāde avantiraṭṭhe kuraraghare mahāvibhavassa seṭṭhino putto hutvā nibbatti. Soṇotissa nāmaṃ akaṃsu. Koṭiagghanakassa kaṇṇapiḷandhanassa dhāraṇena ‘‘koṭikaṇṇo’’ti vattabbe kuṭikaṇṇoti paññāyittha.
โส อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา กุฎุมฺพํ สณฺฐเปโนฺต อายสฺมเนฺต มหากจฺจาเน กุลฆรํ นิสฺสาย ปวตฺตปพฺพเต วิหรเนฺต ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐาย ตํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฎฺฐหิฯ โส อปรภาเค สํสาเร สญฺชาตสํเวโค เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กิเจฺฉน กสิเรน ทสวคฺคํ สงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา กติปยกาลํ เถรสฺส สนฺติเก วสิตฺวา, เถรํ อาปุจฺฉิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตุํ สาวตฺถิํ อุปคโต, สตฺถารา เอกคนฺธกุฎิยํ วาสํ ลภิตฺวา ปจฺจูสสมเย อชฺฌิโฎฺฐ โสฬสอฎฺฐกวคฺคิยานํ อุสฺสารเณน สาธุการํ ทตฺวา ภาสิตาย ‘‘ทิสฺวา อาทีนวํ โลเก’’ติ (อุทา. ๔๖; มหาว. ๒๕๘) อุทานคาถาย ปริโยสาเน วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๒๖-๓๔) –
So anukkamena vaḍḍhitvā kuṭumbaṃ saṇṭhapento āyasmante mahākaccāne kulagharaṃ nissāya pavattapabbate viharante tassa santike dhammaṃ sutvā saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhāya taṃ catūhi paccayehi upaṭṭhahi. So aparabhāge saṃsāre sañjātasaṃvego therassa santike pabbajitvā kicchena kasirena dasavaggaṃ saṅghaṃ sannipātetvā upasampajjitvā katipayakālaṃ therassa santike vasitvā, theraṃ āpucchitvā satthāraṃ vandituṃ sāvatthiṃ upagato, satthārā ekagandhakuṭiyaṃ vāsaṃ labhitvā paccūsasamaye ajjhiṭṭho soḷasaaṭṭhakavaggiyānaṃ ussāraṇena sādhukāraṃ datvā bhāsitāya ‘‘disvā ādīnavaṃ loke’’ti (udā. 46; mahāva. 258) udānagāthāya pariyosāne vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.44.26-34) –
‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, อาหุตีนํ ปฎิคฺคโห;
‘‘Padumuttaro nāma jino, āhutīnaṃ paṭiggaho;
วสีสตสหเสฺสหิ, นครํ ปาวิสี ตทาฯ
Vasīsatasahassehi, nagaraṃ pāvisī tadā.
‘‘นครํ ปวิสนฺตสฺส, อุปสนฺตสฺส ตาทิโน;
‘‘Nagaraṃ pavisantassa, upasantassa tādino;
รตนานิ ปโชฺชติํสุ, นิโคฺฆโส อาสิ ตาวเทฯ
Ratanāni pajjotiṃsu, nigghoso āsi tāvade.
‘‘พุทฺธสฺส อานุภาเวน, เภรี วชฺชุมฆฎฺฎิตา;
‘‘Buddhassa ānubhāvena, bherī vajjumaghaṭṭitā;
สยํ วีณา ปวชฺชนฺติ, พุทฺธสฺส ปวิสโต ปุรํฯ
Sayaṃ vīṇā pavajjanti, buddhassa pavisato puraṃ.
‘‘พุทฺธเสฎฺฐํ นมสฺสามิ, ปทุมุตฺตรมหามุนิํ;
‘‘Buddhaseṭṭhaṃ namassāmi, padumuttaramahāmuniṃ;
ปาฎิหีรญฺจ ปสฺสิตฺวา, ตตฺถ จิตฺตํ ปสาทยิํฯ
Pāṭihīrañca passitvā, tattha cittaṃ pasādayiṃ.
‘‘อโห พุโทฺธ อโห ธโมฺม, อโห โน สตฺถุ สมฺปทา;
‘‘Aho buddho aho dhammo, aho no satthu sampadā;
อเจตนาปิ ตูริยา, สยเมว ปวชฺชเรฯ
Acetanāpi tūriyā, sayameva pavajjare.
‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, ยํ สญฺญมลภิํ ตทา;
‘‘Satasahassito kappe, yaṃ saññamalabhiṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, พุทฺธสญฺญายิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, buddhasaññāyidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหเตฺต ปน ปติฎฺฐิโต อตฺตโน อุปชฺฌาเยน อาจิกฺขิตนิยาเมน ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปญฺจเมน คเณน อุปสมฺปทา, ธุวนฺหานํ, จมฺมตฺถรณํ, คุณงฺคุณูปาหนํ, จีวรวิปฺปวาโสติ ปญฺจ วเร ยาจิตฺวา เต สตฺถุ สนฺติกา ลภิตฺวา ปุนเทว อตฺตโน วสิตฎฺฐานํ คนฺตฺวา อุปชฺฌายสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถาโร ปน อุทานฎฺฐกถายํ อาคตนเยน เวทิตโพฺพฯ องฺคุตฺตรฎฺฐกถายํ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๐๖) ปน ‘‘อุปสมฺปโนฺน หุตฺวา อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส สนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณี’’ติ วุตฺตํฯ
Arahatte pana patiṭṭhito attano upajjhāyena ācikkhitaniyāmena paccantimesu janapadesu vinayadharapañcamena gaṇena upasampadā, dhuvanhānaṃ, cammattharaṇaṃ, guṇaṅguṇūpāhanaṃ, cīvaravippavāsoti pañca vare yācitvā te satthu santikā labhitvā punadeva attano vasitaṭṭhānaṃ gantvā upajjhāyassa tamatthaṃ ārocesi. Ayamettha saṅkhepo. Vitthāro pana udānaṭṭhakathāyaṃ āgatanayena veditabbo. Aṅguttaraṭṭhakathāyaṃ (a. ni. aṭṭha. 1.1.206) pana ‘‘upasampanno hutvā attano upajjhāyassa santike kammaṭṭhānaṃ gahetvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇī’’ti vuttaṃ.
โส อปรภาเค วิมุตฺติสุเขน วิหรโนฺต อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา โสมนสฺสชาโต อุทานวเสน –
So aparabhāge vimuttisukhena viharanto attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā somanassajāto udānavasena –
๓๖๕.
365.
‘‘อุปสมฺปทา จ เม ลทฺธา, วิมุโตฺต จมฺหิ อนาสโว;
‘‘Upasampadā ca me laddhā, vimutto camhi anāsavo;
โส จ เม ภควา ทิโฎฺฐ, วิหาเร จ สหาวสิํฯ
So ca me bhagavā diṭṭho, vihāre ca sahāvasiṃ.
๓๖๖.
366.
‘‘พหุเทว รตฺติํ ภควา, อโพฺภกาเสตินามยิ;
‘‘Bahudeva rattiṃ bhagavā, abbhokāsetināmayi;
วิหารกุสโล สตฺถา, วิหารํ ปาวิสี ตทาฯ
Vihārakusalo satthā, vihāraṃ pāvisī tadā.
๓๖๗.
367.
‘‘สนฺถริตฺวาน สงฺฆาฎิํ, เสยฺยํ กเปฺปสิ โคตโม;
‘‘Santharitvāna saṅghāṭiṃ, seyyaṃ kappesi gotamo;
สีโห เสลคุหายํว, ปหีนภยเภรโวฯ
Sīho selaguhāyaṃva, pahīnabhayabheravo.
๓๖๘.
368.
‘‘ตโต กลฺยาณวากฺกรโณ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก;
‘‘Tato kalyāṇavākkaraṇo, sammāsambuddhasāvako;
โสโณ อภาสิ สทฺธมฺมํ, พุทฺธเสฎฺฐสฺส สมฺมุขาฯ
Soṇo abhāsi saddhammaṃ, buddhaseṭṭhassa sammukhā.
๓๖๙.
369.
‘‘ปญฺจกฺขเนฺธ ปริญฺญาย, ภาวยิตฺวาน อญฺชสํ;
‘‘Pañcakkhandhe pariññāya, bhāvayitvāna añjasaṃ;
ปปฺปุยฺย ปรมํ สนฺติํ, ปรินิพฺพิสฺสตฺยนาสโว’’ติฯ –
Pappuyya paramaṃ santiṃ, parinibbissatyanāsavo’’ti. –
อิมา ปญฺจ คาถา อภาสิฯ
Imā pañca gāthā abhāsi.
ตตฺถ อุปสมฺปทา จ เม ลทฺธาติ ยา สา กิเจฺฉน ทสวคฺคํ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา อตฺตนา ลทฺธา อุปสมฺปทาฯ ยา จ ปน วรทานวเสน สพฺพปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปญฺจเมน คเณน สตฺถารา อนุญฺญาตา อุปสมฺปทา, ตทุภยํ สนฺธายาหฯ จ-สโทฺท สมุจฺจยโตฺถ, เตน อิตเรปิ สตฺถุ สนฺติกา ลทฺธวเร สงฺคณฺหาติฯ วิมุโตฺต จมฺหิ อนาสโวติ อคฺคมเคฺคน สกลกิเลสวตฺถุวิมุตฺติยา วิมุโตฺต จ อมฺหิฯ ตโต เอว กามาสวาทีหิ อนาสโว อมฺหีติ โยชนาฯ โส จ เม ภควา ทิโฎฺฐติ ยทตฺถํ อหํ อวนฺติรฎฺฐโต สาวตฺถิํ คโต, โส จ ภควา มยา อทิฎฺฐปุโพฺพ ทิโฎฺฐฯ วิหาเร จ สหาวสินฺติ น เกวลํ ตสฺส ภควโต ทสฺสนเมว มยา ลทฺธํ, อถ โข วิหาเร สตฺถุ คนฺธกุฎิยํ สตฺถารา การณํ สลฺลเกฺขตฺวา วาเสเนฺตน สห อวสิํฯ ‘‘วิหาเรติ วิหารสมีเป’’ติ เกจิฯ
Tattha upasampadā ca me laddhāti yā sā kicchena dasavaggaṃ bhikkhusaṅghaṃ sannipātetvā attanā laddhā upasampadā. Yā ca pana varadānavasena sabbapaccantimesu janapadesu vinayadharapañcamena gaṇena satthārā anuññātā upasampadā, tadubhayaṃ sandhāyāha. Ca-saddo samuccayattho, tena itarepi satthu santikā laddhavare saṅgaṇhāti. Vimutto camhi anāsavoti aggamaggena sakalakilesavatthuvimuttiyā vimutto ca amhi. Tato eva kāmāsavādīhi anāsavo amhīti yojanā. So ca me bhagavā diṭṭhoti yadatthaṃ ahaṃ avantiraṭṭhato sāvatthiṃ gato, so ca bhagavā mayā adiṭṭhapubbo diṭṭho. Vihāre ca sahāvasinti na kevalaṃ tassa bhagavato dassanameva mayā laddhaṃ, atha kho vihāre satthu gandhakuṭiyaṃ satthārā kāraṇaṃ sallakkhetvā vāsentena saha avasiṃ. ‘‘Vihāreti vihārasamīpe’’ti keci.
พหุเทว รตฺตินฺติ ปฐมํ ยามํ ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนาวเสน กมฺมฎฺฐานโสธนวเสน จ, มชฺฌิมํ ยามํ เทวานํ พฺรหฺมูนญฺจ กงฺขเจฺฉทนวเสน ภควา พหุเทว รตฺติํ อโพฺภกาเส อตินามยิ วีตินาเมสิฯ วิหารกุสโลติ ทิพฺพพฺรหฺมอาเนญฺชอริยวิหาเรสุ กุสโลฯ วิหารํ ปาวิสีติ อติเวลํ นิสชฺชจงฺกเมหิ อุปฺปนฺนปริสฺสมวิโนทนตฺถํ คนฺธกุฎิํ ปาวิสิฯ
Bahudeva rattinti paṭhamaṃ yāmaṃ bhikkhūnaṃ dhammadesanāvasena kammaṭṭhānasodhanavasena ca, majjhimaṃ yāmaṃ devānaṃ brahmūnañca kaṅkhacchedanavasena bhagavā bahudeva rattiṃ abbhokāse atināmayi vītināmesi. Vihārakusaloti dibbabrahmaāneñjaariyavihāresu kusalo. Vihāraṃ pāvisīti ativelaṃ nisajjacaṅkamehi uppannaparissamavinodanatthaṃ gandhakuṭiṃ pāvisi.
สนฺถริตฺวาน สงฺฆาฎิํ, เสยฺยํ กเปฺปสีติ จตุคฺคุณํ สงฺฆาฎิํ ปญฺญาเปตฺวา สีหเสยฺยํ กเปฺปสิฯ เตนาห ‘‘โคตโม สีโห เสลคุหายํว ปหีนภยเภรโว’’ติฯ ตตฺถ โคตโมติ ภควนฺตํ โคเตฺตน กิเตฺตติฯ สีโห เสลคุหายํวาติ เสลสฺส ปพฺพตสฺส คุหายํฯ ยถา สีโห มิคราชา เตชุสฺสทตาย ปหีนภยเภรโว ทกฺขิเณน ปเสฺสน ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย เสยฺยํ กเปฺปสิ, เอวํ จิตฺตุตฺราสโลมหํสนฉมฺภิตตฺตเหตูนํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา ปหีนภยเภรโว โคตโม ภควา เสยฺยํ กเปฺปสีติ อโตฺถฯ
Santharitvāna saṅghāṭiṃ, seyyaṃ kappesīti catugguṇaṃ saṅghāṭiṃ paññāpetvā sīhaseyyaṃ kappesi. Tenāha ‘‘gotamo sīho selaguhāyaṃva pahīnabhayabheravo’’ti. Tattha gotamoti bhagavantaṃ gottena kitteti. Sīho selaguhāyaṃvāti selassa pabbatassa guhāyaṃ. Yathā sīho migarājā tejussadatāya pahīnabhayabheravo dakkhiṇena passena pāde pādaṃ accādhāya seyyaṃ kappesi, evaṃ cittutrāsalomahaṃsanachambhitattahetūnaṃ kilesānaṃ samucchinnattā pahīnabhayabheravo gotamo bhagavā seyyaṃ kappesīti attho.
ตโตติ ปจฺฉา, สีหเสยฺยํ กเปฺปตฺวา ตโต วุฎฺฐหิตฺวา ‘‘ปฎิภาตุ ตํ ภิกฺขุ ธโมฺม ภาสิตุ’’นฺติ (อุทา. ๔๖) สตฺถารา อเชฺฌสิโตติ อโตฺถฯ กลฺยาณวากฺกรโณติ สุนฺทรวจีกรโณ, ลกฺขณสมฺปนฺนวจนกฺกโมติ อโตฺถฯ โสโณ อภาสิ สทฺธมฺมนฺติ โสฬส อฎฺฐกวคฺคิยสุตฺตานิ โสโณ กุฎิกโณฺณ, พุทฺธเสฎฺฐสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สมฺมุขา, ปจฺจกฺขโต อภาสีติ เถโร อตฺตานเมว ปรํ วิย อโวจฯ
Tatoti pacchā, sīhaseyyaṃ kappetvā tato vuṭṭhahitvā ‘‘paṭibhātu taṃ bhikkhu dhammo bhāsitu’’nti (udā. 46) satthārā ajjhesitoti attho. Kalyāṇavākkaraṇoti sundaravacīkaraṇo, lakkhaṇasampannavacanakkamoti attho. Soṇo abhāsi saddhammanti soḷasa aṭṭhakavaggiyasuttāni soṇo kuṭikaṇṇo, buddhaseṭṭhassa sammāsambuddhassa sammukhā, paccakkhato abhāsīti thero attānameva paraṃ viya avoca.
ปญฺจกฺขเนฺธ ปริญฺญายาติ ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธ ตีหิปิ ปริญฺญาหิ ปริชานิตฺวา เต ปริชานโนฺตเยว, อญฺชสํ อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ภาวยิตฺวา, ปรมํ สนฺติํ นิพฺพานํ ปปฺปุยฺย ปาปุณิตฺวา ฐิโต อนาสโวฯ ตโต เอว อิทานิ ปรินิพฺพิสฺสติ อนุปาทิเสสนิพฺพานวเสน นิพฺพายิสฺสตีติฯ
Pañcakkhandhe pariññāyāti pañcupādānakkhandhe tīhipi pariññāhi parijānitvā te parijānantoyeva, añjasaṃ ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ bhāvayitvā, paramaṃ santiṃ nibbānaṃ pappuyya pāpuṇitvā ṭhito anāsavo. Tato eva idāni parinibbissati anupādisesanibbānavasena nibbāyissatīti.
โสณกุฎิกณฺณเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Soṇakuṭikaṇṇattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑๑. โสณกุฎิกณฺณเตฺถรคาถา • 11. Soṇakuṭikaṇṇattheragāthā