Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จริยาปิฎก-อฎฺฐกถา • Cariyāpiṭaka-aṭṭhakathā

    ๕. โสณปณฺฑิตจริยาวณฺณนา

    5. Soṇapaṇḍitacariyāvaṇṇanā

    ๔๒. ปญฺจเม นคเร พฺรหฺมวฑฺฒเนติ พฺรหฺมวฑฺฒนนามเก นคเรฯ กุลวเรติ อคฺคกุเลฯ เสเฎฺฐติ ปาสํสตเมฯ มหาสาเลติ มหาสาเรฯ อชายหนฺติ อชายิํ อหํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตสฺมิํ กาเล ‘‘พฺรหฺมวฑฺฒน’’นฺติ ลทฺธนาเม พาราณสินคเร ยทา โหมิ ภวามิ ปฎิวสามิ, ตทา อภิชาตสมฺปตฺติยา อุทิโตทิตภาเวน อเคฺค วิชฺชาวตสมฺปตฺติยา เสเฎฺฐ อสีติโกฎิวิภวตาย มหาสาเล พฺราหฺมณกุเล อหํ อุปฺปชฺชินฺติฯ

    42. Pañcame nagare brahmavaḍḍhaneti brahmavaḍḍhananāmake nagare. Kulavareti aggakule. Seṭṭheti pāsaṃsatame. Mahāsāleti mahāsāre. Ajāyahanti ajāyiṃ ahaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – tasmiṃ kāle ‘‘brahmavaḍḍhana’’nti laddhanāme bārāṇasinagare yadā homi bhavāmi paṭivasāmi, tadā abhijātasampattiyā uditoditabhāvena agge vijjāvatasampattiyā seṭṭhe asītikoṭivibhavatāya mahāsāle brāhmaṇakule ahaṃ uppajjinti.

    ตทา หิ มหาสโตฺต พฺรหฺมโลกโต จวิตฺวา พฺรหฺมวฑฺฒนนคเร อสีติโกฎิวิภวสฺส อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘โสณกุมาโร’’ติ นามํ กริํสุฯ ตสฺส ปทสา คมนกาเล อโญฺญปิ สโตฺต พฺรหฺมโลกา จวิตฺวา โพธิสตฺตสฺส มาตุยา กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ตสฺส ชาตสฺส ‘‘นนฺทกุมาโร’’ติ นามํ กริํสุฯ เตสํ อุคฺคหิตเวทานํ สพฺพสิปฺปนิปฺผตฺติปฺปตฺตานํ วยปฺปตฺตานํ รูปสมฺปทํ ทิสฺวา ตุฎฺฐหฎฺฐา มาตาปิตโร ‘‘ฆรพนฺธเนน พนฺธิสฺสามา’’ติ ปฐมํ โสณกุมารํ อาหํสุ – ‘‘ตาต, เต ปติรูปกุลโต ทาริกํ อาเนสฺสาม, ตฺวํ กุฎุมฺพํ ปฎิปชฺชาหี’’ติฯ

    Tadā hi mahāsatto brahmalokato cavitvā brahmavaḍḍhananagare asītikoṭivibhavassa aññatarassa brāhmaṇamahāsālassa putto hutvā nibbatti. Tassa nāmaggahaṇadivase ‘‘soṇakumāro’’ti nāmaṃ kariṃsu. Tassa padasā gamanakāle aññopi satto brahmalokā cavitvā bodhisattassa mātuyā kucchimhi paṭisandhiṃ gaṇhi. Tassa jātassa ‘‘nandakumāro’’ti nāmaṃ kariṃsu. Tesaṃ uggahitavedānaṃ sabbasippanipphattippattānaṃ vayappattānaṃ rūpasampadaṃ disvā tuṭṭhahaṭṭhā mātāpitaro ‘‘gharabandhanena bandhissāmā’’ti paṭhamaṃ soṇakumāraṃ āhaṃsu – ‘‘tāta, te patirūpakulato dārikaṃ ānessāma, tvaṃ kuṭumbaṃ paṭipajjāhī’’ti.

    มหาสโตฺต ‘‘อลํ มยฺหํ ฆราวาเสน, อหํ ยาวชีวํ ตุเมฺห ปฎิชคฺคิตฺวา ตุมฺหากํ อจฺจเยน ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาหฯ มหาสตฺตสฺส หิ ตทา ตโยปิ ภวา อาทิตฺตํ อคารํ วิย องฺคารกาสุ วิย จ อุปฎฺฐหิํสุฯ วิเสสโต ปเนส เนกฺขมฺมชฺฌาสโย เนกฺขมฺมาธิมุโตฺต อโหสิฯ ตสฺส อธิปฺปายํ อชานนฺตา เต ปุนปฺปุนํ กเถนฺตาปิ ตสฺส จิตฺตํ อลภิตฺวา นนฺทกุมารํ อามเนฺตตฺวา ‘‘ตาต, เตน หิ ตฺวํ กุฎุมฺพํ ปฎิปชฺชาหี’’ติ วตฺวา เตนาปิ ‘‘นาหํ มม ภาตรา ฉฑฺฑิตเขฬํ สีเสน อุกฺขิปามิ, อหมฺปิ ตุมฺหากํ อจฺจเยน ภาตรา สทฺธิํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วุเตฺต ‘‘อิเม เอวํ ตรุณา กาเม ชหนฺติ, กิมงฺคํ ปน มยนฺติ สเพฺพว ปพฺพชิสฺสามา’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘ตาต, กิํ โว อมฺหากํ อจฺจเยน ปพฺพชฺชาย, สเพฺพ สเหว ปพฺพชามา’’ติ วตฺวา ญาตีนํ ทาตพฺพยุตฺตกํ ทตฺวา ทาสชนํ ภุชิสฺสํ กตฺวา รโญฺญ อาโรเจตฺวา สพฺพํ ธนํ วิสฺสเชฺชตฺวา มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา จตฺตาโรปิ ชนา พฺรหฺมวฑฺฒนนครา นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส ปทุมปุณฺฑรีกมณฺฑิตํ มหาสรํ นิสฺสาย รมณีเย วนสเณฺฑ อสฺสมํ มาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ วสิํสุฯ เตน วุตฺตํ –

    Mahāsatto ‘‘alaṃ mayhaṃ gharāvāsena, ahaṃ yāvajīvaṃ tumhe paṭijaggitvā tumhākaṃ accayena pabbajissāmī’’ti āha. Mahāsattassa hi tadā tayopi bhavā ādittaṃ agāraṃ viya aṅgārakāsu viya ca upaṭṭhahiṃsu. Visesato panesa nekkhammajjhāsayo nekkhammādhimutto ahosi. Tassa adhippāyaṃ ajānantā te punappunaṃ kathentāpi tassa cittaṃ alabhitvā nandakumāraṃ āmantetvā ‘‘tāta, tena hi tvaṃ kuṭumbaṃ paṭipajjāhī’’ti vatvā tenāpi ‘‘nāhaṃ mama bhātarā chaḍḍitakheḷaṃ sīsena ukkhipāmi, ahampi tumhākaṃ accayena bhātarā saddhiṃ pabbajissāmī’’ti vutte ‘‘ime evaṃ taruṇā kāme jahanti, kimaṅgaṃ pana mayanti sabbeva pabbajissāmā’’ti cintetvā ‘‘tāta, kiṃ vo amhākaṃ accayena pabbajjāya, sabbe saheva pabbajāmā’’ti vatvā ñātīnaṃ dātabbayuttakaṃ datvā dāsajanaṃ bhujissaṃ katvā rañño ārocetvā sabbaṃ dhanaṃ vissajjetvā mahādānaṃ pavattetvā cattāropi janā brahmavaḍḍhananagarā nikkhamitvā himavantappadese padumapuṇḍarīkamaṇḍitaṃ mahāsaraṃ nissāya ramaṇīye vanasaṇḍe assamaṃ māpetvā pabbajitvā tattha vasiṃsu. Tena vuttaṃ –

    ๔๓.

    43.

    ‘‘ตทาปิ โลกํ ทิสฺวาน, อนฺธีภูตํ ตโมตฺถฎํ;

    ‘‘Tadāpi lokaṃ disvāna, andhībhūtaṃ tamotthaṭaṃ;

    จิตฺตํ ภวโต ปติกุฎติ, ตุตฺตเวคหตํ วิยฯ

    Cittaṃ bhavato patikuṭati, tuttavegahataṃ viya.

    ๔๔.

    44.

    ‘‘ทิสฺวาน วิวิธํ ปาปํ, เอวํ จิเนฺตสหํ ตทา;

    ‘‘Disvāna vividhaṃ pāpaṃ, evaṃ cintesahaṃ tadā;

    กทาหํ เคหา นิกฺขมฺม, ปวิสิสฺสามิ กานนํฯ

    Kadāhaṃ gehā nikkhamma, pavisissāmi kānanaṃ.

    ๔๕.

    45.

    ‘‘ตทาปิ มํ นิมนฺติํสุ, กามโภเคหิ ญาตโย;

    ‘‘Tadāpi maṃ nimantiṃsu, kāmabhogehi ñātayo;

    เตสมฺปิ ฉนฺทมาจิกฺขิํ, มา นิมเนฺตถ เตหิ มํฯ

    Tesampi chandamācikkhiṃ, mā nimantetha tehi maṃ.

    ๔๖.

    46.

    ‘‘โย เม กนิฎฺฐโก ภาตา, นโนฺท นามาสิ ปณฺฑิโต;

    ‘‘Yo me kaniṭṭhako bhātā, nando nāmāsi paṇḍito;

    โสปิ มํ อนุสิกฺขโนฺต, ปพฺพชฺชํ สมโรจยิฯ

    Sopi maṃ anusikkhanto, pabbajjaṃ samarocayi.

    ๔๗.

    47.

    ‘‘อหํ โสโณ จ นโนฺท จ, อุโภ มาตาปิตา มม;

    ‘‘Ahaṃ soṇo ca nando ca, ubho mātāpitā mama;

    ตทาปิ โภเค ฉเฑฺฑตฺวา, ปาวิสิมฺหา มหาวน’’นฺติฯ

    Tadāpi bhoge chaḍḍetvā, pāvisimhā mahāvana’’nti.

    ตตฺถ ตทาปีติ ยทา อหํ พฺรหฺมวฑฺฒนนคเร โสโณ นาม พฺราหฺมณกุมาโร อโหสิํ, ตทาปิฯ โลกํ ทิสฺวานาติ สกลมฺปิ สตฺตโลกํ ปญฺญาจกฺขุนา ปสฺสิตฺวาฯ อนฺธีภูตนฺติ ปญฺญาจกฺขุวิรเหน อนฺธชาตํ อนฺธภาวํ ปตฺตํฯ ตโมตฺถฎนฺติ อวิชฺชนฺธกาเรน อภิภูตํฯ จิตฺตํ ภวโต ปติกุฎตีติ ชาติอาทิสํเวควตฺถุปจฺจเวกฺขเณน กามาทิภวโต มม จิตฺตํ สงฺกุฎติ สนฺนิลียติ น วิสรติฯ ตุตฺตเวคหตํ วิยาติ ตุตฺตํ วุจฺจติ อโยกณฺฎกสีโส ทีฆทโณฺฑ, โย ปโตโทติ วุจฺจติฯ เตน เวคสา อภิหโต ยถา หตฺถาชานีโย สํเวคปฺปโตฺต โหติ, เอวํ มม จิตฺตํ ตทา กามาทีนวปจฺจเวกฺขเณน สํเวคปฺปตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ

    Tattha tadāpīti yadā ahaṃ brahmavaḍḍhananagare soṇo nāma brāhmaṇakumāro ahosiṃ, tadāpi. Lokaṃ disvānāti sakalampi sattalokaṃ paññācakkhunā passitvā. Andhībhūtanti paññācakkhuvirahena andhajātaṃ andhabhāvaṃ pattaṃ. Tamotthaṭanti avijjandhakārena abhibhūtaṃ. Cittaṃ bhavato patikuṭatīti jātiādisaṃvegavatthupaccavekkhaṇena kāmādibhavato mama cittaṃ saṅkuṭati sannilīyati na visarati. Tuttavegahataṃ viyāti tuttaṃ vuccati ayokaṇṭakasīso dīghadaṇḍo, yo patodoti vuccati. Tena vegasā abhihato yathā hatthājānīyo saṃvegappatto hoti, evaṃ mama cittaṃ tadā kāmādīnavapaccavekkhaṇena saṃvegappattanti dasseti.

    ทิสฺวาน วิวิธํ ปาปนฺติ เคหํ อาวสเนฺตหิ ฆราวาสนิมิตฺตํ ฉนฺทโทสาทิวเสน กรียมานํ นานาวิธํ ปาณาติปาตาทิปาปกมฺมเญฺจว ตนฺนิมิตฺตญฺจ เนสํ ลามกภาวํ ปสฺสิตฺวาฯ เอวํ จิเนฺตสหํ ตทาติ ‘‘กทา นุ โข อหํ มหาหตฺถี วิย อยพนฺธนํ ฆรพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา เคหโต นิกฺขมนวเสน วนํ ปวิสิสฺสามี’’ติ เอวํ ตทา โสณกุมารกาเล จิเนฺตสิํ อหํฯ ตทาปิ มํ นิมนฺติํสูติ น เกวลํ อโยฆรปณฺฑิตาทิกาเลเยว, อถ โข ตทาปิ ตสฺมิํ โสณกุมารกาเลปิ มํ มาตาปิตุอาทโย ญาตโย กามโภคิโน กามชฺฌาสยา ‘‘เอหิ, ตาต, อิมํ อสีติโกฎิธนํ วิภวํ ปฎิปชฺช, กุลวํสํ ปติฎฺฐาเปหี’’ติ อุฬาเรหิ โภเคหิ นิมนฺตยิํสุฯ เตสมฺปิ ฉนฺทมาจิกฺขินฺติ เตสมฺปิ มม ญาตีนํ เตหิ กามโภเคหิ มา มํ นิมนฺตยิตฺถาติ อตฺตโน ฉนฺทมฺปิ อาจิกฺขิํ, ปพฺพชฺชาย นินฺนชฺฌาสยมฺปิ กเถสิํ, ยถาชฺฌาสยํ ปฎิปชฺชถาติ อธิปฺปาโยฯ

    Disvāna vividhaṃ pāpanti gehaṃ āvasantehi gharāvāsanimittaṃ chandadosādivasena karīyamānaṃ nānāvidhaṃ pāṇātipātādipāpakammañceva tannimittañca nesaṃ lāmakabhāvaṃ passitvā. Evaṃ cintesahaṃ tadāti ‘‘kadā nu kho ahaṃ mahāhatthī viya ayabandhanaṃ gharabandhanaṃ chinditvā gehato nikkhamanavasena vanaṃ pavisissāmī’’ti evaṃ tadā soṇakumārakāle cintesiṃ ahaṃ. Tadāpi maṃ nimantiṃsūti na kevalaṃ ayogharapaṇḍitādikāleyeva, atha kho tadāpi tasmiṃ soṇakumārakālepi maṃ mātāpituādayo ñātayo kāmabhogino kāmajjhāsayā ‘‘ehi, tāta, imaṃ asītikoṭidhanaṃ vibhavaṃ paṭipajja, kulavaṃsaṃ patiṭṭhāpehī’’ti uḷārehi bhogehi nimantayiṃsu. Tesampi chandamācikkhinti tesampi mama ñātīnaṃ tehi kāmabhogehi mā maṃ nimantayitthāti attano chandampi ācikkhiṃ, pabbajjāya ninnajjhāsayampi kathesiṃ, yathājjhāsayaṃ paṭipajjathāti adhippāyo.

    โสปิ มํ อนุ สิกฺขโนฺตติ ‘‘อิเม กามา นาม อปฺปสฺสาทา พหุทุกฺขา พหูปายาสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ๒.๔๓-๔๕; ปาจิ.๔๑๗) นเยน นานปฺปการํ กาเมสุ อาทีนวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ยถาหํ สีลาทีนิ สิกฺขโนฺต ปพฺพชฺชํ โรเจสิํฯ โสปิ นนฺทปณฺฑิโต ตเถว ตสฺส เนกฺขเมฺมน มํ อนุสิกฺขโนฺต ปพฺพชฺชํ สมโรจยีติฯ อหํ โสโณ จ นโนฺท จาติ ตสฺมิํ กาเล โสณนามโก อหํ มยฺหํ กนิฎฺฐภาตา นโนฺท จาติฯ อุโภ มาตาปิตา มมาติ ‘‘อิเม นาม ปุตฺตกา เอวํ ตรุณกาเลปิ กาเม ชหนฺติ, กิมงฺคํ ปน มย’’นฺติ อุปฺปนฺนสํเวคา มาตาปิตโร จฯ โภเค ฉเฑฺฑตฺวาติ อสีติโกฎิวิภวสมิเทฺธ มหา โภเค อนเปกฺขจิตฺตา เขฬปิณฺฑํ วิย ปริจฺจชิตฺวา มยํ จตฺตาโรปิ ชนา หิมวนฺตปฺปเทเส มหาวนํ เนกฺขมฺมชฺฌาสเยน ปวิสิมฺหาติ อโตฺถฯ

    Sopi maṃ anu sikkhantoti ‘‘ime kāmā nāma appassādā bahudukkhā bahūpāyāsā’’tiādinā (ma. ni. 1.234; 2.43-45; pāci.417) nayena nānappakāraṃ kāmesu ādīnavaṃ paccavekkhitvā yathāhaṃ sīlādīni sikkhanto pabbajjaṃ rocesiṃ. Sopi nandapaṇḍito tatheva tassa nekkhammena maṃ anusikkhanto pabbajjaṃ samarocayīti. Ahaṃ soṇo ca nando cāti tasmiṃ kāle soṇanāmako ahaṃ mayhaṃ kaniṭṭhabhātā nando cāti. Ubho mātāpitāmamāti ‘‘ime nāma puttakā evaṃ taruṇakālepi kāme jahanti, kimaṅgaṃ pana maya’’nti uppannasaṃvegā mātāpitaro ca. Bhoge chaḍḍetvāti asītikoṭivibhavasamiddhe mahā bhoge anapekkhacittā kheḷapiṇḍaṃ viya pariccajitvā mayaṃ cattāropi janā himavantappadese mahāvanaṃ nekkhammajjhāsayena pavisimhāti attho.

    ปวิสิตฺวา จ เต ตตฺถ รมณีเย ภูมิภาเค อสฺสมํ มาเปตฺวา ตาปสปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ วสิํสุฯ เต อุโภปิ ภาตโร มาตาปิตโร ปฎิชคฺคิํสุฯ เตสุ นนฺทปณฺฑิโต ‘‘มยา อาภตผลาผลาเนว มาตาปิตโร ขาทาเปสฺสามี’’ติ หิโยฺย จ ปุริมโคจรคหิตฎฺฐานโต จ ยานิ ตานิ อวเสสานิ ผลาผลานิ ปาโตว อาเนตฺวา มาตาปิตโร ขาทาเปติฯ เต ตานิ ขาทิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา อุโปสถิกา โหนฺติฯ โสณปณฺฑิโต ปน ทูรํ คนฺตฺวา มธุรมธุรานิ สุปกฺกานิ อาหริตฺวา อุปนาเมติฯ อถ นํ เต ‘‘ตาต, กนิเฎฺฐน อาภตานิ มยํ ขาทิตฺวา อุโปสถิกา ชาตา, อิทานิ โน อโตฺถ นตฺถี’’ติ วทนฺติฯ อิติ ตสฺส ผลาผลานิ ปริโภคํ น ลภนฺติ วินสฺสนฺติ, ปุนทิวสาทีสุปิ ตเถวาติ, เอวํ โส ปญฺจาภิญฺญตาย ทูรมฺปิ คนฺตฺวา อาหรติ, เต ปน น ขาทนฺติฯ

    Pavisitvā ca te tattha ramaṇīye bhūmibhāge assamaṃ māpetvā tāpasapabbajjāya pabbajitvā tattha vasiṃsu. Te ubhopi bhātaro mātāpitaro paṭijaggiṃsu. Tesu nandapaṇḍito ‘‘mayā ābhataphalāphalāneva mātāpitaro khādāpessāmī’’ti hiyyo ca purimagocaragahitaṭṭhānato ca yāni tāni avasesāni phalāphalāni pātova ānetvā mātāpitaro khādāpeti. Te tāni khāditvā mukhaṃ vikkhāletvā uposathikā honti. Soṇapaṇḍito pana dūraṃ gantvā madhuramadhurāni supakkāni āharitvā upanāmeti. Atha naṃ te ‘‘tāta, kaniṭṭhena ābhatāni mayaṃ khāditvā uposathikā jātā, idāni no attho natthī’’ti vadanti. Iti tassa phalāphalāni paribhogaṃ na labhanti vinassanti, punadivasādīsupi tathevāti, evaṃ so pañcābhiññatāya dūrampi gantvā āharati, te pana na khādanti.

    อถ มหาสโตฺต จิเนฺตสิ – ‘‘มาตาปิตโร สุขุมาลา, นโนฺท จ ยานิ ตานิ อปกฺกานิ ทุปฺปกฺกานิ ผลาผลานิ อาหริตฺวา ขาทาเปติ, เอวํ สเนฺต อิเม น จิรํ ปวตฺติสฺสนฺติ, วาเรสฺสามิ น’’นฺติฯ อถ นํ อามเนฺตตฺวา ‘‘นนฺท, อิโต ปฎฺฐาย ผลาผลํ อาหริตฺวา มมาคมนํ ปติมาเนหิ, อุโภ เอกโตว ขาทาเปสฺสามา’’ติ อาหฯ เอวํ วุเตฺตปิ อตฺตโน ปุญฺญํ ปจฺจาสีสโนฺต น ตสฺส วจนมกาสิฯ มหาสโตฺต ตํ อุปฎฺฐานํ อาคตํ ‘‘น ตฺวํ ปณฺฑิตานํ วจนํ กโรสิ, อหํ เชโฎฺฐ, มาตาปิตโร จ มเมว ภาโร, อหเมว เน ปฎิชคฺคิสฺสามิ, ตฺวํ อิโต อญฺญตฺถ ยาหี’’ติ ตสฺส อจฺฉรํ ปหริฯ

    Atha mahāsatto cintesi – ‘‘mātāpitaro sukhumālā, nando ca yāni tāni apakkāni duppakkāni phalāphalāni āharitvā khādāpeti, evaṃ sante ime na ciraṃ pavattissanti, vāressāmi na’’nti. Atha naṃ āmantetvā ‘‘nanda, ito paṭṭhāya phalāphalaṃ āharitvā mamāgamanaṃ patimānehi, ubho ekatova khādāpessāmā’’ti āha. Evaṃ vuttepi attano puññaṃ paccāsīsanto na tassa vacanamakāsi. Mahāsatto taṃ upaṭṭhānaṃ āgataṃ ‘‘na tvaṃ paṇḍitānaṃ vacanaṃ karosi, ahaṃ jeṭṭho, mātāpitaro ca mameva bhāro, ahameva ne paṭijaggissāmi, tvaṃ ito aññattha yāhī’’ti tassa accharaṃ pahari.

    โส เตน ปณามิโต ตตฺถ ฐาตุํ อสโกฺกโนฺต ตํ วนฺทิตฺวา มาตาปิตูนํ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา อตฺตโน ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา กสิณํ โอโลเกตฺวา ตํทิวสเมว อฎฺฐ จ สมาปตฺติโย ปญฺจ จ อภิญฺญาโย นิพฺพเตฺตตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘กิํ นุ โข อหํ สิเนรุปาทโต รตนวาลุกํ อาหริตฺวา มม ภาตุ ปณฺณสาลาปริเวณํ อากิริตฺวา ขมาเปสฺสามิ, อุทาหุ อโนตตฺตโต อุทกํ อาหริตฺวา ขมาเปสฺสามิ? อถ วา เม ภาตา เทวตาวเสน ขเมยฺย, จตฺตาโร มหาราชาโน สกฺกญฺจ เทวราชานํ อาเนตฺวา ขมาเปสฺสามิ, เอวํ ปน น โสภิสฺสติ, อยํ โข มโนโช พฺรหฺมวฑฺฒนราชา สกลชมฺพุทีเป อคฺคราชา, ตํ อาทิํ กตฺวา สเพฺพ ราชาโน อาเนตฺวา ขมาเปสฺสามิ, เอวํ สเนฺต มม ภาตุ คุโณ สกลชมฺพุทีปํ อวตฺถริตฺวา คมิสฺสติ, จโนฺท วิย สูริโย วิย จ ปญฺญายิสฺสตี’’ติฯ

    So tena paṇāmito tattha ṭhātuṃ asakkonto taṃ vanditvā mātāpitūnaṃ tamatthaṃ ārocetvā attano paṇṇasālaṃ pavisitvā kasiṇaṃ oloketvā taṃdivasameva aṭṭha ca samāpattiyo pañca ca abhiññāyo nibbattetvā cintesi – ‘‘kiṃ nu kho ahaṃ sinerupādato ratanavālukaṃ āharitvā mama bhātu paṇṇasālāpariveṇaṃ ākiritvā khamāpessāmi, udāhu anotattato udakaṃ āharitvā khamāpessāmi? Atha vā me bhātā devatāvasena khameyya, cattāro mahārājāno sakkañca devarājānaṃ ānetvā khamāpessāmi, evaṃ pana na sobhissati, ayaṃ kho manojo brahmavaḍḍhanarājā sakalajambudīpe aggarājā, taṃ ādiṃ katvā sabbe rājāno ānetvā khamāpessāmi, evaṃ sante mama bhātu guṇo sakalajambudīpaṃ avattharitvā gamissati, cando viya sūriyo viya ca paññāyissatī’’ti.

    โส ตาวเทว อิทฺธิยา คนฺตฺวา พฺรหฺมวฑฺฒนนคเร ตสฺส รโญฺญ นิเวสนทฺวาเร โอตริตฺวา ‘‘เอโก ตาปโส ตุเมฺห ทฎฺฐุกาโม’’ติ รโญฺญ อาโรจาเปตฺวา เตน กโตกาโส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อหํ อตฺตโน พเลน สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ คเหตฺวา ตว ทสฺสามี’’ติฯ ‘‘กถํ ปน ตุเมฺห, ภเนฺต, สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ คเหตฺวา ทสฺสถา’’ติ? ‘‘มหาราช, กสฺสจิ วธเจฺฉทํ อกตฺวา อตฺตโน อิทฺธิยาว คเหตฺวา ทสฺสามี’’ติ มหติยา เสนาย สทฺธิํ ตํ อาทาย โกสลรฎฺฐํ คนฺตฺวา นครสฺส อวิทูเร ขนฺธาวารํ นิเวเสตฺวา ‘‘ยุทฺธํ วา โน เทตุ, วเส วา วตฺตตู’’ติ โกสลรโญฺญ ทูตํ ปาเหสิฯ เตน กุชฺฌิตฺวา ยุทฺธสเชฺชน หุตฺวา นิกฺขเนฺตน สทฺธิํ ยุเทฺธ อารเทฺธ อตฺตโน อิทฺธานุภาเวน ยถา ทฺวินฺนํ เสนานํ ปีฬนํ น โหติ, เอวํ กตฺวา ยถา จ โกสลราชา ตสฺส วเส วตฺตติ, เอวํ วจนปฎิวจนหรเณหิ สํวิทหิฯ เอเตนุปาเยน สกลชมฺพุทีเป ราชาโน ตสฺส วเส วตฺตาเปสิฯ

    So tāvadeva iddhiyā gantvā brahmavaḍḍhananagare tassa rañño nivesanadvāre otaritvā ‘‘eko tāpaso tumhe daṭṭhukāmo’’ti rañño ārocāpetvā tena katokāso tassa santikaṃ gantvā ‘‘ahaṃ attano balena sakalajambudīpe rajjaṃ gahetvā tava dassāmī’’ti. ‘‘Kathaṃ pana tumhe, bhante, sakalajambudīpe rajjaṃ gahetvā dassathā’’ti? ‘‘Mahārāja, kassaci vadhacchedaṃ akatvā attano iddhiyāva gahetvā dassāmī’’ti mahatiyā senāya saddhiṃ taṃ ādāya kosalaraṭṭhaṃ gantvā nagarassa avidūre khandhāvāraṃ nivesetvā ‘‘yuddhaṃ vā no detu, vase vā vattatū’’ti kosalarañño dūtaṃ pāhesi. Tena kujjhitvā yuddhasajjena hutvā nikkhantena saddhiṃ yuddhe āraddhe attano iddhānubhāvena yathā dvinnaṃ senānaṃ pīḷanaṃ na hoti, evaṃ katvā yathā ca kosalarājā tassa vase vattati, evaṃ vacanapaṭivacanaharaṇehi saṃvidahi. Etenupāyena sakalajambudīpe rājāno tassa vase vattāpesi.

    โส เตน ปริตุโฎฺฐ นนฺทปณฺฑิตํ อาห – ‘‘ภเนฺต, ตุเมฺหหิ ยถา มยฺหํ ปฎิญฺญาตํ, ตถา กตํ, พหูปการา เม ตุเมฺห, กิมหํ ตุมฺหากํ กริสฺสามิ, อหญฺหิ เต สกลชมฺพุทีเป อุปฑฺฒรชฺชมฺปิ ทาตุํ อิจฺฉามิ, กิมงฺคํ ปน หตฺถิอสฺสรถมณิมุตฺตาปวาฬรชตสุวณฺณทาสิทาสปริชนปริเจฺฉท’’นฺติ? ตํ สุตฺวา นนฺทปณฺฑิโต ‘‘น เม เต, มหาราช, รเชฺชน อโตฺถ, นาปิ หตฺถิยานาทีหิ, อปิ จ โข เต รเฎฺฐ อสุกสฺมิํ นาม อสฺสเม มม มาตาปิตโร ปพฺพชิตฺวา วสนฺติฯ ตฺยาหํ อุปฎฺฐหโนฺต เอกสฺมิํ อปราเธ มม เชฎฺฐภาติเกน โสณปณฺฑิเตน นาม มเหสินา ปณามิโต, สฺวาหํ ตํ อาทาย ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ขมาเปสฺสามิ, ตสฺส เม ตฺวํ ขมาปเน สหาโย โหหี’’ติฯ ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา จตุวีสติอโกฺขภนี ปริมาณาย เสนาย ปริวุโต เอกสตราชูหิ สทฺธิํ นนฺทปณฺฑิตํ ปุรกฺขตฺวา ตํ อสฺสมปทํ ปตฺวา จตุรงฺคุลปฺปเทสํ มุญฺจิตฺวา อากาเส ฐิเตน กาเชน อโนตตฺตโต อุทกํ อาหริตฺวา ปานียํ ปฎิสาเมตฺวา ปริเวณํ สมฺมชฺชิตฺวา มาตาปิตูนํ อาสนฺนปฺปเทเส นิสินฺนํ ฌานรติสมปฺปิตํ มหาสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา นนฺทปณฺฑิโต นํ ขมาเปสิฯ มหาสโตฺต นนฺทปณฺฑิตํ มาตรํ ปฎิจฺฉาเปตฺวา อตฺตนา ยาวชีวํ ปิตรํ ปฎิชคฺคิฯ เตสํ ปน ราชูนํ –

    So tena parituṭṭho nandapaṇḍitaṃ āha – ‘‘bhante, tumhehi yathā mayhaṃ paṭiññātaṃ, tathā kataṃ, bahūpakārā me tumhe, kimahaṃ tumhākaṃ karissāmi, ahañhi te sakalajambudīpe upaḍḍharajjampi dātuṃ icchāmi, kimaṅgaṃ pana hatthiassarathamaṇimuttāpavāḷarajatasuvaṇṇadāsidāsaparijanapariccheda’’nti? Taṃ sutvā nandapaṇḍito ‘‘na me te, mahārāja, rajjena attho, nāpi hatthiyānādīhi, api ca kho te raṭṭhe asukasmiṃ nāma assame mama mātāpitaro pabbajitvā vasanti. Tyāhaṃ upaṭṭhahanto ekasmiṃ aparādhe mama jeṭṭhabhātikena soṇapaṇḍitena nāma mahesinā paṇāmito, svāhaṃ taṃ ādāya tassa santikaṃ gantvā khamāpessāmi, tassa me tvaṃ khamāpane sahāyo hohī’’ti. Rājā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā catuvīsatiakkhobhanī parimāṇāya senāya parivuto ekasatarājūhi saddhiṃ nandapaṇḍitaṃ purakkhatvā taṃ assamapadaṃ patvā caturaṅgulappadesaṃ muñcitvā ākāse ṭhitena kājena anotattato udakaṃ āharitvā pānīyaṃ paṭisāmetvā pariveṇaṃ sammajjitvā mātāpitūnaṃ āsannappadese nisinnaṃ jhānaratisamappitaṃ mahāsattaṃ upasaṅkamitvā nandapaṇḍito naṃ khamāpesi. Mahāsatto nandapaṇḍitaṃ mātaraṃ paṭicchāpetvā attanā yāvajīvaṃ pitaraṃ paṭijaggi. Tesaṃ pana rājūnaṃ –

    ‘‘อานโนฺท จ ปโมโท จ, สทา หสิตกีฬิตํ;

    ‘‘Ānando ca pamodo ca, sadā hasitakīḷitaṃ;

    มาตรํ ปริจริตฺวาน, ลพฺภเมตํ วิชานตาฯ

    Mātaraṃ paricaritvāna, labbhametaṃ vijānatā.

    ‘‘อานโนฺท จ ปโมโท จ, สทา หสิตกีฬิตํ;

    ‘‘Ānando ca pamodo ca, sadā hasitakīḷitaṃ;

    ปิตรํ ปริจริตฺวาน, ลพฺภเมตํ วิชานโตฯ

    Pitaraṃ paricaritvāna, labbhametaṃ vijānato.

    ‘‘ทานญฺจ เปยฺยวชฺชญฺจ, อตฺถจริยา จ ยา อิธ;

    ‘‘Dānañca peyyavajjañca, atthacariyā ca yā idha;

    สมานตฺตตา จ ธเมฺมสุ, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ;

    Samānattatā ca dhammesu, tattha tattha yathārahaṃ;

    เอเต โข สงฺคหา โลเก, รถสฺสาณีว ยายโตฯ

    Ete kho saṅgahā loke, rathassāṇīva yāyato.

    ‘‘เอเต จ สงฺคหา นาสฺสุ, น มาตา ปุตฺตการณา;

    ‘‘Ete ca saṅgahā nāssu, na mātā puttakāraṇā;

    ลเภถ มานํ ปูชํ วา, ปิตา วา ปุตฺตการณาฯ

    Labhetha mānaṃ pūjaṃ vā, pitā vā puttakāraṇā.

    ‘‘ยสฺมา จ สงฺคหา เอเต, สมฺมเปกฺขนฺติ ปณฺฑิตา;

    ‘‘Yasmā ca saṅgahā ete, sammapekkhanti paṇḍitā;

    ตสฺมา มหตฺตํ ปโปฺปนฺติ, ปาสํสา จ ภวนฺติ เตฯ

    Tasmā mahattaṃ papponti, pāsaṃsā ca bhavanti te.

    ‘‘พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร, ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร;

    ‘‘Brahmāti mātāpitaro, pubbācariyāti vuccare;

    อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ, ปชาย อนุกมฺปกาฯ

    Āhuneyyā ca puttānaṃ, pajāya anukampakā.

    ‘‘ตสฺมา หิ เน นมเสฺสยฺย, สกฺกเรยฺย จ ปณฺฑิโต;

    ‘‘Tasmā hi ne namasseyya, sakkareyya ca paṇḍito;

    อเนฺนน อถ ปาเนน, วเตฺถน สยเนน จ;

    Annena atha pānena, vatthena sayanena ca;

    อุจฺฉาทเนน นฺหาปเนน, ปาทานํ โธวเนน จฯ

    Ucchādanena nhāpanena, pādānaṃ dhovanena ca.

    ‘‘ตาย นํ ปาริจริยาย, มาตาปิตูสุ ปณฺฑิตา;

    ‘‘Tāya naṃ pāricariyāya, mātāpitūsu paṇḍitā;

    อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สเคฺค ปโมทตี’’ติฯ (ชา. ๒.๒๐.๑๗๖-๑๘๓) –

    Idheva naṃ pasaṃsanti, pecca sagge pamodatī’’ti. (jā. 2.20.176-183) –

    พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสสิ, ตํ สุตฺวา สเพฺพปิ เต ราชาโน สพลกายา ปสีทิํสุฯ อถ เน ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐาเปตฺวา ‘‘ทานาทีสุ อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ โอวทิตฺวา วิสฺสเชฺชสิฯ เต สเพฺพปิ ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตฺวา อายุปริโยสาเน เทวนครํ ปูรยิํสุฯ โพธิสโตฺต ‘‘อิโต ปฎฺฐาย มาตรํ ปฎิชคฺคาหี’’ติ มาตรํ นนฺทปณฺฑิตํ ปฎิจฺฉาเปตฺวา อตฺตนา ยาวชีวํ ปิตรํ ปฎิชคฺคิฯ เต อุโภปิ อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายนา อเหสุํฯ

    Buddhalīḷāya dhammaṃ desesi, taṃ sutvā sabbepi te rājāno sabalakāyā pasīdiṃsu. Atha ne pañcasu sīlesu patiṭṭhāpetvā ‘‘dānādīsu appamattā hothā’’ti ovaditvā vissajjesi. Te sabbepi dhammena rajjaṃ kāretvā āyupariyosāne devanagaraṃ pūrayiṃsu. Bodhisatto ‘‘ito paṭṭhāya mātaraṃ paṭijaggāhī’’ti mātaraṃ nandapaṇḍitaṃ paṭicchāpetvā attanā yāvajīvaṃ pitaraṃ paṭijaggi. Te ubhopi āyupariyosāne brahmalokaparāyanā ahesuṃ.

    ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ, นนฺทปณฺฑิโต อานนฺทเตฺถโร, มโนโช ราชา สาริปุตฺตเตฺถโร, เอกสตราชาโน อสีติมหาเถรา เจว อญฺญตรเถรา จ, จตุวีสติอโกฺขภนีปริสา พุทฺธปริสา, โสณปณฺฑิโต โลกนาโถฯ

    Tadā mātāpitaro mahārājakulāni, nandapaṇḍito ānandatthero, manojo rājā sāriputtatthero, ekasatarājāno asītimahātherā ceva aññataratherā ca, catuvīsatiakkhobhanīparisā buddhaparisā, soṇapaṇḍito lokanātho.

    ตสฺส กิญฺจาปิ สาติสยา เนกฺขมฺมปารมี, ตถาปิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโย จ นิทฺธาเรตพฺพาฯ ตถา อจฺจนฺตเมว กาเมสุ อนเปกฺขตา, มาตาปิตูสุ ติโพฺพ สคารวสปฺปติสฺสภาโว , มาตาปิตุอุปฎฺฐาเนน อติตฺติ, สติปิ เนสํ อุปฎฺฐาเน สพฺพกาลํ สมาปตฺติวิหาเรหิ วีตินามนนฺติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติฯ

    Tassa kiñcāpi sātisayā nekkhammapāramī, tathāpi heṭṭhā vuttanayeneva sesapāramiyo ca niddhāretabbā. Tathā accantameva kāmesu anapekkhatā, mātāpitūsu tibbo sagāravasappatissabhāvo , mātāpituupaṭṭhānena atitti, satipi nesaṃ upaṭṭhāne sabbakālaṃ samāpattivihārehi vītināmananti evamādayo mahāsattassa guṇānubhāvā vibhāvetabbāti.

    โสณปณฺฑิตจริยาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Soṇapaṇḍitacariyāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    เนกฺขมฺมปารมี นิฎฺฐิตาฯ

    Nekkhammapāramī niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / จริยาปิฎกปาฬิ • Cariyāpiṭakapāḷi / ๕. โสณปณฺฑิตจริยา • 5. Soṇapaṇḍitacariyā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact