Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๔. โสปากเตฺถรคาถาวณฺณนา
4. Sopākattheragāthāvaṇṇanā
ทิสฺวา ปาสาทฉายายนฺติอาทิกา อายสฺมโต โสปากเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ คโต กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา เอกสฺมิํ ปพฺพเต วิหรติฯ สตฺถา อาสนฺนมรณํ ตํ ญตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ โส ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิโตฺต อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปเวเทโนฺต ปุปฺผมยํ อาสนํ ปญฺญเปตฺวา อทาสิฯ สตฺถา ตตฺถ นิสีทิตฺวา, อนิจฺจตาปฎิสํยุตฺตํ ธมฺมิํ กถํ กเถตฺวา ตสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว อากาเสน อคมาสิฯ โส ปุเพฺพ คหิตํ นิจฺจคฺคาหํ ปหาย อนิจฺจสญฺญํ หทเย ฐเปตฺวา, กาลงฺกตฺวา, เทวโลเก อุปฺปชิตฺวา, อปราปรํ เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต, อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห โสปากโยนิยํ นิพฺพตฺติฯ โส ชาติอาคเตน โสปาโกติ นาเมน ปญฺญายิฯ เกจิ ปน ‘‘วาณิชกุเล นิพฺพโตฺต, ‘โสปาโก’ติ ปน นามมตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ ตํ อปทานปาฬิยา วิรุชฺฌติ ‘‘ปจฺฉิเม ภเว สมฺปเตฺต, โสปากโยนุปาคมิ’’นฺติ วจนโตฯ
Disvāpāsādachāyāyantiādikā āyasmato sopākattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto siddhatthassa bhagavato kāle brāhmaṇakule nibbattitvā viññutaṃ patto brāhmaṇānaṃ vijjāsippesu nipphattiṃ gato kāmesu ādīnavaṃ disvā gharāvāsaṃ pahāya tāpasapabbajjaṃ pabbajitvā ekasmiṃ pabbate viharati. Satthā āsannamaraṇaṃ taṃ ñatvā tassa santikaṃ agamāsi. So bhagavantaṃ disvā pasannacitto uḷāraṃ pītisomanassaṃ pavedento pupphamayaṃ āsanaṃ paññapetvā adāsi. Satthā tattha nisīditvā, aniccatāpaṭisaṃyuttaṃ dhammiṃ kathaṃ kathetvā tassa passantasseva ākāsena agamāsi. So pubbe gahitaṃ niccaggāhaṃ pahāya aniccasaññaṃ hadaye ṭhapetvā, kālaṅkatvā, devaloke uppajitvā, aparāparaṃ devamanussesu saṃsaranto, imasmiṃ buddhuppāde rājagahe sopākayoniyaṃ nibbatti. So jātiāgatena sopākoti nāmena paññāyi. Keci pana ‘‘vāṇijakule nibbatto, ‘sopāko’ti pana nāmamatta’’nti vadanti. Taṃ apadānapāḷiyā virujjhati ‘‘pacchime bhave sampatte, sopākayonupāgami’’nti vacanato.
ตสฺส จตุมาสชาตสฺส ปิตา กาลมกาสิ, จูฬปิตา โปเสสิฯ อนุกฺกเมน สตฺตวสฺสิโก ชาโตฯ เอกทิวสํ จูฬปิตา ‘‘อตฺตโน ปุเตฺตน กลหํ กโรตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา, ตํ สุสานํ เนตฺวา, เทฺว หเตฺถ รชฺชุยา เอกโต พนฺธิตฺวา, ตาย เอว รชฺชุยา มตมนุสฺสสฺส สรีเร คาฬฺหํ พนฺธิตฺวา คโต ‘‘สิงฺคาลาทโย ขาทนฺตู’’ติฯ ปจฺฉิมภวิกตาย ทารกสฺส ปุญฺญผเลน สยํ มาเรตุํ น วิสหิ, สิงฺคาลาทโยปิ น อภิภวิํสุฯ ทารโก อฑฺฒรตฺตสมเย เอวํ วิปฺปลปติ –
Tassa catumāsajātassa pitā kālamakāsi, cūḷapitā posesi. Anukkamena sattavassiko jāto. Ekadivasaṃ cūḷapitā ‘‘attano puttena kalahaṃ karotī’’ti kujjhitvā, taṃ susānaṃ netvā, dve hatthe rajjuyā ekato bandhitvā, tāya eva rajjuyā matamanussassa sarīre gāḷhaṃ bandhitvā gato ‘‘siṅgālādayo khādantū’’ti. Pacchimabhavikatāya dārakassa puññaphalena sayaṃ māretuṃ na visahi, siṅgālādayopi na abhibhaviṃsu. Dārako aḍḍharattasamaye evaṃ vippalapati –
‘‘กา คติ เม อคติสฺส, โก วา พนฺธุ อพนฺธุโน;
‘‘Kā gati me agatissa, ko vā bandhu abandhuno;
สุสานมเชฺฌ พนฺธสฺส, โก เม อภยทายโก’’ติฯ
Susānamajjhe bandhassa, ko me abhayadāyako’’ti.
สตฺถา ตาย เวลาย เวเนยฺยพนฺธเว โอโลเกโนฺต ทารกสฺส หทยพฺภนฺตเร ปชฺชลนฺตํ อรหตฺตูปนิสฺสยํ ทิสฺวา โอภาสํ ผริตฺวา สติํ ชเนตฺวา เอวมาห –
Satthā tāya velāya veneyyabandhave olokento dārakassa hadayabbhantare pajjalantaṃ arahattūpanissayaṃ disvā obhāsaṃ pharitvā satiṃ janetvā evamāha –
‘‘เอหิ โสปาก มา ภายิ, โอโลกสฺสุ ตถาคตํ;
‘‘Ehi sopāka mā bhāyi, olokassu tathāgataṃ;
อหํ ตํ ตารยิสฺสามิ, ราหุมุเขว จนฺทิม’’นฺติฯ
Ahaṃ taṃ tārayissāmi, rāhumukheva candima’’nti.
ทารโก พุทฺธานุภาเวน ฉินฺนพนฺธโน คาถาปริโยสาเน โสตาปโนฺน หุตฺวา คนฺธกุฎิสมฺมุเข อฎฺฐาสิฯ ตสฺส มาตา ปุตฺตํ อปสฺสนฺตี จูฬปิตรํ ปุจฺฉิตฺวา เตนสฺส ปวตฺติยา อกถิตาย ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา วิจินนฺตี ‘‘พุทฺธา กิร อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ ชานนฺติ, ยํนูนาหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา มม ปุตฺตสฺส ปวตฺติํ ชาเนยฺย’’นฺติ สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิฯ สตฺถา, อิทฺธิยา ตํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา, ‘‘ภเนฺต, มม ปุตฺตํ น ปสฺสามิ, อปิจ ภควา ตสฺส ปวตฺติํ ชานาตี’’ติ ตาย ปุโฎฺฐ –
Dārako buddhānubhāvena chinnabandhano gāthāpariyosāne sotāpanno hutvā gandhakuṭisammukhe aṭṭhāsi. Tassa mātā puttaṃ apassantī cūḷapitaraṃ pucchitvā tenassa pavattiyā akathitāya tattha tattha gantvā vicinantī ‘‘buddhā kira atītānāgatapaccuppannaṃ jānanti, yaṃnūnāhaṃ bhagavantaṃ upasaṅkamitvā mama puttassa pavattiṃ jāneyya’’nti satthu santikaṃ agamāsi. Satthā, iddhiyā taṃ paṭicchādetvā, ‘‘bhante, mama puttaṃ na passāmi, apica bhagavā tassa pavattiṃ jānātī’’ti tāya puṭṭho –
‘‘น สนฺติ ปุตฺตา ตาณาย, น ปิตา นาปิ พนฺธวา;
‘‘Na santi puttā tāṇāya, na pitā nāpi bandhavā;
อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส, นตฺถิ ญาตีสุ ตาณตา’’ติฯ (ธ. ป. ๒๘๘) –
Antakenādhipannassa, natthi ñātīsu tāṇatā’’ti. (dha. pa. 288) –
ธมฺมํ กเถสิฯ ตํ สุตฺวา สา โสตาปนฺนา อโหสิฯ ทารโก อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๑๑๒-๑๒๓) –
Dhammaṃ kathesi. Taṃ sutvā sā sotāpannā ahosi. Dārako arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.2.112-123) –
‘‘ปพฺภารํ โสธยนฺตสฺส, วิปิเน ปพฺพตุตฺตเม;
‘‘Pabbhāraṃ sodhayantassa, vipine pabbatuttame;
สิทฺธโตฺถ นาม ภควา, อาคจฺฉิ มม สนฺติกํฯ
Siddhattho nāma bhagavā, āgacchi mama santikaṃ.
‘‘พุทฺธํ อุปคตํ ทิสฺวา, โลกเชฎฺฐสฺส ตาทิโน;
‘‘Buddhaṃ upagataṃ disvā, lokajeṭṭhassa tādino;
สนฺถรํ สนฺถริตฺวาน, ปุปฺผาสนมทาสหํฯ
Santharaṃ santharitvāna, pupphāsanamadāsahaṃ.
‘‘ปุปฺผาสเน นิสีทิตฺวา, สิทฺธโตฺถ โลกนายโก;
‘‘Pupphāsane nisīditvā, siddhattho lokanāyako;
มมญฺจ คติมญฺญาย, อนิจฺจตมุทาหริฯ
Mamañca gatimaññāya, aniccatamudāhari.
‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
‘‘Aniccā vata saṅkhārā, uppādavayadhammino;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโขฯ
Uppajjitvā nirujjhanti, tesaṃ vūpasamo sukho.
‘‘อิทํ วตฺวาน สพฺพญฺญู, โลกเชโฎฺฐ นราสโภ;
‘‘Idaṃ vatvāna sabbaññū, lokajeṭṭho narāsabho;
นภํ อพฺภุคฺคมี วีโร, หํสราชาว อมฺพเรฯ
Nabhaṃ abbhuggamī vīro, haṃsarājāva ambare.
‘‘สกํ ทิฎฺฐิํ ชหิตฺวาน, ภาวยานิจฺจสญฺญหํ;
‘‘Sakaṃ diṭṭhiṃ jahitvāna, bhāvayāniccasaññahaṃ;
เอกาหํ ภาวยิตฺวาน, ตตฺถ กาลํ กโต อหํฯ
Ekāhaṃ bhāvayitvāna, tattha kālaṃ kato ahaṃ.
‘‘เทฺว สมฺปตฺตี อนุโภตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิโต;
‘‘Dve sampattī anubhotvā, sukkamūlena codito;
ปจฺฉิเม ภเว สมฺปเตฺต, สปากโยนุปาคมิํฯ
Pacchime bhave sampatte, sapākayonupāgamiṃ.
‘‘อคารา อภินิกฺขมฺม, ปพฺพชิํ อนคาริยํ;
‘‘Agārā abhinikkhamma, pabbajiṃ anagāriyaṃ;
ชาติยา สตฺตวโสฺสหํ, อรหตฺตมปาปุณิํฯ
Jātiyā sattavassohaṃ, arahattamapāpuṇiṃ.
‘‘อารทฺธวีริโย ปหิตโตฺต, สีเลสุ สุสมาหิโต;
‘‘Āraddhavīriyo pahitatto, sīlesu susamāhito;
โตเสตฺวาน มหานาคํ, อลตฺถํ อุปสมฺปทํฯ
Tosetvāna mahānāgaṃ, alatthaṃ upasampadaṃ.
‘‘จตุนฺนวุติโต กเปฺป, ยํ กมฺมมกริํ ตทา;
‘‘Catunnavutito kappe, yaṃ kammamakariṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ปุปฺผทานสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, pupphadānassidaṃ phalaṃ.
‘‘จตุนฺนวุติโต กเปฺป, ยํ สญฺญํ ภาวยิํ ตทา;
‘‘Catunnavutito kappe, yaṃ saññaṃ bhāvayiṃ tadā;
ตํ สญฺญํ ภาวยนฺตสฺส, ปโตฺต เม อาสวกฺขโยฯ
Taṃ saññaṃ bhāvayantassa, patto me āsavakkhayo.
‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Paṭisambhidā catasso…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อถ ภควา อิทฺธิํ ปฎิสํหริฯ สาปิ ปุตฺตํ ทิสฺวา หฎฺฐตุโฎฺฐ ตสฺส ขีณาสวภาวํ สุตฺวา ปพฺพาเชตฺวา คตาฯ โส สตฺถารํ คนฺธกุฎิจฺฉายายํ จงฺกมนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, วนฺทิตฺวา อนุจงฺกมิฯ ตสฺส ภควา อุปสมฺปทํ อนุชานิตุกาโม ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติอาทินา ทส ปเญฺห ปุจฺฉิฯ โสปิ สตฺถุ อธิปฺปายํ คณฺหโนฺต สพฺพญฺญุตญฺญาเณน สํสเนฺทโนฺต ‘‘สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกา’’ติอาทินา (ขุ. ปา. ๔.๑) เต ปเญฺห วิสฺสเชฺชสิฯ เตเนว เต กุมารปญฺหา นาม ชาตาฯ สตฺถา ตสฺส ปญฺหพฺยากรเณน อาราธิตจิโตฺต อุปสมฺปทํ อนุชานิฯ เตน สา ปญฺหพฺยากรณูปสมฺปทา นาม ชาตาฯ ตสฺสิมํ อตฺตโน ปวตฺติํ ปกาเสตฺวา เถโร อญฺญํ พฺยากโรโนฺต –
Atha bhagavā iddhiṃ paṭisaṃhari. Sāpi puttaṃ disvā haṭṭhatuṭṭho tassa khīṇāsavabhāvaṃ sutvā pabbājetvā gatā. So satthāraṃ gandhakuṭicchāyāyaṃ caṅkamantaṃ upasaṅkamitvā, vanditvā anucaṅkami. Tassa bhagavā upasampadaṃ anujānitukāmo ‘‘ekaṃ nāma ki’’ntiādinā dasa pañhe pucchi. Sopi satthu adhippāyaṃ gaṇhanto sabbaññutaññāṇena saṃsandento ‘‘sabbe sattā āhāraṭṭhitikā’’tiādinā (khu. pā. 4.1) te pañhe vissajjesi. Teneva te kumārapañhā nāma jātā. Satthā tassa pañhabyākaraṇena ārādhitacitto upasampadaṃ anujāni. Tena sā pañhabyākaraṇūpasampadā nāma jātā. Tassimaṃ attano pavattiṃ pakāsetvā thero aññaṃ byākaronto –
๔๘๐.
480.
‘‘ทิสฺวา ปาสาทฉายายํ, จงฺกมนฺตํ นรุตฺตมํ;
‘‘Disvā pāsādachāyāyaṃ, caṅkamantaṃ naruttamaṃ;
ตตฺถ นํ อุปสงฺกมฺม, วนฺทิสฺสํ ปุริสุตฺตมํฯ
Tattha naṃ upasaṅkamma, vandissaṃ purisuttamaṃ.
๔๘๑.
481.
‘‘เอกํสํ จีวรํ กตฺวา, สํหริตฺวาน ปาณโย;
‘‘Ekaṃsaṃ cīvaraṃ katvā, saṃharitvāna pāṇayo;
อนุจงฺกมิสฺสํ วิรชํ, สพฺพสตฺตานมุตฺตมํฯ
Anucaṅkamissaṃ virajaṃ, sabbasattānamuttamaṃ.
๔๘๒.
482.
‘‘ตโต ปเญฺห อปุจฺฉิ มํ, ปญฺหานํ โกวิโท วิทู;
‘‘Tato pañhe apucchi maṃ, pañhānaṃ kovido vidū;
อจฺฉมฺภี จ อภีโต จ, พฺยากาสิํ สตฺถุโน อหํฯ
Acchambhī ca abhīto ca, byākāsiṃ satthuno ahaṃ.
๔๘๓.
483.
‘‘วิสฺสชฺชิเตสุ ปเญฺหสุ, อนุโมทิ ตถาคโต;
‘‘Vissajjitesu pañhesu, anumodi tathāgato;
ภิกฺขุสงฺฆํ วิโลเกตฺวา, อิมมตฺถํ อภาสถฯ
Bhikkhusaṅghaṃ viloketvā, imamatthaṃ abhāsatha.
๔๘๔.
484.
‘‘‘ลาภา องฺคานํ มคธานํ, เยสายํ ปริภุญฺชติ;
‘‘‘Lābhā aṅgānaṃ magadhānaṃ, yesāyaṃ paribhuñjati;
จีวรํ ปิณฺฑปาตญฺจ, ปจฺจยํ สยนาสนํ;
Cīvaraṃ piṇḍapātañca, paccayaṃ sayanāsanaṃ;
ปจฺจุฎฺฐานญฺจ สามีจิํ, เตสํ ลาภา’ติ จาพฺรวิฯ
Paccuṭṭhānañca sāmīciṃ, tesaṃ lābhā’ti cābravi.
๔๘๕.
485.
‘‘‘อชฺชทเคฺค มํ โสปาก, ทสฺสนาโยปสงฺกม;
‘‘‘Ajjadagge maṃ sopāka, dassanāyopasaṅkama;
เอสา เจว เต โสปาก, ภวตุ อุปสมฺปทา’’’ฯ
Esā ceva te sopāka, bhavatu upasampadā’’’.
๔๘๖.
486.
‘‘ชาติยา สตฺตวเสฺสน, ลทฺธาน อุปสมฺปทํ;
‘‘Jātiyā sattavassena, laddhāna upasampadaṃ;
ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, อโห ธมฺมสุธมฺมตา’’ติฯ – อิมา คาถา อภาสิ;
Dhāremi antimaṃ dehaṃ, aho dhammasudhammatā’’ti. – imā gāthā abhāsi;
ตตฺถ ปาสาทฉายายนฺติ คนฺธกุฎิจฺฉายายํฯ วนฺทิสฺสนฺติ, อภิวนฺทิํฯ
Tattha pāsādachāyāyanti gandhakuṭicchāyāyaṃ. Vandissanti, abhivandiṃ.
สํหริตฺวาน ปาณโยติ อุโภ หเตฺถ กมลมกุฬากาเรน สงฺคเต กตฺวา, อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวาติ อโตฺถฯ อนุจงฺกมิสฺสนฺติ จงฺกมนฺตสฺส สตฺถุโน อนุปจฺฉโต อนุคมนวเสน จงฺกมิํฯ วิรชนฺติ วิคตราคาทิรชํฯ
Saṃharitvāna pāṇayoti ubho hatthe kamalamakuḷākārena saṅgate katvā, añjaliṃ paggahetvāti attho. Anucaṅkamissanti caṅkamantassa satthuno anupacchato anugamanavasena caṅkamiṃ. Virajanti vigatarāgādirajaṃ.
ปเญฺหติ กุมารปเญฺหฯ วิทูติ เวทิตพฺพํ วิทิตวา, สพฺพญฺญูติ อโตฺถฯ ‘‘สตฺถา มํ ปุจฺฉตี’’ติ อุปฺปชฺชนกสฺส ฉมฺภิตตฺตสฺส ภยสฺส จ เสตุฆาเตน ปหีนตฺตา อจฺฉมฺภี จ อภีโต จ พฺยากาสิฯ
Pañheti kumārapañhe. Vidūti veditabbaṃ viditavā, sabbaññūti attho. ‘‘Satthā maṃ pucchatī’’ti uppajjanakassa chambhitattassa bhayassa ca setughātena pahīnattā acchambhī ca abhīto ca byākāsi.
เยสายนฺติ เยสํ องฺคมคธานํ อยํ โสปาโกฯ ปจฺจยนฺติ คิลานปจฺจยํฯ สามีจินฺติ มคฺคทานพีชนาทิสามีจิกิริยํฯ
Yesāyanti yesaṃ aṅgamagadhānaṃ ayaṃ sopāko. Paccayanti gilānapaccayaṃ. Sāmīcinti maggadānabījanādisāmīcikiriyaṃ.
อชฺชทเคฺคติ ท-กาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อเคฺค อาทิํ กตฺวา, อชฺช ปฎฺฐายฯ ‘‘อชฺชตเคฺค’’ติปิ ปาฬิ, อชฺชตํ อาทิํ กตฺวาติ อโตฺถฯ ทสฺสนาโยปสงฺกมาติ ‘‘หีนชโจฺจ, วยสา ตรุณตโร’’ติ วา อจิเนฺตตฺวา ทสฺสนาย มํ อุปสงฺกมฯ เอสา เจวาติ ยา ตสฺส มม สพฺพญฺญุตญฺญาเณน สทฺธิํ สํสเนฺทตฺวา กตา ปญฺหวิสฺสชฺชนาฯ เอสาเยว เต ภวตุ อุปสมฺปทา อิติ จ อพฺรวีติ โยชนาฯ ‘‘ลทฺธา เม อุปสมฺปทา’’ติปิ ปาฬิฯ เย ปน ‘‘ลทฺธาน อุปสมฺปท’’นฺติปิ ปฐนฺติ, เตสํ สตฺตวเสฺสนาติ สตฺตเมน วเสฺสนาติ อโตฺถ, สตฺตวเสฺสน วา หุตฺวาติ วจนเสโสฯ ยํ ปเนตฺถ อวุตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Ajjadaggeti da-kāro padasandhikaro, ajja agge ādiṃ katvā, ajja paṭṭhāya. ‘‘Ajjatagge’’tipi pāḷi, ajjataṃ ādiṃ katvāti attho. Dassanāyopasaṅkamāti ‘‘hīnajacco, vayasā taruṇataro’’ti vā acintetvā dassanāya maṃ upasaṅkama. Esā cevāti yā tassa mama sabbaññutaññāṇena saddhiṃ saṃsandetvā katā pañhavissajjanā. Esāyeva te bhavatu upasampadā iti ca abravīti yojanā. ‘‘Laddhā me upasampadā’’tipi pāḷi. Ye pana ‘‘laddhāna upasampada’’ntipi paṭhanti, tesaṃ sattavassenāti sattamena vassenāti attho, sattavassena vā hutvāti vacanaseso. Yaṃ panettha avuttaṃ, taṃ suviññeyyameva.
โสปากเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sopākattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๔. โสปากเตฺถรคาถา • 4. Sopākattheragāthā