Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๓. โสปากเตฺถรคาถาวณฺณนา
3. Sopākattheragāthāvaṇṇanā
ยถาปิ เอกปุตฺตสฺมินฺติ อายสฺมโต โสปากเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินโนฺต กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล อญฺญตรสฺส กุฎุมฺพิกสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพโตฺต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนจิโตฺต พีชปูรผลานิ สตฺถุ อุปเนสิฯ ปฎิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย ฯ โส ภิกฺขุสเงฺฆ จ อภิปฺปสโนฺน สลากภตฺตํ ปฎฺฐเปตฺวา สงฺฆุเทฺทสวเสน ติณฺณํ ภิกฺขูนํ ยาวตายุกํ ขีรภตฺตํ อทาสิฯ โส เตหิ ปุญฺญกเมฺมหิ อปราปรํ เทวมนุเสฺสสุ สมฺปตฺติํ อนุภวโนฺต เอกทา มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพโตฺต เอกสฺส ปเจฺจกพุทฺธสฺส ขีรภตฺตํ อทาสิฯ เอวํ ตตฺถ ตตฺถ ปุญฺญานิ กตฺวา สุคตีสุ เอว ปริพฺภมโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ปุริมกมฺมนิสฺสเนฺทน สาวตฺถิยํ อญฺญตราย ทุคฺคติตฺถิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ตสฺส มาตา ทส มาเส กุจฺฉินา ปริหริตฺวา ปริปเกฺก คเพฺภ วิชายนกาเล วิชายิตุํ อสโกฺกนฺตี มุจฺฉํ อาปชฺชิตฺวา พหุเวลํ มตา วิย นิปชฺชิฯ ตํ ญาตกา ‘‘มตา’’ติ สญฺญาย สุสานํ เนตฺวา จิตกํ อาโรเปตฺวา เทวตานุภาเวน วาตวุฎฺฐิยา อุฎฺฐิตาย อคฺคิํ อทตฺวา ปกฺกมิํสุฯ ทารโก ปจฺฉิมภาวิกตฺตา เทวตานุภาเวน มาตุกุจฺฉิโต อโรโค นิกฺขมิฯ มาตา ปน กาลมกาสิฯ เทวตา ตํ คเหตฺวา มนุสฺสรูเปน สุสานโคปกสฺส เคเห ฐเปตฺวา กติปยกาลํ ปติรูเปน อาหาเรน โปเสสิฯ ตโต ปรํ สุสานโคปโก จ นํ อตฺตโน ปุตฺตํ กตฺวา วเฑฺฒติฯ โส ตถา วเฑฺฒโนฺต ตสฺส ปุเตฺตน สุปิเยน นาม ทารเกน สทฺธิํ กีฬโนฺต วิจรติฯ ตสฺส สุสาเน ชาตสํวฑฺฒภาวโต โสปาโกติ สมญฺญา อโหสิฯ
Yathāpi ekaputtasminti āyasmato sopākattherassa gāthā. Kā uppatti? So kira purimabuddhesu katādhikāro hutvā tattha tattha vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinanto kakusandhassa bhagavato kāle aññatarassa kuṭumbikassa putto hutvā nibbatto ekadivasaṃ satthāraṃ disvā pasannacitto bījapūraphalāni satthu upanesi. Paṭiggahesi bhagavā anukampaṃ upādāya . So bhikkhusaṅghe ca abhippasanno salākabhattaṃ paṭṭhapetvā saṅghuddesavasena tiṇṇaṃ bhikkhūnaṃ yāvatāyukaṃ khīrabhattaṃ adāsi. So tehi puññakammehi aparāparaṃ devamanussesu sampattiṃ anubhavanto ekadā manussayoniyaṃ nibbatto ekassa paccekabuddhassa khīrabhattaṃ adāsi. Evaṃ tattha tattha puññāni katvā sugatīsu eva paribbhamanto imasmiṃ buddhuppāde purimakammanissandena sāvatthiyaṃ aññatarāya duggatitthiyā kucchimhi paṭisandhiṃ gaṇhi. Tassa mātā dasa māse kucchinā pariharitvā paripakke gabbhe vijāyanakāle vijāyituṃ asakkontī mucchaṃ āpajjitvā bahuvelaṃ matā viya nipajji. Taṃ ñātakā ‘‘matā’’ti saññāya susānaṃ netvā citakaṃ āropetvā devatānubhāvena vātavuṭṭhiyā uṭṭhitāya aggiṃ adatvā pakkamiṃsu. Dārako pacchimabhāvikattā devatānubhāvena mātukucchito arogo nikkhami. Mātā pana kālamakāsi. Devatā taṃ gahetvā manussarūpena susānagopakassa gehe ṭhapetvā katipayakālaṃ patirūpena āhārena posesi. Tato paraṃ susānagopako ca naṃ attano puttaṃ katvā vaḍḍheti. So tathā vaḍḍhento tassa puttena supiyena nāma dārakena saddhiṃ kīḷanto vicarati. Tassa susāne jātasaṃvaḍḍhabhāvato sopākoti samaññā ahosi.
อเถกทิวสํ สตฺตวสฺสิกํ ตํ ภควา ปจฺจูสเวลาย ญาณชาลํ ปตฺถริตฺวา เวเนยฺยพนฺธเว โอโลเกตฺวา ญาณชลโนฺตคธํ ทิสฺวา สุสานฎฺฐานํ อคมาสิฯ ทารโก ปุพฺพเหตุนา โจทิยมาโน ปสนฺนมานโส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อฎฺฐาสิฯ สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ กเถสิฯ โส ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ‘‘ปิตรา อนุญฺญาโตสี’’ติ วุโตฺต ปิตรํ สตฺถุ สนฺติกํ เนสิฯ ตสฺส ปิตา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภเนฺต, อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชถา’’ติ อนุชานิฯ สตฺถา ตํ ปพฺพาเชตฺวา เมตฺตาภาวนาย นิโยเชสิฯ โส เมตฺตากมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา สุสาเน วิหรโนฺต จ จิรเสฺสว เมตฺตาฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๕.๑-๗) –
Athekadivasaṃ sattavassikaṃ taṃ bhagavā paccūsavelāya ñāṇajālaṃ pattharitvā veneyyabandhave oloketvā ñāṇajalantogadhaṃ disvā susānaṭṭhānaṃ agamāsi. Dārako pubbahetunā codiyamāno pasannamānaso satthāraṃ upasaṅkamitvā vanditvā aṭṭhāsi. Satthā tassa dhammaṃ kathesi. So dhammaṃ sutvā pabbajjaṃ yācitvā ‘‘pitarā anuññātosī’’ti vutto pitaraṃ satthu santikaṃ nesi. Tassa pitā satthāraṃ upasaṅkamitvā vanditvā ‘‘bhante, imaṃ dārakaṃ pabbājethā’’ti anujāni. Satthā taṃ pabbājetvā mettābhāvanāya niyojesi. So mettākammaṭṭhānaṃ gahetvā susāne viharanto ca cirasseva mettājhānaṃ nibbattetvā jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ sacchākāsi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.45.1-7) –
‘‘กกุสโนฺธ มหาวีโร, สพฺพธมฺมาน ปารคู;
‘‘Kakusandho mahāvīro, sabbadhammāna pāragū;
คณมฺหา วูปกโฎฺฐ โส, อคมาสิ วนนฺตรํฯ
Gaṇamhā vūpakaṭṭho so, agamāsi vanantaraṃ.
‘‘พีชมิญฺชํ คเหตฺวาน, ลตาย อาวุณิํ อหํ;
‘‘Bījamiñjaṃ gahetvāna, latāya āvuṇiṃ ahaṃ;
ภควา ตมฺหิ สมเย, ฌายเต ปพฺพตนฺตเรฯ
Bhagavā tamhi samaye, jhāyate pabbatantare.
‘‘ทิสฺวานหํ เทวเทวํ, วิปฺปสเนฺนน เจตสา;
‘‘Disvānahaṃ devadevaṃ, vippasannena cetasā;
ทกฺขิเณยฺยสฺส วีรสฺส, พีชมิญฺชมทาสหํฯ
Dakkhiṇeyyassa vīrassa, bījamiñjamadāsahaṃ.
‘‘อิมสฺมิํเยว กปฺปมฺหิ, ยํ มิญฺชมททิํ ตทา;
‘‘Imasmiṃyeva kappamhi, yaṃ miñjamadadiṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, พีชมิญฺชสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, bījamiñjassidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหา หุตฺวา ปน อเญฺญสํ โสสานิกภิกฺขูนํ เมตฺตาภาวนาวิธิํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถาปิ เอกปุตฺตสฺมิ’’นฺติ คาถํ อภาสิฯ
Arahā hutvā pana aññesaṃ sosānikabhikkhūnaṃ mettābhāvanāvidhiṃ dassento ‘‘yathāpi ekaputtasmi’’nti gāthaṃ abhāsi.
๓๓. ตตฺถ ยถาติ โอปมฺมเตฺถ นิปาโตฯ เอกปุตฺตสฺมินฺติ ปุนาติ จ กุลวํสํ ตายติ จาติ ปุโตฺต, อตฺรชาทิเภโท ปุโตฺตฯ เอโก ปุโตฺต เอกปุโตฺต, ตสฺมิํ เอกปุตฺตสฺมิํฯ วิสเย เจตํ ภุมฺมวจนํฯ ปิยสฺมินฺติ ปิยายิตพฺพตาย เจว เอกปุตฺตตาย จ รูปสีลาจาราทีหิ จ เปมกรณฎฺฐานภูเตฯ กุสลีติ กุสลํ วุจฺจติ เขมํ โสตฺถิภาโว, ตํ ลภิตพฺพํ เอตสฺส อตฺถีติ กุสลี, สตฺตานํ หิเตสี เมตฺตชฺฌาสโยฯ สเพฺพสุ ปาเณสูติ สเพฺพสุ สเตฺตสุฯ สพฺพตฺถาติ สพฺพาสุ ทิสาสุ สเพฺพสุ วา ภวาทีสุ, สพฺพาสุ วา อวตฺถาสุฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา เอกปุตฺตเก ปิเย มนาเป มาตาปิตา กุสลี เอกนฺตหิเตสี ภเวยฺย, เอวํ ปุรตฺถิมาทิเภทาสุ สพฺพาสุ ทิสาสุ, กามภวาทิเภเทสุ สเพฺพสุ ภเวสุ ทหราทิเภทาสุ สพฺพาสุ อวตฺถาสุ จ ฐิเตสุ สเพฺพสุ สเตฺตสุ เอกนฺตหิเตสิตาย กุสลี ภเวยฺย, ‘‘มิโตฺต อุทาสีโน ปญฺจตฺถิโก’’ติ สีมํ อกตฺวา สีมาสเมฺภทวเสน สพฺพตฺถ เอกรสํ เมตฺตํ ภาเวยฺยาติฯ อิมํ ปน คาถํ วตฺวา ‘‘สเจ ตุเมฺห อายสฺมโนฺต เอวํ เมตฺตาภาวนํ อนุยุเญฺชยฺยาถ, เย เต ภควตา ‘สุขํ สุปตี’ติอาทินา (อ. นิ. ๑๑.๑๕) เอกาทส เมตฺตานิสํสา วุตฺตา, เอกํเสน เตสํ ภาคิโน ภวถา’’ติ โอวาทมทาสิฯ
33. Tattha yathāti opammatthe nipāto. Ekaputtasminti punāti ca kulavaṃsaṃ tāyati cāti putto, atrajādibhedo putto. Eko putto ekaputto, tasmiṃ ekaputtasmiṃ. Visaye cetaṃ bhummavacanaṃ. Piyasminti piyāyitabbatāya ceva ekaputtatāya ca rūpasīlācārādīhi ca pemakaraṇaṭṭhānabhūte. Kusalīti kusalaṃ vuccati khemaṃ sotthibhāvo, taṃ labhitabbaṃ etassa atthīti kusalī, sattānaṃ hitesī mettajjhāsayo. Sabbesu pāṇesūti sabbesu sattesu. Sabbatthāti sabbāsu disāsu sabbesu vā bhavādīsu, sabbāsu vā avatthāsu. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā ekaputtake piye manāpe mātāpitā kusalī ekantahitesī bhaveyya, evaṃ puratthimādibhedāsu sabbāsu disāsu, kāmabhavādibhedesu sabbesu bhavesu daharādibhedāsu sabbāsu avatthāsu ca ṭhitesu sabbesu sattesu ekantahitesitāya kusalī bhaveyya, ‘‘mitto udāsīno pañcatthiko’’ti sīmaṃ akatvā sīmāsambhedavasena sabbattha ekarasaṃ mettaṃ bhāveyyāti. Imaṃ pana gāthaṃ vatvā ‘‘sace tumhe āyasmanto evaṃ mettābhāvanaṃ anuyuñjeyyātha, ye te bhagavatā ‘sukhaṃ supatī’tiādinā (a. ni. 11.15) ekādasa mettānisaṃsā vuttā, ekaṃsena tesaṃ bhāgino bhavathā’’ti ovādamadāsi.
โสปากเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sopākattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๓. โสปากเตฺถรคาถา • 3. Sopākattheragāthā