Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
๕๑. โสตธาตุวิสุทฺธิญาณนิเทฺทสวณฺณนา
51. Sotadhātuvisuddhiñāṇaniddesavaṇṇanā
๑๐๓. โสตธาตุวิสุทฺธิญาณนิเทฺทเส ทูเรปิ สทฺทานนฺติอาทิ ทิพฺพโสตํ อุปฺปาเทตุกามสฺส อาทิกมฺมิกสฺส ภิกฺขุโน อุปายสนฺทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ตตฺถ ทูเรปิ สทฺทานํ สทฺทนิมิตฺตนฺติ ทูเร สทฺทานํ อนฺตเร สทฺทํฯ สโทฺทเยว หิ นิมิตฺตกรณวเสน สทฺทนิมิตฺตํฯ ‘‘ทูเร’’ติ วุเตฺตปิ ปกติโสตสฺส อาปาถฎฺฐาเนเยวฯ โอฬาริกานนฺติ ถูลานํฯ สุขุมานนฺติ อณูนํฯ สณฺหสณฺหานนฺติ สณฺหโตปิ สณฺหานํ, อติสณฺหานนฺติ อโตฺถฯ เอเตน ปรมสุขุมา สทฺทา วุตฺตา โหนฺติฯ อิมํ ญาณํ อุปฺปาเทตุกาเมน อาทิกมฺมิเกน ฌายินา อภิญฺญาปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ปริกมฺมสมาธิจิเตฺตน ปฐมตรํ ปกติโสตปเถ ทูเร โอฬาริโก อรเญฺญ สีหาทีนํ สโทฺท อาวชฺชิตโพฺพฯ วิหาเร ฆณฺฑิสโทฺท เภริสโทฺท สงฺขสโทฺท สามเณรทหรภิกฺขูนํ สพฺพถาเมน สชฺฌายนฺตานํ สชฺฌายนสโทฺท ปกติกถํ กเถนฺตานํ ‘‘กิํ, ภเนฺต, กิํ, อาวุโส’’ติอาทิสโทฺท สกุณสโทฺท วาตสโทฺท ปทสโทฺท ปกฺกุถิตอุทกสฺส จิจฺจิฎายนสโทฺท อาตเป สุสฺสมานตาลปณฺณสโทฺท กุนฺถกิปิลฺลิกาทิสโทฺทติ เอวํ สโพฺพฬาริกโต ปภุติ ยถากฺกเมน สุขุมสุขุมสทฺทา อาวชฺชิตพฺพาฯ
103. Sotadhātuvisuddhiñāṇaniddese dūrepi saddānantiādi dibbasotaṃ uppādetukāmassa ādikammikassa bhikkhuno upāyasandassanatthaṃ vuttaṃ. Tattha dūrepi saddānaṃ saddanimittanti dūre saddānaṃ antare saddaṃ. Saddoyeva hi nimittakaraṇavasena saddanimittaṃ. ‘‘Dūre’’ti vuttepi pakatisotassa āpāthaṭṭhāneyeva. Oḷārikānanti thūlānaṃ. Sukhumānanti aṇūnaṃ. Saṇhasaṇhānanti saṇhatopi saṇhānaṃ, atisaṇhānanti attho. Etena paramasukhumā saddā vuttā honti. Imaṃ ñāṇaṃ uppādetukāmena ādikammikena jhāyinā abhiññāpādakajjhānaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya parikammasamādhicittena paṭhamataraṃ pakatisotapathe dūre oḷāriko araññe sīhādīnaṃ saddo āvajjitabbo. Vihāre ghaṇḍisaddo bherisaddo saṅkhasaddo sāmaṇeradaharabhikkhūnaṃ sabbathāmena sajjhāyantānaṃ sajjhāyanasaddo pakatikathaṃ kathentānaṃ ‘‘kiṃ, bhante, kiṃ, āvuso’’tiādisaddo sakuṇasaddo vātasaddo padasaddo pakkuthitaudakassa cicciṭāyanasaddo ātape sussamānatālapaṇṇasaddo kunthakipillikādisaddoti evaṃ sabboḷārikato pabhuti yathākkamena sukhumasukhumasaddā āvajjitabbā.
เอวํ กโรเนฺตน จ ปุรตฺถิมาทีสุ ทสสุ ทิสาสุ กเมน เอเกกิสฺสา ทิสาย สทฺทนิมิตฺตํ วุตฺตนเยน มนสิ กาตพฺพํฯ มนสิ กโรเนฺตน จ เย สทฺทา ปกติโสตสฺส สุยฺยนฺติ, เตสุ ปกติโสตโมธาย มโนทฺวาริเกน จิเตฺตน มนสิ กาตพฺพํฯ ตสฺส เต สทฺทา ปกติจิตฺตสฺสาปิ ปากฎา โหนฺติ, ปริกมฺมสมาธิจิตฺตสฺส ปน อติวิย ปากฎา โหนฺติฯ ตเสฺสวํ สทฺทนิมิตฺตํ มนสิกโรโต อิทานิ ทิพฺพโสตธาตุ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ เตสุ สเทฺทสุ อญฺญตรํ อารมฺมณํ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมิํ นิรุเทฺธ จตฺตาริ ปญฺจ วา ชวนานิ ชวนฺติฯ เยสํ ปุริมานิ ตีณิ จตฺตาริ วา ปริกโมฺมปจารานุโลมโคตฺรภุนามกานิ กามาวจรานิ, จตุตฺถํ ปญฺจมํ วา อปฺปนาจิตฺตํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานิกํฯ ตตฺถ ยํ เตน อปฺปนาจิเตฺตน สทฺธิํ อุปฺปนฺนํ ญาณํ, อยํ ทิพฺพโสตธาตุฯ ตํ ถามคตํ กโรเนฺตน ‘‘เอตฺถนฺตเร สทฺทํ สุณามี’’ติ เอกงฺคุลมตฺตํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วเฑฺฒตพฺพํ, ตโต ทฺวงฺคุลจตุรงฺคุลอฎฺฐงฺคุลวิทตฺถิรตนอโนฺตคพฺภปมุข- ปาสาทปริเวณสงฺฆารามโคจรคามชนปทาทิวเสน ยาว จกฺกวาฬํ, ตโต วา ภิโยฺยปิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริจฺฉินฺทิตฺวา วเฑฺฒตพฺพํฯ เอวํ อธิคตาภิโญฺญ เอส ปาทกชฺฌานารมฺมเณน ผุโฎฺฐกาสพฺภนฺตรคเต สเทฺท ปุน ปาทกชฺฌานํ อสมาปชฺชิตฺวาปิ อภิญฺญาญาเณน สุณาติเยวฯ เอวํ สุณโนฺต จ สเจปิ ยาวพฺรหฺมโลกา สงฺขเภริปณวาทิสเทฺทหิ เอกโกลาหลํ โหติ, ปาฎิเยกฺกํ ววตฺถาเปตุกามตาย สติ ‘‘อยํ สงฺขสโทฺท, อยํ เภริสโทฺท’’ติ ววตฺถาเปตุํ สโกฺกติเยวฯ อภิญฺญาญาเณน สุเต สาตฺถเก สเทฺท ปจฺฉา กามาวจรจิเตฺตน อตฺถํ ชานาติฯ ทิพฺพโสตํ ปกติโสตวโตเยว อุปฺปชฺชติ, โน พธิรสฺสฯ ปจฺฉา ปกติโสเต วินเฎฺฐปิ ทิพฺพโสตํ น วินสฺสตีติ วทนฺติฯ
Evaṃ karontena ca puratthimādīsu dasasu disāsu kamena ekekissā disāya saddanimittaṃ vuttanayena manasi kātabbaṃ. Manasi karontena ca ye saddā pakatisotassa suyyanti, tesu pakatisotamodhāya manodvārikena cittena manasi kātabbaṃ. Tassa te saddā pakaticittassāpi pākaṭā honti, parikammasamādhicittassa pana ativiya pākaṭā honti. Tassevaṃ saddanimittaṃ manasikaroto idāni dibbasotadhātu uppajjissatīti tesu saddesu aññataraṃ ārammaṇaṃ katvā manodvārāvajjanaṃ uppajjati, tasmiṃ niruddhe cattāri pañca vā javanāni javanti. Yesaṃ purimāni tīṇi cattāri vā parikammopacārānulomagotrabhunāmakāni kāmāvacarāni, catutthaṃ pañcamaṃ vā appanācittaṃ rūpāvacaracatutthajjhānikaṃ. Tattha yaṃ tena appanācittena saddhiṃ uppannaṃ ñāṇaṃ, ayaṃ dibbasotadhātu. Taṃ thāmagataṃ karontena ‘‘etthantare saddaṃ suṇāmī’’ti ekaṅgulamattaṃ paricchinditvā vaḍḍhetabbaṃ, tato dvaṅgulacaturaṅgulaaṭṭhaṅgulavidatthiratanaantogabbhapamukha- pāsādapariveṇasaṅghārāmagocaragāmajanapadādivasena yāva cakkavāḷaṃ, tato vā bhiyyopi paricchinditvā paricchinditvā vaḍḍhetabbaṃ. Evaṃ adhigatābhiñño esa pādakajjhānārammaṇena phuṭṭhokāsabbhantaragate sadde puna pādakajjhānaṃ asamāpajjitvāpi abhiññāñāṇena suṇātiyeva. Evaṃ suṇanto ca sacepi yāvabrahmalokā saṅkhabheripaṇavādisaddehi ekakolāhalaṃ hoti, pāṭiyekkaṃ vavatthāpetukāmatāya sati ‘‘ayaṃ saṅkhasaddo, ayaṃ bherisaddo’’ti vavatthāpetuṃ sakkotiyeva. Abhiññāñāṇena sute sātthake sadde pacchā kāmāvacaracittena atthaṃ jānāti. Dibbasotaṃ pakatisotavatoyeva uppajjati, no badhirassa. Pacchā pakatisote vinaṭṭhepi dibbasotaṃ na vinassatīti vadanti.
โส ทิพฺพาย โสตธาตุยาติ เอตฺถ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพาฯ เทวานญฺหิ สุจริตกมฺมาภินิพฺพตฺตา ปิตฺตเสมฺหรุธิราทีหิ อปลิพุทฺธา อุปกฺกิเลสวิมุตฺตตาย ทูเรปิ อารมฺมณสมฺปฎิจฺฉนสมตฺถา ทิพฺพา ปสาทโสตธาตุ โหติฯ อยญฺจาปิ อิมสฺส ภิกฺขุโน วีริยภาวนาพลนิพฺพตฺตา ญาณโสตธาตุ ตาทิสาเยวาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพาฯ อปิจ ทิพฺพวิหารวเสน ปฎิลทฺธตฺตา, อตฺตนา จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาปิ ทิพฺพา, สวนเฎฺฐน นิชฺชีวเฎฺฐน จ โสตธาตุ, โสตธาตุกิจฺจกรเณน จ โสตธาตุ วิยาติปิ โสตธาตุฯ ตาย ทิพฺพาย โสตธาตุยาฯ วิสุทฺธายาติ ปริสุทฺธาย นิรุปกฺกิเลสายฯ อติกฺกนฺตมานุสิกายาติ มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา สทฺทสวเนน มานุสิกํ มํสโสตธาตุํ อติกฺกนฺตาย วีติวตฺติตฺวา ฐิตายฯ อุโภ สเทฺท สุณาตีติ เทฺว สเทฺท สุณาติฯ กตเม เทฺว? ทิเพฺพ จ มานุเส จ, เทวานญฺจ มนุสฺสานญฺจ สเทฺทติ วุตฺตํ โหติฯ เอเตน ปเทสปริยาทานํ เวทิตพฺพํฯ เย ทูเร สนฺติเก จาติ เย สทฺทา ทูเร ปรจกฺกวาเฬปิ, เย จ สนฺติเก อนฺตมโส สเทหสนฺนิสฺสิตปาณกสทฺทาปิ, เต สุณาตีติ วุตฺตํ โหติฯ เอเตน นิปฺปเทสปริยาทานํ เวทิตพฺพนฺติฯ
So dibbāya sotadhātuyāti ettha dibbasadisattā dibbā. Devānañhi sucaritakammābhinibbattā pittasemharudhirādīhi apalibuddhā upakkilesavimuttatāya dūrepi ārammaṇasampaṭicchanasamatthā dibbā pasādasotadhātu hoti. Ayañcāpi imassa bhikkhuno vīriyabhāvanābalanibbattā ñāṇasotadhātu tādisāyevāti dibbasadisattā dibbā. Apica dibbavihāravasena paṭiladdhattā, attanā ca dibbavihārasannissitattāpi dibbā, savanaṭṭhena nijjīvaṭṭhena ca sotadhātu, sotadhātukiccakaraṇena ca sotadhātu viyātipi sotadhātu. Tāya dibbāya sotadhātuyā. Visuddhāyāti parisuddhāya nirupakkilesāya. Atikkantamānusikāyāti manussūpacāraṃ atikkamitvā saddasavanena mānusikaṃ maṃsasotadhātuṃ atikkantāya vītivattitvā ṭhitāya. Ubho sadde suṇātīti dve sadde suṇāti. Katame dve? Dibbe ca mānuse ca, devānañca manussānañca saddeti vuttaṃ hoti. Etena padesapariyādānaṃ veditabbaṃ. Ye dūre santike cāti ye saddā dūre paracakkavāḷepi, ye ca santike antamaso sadehasannissitapāṇakasaddāpi, te suṇātīti vuttaṃ hoti. Etena nippadesapariyādānaṃ veditabbanti.
โสตธาตุวิสุทฺธิญาณนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sotadhātuvisuddhiñāṇaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๕๑. โสตธาตุวิสุทฺธิญาณนิเทฺทโส • 51. Sotadhātuvisuddhiñāṇaniddeso