Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā |
๘. โสณาเถรีคาถาวณฺณนา
8. Soṇātherīgāthāvaṇṇanā
ทส ปุเตฺต วิชายิตฺวาติอาทิกา โสณาย เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนิํ อารทฺธวีริยานํ ภิกฺขุนีนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา, อธิการกมฺมํ กตฺวา สยมฺปิ ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถตฺวา ยาวชีวํ ปุญฺญานิ กตฺวา, ตโต จุตา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุเสฺสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตา ปติกุลํ คตา ทส ปุตฺตธีตโร ลภิตฺวา พหุปุตฺติกาติ ปญฺญายิตฺถฯ สา สามิเก ปพฺพชิเต วยปฺปเตฺต ปุตฺตธีตโร ฆราวาเส ปติฎฺฐาเปตฺวา สพฺพํ ธนํ ปุตฺตานํ วิภชิตฺวา อทาสิ, น กิญฺจิ อตฺตโน ฐเปสิฯ ตํ ปุตฺตา จ ธีตโร จ กติปาหเมว อุปฎฺฐหิตฺวา ปริภวํ อกํสุฯ สา ‘‘กิํ มยฺหํ อิเมหิ ปริภวาย ฆเร วสนฺติยา’’ติ ภิกฺขุนิโย อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ ตํ ภิกฺขุนิโย ปพฺพาเชสุํฯ สา ลทฺธูปสมฺปทา ‘‘อหํ มหลฺลิกากาเล ปพฺพชิตฺวา อปฺปมตฺตาย ภวิตพฺพ’’นฺติ ภิกฺขุนีนํ วตฺตปฎิวตฺตํ กโรนฺตี ‘‘สพฺพรตฺติํ สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ เหฎฺฐาปาสาเท เอกถมฺภํ หเตฺถน คเหตฺวา ตํ อวิชหมานา สมณธมฺมํ กโรนฺตี จงฺกมมานาปิ ‘‘อนฺธกาเร ฐาเน รุกฺขาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ เม สีสํ ปฎิหเญฺญยฺยา’’ติ รุกฺขํ หเตฺถน คเหตฺวา ตํ อวิชหมานาว สมณธมฺมํ กโรติฯ ตโต ปฎฺฐาย สา อารทฺธวีริยตาย ปากฎา อโหสิฯ สตฺถา ตสฺสา ญาณปริปากํ ทิสฺวา คนฺธกุฎิยํ นิสิโนฺนว โอภาสํ ผริตฺวา สมฺมุเข นิสิโนฺน วิย อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา –
Dasa putte vijāyitvātiādikā soṇāya theriyā gāthā. Ayampi padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patvā ekadivasaṃ satthu santike dhammaṃ suṇantī satthāraṃ ekaṃ bhikkhuniṃ āraddhavīriyānaṃ bhikkhunīnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā, adhikārakammaṃ katvā sayampi taṃ ṭhānantaraṃ patthetvā yāvajīvaṃ puññāni katvā, tato cutā kappasatasahassaṃ devamanussesu saṃsaritvā imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ kulagehe nibbattitvā vayappattā patikulaṃ gatā dasa puttadhītaro labhitvā bahuputtikāti paññāyittha. Sā sāmike pabbajite vayappatte puttadhītaro gharāvāse patiṭṭhāpetvā sabbaṃ dhanaṃ puttānaṃ vibhajitvā adāsi, na kiñci attano ṭhapesi. Taṃ puttā ca dhītaro ca katipāhameva upaṭṭhahitvā paribhavaṃ akaṃsu. Sā ‘‘kiṃ mayhaṃ imehi paribhavāya ghare vasantiyā’’ti bhikkhuniyo upasaṅkamitvā pabbajjaṃ yāci. Taṃ bhikkhuniyo pabbājesuṃ. Sā laddhūpasampadā ‘‘ahaṃ mahallikākāle pabbajitvā appamattāya bhavitabba’’nti bhikkhunīnaṃ vattapaṭivattaṃ karontī ‘‘sabbarattiṃ samaṇadhammaṃ karissāmī’’ti heṭṭhāpāsāde ekathambhaṃ hatthena gahetvā taṃ avijahamānā samaṇadhammaṃ karontī caṅkamamānāpi ‘‘andhakāre ṭhāne rukkhādīsu yattha katthaci me sīsaṃ paṭihaññeyyā’’ti rukkhaṃ hatthena gahetvā taṃ avijahamānāva samaṇadhammaṃ karoti. Tato paṭṭhāya sā āraddhavīriyatāya pākaṭā ahosi. Satthā tassā ñāṇaparipākaṃ disvā gandhakuṭiyaṃ nisinnova obhāsaṃ pharitvā sammukhe nisinno viya attānaṃ dassetvā –
‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, อปสฺสํ ธมฺมมุตฺตมํ;
‘‘Yo ca vassasataṃ jīve, apassaṃ dhammamuttamaṃ;
เอกาหํ ชีวิตํ เสโยฺย, ปสฺสโต ธมฺมมุตฺตม’’นฺติฯ (ธ. ป. ๑๑๕) –
Ekāhaṃ jīvitaṃ seyyo, passato dhammamuttama’’nti. (dha. pa. 115) –
คาถํ อภาสิฯ สา คาถาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๓.๒๒๐-๒๔๓) –
Gāthaṃ abhāsi. Sā gāthāpariyosāne arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. therī 2.3.220-243) –
‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺมาน ปารคู;
‘‘Padumuttaro nāma jino, sabbadhammāna pāragū;
อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กเปฺป อุปฺปชฺชิ นายโกฯ
Ito satasahassamhi, kappe uppajji nāyako.
‘‘ตทา เสฎฺฐิกุเล ชาตา, สุขิตา ปูชิตา ปิยา;
‘‘Tadā seṭṭhikule jātā, sukhitā pūjitā piyā;
อุเปตฺวา ตํ มุนิวรํ, อโสฺสสิํ มธุรํ วจํฯ
Upetvā taṃ munivaraṃ, assosiṃ madhuraṃ vacaṃ.
‘‘อารทฺธวีริยานคฺคํ, วเณฺณสิ ภิกฺขุนิํ ชิโน;
‘‘Āraddhavīriyānaggaṃ, vaṇṇesi bhikkhuniṃ jino;
ตํ สุตฺวา มุทิตา หุตฺวา, การํ กตฺวาน สตฺถุโนฯ
Taṃ sutvā muditā hutvā, kāraṃ katvāna satthuno.
‘‘อภิวาทิย สมฺพุทฺธํ, ฐานํ ตํ ปตฺถยิํ ตทา;
‘‘Abhivādiya sambuddhaṃ, ṭhānaṃ taṃ patthayiṃ tadā;
อนุโมทิ มหาวีโร, สิชฺฌตํ ปณิธี ตวฯ
Anumodi mahāvīro, sijjhataṃ paṇidhī tava.
‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
‘‘Satasahassito kappe, okkākakulasambhavo;
โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ
Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.
‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาทา, โอรสา ธมฺมนิมฺมิตา;
‘‘Tassa dhammesu dāyādā, orasā dhammanimmitā;
โสณาติ นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวิกาฯ
Soṇāti nāma nāmena, hessati satthu sāvikā.
‘‘ตํ สุตฺวา มุทิตา หุตฺวา, ยาวชีวํ ตทา ชินํ;
‘‘Taṃ sutvā muditā hutvā, yāvajīvaṃ tadā jinaṃ;
เมตฺตจิตฺตา ปริจริํ, ปจฺจเยหิ วินายกํฯ
Mettacittā paricariṃ, paccayehi vināyakaṃ.
‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ
Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.
‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, ชาตา เสฎฺฐิกุเล อหํ;
‘‘Pacchime ca bhave dāni, jātā seṭṭhikule ahaṃ;
สาวตฺถิยํ ปุรวเร, อิเทฺธ ผีเต มหทฺธเนฯ
Sāvatthiyaṃ puravare, iddhe phīte mahaddhane.
‘‘ยทา จ โยพฺพนปฺปตฺตา, คนฺตฺวา ปติกุลํ อหํ;
‘‘Yadā ca yobbanappattā, gantvā patikulaṃ ahaṃ;
ทส ปุตฺตานิ อชนิํ, สุรูปานิ วิเสสโตฯ
Dasa puttāni ajaniṃ, surūpāni visesato.
‘‘สุเขธิตา จ เต สเพฺพ, ชนเนตฺตมโนหรา;
‘‘Sukhedhitā ca te sabbe, jananettamanoharā;
อมิตฺตานมฺปิ รุจิตา, มม ปเคว เต สิยาฯ
Amittānampi rucitā, mama pageva te siyā.
‘‘ตโต มยฺหํ อกามาย, ทสปุตฺตปุรกฺขโต;
‘‘Tato mayhaṃ akāmāya, dasaputtapurakkhato;
ปพฺพชิตฺถ ส เม ภตฺตา, เทวเทวสฺส สาสเนฯ
Pabbajittha sa me bhattā, devadevassa sāsane.
‘‘ตเทกิกา วิจิเนฺตสิํ, ชีวิเตนาลมตฺถุ เม;
‘‘Tadekikā vicintesiṃ, jīvitenālamatthu me;
จตฺตาย ปติปุเตฺตหิ, วุฑฺฒาย จ วรากิยาฯ
Cattāya patiputtehi, vuḍḍhāya ca varākiyā.
‘‘อหมฺปิ ตตฺถ คจฺฉิสฺสํ, สมฺปโตฺต ยตฺถ เม ปติ;
‘‘Ahampi tattha gacchissaṃ, sampatto yattha me pati;
เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, ปพฺพชิํ อนคาริยํฯ
Evāhaṃ cintayitvāna, pabbajiṃ anagāriyaṃ.
‘‘ตโต จ มํ ภิกฺขุนิโย, เอกํ ภิกฺขุนุปสฺสเย;
‘‘Tato ca maṃ bhikkhuniyo, ekaṃ bhikkhunupassaye;
วิหาย คจฺฉุโมวาทํ, ตาเปหิ อุทกํ อิติฯ
Vihāya gacchumovādaṃ, tāpehi udakaṃ iti.
‘‘ตทา อุทกมาหิตฺวา, โอกิริตฺวาน กุมฺภิยา;
‘‘Tadā udakamāhitvā, okiritvāna kumbhiyā;
จุเลฺล ฐเปตฺวา อาสีนา, ตโต จิตฺตํ สมาทหิํฯ
Culle ṭhapetvā āsīnā, tato cittaṃ samādahiṃ.
‘‘ขเนฺธ อนิจฺจโต ทิสฺวา, ทุกฺขโต จ อนตฺตโต;
‘‘Khandhe aniccato disvā, dukkhato ca anattato;
เขเปตฺวา อาสเว สเพฺพ, อรหตฺตมปาปุณิํฯ
Khepetvā āsave sabbe, arahattamapāpuṇiṃ.
‘‘ตทาคนฺตฺวา ภิกฺขุนิโย, อุโณฺหทกมปุจฺฉิสุํ;
‘‘Tadāgantvā bhikkhuniyo, uṇhodakamapucchisuṃ;
เตโชธาตุมธิฎฺฐาย, ขิปฺปํ สนฺตาปยิํ ชลํฯ
Tejodhātumadhiṭṭhāya, khippaṃ santāpayiṃ jalaṃ.
‘‘วิมฺหิตา ตา ชินวรํ, เอตมตฺถมสาวยุํ;
‘‘Vimhitā tā jinavaraṃ, etamatthamasāvayuṃ;
ตํ สุตฺวา มุทิโต นาโถ, อิมํ คาถํ อภาสถฯ
Taṃ sutvā mudito nātho, imaṃ gāthaṃ abhāsatha.
‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, กุสีโต หีนวีริโย;
‘‘Yo ca vassasataṃ jīve, kusīto hīnavīriyo;
เอกาหํ ชีวิตํ เสโยฺย, วีริยมารภโต ทฬฺหํฯ
Ekāhaṃ jīvitaṃ seyyo, vīriyamārabhato daḷhaṃ.
‘‘อาราธิโต มหาวีโร, มยา สุปฺปฎิปตฺติยา;
‘‘Ārādhito mahāvīro, mayā suppaṭipattiyā;
อารทฺธวีริยานคฺคํ, มมาห ส มหามุนิฯ
Āraddhavīriyānaggaṃ, mamāha sa mahāmuni.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อถ นํ ภควา ภิกฺขุนิโย ปฎิปาฎิยา ฐานนฺตเร ฐเปโนฺต อารทฺธวีริยานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ สา เอกทิวสํ อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทานวเสน –
Atha naṃ bhagavā bhikkhuniyo paṭipāṭiyā ṭhānantare ṭhapento āraddhavīriyānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi. Sā ekadivasaṃ attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā udānavasena –
๑๐๒.
102.
‘‘ทส ปุเตฺต วิชายิตฺวา, อสฺมิํ รูปสมุสฺสเย;
‘‘Dasa putte vijāyitvā, asmiṃ rūpasamussaye;
ตโตหํ ทุพฺพลา ชิณฺณา, ภิกฺขุนิํ อุปสงฺกมิํฯ
Tatohaṃ dubbalā jiṇṇā, bhikkhuniṃ upasaṅkamiṃ.
๑๐๓.
103.
‘‘สา เม ธมฺมมเทเสสิ, ขนฺธายตนธาตุโย;
‘‘Sā me dhammamadesesi, khandhāyatanadhātuyo;
ตสฺสา ธมฺมํ สุณิตฺวาน, เกเส เฉตฺวาน ปพฺพชิํฯ
Tassā dhammaṃ suṇitvāna, kese chetvāna pabbajiṃ.
๑๐๔.
104.
‘‘ตสฺสา เม สิกฺขมานาย, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;
‘‘Tassā me sikkhamānāya, dibbacakkhu visodhitaṃ;
ปุเพฺพนิวาสํ ชานามิ, ยตฺถ เม วุสิตํ ปุเรฯ
Pubbenivāsaṃ jānāmi, yattha me vusitaṃ pure.
๑๐๕.
105.
‘‘อนิมิตฺตญฺจ ภาเวมิ, เอกคฺคา สุสมาหิตา;
‘‘Animittañca bhāvemi, ekaggā susamāhitā;
อนนฺตราวิโมกฺขาสิํ, อนุปาทาย นิพฺพุตาฯ
Anantarāvimokkhāsiṃ, anupādāya nibbutā.
๑๐๖.
106.
‘‘ปญฺจกฺขนฺธา ปริญฺญาตา, ติฎฺฐนฺติ ฉินฺนมูลกา;
‘‘Pañcakkhandhā pariññātā, tiṭṭhanti chinnamūlakā;
ธิ ตวตฺถุ ชเร ชเมฺม, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติฯ – อิมา คาถา อภาสิ;
Dhi tavatthu jare jamme, natthi dāni punabbhavo’’ti. – imā gāthā abhāsi;
ตตฺถ รูปสมุสฺสเยติ รูปสงฺขาเต สมุสฺสเยฯ อยญฺหิ รูปสโทฺท ‘‘จกฺขุญฺจ ปฎิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิญฺญาณ’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๖๐) รูปายตเน อาคโตฯ ‘‘ยํกิญฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๘๑) รูปกฺขเนฺธฯ ‘‘ปิยรูเป สาตรูเป รชฺชตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๐๙) สภาเวฯ ‘‘พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๓๘; อ. นิ. ๑.๔๒๗-๔๓๔) กสิณายตเนฯ ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๓๙; อ. นิ. ๑.๔๓๕-๔๔๒) รูปฌาเนฯ ‘‘อฎฺฐิญฺจ ปฎิจฺจ นฺหารุญฺจ ปฎิจฺจ มํสญฺจ ปฎิจฺจ จมฺมญฺจ ปฎิจฺจ อากาโส ปริวาริโต รูปเนฺตฺวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐๖) รูปกาเยฯ อิธาปิ รูปกาเยว ทฎฺฐโพฺพฯ สมุสฺสยสโทฺทปิ อฎฺฐีนํ สรีรสฺส ปริยาโยฯ ‘‘สตนฺติ สมุสฺสยา’’ติอาทีสุ อฎฺฐิสรีรปริยาเยฯ ‘‘อาตุรํ อสุจิํ ปูติํ, ปสฺส นเนฺท สมุสฺสย’’นฺติอาทีสุ (เถรคา. ๑๙) สรีเรฯ อิธาปิ สรีเร เอว ทฎฺฐโพฺพฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘รูปสมุสฺสเย’’ติ, รูปสงฺขาเต สมุสฺสเย สรีเรติ อโตฺถฯ ฐตฺวาติ วจนเสโสฯ อสฺมิํ รูปสมุสฺสเยติ หิ อิมสฺมิํ รูปสมุสฺสเย ฐตฺวา อิมํ รูปกายํ นิสฺสาย ทส ปุเตฺต วิชายิตฺวาติ โยชนาฯ ตโตติ ตสฺมา ทสปุตฺตวิชายนเหตุฯ สา หิ ปฐมวยํ อติกฺกมิตฺวา ปุตฺตเก วิชายนฺตี อนุกฺกเมน ทุพฺพลสรีรา ชราชิณฺณา จ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตโตหํ ทุพฺพลา ชิณฺณา’’ติฯ
Tattha rūpasamussayeti rūpasaṅkhāte samussaye. Ayañhi rūpasaddo ‘‘cakkhuñca paṭicca rūpe ca uppajjati cakkhuviññāṇa’’ntiādīsu (saṃ. ni. 4.60) rūpāyatane āgato. ‘‘Yaṃkiñci rūpaṃ atītānāgatapaccuppanna’’ntiādīsu (a. ni. 4.181) rūpakkhandhe. ‘‘Piyarūpe sātarūpe rajjatī’’tiādīsu (ma. ni. 1.409) sabhāve. ‘‘Bahiddhā rūpāni passatī’’tiādīsu (dī. ni. 3.338; a. ni. 1.427-434) kasiṇāyatane. ‘‘Rūpī rūpāni passatī’’tiādīsu (dī. ni. 3.339; a. ni. 1.435-442) rūpajhāne. ‘‘Aṭṭhiñca paṭicca nhāruñca paṭicca maṃsañca paṭicca cammañca paṭicca ākāso parivārito rūpantveva saṅkhaṃ gacchatī’’tiādīsu (ma. ni. 1.306) rūpakāye. Idhāpi rūpakāyeva daṭṭhabbo. Samussayasaddopi aṭṭhīnaṃ sarīrassa pariyāyo. ‘‘Satanti samussayā’’tiādīsu aṭṭhisarīrapariyāye. ‘‘Āturaṃ asuciṃ pūtiṃ, passa nande samussaya’’ntiādīsu (theragā. 19) sarīre. Idhāpi sarīre eva daṭṭhabbo. Tena vuttaṃ – ‘‘rūpasamussaye’’ti, rūpasaṅkhāte samussaye sarīreti attho. Ṭhatvāti vacanaseso. Asmiṃ rūpasamussayeti hi imasmiṃ rūpasamussaye ṭhatvā imaṃ rūpakāyaṃ nissāya dasa putte vijāyitvāti yojanā. Tatoti tasmā dasaputtavijāyanahetu. Sā hi paṭhamavayaṃ atikkamitvā puttake vijāyantī anukkamena dubbalasarīrā jarājiṇṇā ca ahosi. Tena vuttaṃ ‘‘tatohaṃ dubbalā jiṇṇā’’ti.
ตสฺสาติ ตโต, ตสฺสาติ วา ตสฺสา สนฺติเกฯ ปุน ตสฺสาติ กรเณ สามิวจนํ, ตายาติ อโตฺถฯ สิกฺขมานายาติ ติโสฺสปิ สิกฺขา สิกฺขมานาฯ
Tassāti tato, tassāti vā tassā santike. Puna tassāti karaṇe sāmivacanaṃ, tāyāti attho. Sikkhamānāyāti tissopi sikkhā sikkhamānā.
อนนฺตราวิโมกฺขาสินฺติ อคฺคมคฺคสฺส อนนฺตรา อุปฺปนฺนวิโมกฺขา อาสิํฯ รูปี รูปานิ ปสฺสตีติอาทโย หิ อฎฺฐปิ วิโมกฺขา อนนฺตรวิโมกฺขา นาม น โหนฺติฯ มคฺคานนฺตรํ อนุปฺปตฺตา หิ ผลวิโมกฺขา ผลสมาปตฺติกาเล ปวตฺตมานาปิ ปฐมมคฺคานนฺตรเมว สมุปฺปตฺติโต ตํ อุปาทาย อนนฺตรวิโมกฺขา นาม, ยถา มคฺคสมาธิ อานนฺตริกสมาธีติ วุจฺจติฯ อนุปาทาย นิพฺพุตาติ รูปาทีสุ กิญฺจิปิ อคฺคเหตฺวา กิเลสปรินิพฺพาเนน นิพฺพุตา อาสิํฯ
Anantarāvimokkhāsinti aggamaggassa anantarā uppannavimokkhā āsiṃ. Rūpī rūpāni passatītiādayo hi aṭṭhapi vimokkhā anantaravimokkhā nāma na honti. Maggānantaraṃ anuppattā hi phalavimokkhā phalasamāpattikāle pavattamānāpi paṭhamamaggānantarameva samuppattito taṃ upādāya anantaravimokkhā nāma, yathā maggasamādhi ānantarikasamādhīti vuccati. Anupādāya nibbutāti rūpādīsu kiñcipi aggahetvā kilesaparinibbānena nibbutā āsiṃ.
เอวํ วิชฺชาตฺตยํ วิภาเวตฺวา อรหตฺตผเลน กูฎํ คณฺหนฺตี อุทาเนตฺวา, อิทานิ ชราย จิรกาลํ อุปทฺทุตสรีรํ วิครหนฺตี สห วตฺถุนา ตสฺส สมติกฺกนฺตภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘ปญฺจกฺขนฺธา ปริญฺญาตา’’ติ โอสานคาถมาหฯ ตตฺถ ธิ ตวตฺถุ ชเร ชเมฺมติ องฺคานํ สิถิลภาวกรณาทินา ชเร ชเมฺม ลามเก หีเน ตว ตุยฺหํ ธิ อตฺถุ ธิกาโร โหตุฯ นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ ตสฺมา ตฺวํ มยา อติกฺกนฺตา อภิภูตาสีติ อธิปฺปาโยฯ
Evaṃ vijjāttayaṃ vibhāvetvā arahattaphalena kūṭaṃ gaṇhantī udānetvā, idāni jarāya cirakālaṃ upaddutasarīraṃ vigarahantī saha vatthunā tassa samatikkantabhāvaṃ vibhāvetuṃ ‘‘pañcakkhandhā pariññātā’’ti osānagāthamāha. Tattha dhi tavatthu jare jammeti aṅgānaṃ sithilabhāvakaraṇādinā jare jamme lāmake hīne tava tuyhaṃ dhi atthu dhikāro hotu. Natthi dāni punabbhavoti tasmā tvaṃ mayā atikkantā abhibhūtāsīti adhippāyo.
โสณาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Soṇātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๘. โสณาเถรีคาถา • 8. Soṇātherīgāthā