Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๔. สุภูติสุตฺตํ

    4. Subhūtisuttaṃ

    ๑๔. อถ โข อายสฺมา สุภูติ สเทฺธน ภิกฺขุนา สทฺธิํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ สุภูติํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘โก นามายํ 1, สุภูติ, ภิกฺขู’’ติ? ‘‘สโทฺธ นามายํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ, สุทตฺตสฺส 2 อุปาสกสฺส ปุโตฺต, สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติฯ

    14. Atha kho āyasmā subhūti saddhena bhikkhunā saddhiṃ yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho āyasmantaṃ subhūtiṃ bhagavā etadavoca – ‘‘ko nāmāyaṃ 3, subhūti, bhikkhū’’ti? ‘‘Saddho nāmāyaṃ, bhante, bhikkhu, sudattassa 4 upāsakassa putto, saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito’’ti.

    ‘‘กจฺจิ ปนายํ, สุภูติ, สโทฺธ ภิกฺขุ สุทตฺตสฺส อุปาสกสฺส ปุโตฺต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สนฺทิสฺสติ สทฺธาปทาเนสู’’ติ? ‘‘เอตสฺส, ภควา, กาโล; เอตสฺส, สุคต, กาโล, ยํ ภควา สทฺธสฺส สทฺธาปทานานิ ภาเสยฺยฯ อิทานาหํ ชานิสฺสามิ ยทิ วา อยํ ภิกฺขุ สนฺทิสฺสติ สทฺธาปทาเนสุ ยทิ วา โน’’ติฯ

    ‘‘Kacci panāyaṃ, subhūti, saddho bhikkhu sudattassa upāsakassa putto saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito sandissati saddhāpadānesū’’ti? ‘‘Etassa, bhagavā, kālo; etassa, sugata, kālo, yaṃ bhagavā saddhassa saddhāpadānāni bhāseyya. Idānāhaṃ jānissāmi yadi vā ayaṃ bhikkhu sandissati saddhāpadānesu yadi vā no’’ti.

    ‘‘เตน หิ, สุภูติ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา สุภูติ ภควโต ปจฺจโสฺสสิ ฯ ภควา เอตทโวจ –

    ‘‘Tena hi, subhūti, suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā subhūti bhagavato paccassosi . Bhagavā etadavoca –

    ‘‘อิธ , สุภูติ, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปโนฺน อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ ยมฺปิ, สุภูติ, ภิกฺขุ สีลวา โหติ…เป.… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ, อิทมฺปิ, สุภูติ, สทฺธสฺส สทฺธาปทานํ โหติฯ

    ‘‘Idha , subhūti, bhikkhu sīlavā hoti, pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharati ācāragocarasampanno aṇumattesu vajjesu bhayadassāvī, samādāya sikkhati sikkhāpadesu. Yampi, subhūti, bhikkhu sīlavā hoti…pe… samādāya sikkhati sikkhāpadesu, idampi, subhūti, saddhassa saddhāpadānaṃ hoti.

    ‘‘ปุน จปรํ, สุภูติ, ภิกฺขุ พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย; เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มเชฺฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ ยมฺปิ, สุภูติ, ภิกฺขุ พหุสฺสุโต โหติ…เป.… ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธา, อิทมฺปิ, สุภูติ, สทฺธสฺส สทฺธาปทานํ โหติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, subhūti, bhikkhu bahussuto hoti sutadharo sutasannicayo; ye te dhammā ādikalyāṇā majjhekalyāṇā pariyosānakalyāṇā sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ abhivadanti, tathārūpāssa dhammā bahussutā honti dhātā vacasā paricitā manasānupekkhitā diṭṭhiyā suppaṭividdhā. Yampi, subhūti, bhikkhu bahussuto hoti…pe… diṭṭhiyā suppaṭividdhā, idampi, subhūti, saddhassa saddhāpadānaṃ hoti.

    ‘‘ปุน จปรํ, สุภูติ, ภิกฺขุ กลฺยาณมิโตฺต โหติ กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวโงฺกฯ ยมฺปิ, สุภูติ, ภิกฺขุ กลฺยาณมิโตฺต โหติ กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวโงฺก, อิทมฺปิ, สุภูติ, สทฺธสฺส สทฺธาปทานํ โหติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, subhūti, bhikkhu kalyāṇamitto hoti kalyāṇasahāyo kalyāṇasampavaṅko. Yampi, subhūti, bhikkhu kalyāṇamitto hoti kalyāṇasahāyo kalyāṇasampavaṅko, idampi, subhūti, saddhassa saddhāpadānaṃ hoti.

    ‘‘ปุน จปรํ, สุภูติ, ภิกฺขุ สุวโจ โหติ โสวจสฺสกรเณหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต ขโม ปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนิํฯ ยมฺปิ, สุภูติ, ภิกฺขุ สุวโจ โหติ โสวจสฺสกรเณหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต ขโม ปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนิํ, อิทมฺปิ, สุภูติ, สทฺธสฺส สทฺธาปทานํ โหติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, subhūti, bhikkhu suvaco hoti sovacassakaraṇehi dhammehi samannāgato khamo padakkhiṇaggāhī anusāsaniṃ. Yampi, subhūti, bhikkhu suvaco hoti sovacassakaraṇehi dhammehi samannāgato khamo padakkhiṇaggāhī anusāsaniṃ, idampi, subhūti, saddhassa saddhāpadānaṃ hoti.

    ‘‘ปุน จปรํ, สุภูติ, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กิํกรณียานิ ตตฺร ทโกฺข โหติ อนลโส ตตฺรุปายาย วีมํสาย สมนฺนาคโต อลํ กาตุํ อลํ สํวิธาตุํฯ ยมฺปิ, สุภูติ, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กิํกรณียานิ ตตฺร ทโกฺข โหติ อนลโส ตตฺรุปายาย วีมํสาย สมนฺนาคโต อลํ กาตุํ อลํ สํวิธาตุํ, อิทมฺปิ, สุภูติ, สทฺธสฺส สทฺธาปทานํ โหติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, subhūti, bhikkhu yāni tāni sabrahmacārīnaṃ uccāvacāni kiṃkaraṇīyāni tatra dakkho hoti analaso tatrupāyāya vīmaṃsāya samannāgato alaṃ kātuṃ alaṃ saṃvidhātuṃ. Yampi, subhūti, bhikkhu yāni tāni sabrahmacārīnaṃ uccāvacāni kiṃkaraṇīyāni tatra dakkho hoti analaso tatrupāyāya vīmaṃsāya samannāgato alaṃ kātuṃ alaṃ saṃvidhātuṃ, idampi, subhūti, saddhassa saddhāpadānaṃ hoti.

    ‘‘ปุน จปรํ, สุภูติ, ภิกฺขุ ธมฺมกาโม โหติ ปิยสมุทาหาโร อภิธเมฺม อภิวินเย อุฬารปาโมโชฺชฯ ยมฺปิ, สุภูติ, ภิกฺขุ ธมฺมกาโม โหติ ปิยสมุทาหาโร อภิธเมฺม อภิวินเย อุฬารปาโมโชฺช, อิทมฺปิ, สุภูติ, สทฺธสฺส สทฺธาปทานํ โหติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, subhūti, bhikkhu dhammakāmo hoti piyasamudāhāro abhidhamme abhivinaye uḷārapāmojjo. Yampi, subhūti, bhikkhu dhammakāmo hoti piyasamudāhāro abhidhamme abhivinaye uḷārapāmojjo, idampi, subhūti, saddhassa saddhāpadānaṃ hoti.

    ‘‘ปุน จปรํ, สุภูติ, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ ยมฺปิ, สุภูติ, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธเมฺมสุ, อิทมฺปิ, สุภูติ, สทฺธสฺส สทฺธาปทานํ โหติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, subhūti, bhikkhu āraddhavīriyo viharati akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya, kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadāya, thāmavā daḷhaparakkamo anikkhittadhuro kusalesu dhammesu. Yampi, subhūti, bhikkhu āraddhavīriyo viharati akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadāya thāmavā daḷhaparakkamo anikkhittadhuro kusalesu dhammesu, idampi, subhūti, saddhassa saddhāpadānaṃ hoti.

    ‘‘ปุน จปรํ, สุภูติ, ภิกฺขุ จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีฯ ยมฺปิ , สุภูติ, ภิกฺขุ จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อิทมฺปิ, สุภูติ, สทฺธสฺส สทฺธาปทานํ โหติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, subhūti, bhikkhu catunnaṃ jhānānaṃ ābhicetasikānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārānaṃ nikāmalābhī hoti akicchalābhī akasiralābhī. Yampi , subhūti, bhikkhu catunnaṃ jhānānaṃ ābhicetasikānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārānaṃ nikāmalābhī hoti akicchalābhī akasiralābhī, idampi, subhūti, saddhassa saddhāpadānaṃ hoti.

    ‘‘ปุน จปรํ, สุภูติ, ภิกฺขุ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย ติโสฺสปิ ชาติโย จตโสฺสปิ ชาติโย ปญฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ติํสมฺปิ ชาติโย จตฺตารีสมฺปิ ชาติโย ปญฺญาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฎฺฎกเปฺป อเนเกปิ วิวฎฺฎกเปฺป อเนเกปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎกเปฺป – ‘อมุตฺราสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิํ; ตตฺราปาสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺน’ติฯ อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ ยมฺปิ, สุภูติ, ภิกฺขุ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ, เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย…เป.… อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ อิทมฺปิ, สุภูติ, สทฺธสฺส สทฺธาปทานํ โหติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, subhūti, bhikkhu anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati, seyyathidaṃ – ekampi jātiṃ dvepi jātiyo tissopi jātiyo catassopi jātiyo pañcapi jātiyo dasapi jātiyo vīsampi jātiyo tiṃsampi jātiyo cattārīsampi jātiyo paññāsampi jātiyo jātisatampi jātisahassampi jātisatasahassampi anekepi saṃvaṭṭakappe anekepi vivaṭṭakappe anekepi saṃvaṭṭavivaṭṭakappe – ‘amutrāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto amutra udapādiṃ; tatrāpāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto idhūpapanno’ti. Iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. Yampi, subhūti, bhikkhu anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati, seyyathidaṃ, ekampi jātiṃ dvepi jātiyo…pe… iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. Idampi, subhūti, saddhassa saddhāpadānaṃ hoti.

    ‘‘ปุน จปรํ, สุภูติ, ภิกฺขุ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวเณฺณ ทุพฺพเณฺณ, สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานาติ – ‘อิเม วต โภโนฺต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฎฺฐิกา มิจฺฉาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนาฯ อิเม วา ปน โภโนฺต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฎฺฐิกา สมฺมาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติฯ อิติ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวเณฺณ ทุพฺพเณฺณ, สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานาติฯ ยมฺปิ, สุภูติ, ภิกฺขุ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน…เป.… ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานาติ, อิทมฺปิ, สุภูติ, สทฺธสฺส สทฺธาปทานํ โหติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, subhūti, bhikkhu dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passati cavamāne upapajjamāne hīne paṇīte suvaṇṇe dubbaṇṇe, sugate duggate yathākammūpage satte pajānāti – ‘ime vata bhonto sattā kāyaduccaritena samannāgatā vacīduccaritena samannāgatā manoduccaritena samannāgatā ariyānaṃ upavādakā micchādiṭṭhikā micchādiṭṭhikammasamādānā, te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapannā. Ime vā pana bhonto sattā kāyasucaritena samannāgatā vacīsucaritena samannāgatā manosucaritena samannāgatā ariyānaṃ anupavādakā sammādiṭṭhikā sammādiṭṭhikammasamādānā, te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapannā’ti. Iti dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passati cavamāne upapajjamāne hīne paṇīte suvaṇṇe dubbaṇṇe, sugate duggate yathākammūpage satte pajānāti. Yampi, subhūti, bhikkhu dibbena cakkhunā visuddhena…pe… yathākammūpage satte pajānāti, idampi, subhūti, saddhassa saddhāpadānaṃ hoti.

    ‘‘ปุน จปรํ, สุภูติ, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ยมฺปิ, สุภูติ, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา…เป.… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อิทมฺปิ, สุภูติ, สทฺธสฺส สทฺธาปทานํ โหตี’’ติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, subhūti, bhikkhu āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Yampi, subhūti, bhikkhu āsavānaṃ khayā…pe… sacchikatvā upasampajja viharati, idampi, subhūti, saddhassa saddhāpadānaṃ hotī’’ti.

    เอวํ วุเตฺต อายสฺมา สุภูติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยานิมานิ, ภเนฺต, ภควตา สทฺธสฺส สทฺธาปทานานิ ภาสิตานิ, สํวิชฺชนฺติ ตานิ อิมสฺส ภิกฺขุโน, อยญฺจ ภิกฺขุ เอเตสุ สนฺทิสฺสติฯ

    Evaṃ vutte āyasmā subhūti bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘yānimāni, bhante, bhagavatā saddhassa saddhāpadānāni bhāsitāni, saṃvijjanti tāni imassa bhikkhuno, ayañca bhikkhu etesu sandissati.

    ‘‘อยํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปโนฺน อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ

    ‘‘Ayaṃ, bhante, bhikkhu sīlavā hoti, pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharati ācāragocarasampanno aṇumattesu vajjesu bhayadassāvī, samādāya sikkhati sikkhāpadesu.

    ‘‘อยํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย; เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มเชฺฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ

    ‘‘Ayaṃ, bhante, bhikkhu bahussuto hoti sutadharo sutasannicayo; ye te dhammā ādikalyāṇā majjhekalyāṇā pariyosānakalyāṇā sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ abhivadanti, tathārūpāssa dhammā bahussutā honti dhātā vacasā paricitā manasānupekkhitā diṭṭhiyā suppaṭividdhā.

    ‘‘อยํ , ภเนฺต, ภิกฺขุ กลฺยาณมิโตฺต โหติ กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวโงฺกฯ

    ‘‘Ayaṃ , bhante, bhikkhu kalyāṇamitto hoti kalyāṇasahāyo kalyāṇasampavaṅko.

    ‘‘อยํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ สุวโจ โหติ…เป.… อนุสาสนิํฯ

    ‘‘Ayaṃ, bhante, bhikkhu suvaco hoti…pe… anusāsaniṃ.

    ‘‘อยํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กิํกรณียานิ ตตฺถ ทโกฺข โหติ อนลโส ตตฺรุปายาย วีมํสาย สมนฺนาคโต อลํ กาตุํ อลํ สํวิธาตุํฯ

    ‘‘Ayaṃ, bhante, bhikkhu yāni tāni sabrahmacārīnaṃ uccāvacāni kiṃkaraṇīyāni tattha dakkho hoti analaso tatrupāyāya vīmaṃsāya samannāgato alaṃ kātuṃ alaṃ saṃvidhātuṃ.

    ‘‘อยํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ ธมฺมกาโม โหติ ปิยสมุทาหาโร อภิธเมฺม อภิวินเย อุฬารปาโมโชฺชฯ

    ‘‘Ayaṃ, bhante, bhikkhu dhammakāmo hoti piyasamudāhāro abhidhamme abhivinaye uḷārapāmojjo.

    ‘‘อยํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ…เป.… ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Ayaṃ, bhante, bhikkhu āraddhavīriyo viharati…pe… thāmavā daḷhaparakkamo anikkhittadhuro kusalesu dhammesu.

    ‘‘อยํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีฯ

    ‘‘Ayaṃ, bhante, bhikkhu catunnaṃ jhānānaṃ ābhicetasikānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārānaṃ nikāmalābhī hoti akicchalābhī akasiralābhī.

    ‘‘อยํ , ภเนฺต, ภิกฺขุ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย…เป.… อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ

    ‘‘Ayaṃ , bhante, bhikkhu anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati, seyyathidaṃ – ekampi jātiṃ dvepi jātiyo…pe… iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati.

    ‘‘อยํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน…เป.… ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานาติฯ

    ‘‘Ayaṃ, bhante, bhikkhu dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena…pe… yathākammūpage satte pajānāti.

    ‘‘อยํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา…เป.… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ยานิมานิ, ภเนฺต, ภควตา สทฺธสฺส สทฺธาปทานานิ ภาสิตานิ, สํวิชฺชนฺติ ตานิ อิมสฺส ภิกฺขุโน, อยญฺจ ภิกฺขุ เอเตสุ สนฺทิสฺสตี’’ติฯ

    ‘‘Ayaṃ, bhante, bhikkhu āsavānaṃ khayā…pe… sacchikatvā upasampajja viharati. Yānimāni, bhante, bhagavatā saddhassa saddhāpadānāni bhāsitāni, saṃvijjanti tāni imassa bhikkhuno, ayañca bhikkhu etesu sandissatī’’ti.

    ‘‘สาธุ สาธุ, สุภูติ! เตน หิ ตฺวํ, สุภูติ, อิมินา จ สเทฺธน ภิกฺขุนา สทฺธิํ วิหเรยฺยาสิฯ ยทา จ ตฺวํ, สุภูติ, อากเงฺขยฺยาสิ ตถาคตํ ทสฺสนาย, อิมินา สเทฺธน ภิกฺขุนา สทฺธิํ อุปสงฺกเมยฺยาสิ ตถาคตํ ทสฺสนายา’’ติฯ จตุตฺถํฯ

    ‘‘Sādhu sādhu, subhūti! Tena hi tvaṃ, subhūti, iminā ca saddhena bhikkhunā saddhiṃ vihareyyāsi. Yadā ca tvaṃ, subhūti, ākaṅkheyyāsi tathāgataṃ dassanāya, iminā saddhena bhikkhunā saddhiṃ upasaṅkameyyāsi tathāgataṃ dassanāyā’’ti. Catutthaṃ.







    Footnotes:
    1. โก นาโม อยํ (สี. ก.), โก นาม อยํ (สฺยา. กํ.)
    2. สทฺธสฺส (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    3. ko nāmo ayaṃ (sī. ka.), ko nāma ayaṃ (syā. kaṃ.)
    4. saddhassa (sī. syā. kaṃ. pī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๔. สุภูติสุตฺตวณฺณนา • 4. Subhūtisuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๔. ปฐมมหานามสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-4. Paṭhamamahānāmasuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact