Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๕. สุภาสิตสุตฺตวณฺณนา
5. Subhāsitasuttavaṇṇanā
๒๑๓. ปญฺจเม อเงฺคหีติ การเณหิ, อวยเวหิ วาฯ มุสาวาทาเวรมณิอาทีนิ หิ จตฺตาริ สุภาสิตวาจาย การณานิ, สจฺจวจนาทโย จตฺตาโร อวยวาฯ การณเตฺถ จ องฺคสเทฺท ‘‘จตูหี’’ติ นิสฺสกฺกวจนํ โหติ, อวยวเตฺถ กรณวจนํฯ สมนฺนาคตาติ สมนุอาคตา ปวตฺตา ยุตฺตา จฯ วาจาติ สมุลฺลปนวาจา, ยา ‘‘วาจา คิรา พฺยปฺปโถ’’ติ (ธ. ส. ๖๓๖) จ, ‘‘เนลา กณฺณสุขา’’ติ (ที. นิ. ๑.๙) จ อาคตาฯ ‘‘ยา ปน วาจาย เจ กตํ กมฺม’’นฺติ เอวํ วิญฺญตฺติ จ ‘‘ยา จตูหิ วจีทุจฺจริเตหิ อารติ…เป.… อยํ วุจฺจติ สมฺมาวาจา’’ติ (วิภ. ๒๐๖) เอวํ วิรติ จ, ‘‘ผรุสวาจา, ภิกฺขเว, อาเสวิตา ภาวิตา พหุลีกตา นิรยสํวตฺตนิกา โหตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๔๐) เอวํ เจตนา จ วาจาติ อาคตา, น สา อิธ อธิเปฺปตาฯ กสฺมา? อภาสิตพฺพโตฯ สุภาสิตาติ สุฎฺฐุ ภาสิตาฯ เตนสฺสา อตฺถาวหตํ ทีเปติฯ โน ทุพฺภาสิตาติ น ทุฎฺฐุ ภาสิตาฯ เตนสฺสา อนตฺถาวหนปหานตํ ทีเปติฯ อนวชฺชาติ ราคาทิวชฺชรหิตาฯ อิมินาสฺสา การณสุทฺธิํ จตุโทสาภาวญฺจ ทีเปติฯ อนนุวชฺชาติ อนุวาทวิมุตฺตา ฯ อิมินาสฺสา สพฺพาการสมฺปตฺติํ ทีเปติฯ วิญฺญูนนฺติ ปณฺฑิตานํฯ เตน นินฺทาปสํสาสุ พาลา อปฺปมาณาติ ทีเปติฯ
213. Pañcame aṅgehīti kāraṇehi, avayavehi vā. Musāvādāveramaṇiādīni hi cattāri subhāsitavācāya kāraṇāni, saccavacanādayo cattāro avayavā. Kāraṇatthe ca aṅgasadde ‘‘catūhī’’ti nissakkavacanaṃ hoti, avayavatthe karaṇavacanaṃ. Samannāgatāti samanuāgatā pavattā yuttā ca. Vācāti samullapanavācā, yā ‘‘vācā girā byappatho’’ti (dha. sa. 636) ca, ‘‘nelā kaṇṇasukhā’’ti (dī. ni. 1.9) ca āgatā. ‘‘Yā pana vācāya ce kataṃ kamma’’nti evaṃ viññatti ca ‘‘yā catūhi vacīduccaritehi ārati…pe… ayaṃ vuccati sammāvācā’’ti (vibha. 206) evaṃ virati ca, ‘‘pharusavācā, bhikkhave, āsevitā bhāvitā bahulīkatā nirayasaṃvattanikā hotī’’ti (a. ni. 8.40) evaṃ cetanā ca vācāti āgatā, na sā idha adhippetā. Kasmā? Abhāsitabbato. Subhāsitāti suṭṭhu bhāsitā. Tenassā atthāvahataṃ dīpeti. No dubbhāsitāti na duṭṭhu bhāsitā. Tenassā anatthāvahanapahānataṃ dīpeti. Anavajjāti rāgādivajjarahitā. Imināssā kāraṇasuddhiṃ catudosābhāvañca dīpeti. Ananuvajjāti anuvādavimuttā . Imināssā sabbākārasampattiṃ dīpeti. Viññūnanti paṇḍitānaṃ. Tena nindāpasaṃsāsu bālā appamāṇāti dīpeti.
สุภาสิตํเยว ภาสตีติ ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย เทสนาย จตูสุ วาจเงฺคสุ อญฺญตรนิโทฺทสวจนเมตํฯ โน ทุพฺภาสิตนฺติ ตเสฺสว วาจงฺคสฺส ปฎิปกฺขภาสนนิวารณํฯ โน ทุพฺภาสิตนฺติ อิมินา มิจฺฉาวาจปฺปหานํ ทีเปติฯ สุภาสิตนฺติ อิมินา ปหีนมิจฺฉาวาเจน ภาสิตพฺพวจนลกฺขณํฯ องฺคปริทีปนตฺถํ ปเนตฺถ อภาสิตพฺพํ ปุเพฺพ อวตฺวา ภาสิตพฺพเมวาหฯ เอส นโย ธมฺมํเยวาติอาทีสุปิฯ เอตฺถ จ ปฐเมน ปิสุณโทสรหิตํ สมคฺคกรณํ วจนํ วุตฺตํ, ทุติเยน สมฺผปฺปลาปโทสรหิตํ ธมฺมโต อนเปตํ มนฺตาวจนํ, อิตเรหิ ทฺวีหิ ผรุสาลิกรหิตานิ ปิยสจฺจวจนานิฯ อิเมหิ โขติ อาทินา ตานิ องฺคานิ ปจฺจกฺขโต ทเสฺสโนฺต ตํ วาจํ นิคเมติฯ ยญฺจ อเญฺญ ปฎิญฺญาทีหิ อวยเวหิ, นามาทีหิ ปเทหิ, ลิงฺควจนวิภตฺติกาลการกสมฺปตฺตีหิ จ สมนฺนาคตํ มุสาวาทาทิวาจมฺปิ สุภาสิตนฺติ มญฺญนฺติ, ตํ ปฎิเสเธติฯ อวยวาทิสมนฺนาคตาปิ หิ ตถารูปี วาจา ทุพฺภาสิตาว โหติ อตฺตโน จ ปเรสญฺจ อนตฺถาวหตฺตาฯ อิเมหิ ปน จตูหเงฺคหิ สมนฺนาคตา สเจปิ มิลกฺขุภาสาปริยาปนฺนา ฆฎเจฎิกาคีติกปริยาปนฺนาปิ โหติ, ตถาปิ สุภาสิตาว โลกิยโลกุตฺตรหิตสุขาวหตฺตาฯ ตถา หิ มคฺคปเสฺส สสฺสํ รกฺขนฺติยา สีหฬเจฎิกาย สีหฬเกเนว ชาติชรามรณยุตฺตํ คีติกํ คายนฺติยา สทฺทํ สุตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺตา สฎฺฐิมตฺตา วิปสฺสกา ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ ตถา ติโสฺส นาม อารทฺธวิปสฺสโก ภิกฺขุ ปทุมสรสมีเปน คจฺฉโนฺต ปทุมสเร ปทุมานิ ภญฺชิตฺวา –
Subhāsitaṃyevabhāsatīti puggalādhiṭṭhānāya desanāya catūsu vācaṅgesu aññataraniddosavacanametaṃ. No dubbhāsitanti tasseva vācaṅgassa paṭipakkhabhāsananivāraṇaṃ. No dubbhāsitanti iminā micchāvācappahānaṃ dīpeti. Subhāsitanti iminā pahīnamicchāvācena bhāsitabbavacanalakkhaṇaṃ. Aṅgaparidīpanatthaṃ panettha abhāsitabbaṃ pubbe avatvā bhāsitabbamevāha. Esa nayo dhammaṃyevātiādīsupi. Ettha ca paṭhamena pisuṇadosarahitaṃ samaggakaraṇaṃ vacanaṃ vuttaṃ, dutiyena samphappalāpadosarahitaṃ dhammato anapetaṃ mantāvacanaṃ, itarehi dvīhi pharusālikarahitāni piyasaccavacanāni. Imehi khoti ādinā tāni aṅgāni paccakkhato dassento taṃ vācaṃ nigameti. Yañca aññe paṭiññādīhi avayavehi, nāmādīhi padehi, liṅgavacanavibhattikālakārakasampattīhi ca samannāgataṃ musāvādādivācampi subhāsitanti maññanti, taṃ paṭisedheti. Avayavādisamannāgatāpi hi tathārūpī vācā dubbhāsitāva hoti attano ca paresañca anatthāvahattā. Imehi pana catūhaṅgehi samannāgatā sacepi milakkhubhāsāpariyāpannā ghaṭaceṭikāgītikapariyāpannāpi hoti, tathāpi subhāsitāva lokiyalokuttarahitasukhāvahattā. Tathā hi maggapasse sassaṃ rakkhantiyā sīhaḷaceṭikāya sīhaḷakeneva jātijarāmaraṇayuttaṃ gītikaṃ gāyantiyā saddaṃ sutvā maggaṃ gacchantā saṭṭhimattā vipassakā bhikkhū arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Tathā tisso nāma āraddhavipassako bhikkhu padumasarasamīpena gacchanto padumasare padumāni bhañjitvā –
‘‘ปาโตว ผุลฺลิตโกกนทํ, สูริยาโลเกน ภิชฺชิยเต;
‘‘Pātova phullitakokanadaṃ, sūriyālokena bhijjiyate;
เอวํ มนุสฺสตฺตํ คตา สตฺตา, ชราภิเวเคน มทฺทิยนฺตี’’ติฯ –
Evaṃ manussattaṃ gatā sattā, jarābhivegena maddiyantī’’ti. –
อิมํ คีติกํ คายนฺติยา เจฎิกาย สุตฺวา อรหตฺตํ ปโตฺตฯ
Imaṃ gītikaṃ gāyantiyā ceṭikāya sutvā arahattaṃ patto.
พุทฺธนฺตเรปิ อญฺญตโร ปุริโส สตฺตหิ ปุเตฺตหิ สทฺธิํ อฎวิโต อาคมฺม อญฺญตราย อิตฺถิยา มุสเลน ตณฺฑุเล โกเฎฺฎนฺติยา –
Buddhantarepi aññataro puriso sattahi puttehi saddhiṃ aṭavito āgamma aññatarāya itthiyā musalena taṇḍule koṭṭentiyā –
‘‘ชราย ปริมทฺทิตํ เอตํ, มิลาตฉวิจมฺมนิสฺสิตํ;
‘‘Jarāya parimadditaṃ etaṃ, milātachavicammanissitaṃ;
มรเณน ภิชฺชติ เอตํ, มจฺจุสฺส ฆาสมามิสํฯ
Maraṇena bhijjati etaṃ, maccussa ghāsamāmisaṃ.
‘‘กิมีนํ อาลยํ เอตํ, นานากุณเปน ปูริตํ;
‘‘Kimīnaṃ ālayaṃ etaṃ, nānākuṇapena pūritaṃ;
อสุจิสฺส ภาชนํ เอตํ, กทลิกฺขนฺธสมํ อิท’’นฺติฯ –
Asucissa bhājanaṃ etaṃ, kadalikkhandhasamaṃ ida’’nti. –
อิมํ คีติกํ สุตฺวา ปจฺจเวกฺขโนฺต สห ปุเตฺตหิ ปเจฺจกโพธิํ ปโตฺตฯ เอวํ อิเมหิ จตูหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตา วาจา สเจปิ มิลกฺขุภาสาปริยาปนฺนา ฆฎเจฎิกาคีติกปริยาปนฺนาปิ โหติ, ตถาปิ สุภาสิตาติ เวทิตพฺพาฯ สุภาสิตตฺตา เอว จ อนวชฺชา จ อนนุวชฺชา จ วิญฺญูนํ อตฺถตฺถิกานํ อตฺถปฎิสรณานํ, โน พฺยญฺชนปฎิสรณานนฺติฯ
Imaṃ gītikaṃ sutvā paccavekkhanto saha puttehi paccekabodhiṃ patto. Evaṃ imehi catūhi aṅgehi samannāgatā vācā sacepi milakkhubhāsāpariyāpannā ghaṭaceṭikāgītikapariyāpannāpi hoti, tathāpi subhāsitāti veditabbā. Subhāsitattā eva ca anavajjā ca ananuvajjā ca viññūnaṃ atthatthikānaṃ atthapaṭisaraṇānaṃ, no byañjanapaṭisaraṇānanti.
สารุปฺปาหีติ อนุจฺฉวิกาหิฯ อภิตฺถวีติ ปสํสิฯ น ตาปเยติ วิปฺปฎิสาเรน น ตาเปยฺย น วิพาเธยฺยฯ ปเรติ ปเรหิ ภินฺทโนฺต นาภิภเวยฺย น พาเธยฺยฯ อิติ อิมาย คาถาย อปิสุณวาจาวเสน ภควนฺตํ โถเมติฯ ปฎินนฺทิตาติ ปิยายิตาฯ ยํ อนาทายาติ ยํ วาจํ ภาสโนฺต ปเรสํ ปาปานิ อปฺปิยานิ ผรุสวจนานิ อนาทาย อตฺถพฺยญฺชนมธุรํ ปิยเมว ภาสติ, ตํ วาจํ ภาเสยฺยาติ ปิยวาจาวเสน อภิตฺถวิฯ
Sāruppāhīti anucchavikāhi. Abhitthavīti pasaṃsi. Na tāpayeti vippaṭisārena na tāpeyya na vibādheyya. Pareti parehi bhindanto nābhibhaveyya na bādheyya. Iti imāya gāthāya apisuṇavācāvasena bhagavantaṃ thometi. Paṭinanditāti piyāyitā. Yaṃ anādāyāti yaṃ vācaṃ bhāsanto paresaṃ pāpāni appiyāni pharusavacanāni anādāya atthabyañjanamadhuraṃ piyameva bhāsati, taṃ vācaṃ bhāseyyāti piyavācāvasena abhitthavi.
อมตาติ สาธุภาเวน อมตสทิสาฯ วุตฺตมฺปิ เหตํ – ‘‘สจฺจํ หเว สาทุตรํ รสาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖) นิพฺพานามตปจฺจยตฺตา วา อมตาฯ เอส ธโมฺม สนนฺตโนติ ยา อยํ สจฺจวาจา นาม, เอส โปราโณ ธโมฺม จริยา ปเวณีฯ อิทเมว หิ โปราณานํ อาจิณฺณํ, น เต อลิกํ ภาสิํสุฯ เตเนวาห – สเจฺจ อเตฺถ จ ธเมฺม จ, อาหุ สโนฺต ปติฎฺฐิตาติฯ
Amatāti sādhubhāvena amatasadisā. Vuttampi hetaṃ – ‘‘saccaṃ have sādutaraṃ rasāna’’nti (saṃ. ni. 1.246) nibbānāmatapaccayattā vā amatā. Esa dhammo sanantanoti yā ayaṃ saccavācā nāma, esa porāṇo dhammo cariyā paveṇī. Idameva hi porāṇānaṃ āciṇṇaṃ, na te alikaṃ bhāsiṃsu. Tenevāha – sacce atthe ca dhamme ca, āhu santo patiṭṭhitāti.
ตตฺถ สเจฺจ ปติฎฺฐิตตฺตาว อตฺตโน จ ปเรสญฺจ อเตฺถ ปติฎฺฐิตา, อเตฺถ ปติฎฺฐิตตฺตา เอว ธเมฺม ปติฎฺฐิตา โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ สจฺจวิเสสนเมว วา เอตํฯ อิทํ หิ วุตฺตํ โหติ – สเจฺจ ปติฎฺฐิตา, กีทิเส? อเตฺถ จ ธเมฺม จ, ยํ ปเรสํ อตฺถโต อนเปตตฺตา อตฺถํ อนุปโรธกรํ , ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมํ ธมฺมิกเมว อตฺถํ สาเธตีติฯ อิติ อิมาย คาถาย สจฺจวจนวเสน อภิตฺถวิฯ
Tattha sacce patiṭṭhitattāva attano ca paresañca atthe patiṭṭhitā, atthe patiṭṭhitattā eva dhamme patiṭṭhitā hontīti veditabbā. Saccavisesanameva vā etaṃ. Idaṃ hi vuttaṃ hoti – sacce patiṭṭhitā, kīdise? Atthe ca dhamme ca, yaṃ paresaṃ atthato anapetattā atthaṃ anuparodhakaraṃ , dhammato anapetattā dhammaṃ dhammikameva atthaṃ sādhetīti. Iti imāya gāthāya saccavacanavasena abhitthavi.
เขมนฺติ อภยํ นิรุปทฺทวํฯ เกน การเณนาติ เจฯ นิพฺพานปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, ยสฺมา กิเลสนิพฺพานํ ปาเปติ, วฎฺฎทุกฺขสฺส จ อนฺตกิริยาย สํวตฺตตีติ อโตฺถฯ อถ วา ยํ พุโทฺธ นิพฺพานปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยายาติ ทฺวินฺนํ นิพฺพานธาตูนํ อตฺถาย เขมมคฺคปฺปกาสนโต เขมํ วาจํ ภาสติ, สา เว วาจานมุตฺตมาติ สา วาจา สพฺพวาจานํ เสฎฺฐาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อิติ อิมาย คาถาย มนฺตาวจนวเสน ภควนฺตํ อภิตฺถวโนฺต อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐเปสีติฯ ปญฺจมํฯ
Khemanti abhayaṃ nirupaddavaṃ. Kena kāraṇenāti ce. Nibbānapattiyā dukkhassantakiriyāya, yasmā kilesanibbānaṃ pāpeti, vaṭṭadukkhassa ca antakiriyāya saṃvattatīti attho. Atha vā yaṃ buddho nibbānapattiyā dukkhassantakiriyāyāti dvinnaṃ nibbānadhātūnaṃ atthāya khemamaggappakāsanato khemaṃ vācaṃ bhāsati, sā ve vācānamuttamāti sā vācā sabbavācānaṃ seṭṭhāti evamettha attho daṭṭhabbo. Iti imāya gāthāya mantāvacanavasena bhagavantaṃ abhitthavanto arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhapesīti. Pañcamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๕. สุภาสิตสุตฺตํ • 5. Subhāsitasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๕. สุภาสิตสุตฺตวณฺณนา • 5. Subhāsitasuttavaṇṇanā