Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๕๓๒] ๒. โสณนนฺทชาตกวณฺณนา

    [532] 2. Soṇanandajātakavaṇṇanā

    เทวตา นุสิ คนฺธโพฺพติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต มาตุโปสกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ สามชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๒๙๖ อาทโย) วตฺถุสทิสํฯ ตทา ปน สตฺถา ‘‘มา, ภิกฺขเว, อิมํ ภิกฺขุํ อุชฺฌายิตฺถ, โปราณกปณฺฑิตา สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ ลภมานาปิ ตํ อคฺคเหตฺวา มาตาปิตโร โปสิํสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Devatā nusi gandhabboti idaṃ satthā jetavane viharanto mātuposakabhikkhuṃ ārabbha kathesi. Vatthu sāmajātake (jā. 2.22.296 ādayo) vatthusadisaṃ. Tadā pana satthā ‘‘mā, bhikkhave, imaṃ bhikkhuṃ ujjhāyittha, porāṇakapaṇḍitā sakalajambudīpe rajjaṃ labhamānāpi taṃ aggahetvā mātāpitaro posiṃsuyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสี พฺรหฺมวฑฺฒนํ นาม นครํ อโหสิฯ ตตฺถ มโนโช นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิฯ ตตฺถ อญฺญตโร อสีติโกฎิวิภโว พฺราหฺมณมหาสาโล อปุตฺตโก อโหสิฯ ตสฺส พฺราหฺมณี เตเนว ‘‘โภติ ปุตฺตํ ปเตฺถหี’’ติ วุตฺตา ปเตฺถสิฯ อถ โพธิสโตฺต พฺรหฺมโลกา จวิตฺวา ตสฺสา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิ, ชาตสฺส จสฺส ‘‘โสณกุมาโร’’ติ นามํ กริํสุฯ ตสฺส ปทสา คมนกาเล อโญฺญปิ สโตฺต พฺรหฺมโลกา จวิตฺวา ตสฺสาเยว กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิ, ตสฺส ชาตสฺส ‘‘นนฺทกุมาโร’’ติ นามํ กริํสุฯ เตสํ อุคฺคหิตเวทานํ สพฺพสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ ปตฺตานํ วยปฺปตฺตานํ รูปสมฺปทํ ทิสฺวา พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณิํ อามเนฺตตฺวา ‘‘โภติ ปุตฺตํ โสณกุมารํ ฆรพนฺธเนน พนฺธิสฺสามา’’ติ อาหฯ สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ปุตฺตสฺส ตมตฺถํ อาจิกฺขิ ฯ โส ‘‘อลํ, อมฺม, มยฺหํ ฆราวาเสน, อหํ ยาวชีวํ ตุเมฺห ปฎิชคฺคิตฺวา ตุมฺหากํ อจฺจเยน หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาหฯ สา พฺราหฺมณสฺส เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ

    Atīte bārāṇasī brahmavaḍḍhanaṃ nāma nagaraṃ ahosi. Tattha manojo nāma rājā rajjaṃ kāresi. Tattha aññataro asītikoṭivibhavo brāhmaṇamahāsālo aputtako ahosi. Tassa brāhmaṇī teneva ‘‘bhoti puttaṃ patthehī’’ti vuttā patthesi. Atha bodhisatto brahmalokā cavitvā tassā kucchismiṃ paṭisandhiṃ gaṇhi, jātassa cassa ‘‘soṇakumāro’’ti nāmaṃ kariṃsu. Tassa padasā gamanakāle aññopi satto brahmalokā cavitvā tassāyeva kucchimhi paṭisandhiṃ gaṇhi, tassa jātassa ‘‘nandakumāro’’ti nāmaṃ kariṃsu. Tesaṃ uggahitavedānaṃ sabbasippesu nipphattiṃ pattānaṃ vayappattānaṃ rūpasampadaṃ disvā brāhmaṇo brāhmaṇiṃ āmantetvā ‘‘bhoti puttaṃ soṇakumāraṃ gharabandhanena bandhissāmā’’ti āha. Sā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā puttassa tamatthaṃ ācikkhi . So ‘‘alaṃ, amma, mayhaṃ gharāvāsena, ahaṃ yāvajīvaṃ tumhe paṭijaggitvā tumhākaṃ accayena himavantaṃ pavisitvā pabbajissāmī’’ti āha. Sā brāhmaṇassa etamatthaṃ ārocesi.

    เต ปุนปฺปุนํ กเถนฺตาปิ ตสฺส จิตฺตํ อลภิตฺวา นนฺทกุมารํ อามเนฺตตฺวา ‘‘ตาต, เตน หิ ตฺวํ กุฎุมฺพํ ปฎิปชฺชาหี’’ติ วตฺวา ‘‘นาหํ ภาตรา ฉฑฺฑิตเขฬํ สีเสน อุกฺขิปามิ, อหมฺปิ ตุมฺหากํ อจฺจเยน ภาตราว สทฺธิํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วุเตฺต เตสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อิเม เทฺว เอวํ ตรุณาว กาเม ปชหนฺติ, กิมงฺคํ ปน มยํ, สเพฺพเยว ปพฺพชิสฺสามา’’ติ จิเนฺตตฺวา, ‘‘ตาตา , กิํ โว อมฺหากํ อจฺจเยน ปพฺพชฺชาย, อิทาเนว สเพฺพ มยํ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ รโญฺญ อาโรเจตฺวา สพฺพํ ธนํ ทานมุเข วิสฺสเชฺชตฺวา ทาสชนํ ภุชิสฺสํ กตฺวา ญาตีนํ ทาตพฺพยุตฺตกํ ทตฺวา จตฺตาโรปิ ชนา พฺรหฺมวฑฺฒนนครา นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปเทเส ปญฺจปทุมสญฺฉนฺนํ สรํ นิสฺสาย รมณีเย วนสเณฺฑ อสฺสมํ มาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ วสิํสุฯ อุโภปิ ภาตโร มาตาปิตโร ปฎิชคฺคิํสุ, เตสํ ปาโตว ทนฺตกฎฺฐญฺจ มุขโธวนญฺจ ทตฺวา ปณฺณสาลญฺจ ปริเวณญฺจ สมฺมชฺชิตฺวา ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐเปตฺวา อรญฺญโต มธุรผลาผลานิ อาหริตฺวา มาตาปิตโร ขาทาเปนฺติ, อุเณฺหน วา สีเตน วา วารินา นฺหาเปนฺติ, ชฎา โสเธนฺติ, ปาทปริกมฺมาทีนิ เตสํ กโรนฺติฯ

    Te punappunaṃ kathentāpi tassa cittaṃ alabhitvā nandakumāraṃ āmantetvā ‘‘tāta, tena hi tvaṃ kuṭumbaṃ paṭipajjāhī’’ti vatvā ‘‘nāhaṃ bhātarā chaḍḍitakheḷaṃ sīsena ukkhipāmi, ahampi tumhākaṃ accayena bhātarāva saddhiṃ pabbajissāmī’’ti vutte tesaṃ vacanaṃ sutvā ‘‘ime dve evaṃ taruṇāva kāme pajahanti, kimaṅgaṃ pana mayaṃ, sabbeyeva pabbajissāmā’’ti cintetvā, ‘‘tātā , kiṃ vo amhākaṃ accayena pabbajjāya, idāneva sabbe mayaṃ pabbajissāmā’’ti rañño ārocetvā sabbaṃ dhanaṃ dānamukhe vissajjetvā dāsajanaṃ bhujissaṃ katvā ñātīnaṃ dātabbayuttakaṃ datvā cattāropi janā brahmavaḍḍhananagarā nikkhamitvā himavantapadese pañcapadumasañchannaṃ saraṃ nissāya ramaṇīye vanasaṇḍe assamaṃ māpetvā pabbajitvā tattha vasiṃsu. Ubhopi bhātaro mātāpitaro paṭijaggiṃsu, tesaṃ pātova dantakaṭṭhañca mukhadhovanañca datvā paṇṇasālañca pariveṇañca sammajjitvā pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhapetvā araññato madhuraphalāphalāni āharitvā mātāpitaro khādāpenti, uṇhena vā sītena vā vārinā nhāpenti, jaṭā sodhenti, pādaparikammādīni tesaṃ karonti.

    เอวํ อทฺธาเน คเต นนฺทปณฺฑิโต ‘‘มยา อาภตผลาผลาเนว ปฐมํ มาตาปิตโร ขาทาเปสฺสามี’’ติ ปุรโต คนฺตฺวา หิโยฺย จ ปรหิโยฺย จ คหิตฎฺฐานโต ยานิ วา ตานิ วา ปาโตว อาหริตฺวา มาตาปิตโร ขาทาเปสิฯ เต ตานิ ขาทิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา อุโปสถิกา ภวนฺติฯ โสณปณฺฑิโต ปน ทูรํ คนฺตฺวา มธุรมธุรานิ สุปกฺกสุปกฺกานิ อาหริตฺวา อุปนาเมสิฯ อถ นํ, ‘‘ตาต, กนิเฎฺฐน เต อาภตานิ มยํ ปาโตว ขาทิตฺวา อุโปสถิกา ชาตา, น อิทานิ โน อโตฺถ’’ติ วทนฺติฯ อิติ ตสฺส ผลาผลานิ ปริโภคํ น ลภนฺติ วินสฺสนฺติ, ปุนทิวเสสุปิ ตเถวาติ ฯ เอวํ โส ปญฺจาภิญฺญตาย ทูรํ คนฺตฺวาปิ อาหรติ, เต ปน น ขาทนฺติฯ

    Evaṃ addhāne gate nandapaṇḍito ‘‘mayā ābhataphalāphalāneva paṭhamaṃ mātāpitaro khādāpessāmī’’ti purato gantvā hiyyo ca parahiyyo ca gahitaṭṭhānato yāni vā tāni vā pātova āharitvā mātāpitaro khādāpesi. Te tāni khāditvā mukhaṃ vikkhāletvā uposathikā bhavanti. Soṇapaṇḍito pana dūraṃ gantvā madhuramadhurāni supakkasupakkāni āharitvā upanāmesi. Atha naṃ, ‘‘tāta, kaniṭṭhena te ābhatāni mayaṃ pātova khāditvā uposathikā jātā, na idāni no attho’’ti vadanti. Iti tassa phalāphalāni paribhogaṃ na labhanti vinassanti, punadivasesupi tathevāti . Evaṃ so pañcābhiññatāya dūraṃ gantvāpi āharati, te pana na khādanti.

    อถ มหาสโตฺต จิเนฺตสิ – ‘‘มาตาปิตโร เม สุขุมาลา, นโนฺท จ ยานิ วา ตานิ วา อปกฺกทุปฺปกฺกานิ ผลาผลานิ อาหริตฺวา ขาทาเปติ, เอวํ สเนฺต อิเม น จีรํ ปวตฺติสฺสนฺติ, วาเรสฺสามิ น’’นฺติฯ อถ นํ โส อามเนฺตตฺวา ‘‘นนฺท, อิโต ปฎฺฐาย ผลาผลํ อาหริตฺวา มมาคมนํ ปฎิมาเนหิ, อุโภปิ เอกโตว ขาทาเปสฺสามา’’ติ อาหฯ โส เอวํ วุเตฺตปิ อตฺตโน ปุญฺญํ ปจฺจาสีสโนฺต น ตสฺส วจนมกาสิฯ มหาสโตฺต ‘‘นโนฺท มม วจนํ อกโรโนฺต อยุตฺตํ กโรติ, ปลาเปสฺสามิ นํ, ตโต เอกโกว มาตาปิตโร ปฎิชคฺคิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘นนฺท, ตฺวํ อโนวาทโก ปณฺฑิตานํ วจนํ น กโรสิ, อหํ เชโฎฺฐ, มาตาปิตโร มเมว ภาโร, อหเมว เนสํ ปฎิชคฺคิสฺสามิ, ตฺวํ อิธ วสิตุํ น ลจฺฉสิ, อญฺญตฺถ ยาหี’’ติ ตสฺส อจฺฉรํ ปหริฯ

    Atha mahāsatto cintesi – ‘‘mātāpitaro me sukhumālā, nando ca yāni vā tāni vā apakkaduppakkāni phalāphalāni āharitvā khādāpeti, evaṃ sante ime na cīraṃ pavattissanti, vāressāmi na’’nti. Atha naṃ so āmantetvā ‘‘nanda, ito paṭṭhāya phalāphalaṃ āharitvā mamāgamanaṃ paṭimānehi, ubhopi ekatova khādāpessāmā’’ti āha. So evaṃ vuttepi attano puññaṃ paccāsīsanto na tassa vacanamakāsi. Mahāsatto ‘‘nando mama vacanaṃ akaronto ayuttaṃ karoti, palāpessāmi naṃ, tato ekakova mātāpitaro paṭijaggissāmī’’ti cintetvā ‘‘nanda, tvaṃ anovādako paṇḍitānaṃ vacanaṃ na karosi, ahaṃ jeṭṭho, mātāpitaro mameva bhāro, ahameva nesaṃ paṭijaggissāmi, tvaṃ idha vasituṃ na lacchasi, aññattha yāhī’’ti tassa accharaṃ pahari.

    โส เตน ปลาปิโต ตสฺส สนฺติเก ฐาตุํ อสโกฺกโนฺต ตํ วนฺทิตฺวา มาตาปิตโร อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา อตฺตโน ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา กสิณํ โอโลเกตฺวา ตํ ทิวสเมว ปญฺจ อภิญฺญาโย อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อหํ สีเนรุปาทโต รตนวาลุกา อาหริตฺวา มม ภาตุ ปณฺณสาลาย ปริเวเณ โอกิริตฺวา ภาตรํ ขมาเปตุํ ปโหมิ, เอวมฺปิ น โสภิสฺสติ, อโนตตฺตโต อุทกํ อาหริตฺวา มม ภาตุ ปณฺณสาลาย ปริเวเณ โอสิญฺจิตฺวา ภาตรํ ขมาเปตุํ ปโหมิ, เอวมฺปิ น โสภิสฺสติ, สเจ เม ภาตรํ เทวตานํ วเสน ขมาเปยฺยํ, จตฺตาโร จ มหาราชาโน สกฺกญฺจ อาเนตฺวา ภาตรํ ขมาเปตุํ ปโหมิ, เอวมฺปิ น โสภิสฺสติ , สกลชมฺพุทีเป มโนชํ อคฺคราชานํ อาทิํ กตฺวา ราชาโน อาเนตฺวา ขมาเปสฺสามิ, เอวํ สเนฺต มม ภาตุ คุโณ สกลชมฺพุทีเป อวตฺถริตฺวา คมิสฺสติ, จนฺทิมสูริโย วิย ปญฺญายิสฺสตี’’ติฯ โส ตาวเทว อิทฺธิยา คนฺตฺวา พฺรหฺมวฑฺฒนนคเร ตสฺส รโญฺญ นิเวสนทฺวาเร โอตริตฺวา ฐิโต ‘‘เอโก กิร โว ตาปโส ทฎฺฐุกาโม’’ติ รโญฺญ อาโรจาเปสิฯ ราชา ‘‘กิํ ปพฺพชิตสฺส มยา ทิเฎฺฐน, อาหารตฺถาย อาคโต ภวิสฺสตี’’ติ ภตฺตํ ปหิณิ, โส ภตฺตํ น อิจฺฉิฯ ตณฺฑุลํ ปหิณิ, ตณฺฑุลํ น อิจฺฉิฯ วตฺถานิ ปหิณิ, วตฺถานิ น อิจฺฉิฯ ตมฺพูลํ ปหิณิ, ตมฺพูลํ น อิจฺฉิฯ อถสฺส สนฺติเก ทูตํ เปเสสิ, ‘‘กิมตฺถํ อาคโตสี’’ติฯ โส ทูเตน ปุโฎฺฐ ‘‘ราชานํ อุปฎฺฐหิตุํ อาคโตมฺหี’’ติ อาหฯ ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘พหู มม อุปฎฺฐากา, อตฺตโนว ตาปสธมฺมํ กโรตู’’ติ เปเสสิฯ โส ตํ สุตฺวา ‘‘อหํ ตุมฺหากํ อตฺตโน พเลน สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ คเหตฺวา ทสฺสามี’’ติ อาหฯ

    So tena palāpito tassa santike ṭhātuṃ asakkonto taṃ vanditvā mātāpitaro upasaṅkamitvā tamatthaṃ ārocetvā attano paṇṇasālaṃ pavisitvā kasiṇaṃ oloketvā taṃ divasameva pañca abhiññāyo aṭṭha samāpattiyo nibbattetvā cintesi – ‘‘ahaṃ sīnerupādato ratanavālukā āharitvā mama bhātu paṇṇasālāya pariveṇe okiritvā bhātaraṃ khamāpetuṃ pahomi, evampi na sobhissati, anotattato udakaṃ āharitvā mama bhātu paṇṇasālāya pariveṇe osiñcitvā bhātaraṃ khamāpetuṃ pahomi, evampi na sobhissati, sace me bhātaraṃ devatānaṃ vasena khamāpeyyaṃ, cattāro ca mahārājāno sakkañca ānetvā bhātaraṃ khamāpetuṃ pahomi, evampi na sobhissati , sakalajambudīpe manojaṃ aggarājānaṃ ādiṃ katvā rājāno ānetvā khamāpessāmi, evaṃ sante mama bhātu guṇo sakalajambudīpe avattharitvā gamissati, candimasūriyo viya paññāyissatī’’ti. So tāvadeva iddhiyā gantvā brahmavaḍḍhananagare tassa rañño nivesanadvāre otaritvā ṭhito ‘‘eko kira vo tāpaso daṭṭhukāmo’’ti rañño ārocāpesi. Rājā ‘‘kiṃ pabbajitassa mayā diṭṭhena, āhāratthāya āgato bhavissatī’’ti bhattaṃ pahiṇi, so bhattaṃ na icchi. Taṇḍulaṃ pahiṇi, taṇḍulaṃ na icchi. Vatthāni pahiṇi, vatthāni na icchi. Tambūlaṃ pahiṇi, tambūlaṃ na icchi. Athassa santike dūtaṃ pesesi, ‘‘kimatthaṃ āgatosī’’ti. So dūtena puṭṭho ‘‘rājānaṃ upaṭṭhahituṃ āgatomhī’’ti āha. Rājā taṃ sutvā ‘‘bahū mama upaṭṭhākā, attanova tāpasadhammaṃ karotū’’ti pesesi. So taṃ sutvā ‘‘ahaṃ tumhākaṃ attano balena sakalajambudīpe rajjaṃ gahetvā dassāmī’’ti āha.

    ตํ สุตฺวา ราชา จิเนฺตสิ – ‘‘ปพฺพชิตา นาม ปณฺฑิตา, กิญฺจิ อุปายํ ชานิสฺสนฺตี’’ติ ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา อาสเน นิสีทาเปตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภเนฺต, ตุเมฺห กิร มยฺหํ สกลชมฺพุทีปรชฺชํ คเหตฺวา ทสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อาม มหาราชา’’ติฯ ‘‘กถํ คณฺหิสฺสถา’’ติ? ‘‘มหาราช, อนฺตมโส ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตํ กสฺสจิ อนุปฺปาเทตฺวา ตว ธนเจฺฉทํ อกตฺวา อตฺตโน อิทฺธิยาว คเหตฺวา ทสฺสามิ, อปิจ เกวลํ ปปญฺจํ อกตฺวา อเชฺชว นิกฺขมิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ โส ตสฺส วจนํ สทฺทหิตฺวา เสนงฺคปริวุโต นครา นิกฺขมิฯ สเจ เสนาย อุณฺหํ โหติ, นนฺทปณฺฑิโต อตฺตโน อิทฺธิยา ฉายํ กตฺวา สีตํ กโรติ, เทเว วสฺสเนฺต เสนาย อุปริ วสฺสิตุํ น เทติ, สีตํ วา อุณฺหํ วา วาเรติ, มเคฺค ขาณุกณฺฎกาทโย สพฺพปริสฺสเย อนฺตรธาเปติ, มคฺคํ กสิณมณฺฑลํ วิย สมํ กตฺวา สยํ อากาเส จมฺมขณฺฑํ ปตฺถริตฺวา ปลฺลเงฺกน นิสิโนฺน เสนาย ปริวุโต คจฺฉติฯ

    Taṃ sutvā rājā cintesi – ‘‘pabbajitā nāma paṇḍitā, kiñci upāyaṃ jānissantī’’ti taṃ pakkosāpetvā āsane nisīdāpetvā vanditvā ‘‘bhante, tumhe kira mayhaṃ sakalajambudīparajjaṃ gahetvā dassathā’’ti pucchi. ‘‘Āma mahārājā’’ti. ‘‘Kathaṃ gaṇhissathā’’ti? ‘‘Mahārāja, antamaso khuddakamakkhikāya pivanamattampi lohitaṃ kassaci anuppādetvā tava dhanacchedaṃ akatvā attano iddhiyāva gahetvā dassāmi, apica kevalaṃ papañcaṃ akatvā ajjeva nikkhamituṃ vaṭṭatī’’ti. So tassa vacanaṃ saddahitvā senaṅgaparivuto nagarā nikkhami. Sace senāya uṇhaṃ hoti, nandapaṇḍito attano iddhiyā chāyaṃ katvā sītaṃ karoti, deve vassante senāya upari vassituṃ na deti, sītaṃ vā uṇhaṃ vā vāreti, magge khāṇukaṇṭakādayo sabbaparissaye antaradhāpeti, maggaṃ kasiṇamaṇḍalaṃ viya samaṃ katvā sayaṃ ākāse cammakhaṇḍaṃ pattharitvā pallaṅkena nisinno senāya parivuto gacchati.

    เอวํ เสนํ อาทาย ปฐมํ โกสลรฎฺฐํ คนฺตฺวา นครสฺสาวิทูเร ขนฺธาวารํ นิวาสาเปตฺวา ‘‘ยุทฺธํ วา โน เทตุ เสตจฺฉตฺตํ วา’’ติ โกสลรโญฺญ ทูตํ ปาเหสิฯ โส กุชฺฌิตฺวา ‘‘กิํ อหํ น ราชา’’ติ ‘‘ยุทฺธํ ทมฺมี’’ติ เสนาย ปุรกฺขโต นิกฺขมิฯ เทฺว เสนา ยุชฺฌิตุํ อารภิํสุ ฯ นนฺทปณฺฑิโต ทฺวินฺนมฺปิ อนฺตเร อตฺตโน นิสีทนํ อชินจมฺมํ มหนฺตํ กตฺวา ปสาเรตฺวา ทฺวีหิปิ เสนาหิ ขิตฺตสเร จเมฺมเนว สมฺปฎิจฺฉิฯ เอกเสนายปิ โกจิ กเณฺฑน วิโทฺธ นาม นตฺถิ, หตฺถคตานํ ปน กณฺฑานํ ขเยน เทฺวปิ เสนา นิรุสฺสาหา อฎฺฐํสุฯ นนฺทปณฺฑิโต มโนชราชสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มา ภายิ, มหาราชา’’ติ อสฺสาเสตฺวา โกสลสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มหาราช, มา ภายิ, นตฺถิ เต ปริปโนฺถ, ตว รชฺชํ ตเวว ภวิสฺสติ, เกวลํ มโนชรโญฺญ วสวตฺตี โหหี’’ติ อาหฯ โส ตสฺส สทฺทหิตฺวา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิฯ อถ นํ มโนชสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘มหาราช, โกสลราชา เต วเส วตฺตติ, อิมสฺส รชฺชํ อิมเสฺสว โหตู’’ติ อาหฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตํ อตฺตโน วเส วเตฺตตฺวา เทฺว เสนา อาทาย องฺครฎฺฐํ คนฺตฺวา องฺคํ คเหตฺวา ตโต มคธรฎฺฐนฺติ เอเตนุปาเยน สกลชมฺพุทีเป ราชาโน อตฺตโน วเส วเตฺตตฺวา ตโต เตหิ ปริวุโต พฺรหฺมวฑฺฒนนครเมว คโตฯ รชฺชํ คณฺหโนฺต ปเนส สตฺตนฺนํ สํวจฺฉรานํ อุปริ สตฺตทิวสาธิเกหิ สตฺตมาเสหิ คณฺหิฯ โส เอเกกราชธานิโต นานปฺปการํ ขชฺชโภชนํ อาหราเปตฺวา เอกสตราชาโน คเหตฺวา เตหิ สทฺธิํ สตฺตาหํ มหาปานํ ปิวิฯ

    Evaṃ senaṃ ādāya paṭhamaṃ kosalaraṭṭhaṃ gantvā nagarassāvidūre khandhāvāraṃ nivāsāpetvā ‘‘yuddhaṃ vā no detu setacchattaṃ vā’’ti kosalarañño dūtaṃ pāhesi. So kujjhitvā ‘‘kiṃ ahaṃ na rājā’’ti ‘‘yuddhaṃ dammī’’ti senāya purakkhato nikkhami. Dve senā yujjhituṃ ārabhiṃsu . Nandapaṇḍito dvinnampi antare attano nisīdanaṃ ajinacammaṃ mahantaṃ katvā pasāretvā dvīhipi senāhi khittasare cammeneva sampaṭicchi. Ekasenāyapi koci kaṇḍena viddho nāma natthi, hatthagatānaṃ pana kaṇḍānaṃ khayena dvepi senā nirussāhā aṭṭhaṃsu. Nandapaṇḍito manojarājassa santikaṃ gantvā ‘‘mā bhāyi, mahārājā’’ti assāsetvā kosalassa santikaṃ gantvā ‘‘mahārāja, mā bhāyi, natthi te paripantho, tava rajjaṃ taveva bhavissati, kevalaṃ manojarañño vasavattī hohī’’ti āha. So tassa saddahitvā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchi. Atha naṃ manojassa santikaṃ netvā ‘‘mahārāja, kosalarājā te vase vattati, imassa rajjaṃ imasseva hotū’’ti āha. So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā taṃ attano vase vattetvā dve senā ādāya aṅgaraṭṭhaṃ gantvā aṅgaṃ gahetvā tato magadharaṭṭhanti etenupāyena sakalajambudīpe rājāno attano vase vattetvā tato tehi parivuto brahmavaḍḍhananagarameva gato. Rajjaṃ gaṇhanto panesa sattannaṃ saṃvaccharānaṃ upari sattadivasādhikehi sattamāsehi gaṇhi. So ekekarājadhānito nānappakāraṃ khajjabhojanaṃ āharāpetvā ekasatarājāno gahetvā tehi saddhiṃ sattāhaṃ mahāpānaṃ pivi.

    นนฺทปณฺฑิโต ‘‘ยาว ราชา สตฺตาหํ อิสฺสริยสุขํ อนุโภติ, ตาวสฺส อตฺตานํ น ทเสฺสสฺสามี’’ติ อุตฺตรกุรุมฺหิ ปิณฺฑาย จริตฺวา หิมวเนฺต กญฺจนคุหาทฺวาเร สตฺตาหํ วสิฯ มโนโชปิ สตฺตเม ทิวเส อตฺตโน มหนฺตํ สิริวิภวํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ ยโส น มยฺหํ มาตาปิตูหิ, น อเญฺญหิ ทิโนฺน, นนฺทตาปสํ นิสฺสาย อุปฺปโนฺน, ตํ โข ปน เม อปสฺสนฺตสฺส อชฺช สตฺตโม ทิวโส, กหํ นุ โข เม ยสทายโก’’ติ นนฺทปณฺฑิตํ สริฯ โส ตสฺส อนุสฺสรณภาวํ ญตฺวา อาคนฺตฺวา ปุรโต อากาเส อฎฺฐาสิฯ ราชา ตํ ทิสฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อหํ อิมสฺส ตาปสสฺส เทวตาภาวํ วา มนุสฺสภาวํ วา น ชานามิ, สเจ เอส มนุโสฺส ภเวยฺย, สกลชมฺพุทีปรชฺชํ เอตเสฺสว ทสฺสามิฯ อถ เทโว, สกฺการมสฺส กริสฺสามี’’ติฯ โส ตํ วีมํสโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Nandapaṇḍito ‘‘yāva rājā sattāhaṃ issariyasukhaṃ anubhoti, tāvassa attānaṃ na dassessāmī’’ti uttarakurumhi piṇḍāya caritvā himavante kañcanaguhādvāre sattāhaṃ vasi. Manojopi sattame divase attano mahantaṃ sirivibhavaṃ oloketvā ‘‘ayaṃ yaso na mayhaṃ mātāpitūhi, na aññehi dinno, nandatāpasaṃ nissāya uppanno, taṃ kho pana me apassantassa ajja sattamo divaso, kahaṃ nu kho me yasadāyako’’ti nandapaṇḍitaṃ sari. So tassa anussaraṇabhāvaṃ ñatvā āgantvā purato ākāse aṭṭhāsi. Rājā taṃ disvā cintesi – ‘‘ahaṃ imassa tāpasassa devatābhāvaṃ vā manussabhāvaṃ vā na jānāmi, sace esa manusso bhaveyya, sakalajambudīparajjaṃ etasseva dassāmi. Atha devo, sakkāramassa karissāmī’’ti. So taṃ vīmaṃsanto paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๙๒.

    92.

    ‘‘เทวตา นุติ คนฺธโพฺพ, อทุ สโกฺก ปุรินฺทโท;

    ‘‘Devatā nuti gandhabbo, adu sakko purindado;

    มนุสฺสภูโต อิทฺธิมา, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติฯ

    Manussabhūto iddhimā, kathaṃ jānemu taṃ maya’’nti.

    โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา สภาวเมว กเถโนฺต ทุติยํ คาถมาห –

    So tassa vacanaṃ sutvā sabhāvameva kathento dutiyaṃ gāthamāha –

    ๙๓.

    93.

    ‘‘นาปิ เทโว น คนฺธโพฺพ, นาปิ สโกฺก ปุรินฺทโท;

    ‘‘Nāpi devo na gandhabbo, nāpi sakko purindado;

    มนุสฺสภูโต อิทฺธิมา, เอวํ ชานาหิ ภารธา’’ติฯ

    Manussabhūto iddhimā, evaṃ jānāhi bhāradhā’’ti.

    ตตฺถ ภารธาติ รฎฺฐภารธาริตาย นํ เอวํ อาลปติฯ

    Tattha bhāradhāti raṭṭhabhāradhāritāya naṃ evaṃ ālapati.

    ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘มนุสฺสภูโต กิรายํ มยฺหํ เอวํ พหุปกาโร, มหเนฺตน ยเสน นํ สนฺตเปฺปสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา อาห –

    Taṃ sutvā rājā ‘‘manussabhūto kirāyaṃ mayhaṃ evaṃ bahupakāro, mahantena yasena naṃ santappessāmī’’ti cintetvā āha –

    ๙๔.

    94.

    ‘‘กตรูปมิทํ โภโต, เวยฺยาวจฺจํ อนปฺปกํ;

    ‘‘Katarūpamidaṃ bhoto, veyyāvaccaṃ anappakaṃ;

    เทวมฺหิ วสฺสมานมฺหิ, อโนวสฺสํ ภวํ อกาฯ

    Devamhi vassamānamhi, anovassaṃ bhavaṃ akā.

    ๙๕.

    95.

    ‘‘ตโต วาตาตเป โฆเร, สีตจฺฉายํ ภวํ อกา;

    ‘‘Tato vātātape ghore, sītacchāyaṃ bhavaṃ akā;

    ตโต อมิตฺตมเชฺฌสุ, สรตาณํ ภวํ อกาฯ

    Tato amittamajjhesu, saratāṇaṃ bhavaṃ akā.

    ๙๖.

    96.

    ‘‘ตโต ผีตานิ รฎฺฐานิ, วสิโน เต ภวํ อกา;

    ‘‘Tato phītāni raṭṭhāni, vasino te bhavaṃ akā;

    ตโต เอกสตํ ขเตฺย, อนุยเนฺต ภวํ อกาฯ

    Tato ekasataṃ khatye, anuyante bhavaṃ akā.

    ๙๗.

    97.

    ‘‘ปตีตาสฺสุ มยํ โภโต, วท ตํ ภญฺชมิจฺฉสิ;

    ‘‘Patītāssu mayaṃ bhoto, vada taṃ bhañjamicchasi;

    หตฺถิยานํ อสฺสรถํ, นาริโย จ อลงฺกตา;

    Hatthiyānaṃ assarathaṃ, nāriyo ca alaṅkatā;

    นิเวสนานิ รมฺมานิ, มยํ โภโต ททามเสฯ

    Nivesanāni rammāni, mayaṃ bhoto dadāmase.

    ๙๘.

    98.

    ‘‘อถ วเงฺค วา มคเธ, มยํ โภโต ททามเส;

    ‘‘Atha vaṅge vā magadhe, mayaṃ bhoto dadāmase;

    อถ วา อสฺสกาวนฺตี, สุมนา ทมฺม เต มยํฯ

    Atha vā assakāvantī, sumanā damma te mayaṃ.

    ๙๙.

    99.

    ‘‘อุปฑฺฒํ วาปิ รชฺชสฺส, มยํ โภโต ททามเส;

    ‘‘Upaḍḍhaṃ vāpi rajjassa, mayaṃ bhoto dadāmase;

    สเจ เต อโตฺถ รเชฺชน, อนุสาส ยทิจฺฉสี’’ติฯ

    Sace te attho rajjena, anusāsa yadicchasī’’ti.

    ตตฺถ กตรูปมิทนฺติ กตสภาวํฯ เวยฺยาวจฺจนฺติ กายเวยฺยาวติกกมฺมํฯ อโนวสฺสนฺติ อวสฺสํ, ยถา เทโว น วสฺสติ , ตถา กตนฺติ อโตฺถฯ สีตจฺฉายนฺติ สีตลํ ฉายํฯ วสิโน เตติ เต รฎฺฐวาสิโน อมฺหากํ วสวตฺติโนฯ ขเตฺยติ ขตฺติเย, อฎฺฐกถายํ ปน อยเมว ปาโฐฯ ปตีตาสฺสุ มยนฺติ ตุฎฺฐา มยํฯ วท ตํ ภญฺชมิจฺฉสีติ ภญฺชนฺติ รตนเสฺสตํ นามํ, วรํ เต ททามิ, ยํ รตนํ อิจฺฉสิ, ตํ วเทหีติ อโตฺถฯ ‘‘หตฺถิยาน’’นฺติอาทีหิ สรูปโต ตํ ตํ รตนํ ทเสฺสติ ฯ อสฺสกาวนฺตีอสฺสกรฎฺฐํ วา อวนฺติรฎฺฐํ วาฯ รเชฺชนาติ สเจปิ เต สกลชมฺพุทีปรเชฺชน อโตฺถ, ตมฺปิ เต ทตฺวา อหํ ผลกาวุธหโตฺถ ตุมฺหากํ รถสฺส ปุรโต คมิสฺสามีติ ทีเปติฯ ยทิจฺฉสีติ เอเตสุ มยา วุตฺตปฺปกาเรสุ ยํ อิจฺฉสิ, ตํ อนุสาส อาณาเปหีติฯ

    Tattha katarūpamidanti katasabhāvaṃ. Veyyāvaccanti kāyaveyyāvatikakammaṃ. Anovassanti avassaṃ, yathā devo na vassati , tathā katanti attho. Sītacchāyanti sītalaṃ chāyaṃ. Vasino teti te raṭṭhavāsino amhākaṃ vasavattino. Khatyeti khattiye, aṭṭhakathāyaṃ pana ayameva pāṭho. Patītāssumayanti tuṭṭhā mayaṃ. Vada taṃ bhañjamicchasīti bhañjanti ratanassetaṃ nāmaṃ, varaṃ te dadāmi, yaṃ ratanaṃ icchasi, taṃ vadehīti attho. ‘‘Hatthiyāna’’ntiādīhi sarūpato taṃ taṃ ratanaṃ dasseti. Assakāvantīassakaraṭṭhaṃ vā avantiraṭṭhaṃ vā. Rajjenāti sacepi te sakalajambudīparajjena attho, tampi te datvā ahaṃ phalakāvudhahattho tumhākaṃ rathassa purato gamissāmīti dīpeti. Yadicchasīti etesu mayā vuttappakāresu yaṃ icchasi, taṃ anusāsa āṇāpehīti.

    ตํ สุตฺวา นนฺทปณฺฑิโต อตฺตโน อธิปฺปายํ อาวิกโรโนฺต อาห –

    Taṃ sutvā nandapaṇḍito attano adhippāyaṃ āvikaronto āha –

    ๑๐๐.

    100.

    ‘‘น เม อโตฺถปิ รเชฺชน, นคเรน ธเนน วา;

    ‘‘Na me atthopi rajjena, nagarena dhanena vā;

    อโถปิ ชนปเทน, อโตฺถ มยฺหํ น วิชฺชตี’’ติฯ

    Athopi janapadena, attho mayhaṃ na vijjatī’’ti.

    ‘‘สเจ เต มยิ สิเนโห อตฺถิ, เอกํ เม วจนํ กโรหี’’ติ วตฺวา คาถาทฺวยมาห –

    ‘‘Sace te mayi sineho atthi, ekaṃ me vacanaṃ karohī’’ti vatvā gāthādvayamāha –

    ๑๐๑.

    101.

    ‘‘โภโตว รเฎฺฐ วิชิเต, อรเญฺญ อตฺถิ อสฺสโม;

    ‘‘Bhotova raṭṭhe vijite, araññe atthi assamo;

    ปิตา มยฺหํ ชเนตฺตี จ, อุโภ สมฺมนฺติ อสฺสเมฯ

    Pitā mayhaṃ janettī ca, ubho sammanti assame.

    ๑๐๒.

    102.

    ‘‘เตสาหํ ปุพฺพาจริเยสุ, ปุญฺญํ น ลภามิ กาตเว;

    ‘‘Tesāhaṃ pubbācariyesu, puññaṃ na labhāmi kātave;

    ภวนฺตํ อชฺฌาวรํ กตฺวา, โสณํ ยาเจมุ สํวร’’นฺติฯ

    Bhavantaṃ ajjhāvaraṃ katvā, soṇaṃ yācemu saṃvara’’nti.

    ตตฺถ รเฎฺฐติ รเชฺชฯ วิชิเตติ อาณาปวตฺติฎฺฐาเนฯ อสฺสโมติ หิมวนฺตารเญฺญ เอโก อสฺสโม อตฺถิฯ สมฺมนฺตีติ ตสฺมิํ อสฺสเม วสนฺติฯ เตสาหนฺติ เตสุ อหํฯ กาตเวติ วตฺตปฎิวตฺตผลาผลาหรณสงฺขาตํ ปุญฺญํ กาตุํ น ลภามิ, ภาตา เม โสณปณฺฑิโต นาม มเมกสฺมิํ อปราเธ มา อิธ วสีติ มํ ปลาเปสิฯ อชฺฌาวรนฺติ อธิอาวรํ เต มยํ ภวนฺตํ สปริวารํ กตฺวา โสณปณฺฑิตํ สํวรํ ยาเจมุ, อายติํ สํวรํ ยาจามาติ อโตฺถฯ ‘‘ยาเจมิมํ วร’’นฺติปิ ปาโฐ, มยํ ตยา สทฺธิํ โสณํ ยาเจยฺยาม ขมาเปยฺยาม, อิมํ วรํ ตว สนฺติกา คณฺหามีติ อโตฺถฯ

    Tattha raṭṭheti rajje. Vijiteti āṇāpavattiṭṭhāne. Assamoti himavantāraññe eko assamo atthi. Sammantīti tasmiṃ assame vasanti. Tesāhanti tesu ahaṃ. Kātaveti vattapaṭivattaphalāphalāharaṇasaṅkhātaṃ puññaṃ kātuṃ na labhāmi, bhātā me soṇapaṇḍito nāma mamekasmiṃ aparādhe mā idha vasīti maṃ palāpesi. Ajjhāvaranti adhiāvaraṃ te mayaṃ bhavantaṃ saparivāraṃ katvā soṇapaṇḍitaṃ saṃvaraṃ yācemu, āyatiṃ saṃvaraṃ yācāmāti attho. ‘‘Yācemimaṃ vara’’ntipi pāṭho, mayaṃ tayā saddhiṃ soṇaṃ yāceyyāma khamāpeyyāma, imaṃ varaṃ tava santikā gaṇhāmīti attho.

    อถ นํ ราชา อาห –

    Atha naṃ rājā āha –

    ๑๐๓.

    103.

    ‘‘กโรมิ เต ตํ วจนํ, ยํ มํ ภณสิ พฺราหฺมณ;

    ‘‘Karomi te taṃ vacanaṃ, yaṃ maṃ bhaṇasi brāhmaṇa;

    เอตญฺจ โข โน อกฺขาหิ, กีวโนฺต โหนฺตุ ยาจกา’’ติฯ

    Etañca kho no akkhāhi, kīvanto hontu yācakā’’ti.

    ตตฺถ กโรมีติ อหํ สกลชมฺพุทีปรชฺชํ ททมาโน เอตฺตกํ กิํ น กริสฺสามิ, กโรมีติ วทติฯ กีวโนฺตติ กิตฺตกาฯ

    Tattha karomīti ahaṃ sakalajambudīparajjaṃ dadamāno ettakaṃ kiṃ na karissāmi, karomīti vadati. Kīvantoti kittakā.

    นนฺทปณฺฑิโต อาห –

    Nandapaṇḍito āha –

    ๑๐๔.

    104.

    ‘‘ปโรสตํ ชานปทา, มหาสาลา จ พฺราหฺมณา;

    ‘‘Parosataṃ jānapadā, mahāsālā ca brāhmaṇā;

    อิเม จ ขตฺติยา สเพฺพ, อภิชาตา ยสสฺสิโน;

    Ime ca khattiyā sabbe, abhijātā yasassino;

    ภวญฺจ ราชา มโนโช, อลํ เหสฺสนฺติ ยาจกา’’ติฯ

    Bhavañca rājā manojo, alaṃ hessanti yācakā’’ti.

    ตตฺถ ชานปทาติ คหปตีฯ มหาสาลา จ พฺราหฺมณาติ สารปฺปตฺตา พฺราหฺมณา จ ปโรสตาเยวฯ อลํ เหสฺสนฺตีติ ปริยตฺตา ภวิสฺสนฺติฯ ยาจกาติ มมตฺถาย โสณปณฺฑิตสฺส ขมาปกาฯ

    Tattha jānapadāti gahapatī. Mahāsālā ca brāhmaṇāti sārappattā brāhmaṇā ca parosatāyeva. Alaṃ hessantīti pariyattā bhavissanti. Yācakāti mamatthāya soṇapaṇḍitassa khamāpakā.

    อถ นํ ราชา อาห –

    Atha naṃ rājā āha –

    ๑๐๕.

    105.

    ‘‘หตฺถี อเสฺส จ โยเชนฺตุ, รถํ สนฺนยฺห สารถิ;

    ‘‘Hatthī asse ca yojentu, rathaṃ sannayha sārathi;

    อาพนฺธนานิ คณฺหาถ, ปาทาสุสฺสารยทฺธเช;

    Ābandhanāni gaṇhātha, pādāsussārayaddhaje;

    อสฺสมํ ตํ คมิสฺสามิ, ยตฺถ สมฺมติ โกสิโย’’ติฯ

    Assamaṃ taṃ gamissāmi, yattha sammati kosiyo’’ti.

    ตตฺถ โยเชนฺตูติ หตฺถาโรหา หตฺถี, อสฺสาโรหา จ อเสฺส กเปฺปนฺตุฯ รถํ สนฺนยฺห สารถีติ สมฺมสารถิ ตฺวมฺปิ รถํ สนฺนยฺหฯ อาพนฺธนานีติ หตฺถิอสฺสรเถสุ อาพนฺธิตพฺพานิ ภณฺฑานิ จ คณฺหถฯ ปาทาสุสฺสารยทฺธเชติ รเถ ฐปิตธชปาทาสุ ธเช อุสฺสารยนฺตุ อุสฺสาเปนฺตุฯ โกสิโยติ ยสฺมิํ อสฺสเม โกสิยโคโตฺต วสตีติฯ

    Tattha yojentūti hatthārohā hatthī, assārohā ca asse kappentu. Rathaṃ sannayha sārathīti sammasārathi tvampi rathaṃ sannayha. Ābandhanānīti hatthiassarathesu ābandhitabbāni bhaṇḍāni ca gaṇhatha. Pādāsussārayaddhajeti rathe ṭhapitadhajapādāsu dhaje ussārayantu ussāpentu. Kosiyoti yasmiṃ assame kosiyagotto vasatīti.

    ๑๐๖.

    106.

    ‘‘ตโต จ ราชา ปายาสิ, เสนาย จตุรงฺคินี;

    ‘‘Tato ca rājā pāyāsi, senāya caturaṅginī;

    อคมา อสฺสมํ รมฺมํ, ยตฺถ สมฺมติ โกสิโย’’ติฯ – อยํ อภิสมฺพุทฺธคาถา;

    Agamā assamaṃ rammaṃ, yattha sammati kosiyo’’ti. – ayaṃ abhisambuddhagāthā;

    ตตฺถ ตโต จาติ, ภิกฺขเว, เอวํ วตฺวา ตโต โส ราชา เอกสตขตฺติเย คเหตฺวา มหติยา เสนาย ปริวุโต นนฺทปณฺฑิตํ ปุรโต กตฺวา นครา นิกฺขมิฯ จตุรงฺคีนีติ จตุรงฺคินิยา เสนาย อคมาสิ, อนฺตรมเคฺค วตฺตมาโนปิ อวสฺสํ คามิตาย เอวํ วุโตฺตฯ จตุวีสติอโกฺขภณิสงฺขาเตน พลกาเยน สทฺธิํ มคฺคํ ปฎิปนฺนสฺส ตสฺส นนฺทปณฺฑิโต อิทฺธานุภาเวน อฎฺฐุสภวิตฺถตํ มคฺคํ สมํ มาเปตฺวา อากาเส จมฺมขณฺฑํ ปตฺถริตฺวา ตตฺถ ปลฺลเงฺกน นิสีทิตฺวา เสนาย ปริวุโต อลงฺกตหตฺถิกฺขเนฺธ นิสีทิตฺวา คจฺฉเนฺตน รญฺญา สทฺธิํ ธมฺมยุตฺตกถํ กเถโนฺต สีตอุณฺหาทิปริสฺสเย วาเรโนฺต อคมาสิฯ

    Tattha tato cāti, bhikkhave, evaṃ vatvā tato so rājā ekasatakhattiye gahetvā mahatiyā senāya parivuto nandapaṇḍitaṃ purato katvā nagarā nikkhami. Caturaṅgīnīti caturaṅginiyā senāya agamāsi, antaramagge vattamānopi avassaṃ gāmitāya evaṃ vutto. Catuvīsatiakkhobhaṇisaṅkhātena balakāyena saddhiṃ maggaṃ paṭipannassa tassa nandapaṇḍito iddhānubhāvena aṭṭhusabhavitthataṃ maggaṃ samaṃ māpetvā ākāse cammakhaṇḍaṃ pattharitvā tattha pallaṅkena nisīditvā senāya parivuto alaṅkatahatthikkhandhe nisīditvā gacchantena raññā saddhiṃ dhammayuttakathaṃ kathento sītauṇhādiparissaye vārento agamāsi.

    อถสฺส อสฺสมํ ปาปุณนทิวเส โสณปณฺฑิโต ‘‘มม กนิฎฺฐสฺส อติเรกสตฺตมาสสตฺตทิวสาธิกานิ สตฺต วสฺสานิ นิกฺขนฺตสฺสา’’ติ อาวเชฺชตฺวา ‘‘กหํ นุ โข โส เอตรหี’’ติ ทิเพฺพน จกฺขุนา โอโลเกโนฺต ‘‘จตุวีสติอโกฺขภณิปริวาเรน สทฺธิํ เอกสตราชาโน คเหตฺวา มมเญฺญว ขมาเปตุํ อาคจฺฉตี’’ติ ทิสฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อิเมหิ ราชูหิ เจว ปริสาหิ จ มม กนิฎฺฐสฺส พหูนิ ปาฎิหาริยานิ ทิฎฺฐานิ, มมานุภาวํ อชานิตฺวา ‘อยํ กูฎชฎิโล อตฺตโน ปมาณํ น ชานาติ, อมฺหากํ อเยฺยน สทฺธิํ ปโยเชสี’ติ มํ วเมฺภนฺตา กเถนฺตา อวีจิปรายณา ภเวยฺยุํ, อิทฺธิปาฎิหาริยํ เนสํ ทเสฺสสฺสามี’’ติฯ โส จตุรงฺคุลมเตฺตน อํสํ อผุสนฺตํ อากาเส กาชํ ฐเปตฺวา อโนตตฺตโต อุทกํ อาหริตุํ รโญฺญ อวิทูเร อากาเสน ปายาสิฯ นนฺทปณฺฑิโต ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อตฺตานํ ทเสฺสตุํ อวิสหโนฺต นิสินฺนฎฺฐาเนเยว อนฺตรธายิตฺวา ปลายิตฺวา หิมวนฺตํ ปาวิสิฯ มโนชราชา ปน ตํ รมณีเยน อิสิเวเสน ตถา อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา คาถมาห –

    Athassa assamaṃ pāpuṇanadivase soṇapaṇḍito ‘‘mama kaniṭṭhassa atirekasattamāsasattadivasādhikāni satta vassāni nikkhantassā’’ti āvajjetvā ‘‘kahaṃ nu kho so etarahī’’ti dibbena cakkhunā olokento ‘‘catuvīsatiakkhobhaṇiparivārena saddhiṃ ekasatarājāno gahetvā mamaññeva khamāpetuṃ āgacchatī’’ti disvā cintesi – ‘‘imehi rājūhi ceva parisāhi ca mama kaniṭṭhassa bahūni pāṭihāriyāni diṭṭhāni, mamānubhāvaṃ ajānitvā ‘ayaṃ kūṭajaṭilo attano pamāṇaṃ na jānāti, amhākaṃ ayyena saddhiṃ payojesī’ti maṃ vambhentā kathentā avīciparāyaṇā bhaveyyuṃ, iddhipāṭihāriyaṃ nesaṃ dassessāmī’’ti. So caturaṅgulamattena aṃsaṃ aphusantaṃ ākāse kājaṃ ṭhapetvā anotattato udakaṃ āharituṃ rañño avidūre ākāsena pāyāsi. Nandapaṇḍito taṃ āgacchantaṃ disvā attānaṃ dassetuṃ avisahanto nisinnaṭṭhāneyeva antaradhāyitvā palāyitvā himavantaṃ pāvisi. Manojarājā pana taṃ ramaṇīyena isivesena tathā āgacchantaṃ disvā gāthamāha –

    ๑๐๗.

    107.

    ‘‘กสฺส กาทมฺพโย กาโช, เวหาสํ จตุรงฺคุลํ;

    ‘‘Kassa kādambayo kājo, vehāsaṃ caturaṅgulaṃ;

    อํสํ อสมฺผุสํ เอติ, อุทหาราย คจฺฉโต’’ติฯ

    Aṃsaṃ asamphusaṃ eti, udahārāya gacchato’’ti.

    ตตฺถ กาทมฺพโยติ กทมฺพรุกฺขมโยฯ อํสํ อสมฺผุสํ เอตีติ อํสํ อสมฺผุสโนฺต สยเมว อาคจฺฉติฯ อุทหารายาติ อุทกํ อาหริตุํ คจฺฉนฺตสฺส กสฺส เอส กาโช เอวํ เอติ, โก นาม ตฺวํ, กุโต วา อาคจฺฉสีติฯ

    Tattha kādambayoti kadambarukkhamayo. Aṃsaṃ asamphusaṃ etīti aṃsaṃ asamphusanto sayameva āgacchati. Udahārāyāti udakaṃ āharituṃ gacchantassa kassa esa kājo evaṃ eti, ko nāma tvaṃ, kuto vā āgacchasīti.

    เอวํ วุเตฺต มหาสโตฺต คาถาทฺวยมาห –

    Evaṃ vutte mahāsatto gāthādvayamāha –

    ๑๐๘.

    108.

    ‘‘อหํ โสโณ มหาราช, ตาปโส สหิตพฺพโต;

    ‘‘Ahaṃ soṇo mahārāja, tāpaso sahitabbato;

    ภรามิ มาตาปิตโร, รตฺตินฺทิวมตนฺทิโตฯ

    Bharāmi mātāpitaro, rattindivamatandito.

    ๑๐๙.

    109.

    ‘‘วเน ผลญฺจ มูลญฺจ, อาหริตฺวา ทิสมฺปติ;

    ‘‘Vane phalañca mūlañca, āharitvā disampati;

    โปเสมิ มาตาปิตโร, ปุเพฺพ กตมนุสฺสร’’นฺติฯ

    Posemi mātāpitaro, pubbe katamanussara’’nti.

    ตตฺถ สหิตพฺพโตติ สหิตวโต สีลาจารสมฺปโนฺน เอโก ตาปโส อหนฺติ วทติฯ ภรามีติ โปเสมิฯ อตนฺทิโตติ อนลโส หุตฺวาฯ ปุเพฺพ กตมนุสฺสรนฺติ เตหิ ปุเพฺพ กตํ มยฺหํ คุณํ อนุสฺสรโนฺตติฯ

    Tattha sahitabbatoti sahitavato sīlācārasampanno eko tāpaso ahanti vadati. Bharāmīti posemi. Atanditoti analaso hutvā. Pubbe katamanussaranti tehi pubbe kataṃ mayhaṃ guṇaṃ anussarantoti.

    ตํ สุตฺวา ราชา เตน สทฺธิํ วิสฺสาสํ กตฺตุกาโม อนนฺตรํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā rājā tena saddhiṃ vissāsaṃ kattukāmo anantaraṃ gāthamāha –

    ๑๑๐.

    110.

    ‘‘อิจฺฉาม อสฺสมํ คนฺตุํ, ยตฺถ สมฺมติ โกสิโย;

    ‘‘Icchāma assamaṃ gantuṃ, yattha sammati kosiyo;

    มคฺคํ โน โสณ อกฺขาหิ, เยน คเจฺฉมุ อสฺสม’’นฺติฯ

    Maggaṃ no soṇa akkhāhi, yena gacchemu assama’’nti.

    ตตฺถ อสฺสมนฺติ ตุมฺหากํ อสฺสมปทํฯ

    Tattha assamanti tumhākaṃ assamapadaṃ.

    อถ มหาสโตฺต อตฺตโน อานุภาเวน อสฺสมปทคามิมคฺคํ มาเปตฺวา คาถมาห –

    Atha mahāsatto attano ānubhāvena assamapadagāmimaggaṃ māpetvā gāthamāha –

    ๑๑๑.

    111.

    ‘‘อยํ เอกปที ราช, เยเนตํ เมฆสนฺนิภํ;

    ‘‘Ayaṃ ekapadī rāja, yenetaṃ meghasannibhaṃ;

    โกวิฬาเรหิ สญฺฉนฺนํ, เอตฺถ สมฺมติ โกสิโย’’ติฯ

    Koviḷārehi sañchannaṃ, ettha sammati kosiyo’’ti.

    ตสฺสโตฺถ – มหาราช, อยํ เอกปทิโก ชงฺฆมโคฺค, อิมินา คจฺฉถ, เยน ทิสาภาเคน เอตํ เมฆวณฺณํ สุปุปฺผิตโกวิฬารสญฺฉนฺนํ วนํ ทิสฺสติ, เอตฺถ มม ปิตา โกสิยโคโตฺต วสติ, เอตสฺส โส อสฺสโมติฯ

    Tassattho – mahārāja, ayaṃ ekapadiko jaṅghamaggo, iminā gacchatha, yena disābhāgena etaṃ meghavaṇṇaṃ supupphitakoviḷārasañchannaṃ vanaṃ dissati, ettha mama pitā kosiyagotto vasati, etassa so assamoti.

    ๑๑๒.

    112.

    ‘‘อิทํ วตฺวาน ปกฺกามิ, ตรมาโน มหาอิสิ;

    ‘‘Idaṃ vatvāna pakkāmi, taramāno mahāisi;

    เวหาเส อนฺตลิกฺขสฺมิํ, อนุสาสิตฺวาน ขตฺติเยฯ

    Vehāse antalikkhasmiṃ, anusāsitvāna khattiye.

    ๑๑๓.

    113.

    ‘‘อสฺสมํ ปริมชฺชิตฺวา, ปญฺญาเปตฺวาน อาสนํ;

    ‘‘Assamaṃ parimajjitvā, paññāpetvāna āsanaṃ;

    ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา, ปิตรํ ปติโพธยิฯ

    Paṇṇasālaṃ pavisitvā, pitaraṃ patibodhayi.

    ๑๑๔.

    114.

    ‘‘อิเม อายนฺติ ราชาโน, อภิชาตา ยสสฺสิโน;

    ‘‘Ime āyanti rājāno, abhijātā yasassino;

    อสฺสมา นิกฺขมิตฺวาน, นิสีท ตฺวํ มหาอิเสฯ

    Assamā nikkhamitvāna, nisīda tvaṃ mahāise.

    ๑๑๕.

    115.

    ‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, ตรมาโน มหาอิสิ;

    ‘‘Tassa taṃ vacanaṃ sutvā, taramāno mahāisi;

    อสฺสมา นิกฺขมิตฺวาน, สทฺวารมฺหิ อุปาวิสี’’ติฯ – อิมา อภิสมฺพุทฺธคาถา;

    Assamā nikkhamitvāna, sadvāramhi upāvisī’’ti. – imā abhisambuddhagāthā;

    ตตฺถ ปกฺกามีติ อโนตตฺตํ อคมาสิฯ อสฺสมํ ปริมชฺชิตฺวาติ, ภิกฺขเว, โส อิสิ เวเคน อโนตตฺตํ คนฺตฺวา ปานียํ อาทาย เตสุ ราชูสุ อสฺสมํ อสมฺปเตฺตสุเยว อาคนฺตฺวา ปานียฆเฎ ปานียมาฬเก ฐเปตฺวา ‘‘มหาชโน ปิวิสฺสตี’’ติ วนกุสุเมหิ วาเสตฺวา สมฺมชฺชนิํ อาทาย อสฺสมํ สมฺมชฺชิตฺวา ปณฺณสาลทฺวาเร ปิตุ อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา ปวิสิตฺวา ปิตรํ ชานาเปสีติ อโตฺถฯ อุปาวิสีติ อุจฺจาสเน นิสีทิฯ

    Tattha pakkāmīti anotattaṃ agamāsi. Assamaṃ parimajjitvāti, bhikkhave, so isi vegena anotattaṃ gantvā pānīyaṃ ādāya tesu rājūsu assamaṃ asampattesuyeva āgantvā pānīyaghaṭe pānīyamāḷake ṭhapetvā ‘‘mahājano pivissatī’’ti vanakusumehi vāsetvā sammajjaniṃ ādāya assamaṃ sammajjitvā paṇṇasāladvāre pitu āsanaṃ paññāpetvā pavisitvā pitaraṃ jānāpesīti attho. Upāvisīti uccāsane nisīdi.

    โพธิสตฺตสฺส มาตา ปน ตสฺส ปจฺฉโต นีจฎฺฐาเน เอกมนฺตํ นิสีทิฯ มหาสโตฺต นีจาสเน นิสีทิฯ นนฺทปณฺฑิโตปิ โพธิสตฺตสฺส อโนตตฺตโต ปานียํ อาทาย อสฺสมํ อาคตกาเล รโญฺญ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา อสฺสมสฺส อวิทูเร ขนฺธาวารํ นิวาเสสิฯ อถ ราชา นฺหตฺวา สพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิโต เอกสตราชปริวุโต นนฺทปณฺฑิตํ คเหตฺวา มหเนฺตน สิริโสภเคฺคน โพธิสตฺตํ ขมาเปตุํ อสฺสมํ ปาวิสิฯ อถ นํ ตถา อาคจฺฉนฺตํ โพธิสตฺตสฺส ปิตา ทิสฺวา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ, โสปิสฺส อาจิกฺขิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –

    Bodhisattassa mātā pana tassa pacchato nīcaṭṭhāne ekamantaṃ nisīdi. Mahāsatto nīcāsane nisīdi. Nandapaṇḍitopi bodhisattassa anotattato pānīyaṃ ādāya assamaṃ āgatakāle rañño santikaṃ āgantvā assamassa avidūre khandhāvāraṃ nivāsesi. Atha rājā nhatvā sabbālaṅkārapaṭimaṇḍito ekasatarājaparivuto nandapaṇḍitaṃ gahetvā mahantena sirisobhaggena bodhisattaṃ khamāpetuṃ assamaṃ pāvisi. Atha naṃ tathā āgacchantaṃ bodhisattassa pitā disvā bodhisattaṃ pucchi, sopissa ācikkhi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –

    ๑๑๖.

    116.

    ‘‘ตญฺจ ทิสฺวาน อายนฺตํ, ชลนฺตํริว เตชสา;

    ‘‘Tañca disvāna āyantaṃ, jalantaṃriva tejasā;

    ขตฺยสงฺฆปริพฺยูฬฺหํ, โกสิโย เอตทพฺรวิฯ

    Khatyasaṅghaparibyūḷhaṃ, kosiyo etadabravi.

    ๑๑๗.

    117.

    ‘‘กสฺส เภรี มุทิงฺคา จ, สงฺขา ปณวทินฺทิมา;

    ‘‘Kassa bherī mudiṅgā ca, saṅkhā paṇavadindimā;

    ปุรโต ปฎิปนฺนานิ, หาสยนฺตา รเถสภํฯ

    Purato paṭipannāni, hāsayantā rathesabhaṃ.

    ๑๑๘.

    118.

    ‘‘กสฺส กญฺจนปเฎฺฎน, ปุถุนา วิชฺชุวณฺณินา;

    ‘‘Kassa kañcanapaṭṭena, puthunā vijjuvaṇṇinā;

    ยุวา กลาปสนฺนโทฺธ, โก เอติ สิริยา ชลํฯ

    Yuvā kalāpasannaddho, ko eti siriyā jalaṃ.

    ๑๑๙.

    119.

    ‘‘อุกฺกามุขปหฎฺฐํว , ขทิรงฺคารสนฺนิภํ;

    ‘‘Ukkāmukhapahaṭṭhaṃva , khadiraṅgārasannibhaṃ;

    มุขญฺจ รุจิรา ภาติ, โก เอติ สิริยา ชลํฯ

    Mukhañca rucirā bhāti, ko eti siriyā jalaṃ.

    ๑๒๐.

    120.

    ‘‘กสฺส ปคฺคหิตํ ฉตฺตํ, สสลากํ มโนรมํ;

    ‘‘Kassa paggahitaṃ chattaṃ, sasalākaṃ manoramaṃ;

    อาทิจฺจรํสาวรณํ, โก เอติ สิริยา ชลํฯ

    Ādiccaraṃsāvaraṇaṃ, ko eti siriyā jalaṃ.

    ๑๒๑.

    121.

    ‘‘กสฺส องฺคํ ปริคฺคยฺห, วาลพีชนิมุตฺตมํ;

    ‘‘Kassa aṅgaṃ pariggayha, vālabījanimuttamaṃ;

    จรนฺติ วรปุญฺญสฺส, หตฺถิกฺขเนฺธน อายโตฯ

    Caranti varapuññassa, hatthikkhandhena āyato.

    ๑๒๒.

    122.

    ‘‘กสฺส เสตานิ ฉตฺตานิ, อาชานียา จ วมฺมิตา;

    ‘‘Kassa setāni chattāni, ājānīyā ca vammitā;

    สมนฺตา ปริกีเรนฺติ, โก เอติ สิริยา ชลํฯ

    Samantā parikīrenti, ko eti siriyā jalaṃ.

    ๑๒๓.

    123.

    ‘‘กสฺส เอกสตํ ขตฺยา, อนุยนฺตา ยสสฺสิโน;

    ‘‘Kassa ekasataṃ khatyā, anuyantā yasassino;

    สมนฺตานุปริยนฺติ, โก เอติ สิริยา ชลํฯ

    Samantānupariyanti, ko eti siriyā jalaṃ.

    ๑๒๔.

    124.

    ‘‘หตฺถิอสฺสรถปตฺติ, เสนา จ จตุรงฺคินี;

    ‘‘Hatthiassarathapatti, senā ca caturaṅginī;

    สมนฺตานุปริยนฺติ, โก เอติ สิริยา ชลํฯ

    Samantānupariyanti, ko eti siriyā jalaṃ.

    ๑๒๕.

    125.

    ‘‘กเสฺสสา มหตี เสนา, ปิฎฺฐิโต อนุวตฺตติ;

    ‘‘Kassesā mahatī senā, piṭṭhito anuvattati;

    อโกฺขภณี อปริยนฺตา, สาครเสฺสว อูมิโยฯ

    Akkhobhaṇī apariyantā, sāgarasseva ūmiyo.

    ๑๒๖.

    126.

    ‘‘ราชาภิราชา มโนโช, อิโนฺทว ชยตํ ปติ;

    ‘‘Rājābhirājā manojo, indova jayataṃ pati;

    นนฺทสฺสชฺฌาวรํ เอติ, อสฺสมํ พฺรหฺมจารินํฯ

    Nandassajjhāvaraṃ eti, assamaṃ brahmacārinaṃ.

    ๑๒๗.

    127.

    ‘‘ตเสฺสสา มหตี เสนา, ปิฎฺฐิโต อนุวตฺตติ;

    ‘‘Tassesā mahatī senā, piṭṭhito anuvattati;

    อโกฺขภณี อปริยนฺตา, สาครเสฺสว อูมิโย’’ติฯ

    Akkhobhaṇī apariyantā, sāgarasseva ūmiyo’’ti.

    ตตฺถ ชลนฺตํริวาติ ชลนฺตํ วิยฯ ปฎิปนฺนานีติ เอตานิ ตูริยานิ กสฺส ปุรโต อาคจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ หาสยนฺตาติ โตเสนฺตาฯ กญฺจนปเฎฺฎนาติ, ตาต, กสฺส กญฺจนมเยน วิชฺชุวเณฺณน อุณฺหีสปเฎฺฎน นลาฎโนฺต ปริกฺขิโตฺตติ ปุจฺฉติฯ ยุวาติ ตรุโณฯ กลาปสนฺนโทฺธติ สนฺนทฺธสรตูณีโรฯ อุกฺกามุขปหฎฺฐํ วาติ กมฺมารานํ อุทฺธเน ปหฎฺฐํ สุวณฺณํ วิยฯ ขทิรงฺคารสนฺนิภนฺติ วีตจฺจิตขทิรงฺคารวณฺณํฯ อาทิจฺจรํสาวรณนฺติอาทิจฺจรํสีนํ อาวรณํฯ องฺคํ ปริคฺคยฺหาติ องฺคํ ปริคฺคเหตฺวา, สรีรํ ปริกฺขิปิตฺวาติ อโตฺถฯ วาลพีชนิมุตฺตมนฺติ วาลพีชนิํ อุตฺตมํ ฯ จรนฺตีติ สญฺจรนฺติฯ ฉตฺตานีติ อาชานียปิเฎฺฐ นิสินฺนานํ ธาริตฉตฺตานิฯ ปริกีเรนฺตีติ ตสฺส สมนฺตา สพฺพทิสาภาเคสุ ปริกีรยนฺติฯ จตุรงฺคินีติ เอเตหิ หตฺถิอาทีหิ จตูหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตาฯ อโกฺขภณีติ โขเภตุํ น สกฺกาฯ สาครเสฺสวาติ สาครสฺส อูมิโย วิย อปริยนฺตาฯ ราชาภิราชาติ เอกสตราชูนํ ปูชิโต, เตสํ วา อธิโก ราชาติ ราชาภิราชาฯ ชยตํ ปตีติ ชยปฺปตฺตานํ ตาวติํสานํ เชฎฺฐโกฯ อชฺฌาวรนฺติ มมํ ขมาปนตฺถาย นนฺทสฺส ปริสภาวํ อุปคนฺตฺวา เอติฯ

    Tattha jalantaṃrivāti jalantaṃ viya. Paṭipannānīti etāni tūriyāni kassa purato āgacchantīti attho. Hāsayantāti tosentā. Kañcanapaṭṭenāti, tāta, kassa kañcanamayena vijjuvaṇṇena uṇhīsapaṭṭena nalāṭanto parikkhittoti pucchati. Yuvāti taruṇo. Kalāpasannaddhoti sannaddhasaratūṇīro. Ukkāmukhapahaṭṭhaṃ vāti kammārānaṃ uddhane pahaṭṭhaṃ suvaṇṇaṃ viya. Khadiraṅgārasannibhanti vītaccitakhadiraṅgāravaṇṇaṃ. Ādiccaraṃsāvaraṇantiādiccaraṃsīnaṃ āvaraṇaṃ. Aṅgaṃ pariggayhāti aṅgaṃ pariggahetvā, sarīraṃ parikkhipitvāti attho. Vālabījanimuttamanti vālabījaniṃ uttamaṃ . Carantīti sañcaranti. Chattānīti ājānīyapiṭṭhe nisinnānaṃ dhāritachattāni. Parikīrentīti tassa samantā sabbadisābhāgesu parikīrayanti. Caturaṅginīti etehi hatthiādīhi catūhi aṅgehi samannāgatā. Akkhobhaṇīti khobhetuṃ na sakkā. Sāgarassevāti sāgarassa ūmiyo viya apariyantā. Rājābhirājāti ekasatarājūnaṃ pūjito, tesaṃ vā adhiko rājāti rājābhirājā. Jayataṃ patīti jayappattānaṃ tāvatiṃsānaṃ jeṭṭhako. Ajjhāvaranti mamaṃ khamāpanatthāya nandassa parisabhāvaṃ upagantvā eti.

    สตฺถา อาห –

    Satthā āha –

    ๑๒๘.

    128.

    ‘‘อนุลิตฺตา จนฺทเนน, กาสิกุตฺตมธาริโน;

    ‘‘Anulittā candanena, kāsikuttamadhārino;

    สเพฺพ ปญฺชลิกา หุตฺวา, อิสีนํ อชฺฌุปาคมุ’’นฺติฯ

    Sabbe pañjalikā hutvā, isīnaṃ ajjhupāgamu’’nti.

    ตตฺถ อิสีนํ อชฺฌุปาคมุนฺติ, ภิกฺขเว, สเพฺพปิ เต ราชาโน สุรภิจนฺทเนน อนุลิตฺตา อุตฺตมกาสิกวตฺถธาริโน สิรสิ ปติฎฺฐาปิตอญฺชลี หุตฺวา อิสีนํ สนฺติกํ อุปคตาฯ

    Tattha isīnaṃ ajjhupāgamunti, bhikkhave, sabbepi te rājāno surabhicandanena anulittā uttamakāsikavatthadhārino sirasi patiṭṭhāpitaañjalī hutvā isīnaṃ santikaṃ upagatā.

    ตโต มโนโช ราชา ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน ปฎิสนฺถารํ กโรโนฺต คาถาทฺวยมาห –

    Tato manojo rājā taṃ vanditvā ekamantaṃ nisinno paṭisanthāraṃ karonto gāthādvayamāha –

    ๑๒๙.

    129.

    ‘‘กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ, กจฺจิ โภโต อนามยํ;

    ‘‘Kacci nu bhoto kusalaṃ, kacci bhoto anāmayaṃ;

    กจฺจิ อุเญฺฉน ยาเปถ, กจฺจิ มูลผลา พหูฯ

    Kacci uñchena yāpetha, kacci mūlaphalā bahū.

    ๑๓๐.

    130.

    ‘‘กจฺจิ ฑํสา มกสา จ, อปฺปเมว สรีสปา;

    ‘‘Kacci ḍaṃsā makasā ca, appameva sarīsapā;

    วเน วาฬมิคากิเณฺณ, กจฺจิ หิํสา น วิชฺชตี’’ติฯ

    Vane vāḷamigākiṇṇe, kacci hiṃsā na vijjatī’’ti.

    ตโต ปรํ อุภินฺนํ เตสํ วจนปฎิวจนวเสน กถิตคาถา โหนฺติ –

    Tato paraṃ ubhinnaṃ tesaṃ vacanapaṭivacanavasena kathitagāthā honti –

    ๑๓๑.

    131.

    ‘‘กุสลเญฺจว โน ราช, อโถ ราช อนามยํ;

    ‘‘Kusalañceva no rāja, atho rāja anāmayaṃ;

    อโถ อุเญฺฉน ยาเปม, อโถ มูลผลา พหูฯ

    Atho uñchena yāpema, atho mūlaphalā bahū.

    ๑๓๒.

    132.

    ‘‘อโถ ฑํสา มกสา จ, อปฺปเมว สรีสปา;

    ‘‘Atho ḍaṃsā makasā ca, appameva sarīsapā;

    วเน วาฬมิคากิเณฺณ, หิํสา มยฺหํ น วิชฺชติฯ

    Vane vāḷamigākiṇṇe, hiṃsā mayhaṃ na vijjati.

    ๑๓๓.

    133.

    ‘‘พหูนิ วสฺสปูคานิ, อสฺสเม สมฺมตํ อิธ;

    ‘‘Bahūni vassapūgāni, assame sammataṃ idha;

    นาภิชานามิ อุปฺปนฺนํ, อาพาธํ อมโนรมํฯ

    Nābhijānāmi uppannaṃ, ābādhaṃ amanoramaṃ.

    ๑๓๔.

    134.

    ‘‘สฺวาคตํ เต มหาราช, อโถ เต อทุราคตํ;

    ‘‘Svāgataṃ te mahārāja, atho te adurāgataṃ;

    อิสฺสโรสิ อนุปฺปโตฺต, ยํ อิธตฺถิ ปเวทยฯ

    Issarosi anuppatto, yaṃ idhatthi pavedaya.

    ๑๓๕.

    135.

    ‘‘ตินฺทุกานิ ปิยาลานิ, มธุเก กาสุมาริโย;

    ‘‘Tindukāni piyālāni, madhuke kāsumāriyo;

    ผลานิ ขุทฺทกปฺปานิ, ภุญฺช ราช วรํ วรํฯ

    Phalāni khuddakappāni, bhuñja rāja varaṃ varaṃ.

    ๑๓๖.

    136.

    ‘‘อิทมฺปิ ปานียํ สีตํ, อาภตํ คิริคพฺภรา;

    ‘‘Idampi pānīyaṃ sītaṃ, ābhataṃ girigabbharā;

    ตโต ปิว มหาราช, สเจ ตฺวํ อภิกงฺขสิฯ

    Tato piva mahārāja, sace tvaṃ abhikaṅkhasi.

    ๑๓๗.

    137.

    ‘‘ปฎิคฺคหิตํ ยํ ทินฺนํ, สพฺพสฺส อคฺฆิยํ กตํ;

    ‘‘Paṭiggahitaṃ yaṃ dinnaṃ, sabbassa agghiyaṃ kataṃ;

    นนฺทสฺสาปิ นิสาเมถ, วจนํ โส ปวกฺขติฯ

    Nandassāpi nisāmetha, vacanaṃ so pavakkhati.

    ๑๓๘.

    138.

    ‘‘อชฺฌาวรมฺหา นนฺทสฺส, โภโต สนฺติกมาคตา;

    ‘‘Ajjhāvaramhā nandassa, bhoto santikamāgatā;

    สุณาตุ ภวํ วจนํ, นนฺทสฺส ปริสาย จา’’ติฯ

    Suṇātu bhavaṃ vacanaṃ, nandassa parisāya cā’’ti.

    อิมา เยภุเยฺยน ปากฎสมฺพนฺธาเยว, ยํ ปเนตฺถ อปากฎํ, ตเทว วกฺขามฯ ปเวทยาติ ยํ อิมสฺมิํ ฐาเน ตว อภิรุจิตํ อตฺถิ, ตํ โน กเถหีติ วทติฯ ขุทฺทกปฺปานีติ เอตานิ นานารุกฺขผลานิ ขุทฺทกมธุปฎิภาคานิ มธุรานิฯ วรํ วรนฺติ อิโต อุตฺตมุตฺตมํ คเหตฺวา ภุญฺชฯ คิริคพฺภราติ อโนตตฺตโตฯ สพฺพสฺส อคฺฆิยนฺติ เยน มยํ อาปุจฺฉิตา, ตํ อเมฺหหิ ปฎิคฺคหิตํ นาม ตุเมฺหหิ จ ทินฺนเมว นาม, เอตฺตาวตา อิมสฺส ชนสฺส สพฺพสฺส อคฺฆิยํ ตุเมฺหหิ กตํฯ นนฺทสฺสาปีติ อมฺหากํ ตาว สพฺพํ กตํ, อิทานิ ปน นนฺทปณฺฑิโต กิญฺจิ วตฺตุกาโม , ตสฺสปิ ตาว วจนํ สุณาถฯ อชฺฌาวรมฺหาติ มยญฺหิ น อเญฺญน กเมฺมน อาคตา, นนฺทสฺส ปน ปริสา หุตฺวา ตุมฺหากํ ขมาปนตฺถาย อาคตาติ วทติฯ ภวนฺติ ภวํ โสณปณฺฑิโต สุณาตุฯ

    Imā yebhuyyena pākaṭasambandhāyeva, yaṃ panettha apākaṭaṃ, tadeva vakkhāma. Pavedayāti yaṃ imasmiṃ ṭhāne tava abhirucitaṃ atthi, taṃ no kathehīti vadati. Khuddakappānīti etāni nānārukkhaphalāni khuddakamadhupaṭibhāgāni madhurāni. Varaṃ varanti ito uttamuttamaṃ gahetvā bhuñja. Girigabbharāti anotattato. Sabbassa agghiyanti yena mayaṃ āpucchitā, taṃ amhehi paṭiggahitaṃ nāma tumhehi ca dinnameva nāma, ettāvatā imassa janassa sabbassa agghiyaṃ tumhehi kataṃ. Nandassāpīti amhākaṃ tāva sabbaṃ kataṃ, idāni pana nandapaṇḍito kiñci vattukāmo , tassapi tāva vacanaṃ suṇātha. Ajjhāvaramhāti mayañhi na aññena kammena āgatā, nandassa pana parisā hutvā tumhākaṃ khamāpanatthāya āgatāti vadati. Bhavanti bhavaṃ soṇapaṇḍito suṇātu.

    เอวํ วุเตฺต นนฺทปณฺฑิโต อุฎฺฐายาสนา มาตาปิตโร จ ภาตรญฺจ วนฺทิตฺวา สกปริสาย สทฺธิํ สลฺลปโนฺต อาห –

    Evaṃ vutte nandapaṇḍito uṭṭhāyāsanā mātāpitaro ca bhātarañca vanditvā sakaparisāya saddhiṃ sallapanto āha –

    ๑๓๙.

    139.

    ‘‘ปโรสตํ ชานปทา, มหาสาลา จ พฺราหฺมณา;

    ‘‘Parosataṃ jānapadā, mahāsālā ca brāhmaṇā;

    อิเม จ ขตฺติยา สเพฺพ, อภิชาตา ยสสฺสิโน;

    Ime ca khattiyā sabbe, abhijātā yasassino;

    ภวญฺจ ราชา มโนโช, อนุมญฺญนฺตุ เม วโจฯ

    Bhavañca rājā manojo, anumaññantu me vaco.

    ๑๔๐.

    140.

    ‘‘เย จ สนฺติ สมีตาโร, ยกฺขานิ อิธ มสฺสเม;

    ‘‘Ye ca santi samītāro, yakkhāni idha massame;

    อรเญฺญ ภูตภพฺยานิ, สุณนฺตุ วจนํ มมฯ

    Araññe bhūtabhabyāni, suṇantu vacanaṃ mama.

    ๑๔๑.

    141.

    ‘‘นโม กตฺวาน ภูตานํ, อิสิํ วกฺขามิ สุพฺพตํ;

    ‘‘Namo katvāna bhūtānaṃ, isiṃ vakkhāmi subbataṃ;

    โส ตฺยาหํ ทกฺขิณา พาหุ, ตว โกสิย สมฺมโตฯ

    So tyāhaṃ dakkhiṇā bāhu, tava kosiya sammato.

    ๑๔๒.

    142.

    ‘‘ปิตรํ เม ชเนตฺติญฺจ, ภตฺตุกามสฺส เม สโต;

    ‘‘Pitaraṃ me janettiñca, bhattukāmassa me sato;

    วีร ปุญฺญมิทํ ฐานํ, มา มํ โกสิย วารยฯ

    Vīra puññamidaṃ ṭhānaṃ, mā maṃ kosiya vāraya.

    ๑๔๓.

    143.

    ‘‘สพฺภิ เหตํ อุปญฺญาตํ, มเมตํ อุปนิสฺสช;

    ‘‘Sabbhi hetaṃ upaññātaṃ, mametaṃ upanissaja;

    อุฎฺฐานปาริจริยาย, ทีฆรตฺตํ ตยา กตํ;

    Uṭṭhānapāricariyāya, dīgharattaṃ tayā kataṃ;

    ธาตาปิตูสุ ปุญฺญานิ, มม โลกทโท ภวฯ

    Dhātāpitūsu puññāni, mama lokadado bhava.

    ๑๔๔.

    144.

    ‘‘ตเถว สนฺติ มนุชา, ธเมฺม ธมฺมปทํ วิทู;

    ‘‘Tatheva santi manujā, dhamme dhammapadaṃ vidū;

    มโคฺค สคฺคสฺส โลกสฺส, ยถา ชานาสิ ตฺวํ อิเสฯ

    Maggo saggassa lokassa, yathā jānāsi tvaṃ ise.

    ๑๔๕.

    145.

    ‘‘อุฎฺฐานปาริจริยาย, มาตาปิตุสุขาวหํ;

    ‘‘Uṭṭhānapāricariyāya, mātāpitusukhāvahaṃ;

    ตํ มํ ปุญฺญา นิวาเรติ, อริยมคฺคาวโร นโร’’ติฯ

    Taṃ maṃ puññā nivāreti, ariyamaggāvaro naro’’ti.

    ตตฺถ อนุมญฺญนฺตูติ อนุพุชฺฌนฺตุ, สาธุกํ สุตฺวา ปจฺจกฺขํ กโรนฺตูติ อโตฺถฯ สมีตาโรติ สมาคตาฯ อรเญฺญ ภูตภพฺยานีติ อสฺมิํ หิมวนฺตารเญฺญ ยานิ ภูตานิ เจว วุฑฺฒิมริยาทปฺปตฺตานิ ภพฺยานิ จ ตรุณเทวตานิ, ตานิปิ สพฺพานิ มม วจนํ สุณนฺตูติ อโตฺถฯ ‘‘นโม กตฺวานา’’ติ อิทํ โส ปริสาย สญฺญํ ทตฺวา ตสฺมิํ วนสเณฺฑ นิพฺพตฺตเทวตานํ นมกฺการํ กตฺวา อาหฯ ตสฺสโตฺถ – อชฺช พหูหิ เทวตาหิ มม ภาติกสฺส ธมฺมกถาสวนตฺถํ อาคตาหิ ภวิตพฺพํ, อหํ โว นมกฺกาโร, ตุเมฺหปิ มยฺหํ สหายา โหถาติฯ โส เทวตานํ อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา ปริสํ ชานาเปตฺวา ‘‘อิสิํ วกฺขามี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิสินฺติ โสณปณฺฑิตํ สนฺธาย วทติฯ สมฺมโตติ ภาตโร นาม องฺคสมา โหนฺติ, ตสฺมา โส เต อหํ ทกฺขิณา พาหูติ สมฺมโตฯ เตน เม ขมิตุํ อรหถาติ ทีเปติฯ

    Tattha anumaññantūti anubujjhantu, sādhukaṃ sutvā paccakkhaṃ karontūti attho. Samītāroti samāgatā. Araññe bhūtabhabyānīti asmiṃ himavantāraññe yāni bhūtāni ceva vuḍḍhimariyādappattāni bhabyāni ca taruṇadevatāni, tānipi sabbāni mama vacanaṃ suṇantūti attho. ‘‘Namo katvānā’’ti idaṃ so parisāya saññaṃ datvā tasmiṃ vanasaṇḍe nibbattadevatānaṃ namakkāraṃ katvā āha. Tassattho – ajja bahūhi devatāhi mama bhātikassa dhammakathāsavanatthaṃ āgatāhi bhavitabbaṃ, ahaṃ vo namakkāro, tumhepi mayhaṃ sahāyā hothāti. So devatānaṃ añjaliṃ paggahetvā parisaṃ jānāpetvā ‘‘isiṃ vakkhāmī’’tiādimāha. Tattha isinti soṇapaṇḍitaṃ sandhāya vadati. Sammatoti bhātaro nāma aṅgasamā honti, tasmā so te ahaṃ dakkhiṇā bāhūti sammato. Tena me khamituṃ arahathāti dīpeti.

    วีราติ วีริยวนฺต มหาปรกฺกมฯ ปุญฺญมิทํ ฐานนฺติ อิทํ มาตาปิตุอุปฎฺฐานํ นาม ปุญฺญํ สคฺคสํวตฺตนิกการณํ, ตํ กโรนฺตํ มํ มา วารยาติ วทติฯ สพฺภิ เหตนฺติ เอตญฺหิ มาตาปิตุอุปฎฺฐานํ นาม ปณฺฑิเตหิ อุปญฺญาตํ อุปคนฺตฺวา ญาตเญฺจว วณฺณิตญฺจฯ มเมตํ อุปนิสฺสชาติ อิทํ ตฺวํ มยฺหํ นิสฺสช วิสฺสเชฺชหิ เทหิฯ อุฎฺฐานปาริจริยายาติ อุฎฺฐาเนน จ ปาริจริยาย จฯ กตนฺติ ทีฆรตฺตํ ตยา กุสลํ กตํฯ ปุญฺญานีติ อิทานิ อหํ มาตาปิตูสุ ปุญฺญานิ กตฺตุกาโมฯ มม โลกทโทติ ตสฺส มม ตฺวํ สคฺคโลกทโท โหติ, อหญฺหิ เตสํ วตฺตํ อุปฎฺฐานํ กตฺวา เทวโลเก อปริมาณํ ยสํ ลภิสฺสามิ, ตสฺส เม ตฺวํ ทายโก โหหีติ วทติฯ

    Vīrāti vīriyavanta mahāparakkama. Puññamidaṃ ṭhānanti idaṃ mātāpituupaṭṭhānaṃ nāma puññaṃ saggasaṃvattanikakāraṇaṃ, taṃ karontaṃ maṃ mā vārayāti vadati. Sabbhi hetanti etañhi mātāpituupaṭṭhānaṃ nāma paṇḍitehi upaññātaṃ upagantvā ñātañceva vaṇṇitañca. Mametaṃ upanissajāti idaṃ tvaṃ mayhaṃ nissaja vissajjehi dehi. Uṭṭhānapāricariyāyāti uṭṭhānena ca pāricariyāya ca. Katanti dīgharattaṃ tayā kusalaṃ kataṃ. Puññānīti idāni ahaṃ mātāpitūsu puññāni kattukāmo. Mama lokadadoti tassa mama tvaṃ saggalokadado hoti, ahañhi tesaṃ vattaṃ upaṭṭhānaṃ katvā devaloke aparimāṇaṃ yasaṃ labhissāmi, tassa me tvaṃ dāyako hohīti vadati.

    ตเถวาติ ยถา ตฺวํ ชานาสิ, ตเถว อเญฺญปิ มนุชา อิมิสฺสํ ปริสายํ สนฺติ, เต นานปฺปกาเร ธเมฺม อิทํ เชฎฺฐาปจายิกภาวสงฺขาตํ ธมฺมโกฎฺฐาสํ วทนฺติฯ กินฺติ? มโคฺค สคฺคสฺส โลกสฺสาติฯ สุขาวหนฺติ อุฎฺฐาเนน จ ปาริจริยาย จ มาตาปิตูนํ สุขาวหํฯ ตํ มนฺติ ตํ มํ เอวํ สมฺมาปฎิปนฺนมฺปิ ภาตา โสณปณฺฑิโต ตมฺหา ปุญฺญา อภิวาเรติฯ อริยมคฺคาวโรติ โส เอวํ วาเรโนฺต อยํ นโร มม ปิยทสฺสนตาย อริยสงฺขาตสฺส เวทโลกสฺส มคฺคาวรโณ นาม โหตีติฯ

    Tathevāti yathā tvaṃ jānāsi, tatheva aññepi manujā imissaṃ parisāyaṃ santi, te nānappakāre dhamme idaṃ jeṭṭhāpacāyikabhāvasaṅkhātaṃ dhammakoṭṭhāsaṃ vadanti. Kinti? Maggo saggassa lokassāti. Sukhāvahanti uṭṭhānena ca pāricariyāya ca mātāpitūnaṃ sukhāvahaṃ. Taṃ manti taṃ maṃ evaṃ sammāpaṭipannampi bhātā soṇapaṇḍito tamhā puññā abhivāreti. Ariyamaggāvaroti so evaṃ vārento ayaṃ naro mama piyadassanatāya ariyasaṅkhātassa vedalokassa maggāvaraṇo nāma hotīti.

    เอวํ นนฺทปณฺฑิเตน วุเตฺต มหาสโตฺต ‘‘อิมสฺส ตาว ตุเมฺหหิ วจนํ สุตํ, อิทานิ มมปิ สุณาถา’’ติ สาเวโนฺต อาห –

    Evaṃ nandapaṇḍitena vutte mahāsatto ‘‘imassa tāva tumhehi vacanaṃ sutaṃ, idāni mamapi suṇāthā’’ti sāvento āha –

    ๑๔๖.

    146.

    ‘‘สุณนฺตุ โภโนฺต วจนํ, ภาตุรชฺฌาวรา มม;

    ‘‘Suṇantu bhonto vacanaṃ, bhāturajjhāvarā mama;

    กุลวํสํ มหาราช, โปราณํ ปริหาปยํ;

    Kulavaṃsaṃ mahārāja, porāṇaṃ parihāpayaṃ;

    อธมฺมจารี เชเฎฺฐสุ, นิรยํ โสปปชฺชติฯ

    Adhammacārī jeṭṭhesu, nirayaṃ sopapajjati.

    ๑๔๗.

    147.

    ‘‘เย จ ธมฺมสฺส กุสลา, โปราณสฺส ทิสมฺปติ;

    ‘‘Ye ca dhammassa kusalā, porāṇassa disampati;

    จาริเตฺตน จ สมฺปนฺนา, น เต คจฺฉนฺติ ทุคฺคติํฯ

    Cārittena ca sampannā, na te gacchanti duggatiṃ.

    ๑๔๘.

    148.

    ‘‘มาตา ปิตา จ ภาตา จ, ภคินี ญาติ พนฺธวา;

    ‘‘Mātā pitā ca bhātā ca, bhaginī ñāti bandhavā;

    สเพฺพ เชฎฺฐสฺส เต ภารา, เอวํ ชานาหิ ภารธฯ

    Sabbe jeṭṭhassa te bhārā, evaṃ jānāhi bhāradha.

    ๑๔๙.

    149.

    ‘‘อาทิยิตฺวา ครุํ ภารํ, นาวิโก วิย อุสฺสเห;

    ‘‘Ādiyitvā garuṃ bhāraṃ, nāviko viya ussahe;

    ธมฺมญฺจ นปฺปมชฺชามิ, เชโฎฺฐ จสฺมิ รเถสภา’’ติฯ

    Dhammañca nappamajjāmi, jeṭṭho casmi rathesabhā’’ti.

    ตตฺถ ภาตุรชฺฌาวราติ มม ภาตุ ปริสา หุตฺวา อาคตา โภโนฺต สเพฺพปิ ราชาโน มมปิ ตาว วจนํ สุณนฺตุฯ ปริหาปยนฺติ ปริหาเปโนฺตฯ ธมฺมสฺสาติ เชฎฺฐาปจายนธมฺมสฺส ปเวณีธมฺมสฺสฯ กุสลาติ เฉกาฯ จาริเตฺตน จาติ อาจารสีเลน สมฺปนฺนาฯ ภาราติ สเพฺพ เอเต เชเฎฺฐน วหิตพฺพา ปฎิชคฺคิตพฺพาติ ตสฺส ภารา นามฯ นาวิโก วิยาติ ยถา นาวาย ครุํ ภารํ อาทิยิตฺวา สมุทฺทมเชฺฌ นาวํ โสตฺถินา เนตุํ นาวิโก อุสฺสเหติ วายมติ, สห นาวาย สพฺพภณฺฑญฺจ ชโน จ ตเสฺสว ภาโร โหติ, ตถา มเมว สเพฺพ ญาตกา ภาโรติ , อหญฺจ เต อุสฺสหามิ ปฎิชคฺคิตุํ สโกฺกมิ, ตญฺจ เชฎฺฐาปจายนธมฺมํ นปฺปมชฺชามิ, น เกวลญฺจ เอเตสเญฺญว, สกลสฺสปิ โลกสฺส เชโฎฺฐ จ อสฺมิ, ตสฺมา อหเมว สทฺธิํ นเนฺทน ปฎิชคฺคิตุํ ยุโตฺตติฯ

    Tattha bhāturajjhāvarāti mama bhātu parisā hutvā āgatā bhonto sabbepi rājāno mamapi tāva vacanaṃ suṇantu. Parihāpayanti parihāpento. Dhammassāti jeṭṭhāpacāyanadhammassa paveṇīdhammassa. Kusalāti chekā. Cārittena cāti ācārasīlena sampannā. Bhārāti sabbe ete jeṭṭhena vahitabbā paṭijaggitabbāti tassa bhārā nāma. Nāviko viyāti yathā nāvāya garuṃ bhāraṃ ādiyitvā samuddamajjhe nāvaṃ sotthinā netuṃ nāviko ussaheti vāyamati, saha nāvāya sabbabhaṇḍañca jano ca tasseva bhāro hoti, tathā mameva sabbe ñātakā bhāroti , ahañca te ussahāmi paṭijaggituṃ sakkomi, tañca jeṭṭhāpacāyanadhammaṃ nappamajjāmi, na kevalañca etesaññeva, sakalassapi lokassa jeṭṭho ca asmi, tasmā ahameva saddhiṃ nandena paṭijaggituṃ yuttoti.

    ตํ สุตฺวา สเพฺพปิ เต ราชาโน อตฺตมนา หุตฺวา ‘‘เชฎฺฐภาติกสฺส กิร อวเสสา ภาราติ อชฺช อเมฺหหิ ญาต’’นฺติ นนฺทปณฺฑิตํ ปหาย มหาสตฺตํ สนฺนิสฺสิตา หุตฺวา ตสฺส ถุติํ กโรนฺตา เทฺว คาถา อภาสิํสุ –

    Taṃ sutvā sabbepi te rājāno attamanā hutvā ‘‘jeṭṭhabhātikassa kira avasesā bhārāti ajja amhehi ñāta’’nti nandapaṇḍitaṃ pahāya mahāsattaṃ sannissitā hutvā tassa thutiṃ karontā dve gāthā abhāsiṃsu –

    ๑๕๐.

    150.

    ‘‘อธิคมา ตเม ญาณํ, ชาลํว ชาตเวทโต;

    ‘‘Adhigamā tame ñāṇaṃ, jālaṃva jātavedato;

    เอวเมว โน ภวํ ธมฺมํ, โกสิโย ปวิทํสยิฯ

    Evameva no bhavaṃ dhammaṃ, kosiyo pavidaṃsayi.

    ๑๕๑.

    151.

    ‘‘ยถา อุทยมาทิโจฺจ, วาสุเทโว ปภงฺกโร;

    ‘‘Yathā udayamādicco, vāsudevo pabhaṅkaro;

    ปาณีนํ ปวิทํเสติ, รูปํ กลฺยาณปาปกํ;

    Pāṇīnaṃ pavidaṃseti, rūpaṃ kalyāṇapāpakaṃ;

    เอวเมว โน ภวํ ธมฺมํ, โกสิโย ปวิทํสยี’’ติฯ

    Evameva no bhavaṃ dhammaṃ, kosiyo pavidaṃsayī’’ti.

    ตตฺถ อธิคมาติ มยํ อิโต ปุเพฺพ เชฎฺฐาปจายนธมฺมปฎิจฺฉาทเก ตเม วตฺตมานา น ชานาม, อชฺช ชาตเวทโต ชาลํว ญาณํ อธิคตาฯ เอวเมว โนติ ยถา มหนฺธกาเร ปพฺพตมตฺถเก ชลิโต ชาตเวโท สมนฺตา อาโลกํ ผรโนฺต รูปานิ ทเสฺสติ, ตถา โน ภวํ โกสิยโคโตฺต ธมฺมํ ปวิทํสยีติ อโตฺถฯ วาสุเทโวติ วสุเทโว วสุโชตโน, ธนปกาสโนติ อโตฺถฯ

    Tattha adhigamāti mayaṃ ito pubbe jeṭṭhāpacāyanadhammapaṭicchādake tame vattamānā na jānāma, ajja jātavedato jālaṃva ñāṇaṃ adhigatā. Evameva noti yathā mahandhakāre pabbatamatthake jalito jātavedo samantā ālokaṃ pharanto rūpāni dasseti, tathā no bhavaṃ kosiyagotto dhammaṃ pavidaṃsayīti attho. Vāsudevoti vasudevo vasujotano, dhanapakāsanoti attho.

    อิติ มหาสโตฺต เอตฺตกํ กาลํ นนฺทปณฺฑิตสฺส ปาฎิหาริยานิ ทิสฺวา ตสฺมิํ ปสนฺนจิเตฺต เต ราชาโน ญาณพเลน ตสฺมิํ ปสาทํ ภินฺทิตฺวา อตฺตโน กถํ คาหาเปตฺวา สเพฺพว อตฺตโน มุขํ อุโลฺลกิเต อกาสิฯ อถ นนฺทปณฺฑิโต ‘‘ภาตา เม ปณฺฑิโต พฺยโตฺต ธมฺมกถิโก สเพฺพปิเม ราชาโน ภินฺทิตฺวา อตฺตโน ปเกฺข กริ, ฐเปตฺวา อิมํ อโญฺญ มยฺหํ ปฎิสรณํ นตฺถิ, อิมเมว ยาจิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา คาถมาห –

    Iti mahāsatto ettakaṃ kālaṃ nandapaṇḍitassa pāṭihāriyāni disvā tasmiṃ pasannacitte te rājāno ñāṇabalena tasmiṃ pasādaṃ bhinditvā attano kathaṃ gāhāpetvā sabbeva attano mukhaṃ ullokite akāsi. Atha nandapaṇḍito ‘‘bhātā me paṇḍito byatto dhammakathiko sabbepime rājāno bhinditvā attano pakkhe kari, ṭhapetvā imaṃ añño mayhaṃ paṭisaraṇaṃ natthi, imameva yācissāmī’’ti cintetvā gāthamāha –

    ๑๕๒.

    152.

    ‘‘เอวํ เม ยาจมานสฺส, อญฺชลิํ นาวพุชฺฌถ;

    ‘‘Evaṃ me yācamānassa, añjaliṃ nāvabujjhatha;

    ตว พทฺธจโร เหสฺสํ, วุฎฺฐิโต ปริจารโก’’ติฯ

    Tava baddhacaro hessaṃ, vuṭṭhito paricārako’’ti.

    ตสฺสตฺถา – สเจ ตุเมฺห มม เอวํ ยาจมานสฺส ขมาปนตฺถาย ปคฺคหิตํ อญฺชลิํ นาวพุชฺฌถ น ปฎิคฺคณฺหถ, ตุเมฺหว มาตาปิตโร อุปฎฺฐหถ, อหํ ปน ตุมฺหากํ พทฺธจโร เวยฺยาวจฺจกโร เหสฺสํ, รตฺตินฺทิวํ อนลสภาเวน วุฎฺฐิโต ปริจารโก อหํ ตุเมฺห ปฎิชคฺคิสฺสามีติฯ

    Tassatthā – sace tumhe mama evaṃ yācamānassa khamāpanatthāya paggahitaṃ añjaliṃ nāvabujjhatha na paṭiggaṇhatha, tumheva mātāpitaro upaṭṭhahatha, ahaṃ pana tumhākaṃ baddhacaro veyyāvaccakaro hessaṃ, rattindivaṃ analasabhāvena vuṭṭhito paricārako ahaṃ tumhe paṭijaggissāmīti.

    มหาสตฺตสฺส ปกติยาปิ นนฺทปณฺฑิเต โทโส วา เวรํ วา นตฺถิ, อติถทฺธํ วจนํ กเถนฺตสฺส ปนสฺส มานหาปนตฺถํ นิคฺคหวเสน ตถา กตฺวา อิทานิสฺส วจนํ สุตฺวา ตุฎฺฐจิโตฺต ตสฺมิํ ปสาทํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘อิทานิ เต ขมามิ, มาตาปิตโร จ ปฎิชคฺคิตุํ ลภิสฺสสี’’ติ ตสฺส คุณํ ปกาเสโนฺต อาห –

    Mahāsattassa pakatiyāpi nandapaṇḍite doso vā veraṃ vā natthi, atithaddhaṃ vacanaṃ kathentassa panassa mānahāpanatthaṃ niggahavasena tathā katvā idānissa vacanaṃ sutvā tuṭṭhacitto tasmiṃ pasādaṃ uppādetvā ‘‘idāni te khamāmi, mātāpitaro ca paṭijaggituṃ labhissasī’’ti tassa guṇaṃ pakāsento āha –

    ๑๕๓.

    153.

    ‘‘อทฺธา นนฺท วิชานาสิ, สทฺธมฺมํ สพฺภิ เทสิตํ;

    ‘‘Addhā nanda vijānāsi, saddhammaṃ sabbhi desitaṃ;

    อริโย อริยสมาจาโร, พาฬฺหํ ตฺวํ มม รุจฺจสิฯ

    Ariyo ariyasamācāro, bāḷhaṃ tvaṃ mama ruccasi.

    ๑๕๔.

    154.

    ‘‘ภวนฺตํ วทามิ โภติญฺจ, สุณาถ วจนํ มม;

    ‘‘Bhavantaṃ vadāmi bhotiñca, suṇātha vacanaṃ mama;

    นายํ ภาโร ภารมโต, อหุ มยฺหํ กุทาจนํฯ

    Nāyaṃ bhāro bhāramato, ahu mayhaṃ kudācanaṃ.

    ๑๕๕.

    155.

    ‘‘ตํ มํ อุปฎฺฐิตํ สนฺตํ, มาตาปิตุ สุขาวหํ;

    ‘‘Taṃ maṃ upaṭṭhitaṃ santaṃ, mātāpitu sukhāvahaṃ;

    นโนฺท อชฺฌาวรํ กตฺวา, อุปฎฺฐานาย ยาจติฯ

    Nando ajjhāvaraṃ katvā, upaṭṭhānāya yācati.

    ๑๕๖.

    156.

    ‘‘โย เว อิจฺฉติ กาเมน, สนฺตานํ พฺรหฺมจารินํ;

    ‘‘Yo ve icchati kāmena, santānaṃ brahmacārinaṃ;

    นนฺทํ โว วรถ เอโก, กํ นโนฺท อุปติฎฺฐตู’’ติฯ

    Nandaṃ vo varatha eko, kaṃ nando upatiṭṭhatū’’ti.

    ตตฺถ อริโยติ สุนฺทโรฯ อริยสมาจาโรติ สุนฺทรสมาจาโรปิ ชาโตฯ พาฬฺหนฺติ อิทานิ ตฺวํ มม อติวิย รุจฺจสิฯ สุณาถาติ อมฺม ตาตา ตุเมฺห มม วจนํ สุณาถฯ นายํ ภาโรติ อยํ ตุมฺหากํ ปฎิชคฺคนภาโร น กทาจิ มม ภารมโต อหุฯ ตํ มนฺติ ตํ ภาโรติ อมญฺญิตฺวาว มํ ตุเมฺห อุปฎฺฐิตํ สมานํฯ อุปฎฺฐานาย ยาจตีติ ตุเมฺห อุปฎฺฐาตุํ มํ ยาจติฯ โย เว อิจฺฉตีติ มยฺหญฺหิ ตฺวํ เม มาตรํ วา ปิตรํ วา อุปฎฺฐหาติ วตฺตุํ น ยุตฺตํ, ตุมฺหากํ ปน สนฺตานํ พฺรหฺมจารีนํ โย เอโก อิจฺฉติ, ตํ วทามิ กาเมน นนฺทํ โว วรถ, ตํ มม กนิฎฺฐํ นนฺทํ โรเจถ, ตุเมฺหสุ กํ เอส อุปฎฺฐาตุ, อุโภปิ หิ มยํ ตุมฺหากํ ปุตฺตาเยวาติฯ

    Tattha ariyoti sundaro. Ariyasamācāroti sundarasamācāropi jāto. Bāḷhanti idāni tvaṃ mama ativiya ruccasi. Suṇāthāti amma tātā tumhe mama vacanaṃ suṇātha. Nāyaṃ bhāroti ayaṃ tumhākaṃ paṭijagganabhāro na kadāci mama bhāramato ahu. Taṃ manti taṃ bhāroti amaññitvāva maṃ tumhe upaṭṭhitaṃ samānaṃ. Upaṭṭhānāya yācatīti tumhe upaṭṭhātuṃ maṃ yācati. Yo ve icchatīti mayhañhi tvaṃ me mātaraṃ vā pitaraṃ vā upaṭṭhahāti vattuṃ na yuttaṃ, tumhākaṃ pana santānaṃ brahmacārīnaṃ yo eko icchati, taṃ vadāmi kāmena nandaṃ vo varatha, taṃ mama kaniṭṭhaṃ nandaṃ rocetha, tumhesu kaṃ esa upaṭṭhātu, ubhopi hi mayaṃ tumhākaṃ puttāyevāti.

    อถสฺส มาตา อาสนา วุฎฺฐาย, ‘‘ตาต โสณปณฺฑิต, จิรปฺปวุโตฺถ เต กนิโฎฺฐ, เอวํ จิราคตมฺปิ ตํ ยาจิตุํ น วิสหามิ, มยญฺหิ ตํ นิสฺสิตา, อิทานิ ปน ตยา อนุญฺญาตา อหํ เอตํ พฺรหฺมจารินํ พาหาหิ อุปคูหิตฺวา สีเส อุปสิงฺฆายิตุํ ลเภยฺย’’นฺติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺตี คาถมาห –

    Athassa mātā āsanā vuṭṭhāya, ‘‘tāta soṇapaṇḍita, cirappavuttho te kaniṭṭho, evaṃ cirāgatampi taṃ yācituṃ na visahāmi, mayañhi taṃ nissitā, idāni pana tayā anuññātā ahaṃ etaṃ brahmacārinaṃ bāhāhi upagūhitvā sīse upasiṅghāyituṃ labheyya’’nti imamatthaṃ pakāsentī gāthamāha –

    ๑๕๗.

    157.

    ‘‘ตยา ตาต อนุญฺญาตา, โสณ ตํ นิสฺสิตา มยํ;

    ‘‘Tayā tāta anuññātā, soṇa taṃ nissitā mayaṃ;

    อุปฆาตุํ ลเภ นนฺทํ, มุทฺธนิ พฺรหฺมจาริน’’นฺติฯ

    Upaghātuṃ labhe nandaṃ, muddhani brahmacārina’’nti.

    อถ มหาสโตฺต ‘‘เตน หิ, อมฺม, อนุชานามิ, ตฺวํ คจฺฉ, ปุตฺตํ นนฺทํ อาลิงฺคิตฺวา สีเส ฆายิตฺวา จุมฺพิตฺวา ตว หทเย โสกํ นิพฺพาเปหี’’ติ อาหฯ สา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา นนฺทปณฺฑิตํ ปริสมเชฺฌเยว อาลิงฺคิตฺวา สีสํ ฆายิตฺวา จุมฺพิตฺวา หทเย โสกํ นิพฺพาเปตฺวา มหาสเตฺตน สทฺธิํ สลฺลปนฺตี อาห –

    Atha mahāsatto ‘‘tena hi, amma, anujānāmi, tvaṃ gaccha, puttaṃ nandaṃ āliṅgitvā sīse ghāyitvā cumbitvā tava hadaye sokaṃ nibbāpehī’’ti āha. Sā tassa santikaṃ gantvā nandapaṇḍitaṃ parisamajjheyeva āliṅgitvā sīsaṃ ghāyitvā cumbitvā hadaye sokaṃ nibbāpetvā mahāsattena saddhiṃ sallapantī āha –

    ๑๕๘.

    158.

    ‘‘อสฺสตฺถเสฺสว ตรุณํ, ปวาฬํ มาลุเตริตํ;

    ‘‘Assatthasseva taruṇaṃ, pavāḷaṃ māluteritaṃ;

    จิรสฺสํ นนฺทํ ทิสฺวาน, หทยํ เม ปเวธติฯ

    Cirassaṃ nandaṃ disvāna, hadayaṃ me pavedhati.

    ๑๕๙.

    159.

    ‘‘ยทา สุตฺตาปิ สุปิเน, นนฺทํ ปสฺสามิ อาคตํ;

    ‘‘Yadā suttāpi supine, nandaṃ passāmi āgataṃ;

    อุทคฺคา สุมนา โหมิ, นโนฺท โน อาคโต อยํฯ

    Udaggā sumanā homi, nando no āgato ayaṃ.

    ๑๖๐.

    160.

    ‘‘ยทา จ ปฎิพุชฺฌิตฺวา, นนฺทํ ปสฺสามิ นาคตํ;

    ‘‘Yadā ca paṭibujjhitvā, nandaṃ passāmi nāgataṃ;

    ภิโยฺย อาวิสตี โสโก, โทมนสฺสญฺจนปฺปกํฯ

    Bhiyyo āvisatī soko, domanassañcanappakaṃ.

    ๑๖๑.

    161.

    ‘‘สาหํ อชฺช จิรสฺสมฺปิ, นนฺทํ ปสฺสามิ อาคตํ;

    ‘‘Sāhaṃ ajja cirassampi, nandaṃ passāmi āgataṃ;

    ภตฺตุจฺจ มยฺหญฺจ ปิโย, นโนฺท โน ปาวิสี ฆรํฯ

    Bhattucca mayhañca piyo, nando no pāvisī gharaṃ.

    ๑๖๒.

    162.

    ‘‘ปิตุปิ นโนฺท สุปฺปิโย, ยํ นโนฺท นปฺปวเส ฆรา;

    ‘‘Pitupi nando suppiyo, yaṃ nando nappavase gharā;

    ลภตู ตาต นโนฺท ตํ, มํ นโนฺท อุปติฎฺฐตู’’ติฯ

    Labhatū tāta nando taṃ, maṃ nando upatiṭṭhatū’’ti.

    ตตฺถ มาลุเตริตนฺติ ยถา วาตาหตํ อสฺสตฺถสฺส ปลฺลวํ กมฺปติ, เอวํ จิรสฺสํ นนฺทํ ทิสฺวา อชฺช มม หทยํ กมฺปตีติ วทติฯ สุตฺตาติ, ตาต โสณ, ยทาหํ สุตฺตาปิ สุปิเน นนฺทํ อาคตํ ปสฺสามิ, ตทาปิ อุทคฺคา โหมิฯ ภตฺตุจฺจาติ สามิกสฺส จ เม มยฺหญฺจ ปิโยฯ นโนฺท โน ปาวิสี ฆรนฺติ, ตาต, ปุโตฺต โน นโนฺท ปณฺณสาลํ ปวิสตุฯ นฺติ ยสฺมา ปิตุปิ สุฎฺฐุ ปิโย, ตสฺมา ปุน อิมมฺหา ฆรา น วิปฺปวเสยฺยฯ นโนฺท นฺติ, ตาต, นโนฺท ยํ อิจฺฉติ, ตํ ลภตุฯ มํ นโนฺทติ, ตาต โสณ, ตว ปิตรํ ตฺวํ อุปฎฺฐห, มํ นโนฺท อุปฎฺฐาตุฯ

    Tattha māluteritanti yathā vātāhataṃ assatthassa pallavaṃ kampati, evaṃ cirassaṃ nandaṃ disvā ajja mama hadayaṃ kampatīti vadati. Suttāti, tāta soṇa, yadāhaṃ suttāpi supine nandaṃ āgataṃ passāmi, tadāpi udaggā homi. Bhattuccāti sāmikassa ca me mayhañca piyo. Nando no pāvisī gharanti, tāta, putto no nando paṇṇasālaṃ pavisatu. Yanti yasmā pitupi suṭṭhu piyo, tasmā puna imamhā gharā na vippavaseyya. Nandotanti, tāta, nando yaṃ icchati, taṃ labhatu. Maṃ nandoti, tāta soṇa, tava pitaraṃ tvaṃ upaṭṭhaha, maṃ nando upaṭṭhātu.

    มหาสโตฺต ‘‘เอวํ โหตู’’ติ มาตุ วจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ‘‘นนฺท, ตยา เชฎฺฐกโกฎฺฐาโส ลโทฺธ, มาตา นาม อติคุณการิกา, อปฺปมโตฺต หุตฺวา ปฎิชเคฺคยฺยาสี’’ติ โอวทิตฺวา มาตุ คุณํ ปกาเสโนฺต เทฺว คาถา อภาสิ –

    Mahāsatto ‘‘evaṃ hotū’’ti mātu vacanaṃ sampaṭicchitvā ‘‘nanda, tayā jeṭṭhakakoṭṭhāso laddho, mātā nāma atiguṇakārikā, appamatto hutvā paṭijaggeyyāsī’’ti ovaditvā mātu guṇaṃ pakāsento dve gāthā abhāsi –

    ๑๖๓.

    163.

    ‘‘อนุกมฺปิกา ปติฎฺฐา จ, ปุเพฺพ รสทที จ โน;

    ‘‘Anukampikā patiṭṭhā ca, pubbe rasadadī ca no;

    มโคฺค สคฺคสฺส โลกสฺส, มาตา ตํ วรเต อิเสฯ

    Maggo saggassa lokassa, mātā taṃ varate ise.

    ๑๖๔.

    164.

    ‘‘ปุเพฺพ รสทที โคตฺตี, มาตา ปุญฺญูปสํหิตา;

    ‘‘Pubbe rasadadī gottī, mātā puññūpasaṃhitā;

    มโคฺค สคฺคสฺส โลกสฺส, มาตา ตํ วรเต อิเส’’ติฯ

    Maggo saggassa lokassa, mātā taṃ varate ise’’ti.

    ตตฺถ อนุกมฺปิกาติ มุทุหทยาฯ ปุเพฺพ รสททีติ ปฐมเมว อตฺตโน ขีรสงฺขาตสฺส รสสฺส ทายิกาฯ มาตา ตนฺติ มม มาตา มํ น อิจฺฉติ, ตํ วรติ อิจฺฉติฯ โคตฺตีติ โคปายิกาฯ ปุญฺญูปสํหิตาติ ปุญฺญูปนิสฺสิตา ปุญฺญทายิกาฯ

    Tattha anukampikāti muduhadayā. Pubbe rasadadīti paṭhamameva attano khīrasaṅkhātassa rasassa dāyikā. Mātā tanti mama mātā maṃ na icchati, taṃ varati icchati. Gottīti gopāyikā. Puññūpasaṃhitāti puññūpanissitā puññadāyikā.

    เอวํ มหาสโตฺต ทฺวีหิ คาถาหิ มาตุ คุณํ กเถตฺวา ปุนาคนฺตฺวา ตสฺสา อาสเน นิสินฺนกาเล ‘‘นนฺท, ตฺวํ ทุกฺกรการิกํ มาตรํ ลภสิ, อุโภปิ มยํ มาตรา ทุเกฺขน สํวฑฺฒิตา, ตํ อิทานิ ตฺวํ อปฺปมโตฺต ปฎิชคฺคาหิ, อมธุรานิ ผลาผลานิ มา ขาทาเปหี’’ติ วตฺวา ปริสมเชฺฌเยว มาตุ ทุกฺกรการิกตํ ปกาเสโนฺต อาห –

    Evaṃ mahāsatto dvīhi gāthāhi mātu guṇaṃ kathetvā punāgantvā tassā āsane nisinnakāle ‘‘nanda, tvaṃ dukkarakārikaṃ mātaraṃ labhasi, ubhopi mayaṃ mātarā dukkhena saṃvaḍḍhitā, taṃ idāni tvaṃ appamatto paṭijaggāhi, amadhurāni phalāphalāni mā khādāpehī’’ti vatvā parisamajjheyeva mātu dukkarakārikataṃ pakāsento āha –

    ๑๖๕.

    165.

    ‘‘อากงฺขมานา ปุตฺตผลํ, เทวตาย นมสฺสติ;

    ‘‘Ākaṅkhamānā puttaphalaṃ, devatāya namassati;

    นกฺขตฺตานิ จ ปุจฺฉติ, อุตุสํวจฺฉรานิ จฯ

    Nakkhattāni ca pucchati, utusaṃvaccharāni ca.

    ๑๖๖.

    166.

    ‘‘ตสฺสา อุตุมฺหิ นฺหาตาย, โหติ คพฺภสฺส โวกฺกโม;

    ‘‘Tassā utumhi nhātāya, hoti gabbhassa vokkamo;

    เตน โทหฬินี โหติ, สุหทา เตน วุจฺจติฯ

    Tena dohaḷinī hoti, suhadā tena vuccati.

    ๑๖๗.

    167.

    ‘‘สํวจฺฉรํ วา อูนํ วา, ปริหริตฺวา วิชายติ;

    ‘‘Saṃvaccharaṃ vā ūnaṃ vā, pariharitvā vijāyati;

    เตน สา ชนยนฺตีติ, ชเนตฺติ เตน วุจฺจติฯ

    Tena sā janayantīti, janetti tena vuccati.

    ๑๖๘.

    168.

    ‘‘ถนขีเรน คีเตน, องฺคปาวุรเณน จ;

    ‘‘Thanakhīrena gītena, aṅgapāvuraṇena ca;

    โรทนฺตํ ปุตฺตํ โตเสติ, โตเสนฺตี เตน วุจฺจติฯ

    Rodantaṃ puttaṃ toseti, tosentī tena vuccati.

    ๑๖๙.

    169.

    ‘‘ตโต วาตาตเป โฆเร, มมํ กตฺวา อุทิกฺขติ;

    ‘‘Tato vātātape ghore, mamaṃ katvā udikkhati;

    ทารกํ อปฺปชานนฺตํ, โปเสนฺตี เตน วุจฺจติฯ

    Dārakaṃ appajānantaṃ, posentī tena vuccati.

    ๑๗๐.

    170.

    ‘‘ยญฺจ มาตุธนํ โหติ, ยญฺจ โหติ ปิตุทฺธนํ;

    ‘‘Yañca mātudhanaṃ hoti, yañca hoti pituddhanaṃ;

    อุภยเมฺปตสฺส โคเปติ, อปิ ปุตฺตสฺส โน สิยาฯ

    Ubhayampetassa gopeti, api puttassa no siyā.

    ๑๗๑.

    171.

    ‘‘เอวํ ปุตฺต อทุํ ปุตฺต, อิติ มาตา วิหญฺญติ;

    ‘‘Evaṃ putta aduṃ putta, iti mātā vihaññati;

    ปมตฺตํ ปรทาเรสุ, นิสีเถ ปตฺตโยพฺพเน;

    Pamattaṃ paradāresu, nisīthe pattayobbane;

    สายํ ปุตฺตํ อนายนฺตํ, อิติ มาตา วิหญฺญติฯ

    Sāyaṃ puttaṃ anāyantaṃ, iti mātā vihaññati.

    ๑๗๒.

    172.

    ‘‘เอวํ กิจฺฉา ภโต โปโส, มาตุ อปริจารโก;

    ‘‘Evaṃ kicchā bhato poso, mātu aparicārako;

    มาตริ มิจฺฉา จริตฺวาน, นิรยํ โสปปชฺชติฯ

    Mātari micchā caritvāna, nirayaṃ sopapajjati.

    ๑๗๓.

    173.

    ‘‘เอวํ กิจฺฉา ภโต โปโส, ปิตุ อปริจารโก;

    ‘‘Evaṃ kicchā bhato poso, pitu aparicārako;

    ปิตริ มิจฺฉา จริตฺวาน, นิรยํ โสปปชฺชติฯ

    Pitari micchā caritvāna, nirayaṃ sopapajjati.

    ๑๗๔.

    174.

    ‘‘ธนาปิ ธนกามานํ, นสฺสติ อิติ เม สุตํ;

    ‘‘Dhanāpi dhanakāmānaṃ, nassati iti me sutaṃ;

    มาตรํ อปริจริตฺวาน, กิจฺฉํ วา โส นิคจฺฉติฯ

    Mātaraṃ aparicaritvāna, kicchaṃ vā so nigacchati.

    ๑๗๕.

    175.

    ‘‘ธนาปิ ธนกามานํ, นสฺสติ อิติ เม สุตํ;

    ‘‘Dhanāpi dhanakāmānaṃ, nassati iti me sutaṃ;

    ปิตรํ อปริจริตฺวาน, กิจฺฉํ วา โส นิคจฺฉติฯ

    Pitaraṃ aparicaritvāna, kicchaṃ vā so nigacchati.

    ๑๗๖.

    176.

    ‘‘อานโนฺท จ ปโมโท จ, สทา หสิตกีฬิตํ;

    ‘‘Ānando ca pamodo ca, sadā hasitakīḷitaṃ;

    มาตรํ ปริจริตฺวาน, ลพฺภเมตํ วิชานโตฯ

    Mātaraṃ paricaritvāna, labbhametaṃ vijānato.

    ๑๗๗.

    177.

    ‘‘อานโนฺท จ ปโมโท จ, สทา หสิตกีฬิตํ;

    ‘‘Ānando ca pamodo ca, sadā hasitakīḷitaṃ;

    ปิตรํ ปริจริตฺวาน, ลพฺภเมตํ วิชานโตฯ

    Pitaraṃ paricaritvāna, labbhametaṃ vijānato.

    ๑๗๘.

    178.

    ‘‘ทานญฺจ ปิยวาจา จ, อตฺถจริยา จ ยา อิธ;

    ‘‘Dānañca piyavācā ca, atthacariyā ca yā idha;

    สมานตฺตตา จ ธเมฺมสุ, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ;

    Samānattatā ca dhammesu, tattha tattha yathārahaṃ;

    เอเต โข สงฺคหา โลเก, รถสฺสาณีว ยายโตฯ

    Ete kho saṅgahā loke, rathassāṇīva yāyato.

    ๑๗๙.

    179.

    ‘‘เอเต จ สงฺคหา นาสฺสุ, น มาตา ปุตฺตการณา;

    ‘‘Ete ca saṅgahā nāssu, na mātā puttakāraṇā;

    ลเภถ มานํ ปูชํ วา, ปิตา วา ปุตฺตการณาฯ

    Labhetha mānaṃ pūjaṃ vā, pitā vā puttakāraṇā.

    ๑๘๐.

    180.

    ‘‘ยสฺมา จ สงฺคหา เอเต, สมฺมเปกฺขนฺติ ปณฺฑิตา;

    ‘‘Yasmā ca saṅgahā ete, sammapekkhanti paṇḍitā;

    ตสฺมา มหตฺตํ ปโปฺปนฺติ, ปาสํสา จ ภวนฺติ เตฯ

    Tasmā mahattaṃ papponti, pāsaṃsā ca bhavanti te.

    ๑๘๑.

    181.

    ‘‘พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร, ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร;

    ‘‘Brahmāti mātāpitaro, pubbācariyāti vuccare;

    อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ, ปชาย อนุกมฺปกาฯ

    Āhuneyyā ca puttānaṃ, pajāya anukampakā.

    ๑๘๒.

    182.

    ‘‘ตสฺมา หิ เน นมเสฺสยฺย, สกฺกเรยฺย จ ปณฺฑิโต;

    ‘‘Tasmā hi ne namasseyya, sakkareyya ca paṇḍito;

    อเนฺนน อโถ ปาเนน, วเตฺถน สยเนน จ;

    Annena atho pānena, vatthena sayanena ca;

    อุจฺฉาทเนน นฺหาปเนน, ปาทานํ โธวเนน จฯ

    Ucchādanena nhāpanena, pādānaṃ dhovanena ca.

    ๑๘๓.

    183.

    ‘‘ตาย นํ ปาริจริยาย, มาตาปิตูสุ ปณฺฑิตา;

    ‘‘Tāya naṃ pāricariyāya, mātāpitūsu paṇḍitā;

    อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สเคฺค ปโมทตี’’ติฯ

    Idheva naṃ pasaṃsanti, pecca sagge pamodatī’’ti.

    ตตฺถ ปุตฺตผลนฺติ ปุตฺตสงฺขาตํ ผลํฯ เทวตาย นมสฺสตีติ ‘‘ปุโตฺต เม อุปฺปชฺชตู’’ติ เทวตาย นมกฺการํ กโรติ อายาจติฯ ปุจฺฉตีติ ‘‘กตเรน นกฺขเตฺตน ชาโต ปุโตฺต ทีฆายุโก โหติ, กตเรน อปฺปายุโก’’ติ เอวํ นกฺขตฺตานิ จ ปุจฺฉติฯ อุตุสํวจฺฉรานิ จาติ ‘‘ฉนฺนํ อุตูนํ กตรสฺมิํ อุตุมฺหิ ชาโต ทีฆายุโก โหติ, กตรสฺมิํ อุตุมฺหิ อปฺปายุโก, กติวสฺสาย วา มาตุยา ชาโต ปุโตฺต ทีฆายุโก โหติ, กติวสฺสาย อปฺปายุโก’’ติ เอวํ อุตุสํวจฺฉรานิ จ ปุจฺฉติฯ อุตุมฺหิ นฺหาตายาติ ปุเปฺผ อุปฺปเนฺน อุตุมฺหิ นฺหาตายฯ โวกฺกโมติ ติณฺณํ สนฺนิปาตา คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ, กุจฺฉิยํ คโพฺภ ปติฎฺฐาติฯ เตนาติ เตน คเพฺภน สา โทหฬินี โหติฯ เตนาติ ตทา ตสฺสา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตปชาย สิเนโห อุปฺปชฺชติ, เตน การเณน ‘‘สุหทา’’ติ วุจฺจติฯ เตนาติ เตน การเณน สา ‘‘ชนยนฺตี’’ติ จ ‘‘ชเนตฺตี’’ติ จ วุจฺจติฯ

    Tattha puttaphalanti puttasaṅkhātaṃ phalaṃ. Devatāya namassatīti ‘‘putto me uppajjatū’’ti devatāya namakkāraṃ karoti āyācati. Pucchatīti ‘‘katarena nakkhattena jāto putto dīghāyuko hoti, katarena appāyuko’’ti evaṃ nakkhattāni ca pucchati. Utusaṃvaccharāni cāti ‘‘channaṃ utūnaṃ katarasmiṃ utumhi jāto dīghāyuko hoti, katarasmiṃ utumhi appāyuko, kativassāya vā mātuyā jāto putto dīghāyuko hoti, kativassāya appāyuko’’ti evaṃ utusaṃvaccharāni ca pucchati. Utumhi nhātāyāti pupphe uppanne utumhi nhātāya. Vokkamoti tiṇṇaṃ sannipātā gabbhāvakkanti hoti, kucchiyaṃ gabbho patiṭṭhāti. Tenāti tena gabbhena sā dohaḷinī hoti. Tenāti tadā tassā kucchimhi nibbattapajāya sineho uppajjati, tena kāraṇena ‘‘suhadā’’ti vuccati. Tenāti tena kāraṇena sā ‘‘janayantī’’ti ca ‘‘janettī’’ti ca vuccati.

    องฺคปาวุรเณน จาติ ถนนฺตเร นิปชฺชาเปตฺวา สรีรสมฺผสฺสํ ผราเปนฺตี องฺคสงฺขาเตเนว ปาวุรเณนฯ โตเสนฺตีติ สญฺญาเปนฺตี หาเสนฺตีฯ มมํ กตฺวา อุทิกฺขตีติ ‘‘ปุตฺตสฺส เม อุปริ วาโต ปหรติ, อาตโป ผรตี’’ติ เอวํ มมํการํ กตฺวา สินิเทฺธน หทเยน อุทิกฺขติฯ อุภยเมฺปตสฺสาติ อุภยมฺปิ เอตํ ธนํ เอตสฺส ปุตฺตสฺส อตฺถาย อเญฺญสํ อทเสฺสตฺวา สารคพฺภาทีสุ มาตา โคเปติฯ เอวํ ปุตฺต, อทุํ ปุตฺตาติ ‘‘อนฺธพาล ปุตฺต, เอวํ ราชกุลาทีสุ อปฺปมโตฺต โหหิ, อทุญฺจ กมฺมํ มา กโรหี’’ติ สิกฺขาเปนฺตี อิติ มาตา วิหญฺญติ กิลมติฯ ปตฺตโยพฺพเนติ ปุเตฺต ปตฺตโยพฺพเน ตํ ปุตฺตํ นิสีเถ ปรทาเรสุ ปมตฺตํ สายํ อนาคจฺฉนฺตํ ญตฺวา อสฺสุปุเณฺณหิ เนเตฺตหิ มคฺคํ โอโลเกนฺตี วิหญฺญติ กิลมติฯ

    Aṅgapāvuraṇena cāti thanantare nipajjāpetvā sarīrasamphassaṃ pharāpentī aṅgasaṅkhāteneva pāvuraṇena. Tosentīti saññāpentī hāsentī. Mamaṃ katvā udikkhatīti ‘‘puttassa me upari vāto paharati, ātapo pharatī’’ti evaṃ mamaṃkāraṃ katvā siniddhena hadayena udikkhati. Ubhayampetassāti ubhayampi etaṃ dhanaṃ etassa puttassa atthāya aññesaṃ adassetvā sāragabbhādīsu mātā gopeti. Evaṃ putta, aduṃ puttāti ‘‘andhabāla putta, evaṃ rājakulādīsu appamatto hohi, aduñca kammaṃ mā karohī’’ti sikkhāpentī iti mātā vihaññati kilamati. Pattayobbaneti putte pattayobbane taṃ puttaṃ nisīthe paradāresu pamattaṃ sāyaṃ anāgacchantaṃ ñatvā assupuṇṇehi nettehi maggaṃ olokentī vihaññati kilamati.

    กิจฺฉา ภโตติ กิเจฺฉน ภโต ปฎิชคฺคิโตฯ มิจฺฉา จริตฺวานาติ มาตรํ อปฎิชคฺคิตฺวาฯ ธนาปีติ ธนมฺปิ, อยเมว วา ปาโฐฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ธนกามานํ อุปฺปนฺนํ ธนมฺปิ มาตรํ อปฎิชคฺคนฺตานํ นสฺสตีติ เม สุตนฺติฯ กิจฺฉํ วา โสติ อิติ ธนํ วา ตสฺส นสฺสติ, ทุกฺขํ วาโส ปุริโส นิคจฺฉติฯ ลพฺภเมตนฺติ เอตํ อิธโลเก จ ปรโลเก จ อานนฺทาทิสุขํ มาตรํ ปริจริตฺวา วิชานโต ปณฺฑิตสฺส ลพฺภํ, สกฺกา ลทฺธุํ ตาทิเสนาติ อโตฺถฯ

    Kicchā bhatoti kicchena bhato paṭijaggito. Micchā caritvānāti mātaraṃ apaṭijaggitvā. Dhanāpīti dhanampi, ayameva vā pāṭho. Idaṃ vuttaṃ hoti – dhanakāmānaṃ uppannaṃ dhanampi mātaraṃ apaṭijaggantānaṃ nassatīti me sutanti. Kicchaṃ vā soti iti dhanaṃ vā tassa nassati, dukkhaṃ vāso puriso nigacchati. Labbhametanti etaṃ idhaloke ca paraloke ca ānandādisukhaṃ mātaraṃ paricaritvā vijānato paṇḍitassa labbhaṃ, sakkā laddhuṃ tādisenāti attho.

    ทานญฺจาติ มาตาปิตูนํ ทานํ ทาตพฺพํ, ปิยวจนํ ภณิตพฺพํ, อุปฺปนฺนกิจฺจสาธนวเสน อโตฺถ จริตโพฺพฯ ธเมฺมสูติ เชฎฺฐาปจายนธเมฺมสุ ตตฺถ ตตฺถ ปริสมเชฺฌ วา รโหคตานํ วา อภิวาทนาทิวเสน สมานตฺตตา กาตพฺพา, น รโห อภิวาทนาทีนิ กตฺวา ปริสติ น กาตพฺพานิ, สพฺพตฺถ สมาเนเนว ภวิตพฺพํฯ เอเต จ สงฺคหา นาสฺสูติ สเจ เอเต จตฺตาโร สงฺคหา น ภเวยฺยุํฯ สมฺมเปกฺขนฺตีติ สมฺมา นเยน การเณน เปกฺขนฺติฯ มหตฺตนฺติ เสฎฺฐตฺตํฯ พฺรหฺมาติ ปุตฺตานํ พฺรหฺมสมา อุตฺตมา เสฎฺฐาฯ ปุพฺพาจริยาติ ปฐมาจริยาฯ อาหุเนยฺยาติ อาหุนปฎิคฺคาหกา ยสฺส กสฺสจิ สกฺการสฺส อนุจฺฉวิกาฯ อเนฺนน อโถติ อเนฺนน เจว อโตฺถ ปาเนน จฯ เปจฺจาติ กาลกิริยาย ปริโยสาเน อิโต คนฺตฺวา สเคฺค ปโมทตีติฯ

    Dānañcāti mātāpitūnaṃ dānaṃ dātabbaṃ, piyavacanaṃ bhaṇitabbaṃ, uppannakiccasādhanavasena attho caritabbo. Dhammesūti jeṭṭhāpacāyanadhammesu tattha tattha parisamajjhe vā rahogatānaṃ vā abhivādanādivasena samānattatā kātabbā, na raho abhivādanādīni katvā parisati na kātabbāni, sabbattha samāneneva bhavitabbaṃ. Ete ca saṅgahā nāssūti sace ete cattāro saṅgahā na bhaveyyuṃ. Sammapekkhantīti sammā nayena kāraṇena pekkhanti. Mahattanti seṭṭhattaṃ. Brahmāti puttānaṃ brahmasamā uttamā seṭṭhā. Pubbācariyāti paṭhamācariyā. Āhuneyyāti āhunapaṭiggāhakā yassa kassaci sakkārassa anucchavikā. Annena athoti annena ceva attho pānena ca. Peccāti kālakiriyāya pariyosāne ito gantvā sagge pamodatīti.

    เอวํ มหสโตฺต สิเนรุํ ปวเฎฺฎโนฺต วิย ธมฺมเทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ ตํ สุตฺวา สเพฺพปิ เต ราชาโน พลกายา จ ปสีทิํสุฯ อถ เน ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐาเปตฺวา ‘‘ทานาทีสุ อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ โอวทิตฺวา อุโยฺยเชสิฯ สเพฺพปิ ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตฺวา อายุปริโยสาเน เทวนครํ ปูรยิํสุฯ โสณปณฺฑิตนนฺทปณฺฑิตาปิ ยาวตายุกํ มาตาปิตโร ปริจริตฺวา พฺรหฺมโลกปรายณา อเหสุํฯ

    Evaṃ mahasatto sineruṃ pavaṭṭento viya dhammadesanaṃ niṭṭhāpesi. Taṃ sutvā sabbepi te rājāno balakāyā ca pasīdiṃsu. Atha ne pañcasu sīlesu patiṭṭhāpetvā ‘‘dānādīsu appamattā hothā’’ti ovaditvā uyyojesi. Sabbepi dhammena rajjaṃ kāretvā āyupariyosāne devanagaraṃ pūrayiṃsu. Soṇapaṇḍitanandapaṇḍitāpi yāvatāyukaṃ mātāpitaro paricaritvā brahmalokaparāyaṇā ahesuṃ.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน มาตุโปสกภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ตทา มาตาปิตโร มาหาราชกุลานิ อเหสุํ, นนฺทปณฺฑิโต อานโนฺท , มโนชราชา สาริปุโตฺต, เอกสตราชาโน อสีติมหาเถรา เจว อญฺญตรเถรา จ, จตุวีสติ อโกฺขภณิโย พุทฺธปริสา, โสณปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสินฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne mātuposakabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi. Tadā mātāpitaro māhārājakulāni ahesuṃ, nandapaṇḍito ānando , manojarājā sāriputto, ekasatarājāno asītimahātherā ceva aññataratherā ca, catuvīsati akkhobhaṇiyo buddhaparisā, soṇapaṇḍito pana ahameva ahosinti.

    โสณนนฺทชาตกวณฺณนา ทุติยาฯ

    Soṇanandajātakavaṇṇanā dutiyā.

    ชาตกุทฺทานํ –

    Jātakuddānaṃ –

    อถ สตฺตติมมฺหิ นิปาตวเร, สภาวนฺตุ กุสาวติราชวโร;

    Atha sattatimamhi nipātavare, sabhāvantu kusāvatirājavaro;

    อถ โสณสุนนฺทวโร จ ปุน, อภิวาสิตสตฺตติมมฺหิ สุเตติฯ

    Atha soṇasunandavaro ca puna, abhivāsitasattatimamhi suteti.

    สตฺตตินิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sattatinipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๓๒. โสณนนฺทชาตกํ • 532. Soṇanandajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact