Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๑๔. ติํสนิปาโต

    14. Tiṃsanipāto

    ๑. สุภาชีวกมฺพวนิกาเถรีคาถาวณฺณนา

    1. Subhājīvakambavanikātherīgāthāvaṇṇanā

    ติํสนิปาเต ชีวกมฺพวนํ รมฺมนฺติอาทิกา สุภาย ชีวกมฺพวนิกาย เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี, สมฺภาวิตกุสลมูลา อนุกฺกเมน ปริพฺรูหิตวิโมกฺขสมฺภารา ปริปกฺกญาณา หุตฺวา, อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, สุภาติสฺสา นามมโหสิฯ ตสฺสา กิร สรีราวยวา โสภนวณฺณยุตฺตา อเหสุํ, ตสฺมา สุภาติ อนฺวตฺถเมว นามํ ชาตํฯ สา สตฺถุ ราชคหปฺปเวสเน ปฎิลทฺธสทฺธา อุปาสิกา หุตฺวา อปรภาเค สํสาเร ชาตสํเวคา กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา เนกฺขมฺมญฺจ เขมโต สลฺลกฺขนฺตี มหาปชาปติยา โคตมิยา สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี กติปาเหเนว อนาคามิผเล ปติฎฺฐาสิฯ

    Tiṃsanipāte jīvakambavanaṃ rammantiādikā subhāya jīvakambavanikāya theriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinantī, sambhāvitakusalamūlā anukkamena paribrūhitavimokkhasambhārā paripakkañāṇā hutvā, imasmiṃ buddhuppāde rājagahe brāhmaṇamahāsālakule nibbatti, subhātissā nāmamahosi. Tassā kira sarīrāvayavā sobhanavaṇṇayuttā ahesuṃ, tasmā subhāti anvatthameva nāmaṃ jātaṃ. Sā satthu rājagahappavesane paṭiladdhasaddhā upāsikā hutvā aparabhāge saṃsāre jātasaṃvegā kāmesu ādīnavaṃ disvā nekkhammañca khemato sallakkhantī mahāpajāpatiyā gotamiyā santike pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karontī katipāheneva anāgāmiphale patiṭṭhāsi.

    อถ นํ เอกทิวสํ อญฺญตโร ราชคหวาสี ธุตฺตปุริโส ตรุโณ ปฐมโยพฺพเน ฐิโต ชีวกมฺพวเน ทิวาวิหาราย คจฺฉนฺติํ ทิสฺวา ปฎิพทฺธจิโตฺต หุตฺวา มคฺคํ โอวรโนฺต กาเมหิ นิมเนฺตสิฯ สา ตสฺส นานปฺปกาเรหิ กามานํ อาทีนวํ อตฺตโน จ เนกฺขมฺมชฺฌาสยํ ปเวเทนฺตี ธมฺมํ กเถสิฯ โส ธมฺมกถํ สุตฺวาปิ น ปฎิกฺกมติ, นิพนฺธติเยวฯ เถรี นํ อตฺตโน วจเน อติฎฺฐนฺตํ อกฺขิมฺหิ จ อภิรตฺตํ ทิสฺวา, ‘‘หนฺท, ตยา สมฺภาวิตํ อกฺขิ’’นฺติ อตฺตโน เอกํ อกฺขิํ อุปฺปาเฎตฺวา ตสฺส อุปเนสิฯ ตโต โส ปุริโส สนฺตาโส สํเวคชาโต ตตฺถ วิคตราโคว หุตฺวา เถริํ ขมาเปตฺวา คโตฯ เถรี สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิฯ สตฺถุโน สห ทสฺสเนเนวสฺสา อกฺขิ ปฎิปากติกํ อโหสิฯ ตโต สา พุทฺธคตาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฎา หุตฺวา อฎฺฐาสิฯ สตฺถา ตสฺสา จิตฺตาจารํ ญตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา อคฺคมคฺคตฺถาย กมฺมฎฺฐานํ อาจิกฺขิฯ สา ปีติํ วิกฺขเมฺภตฺวา ตาวเทว วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ผลสุเขน นิพฺพานสุเขน วิหรนฺตี อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อตฺตนา เตน จ ธุตฺตปุริเสน วุตฺตคาถา อุทานวเสน –

    Atha naṃ ekadivasaṃ aññataro rājagahavāsī dhuttapuriso taruṇo paṭhamayobbane ṭhito jīvakambavane divāvihārāya gacchantiṃ disvā paṭibaddhacitto hutvā maggaṃ ovaranto kāmehi nimantesi. Sā tassa nānappakārehi kāmānaṃ ādīnavaṃ attano ca nekkhammajjhāsayaṃ pavedentī dhammaṃ kathesi. So dhammakathaṃ sutvāpi na paṭikkamati, nibandhatiyeva. Therī naṃ attano vacane atiṭṭhantaṃ akkhimhi ca abhirattaṃ disvā, ‘‘handa, tayā sambhāvitaṃ akkhi’’nti attano ekaṃ akkhiṃ uppāṭetvā tassa upanesi. Tato so puriso santāso saṃvegajāto tattha vigatarāgova hutvā theriṃ khamāpetvā gato. Therī satthu santikaṃ agamāsi. Satthuno saha dassanenevassā akkhi paṭipākatikaṃ ahosi. Tato sā buddhagatāya pītiyā nirantaraṃ phuṭā hutvā aṭṭhāsi. Satthā tassā cittācāraṃ ñatvā dhammaṃ desetvā aggamaggatthāya kammaṭṭhānaṃ ācikkhi. Sā pītiṃ vikkhambhetvā tāvadeva vipassanaṃ vaḍḍhetvā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Arahattaṃ pana patvā phalasukhena nibbānasukhena viharantī attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā attanā tena ca dhuttapurisena vuttagāthā udānavasena –

    ๓๖๘.

    368.

    ‘‘ชีวกมฺพวนํ รมฺมํ, คจฺฉนฺติํ ภิกฺขุนิํ สุภํ;

    ‘‘Jīvakambavanaṃ rammaṃ, gacchantiṃ bhikkhuniṃ subhaṃ;

    ธุตฺตโก สนฺนิวาเรสิ, ตเมนํ อพฺรวี สุภาฯ

    Dhuttako sannivāresi, tamenaṃ abravī subhā.

    ๓๖๙.

    369.

    ‘‘กิํ เต อปราธิตํ มยา, ยํ มํ โอวริยาน ติฎฺฐสิ;

    ‘‘Kiṃ te aparādhitaṃ mayā, yaṃ maṃ ovariyāna tiṭṭhasi;

    น หิ ปพฺพชิตาย อาวุโส, ปุริโส สมฺผุสนาย กปฺปติฯ

    Na hi pabbajitāya āvuso, puriso samphusanāya kappati.

    ๓๗๐.

    370.

    ‘‘ครุเก มม สตฺถุสาสเน, ยา สิกฺขา สุคเตน เทสิตา;

    ‘‘Garuke mama satthusāsane, yā sikkhā sugatena desitā;

    ปริสุทฺธปทํ อนงฺคณํ, กิํ มํ โอวริยาน ติฎฺฐสิฯ

    Parisuddhapadaṃ anaṅgaṇaṃ, kiṃ maṃ ovariyāna tiṭṭhasi.

    ๓๗๑.

    371.

    ‘‘อาวิลจิโตฺต อนาวิลํ, สรโช วีตรชํ อนงฺคณํ;

    ‘‘Āvilacitto anāvilaṃ, sarajo vītarajaṃ anaṅgaṇaṃ;

    สพฺพตฺถ วิมุตฺตมานสํ, กิํ มํ โอวริยาน ติฎฺฐสิฯ

    Sabbattha vimuttamānasaṃ, kiṃ maṃ ovariyāna tiṭṭhasi.

    ๓๗๒.

    372.

    ‘‘ทหรา จ อปาปิกา จสิ, กิํ เต ปพฺพชฺชา กริสฺสติ;

    ‘‘Daharā ca apāpikā casi, kiṃ te pabbajjā karissati;

    นิกฺขิป กาสายจีวรํ, เอหิ รมาม สุปุปฺผิเต วเนฯ

    Nikkhipa kāsāyacīvaraṃ, ehi ramāma supupphite vane.

    ๓๗๓.

    373.

    ‘‘มธุรญฺจ ปวนฺติ สพฺพโส, กุสุมรเชน สมุฎฺฐิตา ทุมา;

    ‘‘Madhurañca pavanti sabbaso, kusumarajena samuṭṭhitā dumā;

    ปฐมวสโนฺต สุโข อุตุ, เอหิ รมาม สุปุปฺผิเต วเนฯ

    Paṭhamavasanto sukho utu, ehi ramāma supupphite vane.

    ๓๗๔.

    374.

    ‘‘กุสุมิตสิขรา จ ปาทปา, อภิคชฺชนฺติว มาลุเตริตา;

    ‘‘Kusumitasikharā ca pādapā, abhigajjantiva māluteritā;

    กา ตุยฺหํ รติ ภวิสฺสติ, ยทิ เอกา วนโมคหิสฺสสิฯ

    Kā tuyhaṃ rati bhavissati, yadi ekā vanamogahissasi.

    ๓๗๕.

    375.

    ‘‘วาฬมิคสงฺฆเสวิตํ, กุญฺชรมตฺตกเรณุโลฬิตํ;

    ‘‘Vāḷamigasaṅghasevitaṃ, kuñjaramattakareṇuloḷitaṃ;

    อสหายิกา คนฺตุมิจฺฉสิ, รหิตํ ภิํสนกํ มหาวนํฯ

    Asahāyikā gantumicchasi, rahitaṃ bhiṃsanakaṃ mahāvanaṃ.

    ๓๗๖.

    376.

    ‘‘ตปนียกตาว ธีติกา, วิจรสิ จิตฺตลเตว อจฺฉรา;

    ‘‘Tapanīyakatāva dhītikā, vicarasi cittalateva accharā;

    กาสิกสุขุเมหิ วคฺคุภิ, โสภสี สุวสเนหิ นูปเมฯ

    Kāsikasukhumehi vaggubhi, sobhasī suvasanehi nūpame.

    ๓๗๗.

    377.

    ‘‘อหํ ตว วสานุโค สิยํ, ยทิ วิหเรมเส กานนนฺตเร;

    ‘‘Ahaṃ tava vasānugo siyaṃ, yadi viharemase kānanantare;

    น หิ มตฺถิ ตยา ปิยตฺตโร, ปาโณ กินฺนริมนฺทโลจเนฯ

    Na hi matthi tayā piyattaro, pāṇo kinnarimandalocane.

    ๓๗๘.

    378.

    ‘‘ยทิ เม วจนํ กริสฺสสิ, สุขิตา เอหิ อคารมาวส;

    ‘‘Yadi me vacanaṃ karissasi, sukhitā ehi agāramāvasa;

    ปาสาทนิวาตวาสินี, ปริกมฺมํ เต กโรนฺตุ นาริโยฯ

    Pāsādanivātavāsinī, parikammaṃ te karontu nāriyo.

    ๓๗๙.

    379.

    ‘‘กาสิกสุขุมานิ ธารย, อภิโรเปหิ จ มาลวณฺณกํ;

    ‘‘Kāsikasukhumāni dhāraya, abhiropehi ca mālavaṇṇakaṃ;

    กญฺจนมณิมุตฺตกํ พหุํ, วิวิธํ อาภรณํ กโรมิ เตฯ

    Kañcanamaṇimuttakaṃ bahuṃ, vividhaṃ ābharaṇaṃ karomi te.

    ๓๘๐.

    380.

    ‘‘สุโธตรชปจฺฉทํ สุภํ, โคนกตูลิกสนฺถตํ นวํ;

    ‘‘Sudhotarajapacchadaṃ subhaṃ, gonakatūlikasanthataṃ navaṃ;

    อภิรุห สยนํ มหารหํ, จนฺทนมณฺฑิตสารคนฺธิกํฯ

    Abhiruha sayanaṃ mahārahaṃ, candanamaṇḍitasāragandhikaṃ.

    ๓๘๑.

    381.

    ‘‘อุปฺปลํ จุทกา สมุคฺคตํ, ยถา ตํ อมนุสฺสเสวิตํ;

    ‘‘Uppalaṃ cudakā samuggataṃ, yathā taṃ amanussasevitaṃ;

    เอวํ ตฺวํ พฺรหฺมจารินี, สเกสเงฺคสุ ชรํ คมิสฺสสิฯ

    Evaṃ tvaṃ brahmacārinī, sakesaṅgesu jaraṃ gamissasi.

    ๓๘๒.

    382.

    ‘‘กิํ เต อิธ สารสมฺมตํ, กุณปปูรมฺหิ สุสานวฑฺฒเน;

    ‘‘Kiṃ te idha sārasammataṃ, kuṇapapūramhi susānavaḍḍhane;

    เภทนธเมฺม กเฬวเร, ยํ ทิสฺวา วิมโน อุทิกฺขสิฯ

    Bhedanadhamme kaḷevare, yaṃ disvā vimano udikkhasi.

    ๓๘๓.

    383.

    ‘‘อกฺขีนิ จ ตูริยาริว, กินฺนริยาริว ปพฺพตนฺตเร;

    ‘‘Akkhīni ca tūriyāriva, kinnariyāriva pabbatantare;

    ตว เม นยนานิ ทกฺขิย, ภิโยฺย กามรตี ปวฑฺฒติฯ

    Tava me nayanāni dakkhiya, bhiyyo kāmaratī pavaḍḍhati.

    ๓๘๔.

    384.

    ‘‘อุปฺปลสิขโรปมานิ เต, วิมเล หาฎกสนฺนิเภ มุเข;

    ‘‘Uppalasikharopamāni te, vimale hāṭakasannibhe mukhe;

    ตว เม นยนานิ ทกฺขิย, ภิโยฺย กามคุโณ ปวฑฺฒติฯ

    Tava me nayanāni dakkhiya, bhiyyo kāmaguṇo pavaḍḍhati.

    ๓๘๕.

    385.

    ‘‘อปิ ทูรคตา สรมฺหเส, อายตปเมฺห วิสุทฺธทสฺสเน;

    ‘‘Api dūragatā saramhase, āyatapamhe visuddhadassane;

    น หิ มตฺถิ ตยา ปิยตฺตโร, นยนา กินฺนริมนฺทโลจเนฯ

    Na hi matthi tayā piyattaro, nayanā kinnarimandalocane.

    ๓๘๖.

    386.

    ‘‘อปเถน ปยาตุมิจฺฉสิ, จนฺทํ กีฬนกํ คเวสสิ;

    ‘‘Apathena payātumicchasi, candaṃ kīḷanakaṃ gavesasi;

    เมรุํ ลเงฺฆตุมิจฺฉสิ, โย ตฺวํ พุทฺธสุตํ มคฺคยสิฯ

    Meruṃ laṅghetumicchasi, yo tvaṃ buddhasutaṃ maggayasi.

    ๓๘๗.

    387.

    ‘‘นตฺถิ หิ โลเก สเทวเก, ราโค ยตฺถปิ ทานิ เม สิยา;

    ‘‘Natthi hi loke sadevake, rāgo yatthapi dāni me siyā;

    นปิ นํ ชานามิ กีริโส, อถ มเคฺคน หโต สมูลโกฯ

    Napi naṃ jānāmi kīriso, atha maggena hato samūlako.

    ๓๘๘.

    388.

    ‘‘อิงฺคาลกุยาว อุชฺฌิโต, วิสปโตฺตริว อคฺคิโต กโต;

    ‘‘Iṅgālakuyāva ujjhito, visapattoriva aggito kato;

    นปิ นํ ปสฺสามิ กีริโส, อถ มเคฺคน หโต สมูลโกฯ

    Napi naṃ passāmi kīriso, atha maggena hato samūlako.

    ๓๘๙.

    389.

    ‘‘ยสฺสา สิยา อปจฺจเวกฺขิตํ, สตฺถา วา อนุปาสิโต สิยา;

    ‘‘Yassā siyā apaccavekkhitaṃ, satthā vā anupāsito siyā;

    ตฺวํ ตาทิสิกํ ปโลภย, ชานนฺติํ โส อิมํ วิหญฺญสิฯ

    Tvaṃ tādisikaṃ palobhaya, jānantiṃ so imaṃ vihaññasi.

    ๓๙๐.

    390.

    ‘‘มยฺหญฺหิ อกฺกุฎฺฐวนฺทิเต, สุขทุเกฺข จ สตี อุปฎฺฐิตา;

    ‘‘Mayhañhi akkuṭṭhavandite, sukhadukkhe ca satī upaṭṭhitā;

    สงฺขตมสุภนฺติ ชานิย, สพฺพเตฺถว มโน น ลิมฺปติฯ

    Saṅkhatamasubhanti jāniya, sabbattheva mano na limpati.

    ๓๙๑.

    391.

    ‘‘สาหํ สุคตสฺส สาวิกา, มคฺคฎฺฐงฺคิกยานยายินี;

    ‘‘Sāhaṃ sugatassa sāvikā, maggaṭṭhaṅgikayānayāyinī;

    อุทฺธฎสลฺลา อนาสวา, สุญฺญาคารคตา รมามหํฯ

    Uddhaṭasallā anāsavā, suññāgāragatā ramāmahaṃ.

    ๓๙๒.

    392.

    ‘‘ทิฎฺฐา หิ มยา สุจิตฺติตา, โสมฺภา ทารุกปิลฺลกานิ วา;

    ‘‘Diṭṭhā hi mayā sucittitā, sombhā dārukapillakāni vā;

    ตนฺตีหิ จ ขีลเกหิ จ, วินิพทฺธา วิวิธํ ปนจฺจกาฯ

    Tantīhi ca khīlakehi ca, vinibaddhā vividhaṃ panaccakā.

    ๓๙๓.

    393.

    ‘‘ตมฺหุทฺธเฎ ตนฺติขีลเก, วิสฺสเฎฺฐ วิกเล ปริกฺริเต;

    ‘‘Tamhuddhaṭe tantikhīlake, vissaṭṭhe vikale parikrite;

    น วิเนฺทยฺย ขณฺฑโส กเต, กิมฺหิ ตตฺถ มนํ นิเวสเยฯ

    Na vindeyya khaṇḍaso kate, kimhi tattha manaṃ nivesaye.

    ๓๙๔.

    394.

    ‘‘ตถูปมา เทหกานิ มํ, เตหิ ธเมฺมหิ วินา น วตฺตนฺติ;

    ‘‘Tathūpamā dehakāni maṃ, tehi dhammehi vinā na vattanti;

    ธเมฺมหิ วินา น วตฺตติ, กิมฺหิ ตตฺถ มนํ นิเวสเยฯ

    Dhammehi vinā na vattati, kimhi tattha manaṃ nivesaye.

    ๓๙๕.

    395.

    ‘‘ยถา หริตาเลน มกฺขิตํ, อทฺทส จิตฺติกํ ภิตฺติยา กตํ;

    ‘‘Yathā haritālena makkhitaṃ, addasa cittikaṃ bhittiyā kataṃ;

    ตมฺหิ เต วิปรีตทสฺสนํ, สญฺญา มานุสิกา นิรตฺถิกาฯ

    Tamhi te viparītadassanaṃ, saññā mānusikā niratthikā.

    ๓๙๖.

    396.

    ‘‘มายํ วิย อคฺคโต กตํ, สุปินเนฺตว สุวณฺณปาทปํ;

    ‘‘Māyaṃ viya aggato kataṃ, supinanteva suvaṇṇapādapaṃ;

    อุปคจฺฉสิ อนฺธ ริตฺตกํ, ชนมเชฺฌริว รุปฺปรูปกํฯ

    Upagacchasi andha rittakaṃ, janamajjheriva rupparūpakaṃ.

    ๓๙๗.

    397.

    ‘‘วฎฺฎนิริว โกฎโรหิตา, มเชฺฌ ปุพฺพุฬกา สอสฺสุกา;

    ‘‘Vaṭṭaniriva koṭarohitā, majjhe pubbuḷakā saassukā;

    ปีฬโกฬิกา เจตฺถ ชายติ, วิวิธา จกฺขุวิธา จ ปิณฺฑิตาฯ

    Pīḷakoḷikā cettha jāyati, vividhā cakkhuvidhā ca piṇḍitā.

    ๓๙๘.

    398.

    ‘‘อุปฺปาฎิย จารุทสฺสนา, น จ ปชฺชิตฺถ อสงฺคมานสา;

    ‘‘Uppāṭiya cārudassanā, na ca pajjittha asaṅgamānasā;

    หนฺท เต จกฺขุํ หรสฺสุ ตํ, ตสฺส นรสฺส อทาสิ ตาวเทฯ

    Handa te cakkhuṃ harassu taṃ, tassa narassa adāsi tāvade.

    ๓๙๙.

    399.

    ‘‘ตสฺส จ วิรมาสิ ตาวเท, ราโค ตตฺถ ขมาปยี จ นํ;

    ‘‘Tassa ca viramāsi tāvade, rāgo tattha khamāpayī ca naṃ;

    โสตฺถิ สิยา พฺรหฺมจารินี, น ปุโน เอทิสกํ ภวิสฺสติฯ

    Sotthi siyā brahmacārinī, na puno edisakaṃ bhavissati.

    ๔๐๐.

    400.

    ‘‘อาสาทิย เอทิสํ ชนํ, อคฺคิํ ปชฺชลิตํว ลิงฺคิย;

    ‘‘Āsādiya edisaṃ janaṃ, aggiṃ pajjalitaṃva liṅgiya;

    คณฺหิย อาสีวิสํ วิย, อปิ นุ โสตฺถิ สิยา ขเมหิ โนฯ

    Gaṇhiya āsīvisaṃ viya, api nu sotthi siyā khamehi no.

    ๔๐๑.

    401.

    ‘‘มุตฺตา จ ตโต สา ภิกฺขุนี, อคมี พุทฺธวรสฺส สนฺติกํ;

    ‘‘Muttā ca tato sā bhikkhunī, agamī buddhavarassa santikaṃ;

    ปสฺสิย วรปุญฺญลกฺขณํ, จกฺขุ อาสิ ยถา ปุราณก’’นฺติฯ –

    Passiya varapuññalakkhaṇaṃ, cakkhu āsi yathā purāṇaka’’nti. –

    อิมา คาถา ปจฺจุทาหาสิฯ

    Imā gāthā paccudāhāsi.

    ตตฺถ ชีวกมฺพวนนฺติ ชีวกสฺส โกมารภจฺจสฺส อมฺพวนํฯ รมฺมนฺติ รมณียํฯ ตํ กิร ภูมิภาคสมฺปตฺติยา ฉายูทกสมฺปตฺติยา จ รุกฺขานํ โรปิตากาเรน อติวิย มนุญฺญํ มโนรมํฯ คจฺฉนฺตินฺติ อมฺพวนํ อุทฺทิสฺส คตํ, ทิวาวิหาราย อุปคจฺฉนฺติํฯ สุภนฺติ เอวํนามิกํฯ ธุตฺตโกติ อิตฺถิธุโตฺตฯ ราชคหวาสี กิเรโก มหาวิภวสฺส สุวณฺณการสฺส ปุโตฺต ยุวา อภิรูโป อิตฺถิธุโตฺต ปุริโส มโตฺต วิจรติฯ โส ตํ ปฎิปเถ ทิสฺวา ปฎิพทฺธจิโตฺต มคฺคํ อุปรุนฺธิตฺวา อฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ธุตฺตโก สนฺนิวาเรสี’’ติ, มม คมนํ นิเสเธสีติ อโตฺถฯ ตเมนํ อพฺรวี สุภาติ ตเมนํ นิวาเรตฺวา ฐิตํ ธุตฺตํ สุภา ภิกฺขุนี กเถสิฯ เอตฺถ จ ‘‘คจฺฉนฺติํ ภิกฺขุนิํ สุภํ, อพฺรวิ สุภา’’ติ จ อตฺตานเมว เถรี อญฺญํ วิย กตฺวา วทติฯ เถริยา วุตฺตคาถานํ สมฺพนฺธทสฺสนวเสน สงฺคีติกาเรหิ อยํ คาถา วุตฺตาฯ

    Tattha jīvakambavananti jīvakassa komārabhaccassa ambavanaṃ. Rammanti ramaṇīyaṃ. Taṃ kira bhūmibhāgasampattiyā chāyūdakasampattiyā ca rukkhānaṃ ropitākārena ativiya manuññaṃ manoramaṃ. Gacchantinti ambavanaṃ uddissa gataṃ, divāvihārāya upagacchantiṃ. Subhanti evaṃnāmikaṃ. Dhuttakoti itthidhutto. Rājagahavāsī kireko mahāvibhavassa suvaṇṇakārassa putto yuvā abhirūpo itthidhutto puriso matto vicarati. So taṃ paṭipathe disvā paṭibaddhacitto maggaṃ uparundhitvā aṭṭhāsi. Tena vuttaṃ – ‘‘dhuttako sannivāresī’’ti, mama gamanaṃ nisedhesīti attho. Tamenaṃ abravī subhāti tamenaṃ nivāretvā ṭhitaṃ dhuttaṃ subhā bhikkhunī kathesi. Ettha ca ‘‘gacchantiṃ bhikkhuniṃ subhaṃ, abravi subhā’’ti ca attānameva therī aññaṃ viya katvā vadati. Theriyā vuttagāthānaṃ sambandhadassanavasena saṅgītikārehi ayaṃ gāthā vuttā.

    ‘‘อพฺรวี สุภา’’ติ วตฺวา ตสฺสา วุตฺตาการทสฺสนตฺถํ อาห ‘‘กิํ เต อปราธิต’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ กิํ เต อปราธิตํ มยาติ กิํ ตุยฺหํ, อาวุโส, มยา อปรทฺธํฯ ยํ มํ โอวริยาน ติฎฺฐสีติ เยน อปราเธน มํ คจฺฉนฺติํ โอวริตฺวา คมนํ นิเสเธตฺวา ติฎฺฐสิ, โส นเตฺถวาติ อธิปฺปาโยฯ อถ อิตฺถีติสญฺญาย เอวํ ปฎิปชฺชสิ, เอวมฺปิ น ยุตฺตนฺติ ทเสฺสนฺตี อาห – ‘‘น หิ ปพฺพชิตาย, อาวุโส, ปุริโส สมฺผุสนาย กปฺปตี’’ติ, อาวุโส สุวณฺณการปุตฺต , โลกิยจาริเตฺตนปิ ปุริสสฺส ปพฺพชิตานํ สมฺผุสนาย น กปฺปติ, ปพฺพชิตาย ปน ปุริโส ติรจฺฉานคโตปิ สมฺผุสนาย น กปฺปติ, ติฎฺฐตุ ตาว ปุริสผุสนา, ราควเสนสฺสา นิสฺสคฺคิเยน ปุริสสฺส นิสฺสคฺคิยสฺสาปิ ผุสนา น กปฺปเตวฯ

    ‘‘Abravī subhā’’ti vatvā tassā vuttākāradassanatthaṃ āha ‘‘kiṃ te aparādhita’’ntiādi. Tattha kiṃ te aparādhitaṃ mayāti kiṃ tuyhaṃ, āvuso, mayā aparaddhaṃ. Yaṃ maṃ ovariyāna tiṭṭhasīti yena aparādhena maṃ gacchantiṃ ovaritvā gamanaṃ nisedhetvā tiṭṭhasi, so natthevāti adhippāyo. Atha itthītisaññāya evaṃ paṭipajjasi, evampi na yuttanti dassentī āha – ‘‘na hi pabbajitāya, āvuso, puriso samphusanāya kappatī’’ti, āvuso suvaṇṇakāraputta , lokiyacārittenapi purisassa pabbajitānaṃ samphusanāya na kappati, pabbajitāya pana puriso tiracchānagatopi samphusanāya na kappati, tiṭṭhatu tāva purisaphusanā, rāgavasenassā nissaggiyena purisassa nissaggiyassāpi phusanā na kappateva.

    เตนาห ‘‘ครุเก มม สตฺถุสาสเน’’ติอาทิฯ ตสฺสโตฺถ – ครุเก ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกาตเพฺพ มยฺหํ สตฺถุ สาสเน ยา สิกฺขา ภิกฺขุนิโย อุทฺทิสฺส สุคเตน สมฺมาสมฺพุเทฺธน เทสิตา ปญฺญตฺตาฯ ตาหิ ปริสุทฺธปทํ ปริสุทฺธกุสลโกฎฺฐาสํ, ราคาทิองฺคณานํ สพฺพโส อภาเวน อนงฺคณํ, เอวํภูตํ มํ คจฺฉนฺติํ เกน การเณน อาวริตฺวา ติฎฺฐสีติฯ

    Tenāha ‘‘garuke mama satthusāsane’’tiādi. Tassattho – garuke pāsāṇacchattaṃ viya garukātabbe mayhaṃ satthu sāsane yā sikkhā bhikkhuniyo uddissa sugatena sammāsambuddhena desitā paññattā. Tāhi parisuddhapadaṃ parisuddhakusalakoṭṭhāsaṃ, rāgādiaṅgaṇānaṃ sabbaso abhāvena anaṅgaṇaṃ, evaṃbhūtaṃ maṃ gacchantiṃ kena kāraṇena āvaritvā tiṭṭhasīti.

    อาวิลจิโตฺตติ จิตฺตสฺส อาวิลภาวกรานํ กามวิตกฺกาทีนํ วเสน อาวิลจิโตฺต, ตฺวํ ตทภาวโต อนาวิลํ, ราครชาทีนํ วเสน สรโช, สางฺคโณ ตทภาวโต วีตรชํ อนงฺคณํ สพฺพตฺถ ขนฺธปญฺจเก สมุเจฺฉทวิมุตฺติยา วิมุตฺตมานสํ, มํ กสฺมา โอวริตฺวา ติฎฺฐสีติ?

    Āvilacittoti cittassa āvilabhāvakarānaṃ kāmavitakkādīnaṃ vasena āvilacitto, tvaṃ tadabhāvato anāvilaṃ, rāgarajādīnaṃ vasena sarajo, sāṅgaṇo tadabhāvato vītarajaṃ anaṅgaṇaṃ sabbattha khandhapañcake samucchedavimuttiyā vimuttamānasaṃ, maṃ kasmā ovaritvā tiṭṭhasīti?

    เอวํ เถริยา วุเตฺต ธุตฺตโก อตฺตโน อธิปฺปายํ วิภาเวโนฺต ‘‘ทหรา จา’’ติอาทินา ทส คาถา อภาสิฯ ตตฺถ ทหราติ ตรุณี ปฐเม โยพฺพเน ฐิตาฯ อปาปิกา จสีติ รูเปน อลามิกา จ อสิ , อุตฺตมรูปธรา จาโหสีติ อธิปฺปาโยฯ กิํ เต ปพฺพชฺชา กริสฺสตีติ ตุยฺหํ เอวํ ปฐมวเย ฐิตาย รูปสมฺปนฺนาย ปพฺพชฺชา กิํ กริสฺสติ, วุฑฺฒาย พีภจฺฉรูปาย วา ปพฺพชิตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน วทติฯ นิกฺขิปาติ ฉเฑฺฑหิฯ ‘‘อุกฺขิปา’’ติ วา ปาโฐ, อปเนหีติ อโตฺถฯ

    Evaṃ theriyā vutte dhuttako attano adhippāyaṃ vibhāvento ‘‘daharā cā’’tiādinā dasa gāthā abhāsi. Tattha daharāti taruṇī paṭhame yobbane ṭhitā. Apāpikā casīti rūpena alāmikā ca asi , uttamarūpadharā cāhosīti adhippāyo. Kiṃ te pabbajjā karissatīti tuyhaṃ evaṃ paṭhamavaye ṭhitāya rūpasampannāya pabbajjā kiṃ karissati, vuḍḍhāya bībhaccharūpāya vā pabbajitabbanti adhippāyena vadati. Nikkhipāti chaḍḍehi. ‘‘Ukkhipā’’ti vā pāṭho, apanehīti attho.

    มธุรนฺติ สุภํ, สุคนฺธนฺติ อโตฺถฯ ปวนฺตีติ วายนฺติฯ สพฺพโสติ สมนฺตโตฯ กุสุมรเชน สมุฎฺฐิตา ทุมาติ อิเม รุกฺขา มนฺทวาเตน สมุฎฺฐหมานกุสุมเรณุชาเตน อตฺตโน กุสุมรเชน สยํ สมุฎฺฐิตา วิย หุตฺวา สมนฺตโต สุรภี วายนฺติฯ ปฐมวสโนฺต สุโข อุตูติ อยํ ปฐโม วสนฺตมาโส สุขสมฺผโสฺส จ อุตุ วตฺตตีติ อโตฺถฯ

    Madhuranti subhaṃ, sugandhanti attho. Pavantīti vāyanti. Sabbasoti samantato. Kusumarajena samuṭṭhitā dumāti ime rukkhā mandavātena samuṭṭhahamānakusumareṇujātena attano kusumarajena sayaṃ samuṭṭhitā viya hutvā samantato surabhī vāyanti. Paṭhamavasanto sukhoutūti ayaṃ paṭhamo vasantamāso sukhasamphasso ca utu vattatīti attho.

    กุสุมิตสิขราติ สุปุปฺผิตคฺคาฯ อภิคชฺชนฺติว มาลุเตริตาติ วาเตน สญฺจลิตา อภิคชฺชนฺติว อภิตฺถนิตา วิย ติฎฺฐนฺติฯ ยทิ เอกา วนโมคหิสฺสสีติ สเจ ตฺวํ เอกิกา วนโมคาหิสฺสสิ, กา นาม เต ตตฺถ รติ ภวิสฺสตีติ อตฺตนา พทฺธสุขาภิรตฺตตฺตา เอวมาหฯ

    Kusumitasikharāti supupphitaggā. Abhigajjantiva māluteritāti vātena sañcalitā abhigajjantiva abhitthanitā viya tiṭṭhanti. Yadi ekā vanamogahissasīti sace tvaṃ ekikā vanamogāhissasi, kā nāma te tattha rati bhavissatīti attanā baddhasukhābhirattattā evamāha.

    วาฬมิคสงฺฆเสวิตนฺติ สีหพฺยคฺฆาทิวาฬมิคสมูเหหิ ตตฺถ ตตฺถ อุปเสวิตํฯ กุญฺชรมตฺตกเรณุโลฬิตนฺติ มตฺตกุญฺชเรหิ หตฺถินีหิ จ มิคานํ จิตฺตตาปเนน รุกฺขคจฺฉาทีนํ สาขาภญฺชเนน จ อาโลฬิตปเทสํฯ กิญฺจาปิ ตสฺมิํ วเน อีทิสํ ตทา นตฺถิ, วนํ นาม เอวรูปนฺติ ตํ ภิํสาเปตุกาโม เอวมาหฯ รหิตนฺติ ชนรหิตํ วิชนํฯ ภิํสนกนฺติ ภยชนกํฯ

    Vāḷamigasaṅghasevitanti sīhabyagghādivāḷamigasamūhehi tattha tattha upasevitaṃ. Kuñjaramattakareṇuloḷitanti mattakuñjarehi hatthinīhi ca migānaṃ cittatāpanena rukkhagacchādīnaṃ sākhābhañjanena ca āloḷitapadesaṃ. Kiñcāpi tasmiṃ vane īdisaṃ tadā natthi, vanaṃ nāma evarūpanti taṃ bhiṃsāpetukāmo evamāha. Rahitanti janarahitaṃ vijanaṃ. Bhiṃsanakanti bhayajanakaṃ.

    ตปนียกตาว ธีติกาติ รตฺตสุวเณฺณน วิจริตา ธีตลิกา วิย สุกุสเลน ยนฺตาจริเยน ยนฺตโยควเสน สชฺชิตา สุวณฺณปฎิมา วิย วิจรสิ, อิทาเนว อิโต จิโต จ สญฺจรสิฯ จิตฺตลเตว อจฺฉราติ จิตฺตลตานามเก อุยฺยาเน เทวจฺฉรา วิยฯ กาสิกสุขุเมหีติ กาสิรเฎฺฐ อุปฺปเนฺนหิ อติวิย สุขุเมหิฯ วคฺคุภีติ สินิทฺธมเฎฺฐหิฯ โสภสี สุวสเนหิ นูปเมติ นิวาสนปารุปนวเตฺถหิ อนุปเม อุปมารหิเต ตฺวํ อิทานิ เม วสานุโค โสภสีติ ภาวินํ อตฺตโน อธิปฺปายวเสน เอกนฺติกํ วตฺตมานํ วิย กตฺวา วทติฯ

    Tapanīyakatāva dhītikāti rattasuvaṇṇena vicaritā dhītalikā viya sukusalena yantācariyena yantayogavasena sajjitā suvaṇṇapaṭimā viya vicarasi, idāneva ito cito ca sañcarasi. Cittalateva accharāti cittalatānāmake uyyāne devaccharā viya. Kāsikasukhumehīti kāsiraṭṭhe uppannehi ativiya sukhumehi. Vaggubhīti siniddhamaṭṭhehi. Sobhasī suvasanehi nūpameti nivāsanapārupanavatthehi anupame upamārahite tvaṃ idāni me vasānugo sobhasīti bhāvinaṃ attano adhippāyavasena ekantikaṃ vattamānaṃ viya katvā vadati.

    อหํ ตว วสานุโค สิยนฺติ อหมฺปิ ตุยฺหํ วสานุโค กิํการปฎิสฺสาวี ภเวยฺยํฯ ยทิ วิหเรมเส กานนนฺตเรติ ยทิ มยํ อุโภปิ วนนฺตเร สห วสาม รมามฯ น หิ มตฺถิ ตยา ปิยตฺตโรติ วสานุคภาวสฺส การณมาหฯ ปาโณติ สโตฺต, อโญฺญ โกจิปิ สโตฺต ตยา ปิยตโร มยฺหํ น หิ อตฺถีติ อโตฺถฯ อถ วา ปาโณติ อตฺตโน ชีวิตํ สนฺธาย วทติ, มยฺหํ ชีวิตํ ตยา ปิยตรํ น หิ อตฺถีติ อโตฺถฯ กินฺนริมนฺทโลจเนติ กินฺนริยา วิย มนฺทปุถุวิโลจเนฯ

    Ahaṃ tava vasānugo siyanti ahampi tuyhaṃ vasānugo kiṃkārapaṭissāvī bhaveyyaṃ. Yadi viharemase kānanantareti yadi mayaṃ ubhopi vanantare saha vasāma ramāma. Na hi matthi tayā piyattaroti vasānugabhāvassa kāraṇamāha. Pāṇoti satto, añño kocipi satto tayā piyataro mayhaṃ na hi atthīti attho. Atha vā pāṇoti attano jīvitaṃ sandhāya vadati, mayhaṃ jīvitaṃ tayā piyataraṃ na hi atthīti attho. Kinnarimandalocaneti kinnariyā viya mandaputhuvilocane.

    ยทิ เม วจนํ กริสฺสสิ, สุขิตา เอหิ อคารมาวสาติ สเจ ตฺวํ มม วจนํ กริสฺสสิ, เอกาสนํ เอกเสยฺยํ พฺรหฺมจริยทุกฺขํ ปหาย เอหิ กามโภเคหิ สุขิตา หุตฺวา อคารํ อชฺฌาวสฯ ‘‘สุขิตา เหติ อคารมาวสนฺตี’’ติ เกจิ ปฐนฺติ, เตสํ สุขิตา ภวิสฺสติ, อคารํ อชฺฌาวสนฺตีติ อโตฺถฯ ปาสาทนิวาตวาสินีติ นิวาเตสุ ปาสาเทสุ วาสินีฯ ‘‘ปาสาทวิมานวาสินี’’ติ จ ปาโฐ, วิมานสทิเสสุ ปาสาเทสุ วาสินีติ อโตฺถฯ ปริกมฺมนฺติ เวยฺยาวจฺจํฯ

    Yadi me vacanaṃ karissasi, sukhitā ehi agāramāvasāti sace tvaṃ mama vacanaṃ karissasi, ekāsanaṃ ekaseyyaṃ brahmacariyadukkhaṃ pahāya ehi kāmabhogehi sukhitā hutvā agāraṃ ajjhāvasa. ‘‘Sukhitā heti agāramāvasantī’’ti keci paṭhanti, tesaṃ sukhitā bhavissati, agāraṃ ajjhāvasantīti attho. Pāsādanivātavāsinīti nivātesu pāsādesu vāsinī. ‘‘Pāsādavimānavāsinī’’ti ca pāṭho, vimānasadisesu pāsādesu vāsinīti attho. Parikammanti veyyāvaccaṃ.

    ธารยาติ ปริทห, นิวาเสหิ เจว อุตฺตริยญฺจ กโรหิฯ อภิโรเปหีติ มณฺฑนวิภูสนวเสน วา สรีรํ อาโรปย, อลงฺกโรหีติ อโตฺถฯ มาลวณฺณกนฺติ มาลเญฺจว คนฺธวิเลปนญฺจฯ กญฺจนมณิมุตฺตกนฺติ กญฺจเนน มณิมุตฺตาหิ จ ยุตฺตํ, สุวณฺณมยมณิมุตฺตาหิ ขจิตนฺติ อโตฺถฯ พหุนฺติ หตฺถูปคาทิเภทโต พหุปฺปการํฯ วิวิธนฺติ กรณวิกติยา นานาวิธํฯ

    Dhārayāti paridaha, nivāsehi ceva uttariyañca karohi. Abhiropehīti maṇḍanavibhūsanavasena vā sarīraṃ āropaya, alaṅkarohīti attho. Mālavaṇṇakanti mālañceva gandhavilepanañca. Kañcanamaṇimuttakanti kañcanena maṇimuttāhi ca yuttaṃ, suvaṇṇamayamaṇimuttāhi khacitanti attho. Bahunti hatthūpagādibhedato bahuppakāraṃ. Vividhanti karaṇavikatiyā nānāvidhaṃ.

    สุโธตรชปจฺฉทนฺติ สุโธตตาย ปวาหิตรชํ อุตฺตรจฺฉทํฯ สุภนฺติ โสภนํฯ โคนกตูลิกสนฺถตนฺติ ทีฆโลมกาฬโกชเวน เจว หํสโลมาทิปุณฺณาย ตูลิกาย จ สนฺถตํฯ นวนฺติ อภินวํฯ มหารหนฺติ มหคฺฆํฯ จนฺทนมณฺฑิตสารคนฺธิกนฺติ โคสีสกาทิสารจนฺทเนน มณฺฑิตตาย สุรภิคนฺธิกํ, เอวรูปํ สยนมารุห, ตํ อารุหิตฺวา ยถาสุขํ สยาหิ เจว นิสีท จาติ อโตฺถฯ

    Sudhotarajapacchadanti sudhotatāya pavāhitarajaṃ uttaracchadaṃ. Subhanti sobhanaṃ. Gonakatūlikasanthatanti dīghalomakāḷakojavena ceva haṃsalomādipuṇṇāya tūlikāya ca santhataṃ. Navanti abhinavaṃ. Mahārahanti mahagghaṃ. Candanamaṇḍitasāragandhikanti gosīsakādisāracandanena maṇḍitatāya surabhigandhikaṃ, evarūpaṃ sayanamāruha, taṃ āruhitvā yathāsukhaṃ sayāhi ceva nisīda cāti attho.

    อุปฺปลํ จุทกา สมุคฺคตนฺติ -กาโร นิปาตมตฺตํ, อุทกโต อุคฺคตํ อุฎฺฐิตํ อจฺจุคฺคมฺม ฐิตํ สุผุลฺลมุปฺปลํฯ ยถา ตํ อมนุสฺสเสวิตนฺติ ตญฺจ รกฺขสปริคฺคหิตาย โปกฺขรณิยา ชาตตฺตา นิมฺมนุเสฺสหิ เสวิตํ เกนจิ อปริภุตฺตเมว ภเวยฺยฯ เอวํ ตฺวํ พฺรหฺมจารินีติ เอวเมว ตํ สุฎฺฐุ ผุลฺลมุปฺปลํ วิย ตุวํ พฺรหฺมจารินีฯ สเกสเงฺคสุ อตฺตโน สรีราวยเวสุ เกนจิ อปริภุเตฺตสุเยว ชรํ คมิสฺสสิ, มุธาเยว ชราชิณฺณา ภวิสฺสสิฯ

    Uppalaṃ cudakā samuggatanti ca-kāro nipātamattaṃ, udakato uggataṃ uṭṭhitaṃ accuggamma ṭhitaṃ suphullamuppalaṃ. Yathā taṃ amanussasevitanti tañca rakkhasapariggahitāya pokkharaṇiyā jātattā nimmanussehi sevitaṃ kenaci aparibhuttameva bhaveyya. Evaṃ tvaṃ brahmacārinīti evameva taṃ suṭṭhu phullamuppalaṃ viya tuvaṃ brahmacārinī. Sakesaṅgesu attano sarīrāvayavesu kenaci aparibhuttesuyeva jaraṃ gamissasi, mudhāyeva jarājiṇṇā bhavissasi.

    เอวํ ธุตฺตเกน อตฺตโน อธิปฺปาเย ปกาสิเต เถรี สรีรสภาววิภาวเนน ตํ ตตฺถ วิจฺฉิเนฺทนฺตี ‘‘กิํ เต อิธา’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – อาวุโส สุวณฺณการปุตฺต, เกสาทิกุณปปูเร เอกเนฺตน เภทนธเมฺม สุสานวฑฺฒเน, อิธ อิมสฺมิํ กายสญฺญิเต อสุจิกเฬวเร กิํ นาม ตว สารนฺติ สมฺมตํ สมฺภาวิตํ, ยํ ทิสฺวา วิมโน อญฺญตรสฺมิํ อารมฺมเณ วิคตมนสงฺกโปฺป, เอเตฺถว วา อวิมโน โสมนสฺสิโก หุตฺวา อุทิกฺขสิ, ตํ มยฺหํ กเถหีติฯ

    Evaṃ dhuttakena attano adhippāye pakāsite therī sarīrasabhāvavibhāvanena taṃ tattha vicchindentī ‘‘kiṃ te idhā’’ti gāthamāha. Tassattho – āvuso suvaṇṇakāraputta, kesādikuṇapapūre ekantena bhedanadhamme susānavaḍḍhane, idha imasmiṃ kāyasaññite asucikaḷevare kiṃ nāma tava sāranti sammataṃ sambhāvitaṃ, yaṃ disvā vimano aññatarasmiṃ ārammaṇe vigatamanasaṅkappo, ettheva vā avimano somanassiko hutvā udikkhasi, taṃ mayhaṃ kathehīti.

    ตํ สุตฺวา ธุตฺตโก กิญฺจาปิ ตสฺสา รูปํ จาตุริยโสภิตํ, ปฐมทสฺสนโต ปน ปฎฺฐาย ยสฺมิํ ทิฎฺฐิปาเต ปฎิพทฺธจิโตฺต, ตเมว อปทิสโนฺต ‘‘อกฺขีนิ จ ตูริยาริวา’’ติอาทิมาหฯ กามญฺจายํ เถรี สุฎฺฐุ สํยตตาย สนฺตินฺทฺริยา, ตาย ถิรวิปฺปสนฺนโสมฺมสนฺตนยนนิปาเตสุ กมฺมานุภาวนิปฺผเนฺนสุ ปสนฺนปญฺจปฺปสาทปฎิมณฺฑิเตสุ นยเนสุ ลพฺภมาเน ปภาวิสิฎฺฐจาตุริเย ทิฎฺฐิปาเต, ยสฺมา สยํ จริตหาวภาววิลาสาทิปริกปฺปวญฺจิโต โส ธุโตฺต ชาโต, ตสฺมาสฺส ทิฎฺฐิราโค สวิเสสํ เวปุลฺลํ อคมาสิฯ ตตฺถ อกฺขีนิ จ ตูริยาริวาติ ตูริ วุจฺจติ มิคี, จ-สโทฺท นิปาตมตฺตํ, มิคจฺฉาปาย วิย เต อกฺขีนีติ อโตฺถฯ ‘‘โกริยาริวา’’ติ วา ปาฬิ, กุญฺจการกุกฺกุฎิยาติ วุตฺตํ โหติฯ กินฺนริยาริว ปพฺพตนฺตเรติ ปพฺพตกุจฺฉิยํ วิจรมานาย กินฺนริวนิตาย วิย จ เต อกฺขีนีติ อโตฺถฯ ตว เม นยนานิ ทกฺขิยาติ ตว วุตฺตคุณวิเสสานิ นยนานิ ทิสฺวา, ภิโยฺย อุปรูปริ เม กามาภิรติ ปวฑฺฒติฯ

    Taṃ sutvā dhuttako kiñcāpi tassā rūpaṃ cāturiyasobhitaṃ, paṭhamadassanato pana paṭṭhāya yasmiṃ diṭṭhipāte paṭibaddhacitto, tameva apadisanto ‘‘akkhīni ca tūriyārivā’’tiādimāha. Kāmañcāyaṃ therī suṭṭhu saṃyatatāya santindriyā, tāya thiravippasannasommasantanayananipātesu kammānubhāvanipphannesu pasannapañcappasādapaṭimaṇḍitesu nayanesu labbhamāne pabhāvisiṭṭhacāturiye diṭṭhipāte, yasmā sayaṃ caritahāvabhāvavilāsādiparikappavañcito so dhutto jāto, tasmāssa diṭṭhirāgo savisesaṃ vepullaṃ agamāsi. Tattha akkhīni ca tūriyārivāti tūri vuccati migī, ca-saddo nipātamattaṃ, migacchāpāya viya te akkhīnīti attho. ‘‘Koriyārivā’’ti vā pāḷi, kuñcakārakukkuṭiyāti vuttaṃ hoti. Kinnariyāriva pabbatantareti pabbatakucchiyaṃ vicaramānāya kinnarivanitāya viya ca te akkhīnīti attho. Tava me nayanāni dakkhiyāti tava vuttaguṇavisesāni nayanāni disvā, bhiyyo uparūpari me kāmābhirati pavaḍḍhati.

    อุปฺปลสิขโรปมานิ เตติ รตฺตุปฺปลอคฺคสทิสานิ ปมฺหานิ ตวฯ วิมเลติ นิมฺมเลฯ หาฎกสนฺนิเภติ กญฺจนรูปกสฺส มุขสทิเส เต มุเข, นยนานิ ทกฺขิยาติ โยชนาฯ

    Uppalasikharopamāniteti rattuppalaaggasadisāni pamhāni tava. Vimaleti nimmale. Hāṭakasannibheti kañcanarūpakassa mukhasadise te mukhe, nayanāni dakkhiyāti yojanā.

    อปิ ทูรคตาติ ทูรํ ฐานํ คตาปิฯ สรมฺหเสติ อญฺญํ กิญฺจิ อจิเนฺตตฺวา ตว นยนานิ เอว อนุสฺสรามิฯ อายตปเมฺหติ ทีฆปขุเมฯ วิสุทฺธทสฺสเนติ นิมฺมลโลจเนฯ น หิ มตฺถิ ตยา ปิยตฺตโร นยนาติ ตว นยนโต อโญฺญ โกจิ มยฺหํ ปิยตโร นตฺถิฯ ตยาติ หิ สามิอเตฺถ เอว กรณวจนํฯ

    Api dūragatāti dūraṃ ṭhānaṃ gatāpi. Saramhaseti aññaṃ kiñci acintetvā tava nayanāni eva anussarāmi. Āyatapamheti dīghapakhume. Visuddhadassaneti nimmalalocane. Na hi matthi tayā piyattaro nayanāti tava nayanato añño koci mayhaṃ piyataro natthi. Tayāti hi sāmiatthe eva karaṇavacanaṃ.

    เอวํ จกฺขุสมฺปตฺติยา อุมฺมาทิตสฺส วิย ตํ ตํ วิปฺปลปโต ตสฺส ปุริสสฺส มโนรถํ วิปริวเตฺตนฺตี เถรี ‘‘อปเถนา’’ติอาทินา ทฺวาทส คาถา อภาสิฯ ตตฺถ อปเถน ปยาตุมิจฺฉสีติ, อาวุโส สุวณฺณการปุตฺต, สเนฺต อญฺญสฺมิํ อิตฺถิชเน โย ตฺวํ พุทฺธสุตํ พุทฺธสฺส ภควโต โอรสธีตรํ มํ มคฺคยสิ ปเตฺถสิ, โส ตฺวํ สเนฺต เขเม อุชุมเคฺค อปเถน กณฺฎกนิวุเตน สภเยน กุมฺมเคฺคน ปยาตุมิจฺฉสิ ปฎิปชฺชิตุกาโมสิ, จนฺทํ กีฬนกํ คเวสสิ จนฺทมณฺฑลํ กีฬาโคฬกํ กาตุกาโมสิ, เมรุํ ลเงฺฆตุมิจฺฉสิ จตุราสีติโยชนสหสฺสุเพฺพธํ สิเนรุปพฺพตราชํ ลงฺฆยิตฺวา อปรภาเค ฐาตุกาโมสิ, โส ตฺวํ มํ พุทฺธสุตํ มคฺคยสีติ โยชนาฯ

    Evaṃ cakkhusampattiyā ummāditassa viya taṃ taṃ vippalapato tassa purisassa manorathaṃ viparivattentī therī ‘‘apathenā’’tiādinā dvādasa gāthā abhāsi. Tattha apathena payātumicchasīti, āvuso suvaṇṇakāraputta, sante aññasmiṃ itthijane yo tvaṃ buddhasutaṃ buddhassa bhagavato orasadhītaraṃ maṃ maggayasi patthesi, so tvaṃ sante kheme ujumagge apathena kaṇṭakanivutena sabhayena kummaggena payātumicchasi paṭipajjitukāmosi, candaṃ kīḷanakaṃ gavesasi candamaṇḍalaṃ kīḷāgoḷakaṃ kātukāmosi, meruṃ laṅghetumicchasi caturāsītiyojanasahassubbedhaṃ sinerupabbatarājaṃ laṅghayitvā aparabhāge ṭhātukāmosi, so tvaṃ maṃ buddhasutaṃ maggayasīti yojanā.

    อิทานิ ตสฺส อตฺตโน อวิสยภาวํ ปตฺถนาย จ วิฆาตาวหตํ ทเสฺสตุํ ‘‘นตฺถี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ราโค ยตฺถปิ ทานิ เม สิยาติ ยตฺถ อิทานิ เม ราโค สิยา ภเวยฺย, ตํ อารมฺมณํ สเทวเก โลเก นตฺถิ เอวฯ นปิ นํ ชานามิ กีริโสติ นํ ราคํ กีริโสติปิ น ชานามิฯ อถ มเคฺคน หโต สมูลโกติ อถาติ นิปาตมตฺตํฯ อโยนิโสมนสิการสงฺขาเตน มูเลน สมูลโก ราโค อริยมเคฺคน หโต สมุคฺฆาติโตฯ

    Idāni tassa attano avisayabhāvaṃ patthanāya ca vighātāvahataṃ dassetuṃ ‘‘natthī’’tiādi vuttaṃ. Tattha rāgo yatthapi dāni me siyāti yattha idāni me rāgo siyā bhaveyya, taṃ ārammaṇaṃ sadevake loke natthi eva. Napi naṃ jānāmi kīrisoti naṃ rāgaṃ kīrisotipi na jānāmi. Atha maggena hato samūlakoti athāti nipātamattaṃ. Ayonisomanasikārasaṅkhātena mūlena samūlako rāgo ariyamaggena hato samugghātito.

    อิงฺคาลกุยาติ องฺคารกาสุยาฯ อุชฺฌิโตติ วาตุกฺขิโตฺต วิย โย โกจิ, ทหนิยา อินฺธนํ วิยาติ อโตฺถฯ วิสปโตฺตริวาติ วิสคตภาชนํ วิยฯ อคฺคิโต กโตติ อคฺคิโต องฺคารโต อปคโต กโต, วิสสฺส เลสมฺปิ อเสเสตฺวา อปนีโต วินาสิโตติ อโตฺถฯ

    Iṅgālakuyāti aṅgārakāsuyā. Ujjhitoti vātukkhitto viya yo koci, dahaniyā indhanaṃ viyāti attho. Visapattorivāti visagatabhājanaṃ viya. Aggito katoti aggito aṅgārato apagato kato, visassa lesampi asesetvā apanīto vināsitoti attho.

    ยสฺสา สิยา อปจฺจเวกฺขิตนฺติ ยสฺสา อิตฺถิยา อิทํ ขนฺธปญฺจกํ ญาเณน อปฺปฎิเวกฺขิตํ อปริญฺญาตํ สิยาฯ สตฺตา วา อนุสาสิโต สิยาติ สตฺตา วา ธมฺมสรีรสฺส อทสฺสเนน ยสฺสา อิตฺถิยา อนนุสาสิโต สิยาฯ ตฺวํ ตาทิสิกํ ปโลภยาติ, อาวุโส, ตฺวํ ตถารูปํ อปริมทฺทิตสงฺขารํ อปจฺจเวกฺขิตโลกุตฺตรธมฺมํ กาเมหิ ปโลภย อุปคจฺฉฯ ชานนฺติํ โส อิมํ วิหญฺญสีติ โส ตฺวํ ปวตฺติํ นิวตฺติญฺจ ยาถาวโต ชานนฺติํ ปฎิวิทฺธสจฺจํ อิมํ สุภํ ภิกฺขุนิํ อาคมฺม วิหญฺญสิ, สมฺปติ อายติญฺจ วิฆาตํ ทุกฺขํ อาปชฺชสิฯ

    Yassā siyā apaccavekkhitanti yassā itthiyā idaṃ khandhapañcakaṃ ñāṇena appaṭivekkhitaṃ apariññātaṃ siyā. Sattā vā anusāsito siyāti sattā vā dhammasarīrassa adassanena yassā itthiyā ananusāsito siyā. Tvaṃ tādisikaṃ palobhayāti, āvuso, tvaṃ tathārūpaṃ aparimadditasaṅkhāraṃ apaccavekkhitalokuttaradhammaṃ kāmehi palobhaya upagaccha. Jānantiṃ so imaṃ vihaññasīti so tvaṃ pavattiṃ nivattiñca yāthāvato jānantiṃ paṭividdhasaccaṃ imaṃ subhaṃ bhikkhuniṃ āgamma vihaññasi, sampati āyatiñca vighātaṃ dukkhaṃ āpajjasi.

    อิทานิสฺส วิฆาตาปตฺติตํ การณวิภาวเนน ทเสฺสนฺตี ‘‘มยฺหํ หี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ หีติ เหตุอเตฺถ นิปาโตฯ อกฺกุฎฺฐวนฺทิเตติ อโกฺกเส วนฺทนาย จฯ สุขทุเกฺขติ สุเข จ ทุเกฺข จ, อิฎฺฐานิฎฺฐวิสยสมาโยเค วาฯ สตี อุปฎฺฐิตาติ ปจฺจเวกฺขณยุตฺตา สติ สพฺพกาลํ อุปฎฺฐิตาฯ สงฺขตมสุภนฺติ ชานิยาติ เตภูมกํ สงฺขารคตํ กิเลสาสุจิปคฺฆรเณน อสุภนฺติ ญตฺวาฯ สพฺพเตฺถวาติ สพฺพสฺมิํเยว ภวตฺตเย มยฺหํ มโน ตณฺหาเลปาทินา น อุปลิมฺปติฯ

    Idānissa vighātāpattitaṃ kāraṇavibhāvanena dassentī ‘‘mayhaṃ hī’’tiādimāha. Tattha ti hetuatthe nipāto. Akkuṭṭhavanditeti akkose vandanāya ca. Sukhadukkheti sukhe ca dukkhe ca, iṭṭhāniṭṭhavisayasamāyoge vā. Satī upaṭṭhitāti paccavekkhaṇayuttā sati sabbakālaṃ upaṭṭhitā. Saṅkhatamasubhanti jāniyāti tebhūmakaṃ saṅkhāragataṃ kilesāsucipaggharaṇena asubhanti ñatvā. Sabbatthevāti sabbasmiṃyeva bhavattaye mayhaṃ mano taṇhālepādinā na upalimpati.

    มคฺคฎฺฐงฺคิกยานยายินีติ อฎฺฐงฺคิกมคฺคสงฺขาเตน อริยยาเนน นิพฺพานปุรํ ยายินี อุปคตาฯ อุทฺธฎสลฺลาติ อตฺตโน สนฺตานโต สมุทฺธฎราคาทิสลฺลาฯ

    Maggaṭṭhaṅgikayānayāyinīti aṭṭhaṅgikamaggasaṅkhātena ariyayānena nibbānapuraṃ yāyinī upagatā. Uddhaṭasallāti attano santānato samuddhaṭarāgādisallā.

    สุจิตฺติตาติ หตฺถปาทมุขาทิอากาเรน สุฎฺฐุ จิตฺติตา วิรจิตาฯ โสมฺภาติ สุมฺภกาฯ ทารุกปิลฺลกานิ วาติ ทารุทณฺฑาทีหิ อุปรจิตรูปกานิฯ ตนฺตีหีติ นฺหารุสุตฺตเกหิฯ ขีลเกหีติ หตฺถปาทปิฎฺฐิกณฺณาทิอตฺถาย ฐปิตทเณฺฑหิฯ วินิพทฺธาติ วิวิเธนากาเรน พทฺธาฯ วิวิธํ ปนจฺจกาติ ยนฺตสุตฺตาทีนํ อญฺฉนวิสฺสชฺชนาทินา ปฎฺฐปิตนจฺจกา, ปนจฺจนฺตา วิย ทิฎฺฐาติ โยชนาฯ

    Sucittitāti hatthapādamukhādiākārena suṭṭhu cittitā viracitā. Sombhāti sumbhakā. Dārukapillakāni vāti dārudaṇḍādīhi uparacitarūpakāni. Tantīhīti nhārusuttakehi. Khīlakehīti hatthapādapiṭṭhikaṇṇādiatthāya ṭhapitadaṇḍehi. Vinibaddhāti vividhenākārena baddhā. Vividhaṃ panaccakāti yantasuttādīnaṃ añchanavissajjanādinā paṭṭhapitanaccakā, panaccantā viya diṭṭhāti yojanā.

    ตมฺหุทฺธเฎ ตนฺติขีลเกติ สนฺนิเวสวิสิฎฺฐรจนาวิเสสยุตฺตํ อุปาทาย รูปกสมญฺญา ตมฺหิ ตนฺติมฺหิ ขีลเก จ ฐานโต อุทฺธเฎ พนฺธโนฺต วิสฺสเฎฺฐ, วิสุํ กรเณน อญฺญมญฺญํ วิกเล, ตหิํ ตหิํ ขิปเนน ปริกฺริเต วิกิริเตฯ น วิเนฺทยฺย ขณฺฑโส กเตติ โปตฺถกรูปสฺส อวยเว ขณฺฑาขณฺฑิเต กเต โปตฺถกรูปํ น วิเนฺทยฺย, น อุปลเภยฺยฯ เอวํ สเนฺต กิมฺหิ ตตฺถ มนํ นิเวสเย ตสฺมิํ โปตฺถกรูปาวยเว กิมฺหิ กิํ ขาณุเก, อุทาหุ รชฺชุเก, มตฺติกาปิณฺฑาทิเก วา มนํ มนสญฺญํ นิเวเสยฺย, วิสงฺขาเร อวยเว สา สญฺญา กทาจิปิ นปเตยฺยาติ อโตฺถฯ

    Tamhuddhaṭe tantikhīlaketi sannivesavisiṭṭharacanāvisesayuttaṃ upādāya rūpakasamaññā tamhi tantimhi khīlake ca ṭhānato uddhaṭe bandhanto vissaṭṭhe, visuṃ karaṇena aññamaññaṃ vikale, tahiṃ tahiṃ khipanena parikrite vikirite. Na vindeyya khaṇḍaso kateti potthakarūpassa avayave khaṇḍākhaṇḍite kate potthakarūpaṃ na vindeyya, na upalabheyya. Evaṃ sante kimhi tattha manaṃ nivesaye tasmiṃ potthakarūpāvayave kimhi kiṃ khāṇuke, udāhu rajjuke, mattikāpiṇḍādike vā manaṃ manasaññaṃ niveseyya, visaṅkhāre avayave sā saññā kadācipi napateyyāti attho.

    ตถูปมาติ ตํสทิสา เตน โปตฺถกรูเปน สทิสาฯ กินฺติ เจ อาห ‘‘เทหกานี’’ติอาทิฯ ตตฺถ เทหกานีติ หตฺถปาทมุขาทิเทหาวยวาฯ นฺติ เม ปฎิพทฺธา อุปฎฺฐหนฺติฯ เตหิ ธเมฺมหีติ เตหิ ปถวิอาทีหิ จ จกฺขาทีหิ จ ธเมฺมหิฯ วินา น วตฺตนฺตีติ น หิ ตถา ตถา สนฺนิวิเฎฺฐ ปถวิอาทิธเมฺม มุญฺจิตฺวา เทหา นาม สนฺติฯ ธเมฺมหิ วินา น วตฺตตีติ เทโห อวยเวหิ อวยวธเมฺมหิ วินา น วตฺตติ น อุปลพฺภติฯ เอวํ สเนฺต กิมฺหิ ตตฺถ มนํ นิเวสเยติ กิมฺหิ กิํ ปถวิยํ, อุทาหุ อาปาทิเก เทโหติ วา หตฺถปาทาทีนีติ วา มนํ มนสญฺญํ นิเวเสยฺยฯ ยสฺมา ปถวิอาทิปสาทธมฺมมเตฺต เอสา สมญฺญา, ยทิทํ เทโหติ วา หตฺถปาทาทีนีติ วา สโตฺตติ วา อิตฺถีติ วา ปุริโสติ วา, ตสฺมา น เอตฺถ ชานโต โกจิ อภินิเวโส โหตีติฯ

    Tathūpamāti taṃsadisā tena potthakarūpena sadisā. Kinti ce āha ‘‘dehakānī’’tiādi. Tattha dehakānīti hatthapādamukhādidehāvayavā. Manti me paṭibaddhā upaṭṭhahanti. Tehi dhammehīti tehi pathaviādīhi ca cakkhādīhi ca dhammehi. Vinā na vattantīti na hi tathā tathā sanniviṭṭhe pathaviādidhamme muñcitvā dehā nāma santi. Dhammehi vinā na vattatīti deho avayavehi avayavadhammehi vinā na vattati na upalabbhati. Evaṃ sante kimhi tattha manaṃ nivesayeti kimhi kiṃ pathaviyaṃ, udāhu āpādike dehoti vā hatthapādādīnīti vā manaṃ manasaññaṃ niveseyya. Yasmā pathaviādipasādadhammamatte esā samaññā, yadidaṃ dehoti vā hatthapādādīnīti vā sattoti vā itthīti vā purisoti vā, tasmā na ettha jānato koci abhiniveso hotīti.

    ยถา หริตาเลน มกฺขิตํ, อทฺทส จิตฺติกํ ภิตฺติยา กตนฺติ ยถา กุสเลน จิตฺตกาเรน ภิตฺติยํ หริตาเลน มกฺขิตํ ลิตฺตํ เตน เลปํ ทตฺวา กตํ อาลิขิตํ จิตฺติกํ อิตฺถิรูปํ อทฺทส ปเสฺสยฺยฯ ตตฺถ ยา อุปถมฺภนเขปนาทิกิริยาสมฺปตฺติยา มานุสิกา นุ โข อยํ ภิตฺติ อปสฺสาย ฐิตาติ สญฺญา, สา นิรตฺถกา มนุสฺสภาวสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส ตตฺถ อภาวโต, มานุสีติ ปน เกวลํ ตหิํ ตสฺส จ วิปรีตทสฺสนํ, ยาถาวโต คหณํ น โหติ, ธมฺมปุญฺชมเตฺต อิตฺถิปุริสาทิคหณมฺปิ เอวํ สมฺปทมิทํ ทฎฺฐพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Yathā haritālena makkhitaṃ, addasa cittikaṃ bhittiyā katanti yathā kusalena cittakārena bhittiyaṃ haritālena makkhitaṃ littaṃ tena lepaṃ datvā kataṃ ālikhitaṃ cittikaṃ itthirūpaṃ addasa passeyya. Tattha yā upathambhanakhepanādikiriyāsampattiyā mānusikā nu kho ayaṃ bhitti apassāya ṭhitāti saññā, sā niratthakā manussabhāvasaṅkhātassa atthassa tattha abhāvato, mānusīti pana kevalaṃ tahiṃ tassa ca viparītadassanaṃ, yāthāvato gahaṇaṃ na hoti, dhammapuñjamatte itthipurisādigahaṇampi evaṃ sampadamidaṃ daṭṭhabbanti adhippāyo.

    มายํ วิย อคฺคโต กตนฺติ มายากาเรน ปุรโต อุปฎฺฐาปิตํ มายาสทิสํฯ สุปินเนฺตว สุวณฺณปาทปนฺติ สุปินเมว สุปินนฺตํ, ตตฺถ อุปฎฺฐิตสุวณฺณมยรุกฺขํ วิยฯ อุปคจฺฉสิ อนฺธ ริตฺตกนฺติ อนฺธพาล ริตฺตกํ ตุจฺฉกํ อโนฺตสารรหิตํ อิมํ อตฺตภาวํ ‘‘เอตํ มมา’’ติ สารวนฺตํ วิย อุปคจฺฉสิ อภินิวิสสิฯ ชนมเชฺฌริว รุปฺปรูปกนฺติ มายากาเรน มหาชนมเชฺฌ ทสฺสิตํ รูปิยรูปสทิสํ สารํ วิย อุปฎฺฐหนฺตํ, อสารนฺติ อโตฺถฯ

    Māyaṃ viya aggato katanti māyākārena purato upaṭṭhāpitaṃ māyāsadisaṃ. Supinanteva suvaṇṇapādapanti supinameva supinantaṃ, tattha upaṭṭhitasuvaṇṇamayarukkhaṃ viya. Upagacchasi andha rittakanti andhabāla rittakaṃ tucchakaṃ antosārarahitaṃ imaṃ attabhāvaṃ ‘‘etaṃ mamā’’ti sāravantaṃ viya upagacchasi abhinivisasi. Janamajjheriva rupparūpakanti māyākārena mahājanamajjhe dassitaṃ rūpiyarūpasadisaṃ sāraṃ viya upaṭṭhahantaṃ, asāranti attho.

    วฎฺฎนิริวาติ ลาขาย คุฬิกา วิยฯ โกฎโรหิตาติ โกฎเร รุกฺขสุสิเร ฐปิตาฯ มเชฺฌ ปุพฺพุฬกาติ อกฺขิทลมเชฺฌ ฐิตชลปุพฺพุฬสทิสาฯ สอสฺสุกาติ อสฺสุชลสหิตาฯ ปีฬโกฬิกาติ อกฺขิคูถโกฯ เอตฺถ ชายตีติ เอตสฺมิํ อกฺขิมณฺฑเล อุโภสุ โกฎีสุ วิสคนฺธํ วายโนฺต นิพฺพตฺตติฯ ปีฬโกฬิกาติ วา อกฺขิทเลสุ นิพฺพตฺตนกา ปีฬกา วุจฺจติฯ วิวิธาติ เสตนีลมณฺฑลานเญฺจว รตฺตปีตาทีนํ สตฺตนฺนํ ปฎลานญฺจ วเสน อเนกวิธาฯ จกฺขุวิธาติ จกฺขุภาคา จกฺขุปฺปการา วา ตสฺส อเนกกลาปคตภาวโตฯ ปิณฺฑิตาติ สมุทิตาฯ

    Vaṭṭanirivāti lākhāya guḷikā viya. Koṭarohitāti koṭare rukkhasusire ṭhapitā. Majjhe pubbuḷakāti akkhidalamajjhe ṭhitajalapubbuḷasadisā. Saassukāti assujalasahitā. Pīḷakoḷikāti akkhigūthako. Ettha jāyatīti etasmiṃ akkhimaṇḍale ubhosu koṭīsu visagandhaṃ vāyanto nibbattati. Pīḷakoḷikāti vā akkhidalesu nibbattanakā pīḷakā vuccati. Vividhāti setanīlamaṇḍalānañceva rattapītādīnaṃ sattannaṃ paṭalānañca vasena anekavidhā. Cakkhuvidhāti cakkhubhāgā cakkhuppakārā vā tassa anekakalāpagatabhāvato. Piṇḍitāti samuditā.

    เอวํ จกฺขุสฺมิํ สารชฺชนฺตสฺส จกฺขุโน อสุภตํ อนวฎฺฐิตตาย อนิจฺจตญฺจ วิภาเวสิ ฯ วิภาเวตฺวา จ ยถา นาม โกจิ โลภนียํ ภณฺฑํ คเหตฺวา โจรกนฺตารํ ปฎิปชฺชโนฺต โจเรหิ ปลิพุโทฺธ ตํ โลภนียภณฺฑํ ทตฺวา คจฺฉติ, เอวเมว จกฺขุมฺหิ สารเตฺตน เตน ปุริเสน ปลิพุทฺธา เถรี อตฺตโน จกฺขุํ อุปฺปาเฎตฺวา ตสฺส อทาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อุปฺปาฎิย จารุทสฺสนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ อุปฺปาฎิยาติ อุปฺปาเฎตฺวา จกฺขุกูปโต นีหริตฺวาฯ จารุทสฺสนาติ ปิยทสฺสนา มโนหรทสฺสนาฯ น จ ปชฺชิตฺถาติ ตสฺมิํ จกฺขุสฺมิํ สงฺคํ นาปชฺชิฯ อสงฺคมานสาติ กตฺถจิปิ อารมฺมเณ อนาสตฺตจิตฺตาฯ หนฺท เต จกฺขุนฺติ ตยา กามิตํ ตโต เอว มยา ทินฺนตฺตา เต จกฺขุสญฺญิตํ อสุจิปิณฺฑํ คณฺห, คเหตฺวา หรสฺสุ ปสาทยุตฺตํ อิจฺฉิตํ ฐานํ เนหิฯ

    Evaṃ cakkhusmiṃ sārajjantassa cakkhuno asubhataṃ anavaṭṭhitatāya aniccatañca vibhāvesi . Vibhāvetvā ca yathā nāma koci lobhanīyaṃ bhaṇḍaṃ gahetvā corakantāraṃ paṭipajjanto corehi palibuddho taṃ lobhanīyabhaṇḍaṃ datvā gacchati, evameva cakkhumhi sārattena tena purisena palibuddhā therī attano cakkhuṃ uppāṭetvā tassa adāsi. Tena vuttaṃ ‘‘uppāṭiya cārudassanā’’tiādi. Tattha uppāṭiyāti uppāṭetvā cakkhukūpato nīharitvā. Cārudassanāti piyadassanā manoharadassanā. Na ca pajjitthāti tasmiṃ cakkhusmiṃ saṅgaṃ nāpajji. Asaṅgamānasāti katthacipi ārammaṇe anāsattacittā. Handa te cakkhunti tayā kāmitaṃ tato eva mayā dinnattā te cakkhusaññitaṃ asucipiṇḍaṃ gaṇha, gahetvā harassu pasādayuttaṃ icchitaṃ ṭhānaṃ nehi.

    ตสฺส จ วิรมาสิ ตาวเทติ ตสฺส ธุตฺตปุริสสฺส ตาวเทว อกฺขิมฺหิ อุปฺปาฎิตกฺขเณ เอว ราโค วิคจฺฉิฯ ตตฺถาติ อกฺขิมฺหิ, ตสฺสํ วา เถริยํฯ อถ วา ตตฺถาติ ตสฺมิํเยว ฐาเนฯ ขมาปยีติ ขมาเปสิฯ โสตฺถิ สิยา พฺรหฺมจารินีติ เสฎฺฐจารินิ มเหสิเก ตุยฺหํ อาโรคฺยเมว ภเวยฺยฯ น ปุโน เอทิสกํ ภวิสฺสตีติ อิโต ปรํ เอวรูปํ อนาจารจรณํ น ภวิสฺสติ, น กริสฺสามีติ อโตฺถฯ

    Tassa ca viramāsi tāvadeti tassa dhuttapurisassa tāvadeva akkhimhi uppāṭitakkhaṇe eva rāgo vigacchi. Tatthāti akkhimhi, tassaṃ vā theriyaṃ. Atha vā tatthāti tasmiṃyeva ṭhāne. Khamāpayīti khamāpesi. Sotthi siyā brahmacārinīti seṭṭhacārini mahesike tuyhaṃ ārogyameva bhaveyya. Na puno edisakaṃbhavissatīti ito paraṃ evarūpaṃ anācāracaraṇaṃ na bhavissati, na karissāmīti attho.

    อาสาทิยาติ ฆเฎฺฎตฺวาฯ เอทิสนฺติ เอวรูปํ สพฺพตฺถ วีตราคํฯ อคฺคิํ ปชฺชลิตํว ลิงฺคิยาติ ปชฺชลิตํ อคฺคิํ อาลิเงฺคตฺวา วิยฯ

    Āsādiyāti ghaṭṭetvā. Edisanti evarūpaṃ sabbattha vītarāgaṃ. Aggiṃ pajjalitaṃva liṅgiyāti pajjalitaṃ aggiṃ āliṅgetvā viya.

    ตโตติ ตสฺมา ธุตฺตปุริสาฯ สา ภิกฺขุนีติ สา สุภา ภิกฺขุนีฯ อคมี พุทฺธวรสฺส สนฺติกนฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติกํ อุปคจฺฉิ อุปสงฺกมิฯ ปสฺสิย วรปุญฺญลกฺขณนฺติ อุตฺตเมหิ ปุญฺญสมฺภาเรหิ นิพฺพตฺตมหาปุริสลกฺขณํ ทิสฺวาฯ ยถา ปุราณกนฺติ โปราณํ วิย อุปฺปาฎนโต ปุเพฺพ วิย จกฺขุ ปฎิปากติกํ อโหสิฯ ยเมตฺถ อนฺตรนฺตรา น วุตฺตํ, ตํ วุตฺตนยตฺตา สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Tatoti tasmā dhuttapurisā. Sā bhikkhunīti sā subhā bhikkhunī. Agamī buddhavarassa santikanti sammāsambuddhassa santikaṃ upagacchi upasaṅkami. Passiya varapuññalakkhaṇanti uttamehi puññasambhārehi nibbattamahāpurisalakkhaṇaṃ disvā. Yathā purāṇakanti porāṇaṃ viya uppāṭanato pubbe viya cakkhu paṭipākatikaṃ ahosi. Yamettha antarantarā na vuttaṃ, taṃ vuttanayattā suviññeyyameva.

    สุภาชีวกมฺพวนิกาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Subhājīvakambavanikātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    ติํสนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tiṃsanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๑. สุภาชีวกมฺพวนิกาเถรีคาถา • 1. Subhājīvakambavanikātherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact