Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๙. สุภสุตฺตํ

    9. Subhasuttaṃ

    ๔๖๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุโตฺต สาวตฺถิยํ ปฎิวสติ อญฺญตรสฺส คหปติสฺส นิเวสเน เกนจิเทว กรณีเยนฯ อถ โข สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุโตฺต ยสฺส คหปติสฺส นิเวสเน ปฎิวสติ ตํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, คหปติ – ‘อวิวิตฺตา สาวตฺถี อรหเนฺตหี’ติฯ กํ นุ ขฺวชฺช สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปยิรุปาเสยฺยามา’’ติ? ‘‘อยํ, ภเนฺต, ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ ปยิรุปาสสฺสู’’ติฯ อถ โข สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุโตฺต ตสฺส คหปติสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมณา, โภ โคตม, เอวมาหํสุ – ‘คหโฎฺฐ อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสลํ, น ปพฺพชิโต อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสล’นฺติฯ อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ?

    462. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena subho māṇavo todeyyaputto sāvatthiyaṃ paṭivasati aññatarassa gahapatissa nivesane kenacideva karaṇīyena. Atha kho subho māṇavo todeyyaputto yassa gahapatissa nivesane paṭivasati taṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, gahapati – ‘avivittā sāvatthī arahantehī’ti. Kaṃ nu khvajja samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā payirupāseyyāmā’’ti? ‘‘Ayaṃ, bhante, bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Taṃ, bhante, bhagavantaṃ payirupāsassū’’ti. Atha kho subho māṇavo todeyyaputto tassa gahapatissa paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho subho māṇavo todeyyaputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘brāhmaṇā, bho gotama, evamāhaṃsu – ‘gahaṭṭho ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusalaṃ, na pabbajito ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusala’nti. Idha bhavaṃ gotamo kimāhā’’ti?

    ๔๖๓. ‘‘วิภชฺชวาโท โข อหเมตฺถ, มาณว; นาหเมตฺถ เอกํสวาโทฯ คิหิสฺส วาหํ, มาณว, ปพฺพชิตสฺส วา มิจฺฉาปฎิปตฺติํ น วเณฺณมิฯ คิหี วา หิ , มาณว, ปพฺพชิโต วา มิจฺฉาปฎิปโนฺน มิจฺฉาปฎิปตฺตาธิกรณเหตุ น อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสลํฯ คิหิสฺส วาหํ, มาณว, ปพฺพชิตสฺส วา สมฺมาปฎิปตฺติํ วเณฺณมิฯ คิหี วา หิ, มาณว, ปพฺพชิโต วา สมฺมาปฎิปโนฺน สมฺมาปฎิปตฺตาธิกรณเหตุ อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสล’’นฺติฯ

    463. ‘‘Vibhajjavādo kho ahamettha, māṇava; nāhamettha ekaṃsavādo. Gihissa vāhaṃ, māṇava, pabbajitassa vā micchāpaṭipattiṃ na vaṇṇemi. Gihī vā hi , māṇava, pabbajito vā micchāpaṭipanno micchāpaṭipattādhikaraṇahetu na ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusalaṃ. Gihissa vāhaṃ, māṇava, pabbajitassa vā sammāpaṭipattiṃ vaṇṇemi. Gihī vā hi, māṇava, pabbajito vā sammāpaṭipanno sammāpaṭipattādhikaraṇahetu ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusala’’nti.

    ‘‘พฺราหฺมณา, โภ โคตม, เอวมาหํสุ – ‘มหฎฺฐมิทํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ ฆราวาสกมฺมฎฺฐานํ มหปฺผลํ โหติ; อปฺปฎฺฐมิทํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ ปพฺพชฺชา กมฺมฎฺฐานํ อปฺปผลํ โหตี’ติฯ อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติฯ

    ‘‘Brāhmaṇā, bho gotama, evamāhaṃsu – ‘mahaṭṭhamidaṃ mahākiccaṃ mahādhikaraṇaṃ mahāsamārambhaṃ gharāvāsakammaṭṭhānaṃ mahapphalaṃ hoti; appaṭṭhamidaṃ appakiccaṃ appādhikaraṇaṃ appasamārambhaṃ pabbajjā kammaṭṭhānaṃ appaphalaṃ hotī’ti. Idha bhavaṃ gotamo kimāhā’’ti.

    ‘‘เอตฺถาปิ โข อหํ, มาณว, วิภชฺชวาโท; นาหเมตฺถ เอกํสวาโทฯ อตฺถิ, มาณว, กมฺมฎฺฐานํ มหฎฺฐํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ; อตฺถิ, มาณว, กมฺมฎฺฐานํ มหฎฺฐํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ; อตฺถิ, มาณว, กมฺมฎฺฐานํ อปฺปฎฺฐํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ; อตฺถิ, มาณว, กมฺมฎฺฐานํ อปฺปฎฺฐํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติฯ กตมญฺจ, มาณว , กมฺมฎฺฐานํ มหฎฺฐํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ? กสิ โข, มาณว, กมฺมฎฺฐานํ มหฎฺฐํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติฯ กตมญฺจ, มาณว, กมฺมฎฺฐานํ มหฎฺฐํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ? กสิเยว โข, มาณว, กมฺมฎฺฐานํ มหฎฺฐํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติฯ กตมญฺจ, มาณว, กมฺมฎฺฐานํ อปฺปฎฺฐํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ? วณิชฺชา โข, มาณว, กมฺมฎฺฐานํ อปฺปฎฺฐํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติฯ กตมญฺจ มาณว, กมฺมฎฺฐานํ อปฺปฎฺฐํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ? วณิชฺชาเยว โข, มาณว, กมฺมฎฺฐานํ อปฺปฎฺฐํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติฯ

    ‘‘Etthāpi kho ahaṃ, māṇava, vibhajjavādo; nāhamettha ekaṃsavādo. Atthi, māṇava, kammaṭṭhānaṃ mahaṭṭhaṃ mahākiccaṃ mahādhikaraṇaṃ mahāsamārambhaṃ vipajjamānaṃ appaphalaṃ hoti; atthi, māṇava, kammaṭṭhānaṃ mahaṭṭhaṃ mahākiccaṃ mahādhikaraṇaṃ mahāsamārambhaṃ sampajjamānaṃ mahapphalaṃ hoti; atthi, māṇava, kammaṭṭhānaṃ appaṭṭhaṃ appakiccaṃ appādhikaraṇaṃ appasamārambhaṃ vipajjamānaṃ appaphalaṃ hoti; atthi, māṇava, kammaṭṭhānaṃ appaṭṭhaṃ appakiccaṃ appādhikaraṇaṃ appasamārambhaṃ sampajjamānaṃ mahapphalaṃ hoti. Katamañca, māṇava , kammaṭṭhānaṃ mahaṭṭhaṃ mahākiccaṃ mahādhikaraṇaṃ mahāsamārambhaṃ vipajjamānaṃ appaphalaṃ hoti? Kasi kho, māṇava, kammaṭṭhānaṃ mahaṭṭhaṃ mahākiccaṃ mahādhikaraṇaṃ mahāsamārambhaṃ vipajjamānaṃ appaphalaṃ hoti. Katamañca, māṇava, kammaṭṭhānaṃ mahaṭṭhaṃ mahākiccaṃ mahādhikaraṇaṃ mahāsamārambhaṃ sampajjamānaṃ mahapphalaṃ hoti? Kasiyeva kho, māṇava, kammaṭṭhānaṃ mahaṭṭhaṃ mahākiccaṃ mahādhikaraṇaṃ mahāsamārambhaṃ sampajjamānaṃ mahapphalaṃ hoti. Katamañca, māṇava, kammaṭṭhānaṃ appaṭṭhaṃ appakiccaṃ appādhikaraṇaṃ appasamārambhaṃ vipajjamānaṃ appaphalaṃ hoti? Vaṇijjā kho, māṇava, kammaṭṭhānaṃ appaṭṭhaṃ appakiccaṃ appādhikaraṇaṃ appasamārambhaṃ vipajjamānaṃ appaphalaṃ hoti. Katamañca māṇava, kammaṭṭhānaṃ appaṭṭhaṃ appakiccaṃ appādhikaraṇaṃ appasamārambhaṃ sampajjamānaṃ mahapphalaṃ hoti? Vaṇijjāyeva kho, māṇava, kammaṭṭhānaṃ appaṭṭhaṃ appakiccaṃ appādhikaraṇaṃ appasamārambhaṃ sampajjamānaṃ mahapphalaṃ hoti.

    ๔๖๔. ‘‘เสยฺยถาปิ, มาณว, กสิ กมฺมฎฺฐานํ มหฎฺฐํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ; เอวเมว โข, มาณว, ฆราวาสกมฺมฎฺฐานํ มหฎฺฐํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติฯ เสยฺยถาปิ, มาณว, กสิเยว กมฺมฎฺฐานํ มหฎฺฐํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ; เอวเมว โข, มาณว, ฆราวาสกมฺมฎฺฐานํ มหฎฺฐํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติฯ เสยฺยถาปิ, มาณว, วณิชฺชา กมฺมฎฺฐานํ อปฺปฎฺฐํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ; เอวเมว โข, มาณว, ปพฺพชฺชา กมฺมฎฺฐานํ อปฺปฎฺฐํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติฯ เสยฺยถาปิ, มาณว, วณิชฺชาเยว กมฺมฎฺฐานํ อปฺปฎฺฐํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ; เอวเมว โข , มาณว, ปพฺพชฺชา กมฺมฎฺฐานํ อปฺปฎฺฐํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหตี’’ติฯ

    464. ‘‘Seyyathāpi, māṇava, kasi kammaṭṭhānaṃ mahaṭṭhaṃ mahākiccaṃ mahādhikaraṇaṃ mahāsamārambhaṃ vipajjamānaṃ appaphalaṃ hoti; evameva kho, māṇava, gharāvāsakammaṭṭhānaṃ mahaṭṭhaṃ mahākiccaṃ mahādhikaraṇaṃ mahāsamārambhaṃ vipajjamānaṃ appaphalaṃ hoti. Seyyathāpi, māṇava, kasiyeva kammaṭṭhānaṃ mahaṭṭhaṃ mahākiccaṃ mahādhikaraṇaṃ mahāsamārambhaṃ sampajjamānaṃ mahapphalaṃ hoti; evameva kho, māṇava, gharāvāsakammaṭṭhānaṃ mahaṭṭhaṃ mahākiccaṃ mahādhikaraṇaṃ mahāsamārambhaṃ sampajjamānaṃ mahapphalaṃ hoti. Seyyathāpi, māṇava, vaṇijjā kammaṭṭhānaṃ appaṭṭhaṃ appakiccaṃ appādhikaraṇaṃ appasamārambhaṃ vipajjamānaṃ appaphalaṃ hoti; evameva kho, māṇava, pabbajjā kammaṭṭhānaṃ appaṭṭhaṃ appakiccaṃ appādhikaraṇaṃ appasamārambhaṃ vipajjamānaṃ appaphalaṃ hoti. Seyyathāpi, māṇava, vaṇijjāyeva kammaṭṭhānaṃ appaṭṭhaṃ appakiccaṃ appādhikaraṇaṃ appasamārambhaṃ sampajjamānaṃ mahapphalaṃ hoti; evameva kho , māṇava, pabbajjā kammaṭṭhānaṃ appaṭṭhaṃ appakiccaṃ appādhikaraṇaṃ appasamārambhaṃ sampajjamānaṃ mahapphalaṃ hotī’’ti.

    ‘‘พฺราหฺมณา , โภ โคตม, ปญฺจ ธเมฺม ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนายา’’ติฯ ‘‘เย เต, มาณว, พฺราหฺมณา ปญฺจ ธเมฺม ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนาย – สเจ เต อครุ – สาธุ เต ปญฺจ ธเมฺม อิมสฺมิํ ปริสติ ภาสสฺสู’’ติฯ ‘‘น โข เม, โภ โคตม, ครุ ยตฺถสฺสุ ภวโนฺต วา นิสิโนฺน ภวนฺตรูโป วา’’ติ 1ฯ ‘‘เตน หิ, มาณว, ภาสสฺสู’’ติฯ ‘‘สจฺจํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ปฐมํ ธมฺมํ ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนายฯ ตปํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ทุติยํ ธมฺมํ ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนายฯ พฺรหฺมจริยํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ตติยํ ธมฺมํ ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนายฯ อเชฺฌนํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา จตุตฺถํ ธมฺมํ ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนายฯ จาคํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ปญฺจมํ ธมฺมํ ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนายฯ พฺราหฺมณา, โภ โคตม, อิเม ปญฺจ ธเมฺม ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนายาติฯ อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ?

    ‘‘Brāhmaṇā , bho gotama, pañca dhamme paññapenti puññassa kiriyāya, kusalassa ārādhanāyā’’ti. ‘‘Ye te, māṇava, brāhmaṇā pañca dhamme paññapenti puññassa kiriyāya, kusalassa ārādhanāya – sace te agaru – sādhu te pañca dhamme imasmiṃ parisati bhāsassū’’ti. ‘‘Na kho me, bho gotama, garu yatthassu bhavanto vā nisinno bhavantarūpo vā’’ti 2. ‘‘Tena hi, māṇava, bhāsassū’’ti. ‘‘Saccaṃ kho, bho gotama, brāhmaṇā paṭhamaṃ dhammaṃ paññapenti puññassa kiriyāya, kusalassa ārādhanāya. Tapaṃ kho, bho gotama, brāhmaṇā dutiyaṃ dhammaṃ paññapenti puññassa kiriyāya, kusalassa ārādhanāya. Brahmacariyaṃ kho, bho gotama, brāhmaṇā tatiyaṃ dhammaṃ paññapenti puññassa kiriyāya, kusalassa ārādhanāya. Ajjhenaṃ kho, bho gotama, brāhmaṇā catutthaṃ dhammaṃ paññapenti puññassa kiriyāya, kusalassa ārādhanāya. Cāgaṃ kho, bho gotama, brāhmaṇā pañcamaṃ dhammaṃ paññapenti puññassa kiriyāya, kusalassa ārādhanāya. Brāhmaṇā, bho gotama, ime pañca dhamme paññapenti puññassa kiriyāya, kusalassa ārādhanāyāti. Idha bhavaṃ gotamo kimāhā’’ti?

    ๔๖๕. ‘‘กิํ ปน, มาณว, อตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกพฺราหฺมโณปิ โย เอวมาห – ‘อหํ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมี’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘กิํ ปน, มาณว, อตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกาจริโยปิ เอกาจริยปาจริโยปิ ยาว สตฺตมา อาจริยมหยุคาปิ โย เอวมาห – ‘อหํ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมี’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘กิํ ปน, มาณว, เยปิ เต พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ – อฎฺฐโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิโตฺต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสโฎฺฐ กสฺสโป ภคุ, เตปิ เอวมาหํสุ – ‘มยํ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ

    465. ‘‘Kiṃ pana, māṇava, atthi koci brāhmaṇānaṃ ekabrāhmaṇopi yo evamāha – ‘ahaṃ imesaṃ pañcannaṃ dhammānaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā vipākaṃ pavedemī’’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’. ‘‘Kiṃ pana, māṇava, atthi koci brāhmaṇānaṃ ekācariyopi ekācariyapācariyopi yāva sattamā ācariyamahayugāpi yo evamāha – ‘ahaṃ imesaṃ pañcannaṃ dhammānaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā vipākaṃ pavedemī’’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’. ‘‘Kiṃ pana, māṇava, yepi te brāhmaṇānaṃ pubbakā isayo mantānaṃ kattāro mantānaṃ pavattāro yesamidaṃ etarahi brāhmaṇā porāṇaṃ mantapadaṃ gītaṃ pavuttaṃ samihitaṃ tadanugāyanti tadanubhāsanti bhāsitamanubhāsanti vācitamanuvācenti, seyyathidaṃ – aṭṭhako vāmako vāmadevo vessāmitto yamataggi aṅgīraso bhāradvājo vāseṭṭho kassapo bhagu, tepi evamāhaṃsu – ‘mayaṃ imesaṃ pañcannaṃ dhammānaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā vipākaṃ pavedemā’’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.

    ‘‘อิติ กิร, มาณว, นตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกพฺราหฺมโณปิ โย เอวมาห – ‘อหํ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมี’ติ; นตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกาจริโยปิ เอกาจริยปาจริโยปิ ยาว สตฺตมา อาจริยมหยุคาปิ โย เอวมาห – ‘อหํ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมี’ติ; เยปิ เต พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร, เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ, ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ – อฎฺฐโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิโตฺต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสโฎฺฐ กสฺสโป ภคุฯ เตปิ น เอวมาหํสุ – ‘มยํ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมา’ติฯ

    ‘‘Iti kira, māṇava, natthi koci brāhmaṇānaṃ ekabrāhmaṇopi yo evamāha – ‘ahaṃ imesaṃ pañcannaṃ dhammānaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā vipākaṃ pavedemī’ti; natthi koci brāhmaṇānaṃ ekācariyopi ekācariyapācariyopi yāva sattamā ācariyamahayugāpi yo evamāha – ‘ahaṃ imesaṃ pañcannaṃ dhammānaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā vipākaṃ pavedemī’ti; yepi te brāhmaṇānaṃ pubbakā isayo mantānaṃ kattāro mantānaṃ pavattāro, yesamidaṃ etarahi brāhmaṇā porāṇaṃ mantapadaṃ gītaṃ pavuttaṃ samihitaṃ, tadanugāyanti tadanubhāsanti bhāsitamanubhāsanti vācitamanuvācenti, seyyathidaṃ – aṭṭhako vāmako vāmadevo vessāmitto yamataggi aṅgīraso bhāradvājo vāseṭṭho kassapo bhagu. Tepi na evamāhaṃsu – ‘mayaṃ imesaṃ pañcannaṃ dhammānaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā vipākaṃ pavedemā’ti.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, มาณว, อนฺธเวณิ ปรมฺปราสํสตฺตา ปุริโมปิ น ปสฺสติ มชฺฌิโมปิ น ปสฺสติ ปจฺฉิโมปิ น ปสฺสติ; เอวเมว โข, มาณว, อนฺธเวณูปมํ มเญฺญ พฺราหฺมณานํ ภาสิตํ สมฺปชฺชติ – ปุริโมปิ น ปสฺสติ มชฺฌิโมปิ น ปสฺสติ ปจฺฉิโมปิ น ปสฺสตี’’ติฯ

    ‘‘Seyyathāpi, māṇava, andhaveṇi paramparāsaṃsattā purimopi na passati majjhimopi na passati pacchimopi na passati; evameva kho, māṇava, andhaveṇūpamaṃ maññe brāhmaṇānaṃ bhāsitaṃ sampajjati – purimopi na passati majjhimopi na passati pacchimopi na passatī’’ti.

    ๔๖๖. เอวํ วุเตฺต, สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุโตฺต ภควตา อนฺธเวณูปเมน วุจฺจมาโน กุปิโต อนตฺตมโน ภควนฺตํเยว ขุํเสโนฺต ภควนฺตํเยว วเมฺภโนฺต ภควนฺตํเยว วทมาโน – ‘สมโณ โคตโม ปาปิโต ภวิสฺสตี’ติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมโณ, โภ โคตม, โปกฺขรสาติ โอปมโญฺญ สุภควนิโก เอวมาห – ‘เอวเมว ปนิเธกเจฺจ 3 สมณพฺราหฺมณา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสสํ ปฎิชานนฺติฯ เตสมิทํ ภาสิตํ หสฺสกํเยว สมฺปชฺชติ, นามกํเยว สมฺปชฺชติ, ริตฺตกํเยว สมฺปชฺชติ, ตุจฺฉกํเยว สมฺปชฺชติฯ กถญฺหิ นาม มนุสฺสภูโต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสสํ ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’’ติ?

    466. Evaṃ vutte, subho māṇavo todeyyaputto bhagavatā andhaveṇūpamena vuccamāno kupito anattamano bhagavantaṃyeva khuṃsento bhagavantaṃyeva vambhento bhagavantaṃyeva vadamāno – ‘samaṇo gotamo pāpito bhavissatī’ti bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘brāhmaṇo, bho gotama, pokkharasāti opamañño subhagavaniko evamāha – ‘evameva panidhekacce 4 samaṇabrāhmaṇā uttarimanussadhammā alamariyañāṇadassanavisesaṃ paṭijānanti. Tesamidaṃ bhāsitaṃ hassakaṃyeva sampajjati, nāmakaṃyeva sampajjati, rittakaṃyeva sampajjati, tucchakaṃyeva sampajjati. Kathañhi nāma manussabhūto uttarimanussadhammā alamariyañāṇadassanavisesaṃ ñassati vā dakkhati vā sacchi vā karissatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’’ti?

    ‘‘กิํ ปน, มาณว, พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ โอปมโญฺญ สุภควนิโก สเพฺพสํเยว สมณพฺราหฺมณานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาตี’’ติ? ‘‘สกายปิ หิ, โภ โคตม, ปุณฺณิกาย ทาสิยา พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ โอปมโญฺญ สุภควนิโก เจตสา เจโต ปริจฺจ น ปชานาติ, กุโต ปน สเพฺพสํเยว สมณพฺราหฺมณานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานิสฺสตี’’ติ?

    ‘‘Kiṃ pana, māṇava, brāhmaṇo pokkharasāti opamañño subhagavaniko sabbesaṃyeva samaṇabrāhmaṇānaṃ cetasā ceto paricca pajānātī’’ti? ‘‘Sakāyapi hi, bho gotama, puṇṇikāya dāsiyā brāhmaṇo pokkharasāti opamañño subhagavaniko cetasā ceto paricca na pajānāti, kuto pana sabbesaṃyeva samaṇabrāhmaṇānaṃ cetasā ceto paricca pajānissatī’’ti?

    ‘‘เสยฺยถาปิ, มาณว, ชจฺจโนฺธ ปุริโส น ปเสฺสยฺย กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย นีลกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย ปีตกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย โลหิตกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย มญฺชิฎฺฐกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย สมวิสมํ, น ปเสฺสยฺย ตารกรูปานิ, น ปเสฺสยฺย จนฺทิมสูริเยฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘นตฺถิ กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, นตฺถิ กณฺหสุกฺกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ นีลกานิ รูปานิ, นตฺถิ นีลกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ ปีตกานิ รูปานิ, นตฺถิ ปีตกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ โลหิตกานิ รูปานิ, นตฺถิ โลหิตกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ มญฺชิฎฺฐกานิ รูปานิ, นตฺถิ มญฺชิฎฺฐกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ สมวิสมํ, นตฺถิ สมวิสมสฺส ทสฺสาวี; นตฺถิ ตารกรูปานิ, นตฺถิ ตารกรูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ จนฺทิมสูริยา, นตฺถิ จนฺทิมสูริยานํ ทสฺสาวีฯ อหเมตํ น ชานามิ, อหเมตํ น ปสฺสามิ; ตสฺมา ตํ นตฺถี’ติฯ สมฺมา นุ โข โส, มาณว, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ?

    ‘‘Seyyathāpi, māṇava, jaccandho puriso na passeyya kaṇhasukkāni rūpāni, na passeyya nīlakāni rūpāni, na passeyya pītakāni rūpāni, na passeyya lohitakāni rūpāni, na passeyya mañjiṭṭhakāni rūpāni, na passeyya samavisamaṃ, na passeyya tārakarūpāni, na passeyya candimasūriye. So evaṃ vadeyya – ‘natthi kaṇhasukkāni rūpāni, natthi kaṇhasukkānaṃ rūpānaṃ dassāvī; natthi nīlakāni rūpāni, natthi nīlakānaṃ rūpānaṃ dassāvī; natthi pītakāni rūpāni, natthi pītakānaṃ rūpānaṃ dassāvī; natthi lohitakāni rūpāni, natthi lohitakānaṃ rūpānaṃ dassāvī; natthi mañjiṭṭhakāni rūpāni, natthi mañjiṭṭhakānaṃ rūpānaṃ dassāvī; natthi samavisamaṃ, natthi samavisamassa dassāvī; natthi tārakarūpāni, natthi tārakarūpānaṃ dassāvī; natthi candimasūriyā, natthi candimasūriyānaṃ dassāvī. Ahametaṃ na jānāmi, ahametaṃ na passāmi; tasmā taṃ natthī’ti. Sammā nu kho so, māṇava, vadamāno vadeyyā’’ti?

    ‘‘โน หิทํ, โภ โคตมฯ อตฺถิ กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, อตฺถิ กณฺหสุกฺกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; อตฺถิ นีลกานิ รูปานิ, อตฺถิ นีลกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; อตฺถิ ปีตกานิ รูปานิ, อตฺถิ ปีตกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; อตฺถิ โลหิตกานิ รูปานิ, อตฺถิ โลหิตกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; อตฺถิ มญฺชิฎฺฐกานิ รูปานิ, อตฺถิ มญฺชิฎฺฐกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; อตฺถิ สมวิสมํ, อตฺถิ สมวิสมสฺส ทสฺสาวี; อตฺถิ ตารกรูปานิ, อตฺถิ ตารกรูปานํ ทสฺสาวี ; อตฺถิ จนฺทิมสูริยา, อตฺถิ จนฺทิมสูริยานํ ทสฺสาวีฯ ‘อหเมตํ น ชานามิ, อหเมตํ น ปสฺสามิ; ตสฺมา ตํ นตฺถี’ติ; น หิ โส, โภ โคตม, สมฺมา วทมาโน วเทยฺยา’’ติฯ

    ‘‘No hidaṃ, bho gotama. Atthi kaṇhasukkāni rūpāni, atthi kaṇhasukkānaṃ rūpānaṃ dassāvī; atthi nīlakāni rūpāni, atthi nīlakānaṃ rūpānaṃ dassāvī; atthi pītakāni rūpāni, atthi pītakānaṃ rūpānaṃ dassāvī; atthi lohitakāni rūpāni, atthi lohitakānaṃ rūpānaṃ dassāvī; atthi mañjiṭṭhakāni rūpāni, atthi mañjiṭṭhakānaṃ rūpānaṃ dassāvī; atthi samavisamaṃ, atthi samavisamassa dassāvī; atthi tārakarūpāni, atthi tārakarūpānaṃ dassāvī ; atthi candimasūriyā, atthi candimasūriyānaṃ dassāvī. ‘Ahametaṃ na jānāmi, ahametaṃ na passāmi; tasmā taṃ natthī’ti; na hi so, bho gotama, sammā vadamāno vadeyyā’’ti.

    ‘‘เอวเมว โข, มาณว, พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ โอปมโญฺญ สุภควนิโก อโนฺธ อจกฺขุโกฯ โส วต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสสํ ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติ’’ฯ

    ‘‘Evameva kho, māṇava, brāhmaṇo pokkharasāti opamañño subhagavaniko andho acakkhuko. So vata uttarimanussadhammā alamariyañāṇadassanavisesaṃ ñassati vā dakkhati vā sacchi vā karissatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati’’.

    ๔๖๗. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มาณว, เย เต โกสลกา พฺราหฺมณมหาสาลา, เสยฺยถิทํ – จงฺกี พฺราหฺมโณ ตารุโกฺข พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ พฺราหฺมโณ ชาณุโสฺสณิ พฺราหฺมโณ ปิตา จ 5 เต โตเทโยฺย, กตมา เนสํ เสโยฺย 6, ยํ วา เต สมฺมุจฺจา 7 วาจํ ภาเสยฺยุํ ยํ วา อสมฺมุจฺจา’’ติ? ‘‘สมฺมุจฺจา, โภ โคตม’’ฯ

    467. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, māṇava, ye te kosalakā brāhmaṇamahāsālā, seyyathidaṃ – caṅkī brāhmaṇo tārukkho brāhmaṇo pokkharasāti brāhmaṇo jāṇussoṇi brāhmaṇo pitā ca 8 te todeyyo, katamā nesaṃ seyyo 9, yaṃ vā te sammuccā 10 vācaṃ bhāseyyuṃ yaṃ vā asammuccā’’ti? ‘‘Sammuccā, bho gotama’’.

    ‘‘กตมา เนสํ เสโยฺย, ยํ วา เต มนฺตา วาจํ ภาเสยฺยุํ ยํ วา อมนฺตา’’ติ? ‘‘มนฺตา, โภ โคตม’’ฯ

    ‘‘Katamā nesaṃ seyyo, yaṃ vā te mantā vācaṃ bhāseyyuṃ yaṃ vā amantā’’ti? ‘‘Mantā, bho gotama’’.

    ‘‘กตมา เนสํ เสโยฺย, ยํ วา เต ปฎิสงฺขาย วาจํ ภาเสยฺยุํ ยํ วา อปฺปฎิสงฺขายา’’ติ? ‘‘ปฎิสงฺขาย, โภ โคตม’’ฯ

    ‘‘Katamā nesaṃ seyyo, yaṃ vā te paṭisaṅkhāya vācaṃ bhāseyyuṃ yaṃ vā appaṭisaṅkhāyā’’ti? ‘‘Paṭisaṅkhāya, bho gotama’’.

    ‘‘กตมา เนสํ เสโยฺย, ยํ วา เต อตฺถสํหิตํ วาจํ ภาเสยฺยุํ ยํ วา อนตฺถสํหิต’’นฺติ? ‘‘อตฺถสํหิตํ, โภ โคตม’’ฯ

    ‘‘Katamā nesaṃ seyyo, yaṃ vā te atthasaṃhitaṃ vācaṃ bhāseyyuṃ yaṃ vā anatthasaṃhita’’nti? ‘‘Atthasaṃhitaṃ, bho gotama’’.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มาณว, ยทิ เอวํ สเนฺต, พฺราหฺมเณน โปกฺขรสาตินา โอปมเญฺญน สุภควนิเกน สมฺมุจฺจา วาจา ภาสิตา อสมฺมุจฺจา’’ติ 11? ‘‘อสมฺมุจฺจา, โภ โคตม’’ฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, māṇava, yadi evaṃ sante, brāhmaṇena pokkharasātinā opamaññena subhagavanikena sammuccā vācā bhāsitā asammuccā’’ti 12? ‘‘Asammuccā, bho gotama’’.

    ‘‘มนฺตา วาจา ภาสิตา อมนฺตา วา’’ติ? ‘‘อมนฺตา, โภ โคตม’’ฯ

    ‘‘Mantā vācā bhāsitā amantā vā’’ti? ‘‘Amantā, bho gotama’’.

    ‘‘ปฎิสงฺขาย วาจา ภาสิตา อปฺปฎิสงฺขายา’’ติ? ‘‘อปฺปฎิสงฺขาย, โภ โคตม’’ฯ

    ‘‘Paṭisaṅkhāya vācā bhāsitā appaṭisaṅkhāyā’’ti? ‘‘Appaṭisaṅkhāya, bho gotama’’.

    ‘‘อตฺถสํหิตา วาจา ภาสิตา อนตฺถสํหิตา’’ติ? ‘‘อนตฺถสํหิตา, โภ โคตม’’ฯ

    ‘‘Atthasaṃhitā vācā bhāsitā anatthasaṃhitā’’ti? ‘‘Anatthasaṃhitā, bho gotama’’.

    ‘‘ปญฺจ โข อิเม, มาณว, นีวรณาฯ กตเม ปญฺจ? กามจฺฉนฺทนีวรณํ, พฺยาปาทนีวรณํ, ถีนมิทฺธนีวรณํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนีวรณํ, วิจิกิจฺฉานีวรณํ – อิเม โข, มาณว, ปญฺจ นีวรณาฯ อิเมหิ โข มาณว, ปญฺจหิ นีวรเณหิ พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ โอปมโญฺญ สุภควนิโก อาวุโต นิวุโต โอผุโฎ 13 ปริโยนโทฺธฯ โส วต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสสํ ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    ‘‘Pañca kho ime, māṇava, nīvaraṇā. Katame pañca? Kāmacchandanīvaraṇaṃ, byāpādanīvaraṇaṃ, thīnamiddhanīvaraṇaṃ uddhaccakukkuccanīvaraṇaṃ, vicikicchānīvaraṇaṃ – ime kho, māṇava, pañca nīvaraṇā. Imehi kho māṇava, pañcahi nīvaraṇehi brāhmaṇo pokkharasāti opamañño subhagavaniko āvuto nivuto ophuṭo 14 pariyonaddho. So vata uttarimanussadhammā alamariyañāṇadassanavisesaṃ ñassati vā dakkhati vā sacchi vā karissatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ๔๖๘. ‘‘ปญฺจ โข อิเม, มาณว, กามคุณาฯ กตเม ปญฺจ? จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิเญฺญยฺยา สทฺทา…เป.… ฆานวิเญฺญยฺยา คนฺธา… ชิวฺหา วิเญฺญยฺยา รสา… กายวิเญฺญยฺยา โผฎฺฐพฺพา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา – อิเม โข, มาณว, ปญฺจ กามคุณาฯ อิเมหิ โข, มาณว, ปญฺจหิ กามคุเณหิ พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ โอปมโญฺญ สุภควนิโก คถิโต มุจฺฉิโต อโชฺฌปโนฺน อนาทีนวทสฺสาวี อนิสฺสรณปโญฺญ ปริภุญฺชติฯ โส วต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสสํ ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    468. ‘‘Pañca kho ime, māṇava, kāmaguṇā. Katame pañca? Cakkhuviññeyyā rūpā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā, sotaviññeyyā saddā…pe… ghānaviññeyyā gandhā… jivhā viññeyyā rasā… kāyaviññeyyā phoṭṭhabbā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā – ime kho, māṇava, pañca kāmaguṇā. Imehi kho, māṇava, pañcahi kāmaguṇehi brāhmaṇo pokkharasāti opamañño subhagavaniko gathito mucchito ajjhopanno anādīnavadassāvī anissaraṇapañño paribhuñjati. So vata uttarimanussadhammā alamariyañāṇadassanavisesaṃ ñassati vā dakkhati vā sacchi vā karissatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มาณว, ยํ วา ติณกฎฺฐุปาทานํ ปฎิจฺจ อคฺคิํ ชาเลยฺย ยํ วา นิสฺสฎฺฐติณกฎฺฐุปาทานํ อคฺคิํ ชาเลยฺย, กตโม นุ ขฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จา’’ติ? ‘‘สเจ ตํ, โภ โคตม, ฐานํ นิสฺสฎฺฐติณกฎฺฐุปาทานํ อคฺคิํ ชาเลตุํ, สฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จา’’ติฯ ‘‘อฎฺฐานํ โข เอตํ, มาณว, อนวกาโส ยํ นิสฺสฎฺฐติณกฎฺฐุปาทานํ อคฺคิํ ชาเลยฺย อญฺญตฺร อิทฺธิมตาฯ เสยฺยถาปิ, มาณว, ติณกฎฺฐุปาทานํ ปฎิจฺจ อคฺคิ ชลติ ตถูปมาหํ, มาณว, อิมํ ปีติํ วทามิ ยายํ ปีติ ปญฺจ กามคุเณ ปฎิจฺจฯ เสยฺยถาปิ, มาณว, นิสฺสฎฺฐติณกฎฺฐุปาทาโน 15 อคฺคิ ชลติ ตถูปมาหํ, มาณว , อิมํ ปีติํ วทามิ ยายํ ปีติ อญฺญเตฺรว กาเมหิ อญฺญตฺร อกุสเลหิ ธเมฺมหิฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, māṇava, yaṃ vā tiṇakaṭṭhupādānaṃ paṭicca aggiṃ jāleyya yaṃ vā nissaṭṭhatiṇakaṭṭhupādānaṃ aggiṃ jāleyya, katamo nu khvāssa aggi accimā ceva vaṇṇavā ca pabhassaro cā’’ti? ‘‘Sace taṃ, bho gotama, ṭhānaṃ nissaṭṭhatiṇakaṭṭhupādānaṃ aggiṃ jāletuṃ, svāssa aggi accimā ceva vaṇṇavā ca pabhassaro cā’’ti. ‘‘Aṭṭhānaṃ kho etaṃ, māṇava, anavakāso yaṃ nissaṭṭhatiṇakaṭṭhupādānaṃ aggiṃ jāleyya aññatra iddhimatā. Seyyathāpi, māṇava, tiṇakaṭṭhupādānaṃ paṭicca aggi jalati tathūpamāhaṃ, māṇava, imaṃ pītiṃ vadāmi yāyaṃ pīti pañca kāmaguṇe paṭicca. Seyyathāpi, māṇava, nissaṭṭhatiṇakaṭṭhupādāno 16 aggi jalati tathūpamāhaṃ, māṇava , imaṃ pītiṃ vadāmi yāyaṃ pīti aññatreva kāmehi aññatra akusalehi dhammehi.

    ‘‘กตมา จ, มาณว, ปีติ อญฺญเตฺรว กาเมหิ อญฺญตฺร อกุสเลหิ ธเมฺมหิ? อิธ, มาณว, ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยมฺปิ โข, มาณว, ปีติ อญฺญเตฺรว กาเมหิ อญฺญตฺร อกุสเลหิ ธเมฺมหิฯ ปุน จปรํ, มาณว, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยมฺปิ โข, มาณว, ปีติ อญฺญเตฺรว กาเมหิ อญฺญตฺร อกุสเลหิ ธเมฺมหิฯ

    ‘‘Katamā ca, māṇava, pīti aññatreva kāmehi aññatra akusalehi dhammehi? Idha, māṇava, bhikkhu vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Ayampi kho, māṇava, pīti aññatreva kāmehi aññatra akusalehi dhammehi. Puna caparaṃ, māṇava, bhikkhu vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Ayampi kho, māṇava, pīti aññatreva kāmehi aññatra akusalehi dhammehi.

    ๔๖๙. ‘‘เย เต, มาณว, พฺราหฺมณา ปญฺจ ธเมฺม ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, กตเมตฺถ 17 พฺราหฺมณา ธมฺมํ มหปฺผลตรํ ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนายา’’ติ? ‘‘เยเม, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ปญฺจ ธเมฺม ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, จาคเมตฺถ พฺราหฺมณา ธมฺมํ มหปฺผลตรํ ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนายา’’ติฯ

    469. ‘‘Ye te, māṇava, brāhmaṇā pañca dhamme paññapenti puññassa kiriyāya kusalassa ārādhanāya, katamettha 18 brāhmaṇā dhammaṃ mahapphalataraṃ paññapenti puññassa kiriyāya kusalassa ārādhanāyā’’ti? ‘‘Yeme, bho gotama, brāhmaṇā pañca dhamme paññapenti puññassa kiriyāya kusalassa ārādhanāya, cāgamettha brāhmaṇā dhammaṃ mahapphalataraṃ paññapenti puññassa kiriyāya kusalassa ārādhanāyā’’ti.

    ‘‘ตํ กิ มญฺญสิ, มาณว, อิธ อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณสฺส มหายโญฺญ ปจฺจุปฎฺฐิโต อสฺสฯ อถ เทฺว พฺราหฺมณา อาคเจฺฉยฺยุํ – ‘อิตฺถนฺนามสฺส พฺราหฺมณสฺส มหายญฺญํ อนุภวิสฺสามา’ติฯ ตเตฺรกสฺส 19 พฺราหฺมณสฺส เอวมสฺส – ‘อโห วต! อหเมว ลเภยฺยํ ภตฺตเคฺค อคฺคาสนํ อโคฺคทกํ อคฺคปิณฺฑํ, น อโญฺญ พฺราหฺมโณ ลเภยฺย ภตฺตเคฺค อคฺคาสนํ อโคฺคทกํ อคฺคปิณฺฑ’นฺติฯ ฐานํ โข ปเนตํ, มาณว , วิชฺชติ ยํ อโญฺญ พฺราหฺมโณ ลเภยฺย ภตฺตเคฺค อคฺคาสนํ อโคฺคทกํ อคฺคปิณฺฑํ, น โส พฺราหฺมโณ ลเภยฺย ภตฺตเคฺค อคฺคาสนํ อโคฺคทกํ อคฺคปิณฺฑํฯ ‘อโญฺญ พฺราหฺมโณ ลภติ ภตฺตเคฺค อคฺคาสนํ อโคฺคทกํ อคฺคปิณฺฑํ, นาหํ ลภามิ ภตฺตเคฺค อคฺคาสนํ อโคฺคทกํ อคฺคปิณฺฑ’นฺติ – อิติ โส กุปิโต โหติ อนตฺตมโนฯ อิมสฺส ปน, มาณว, พฺราหฺมณา กิํ วิปากํ ปญฺญเปนฺตี’’ติ? ‘‘น เขฺวตฺถ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เอวํ ทานํ เทนฺติ – ‘อิมินา ปโร กุปิโต โหตุ อนตฺตมโน’ติฯ อถ เขฺวตฺถ พฺราหฺมณา อนุกมฺปาชาติกํเยว 20 ทานํ เทนฺตี’’ติฯ ‘‘เอวํ สเนฺต, โข, มาณว, พฺราหฺมณานํ อิทํ ฉฎฺฐํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ โหติ – ยทิทํ อนุกมฺปาชาติก’’นฺติฯ ‘‘เอวํ สเนฺต, โภ โคตม, พฺราหฺมณานํ อิทํ ฉฎฺฐํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ โหติ – ยทิทํ อนุกมฺปาชาติก’’นฺติฯ

    ‘‘Taṃ ki maññasi, māṇava, idha aññatarassa brāhmaṇassa mahāyañño paccupaṭṭhito assa. Atha dve brāhmaṇā āgaccheyyuṃ – ‘itthannāmassa brāhmaṇassa mahāyaññaṃ anubhavissāmā’ti. Tatrekassa 21 brāhmaṇassa evamassa – ‘aho vata! Ahameva labheyyaṃ bhattagge aggāsanaṃ aggodakaṃ aggapiṇḍaṃ, na añño brāhmaṇo labheyya bhattagge aggāsanaṃ aggodakaṃ aggapiṇḍa’nti. Ṭhānaṃ kho panetaṃ, māṇava , vijjati yaṃ añño brāhmaṇo labheyya bhattagge aggāsanaṃ aggodakaṃ aggapiṇḍaṃ, na so brāhmaṇo labheyya bhattagge aggāsanaṃ aggodakaṃ aggapiṇḍaṃ. ‘Añño brāhmaṇo labhati bhattagge aggāsanaṃ aggodakaṃ aggapiṇḍaṃ, nāhaṃ labhāmi bhattagge aggāsanaṃ aggodakaṃ aggapiṇḍa’nti – iti so kupito hoti anattamano. Imassa pana, māṇava, brāhmaṇā kiṃ vipākaṃ paññapentī’’ti? ‘‘Na khvettha, bho gotama, brāhmaṇā evaṃ dānaṃ denti – ‘iminā paro kupito hotu anattamano’ti. Atha khvettha brāhmaṇā anukampājātikaṃyeva 22 dānaṃ dentī’’ti. ‘‘Evaṃ sante, kho, māṇava, brāhmaṇānaṃ idaṃ chaṭṭhaṃ puññakiriyavatthu hoti – yadidaṃ anukampājātika’’nti. ‘‘Evaṃ sante, bho gotama, brāhmaṇānaṃ idaṃ chaṭṭhaṃ puññakiriyavatthu hoti – yadidaṃ anukampājātika’’nti.

    ‘‘เย เต, มาณว, พฺราหฺมณา ปญฺจ ธเมฺม ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, อิเม ตฺวํ ปญฺจ ธเมฺม กตฺถ พหุลํ สมนุปสฺสสิ – คหเฎฺฐสุ วา ปพฺพชิเตสุ วา’’ติ? ‘‘เยเม, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ปญฺจ ธเมฺม ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, อิมาหํ ปญฺจ ธเมฺม ปพฺพชิเตสุ พหุลํ สมนุปสฺสามิ อปฺปํ คหเฎฺฐสุฯ คหโฎฺฐ หิ, โภ โคตม, มหโฎฺฐ มหากิโจฺจ มหาธิกรโณ มหาสมารโมฺภ, น สตตํ สมิตํ สจฺจวาที โหติ; ปพฺพชิโต โข ปน, โภ โคตม, อปฺปโฎฺฐ อปฺปกิโจฺจ อปฺปาธิกรโณ อปฺปสมารโมฺภ, สตตํ สมิตํ สจฺจวาที โหติฯ คหโฎฺฐ หิ, โภ โคตม, มหโฎฺฐ มหากิโจฺจ มหาธิกรโณ มหาสมารโมฺภ น สตตํ สมิตํ ตปสฺสี โหติ… พฺรหฺมจารี โหติ… สชฺฌายพหุโล โหติ… จาคพหุโล โหติ; ปพฺพชิโต โข ปน, โภ โคตม, อปฺปโฎฺฐ อปฺปกิโจฺจ อปฺปาธิกรโณ อปฺปสมารโมฺภ สตตํ สมิตํ ตปสฺสี โหติ… พฺรหฺมจารี โหติ… สชฺฌายพหุโล โหติ… จาคพหุโล โหติฯ เยเม, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ปญฺจ ธเมฺม ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, อิมาหํ ปญฺจ ธเมฺม ปพฺพชิเตสุ พหุลํ สมนุปสฺสามิ อปฺปํ คหเฎฺฐสู’’ติฯ

    ‘‘Ye te, māṇava, brāhmaṇā pañca dhamme paññapenti puññassa kiriyāya kusalassa ārādhanāya, ime tvaṃ pañca dhamme kattha bahulaṃ samanupassasi – gahaṭṭhesu vā pabbajitesu vā’’ti? ‘‘Yeme, bho gotama, brāhmaṇā pañca dhamme paññapenti puññassa kiriyāya kusalassa ārādhanāya, imāhaṃ pañca dhamme pabbajitesu bahulaṃ samanupassāmi appaṃ gahaṭṭhesu. Gahaṭṭho hi, bho gotama, mahaṭṭho mahākicco mahādhikaraṇo mahāsamārambho, na satataṃ samitaṃ saccavādī hoti; pabbajito kho pana, bho gotama, appaṭṭho appakicco appādhikaraṇo appasamārambho, satataṃ samitaṃ saccavādī hoti. Gahaṭṭho hi, bho gotama, mahaṭṭho mahākicco mahādhikaraṇo mahāsamārambho na satataṃ samitaṃ tapassī hoti… brahmacārī hoti… sajjhāyabahulo hoti… cāgabahulo hoti; pabbajito kho pana, bho gotama, appaṭṭho appakicco appādhikaraṇo appasamārambho satataṃ samitaṃ tapassī hoti… brahmacārī hoti… sajjhāyabahulo hoti… cāgabahulo hoti. Yeme, bho gotama, brāhmaṇā pañca dhamme paññapenti puññassa kiriyāya kusalassa ārādhanāya, imāhaṃ pañca dhamme pabbajitesu bahulaṃ samanupassāmi appaṃ gahaṭṭhesū’’ti.

    ‘‘เย เต, มาณว, พฺราหฺมณา ปญฺจ ธเมฺม ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย จิตฺตสฺสาหํ เอเต ปริกฺขาเร วทามิ – ยทิทํ จิตฺตํ อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ ตสฺส ภาวนายฯ อิธ, มาณว, ภิกฺขุ สจฺจวาที โหติฯ โส ‘สจฺจวาทีมฺหี’ติ ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํฯ ยํ ตํ กุสลูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, จิตฺตสฺสาหํ เอตํ ปริกฺขารํ วทามิ – ยทิทํ จิตฺตํ อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ ตสฺส ภาวนายฯ อิธ, มาณว, ภิกฺขุ ตปสฺสี โหติ…เป.… พฺรหฺมจารี โหติ…เป.… สชฺฌายพหุโล โหติ…เป.… จาคพหุโล โหติฯ โส ‘จาคพหุโลมฺหี’ติ ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํฯ ยํ ตํ กุสลูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, จิตฺตสฺสาหํ เอตํ ปริกฺขารํ วทามิ – ยทิทํ จิตฺตํ อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ ตสฺส ภาวนายฯ เย เต มาณว, พฺราหฺมณา, ปญฺจ ธเมฺม ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, จิตฺตสฺสาหํ เอเต ปริกฺขาเร วทามิ – ยทิทํ จิตฺตํ อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ ตสฺส ภาวนายา’’ติฯ

    ‘‘Ye te, māṇava, brāhmaṇā pañca dhamme paññapenti puññassa kiriyāya kusalassa ārādhanāya cittassāhaṃ ete parikkhāre vadāmi – yadidaṃ cittaṃ averaṃ abyābajjhaṃ tassa bhāvanāya. Idha, māṇava, bhikkhu saccavādī hoti. So ‘saccavādīmhī’ti labhati atthavedaṃ, labhati dhammavedaṃ, labhati dhammūpasaṃhitaṃ pāmojjaṃ. Yaṃ taṃ kusalūpasaṃhitaṃ pāmojjaṃ, cittassāhaṃ etaṃ parikkhāraṃ vadāmi – yadidaṃ cittaṃ averaṃ abyābajjhaṃ tassa bhāvanāya. Idha, māṇava, bhikkhu tapassī hoti…pe… brahmacārī hoti…pe… sajjhāyabahulo hoti…pe… cāgabahulo hoti. So ‘cāgabahulomhī’ti labhati atthavedaṃ, labhati dhammavedaṃ, labhati dhammūpasaṃhitaṃ pāmojjaṃ. Yaṃ taṃ kusalūpasaṃhitaṃ pāmojjaṃ, cittassāhaṃ etaṃ parikkhāraṃ vadāmi – yadidaṃ cittaṃ averaṃ abyābajjhaṃ tassa bhāvanāya. Ye te māṇava, brāhmaṇā, pañca dhamme paññapenti puññassa kiriyāya kusalassa ārādhanāya, cittassāhaṃ ete parikkhāre vadāmi – yadidaṃ cittaṃ averaṃ abyābajjhaṃ tassa bhāvanāyā’’ti.

    ๔๗๐. เอวํ วุเตฺต, สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, โภ โคตม – ‘สมโณ โคตโม พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ ชานาตี’’’ติฯ

    470. Evaṃ vutte, subho māṇavo todeyyaputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bho gotama – ‘samaṇo gotamo brahmānaṃ sahabyatāya maggaṃ jānātī’’’ti.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มาณว, อาสเนฺน อิโต นฬการคาโม, น ยิโต ทูเร นฬการคาโม’’ติ?

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, māṇava, āsanne ito naḷakāragāmo, na yito dūre naḷakāragāmo’’ti?

    ‘‘เอวํ, โภ, อาสเนฺน อิโต นฬการคาโม , น ยิโต ทูเร นฬการคาโม’’ติฯ

    ‘‘Evaṃ, bho, āsanne ito naḷakāragāmo , na yito dūre naḷakāragāmo’’ti.

    ‘‘ตํ, กิํ มญฺญสิ มาณว, อิธสฺส ปุริโส นฬการคาเม ชาตวโทฺธ 23; ตเมนํ นฬการคามโต ตาวเทว อวสฎํ 24 นฬการคามสฺส มคฺคํ ปุเจฺฉยฺยุํ; สิยา นุ โข, มาณว, ตสฺส ปุริสสฺส นฬการคาเม ชาตวทฺธสฺส นฬการคามสฺส มคฺคํ ปุฎฺฐสฺส ทนฺธายิตตฺตํ วา วิตฺถายิตตฺตํ วา’’ติ?

    ‘‘Taṃ, kiṃ maññasi māṇava, idhassa puriso naḷakāragāme jātavaddho 25; tamenaṃ naḷakāragāmato tāvadeva avasaṭaṃ 26 naḷakāragāmassa maggaṃ puccheyyuṃ; siyā nu kho, māṇava, tassa purisassa naḷakāragāme jātavaddhassa naḷakāragāmassa maggaṃ puṭṭhassa dandhāyitattaṃ vā vitthāyitattaṃ vā’’ti?

    ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ

    ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.

    ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’?

    ‘‘Taṃ kissa hetu’’?

    ‘‘อมุ หิ, โภ โคตม, ปุริโส นฬการคาเม ชาตวโทฺธฯ ตสฺส สพฺพาเนว นฬการคามสฺส มคฺคานิ สุวิทิตานี’’ติฯ ‘‘สิยา นุ โข, มาณว, ตสฺส ปุริสสฺส นฬการคาเม ชาตวทฺธสฺส นฬการคามสฺส มคฺคํ ปุฎฺฐสฺส ทนฺธายิตตฺตํ วา วิตฺถายิตตฺตํ วาติ, น เตฺวว ตถาคตสฺส พฺรหฺมโลกํ วา พฺรหฺมโลกคามินิํ วา ปฎิปทํ ปุฎฺฐสฺส ทนฺธายิตตฺตํ วา วิตฺถายิตตฺตํ วาฯ พฺรหฺมานญฺจาหํ, มาณว, ปชานามิ พฺรหฺมโลกญฺจ พฺรหฺมโลกคามินิญฺจ ปฎิปทํ; ยถาปฎิปโนฺน จ พฺรหฺมโลกํ อุปปโนฺน ตญฺจ ปชานามี’’ติ ฯ

    ‘‘Amu hi, bho gotama, puriso naḷakāragāme jātavaddho. Tassa sabbāneva naḷakāragāmassa maggāni suviditānī’’ti. ‘‘Siyā nu kho, māṇava, tassa purisassa naḷakāragāme jātavaddhassa naḷakāragāmassa maggaṃ puṭṭhassa dandhāyitattaṃ vā vitthāyitattaṃ vāti, na tveva tathāgatassa brahmalokaṃ vā brahmalokagāminiṃ vā paṭipadaṃ puṭṭhassa dandhāyitattaṃ vā vitthāyitattaṃ vā. Brahmānañcāhaṃ, māṇava, pajānāmi brahmalokañca brahmalokagāminiñca paṭipadaṃ; yathāpaṭipanno ca brahmalokaṃ upapanno tañca pajānāmī’’ti .

    ‘‘สุตํ เมตํ, โภ โคตม – ‘สมโณ โคตโม พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสตี’ติฯ สาธุ เม ภวํ โคตโม พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสตู’’ติฯ

    ‘‘Sutaṃ metaṃ, bho gotama – ‘samaṇo gotamo brahmānaṃ sahabyatāya maggaṃ desetī’ti. Sādhu me bhavaṃ gotamo brahmānaṃ sahabyatāya maggaṃ desetū’’ti.

    ‘‘เตน หิ, มาณว, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ โภ’’ติ โข สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุโตฺต ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –

    ‘‘Tena hi, māṇava, suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ bho’’ti kho subho māṇavo todeyyaputto bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –

    ๔๗๑. ‘‘กตโม จ, มาณว, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มโคฺค? อิธ, มาณว, ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพเชฺฌน ผริตฺวา วิหรติฯ เอวํ ภาวิตาย โข, มาณว, เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฎฺฐติฯ เสยฺยถาปิ, มาณว, พลวา สงฺขธโม อปฺปกสิเรเนว จาตุทฺทิสา วิญฺญาเปยฺย 27; เอวเมว โข, มาณว…เป.… เอวํ ภาวิตาย โข, มาณว, เมตฺตาย 28 เจโตวิมุตฺติยา ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฎฺฐติฯ อยมฺปิ โข, มาณว, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มโคฺคฯ ‘‘ปุน จปรํ, มาณว, ภิกฺขุ กรุณาสหคเตน เจตสา…เป.… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป.… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพเชฺฌน ผริตฺวา วิหรติฯ เอวํ ภาวิตาย โข, มาณว, อุเปกฺขาย เจโตวิมุตฺติยา ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฎฺฐติฯ เสยฺยถาปิ, มาณว, พลวา สงฺขธโม อปฺปกสิเรเนว จาตุทฺทิสา วิญฺญาเปยฺย; เอวเมว โข, มาณว…เป.… เอวํ ภาวิตาย โข, มาณว, อุเปกฺขาย เจโตวิมุตฺติยา ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฎฺฐติฯ อยมฺปิ โข, มาณว, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มโคฺค’’ติฯ

    471. ‘‘Katamo ca, māṇava, brahmānaṃ sahabyatāya maggo? Idha, māṇava, bhikkhu mettāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati, tathā dutiyaṃ, tathā tatiyaṃ, tathā catutthaṃ; iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ mettāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyābajjhena pharitvā viharati. Evaṃ bhāvitāya kho, māṇava, mettāya cetovimuttiyā yaṃ pamāṇakataṃ kammaṃ na taṃ tatrāvasissati, na taṃ tatrāvatiṭṭhati. Seyyathāpi, māṇava, balavā saṅkhadhamo appakasireneva cātuddisā viññāpeyya 29; evameva kho, māṇava…pe… evaṃ bhāvitāya kho, māṇava, mettāya 30 cetovimuttiyā yaṃ pamāṇakataṃ kammaṃ na taṃ tatrāvasissati, na taṃ tatrāvatiṭṭhati. Ayampi kho, māṇava, brahmānaṃ sahabyatāya maggo. ‘‘Puna caparaṃ, māṇava, bhikkhu karuṇāsahagatena cetasā…pe… muditāsahagatena cetasā…pe… upekkhāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati, tathā dutiyaṃ, tathā tatiyaṃ, tathā catutthaṃ; iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ upekkhāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyābajjhena pharitvā viharati. Evaṃ bhāvitāya kho, māṇava, upekkhāya cetovimuttiyā yaṃ pamāṇakataṃ kammaṃ na taṃ tatrāvasissati, na taṃ tatrāvatiṭṭhati. Seyyathāpi, māṇava, balavā saṅkhadhamo appakasireneva cātuddisā viññāpeyya; evameva kho, māṇava…pe… evaṃ bhāvitāya kho, māṇava, upekkhāya cetovimuttiyā yaṃ pamāṇakataṃ kammaṃ na taṃ tatrāvasissati, na taṃ tatrāvatiṭṭhati. Ayampi kho, māṇava, brahmānaṃ sahabyatāya maggo’’ti.

    ๔๗๒. เอวํ วุเตฺต, สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คตํฯ หนฺท, จ ทานิ มยํ, โภ โคตม, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติฯ ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, มาณว, กาลํ มญฺญสี’’ติฯ อถ โข สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุโตฺต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ

    472. Evaṃ vutte, subho māṇavo todeyyaputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bho gotama, abhikkantaṃ, bho gotama! Seyyathāpi, bho gotama, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya – cakkhumanto rūpāni dakkhantīti – evamevaṃ bhotā gotamena anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ bhavantaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gataṃ. Handa, ca dāni mayaṃ, bho gotama, gacchāma; bahukiccā mayaṃ bahukaraṇīyā’’ti. ‘‘Yassadāni tvaṃ, māṇava, kālaṃ maññasī’’ti. Atha kho subho māṇavo todeyyaputto bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi.

    เตน โข ปน สมเยน ชาณุโสฺสณิ พฺราหฺมโณ สพฺพเสเตน วฬวาภิรเถน 31 สาวตฺถิยา นิยฺยาติ ทิวา ทิวสฺสฯ อทฺทสา โข ชาณุโสฺสณิ พฺราหฺมโณ สุภํ มาณวํ โตเทยฺยปุตฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน สุภํ มาณวํ โตเทยฺยปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท, กุโต นุ ภวํ ภารทฺวาโช อาคจฺฉติ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ? ‘‘อิโต หิ โข อหํ, โภ , อาคจฺฉามิ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกา’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, ภวํ ภารทฺวาโช, สมณสฺส โคตมสฺส ปญฺญาเวยฺยตฺติยํ ปณฺฑิโต มเญฺญติ’’? ‘‘โก จาหํ, โภ, โก จ สมณสฺส โคตมสฺส ปญฺญาเวยฺยตฺติยํ ชานิสฺสามิ? โสปิ นูนสฺส ตาทิโสว โย สมณสฺส โคตมสฺส ปญฺญาเวยฺยตฺติยํ ชาเนยฺยา’’ติฯ ‘‘อุฬาราย ขลุ, ภวํ ภารทฺวาโช, สมณํ โคตมํ ปสํสาย ปสํสตี’’ติฯ ‘‘โก จาหํ, โภ, โก จ สมณํ โคตมํ ปสํสิสฺสามิ? ปสตฺถปสโตฺถว โส ภวํ โคตโม เสโฎฺฐ เทวมนุสฺสานํฯ เย จิเม, โภ, พฺราหฺมณา ปญฺจ ธเมฺม ปญฺญเปนฺติ ปุญฺญสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย; จิตฺตเสฺสเต สมโณ โคตโม ปริกฺขาเร วเทติ – ยทิทํ จิตฺตํ อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ ตสฺส ภาวนายา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena jāṇussoṇi brāhmaṇo sabbasetena vaḷavābhirathena 32 sāvatthiyā niyyāti divā divassa. Addasā kho jāṇussoṇi brāhmaṇo subhaṃ māṇavaṃ todeyyaputtaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna subhaṃ māṇavaṃ todeyyaputtaṃ etadavoca – ‘‘handa, kuto nu bhavaṃ bhāradvājo āgacchati divā divassā’’ti? ‘‘Ito hi kho ahaṃ, bho , āgacchāmi samaṇassa gotamassa santikā’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, bhavaṃ bhāradvājo, samaṇassa gotamassa paññāveyyattiyaṃ paṇḍito maññeti’’? ‘‘Ko cāhaṃ, bho, ko ca samaṇassa gotamassa paññāveyyattiyaṃ jānissāmi? Sopi nūnassa tādisova yo samaṇassa gotamassa paññāveyyattiyaṃ jāneyyā’’ti. ‘‘Uḷārāya khalu, bhavaṃ bhāradvājo, samaṇaṃ gotamaṃ pasaṃsāya pasaṃsatī’’ti. ‘‘Ko cāhaṃ, bho, ko ca samaṇaṃ gotamaṃ pasaṃsissāmi? Pasatthapasatthova so bhavaṃ gotamo seṭṭho devamanussānaṃ. Ye cime, bho, brāhmaṇā pañca dhamme paññapenti puññassa kiriyāya kusalassa ārādhanāya; cittassete samaṇo gotamo parikkhāre vadeti – yadidaṃ cittaṃ averaṃ abyābajjhaṃ tassa bhāvanāyā’’ti.

    เอวํ วุเตฺต, ชาณุโสฺสณิ พฺราหฺมโณ สพฺพเสตา วฬวาภิรถา โอโรหิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘ลาภา รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส, สุลทฺธลาภา รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ยสฺส วิชิเต ตถาคโต วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติฯ

    Evaṃ vutte, jāṇussoṇi brāhmaṇo sabbasetā vaḷavābhirathā orohitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā udānaṃ udānesi – ‘‘lābhā rañño pasenadissa kosalassa, suladdhalābhā rañño pasenadissa kosalassa yassa vijite tathāgato viharati arahaṃ sammāsambuddho’’ti.

    สุภสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ นวมํฯ

    Subhasuttaṃ niṭṭhitaṃ navamaṃ.







    Footnotes:
    1. นิสินฺนา ภวนฺตรูปา วาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    2. nisinnā bhavantarūpā vāti (sī. syā. kaṃ. pī.)
    3. ปนิเมเก (สพฺพตฺถ)
    4. panimeke (sabbattha)
    5. วา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    6. เสยฺยา (สฺยา. กํ.)
    7. สมฺมุสา (สี. ปี.)
    8. vā (sī. syā. kaṃ. pī.)
    9. seyyā (syā. kaṃ.)
    10. sammusā (sī. pī.)
    11. อสมฺมุสา วาติ (ปี.) เอวมิตรปญฺหตฺตเยปิ วาสเทฺทน สห ทิสฺสติ
    12. asammusā vāti (pī.) evamitarapañhattayepi vāsaddena saha dissati
    13. โอวุโต (สี.), โอผุโต (สฺยา. กํ. ปี.)
    14. ovuto (sī.), ophuto (syā. kaṃ. pī.)
    15. นิสฺสฎฺฐติณกฎฺฐุปาทานํ ปฎิจฺจ (สี. ปี. ก.)
    16. nissaṭṭhatiṇakaṭṭhupādānaṃ paṭicca (sī. pī. ka.)
    17. กเมตฺถ (ก. สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    18. kamettha (ka. sī. syā. kaṃ. pī.)
    19. ตเตฺถกสฺส (ปี.)
    20. อนุกมฺปชาติกํเยว (สฺยา. กํ. ก.)
    21. tatthekassa (pī.)
    22. anukampajātikaṃyeva (syā. kaṃ. ka.)
    23. ชาตวโฑฺฒ (สฺยา. กํ. ก.)
    24. อปสกฺกํ (สฺยา. กํ. ก.)
    25. jātavaḍḍho (syā. kaṃ. ka.)
    26. apasakkaṃ (syā. kaṃ. ka.)
    27. เอวเมว โข มาณว เอวํ ภาวิตาย เมตฺตาย (สี. สฺยา. กํ. ปี. ที. นิ. ๑.๕๕๖) ตถาปิ อิธ ปาโฐเยว อุปมาย สํสนฺทิยมาโน ปริปุโณฺณ วิย ทิสฺสติ
    28. เอวเมว โข มาณว เอวํ ภาวิตาย เมตฺตาย (สี. สฺยา. กํ. ปี. ที. นิ. ๑.๕๕๖) ตถาปิ อิธ ปาโฐเยว อุปมาย สํสนฺทิยมาโน ปริปุโณฺณ วิย ทิสฺสติ
    29. evameva kho māṇava evaṃ bhāvitāya mettāya (sī. syā. kaṃ. pī. dī. ni. 1.556) tathāpi idha pāṭhoyeva upamāya saṃsandiyamāno paripuṇṇo viya dissati
    30. evameva kho māṇava evaṃ bhāvitāya mettāya (sī. syā. kaṃ. pī. dī. ni. 1.556) tathāpi idha pāṭhoyeva upamāya saṃsandiyamāno paripuṇṇo viya dissati
    31. วฬภีรเถน (สี.)
    32. vaḷabhīrathena (sī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. สุภสุตฺตวณฺณนา • 9. Subhasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๙. สุภสุตฺตวณฺณนา • 9. Subhasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact