Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
(๒๐) ๕. มหาวโคฺค
(20) 5. Mahāvaggo
๑. โสตานุคตสุตฺตํ
1. Sotānugatasuttaṃ
๑๙๑. ‘‘โสตานุคตานํ , ภิกฺขเว, ธมฺมานํ, วจสา ปริจิตานํ, มนสานุเปกฺขิตานํ, ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธานํ จตฺตาโร อานิสํสา ปาฎิกงฺขาฯ กตเม จตฺตาโร? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํฯ ตสฺส เต ธมฺมา โสตานุคตา โหนฺติ, วจสา ปริจิตา, มนสานุเปกฺขิตา, ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ โส มุฎฺฐสฺสติ 1 กาลํ กุรุมาโน อญฺญตรํ เทวนิกายํ อุปปชฺชติฯ ตสฺส ตตฺถ สุขิโน ธมฺมปทา ปฺลวนฺติ 2ฯ ทโนฺธ, ภิกฺขเว, สตุปฺปาโท; อถ โส สโตฺต ขิปฺปํเยว วิเสสคามี โหติฯ โสตานุคตานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ, วจสา ปริจิตานํ, มนสานุเปกฺขิตานํ, ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธานํ อยํ ปฐโม อานิสํโส ปาฎิกโงฺขฯ
191. ‘‘Sotānugatānaṃ , bhikkhave, dhammānaṃ, vacasā paricitānaṃ, manasānupekkhitānaṃ, diṭṭhiyā suppaṭividdhānaṃ cattāro ānisaṃsā pāṭikaṅkhā. Katame cattāro? Idha, bhikkhave, bhikkhu dhammaṃ pariyāpuṇāti – suttaṃ, geyyaṃ, veyyākaraṇaṃ, gāthaṃ, udānaṃ, itivuttakaṃ, jātakaṃ, abbhutadhammaṃ, vedallaṃ. Tassa te dhammā sotānugatā honti, vacasā paricitā, manasānupekkhitā, diṭṭhiyā suppaṭividdhā. So muṭṭhassati 3 kālaṃ kurumāno aññataraṃ devanikāyaṃ upapajjati. Tassa tattha sukhino dhammapadā plavanti 4. Dandho, bhikkhave, satuppādo; atha so satto khippaṃyeva visesagāmī hoti. Sotānugatānaṃ, bhikkhave, dhammānaṃ, vacasā paricitānaṃ, manasānupekkhitānaṃ, diṭṭhiyā suppaṭividdhānaṃ ayaṃ paṭhamo ānisaṃso pāṭikaṅkho.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํฯ ตสฺส เต ธมฺมา โสตานุคตา โหนฺติ, วจสา ปริจิตา, มนสานุเปกฺขิตา, ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ โส มุฎฺฐสฺสติ กาลํ กุรุมาโน อญฺญตรํ เทวนิกายํ อุปปชฺชติฯ ตสฺส ตตฺถ น เหว โข สุขิโน ธมฺมปทา ปฺลวนฺติ; อปิ จ โข ภิกฺขุ อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปโตฺต เทวปริสายํ ธมฺมํ เทเสติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อยํ วา โส ธมฺมวินโย, ยตฺถาหํ ปุเพฺพ พฺรหฺมจริยํ อจริ’นฺติฯ ทโนฺธ, ภิกฺขเว, สตุปฺปาโท; อถ โส สโตฺต ขิปฺปเมว วิเสสคามี โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส กุสโล เภริสทฺทสฺสฯ โส อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน เภริสทฺทํ สุเณยฺยฯ ตสฺส น เหว โข อสฺส กงฺขา วา วิมติ วา – ‘เภริสโทฺท นุ โข, น นุ โข เภริสโทฺท’ติ! อถ โข เภริสโทฺทเตฺวว นิฎฺฐํ คเจฺฉยฺยฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํฯ ตสฺส เต ธมฺมา โสตานุคตา โหนฺติ, วจสา ปริจิตา, มนสานุเปกฺขิตา, ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ โส มุฎฺฐสฺสติ กาลํ กุรุมาโน อญฺญตรํ เทวนิกายํ อุปปชฺชติฯ ตสฺส ตตฺถ น เหว โข สุขิโน ธมฺมปทา ปฺลวนฺติ; อปิ จ โข ภิกฺขุ อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปโตฺต เทวปริสายํ ธมฺมํ เทเสติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อยํ วา โส ธมฺมวินโย, ยตฺถาหํ ปุเพฺพ พฺรหฺมจริยํ อจริ’นฺติฯ ทโนฺธ, ภิกฺขเว, สตุปฺปาโท; อถ โส สโตฺต ขิปฺปํเยว วิเสสคามี โหติฯ โสตานุคตานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ , วจสา ปริจิตานํ, มนสานุเปกฺขิตานํ, ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธานํ อยํ ทุติโย อานิสํโส ปาฎิกโงฺขฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu dhammaṃ pariyāpuṇāti – suttaṃ, geyyaṃ, veyyākaraṇaṃ, gāthaṃ, udānaṃ, itivuttakaṃ, jātakaṃ, abbhutadhammaṃ, vedallaṃ. Tassa te dhammā sotānugatā honti, vacasā paricitā, manasānupekkhitā, diṭṭhiyā suppaṭividdhā. So muṭṭhassati kālaṃ kurumāno aññataraṃ devanikāyaṃ upapajjati. Tassa tattha na heva kho sukhino dhammapadā plavanti; api ca kho bhikkhu iddhimā cetovasippatto devaparisāyaṃ dhammaṃ deseti. Tassa evaṃ hoti – ‘ayaṃ vā so dhammavinayo, yatthāhaṃ pubbe brahmacariyaṃ acari’nti. Dandho, bhikkhave, satuppādo; atha so satto khippameva visesagāmī hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, puriso kusalo bherisaddassa. So addhānamaggappaṭipanno bherisaddaṃ suṇeyya. Tassa na heva kho assa kaṅkhā vā vimati vā – ‘bherisaddo nu kho, na nu kho bherisaddo’ti! Atha kho bherisaddotveva niṭṭhaṃ gaccheyya. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu dhammaṃ pariyāpuṇāti – suttaṃ, geyyaṃ, veyyākaraṇaṃ, gāthaṃ, udānaṃ, itivuttakaṃ, jātakaṃ, abbhutadhammaṃ, vedallaṃ. Tassa te dhammā sotānugatā honti, vacasā paricitā, manasānupekkhitā, diṭṭhiyā suppaṭividdhā. So muṭṭhassati kālaṃ kurumāno aññataraṃ devanikāyaṃ upapajjati. Tassa tattha na heva kho sukhino dhammapadā plavanti; api ca kho bhikkhu iddhimā cetovasippatto devaparisāyaṃ dhammaṃ deseti. Tassa evaṃ hoti – ‘ayaṃ vā so dhammavinayo, yatthāhaṃ pubbe brahmacariyaṃ acari’nti. Dandho, bhikkhave, satuppādo; atha so satto khippaṃyeva visesagāmī hoti. Sotānugatānaṃ, bhikkhave, dhammānaṃ , vacasā paricitānaṃ, manasānupekkhitānaṃ, diṭṭhiyā suppaṭividdhānaṃ ayaṃ dutiyo ānisaṃso pāṭikaṅkho.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํฯ ตสฺส เต ธมฺมา โสตานุคตา โหนฺติ, วจสา ปริจิตา, มนสานุเปกฺขิตา, ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ โส มุฎฺฐสฺสติ กาลํ กุรุมาโน อญฺญตรํ เทวนิกายํ อุปปชฺชติฯ ตสฺส ตตฺถ น เหว โข สุขิโน ธมฺมปทา ปฺลวนฺติ, นปิ ภิกฺขุ อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปโตฺต เทวปริสายํ ธมฺมํ เทเสติ; อปิ จ โข เทวปุโตฺต เทวปริสายํ ธมฺมํ เทเสติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อยํ วา โส ธมฺมวินโย, ยตฺถาหํ ปุเพฺพ พฺรหฺมจริยํ อจริ’นฺติฯ ทโนฺธ, ภิกฺขเว, สตุปฺปาโท; อถ โส สโตฺต ขิปฺปํเยว วิเสสคามี โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส กุสโล สงฺขสทฺทสฺสฯ โส อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน สงฺขสทฺทํ สุเณยฺยฯ ตสฺส น เหว โข อสฺส กงฺขา วา วิมติ วา – ‘สงฺขสโทฺท นุ โข, น นุ โข สงฺขสโทฺท’ติ! อถ โข สงฺขสโทฺทเตฺวว นิฎฺฐํ คเจฺฉยฺยฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํฯ ตสฺส เต ธมฺมา โสตานุคตา โหนฺติ, วจสา ปริจิตา, มนสานุเปกฺขิตา, ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ โส มุฎฺฐสฺสติ กาลํ กุรุมาโน อญฺญตรํ เทวนิกายํ อุปปชฺชติฯ ตสฺส ตตฺถ น เหว โข สุขิโน ธมฺมปทา ปฺลวนฺติ, นปิ ภิกฺขุ อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปโตฺต เทวปริสายํ ธมฺมํ เทเสติ; อปิ จ โข เทวปุโตฺต เทวปริสายํ ธมฺมํ เทเสติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อยํ วา โส ธมฺมวินโย, ยตฺถาหํ ปุเพฺพ พฺรหฺมจริยํ อจริ’นฺติฯ ทโนฺธ, ภิกฺขเว, สตุปฺปาโท; อถ โส สโตฺต ขิปฺปํเยว วิเสสคามี โหติฯ โสตานุคตานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ, วจสา ปริจิตานํ, มนสานุเปกฺขิตานํ, ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธานํ อยํ ตติโย อานิสํโส ปาฎิกโงฺขฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu dhammaṃ pariyāpuṇāti – suttaṃ, geyyaṃ, veyyākaraṇaṃ, gāthaṃ, udānaṃ, itivuttakaṃ, jātakaṃ, abbhutadhammaṃ, vedallaṃ. Tassa te dhammā sotānugatā honti, vacasā paricitā, manasānupekkhitā, diṭṭhiyā suppaṭividdhā. So muṭṭhassati kālaṃ kurumāno aññataraṃ devanikāyaṃ upapajjati. Tassa tattha na heva kho sukhino dhammapadā plavanti, napi bhikkhu iddhimā cetovasippatto devaparisāyaṃ dhammaṃ deseti; api ca kho devaputto devaparisāyaṃ dhammaṃ deseti. Tassa evaṃ hoti – ‘ayaṃ vā so dhammavinayo, yatthāhaṃ pubbe brahmacariyaṃ acari’nti. Dandho, bhikkhave, satuppādo; atha so satto khippaṃyeva visesagāmī hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, puriso kusalo saṅkhasaddassa. So addhānamaggappaṭipanno saṅkhasaddaṃ suṇeyya. Tassa na heva kho assa kaṅkhā vā vimati vā – ‘saṅkhasaddo nu kho, na nu kho saṅkhasaddo’ti! Atha kho saṅkhasaddotveva niṭṭhaṃ gaccheyya. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu dhammaṃ pariyāpuṇāti – suttaṃ, geyyaṃ, veyyākaraṇaṃ, gāthaṃ, udānaṃ, itivuttakaṃ, jātakaṃ, abbhutadhammaṃ, vedallaṃ. Tassa te dhammā sotānugatā honti, vacasā paricitā, manasānupekkhitā, diṭṭhiyā suppaṭividdhā. So muṭṭhassati kālaṃ kurumāno aññataraṃ devanikāyaṃ upapajjati. Tassa tattha na heva kho sukhino dhammapadā plavanti, napi bhikkhu iddhimā cetovasippatto devaparisāyaṃ dhammaṃ deseti; api ca kho devaputto devaparisāyaṃ dhammaṃ deseti. Tassa evaṃ hoti – ‘ayaṃ vā so dhammavinayo, yatthāhaṃ pubbe brahmacariyaṃ acari’nti. Dandho, bhikkhave, satuppādo; atha so satto khippaṃyeva visesagāmī hoti. Sotānugatānaṃ, bhikkhave, dhammānaṃ, vacasā paricitānaṃ, manasānupekkhitānaṃ, diṭṭhiyā suppaṭividdhānaṃ ayaṃ tatiyo ānisaṃso pāṭikaṅkho.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํฯ ตสฺส เต ธมฺมา โสตานุคตา โหนฺติ, วจสา ปริจิตา, มนสานุเปกฺขิตา, ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ โส มุฎฺฐสฺสติ กาลํ กุรุมาโน อญฺญตรํ เทวนิกายํ อุปปชฺชติฯ ตสฺส ตตฺถ น เหว โข สุขิโน ธมฺมปทา ปฺลวนฺติ, นปิ ภิกฺขุ อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปโตฺต เทวปริสายํ ธมฺมํ เทเสติ, นปิ เทวปุโตฺต เทวปริสายํ ธมฺมํ เทเสติ; อปิ จ โข โอปปาติโก โอปปาติกํ สาเรติ – ‘สรสิ ตฺวํ, มาริส, สรสิ ตฺวํ , มาริส, ยตฺถ มยํ ปุเพฺพ พฺรหฺมจริยํ อจริมฺหา’ติฯ โส เอวมาห – ‘สรามิ, มาริส, สรามิ, มาริสา’ติฯ ทโนฺธ, ภิกฺขเว, สตุปฺปาโท; อถ โส สโตฺต ขิปฺปํเยว วิเสสคามี โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, เทฺว สหายกา สหปํสุกีฬิกา 5ฯ เต กทาจิ กรหจิ อญฺญมญฺญํ สมาคเจฺฉยฺยุํฯ อโญฺญ ปน 6 สหายโก สหายกํ เอวํ วเทยฺย – ‘อิทมฺปิ, สมฺม, สรสิ, อิทมฺปิ, สมฺม, สรสี’ติฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘สรามิ , สมฺม, สรามิ, สมฺมา’ติฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํฯ ตสฺส เต ธมฺมา โสตานุคตา โหนฺติ, วจสา ปริจิตา, มนสานุเปกฺขิตา, ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ โส มุฎฺฐสฺสติ กาลํ กุรุมาโน อญฺญตรํ เทวนิกายํ อุปปชฺชติฯ ตสฺส ตตฺถ น เหว โข สุขิโน ธมฺมปทา ปฺลวนฺติ, นปิ ภิกฺขุ อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปโตฺต เทวปริสายํ ธมฺมํ เทเสติ, นปิ เทวปุโตฺต เทวปริสายํ ธมฺมํ เทเสติ; อปิ จ โข โอปปาติโก โอปปาติกํ สาเรติ – ‘สรสิ ตฺวํ, มาริส, สรสิ ตฺวํ, มาริส, ยตฺถ มยํ ปุเพฺพ พฺรหฺมจริยํ อจริมฺหา’ติฯ โส เอวมาห – ‘สรามิ, มาริส, สรามิ, มาริสา’ติฯ ทโนฺธ, ภิกฺขเว, สตุปฺปาโท; อถ โข โส สโตฺต ขิปฺปํเยว วิเสสคามี โหติฯ โสตานุคตานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ, วจสา ปริจิตานํ, มนสานุเปกฺขิตานํ, ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธานํ อยํ จตุโตฺถ อานิสํโส ปาฎิกโงฺขฯ โสตานุคตานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ, วจสา ปริจิตานํ, มนสานุเปกฺขิตานํ ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธานํ อิเม จตฺตาโร อานิสํสา ปาฎิกงฺขา’’ติฯ ปฐมํฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu dhammaṃ pariyāpuṇāti – suttaṃ, geyyaṃ, veyyākaraṇaṃ, gāthaṃ, udānaṃ, itivuttakaṃ, jātakaṃ, abbhutadhammaṃ, vedallaṃ. Tassa te dhammā sotānugatā honti, vacasā paricitā, manasānupekkhitā, diṭṭhiyā suppaṭividdhā. So muṭṭhassati kālaṃ kurumāno aññataraṃ devanikāyaṃ upapajjati. Tassa tattha na heva kho sukhino dhammapadā plavanti, napi bhikkhu iddhimā cetovasippatto devaparisāyaṃ dhammaṃ deseti, napi devaputto devaparisāyaṃ dhammaṃ deseti; api ca kho opapātiko opapātikaṃ sāreti – ‘sarasi tvaṃ, mārisa, sarasi tvaṃ , mārisa, yattha mayaṃ pubbe brahmacariyaṃ acarimhā’ti. So evamāha – ‘sarāmi, mārisa, sarāmi, mārisā’ti. Dandho, bhikkhave, satuppādo; atha so satto khippaṃyeva visesagāmī hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, dve sahāyakā sahapaṃsukīḷikā 7. Te kadāci karahaci aññamaññaṃ samāgaccheyyuṃ. Añño pana 8 sahāyako sahāyakaṃ evaṃ vadeyya – ‘idampi, samma, sarasi, idampi, samma, sarasī’ti. So evaṃ vadeyya – ‘sarāmi , samma, sarāmi, sammā’ti. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu dhammaṃ pariyāpuṇāti – suttaṃ, geyyaṃ, veyyākaraṇaṃ, gāthaṃ, udānaṃ, itivuttakaṃ, jātakaṃ, abbhutadhammaṃ, vedallaṃ. Tassa te dhammā sotānugatā honti, vacasā paricitā, manasānupekkhitā, diṭṭhiyā suppaṭividdhā. So muṭṭhassati kālaṃ kurumāno aññataraṃ devanikāyaṃ upapajjati. Tassa tattha na heva kho sukhino dhammapadā plavanti, napi bhikkhu iddhimā cetovasippatto devaparisāyaṃ dhammaṃ deseti, napi devaputto devaparisāyaṃ dhammaṃ deseti; api ca kho opapātiko opapātikaṃ sāreti – ‘sarasi tvaṃ, mārisa, sarasi tvaṃ, mārisa, yattha mayaṃ pubbe brahmacariyaṃ acarimhā’ti. So evamāha – ‘sarāmi, mārisa, sarāmi, mārisā’ti. Dandho, bhikkhave, satuppādo; atha kho so satto khippaṃyeva visesagāmī hoti. Sotānugatānaṃ, bhikkhave, dhammānaṃ, vacasā paricitānaṃ, manasānupekkhitānaṃ, diṭṭhiyā suppaṭividdhānaṃ ayaṃ catuttho ānisaṃso pāṭikaṅkho. Sotānugatānaṃ, bhikkhave, dhammānaṃ, vacasā paricitānaṃ, manasānupekkhitānaṃ diṭṭhiyā suppaṭividdhānaṃ ime cattāro ānisaṃsā pāṭikaṅkhā’’ti. Paṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. โสตานุคตสุตฺตวณฺณนา • 1. Sotānugatasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑. โสตานุคตสุตฺตวณฺณนา • 1. Sotānugatasuttavaṇṇanā