Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๕. สุภากมฺมารธีตุเถรีคาถาวณฺณนา

    5. Subhākammāradhītutherīgāthāvaṇṇanā

    ทหราหนฺติอาทิกา สุภาย กมฺมารธีตาย เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี อนุกฺกเมน สมฺภาวิตกุสลมูลา อุปจิตวิโมกฺขสมฺภารา สุคตีสุเยว สํสรนฺตี ปริปกฺกญาณา หุตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห อญฺญตรสฺส สุวณฺณการสฺส ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, รูปสมฺปตฺติโสภาย สุภาติ ตสฺสา นามํ อโหสิฯ สา อนุกฺกเมน วิญฺญุตํ ปตฺวา, สตฺถุ ราชคหปฺปเวสเน สตฺถริ สญฺชาตปฺปสาทา เอกทิวสํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ สตฺถา ตสฺสา อินฺทฺริยปริปากํ ทิสฺวา อชฺฌาสยานุรูปํ จตุสจฺจคพฺภธมฺมํ เทเสสิฯ สา ตาวเทว สหสฺสนยปฎิมณฺฑิเต โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาสิฯ สา อปรภาเค ฆราวาเส โทสํ ทิสฺวา มหาปชาปติยา โคตมิยา สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ภิกฺขุนิสีเล ปติฎฺฐิตา อุปริมคฺคตฺถาย ภาวนมนุยุญฺชิฯ ตํ ญาตกา กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา กาเมหิ นิมเนฺตนฺตา ปหูตธนํ วิภวชาตญฺจ ทเสฺสตฺวา ปโลเภนฺติฯ สา เอกทิวสํ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตานํ ฆราวาเสสุ กาเมสุ จ อาทีนวํ ปกาเสนฺตี ‘‘ทหราห’’นฺติอาทีหิ จตุวีสติยา คาถาหิ ธมฺมํ กเถตฺวา เต นิราเส กตฺวา วิสฺสเชฺชตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี อินฺทฺริยานิ ปริโยทเปนฺตี ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา น จิรเสฺสว สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ อรหตฺตํ ปน ปตฺวา –

    Daharāhantiādikā subhāya kammāradhītāya theriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinantī anukkamena sambhāvitakusalamūlā upacitavimokkhasambhārā sugatīsuyeva saṃsarantī paripakkañāṇā hutvā imasmiṃ buddhuppāde rājagahe aññatarassa suvaṇṇakārassa dhītā hutvā nibbatti, rūpasampattisobhāya subhāti tassā nāmaṃ ahosi. Sā anukkamena viññutaṃ patvā, satthu rājagahappavesane satthari sañjātappasādā ekadivasaṃ bhagavantaṃ upasaṅkamitvā vanditvā ekamantaṃ nisīdi. Satthā tassā indriyaparipākaṃ disvā ajjhāsayānurūpaṃ catusaccagabbhadhammaṃ desesi. Sā tāvadeva sahassanayapaṭimaṇḍite sotāpattiphale patiṭṭhāsi. Sā aparabhāge gharāvāse dosaṃ disvā mahāpajāpatiyā gotamiyā santike pabbajitvā bhikkhunisīle patiṭṭhitā uparimaggatthāya bhāvanamanuyuñji. Taṃ ñātakā kālena kālaṃ upasaṅkamitvā kāmehi nimantentā pahūtadhanaṃ vibhavajātañca dassetvā palobhenti. Sā ekadivasaṃ attano santikaṃ upagatānaṃ gharāvāsesu kāmesu ca ādīnavaṃ pakāsentī ‘‘daharāha’’ntiādīhi catuvīsatiyā gāthāhi dhammaṃ kathetvā te nirāse katvā vissajjetvā vipassanāya kammaṃ karontī indriyāni pariyodapentī bhāvanaṃ ussukkāpetvā na cirasseva saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Arahattaṃ pana patvā –

    ๓๓๙.

    339.

    ‘‘ทหราหํ สุทฺธวสนา, ยํ ปุเร ธมฺมมสฺสุณิํ;

    ‘‘Daharāhaṃ suddhavasanā, yaṃ pure dhammamassuṇiṃ;

    ตสฺสา เม อปฺปมตฺตาย, สจฺจาภิสมโย อหุฯ

    Tassā me appamattāya, saccābhisamayo ahu.

    ๓๔๐.

    340.

    ‘‘ตโตหํ สพฺพกาเมสุ, ภุสํ อรติมชฺฌคํ;

    ‘‘Tatohaṃ sabbakāmesu, bhusaṃ aratimajjhagaṃ;

    สกฺกายสฺมิํ ภยํ ทิสฺวา, เนกฺขมฺมเมว ปีหเยฯ

    Sakkāyasmiṃ bhayaṃ disvā, nekkhammameva pīhaye.

    ๓๔๑.

    341.

    ‘‘หิตฺวานหํ ญาติคณํ, ทาสกมฺมกรานิ จ;

    ‘‘Hitvānahaṃ ñātigaṇaṃ, dāsakammakarāni ca;

    คามเขตฺตานิ ผีตานิ, รมณีเย ปโมทิเตฯ

    Gāmakhettāni phītāni, ramaṇīye pamodite.

    ๓๔๒.

    342.

    ‘‘ปหายหํ ปพฺพชิตา, สาปเตยฺยมนปฺปกํ;

    ‘‘Pahāyahaṃ pabbajitā, sāpateyyamanappakaṃ;

    เอวํ สทฺธาย นิกฺขมฺม, สทฺธเมฺม สุปฺปเวทิเตฯ

    Evaṃ saddhāya nikkhamma, saddhamme suppavedite.

    ๓๔๓.

    343.

    ‘‘เนตํ อสฺส ปติรูปํ, อากิญฺจญฺญญฺหิ ปตฺถเย;

    ‘‘Netaṃ assa patirūpaṃ, ākiñcaññañhi patthaye;

    โย ชาตรูปํ รชตํ, ฉเฑฺฑตฺวา ปุนราคเมฯ

    Yo jātarūpaṃ rajataṃ, chaḍḍetvā punarāgame.

    ๓๔๔.

    344.

    ‘‘รชตํ ชาตรูปํ วา, น โพธาย น สนฺติยา;

    ‘‘Rajataṃ jātarūpaṃ vā, na bodhāya na santiyā;

    เนตํ สมณสารุปฺปํ, น เอตํ อริยทฺธนํฯ

    Netaṃ samaṇasāruppaṃ, na etaṃ ariyaddhanaṃ.

    ๓๔๕.

    345.

    ‘‘โลภนํ มทนเญฺจตํ, โมหนํ รชวฑฺฒนํ;

    ‘‘Lobhanaṃ madanañcetaṃ, mohanaṃ rajavaḍḍhanaṃ;

    สาสงฺกํ พหุอายาสํ, นตฺถิ เจตฺถ ธุวํ ฐิติฯ

    Sāsaṅkaṃ bahuāyāsaṃ, natthi cettha dhuvaṃ ṭhiti.

    ๓๔๖.

    346.

    ‘‘เอตฺถ รตฺตา ปมตฺตา จ, สํกิลิฎฺฐมนา นรา;

    ‘‘Ettha rattā pamattā ca, saṃkiliṭṭhamanā narā;

    อญฺญมเญฺญน พฺยารุทฺธา, ปุถู กุพฺพนฺติ เมธคํฯ

    Aññamaññena byāruddhā, puthū kubbanti medhagaṃ.

    ๓๔๗.

    347.

    ‘‘วโธ พโนฺธ ปริเกฺลโส, ชานิ โสกปริทฺทโว;

    ‘‘Vadho bandho parikleso, jāni sokapariddavo;

    กาเมสุ อธิปนฺนานํ, ทิสฺสเต พฺยสนํ พหุํฯ

    Kāmesu adhipannānaṃ, dissate byasanaṃ bahuṃ.

    ๓๔๘.

    348.

    ‘‘ตํ มํ ญาตี อมิตฺตาว, กิํ โว กาเมสุ ยุญฺชถ;

    ‘‘Taṃ maṃ ñātī amittāva, kiṃ vo kāmesu yuñjatha;

    ชานาถ มํ ปพฺพชิตํ, กาเมสุ ภยทสฺสินิํฯ

    Jānātha maṃ pabbajitaṃ, kāmesu bhayadassiniṃ.

    ๓๔๙.

    349.

    ‘‘น หิรญฺญสุวเณฺณน, ปริกฺขียนฺติ อาสวา;

    ‘‘Na hiraññasuvaṇṇena, parikkhīyanti āsavā;

    อมิตฺตา วธกา กามา, สปตฺตา สลฺลพนฺธนาฯ

    Amittā vadhakā kāmā, sapattā sallabandhanā.

    ๓๕๐.

    350.

    ‘‘ตํ มํ ญาตี อมิตฺตาว, กิํ โว กาเมสุ ยุญฺชถ;

    ‘‘Taṃ maṃ ñātī amittāva, kiṃ vo kāmesu yuñjatha;

    ชานาถ มํ ปพฺพชิตํ, มุณฺฑํ สงฺฆาฎิปารุตํฯ

    Jānātha maṃ pabbajitaṃ, muṇḍaṃ saṅghāṭipārutaṃ.

    ๓๕๑.

    351.

    ‘‘อุตฺติฎฺฐปิโณฺฑ อุโญฺฉ จ, ปํสุกูลญฺจ จีวรํ;

    ‘‘Uttiṭṭhapiṇḍo uñcho ca, paṃsukūlañca cīvaraṃ;

    เอตํ โข มม สารุปฺปํ, อนคารูปนิสฺสโยฯ

    Etaṃ kho mama sāruppaṃ, anagārūpanissayo.

    ๓๕๒.

    352.

    ‘‘วนฺตา มเหสีหิ กามา, เย ทิพฺพา เย จ มานุสา;

    ‘‘Vantā mahesīhi kāmā, ye dibbā ye ca mānusā;

    เขมฎฺฐาเน วิมุตฺตา เต, ปตฺตา เต อจลํ สุขํฯ

    Khemaṭṭhāne vimuttā te, pattā te acalaṃ sukhaṃ.

    ๓๕๓.

    353.

    ‘‘มาหํ กาเมหิ สํคจฺฉิํ, เยสุ ตาณํ น วิชฺชติ;

    ‘‘Māhaṃ kāmehi saṃgacchiṃ, yesu tāṇaṃ na vijjati;

    อมิตฺตา วธกา กามา, อคฺคิกฺขนฺธูปมา ทุขาฯ

    Amittā vadhakā kāmā, aggikkhandhūpamā dukhā.

    ๓๕๔.

    354.

    ‘‘ปริปโนฺถ เอส ภโย, สวิฆาโต สกณฺฎโก;

    ‘‘Paripantho esa bhayo, savighāto sakaṇṭako;

    เคโธ สุวิสโม เจโส, มหโนฺต โมหนามุโขฯ

    Gedho suvisamo ceso, mahanto mohanāmukho.

    ๓๕๕.

    355.

    ‘‘อุปสโคฺค ภีมรูโป, กามา สปฺปสิรูปมา;

    ‘‘Upasaggo bhīmarūpo, kāmā sappasirūpamā;

    เย พาลา อภินนฺทนฺติ, อนฺธภูตา ปุถุชฺชนาฯ

    Ye bālā abhinandanti, andhabhūtā puthujjanā.

    ๓๕๖.

    356.

    ‘‘กามปเงฺกน สตฺตา หิ, พหู โลเก อวิทฺทสู;

    ‘‘Kāmapaṅkena sattā hi, bahū loke aviddasū;

    ปริยนฺตํ น ชานนฺติ, ชาติยา มรณสฺส จฯ

    Pariyantaṃ na jānanti, jātiyā maraṇassa ca.

    ๓๕๗.

    357.

    ‘‘ทุคฺคติคมนํ มคฺคํ, มนุสฺสา กามเหตุกํ;

    ‘‘Duggatigamanaṃ maggaṃ, manussā kāmahetukaṃ;

    พหุํ เว ปฎิปชฺชนฺติ, อตฺตโน โรคมาวหํฯ

    Bahuṃ ve paṭipajjanti, attano rogamāvahaṃ.

    ๓๕๘.

    358.

    ‘‘เอวํ อมิตฺตชนนา, ตาปนา สํกิเลสิกา;

    ‘‘Evaṃ amittajananā, tāpanā saṃkilesikā;

    โลกามิสา พนฺธนียา, กามา มรณพนฺธนาฯ

    Lokāmisā bandhanīyā, kāmā maraṇabandhanā.

    ๓๕๙.

    359.

    ‘‘อุมฺมาทนา อุลฺลปนา, กามา จิตฺตปฺปมาถิโน;

    ‘‘Ummādanā ullapanā, kāmā cittappamāthino;

    สตฺตานํ สํกิเลสาย, ขิปฺปํ มาเรน โอฑฺฑิตํฯ

    Sattānaṃ saṃkilesāya, khippaṃ mārena oḍḍitaṃ.

    ๓๖๐.

    360.

    ‘‘อนนฺตาทีนวา กามา, พหุทุกฺขา มหาวิสา;

    ‘‘Anantādīnavā kāmā, bahudukkhā mahāvisā;

    อปฺปสฺสาทา รณกรา, สุกฺกปกฺขวิโสสนาฯ

    Appassādā raṇakarā, sukkapakkhavisosanā.

    ๓๖๑.

    361.

    ‘‘สาหํ เอตาทิสํ กตฺวา, พฺยสนํ กามเหตุกํ;

    ‘‘Sāhaṃ etādisaṃ katvā, byasanaṃ kāmahetukaṃ;

    น ตํ ปจฺจาคมิสฺสามิ, นิพฺพานาภิรตา สทาฯ

    Na taṃ paccāgamissāmi, nibbānābhiratā sadā.

    ๓๖๒.

    362.

    ‘‘รณํ ตริตฺวา กามานํ, สีติภาวาภิกงฺขินี;

    ‘‘Raṇaṃ taritvā kāmānaṃ, sītibhāvābhikaṅkhinī;

    อปฺปมตฺตา วิหสฺสามิ, สพฺพสํโยชนกฺขเยฯ

    Appamattā vihassāmi, sabbasaṃyojanakkhaye.

    ๓๖๓.

    363.

    ‘‘อโสกํ วิรชํ เขมํ, อริยฎฺฐงฺคิกํ อุชุํ;

    ‘‘Asokaṃ virajaṃ khemaṃ, ariyaṭṭhaṅgikaṃ ujuṃ;

    ตํ มคฺคํ อนุคจฺฉามิ, เยน ติณฺณา มเหสิโนฯ

    Taṃ maggaṃ anugacchāmi, yena tiṇṇā mahesino.

    ๓๖๔.

    364.

    ‘‘อิมํ ปสฺสถ ธมฺมฎฺฐํ, สุภํ กมฺมารธีตรํ;

    ‘‘Imaṃ passatha dhammaṭṭhaṃ, subhaṃ kammāradhītaraṃ;

    อเนชํ อุปสมฺปชฺช, รุกฺขมูลมฺหิ ฌายติฯ

    Anejaṃ upasampajja, rukkhamūlamhi jhāyati.

    ๓๖๕.

    365.

    ‘‘อชฺชฎฺฐมี ปพฺพชิตา, สทฺธา สทฺธมฺมโสภนา;

    ‘‘Ajjaṭṭhamī pabbajitā, saddhā saddhammasobhanā;

    วินีตุปฺปลวณฺณาย, เตวิชฺชา มจฺจุหายินีฯ

    Vinītuppalavaṇṇāya, tevijjā maccuhāyinī.

    ๓๖๖.

    366.

    ‘‘สายํ ภุชิสฺสา อณณา, ภิกฺขุนี ภาวิตินฺทฺริยา;

    ‘‘Sāyaṃ bhujissā aṇaṇā, bhikkhunī bhāvitindriyā;

    สพฺพโยควิสํยุตฺตา, กตกิจฺจา อนาสวาฯ

    Sabbayogavisaṃyuttā, katakiccā anāsavā.

    ๓๖๗.

    367.

    ‘‘ตํ สโกฺก เทวสเงฺฆน, อุปสงฺกมฺม อิทฺธิยา;

    ‘‘Taṃ sakko devasaṅghena, upasaṅkamma iddhiyā;

    นมสฺสติ ภูตปติ, สุภํ กมฺมารธีตร’’นฺติฯ – อิมา คาถา อภาสิ;

    Namassati bhūtapati, subhaṃ kammāradhītara’’nti. – imā gāthā abhāsi;

    ตตฺถ ทหราหํ สุทฺธวสนา, ยํ ปุเร ธมฺมมสฺสุณินฺติ ยสฺมา อหํ ปุเพฺพ ทหรา ตรุณี เอว สุทฺธวสนา สุทฺธวตฺถนิวตฺถา อลงฺกตปฺปฎิยตฺตา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ อโสฺสสิํฯ ตสฺสา เม อปฺปมตฺตาย, สจฺจาภิสมโย อหูติ ยสฺมา จ ตสฺสา เม มยฺหํ ยถาสุตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อปฺปมตฺตาย อุปฎฺฐิตสฺสติยา สีลํ อธิฎฺฐหิตฺวา ภาวนํ อนุยุญฺชนฺติยาว จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อภิสมโย ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา (ปฎิ. ม. ๑.๓๒) ปฎิเวโธ อโหสิฯ

    Tattha daharāhaṃ suddhavasanā, yaṃ pure dhammamassuṇinti yasmā ahaṃ pubbe daharā taruṇī eva suddhavasanā suddhavatthanivatthā alaṅkatappaṭiyattā satthu santike dhammaṃ assosiṃ. Tassā me appamattāya, saccābhisamayo ahūti yasmā ca tassā me mayhaṃ yathāsutaṃ dhammaṃ paccavekkhitvā appamattāya upaṭṭhitassatiyā sīlaṃ adhiṭṭhahitvā bhāvanaṃ anuyuñjantiyāva catunnaṃ ariyasaccānaṃ abhisamayo ‘‘idaṃ dukkha’’ntiādinā (paṭi. ma. 1.32) paṭivedho ahosi.

    ตโตหํ สพฺพกาเมสุ, ภุสํ อรติมชฺฌคนฺติ ตโต เตน การเณน สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมสฺส สุตตฺตา สจฺจานญฺจ อภิสมิตตฺตา มนุเสฺสสุ ทิเพฺพสุ จาติ สเพฺพสุปิ กาเมสุ ภุสํ อติวิย อรติํ อุกฺกณฺฐิํ อธิคจฺฉิํฯ สกฺกายสฺมิํ อุปาทานกฺขนฺธปญฺจเก, ภยํ สปฺปฎิภยภาวํ ญาณจกฺขุนา ทิสฺวา, เนกฺขมฺมเมว ปพฺพชฺชํ นิพฺพานเมว, ปีหเย ปิหยามิ ปตฺถยามิฯ

    Tatohaṃ sabbakāmesu, bhusaṃ aratimajjhaganti tato tena kāraṇena satthu santike dhammassa sutattā saccānañca abhisamitattā manussesu dibbesu cāti sabbesupi kāmesu bhusaṃ ativiya aratiṃ ukkaṇṭhiṃ adhigacchiṃ. Sakkāyasmiṃ upādānakkhandhapañcake, bhayaṃ sappaṭibhayabhāvaṃ ñāṇacakkhunā disvā, nekkhammameva pabbajjaṃ nibbānameva, pīhaye pihayāmi patthayāmi.

    ทาสกมฺมกรานิ จาติ ทาเส จ กมฺมกาเร จ, ลิงฺควิปลฺลาเสน เหตํ วุตฺตํฯ คามเขตฺตานีติ คาเม จ ปุพฺพณฺณาปรณฺณวิรุหนเกฺขตฺตานิ จ, คามปริยาปนฺนานิ วา เขตฺตานิฯ ผีตานีติ สมิทฺธานิฯ รมณีเยติ มนุเญฺญฯ ปโมทิเตติ ปมุทิเต, โภคกฺขเนฺธ หิตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ สาปเตยฺยนฺติ สนฺตกํ ธนํ, มณิกนกรชตาทิปริคฺคหวตฺถุํฯ อนปฺปกนฺติ มหนฺตํ, ปหายาติ โยชนาฯ เอวํ สทฺธาย นิกฺขมฺมาติ ‘‘หิตฺวานหํ ญาติคณ’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรน มหนฺตํ ญาติปริวฎฺฎํ มหนฺตญฺจ โภคกฺขนฺธํ ปหาย กมฺมกมฺมผลานิ รตนตฺตยญฺจาติ สเทฺธยฺยวตฺถุํ สทฺธาย สทฺทหิตฺวา ฆรโต นิกฺขมฺม, สทฺธเมฺม สุปฺปเวทิเต สมฺมาสมฺพุเทฺธน สุฎฺฐุ ปเวทิเต อริยวินเย อหํ ปพฺพชิตาฯ

    Dāsakammakarāni cāti dāse ca kammakāre ca, liṅgavipallāsena hetaṃ vuttaṃ. Gāmakhettānīti gāme ca pubbaṇṇāparaṇṇaviruhanakkhettāni ca, gāmapariyāpannāni vā khettāni. Phītānīti samiddhāni. Ramaṇīyeti manuññe. Pamoditeti pamudite, bhogakkhandhe hitvāti sambandho. Sāpateyyanti santakaṃ dhanaṃ, maṇikanakarajatādipariggahavatthuṃ. Anappakanti mahantaṃ, pahāyāti yojanā. Evaṃ saddhāya nikkhammāti ‘‘hitvānahaṃ ñātigaṇa’’ntiādinā vuttappakārena mahantaṃ ñātiparivaṭṭaṃ mahantañca bhogakkhandhaṃ pahāya kammakammaphalāni ratanattayañcāti saddheyyavatthuṃ saddhāya saddahitvā gharato nikkhamma, saddhamme suppavedite sammāsambuddhena suṭṭhu pavedite ariyavinaye ahaṃ pabbajitā.

    เอวํ ปพฺพชิตาย ปน เนตํ อสฺส ปติรูปํ, ยทิทํ ฉฑฺฑิตานํ กามานํ ปจฺจาคมนํฯ อากิญฺจญฺญญฺหิ ปตฺถเยติ อหํ อกิญฺจนภาวํ อปริคฺคหภาวเมว ปตฺถยามิฯ โย ชาตรูปรชตํ, ฉเฑฺฑตฺวา ปุนราคเมติ โย ปุคฺคโล สุวณฺณํ รชตํ อญฺญมฺปิ วา กิญฺจิ ธนชาตํ ฉเฑฺฑตฺวา ปุน ตํ คเณฺหยฺย, โส ปณฺฑิตานํ อนฺตเร กถํ สีสํ อุกฺขิเปยฺย?

    Evaṃ pabbajitāya pana netaṃ assa patirūpaṃ, yadidaṃ chaḍḍitānaṃ kāmānaṃ paccāgamanaṃ. Ākiñcaññañhi patthayeti ahaṃ akiñcanabhāvaṃ apariggahabhāvameva patthayāmi. Yo jātarūparajataṃ, chaḍḍetvā punarāgameti yo puggalo suvaṇṇaṃ rajataṃ aññampi vā kiñci dhanajātaṃ chaḍḍetvā puna taṃ gaṇheyya, so paṇḍitānaṃ antare kathaṃ sīsaṃ ukkhipeyya?

    ยสฺมา รชตํ ชาตรูปํ วา, น โพธาย น สนฺติยา น มคฺคญาณาย น นิพฺพานาย โหตีติ อโตฺถฯ เนตํ สมณสารุปฺปนฺติ เอตํ ชาตรูปรชตาทิปริคฺคหวตฺถุ, ตสฺส วา ปริคฺคณฺหนํ สมณานํ สารุปฺปํ น โหติฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘น กปฺปติ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ ชาตรูปรชต’’นฺติอาทิ (จูฬว. ๔๔๖)ฯ น เอตํ อริยทฺธนนฺติ เอตํ ยถาวุตฺตปริคฺคหวตฺถุ สทฺธาทิธนํ วิย อริยธมฺมมยมฺปิ ธนํ น โหติ, น อริยภาวาวหโตฯ เตนาห ‘‘โลภน’’นฺติอาทิฯ

    Yasmā rajataṃ jātarūpaṃ vā, na bodhāya na santiyā na maggañāṇāya na nibbānāya hotīti attho. Netaṃ samaṇasāruppanti etaṃ jātarūparajatādipariggahavatthu, tassa vā pariggaṇhanaṃ samaṇānaṃ sāruppaṃ na hoti. Tathā hi vuttaṃ ‘‘na kappati samaṇānaṃ sakyaputtiyānaṃ jātarūparajata’’ntiādi (cūḷava. 446). Na etaṃ ariyaddhananti etaṃ yathāvuttapariggahavatthu saddhādidhanaṃ viya ariyadhammamayampi dhanaṃ na hoti, na ariyabhāvāvahato. Tenāha ‘‘lobhana’’ntiādi.

    ตตฺถ โลภนนฺติ โลภุปฺปาทนํฯ มทนนฺติ มทาวหํฯ โมหนนฺติ สโมฺมหชนนํฯ รชวฑฺฒนนฺติ ราครชาทิสํวฑฺฒนํฯ เยน ปริคฺคหิตํ, ตสฺส อาสงฺกาวหตฺตา สห อาสงฺกาย วตฺตตีติ สาสงฺกํ, เยน ปริคฺคหิตํ, ตสฺส ยโต กุโต อาสงฺกาวหนฺติ อโตฺถฯ พหุอายาสนฺติ สชฺชนรกฺขณาทิวเสน พหุปริสฺสมํฯ นตฺถิ เจตฺถ ธุวํ ฐิตีติ เอตสฺมิํ ธเน ธุวภาโว จ ฐิติภาโว จ นตฺถิ, จญฺจลมนวฎฺฐิตเมวาติ อโตฺถฯ

    Tattha lobhananti lobhuppādanaṃ. Madananti madāvahaṃ. Mohananti sammohajananaṃ. Rajavaḍḍhananti rāgarajādisaṃvaḍḍhanaṃ. Yena pariggahitaṃ, tassa āsaṅkāvahattā saha āsaṅkāya vattatīti sāsaṅkaṃ, yena pariggahitaṃ, tassa yato kuto āsaṅkāvahanti attho. Bahuāyāsanti sajjanarakkhaṇādivasena bahuparissamaṃ. Natthi cettha dhuvaṃ ṭhitīti etasmiṃ dhane dhuvabhāvo ca ṭhitibhāvo ca natthi, cañcalamanavaṭṭhitamevāti attho.

    เอตฺถ รตฺตา ปมตฺตา จาติ เอตสฺมิํ ธเน รตฺตา สญฺชาตราคา ทสกุสลธเมฺมสุ สติยา วิปฺปวาเสน ปมตฺตาฯ สํกิลิฎฺฐมนา โลภาทิสํกิเลเสน สํกิลิฎฺฐจิตฺตาว นาม โหนฺติฯ ตโต จ อญฺญมญฺญมฺหิ พฺยารุทฺธา, ปุถู กุพฺพนฺติ เมธคํ อนฺตมโส มาตาปิ ปุเตฺตน, ปุโตฺตปิ มาตราติ เอวํ อญฺญมญฺญํ ปฎิรุทฺธา หุตฺวา ปุถู สตฺตา เมธคํ กลหํ กโรนฺติฯ เตนาห ภควา – ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ…เป.… มาตาปิ ปุเตฺตน วิวทติ ปุโตฺตปิ มาตรา วิวทตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๖๘, ๑๗๘)ฯ

    Ettha rattā pamattā cāti etasmiṃ dhane rattā sañjātarāgā dasakusaladhammesu satiyā vippavāsena pamattā. Saṃkiliṭṭhamanā lobhādisaṃkilesena saṃkiliṭṭhacittāva nāma honti. Tato ca aññamaññamhi byāruddhā, puthū kubbanti medhagaṃ antamaso mātāpi puttena, puttopi mātarāti evaṃ aññamaññaṃ paṭiruddhā hutvā puthū sattā medhagaṃ kalahaṃ karonti. Tenāha bhagavā – ‘‘puna caparaṃ, bhikkhave, kāmahetu kāmanidānaṃ kāmādhikaraṇaṃ…pe… mātāpi puttena vivadati puttopi mātarā vivadatī’’tiādi (ma. ni. 1.168, 178).

    วโธติ มรณํฯ พโนฺธติ อทฺทุพนฺธนาทิพนฺธนํฯ ปริเกฺลโสติ หตฺถเจฺฉทาทิปริกิเลสาปตฺติฯ ชานีติ ธนชานิ เจว ปริวารชานิ จฯ โสกปริทฺทโวติ โสโก จ ปริเทโว จฯ อธิปนฺนานนฺติ อโชฺฌสิตานํฯ ทิสฺสเต พฺยสนํ พหุนฺติ ยถาวุตฺตวธพนฺธนาทิเภทํ อวุตฺตญฺจ โทมนสฺสุปายาสาทิํ ทิฎฺฐธมฺมิกํ สมฺปรายิกญฺจ พหุํ พหุวิธํ พฺยสนํ อนโตฺถ กาเมสุ ทิสฺสเตวฯ

    Vadhoti maraṇaṃ. Bandhoti addubandhanādibandhanaṃ. Pariklesoti hatthacchedādiparikilesāpatti. Jānīti dhanajāni ceva parivārajāni ca. Sokapariddavoti soko ca paridevo ca. Adhipannānanti ajjhositānaṃ. Dissate byasanaṃ bahunti yathāvuttavadhabandhanādibhedaṃ avuttañca domanassupāyāsādiṃ diṭṭhadhammikaṃ samparāyikañca bahuṃ bahuvidhaṃ byasanaṃ anattho kāmesu dissateva.

    ตํ มํ ญาตี อมิตฺตาว, กิํ โว กาเมสุ ยุญฺชถาติ ตาทิสํ มํ ยถา กาเมสุ วิรตฺตํ ตุเมฺห ญาตี ญาตกา สมานา อนตฺถกามา อมิตฺตา วิย กิํ เกน การเณน กาเมสุ ยุญฺชถ นิโยเชถฯ ชานาถ มํ ปพฺพชิตํ, กาเมสุ ภยทสฺสินินฺติ กาเม ภยโต ปสฺสนฺติํ ปพฺพชิตํ มํ อาชานาถ, กิํ เอตฺตกํ ตุเมฺหหิ อนญฺญาตนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Taṃ maṃ ñātī amittāva, kiṃ vo kāmesu yuñjathāti tādisaṃ maṃ yathā kāmesu virattaṃ tumhe ñātī ñātakā samānā anatthakāmā amittā viya kiṃ kena kāraṇena kāmesu yuñjatha niyojetha. Jānātha maṃ pabbajitaṃ, kāmesu bhayadassininti kāme bhayato passantiṃ pabbajitaṃ maṃ ājānātha, kiṃ ettakaṃ tumhehi anaññātanti adhippāyo.

    น หิรญฺญสุวเณฺณน, ปริกฺขียนฺติ อาสวาติ กามาสวาทโย หิรญฺญสุวเณฺณน น กทาจิ ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อถ โข เตหิ เอว ปริวฑฺฒเนฺตวฯ เตนาห – ‘‘อมิตฺตา วธกา กามา, สปตฺตา สลฺลพนฺธนา’’ติฯ กามา หิ อหิตาวหตฺตา เมตฺติยา อภาเวน อมิตฺตา, มรณเหตุตาย อุกฺขิตฺตาสิกวธกสทิสตฺตา วธกา, อนุพนฺธิตฺวาปิ อนตฺถาวหนตาย เวรานุพนฺธสปตฺตสทิสตฺตา สปตฺตา, ราคาทีนํ สลฺลานํ พนฺธนโต สลฺลพนฺธนา

    Na hiraññasuvaṇṇena, parikkhīyanti āsavāti kāmāsavādayo hiraññasuvaṇṇena na kadāci parikkhayaṃ gacchanti, atha kho tehi eva parivaḍḍhanteva. Tenāha – ‘‘amittā vadhakā kāmā, sapattā sallabandhanā’’ti. Kāmā hi ahitāvahattā mettiyā abhāvena amittā, maraṇahetutāya ukkhittāsikavadhakasadisattā vadhakā, anubandhitvāpi anatthāvahanatāya verānubandhasapattasadisattā sapattā, rāgādīnaṃ sallānaṃ bandhanato sallabandhanā.

    มุณฺฑนฺติ มุณฺฑิตเกสํฯ ตตฺถ ตตฺถ นนฺตกานิ คเหตฺวา สงฺฆาฎิจีวรปารุปเนน สงฺฆาฎิปารุตํ

    Muṇḍanti muṇḍitakesaṃ. Tattha tattha nantakāni gahetvā saṅghāṭicīvarapārupanena saṅghāṭipārutaṃ.

    อุตฺติฎฺฐปิโณฺฑติ วิวฎทฺวาเร ฆเร ฆเร ปติฎฺฐิตฺวา ลภนกปิโณฺฑฯ อุโญฺฉติ ตทตฺถํ อุญฺฉาจริยาฯ อนคารูปนิสฺสโยติ อนคารานํ ปพฺพชิตานํ อุปคนฺตฺวา นิสฺสิตพฺพโต อุปนิสฺสยภูโต ชีวิตปริกฺขาโรฯ ตญฺหิ นิสฺสาย ปพฺพชิตา ชีวนฺติฯ

    Uttiṭṭhapiṇḍoti vivaṭadvāre ghare ghare patiṭṭhitvā labhanakapiṇḍo. Uñchoti tadatthaṃ uñchācariyā. Anagārūpanissayoti anagārānaṃ pabbajitānaṃ upagantvā nissitabbato upanissayabhūto jīvitaparikkhāro. Tañhi nissāya pabbajitā jīvanti.

    วนฺตาติ ฉฑฺฑิตาฯ มเหสีหีติ พุทฺธาทีหิ มเหสีหิฯ เขมฎฺฐาเนติ กามโยคาทีหิ อนุปทฺทวฎฺฐานภูเต นิพฺพาเนฯ เตติ มเหสโยฯ อจลํ สุขนฺติ นิพฺพานสุขํ ปตฺตาฯ ตสฺมา ตํ ปเตฺถเนฺตน กามา ปริจฺจชิตพฺพาติ อธิปฺปาโยฯ

    Vantāti chaḍḍitā. Mahesīhīti buddhādīhi mahesīhi. Khemaṭṭhāneti kāmayogādīhi anupaddavaṭṭhānabhūte nibbāne. Teti mahesayo. Acalaṃ sukhanti nibbānasukhaṃ pattā. Tasmā taṃ patthentena kāmā pariccajitabbāti adhippāyo.

    มาหํ กาเมหิ สํคจฺฉินฺติ อหํ กทาจิปิ กาเมหิ น สมาคเจฺฉยฺยํฯ กสฺมาติ เจ อาห – ‘‘เยสุ ตาณํ น วิชฺชตี’’ติอาทิ, เยสุ กาเมสุ อุปปริกฺขิยมาเนสุ เอกสฺมิมฺปิ อนตฺถปริตฺตาณํ นาม นตฺถิฯ อคฺคิกฺขนฺธูปมา มหาภิตาปเฎฺฐนฯ ทุขา ทุกฺขมเฎฺฐนฯ

    Māhaṃ kāmehi saṃgacchinti ahaṃ kadācipi kāmehi na samāgaccheyyaṃ. Kasmāti ce āha – ‘‘yesu tāṇaṃ na vijjatī’’tiādi, yesu kāmesu upaparikkhiyamānesu ekasmimpi anatthaparittāṇaṃ nāma natthi. Aggikkhandhūpamā mahābhitāpaṭṭhena. Dukhā dukkhamaṭṭhena.

    ปริปโนฺถ เอส ภโย ยทิทํ กามา นาม อวิทิตวิปุลานตฺถาวหตฺตาฯ สวิฆาโต จิตฺตวิฆาตกรตฺตาฯ สกณฺฎโก วินิวิชฺฌนตฺตาฯ เคโธ สุวิสโม เจโสติ คิทฺธิเหตุตาย เคโธฯ สุฎฺฐุ วิสโม มหาปลิโพโธ โสฯ ทุรติกฺกมนเฎฺฐน มหโนฺตฯ โมหนามุโข มุจฺฉาปตฺติเหตุโตฯ

    Paripantho esa bhayo yadidaṃ kāmā nāma aviditavipulānatthāvahattā. Savighāto cittavighātakarattā. Sakaṇṭako vinivijjhanattā. Gedho suvisamo cesoti giddhihetutāya gedho. Suṭṭhu visamo mahāpalibodho so. Duratikkamanaṭṭhena mahanto. Mohanāmukho mucchāpattihetuto.

    อุปสโคฺค ภีมรูโปติ อติภิํสนกสภาโว, มหโนฺต เทวตูปสโคฺค วิย อนตฺถกาทิทุกฺขาวหนโตฯ สปฺปสิรูปมา กามา สปฺปฎิภยเฎฺฐนฯ

    Upasaggo bhīmarūpoti atibhiṃsanakasabhāvo, mahanto devatūpasaggo viya anatthakādidukkhāvahanato. Sappasirūpamā kāmā sappaṭibhayaṭṭhena.

    กามปเงฺกน สตฺตาติ กามสงฺขาเตน ปเงฺกน สตฺตา ลคฺคาฯ

    Kāmapaṅkena sattāti kāmasaṅkhātena paṅkena sattā laggā.

    ทุคฺคติคมนํ มคฺคนฺติ นิรยาทิอปายคามินํ มคฺคํฯ กามเหตุกนฺติ กาโมปโภคเหตุกํฯ พหุนฺติ ปาณาติปาตาทิเภเทน พหุวิธํฯ โรคมาวหนฺติ รุชฺชนเฎฺฐน โรคสงฺขาตสฺส ทิฎฺฐธมฺมิกาทิเภทสฺส ทุกฺขสฺส อาวหนกํฯ

    Duggatigamanaṃ magganti nirayādiapāyagāminaṃ maggaṃ. Kāmahetukanti kāmopabhogahetukaṃ. Bahunti pāṇātipātādibhedena bahuvidhaṃ. Rogamāvahanti rujjanaṭṭhena rogasaṅkhātassa diṭṭhadhammikādibhedassa dukkhassa āvahanakaṃ.

    เอวนฺติ ‘‘อมิตฺตา วธกา’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรนฯ อมิตฺตชนนาติ อมิตฺตภาวสฺส นิพฺพตฺตนกาฯ ตาปนาติ สนฺตาปนกา, ตปนียาติ อโตฺถฯ สํกิเลสิกาติ สํกิเลสาวหาฯ โลกามิสาติ โลเก อามิสภูตาฯ พนฺธนิยาติ พนฺธภูเตหิ สํโยชเนหิ วฑฺฒิตพฺพา, สํโยชนิยาติ อโตฺถฯ มรณพนฺธนาติ ภวาทีสุ นิพฺพตฺตินิมิตฺตตาย ปวตฺตการณโต จ มรณวิพนฺธนาฯ

    Evanti ‘‘amittā vadhakā’’tiādinā vuttappakārena. Amittajananāti amittabhāvassa nibbattanakā. Tāpanāti santāpanakā, tapanīyāti attho. Saṃkilesikāti saṃkilesāvahā. Lokāmisāti loke āmisabhūtā. Bandhaniyāti bandhabhūtehi saṃyojanehi vaḍḍhitabbā, saṃyojaniyāti attho. Maraṇabandhanāti bhavādīsu nibbattinimittatāya pavattakāraṇato ca maraṇavibandhanā.

    อุมฺมาทนาติ วิปริณามธมฺมานํ วิโยควเสน โสกุมฺมาทกรา, วฑฺฒิยา วา อุปรูปริมทาวหาฯ อุลฺลปนาติ ‘‘อโห สุขํ อโห สุข’’นฺติ อุทฺธํ อุทฺธํ ลปาปนกาฯ ‘‘อุโลฺลลนา’’ติปิ ปาโฐ, ภตฺตปิณฺฑนิมิตฺตํ นงฺคุฎฺฐํ อุโลฺลเลโนฺต สุนโข วิย อามิสเหตุ สเตฺต อุปรูปริลาลนา, ปราภวาวญฺญาตปาปนกาติ อโตฺถฯ จิตฺตปฺปมาถิโนติ ปริฬาหุปฺปาทนาทินา สมฺปติ อายติญฺจ จิตฺตสฺส ปมถนสีลาฯ ‘‘จิตฺตปฺปมทฺทิโน’’ติ วา ปาโฐ, โส เอวโตฺถฯ เย ปน ‘‘จิตฺตปฺปมาทิโน’’ติ วทนฺติ, เตสํ จิตฺตสฺส ปมาทาวหาติ อโตฺถฯ สํกิเลสายาติ วิพาธนาย อุปตาปนาย วาฯ ขิปฺปํ มาเรน โอฑฺฑิตนฺติ กามา นาเมเต มาเรน โอฑฺฑิตํ กุมินนฺติ ทฎฺฐพฺพา สตฺตานํ อนตฺถาวหนโตฯ

    Ummādanāti vipariṇāmadhammānaṃ viyogavasena sokummādakarā, vaḍḍhiyā vā uparūparimadāvahā. Ullapanāti ‘‘aho sukhaṃ aho sukha’’nti uddhaṃ uddhaṃ lapāpanakā. ‘‘Ullolanā’’tipi pāṭho, bhattapiṇḍanimittaṃ naṅguṭṭhaṃ ullolento sunakho viya āmisahetu satte uparūparilālanā, parābhavāvaññātapāpanakāti attho. Cittappamāthinoti pariḷāhuppādanādinā sampati āyatiñca cittassa pamathanasīlā. ‘‘Cittappamaddino’’ti vā pāṭho, so evattho. Ye pana ‘‘cittappamādino’’ti vadanti, tesaṃ cittassa pamādāvahāti attho. Saṃkilesāyāti vibādhanāya upatāpanāya vā. Khippaṃ mārena oḍḍitanti kāmā nāmete mārena oḍḍitaṃ kuminanti daṭṭhabbā sattānaṃ anatthāvahanato.

    อนนฺตาทีนวาติ ‘‘โลภนํ มทนเญฺจต’’นฺติอาทินา, ‘‘อิธ สีตสฺส ปุรกฺขโต อุณฺหสฺส ปุรกฺขโต’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๖๗) จ ทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตาทีสุ วุตฺตนเยน อปริยนฺตาทีนวา พหุโทสาฯ พหุทุกฺขาติ อาปายิกาทิพหุวิธทุกฺขานุพนฺธาฯ มหาวิสาติ กฎุกาสยฺหผลตาย หลาหลาทิมหาวิสสทิสา ฯ อปฺปสฺสาทาติ สตฺถธาราคตมธุพินฺทุ วิย ปริตฺตสฺสาทาฯ รณกราติ สาราคาทิสํวฑฺฒกาฯ สุกฺกปกฺขวิโสสนาติ สตฺตานํ อนวชฺชโกฎฺฐาสสฺส วินาสกาฯ

    Anantādīnavāti ‘‘lobhanaṃ madanañceta’’ntiādinā, ‘‘idha sītassa purakkhato uṇhassa purakkhato’’tiādinā (ma. ni. 1.167) ca dukkhakkhandhasuttādīsu vuttanayena apariyantādīnavā bahudosā. Bahudukkhāti āpāyikādibahuvidhadukkhānubandhā. Mahāvisāti kaṭukāsayhaphalatāya halāhalādimahāvisasadisā . Appassādāti satthadhārāgatamadhubindu viya parittassādā. Raṇakarāti sārāgādisaṃvaḍḍhakā. Sukkapakkhavisosanāti sattānaṃ anavajjakoṭṭhāsassa vināsakā.

    สาหนฺติ สา อหํ, เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสทฺธา กาเม ปหาย ปพฺพชิตฺวา ฐิตาติ อโตฺถฯ เอตาทิสนฺติ เอวรูปํ วุตฺตปฺปการํฯ กตฺวาติ อิติ กตฺวา, ยถาวุตฺตการเณนาติ อโตฺถฯ น ตํ ปจฺจาคมิสฺสามีติ ตํ มยา ปุเพฺพ วนฺตกาเม ปุน น ปริภุญฺชิสฺสามิฯ นิพฺพานาภิรตา สทาติ ยสฺมา ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย สพฺพกาลํ นิพฺพานาภิรตา, ตสฺมา น ตํ ปจฺจาคมิสฺสามีติ โยชนาฯ

    Sāhanti sā ahaṃ, heṭṭhā vuttanayeneva satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddhā kāme pahāya pabbajitvā ṭhitāti attho. Etādisanti evarūpaṃ vuttappakāraṃ. Katvāti iti katvā, yathāvuttakāraṇenāti attho. Na taṃ paccāgamissāmīti taṃ mayā pubbe vantakāme puna na paribhuñjissāmi. Nibbānābhiratā sadāti yasmā pabbajitakālato paṭṭhāya sabbakālaṃ nibbānābhiratā, tasmā na taṃ paccāgamissāmīti yojanā.

    รณํ ตริตฺวา กามานนฺติ กามานํ รณํ ตริตฺวา, ตญฺจ มยา กาตพฺพํ อริยมคฺคสํปหารํ กตฺวาฯ สีติภาวาภิกงฺขินีติ สพฺพกิเลสทรถปริฬาหวูปสเมน สีติภาวสงฺขาตํ อรหตฺตํ อภิกงฺขนฺตีฯ สพฺพสํโยชนกฺขเยติ สเพฺพสํ สํโยชนานํ ขยภูเต นิพฺพาเน อภิรตาฯ

    Raṇaṃ taritvā kāmānanti kāmānaṃ raṇaṃ taritvā, tañca mayā kātabbaṃ ariyamaggasaṃpahāraṃ katvā. Sītibhāvābhikaṅkhinīti sabbakilesadarathapariḷāhavūpasamena sītibhāvasaṅkhātaṃ arahattaṃ abhikaṅkhantī. Sabbasaṃyojanakkhayeti sabbesaṃ saṃyojanānaṃ khayabhūte nibbāne abhiratā.

    เยน ติณฺณา มเหสิโนติ เยน อริยมเคฺคน พุทฺธาทโย มเหสิโน สํสารมโหฆํ ติณฺณา, อหมฺปิ เตหิ คตมคฺคํ อนุคจฺฉามิ, สีลาทิปฎิปตฺติยา อนุปาปุณามีติ อโตฺถฯ

    Yenatiṇṇā mahesinoti yena ariyamaggena buddhādayo mahesino saṃsāramahoghaṃ tiṇṇā, ahampi tehi gatamaggaṃ anugacchāmi, sīlādipaṭipattiyā anupāpuṇāmīti attho.

    ธมฺมฎฺฐนฺติ อริยผลธเมฺม ฐิตํฯ อเนชนฺติ ปฎิปฺปสฺสทฺธ เอชตาย อเนชนฺติ ลทฺธนามํ อคฺคผลํฯ อุปสมฺปชฺชาติ สมฺปาเทตฺวา อคฺคมคฺคาธิคเมน อธิคนฺตฺวาฯ ฌายตีติ ตเมว ผลชฺฌานํ อุปนิชฺฌายติฯ

    Dhammaṭṭhanti ariyaphaladhamme ṭhitaṃ. Anejanti paṭippassaddha ejatāya anejanti laddhanāmaṃ aggaphalaṃ. Upasampajjāti sampādetvā aggamaggādhigamena adhigantvā. Jhāyatīti tameva phalajjhānaṃ upanijjhāyati.

    อชฺชฎฺฐมี ปพฺพชิตาติ ปพฺพชิตา หุตฺวา ปพฺพชิตโต ปฎฺฐาย อชฺช อฎฺฐมทิวโส, อิโต อตีเต อฎฺฐมิยํ ปพฺพชิตาติ อโตฺถฯ สทฺธาติ สทฺธาสมฺปนฺนาฯ สทฺธมฺมโสภนาติ สทฺธมฺมาธิคเมน โสภนาฯ

    Ajjaṭṭhamī pabbajitāti pabbajitā hutvā pabbajitato paṭṭhāya ajja aṭṭhamadivaso, ito atīte aṭṭhamiyaṃ pabbajitāti attho. Saddhāti saddhāsampannā. Saddhammasobhanāti saddhammādhigamena sobhanā.

    ภุชิสฺสาติ ทาสภาวสทิสานํ กิเลสานํ ปหาเนน ภุชิสฺสาฯ กามจฺฉนฺทาทิอิณาปคเมน อณณา

    Bhujissāti dāsabhāvasadisānaṃ kilesānaṃ pahānena bhujissā. Kāmacchandādiiṇāpagamena aṇaṇā.

    อิมา กิร ติโสฺส คาถา ปพฺพชิตฺวา อฎฺฐเม ทิวเส อรหตฺตํ ปตฺวา อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺนํ เถริํ ภิกฺขูนํ ทเสฺสตฺวา ปสํสเนฺตน ภควตา วุตฺตาฯ

    Imā kira tisso gāthā pabbajitvā aṭṭhame divase arahattaṃ patvā aññatarasmiṃ rukkhamūle phalasamāpattiṃ samāpajjitvā nisinnaṃ theriṃ bhikkhūnaṃ dassetvā pasaṃsantena bhagavatā vuttā.

    อถ สโกฺก เทวานมิโนฺท ตํ ปวตฺติํ ทิเพฺพน จกฺขุนา ทิสฺวา ‘‘เอวํ สตฺถารา ปสํสียมานา อยํ เถรี ยสฺมา เทเวหิ จ ปยิรุปาสิตพฺพา’’ติ ตาวเทว ตาวติํเสหิ เทเวหิ สทฺธิํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห อฎฺฐาสิฯ ตํ สนฺธาย สงฺคีติกาเรหิ วุตฺตํ –

    Atha sakko devānamindo taṃ pavattiṃ dibbena cakkhunā disvā ‘‘evaṃ satthārā pasaṃsīyamānā ayaṃ therī yasmā devehi ca payirupāsitabbā’’ti tāvadeva tāvatiṃsehi devehi saddhiṃ upasaṅkamitvā abhivādetvā añjaliṃ paggayha aṭṭhāsi. Taṃ sandhāya saṅgītikārehi vuttaṃ –

    ‘‘ตํ สโกฺก เทวสเงฺฆน, อุปสงฺกมฺม อิทฺธิยา;

    ‘‘Taṃ sakko devasaṅghena, upasaṅkamma iddhiyā;

    นมสฺสติ ภูตปติ, สุภํ กมฺมารธีตร’’นฺติฯ

    Namassati bhūtapati, subhaṃ kammāradhītara’’nti.

    ตตฺถ ตีสุ กามภเวสุ ภูตานํ สตฺตานํ ปติ อิสฺสโรติ กตฺวา ภูตปตีติ ลทฺธนาโม สโกฺก เทวราชา เทวสเงฺฆน สทฺธิํ ตํ สุภํ กมฺมารธีตรํ อตฺตโน เทวิทฺธิยา อุปสงฺกมฺม นมสฺสติ, ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทตีติ อโตฺถฯ

    Tattha tīsu kāmabhavesu bhūtānaṃ sattānaṃ pati issaroti katvā bhūtapatīti laddhanāmo sakko devarājā devasaṅghena saddhiṃ taṃ subhaṃ kammāradhītaraṃ attano deviddhiyā upasaṅkamma namassati, pañcapatiṭṭhitena vandatīti attho.

    สุภากมฺมารธีตุเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Subhākammāradhītutherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    วีสตินิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vīsatinipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๕. สุภากมฺมารธีตุเถรีคาถา • 5. Subhākammāradhītutherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact