Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) |
๑๐. สุภสุตฺตวณฺณนา
10. Subhasuttavaṇṇanā
สุภมาณวกวตฺถุวณฺณนา
Subhamāṇavakavatthuvaṇṇanā
๔๔๔. เอวํ เม สุตํ…เป.… สาวตฺถิยนฺติ สุภสุตฺตํฯ ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนาฯ อจิรปรินิพฺพุเต ภควตีติ อจิรํ ปรินิพฺพุเต ภควติ, ปรินิพฺพานโต อุทฺธํ มาสมเตฺต กาเลฯ นิทานวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว ภควโต ปตฺตจีวรํ อาทาย อาคนฺตฺวา ขีรวิเรจนํ ปิวิตฺวา วิหาเร นิสินฺนทิวสํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ โตเทยฺยปุโตฺตติ โตเทยฺยพฺราหฺมณสฺส ปุโตฺต, โส กิร สาวตฺถิยา อวิทูเร ตุทิคาโม นาม อตฺถิ, ตสฺส อธิปติตฺตา โตเทโยฺยติ สงฺขฺยํ คโตฯ มหทฺธโน ปน โหติ ปญฺจจตฺตาลีสโกฎิวิภโว, ปรมมจฺฉรี – ‘‘ททโต โภคานํ อปริกฺขโย นาม นตฺถี’’ติ จิเนฺตตฺวา กสฺสจิ กิญฺจิ น เทติ, ปุตฺตมฺปิ อาห –
444.Evaṃme sutaṃ…pe… sāvatthiyanti subhasuttaṃ. Tatrāyaṃ anuttānapadavaṇṇanā. Aciraparinibbute bhagavatīti aciraṃ parinibbute bhagavati, parinibbānato uddhaṃ māsamatte kāle. Nidānavaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva bhagavato pattacīvaraṃ ādāya āgantvā khīravirecanaṃ pivitvā vihāre nisinnadivasaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Todeyyaputtoti todeyyabrāhmaṇassa putto, so kira sāvatthiyā avidūre tudigāmo nāma atthi, tassa adhipatittā todeyyoti saṅkhyaṃ gato. Mahaddhano pana hoti pañcacattālīsakoṭivibhavo, paramamaccharī – ‘‘dadato bhogānaṃ aparikkhayo nāma natthī’’ti cintetvā kassaci kiñci na deti, puttampi āha –
‘‘อญฺชนานํ ขยํ ทิสฺวา, วมฺมิกานญฺจ สญฺจยํ;
‘‘Añjanānaṃ khayaṃ disvā, vammikānañca sañcayaṃ;
มธูนญฺจ สมาหารํ, ปณฺฑิโต ฆรมาวเส’’ติฯ
Madhūnañca samāhāraṃ, paṇḍito gharamāvase’’ti.
เอวํ อทานเมว สิกฺขาเปตฺวา กายสฺส เภทา ตสฺมิํเยว ฆเร สุนโข หุตฺวา นิพฺพโตฺตฯ สุโภ ตํ สุนขํ อติวิย ปิยายติฯ อตฺตโน ภุญฺชนกภตฺตํเยว โภเชติ, อุกฺขิปิตฺวา วรสยเน สยาเปติฯ อถ ภควา เอกทิวสํ นิกฺขเนฺต มาณเว ตํ ฆรํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ สุนโข ภควนฺตํ ทิสฺวา ภุกฺการํ กโรโนฺต ภควโต สมีปํ คโตฯ ตโต นํ ภควา อโวจ ‘‘โตเทยฺย ตฺวํ ปุเพฺพปิ มํ ‘โภ, โภ’ติ ปริภวิตฺวา สุนโข ชาโต, อิทานิปิ ภุกฺการํ กตฺวา อวีจิํ คมิสฺสสี’’ติฯ สุนโข ตํ กถํ สุตฺวา วิปฺปฎิสารี หุตฺวา อุทฺธนนฺตเร ฉาริกาย นิปโนฺน, มนุสฺสา นํ อุกฺขิปิตฺวา สยเน สยาเปตุํ นาสกฺขิํสุ ฯ
Evaṃ adānameva sikkhāpetvā kāyassa bhedā tasmiṃyeva ghare sunakho hutvā nibbatto. Subho taṃ sunakhaṃ ativiya piyāyati. Attano bhuñjanakabhattaṃyeva bhojeti, ukkhipitvā varasayane sayāpeti. Atha bhagavā ekadivasaṃ nikkhante māṇave taṃ gharaṃ piṇḍāya pāvisi. Sunakho bhagavantaṃ disvā bhukkāraṃ karonto bhagavato samīpaṃ gato. Tato naṃ bhagavā avoca ‘‘todeyya tvaṃ pubbepi maṃ ‘bho, bho’ti paribhavitvā sunakho jāto, idānipi bhukkāraṃ katvā avīciṃ gamissasī’’ti. Sunakho taṃ kathaṃ sutvā vippaṭisārī hutvā uddhanantare chārikāya nipanno, manussā naṃ ukkhipitvā sayane sayāpetuṃ nāsakkhiṃsu .
สุโภ อาคนฺตฺวา ‘‘เกนายํ สุนโข สยนา โอโรปิโต’’ติ อาหฯ มนุสฺสา ‘‘น เกนจี’’ติ วตฺวา ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสุํฯ มาณโว สุตฺวา ‘‘มม ปิตา พฺรหฺมโลเก นิพฺพโตฺต, สมโณ ปน โคตโม เม ปิตรํ สุนขํ กโรติ ยํ กิญฺจิ เอส มุขารูฬฺหํ ภาสตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ภควนฺตํ มุสาวาเทน โจเทตุกาโม วิหารํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺติํ ปุจฺฉิฯ ภควา ตสฺส ตเถว วตฺวา อวิสํวาทนตฺถํ อาห – ‘‘อตฺถิ ปน เต, มาณว, ปิตรา น อกฺขาตํ ธน’’นฺติฯ อตฺถิ, โภ โคตม, สตสหสฺสคฺฆนิกา สุวณฺณมาลา, สตสหสฺสคฺฆนิกา สุวณฺณปาทุกา, สตสหสฺสคฺฆนิกา สุวณฺณปาติ, สตสหสฺสญฺจ กหาปณนฺติฯ คจฺฉ ตํ สุนขํ อโปฺปทกํ มธุปายาสํ โภเชตฺวา สยนํ อาโรเปตฺวา อีสกํ นิทฺทํ โอกฺกนฺตกาเล ปุจฺฉ, สพฺพํ เต อาจิกฺขิสฺสติ, อถ นํ ชาเนยฺยาสิ – ‘‘ปิตา เม เอโส’’ติฯ โส ตถา อกาสิฯ สุนโข สพฺพํ อาจิกฺขิ, ตทา นํ – ‘‘ปิตา เม’’ติ ญตฺวา ภควติ ปสนฺนจิโตฺต คนฺตฺวา ภควนฺตํจุทฺทส ปเญฺห ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชนปริโยสาเน ภควนฺตํ สรณํ คโต, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุโตฺต’’ติฯ สาวตฺถิยํ ปฎิวสตีติ อตฺตโน โภคคามโต อาคนฺตฺวา วสติฯ
Subho āgantvā ‘‘kenāyaṃ sunakho sayanā oropito’’ti āha. Manussā ‘‘na kenacī’’ti vatvā taṃ pavattiṃ ārocesuṃ. Māṇavo sutvā ‘‘mama pitā brahmaloke nibbatto, samaṇo pana gotamo me pitaraṃ sunakhaṃ karoti yaṃ kiñci esa mukhārūḷhaṃ bhāsatī’’ti kujjhitvā bhagavantaṃ musāvādena codetukāmo vihāraṃ gantvā taṃ pavattiṃ pucchi. Bhagavā tassa tatheva vatvā avisaṃvādanatthaṃ āha – ‘‘atthi pana te, māṇava, pitarā na akkhātaṃ dhana’’nti. Atthi, bho gotama, satasahassagghanikā suvaṇṇamālā, satasahassagghanikā suvaṇṇapādukā, satasahassagghanikā suvaṇṇapāti, satasahassañca kahāpaṇanti. Gaccha taṃ sunakhaṃ appodakaṃ madhupāyāsaṃ bhojetvā sayanaṃ āropetvā īsakaṃ niddaṃ okkantakāle puccha, sabbaṃ te ācikkhissati, atha naṃ jāneyyāsi – ‘‘pitā me eso’’ti. So tathā akāsi. Sunakho sabbaṃ ācikkhi, tadā naṃ – ‘‘pitā me’’ti ñatvā bhagavati pasannacitto gantvā bhagavantaṃcuddasa pañhe pucchitvā vissajjanapariyosāne bhagavantaṃ saraṇaṃ gato, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘subho māṇavo todeyyaputto’’ti. Sāvatthiyaṃ paṭivasatīti attano bhogagāmato āgantvā vasati.
๔๔๕-๔๔๖. อญฺญตรํ มาณวกํ อามเนฺตสีติ สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ‘‘อานนฺทเตฺถโร กิรสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อาคโต, มหาชโน ตํ ทสฺสนตฺถาย อุปสงฺกมตี’’ติ สุตฺวา ‘‘วิหารํ โข ปน คนฺตฺวา มหาชนมเชฺฌ น สกฺกา สุเขน ปฎิสนฺถารํ วา กาตุํ, ธมฺมกถํ วา โสตุํ เคหํ อาคตํเยว นํ ทิสฺวา สุเขน ปฎิสนฺถารํ กริสฺสามิ, เอกา จ เม กงฺขา อตฺถิ, ตมฺปิ นํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา อญฺญตรํ มาณวกํ อามเนฺตสิฯ อปฺปาพาธนฺติอาทีสุ อาพาโธติ วิสภาคเวทนา วุจฺจติ, ยา เอกเทเส อุปฺปชฺชิตฺวา จตฺตาโร อิริยาปเถ อยปเฎฺฎน อาพนฺธิตฺวา วิย คณฺหติ, ตสฺสา อภาวํ ปุจฺฉาติ วทติฯ อปฺปาตโงฺกติ กิจฺฉชีวิตกโร โรโค วุจฺจติ, ตสฺสาปิ อภาวํ ปุจฺฉาติ วทติฯ คิลานเสฺสว จ อุฎฺฐานํ นาม ครุกํ โหติ, กาเย พลํ น โหติ, ตสฺมา นิเคฺคลญฺญภาวญฺจ พลญฺจ ปุจฺฉาติ วทติฯ ผาสุวิหารนฺติ คมนฐานนิสชฺชสยเนสุ จตูสุ อิริยาปเถสุ สุขวิหารํ ปุจฺฉาติ วทติฯ อถสฺส ปุจฺฉิตพฺพาการํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สุโภ’’ติอาทิมาหฯ
445-446.Aññataraṃ māṇavakaṃ āmantesīti satthari parinibbute ‘‘ānandatthero kirassa pattacīvaraṃ gahetvā āgato, mahājano taṃ dassanatthāya upasaṅkamatī’’ti sutvā ‘‘vihāraṃ kho pana gantvā mahājanamajjhe na sakkā sukhena paṭisanthāraṃ vā kātuṃ, dhammakathaṃ vā sotuṃ gehaṃ āgataṃyeva naṃ disvā sukhena paṭisanthāraṃ karissāmi, ekā ca me kaṅkhā atthi, tampi naṃ pucchissāmī’’ti cintetvā aññataraṃ māṇavakaṃ āmantesi. Appābādhantiādīsu ābādhoti visabhāgavedanā vuccati, yā ekadese uppajjitvā cattāro iriyāpathe ayapaṭṭena ābandhitvā viya gaṇhati, tassā abhāvaṃ pucchāti vadati. Appātaṅkoti kicchajīvitakaro rogo vuccati, tassāpi abhāvaṃ pucchāti vadati. Gilānasseva ca uṭṭhānaṃ nāma garukaṃ hoti, kāye balaṃ na hoti, tasmā niggelaññabhāvañca balañca pucchāti vadati. Phāsuvihāranti gamanaṭhānanisajjasayanesu catūsu iriyāpathesu sukhavihāraṃ pucchāti vadati. Athassa pucchitabbākāraṃ dassento ‘‘subho’’tiādimāha.
๔๔๗. กาลญฺจ สมยญฺจ อุปาทายาติ กาลญฺจ สมยญฺจ ปญฺญาย คเหตฺวา อุปธาเรตฺวาติ อโตฺถฯ สเจ อมฺหากํ เสฺว คมนกาโล ภวิสฺสติ, กาเย พลมตฺตา เจว ผริสฺสติ, คมนปจฺจยา จ อโญฺญ อผาสุวิหาโร น ภวิสฺสติ, อเถตํ กาลญฺจ คมนการณสมวายสงฺขาตํ สมยญฺจ อุปธาเรตฺวา – ‘‘อปิ เอว นาม เสฺว อาคเจฺฉยฺยามา’’ติ วุตฺตํ โหติฯ
447.Kālañca samayañca upādāyāti kālañca samayañca paññāya gahetvā upadhāretvāti attho. Sace amhākaṃ sve gamanakālo bhavissati, kāye balamattā ceva pharissati, gamanapaccayā ca añño aphāsuvihāro na bhavissati, athetaṃ kālañca gamanakāraṇasamavāyasaṅkhātaṃ samayañca upadhāretvā – ‘‘api eva nāma sve āgaccheyyāmā’’ti vuttaṃ hoti.
๔๔๘. เจตเกน ภิกฺขุนาติ เจติรเฎฺฐ ชาตตฺตา เจตโกติ เอวํ ลทฺธนาเมนฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียนฺติ โภ, อานนฺท, ทสพลสฺส โก นาม อาพาโธ อโหสิ, กิํ ภควา ปริภุญฺชิฯ อปิ จ สตฺถุ ปรินิพฺพาเนน ตุมฺหากํ โสโก อุทปาทิ, สตฺถา นาม น เกวลํ ตุมฺหากํเยว ปรินิพฺพุโต, สเทวกสฺส โลกสฺส มหาชานิ, โก ทานิ อโญฺญ มรณา มุจฺจิสฺสติ, ยตฺร โส สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคปุคฺคโล ปรินิพฺพุโต, อิทานิ กํ อญฺญํ ทิสฺวา มจฺจุราชา ลชฺชิสฺสตีติ เอวมาทินา นเยน มรณปฎิสํยุตฺตํ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เถรสฺส หิโยฺย ปีตเภสชฺชานุรูปํ อาหารํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน เอกมนฺตํ นิสีทิฯ
448.Cetakenabhikkhunāti cetiraṭṭhe jātattā cetakoti evaṃ laddhanāmena. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyanti bho, ānanda, dasabalassa ko nāma ābādho ahosi, kiṃ bhagavā paribhuñji. Api ca satthu parinibbānena tumhākaṃ soko udapādi, satthā nāma na kevalaṃ tumhākaṃyeva parinibbuto, sadevakassa lokassa mahājāni, ko dāni añño maraṇā muccissati, yatra so sadevakassa lokassa aggapuggalo parinibbuto, idāni kaṃ aññaṃ disvā maccurājā lajjissatīti evamādinā nayena maraṇapaṭisaṃyuttaṃ sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā therassa hiyyo pītabhesajjānurūpaṃ āhāraṃ datvā bhattakiccāvasāne ekamantaṃ nisīdi.
อุปฎฺฐาโก สนฺติกาวจโรติ อุปฎฺฐาโก หุตฺวา สนฺติกาวจโร, น รนฺธคเวสีฯ น วีมํสนาธิปฺปาโยฯ สมีปจารีติ อิทํ ปุริมปทเสฺสว เววจนํฯ เยสํ โส ภวํ โคตโมติ กสฺมา ปุจฺฉติ? ตสฺส กิร เอวํ อโหสิ ‘‘เยสุ ธเมฺมสุ ภวํ โคตโม อิมํ โลกํ ปติฎฺฐเปสิ, เต ตสฺส อจฺจเยน นฎฺฐา นุ โข, ธรนฺติ นุ โข, สเจ ธรนฺติ, อานโนฺท ชานิสฺสติ, หนฺท นํ ปุจฺฉามี’’ติ, ตสฺมา ปุจฺฉิฯ
Upaṭṭhāko santikāvacaroti upaṭṭhāko hutvā santikāvacaro, na randhagavesī. Na vīmaṃsanādhippāyo. Samīpacārīti idaṃ purimapadasseva vevacanaṃ. Yesaṃ so bhavaṃ gotamoti kasmā pucchati? Tassa kira evaṃ ahosi ‘‘yesu dhammesu bhavaṃ gotamo imaṃ lokaṃ patiṭṭhapesi, te tassa accayena naṭṭhā nu kho, dharanti nu kho, sace dharanti, ānando jānissati, handa naṃ pucchāmī’’ti, tasmā pucchi.
๔๔๙. อถสฺส เถโร ตีณิ ปิฎกานิ ตีหิ ขเนฺธหิ สงฺคเหตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘ติณฺณํ โข’’ติอาทิมาหฯ มาณโว สงฺขิเตฺตน กถิตํ อสลฺลเกฺขโนฺต – ‘‘วิตฺถารโต ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘กตเมสํ ติณฺณ’’นฺติอาทิมาหฯ
449. Athassa thero tīṇi piṭakāni tīhi khandhehi saṅgahetvā dassento ‘‘tiṇṇaṃ kho’’tiādimāha. Māṇavo saṅkhittena kathitaṃ asallakkhento – ‘‘vitthārato pucchissāmī’’ti cintetvā ‘‘katamesaṃ tiṇṇa’’ntiādimāha.
สีลกฺขนฺธวณฺณนา
Sīlakkhandhavaṇṇanā
๔๕๐-๔๕๓. ตโต เถเรน ‘‘อริยสฺส สีลกฺขนฺธสฺสา’’ติ เตสุ ทสฺสิเตสุ ปุน ‘‘กตโม ปน โส, โภ อานนฺท, อริโย สีลกฺขโนฺธ’’ติ เอเกกํ ปุจฺฉิฯ เถโรปิสฺส พุทฺธุปฺปาทํ ทเสฺสตฺวา ตนฺติธมฺมํ เทเสโนฺต อนุกฺกเมน ภควตา วุตฺตนเยเนว สพฺพํ วิสฺสเชฺชสิฯ ตตฺถ อตฺถิ เจเวตฺถ อุตฺตริกรณียนฺติ เอตฺถ ภควโต สาสเน น สีลเมว สาโร, เกวลเญฺหตํ ปติฎฺฐามตฺตเมว โหติฯ อิโต อุตฺตริ ปน อญฺญมฺปิ กตฺตพฺพํ อตฺถิ เยวาติ ทเสฺสสิฯ อิโต พหิทฺธาติ พุทฺธสาสนโต พหิทฺธาฯ
450-453. Tato therena ‘‘ariyassa sīlakkhandhassā’’ti tesu dassitesu puna ‘‘katamo pana so, bho ānanda, ariyo sīlakkhandho’’ti ekekaṃ pucchi. Theropissa buddhuppādaṃ dassetvā tantidhammaṃ desento anukkamena bhagavatā vuttanayeneva sabbaṃ vissajjesi. Tattha atthicevettha uttarikaraṇīyanti ettha bhagavato sāsane na sīlameva sāro, kevalañhetaṃ patiṭṭhāmattameva hoti. Ito uttari pana aññampi kattabbaṃ atthi yevāti dassesi. Ito bahiddhāti buddhasāsanato bahiddhā.
สมาธิกฺขนฺธวณฺณนา
Samādhikkhandhavaṇṇanā
๔๕๔. กถญฺจ , มาณว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหตีติ อิทมายสฺมา อานโนฺท ‘‘กตโม ปน โส, โภ อานนฺท, อริโย สมาธิกฺขโนฺธ’’ติ เอวํ สมาธิกฺขนฺธํ ปุโฎฺฐปิ เย เต ‘‘สีลสมฺปโนฺน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร สติสมฺปชเญฺญน สมนฺนาคโต สนฺตุโฎฺฐ’’ติ เอวํ สีลานนฺตรํ อินฺทฺริยสํวราทโย สีลสมาธีนํ อนฺตเร อุภินฺนมฺปิ อุปการกธมฺมา อุทฺทิฎฺฐา, เต นิทฺทิสิตฺวา สมาธิกฺขนฺธํ ทเสฺสตุกาโม อารภิฯ เอตฺถ จ รูปชฺฌานาเนว อาคตานิ, น อรูปชฺฌานานิ, อาเนตฺวา ปน ทีเปตพฺพานิฯ จตุตฺถชฺฌาเนน หิ อสงฺคหิตา อรูปสมาปตฺติ นาม นตฺถิเยวฯ
454.Kathañca, māṇava, bhikkhu indriyesu guttadvāro hotīti idamāyasmā ānando ‘‘katamo pana so, bho ānanda, ariyo samādhikkhandho’’ti evaṃ samādhikkhandhaṃ puṭṭhopi ye te ‘‘sīlasampanno indriyesu guttadvāro satisampajaññena samannāgato santuṭṭho’’ti evaṃ sīlānantaraṃ indriyasaṃvarādayo sīlasamādhīnaṃ antare ubhinnampi upakārakadhammā uddiṭṭhā, te niddisitvā samādhikkhandhaṃ dassetukāmo ārabhi. Ettha ca rūpajjhānāneva āgatāni, na arūpajjhānāni, ānetvā pana dīpetabbāni. Catutthajjhānena hi asaṅgahitā arūpasamāpatti nāma natthiyeva.
๔๗๑-๔๘๐. อตฺถิ เจเวตฺถ อุตฺตริกรณียนฺติ เอตฺถ ภควโต สาสเน น จิเตฺตกคฺคตามตฺตเกเนว ปริโยสานปฺปตฺติ นาม อตฺถิ, อิโตปิ อุตฺตริ ปน อญฺญํ กตฺตพฺพํ อตฺถิ เยวาติ ทเสฺสติฯ นตฺถิ เจเวตฺถ อุตฺตริกรณียนฺติ เอตฺถ ภควโต สาสเน อิโต อุตฺตริ กาตพฺพํ นาม นตฺถิเยว, อรหตฺตปริโยสานญฺหิ ภควโต สาสนนฺติ ทเสฺสติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
471-480.Atthi cevettha uttarikaraṇīyanti ettha bhagavato sāsane na cittekaggatāmattakeneva pariyosānappatti nāma atthi, itopi uttari pana aññaṃ kattabbaṃ atthi yevāti dasseti. Natthi cevettha uttarikaraṇīyanti ettha bhagavato sāsane ito uttari kātabbaṃ nāma natthiyeva, arahattapariyosānañhi bhagavato sāsananti dasseti. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ
Iti sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ
สุภสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Subhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๑๐. สุภสุตฺตํ • 10. Subhasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๑๐. สุภสุตฺตวณฺณนา • 10. Subhasuttavaṇṇanā