Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๑. เอกกนิปาโต
1. Ekakanipāto
๑. ปฐมวโคฺค
1. Paṭhamavaggo
๑. สุภูติเตฺถรคาถาวณฺณนา
1. Subhūtittheragāthāvaṇṇanā
อิทานิ ฉนฺนา เม กุฎิกาติอาทินยปฺปวตฺตานํ เถรคาถานํ อตฺถวณฺณนา โหติฯ สา ปนายํ อตฺถวณฺณนา ยสฺมา ตาสํ ตาสํ คาถานํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ ปกาเสตฺวา วุจฺจมานา ปากฎา โหติ สุวิเญฺญยฺยา จฯ ตสฺมา ตตฺถ ตตฺถ อฎฺฐุปฺปตฺติํ ปกาเสตฺวา อตฺถวณฺณนํ กริสฺสามาติฯ
Idāni channāme kuṭikātiādinayappavattānaṃ theragāthānaṃ atthavaṇṇanā hoti. Sā panāyaṃ atthavaṇṇanā yasmā tāsaṃ tāsaṃ gāthānaṃ aṭṭhuppattiṃ pakāsetvā vuccamānā pākaṭā hoti suviññeyyā ca. Tasmā tattha tattha aṭṭhuppattiṃ pakāsetvā atthavaṇṇanaṃ karissāmāti.
ตตฺถ ฉนฺนา เม กุฎิกาติคาถาย กา อุปฺปตฺติ? วุจฺจเต – อิโต กิร กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก อนุปฺปเนฺนเยว ปทุมุตฺตเร ภควติ โลกนาเถ หํสวตีนามเก นคเร อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณมหาสาลสฺส เอโก ปุโตฺต อุปฺปชฺชิฯ ตสฺส ‘‘นนฺทมาณโว’’ติ นามํ อกํสุฯ โส วยปฺปโตฺต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา ตตฺถ สารํ อปสฺสโนฺต อตฺตโน ปริวารภูเตหิ จตุจตฺตาลีสาย มาณวกสหเสฺสหิ สทฺธิํ ปพฺพตปาเท อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อฎฺฐ สมาปตฺติโย ปญฺจ จ อภิญฺญาโย นิพฺพเตฺตสิฯ อเนฺตวาสิกานมฺปิ กมฺมฎฺฐานํ อาจิกฺขิฯ เตปิ น จิเรเนว ฌานลาภิโน อเหสุํฯ
Tattha channā me kuṭikātigāthāya kā uppatti? Vuccate – ito kira kappasatasahassamatthake anuppanneyeva padumuttare bhagavati lokanāthe haṃsavatīnāmake nagare aññatarassa brāhmaṇamahāsālassa eko putto uppajji. Tassa ‘‘nandamāṇavo’’ti nāmaṃ akaṃsu. So vayappatto tayo vede uggaṇhitvā tattha sāraṃ apassanto attano parivārabhūtehi catucattālīsāya māṇavakasahassehi saddhiṃ pabbatapāde isipabbajjaṃ pabbajitvā aṭṭha samāpattiyo pañca ca abhiññāyo nibbattesi. Antevāsikānampi kammaṭṭhānaṃ ācikkhi. Tepi na cireneva jhānalābhino ahesuṃ.
เตน จ สมเยน ปทุมุตฺตโร ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา หํสวตีนครํ อุปนิสฺสาย วิหรโนฺต เอกทิวสํ ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกโนฺต นนฺทตาปสสฺส อเนฺตวาสิกชฎิลานํ อรหตฺตูปนิสฺสยํ นนฺทตาปสสฺส จ ทฺวีหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส สาวกฎฺฐานนฺตรสฺส ปตฺถนํ ทิสฺวา ปาโตว สรีรปฎิชคฺคนํ กตฺวา ปุพฺพณฺหสมเย ปตฺตจีวรมาทาย อญฺญํ กญฺจิ อนามเนฺตตฺวา สีโห วิย เอกจโร นนฺทตาปสสฺส อเนฺตวาสิเกสุ ผลาผลตฺถาย คเตสุ ‘‘พุทฺธภาวํ เม ชานาตู’’ติ ปสฺสนฺตเสฺสว นนฺทตาปสสฺส อากาสโต โอตริตฺวา ปถวิยํ ปติฎฺฐาสิฯ นนฺทตาปโส พุทฺธานุภาวเญฺจว ลกฺขณปาริปูริญฺจ ทิสฺวา ลกฺขณมเนฺต สมฺมสิตฺวา ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต นาม อคารํ อชฺฌาวสโนฺต ราชา โหติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชโนฺต โลเก วิวฎจฺฉโท สพฺพญฺญู พุโทฺธ โหติฯ อยํ ปุริสาชานีโย นิสฺสํสยํ พุโทฺธติ ญตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา, ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา, อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา, อทาสิฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ นนฺทตาปโสปิ อตฺตโน อนุจฺฉวิกํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ
Tena ca samayena padumuttaro bhagavā loke uppajjitvā haṃsavatīnagaraṃ upanissāya viharanto ekadivasaṃ paccūsasamaye lokaṃ volokento nandatāpasassa antevāsikajaṭilānaṃ arahattūpanissayaṃ nandatāpasassa ca dvīhaṅgehi samannāgatassa sāvakaṭṭhānantarassa patthanaṃ disvā pātova sarīrapaṭijagganaṃ katvā pubbaṇhasamaye pattacīvaramādāya aññaṃ kañci anāmantetvā sīho viya ekacaro nandatāpasassa antevāsikesu phalāphalatthāya gatesu ‘‘buddhabhāvaṃ me jānātū’’ti passantasseva nandatāpasassa ākāsato otaritvā pathaviyaṃ patiṭṭhāsi. Nandatāpaso buddhānubhāvañceva lakkhaṇapāripūriñca disvā lakkhaṇamante sammasitvā ‘‘imehi lakkhaṇehi samannāgato nāma agāraṃ ajjhāvasanto rājā hoti cakkavattī, pabbajanto loke vivaṭacchado sabbaññū buddho hoti. Ayaṃ purisājānīyo nissaṃsayaṃ buddhoti ñatvā paccuggamanaṃ katvā, pañcapatiṭṭhitena vanditvā, āsanaṃ paññāpetvā, adāsi. Nisīdi bhagavā paññatte āsane. Nandatāpasopi attano anucchavikaṃ āsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdi.
ตสฺมิํ สมเย จตุจตฺตาลีสสหสฺสชฎิลา ปณีตปณีตานิ โอชวนฺตานิ ผลาผลานิ คเหตฺวา อาจริยสฺส สนฺติกํ สมฺปตฺตา พุทฺธานเญฺจว อาจริยสฺส จ นิสินฺนาสนํ โอโลเกนฺตา อาหํสุ – ‘‘อาจริย, มยํ ‘อิมสฺมิํ โลเก ตุเมฺหหิ มหนฺตตโร นตฺถี’ติ วิจราม, อยํ ปน ปุริโส ตุเมฺหหิ มหนฺตตโร มเญฺญ’’ติฯ นนฺทตาปโส, ‘‘ตาตา, กิํ วเทถ, สาสเปน สทฺธิํ อฎฺฐสฎฺฐิสตสหสฺสโยชนุเพฺพธํ สิเนรุํ อุปเมตุํ อิจฺฉถ, สพฺพญฺญุพุเทฺธน สทฺธิํ มา มํ อุปมิตฺถา’’ติ อาหฯ อถ เต ตาปสา ‘‘สเจ อยํ โอรโก อภวิสฺส, น อมฺหากํ อาจริโย เอวํ อุปมํ อาหเรยฺย, ยาว มหา วตายํ ปุริสาชานีโย’’ติ ปาเทสุ นิปติตฺวา สิรสา วนฺทิํสุฯ อถ เต อาจริโย อาห – ‘‘ตาตา, อมฺหากํ พุทฺธานํ อนุจฺฉวิโก เทยฺยธโมฺม นตฺถิ, ภควา จ ภิกฺขาจารเวลายํ อิธาคโต, ตสฺมา มยํ ยถาพลํ เทยฺยธมฺมํ ทสฺสาม, ตุเมฺห ยํ ยํ ปณีตํ ผลาผลํ อานีตํ, ตํ ตํ อาหรถา’’ติ วตฺวา อาหราเปตฺวา หเตฺถ โธวิตฺวา สยํ ตถาคตสฺส ปเตฺต ปติฎฺฐาเปสิฯ สตฺถารา ผลาผเล ปฎิคฺคหิตมเตฺต เทวตา ทิโพฺพชํ ปกฺขิปิํสุฯ ตาปโส อุทกมฺปิ สยเมว ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิฯ ตโต โภชนกิจฺจํ นิฎฺฐาเปตฺวา นิสิเนฺน สตฺถริ สเพฺพ อเนฺตวาสิเก ปโกฺกสิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก สารณียํ กถํ กเถโนฺต นิสีทิฯ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุสโงฺฆ อาคจฺฉตู’’ติ จิเนฺตสิฯ ภิกฺขู สตฺถุ จิตฺตํ ญตฺวา สตสหสฺสมตฺตา ขีณาสวา อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ
Tasmiṃ samaye catucattālīsasahassajaṭilā paṇītapaṇītāni ojavantāni phalāphalāni gahetvā ācariyassa santikaṃ sampattā buddhānañceva ācariyassa ca nisinnāsanaṃ olokentā āhaṃsu – ‘‘ācariya, mayaṃ ‘imasmiṃ loke tumhehi mahantataro natthī’ti vicarāma, ayaṃ pana puriso tumhehi mahantataro maññe’’ti. Nandatāpaso, ‘‘tātā, kiṃ vadetha, sāsapena saddhiṃ aṭṭhasaṭṭhisatasahassayojanubbedhaṃ sineruṃ upametuṃ icchatha, sabbaññubuddhena saddhiṃ mā maṃ upamitthā’’ti āha. Atha te tāpasā ‘‘sace ayaṃ orako abhavissa, na amhākaṃ ācariyo evaṃ upamaṃ āhareyya, yāva mahā vatāyaṃ purisājānīyo’’ti pādesu nipatitvā sirasā vandiṃsu. Atha te ācariyo āha – ‘‘tātā, amhākaṃ buddhānaṃ anucchaviko deyyadhammo natthi, bhagavā ca bhikkhācāravelāyaṃ idhāgato, tasmā mayaṃ yathābalaṃ deyyadhammaṃ dassāma, tumhe yaṃ yaṃ paṇītaṃ phalāphalaṃ ānītaṃ, taṃ taṃ āharathā’’ti vatvā āharāpetvā hatthe dhovitvā sayaṃ tathāgatassa patte patiṭṭhāpesi. Satthārā phalāphale paṭiggahitamatte devatā dibbojaṃ pakkhipiṃsu. Tāpaso udakampi sayameva parissāvetvā adāsi. Tato bhojanakiccaṃ niṭṭhāpetvā nisinne satthari sabbe antevāsike pakkositvā satthu santike sāraṇīyaṃ kathaṃ kathento nisīdi. Satthā ‘‘bhikkhusaṅgho āgacchatū’’ti cintesi. Bhikkhū satthu cittaṃ ñatvā satasahassamattā khīṇāsavā āgantvā satthāraṃ vanditvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu.
นนฺทตาปโส อเนฺตวาสิเก อามเนฺตสิ – ‘‘ตาตา, พุทฺธานํ นิสินฺนาสนมฺปิ นีจํ, สมณสตสหสฺสสฺสปิ อาสนํ นตฺถิ, ตุเมฺหหิ อชฺช อุฬารํ ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ สกฺการํ กาตุํ วฎฺฎติ , ปพฺพตปาทโต วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหรถา’’ติฯ อจิเนฺตยฺยตฺตา อิทฺธิวิสยสฺส มุหุเตฺตเนว วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหริตฺวา พุทฺธานํ โยชนปฺปมาณํ ปุปฺผาสนํ ปญฺญาเปสุํฯ อคฺคสาวกานํ ติคาวุตํ, เสสภิกฺขูนํ อฑฺฒโยชนิกาทิเภทํ, สงฺฆนวกสฺส อุสภมตฺตํ อโหสิฯ เอวํ ปญฺญเตฺตสุ อาสเนสุ นนฺทตาปโส ตถาคตสฺส ปุรโต อญฺชลิํ ปคฺคยฺห ฐิโต, ‘‘ภเนฺต, มยฺหํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อิมํ ปุปฺผาสนํ อภิรุหถา’’ติ อาหฯ นิสีทิ ภควา ปุปฺผาสเนฯ เอวํ นิสิเนฺน สตฺถริ สตฺถุ อาการํ ญตฺวา ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทิํสุฯ นนฺทตาปโส มหนฺตํ ปุปฺผฉตฺตํ คเหตฺวา ตถาคตสฺส มตฺถเก ธาเรโนฺต อฎฺฐาสิฯ สตฺถา ‘‘ตาปสานํ อยํ สกฺกาโร มหปฺผโล โหตู’’ติ นิโรธสมาปตฺติํ สมาปชฺชิฯ สตฺถุ สมาปนฺนภาวํ ญตฺวา ภิกฺขูปิ สมาปชฺชิํสุฯ ตถาคเต สตฺตาหํ นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสิเนฺน อเนฺตวาสิกา ภิกฺขาจารกาเล สมฺปเตฺต วนมูลผลาผลํ ปริภุญฺชิตฺวา เสสกาเล พุทฺธานํ อญฺชลิํ ปคฺคยฺห ติฎฺฐนฺติฯ นนฺทตาปโส ปน ภิกฺขาจารมฺปิ อคนฺตฺวา ปุปฺผฉตฺตํ ธาเรโนฺต สตฺตาหํ ปีติสุเขเนว วีตินาเมติฯ
Nandatāpaso antevāsike āmantesi – ‘‘tātā, buddhānaṃ nisinnāsanampi nīcaṃ, samaṇasatasahassassapi āsanaṃ natthi, tumhehi ajja uḷāraṃ bhagavato bhikkhusaṅghassa ca sakkāraṃ kātuṃ vaṭṭati , pabbatapādato vaṇṇagandhasampannāni pupphāni āharathā’’ti. Acinteyyattā iddhivisayassa muhutteneva vaṇṇagandhasampannāni pupphāni āharitvā buddhānaṃ yojanappamāṇaṃ pupphāsanaṃ paññāpesuṃ. Aggasāvakānaṃ tigāvutaṃ, sesabhikkhūnaṃ aḍḍhayojanikādibhedaṃ, saṅghanavakassa usabhamattaṃ ahosi. Evaṃ paññattesu āsanesu nandatāpaso tathāgatassa purato añjaliṃ paggayha ṭhito, ‘‘bhante, mayhaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya imaṃ pupphāsanaṃ abhiruhathā’’ti āha. Nisīdi bhagavā pupphāsane. Evaṃ nisinne satthari satthu ākāraṃ ñatvā bhikkhū attano attano pattāsane nisīdiṃsu. Nandatāpaso mahantaṃ pupphachattaṃ gahetvā tathāgatassa matthake dhārento aṭṭhāsi. Satthā ‘‘tāpasānaṃ ayaṃ sakkāro mahapphalo hotū’’ti nirodhasamāpattiṃ samāpajji. Satthu samāpannabhāvaṃ ñatvā bhikkhūpi samāpajjiṃsu. Tathāgate sattāhaṃ nirodhaṃ samāpajjitvā nisinne antevāsikā bhikkhācārakāle sampatte vanamūlaphalāphalaṃ paribhuñjitvā sesakāle buddhānaṃ añjaliṃ paggayha tiṭṭhanti. Nandatāpaso pana bhikkhācārampi agantvā pupphachattaṃ dhārento sattāhaṃ pītisukheneva vītināmeti.
สตฺถา นิโรธโต วุฎฺฐาย อรณวิหาริอเงฺคน ทกฺขิเณยฺยเงฺคน จาติ ทฺวีหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ เอกํ สาวกํ ‘‘อิสิคณสฺส ปุปฺผาสนานุโมทนํ กโรหี’’ติ อาณาเปสิฯ โส จกฺกวตฺติรโญฺญ สนฺติกา ปฎิลทฺธมหาลาโภ มหาโยโธ วิย ตุฎฺฐมานโส อตฺตโน วิสเย ฐตฺวา เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ สมฺมสิตฺวา อนุโมทนํ อกาสิฯ ตสฺส เทสนาวสาเน สตฺถา สยํ ธมฺมํ เทเสสิฯ เทสนาปริโยสาเน สเพฺพ จตุจตฺตาลีสสหสฺสตาปสา อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ สตฺถา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิฯ เตสํ ตาวเทว เกสมสฺสุ อนฺตรธายิฯ อฎฺฐ ปริกฺขารา กาเย ปฎิมุกฺกาว อเหสุํ สฎฺฐิวสฺสเตฺถรา วิย สตฺถารํ ปริวารยิํสุฯ นนฺทตาปโส ปน วิกฺขิตฺตจิตฺตตาย วิเสสํ นาธิคจฺฉิฯ ตสฺส กิร อรณวิหาริเตฺถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ โสตุํ อารทฺธกาลโต ปฎฺฐาย ‘‘อโห วตาหมฺปิ อนาคเต อุปฺปชฺชนกพุทฺธสฺส สาสเน อิมินา สาวเกน ลทฺธธุรํ ลเภยฺย’’นฺติ จิตฺตํ อุทปาทิฯ โส เตน ปริวิตเกฺกน มคฺคผลปฎิเวธํ กาตุํ นาสกฺขิฯ ตถาคตํ ปน วนฺทิตฺวา สมฺมุเข ฐตฺวา อาห – ‘‘ภเนฺต, เยน ภิกฺขุนา อิสิคณสฺส ปุปฺผาสนานุโมทนา กตา, โก นามายํ ตุมฺหากํ สาสเน’’ติฯ ‘‘อรณวิหาริอเงฺค ทกฺขิเณยฺยอเงฺค จ เอตทคฺคํ ปโตฺต เอโส ภิกฺขู’’ติฯ ‘‘ภเนฺต, ยฺวายํ มยา สตฺตาหํ ปุปฺผฉตฺตํ ธาเรเนฺตน สกฺกาโร กโต, เตน อธิกาเรน น อญฺญํ สมฺปตฺติํ ปเตฺถมิ, อนาคเต ปน เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อยํ เถโร วิย ทฺวีหเงฺคหิ สมนฺนาคโต สาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนมกาสิฯ
Satthā nirodhato vuṭṭhāya araṇavihāriaṅgena dakkhiṇeyyaṅgena cāti dvīhi aṅgehi samannāgataṃ ekaṃ sāvakaṃ ‘‘isigaṇassa pupphāsanānumodanaṃ karohī’’ti āṇāpesi. So cakkavattirañño santikā paṭiladdhamahālābho mahāyodho viya tuṭṭhamānaso attano visaye ṭhatvā tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ sammasitvā anumodanaṃ akāsi. Tassa desanāvasāne satthā sayaṃ dhammaṃ desesi. Desanāpariyosāne sabbe catucattālīsasahassatāpasā arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Satthā ‘‘etha, bhikkhavo’’ti hatthaṃ pasāresi. Tesaṃ tāvadeva kesamassu antaradhāyi. Aṭṭha parikkhārā kāye paṭimukkāva ahesuṃ saṭṭhivassattherā viya satthāraṃ parivārayiṃsu. Nandatāpaso pana vikkhittacittatāya visesaṃ nādhigacchi. Tassa kira araṇavihārittherassa santike dhammaṃ sotuṃ āraddhakālato paṭṭhāya ‘‘aho vatāhampi anāgate uppajjanakabuddhassa sāsane iminā sāvakena laddhadhuraṃ labheyya’’nti cittaṃ udapādi. So tena parivitakkena maggaphalapaṭivedhaṃ kātuṃ nāsakkhi. Tathāgataṃ pana vanditvā sammukhe ṭhatvā āha – ‘‘bhante, yena bhikkhunā isigaṇassa pupphāsanānumodanā katā, ko nāmāyaṃ tumhākaṃ sāsane’’ti. ‘‘Araṇavihāriaṅge dakkhiṇeyyaaṅge ca etadaggaṃ patto eso bhikkhū’’ti. ‘‘Bhante, yvāyaṃ mayā sattāhaṃ pupphachattaṃ dhārentena sakkāro kato, tena adhikārena na aññaṃ sampattiṃ patthemi, anāgate pana ekassa buddhassa sāsane ayaṃ thero viya dvīhaṅgehi samannāgato sāvako bhaveyya’’nti patthanamakāsi.
สตฺถา ‘‘สมิชฺฌิสฺสติ นุ, โข อิมสฺส ตาปสสฺส ปตฺถนา’’ติ อนาคตํสญาณํ เปเสตฺวา โอโลเกโนฺต กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกมิตฺวา สมิชฺฌนกภาวํ ทิสฺวา นนฺทตาปสํ อาห – ‘‘น เต อยํ ปตฺถนา โมฆา ภวิสฺสติ, อนาคเต กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุโทฺธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สนฺติเก สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ วตฺวา ธมฺมกถํ กเถตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อากาสํ ปกฺขนฺทิฯ นนฺทตาปโส ยาว จกฺขุปถสมติกฺกมา สตฺถารํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ อุทฺทิสฺส อญฺชลิํ ปคฺคยฺห อฎฺฐาสิฯ โส อปรภาเค กาเลน กาลํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณิฯ อปริหีนชฺฌาโนว กาลงฺกตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพโตฺตฯ ตโต ปน จุโต อปรานิปิ ปญฺจ ชาติสตานิ ปพฺพชิตฺวา อารญฺญโก อโหสิฯ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเลปิ ปพฺพชิตฺวา อารญฺญโก หุตฺวา คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรสิฯ เอตํ กิร วตฺตํ อปริปูเรตฺวา มหาสาวกภาวํ ปาปุณนฺตา นาม นตฺถิฯ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปน อาคมฎฺฐกถาสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ โส วีสติวสฺสสหสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา กาลงฺกตฺวา กามาวจรเทวโลเก ตาวติํสภวเน นิพฺพตฺติฯ วุตฺตเญฺหตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓.๑๕๑) –
Satthā ‘‘samijjhissati nu, kho imassa tāpasassa patthanā’’ti anāgataṃsañāṇaṃ pesetvā olokento kappasatasahassaṃ atikkamitvā samijjhanakabhāvaṃ disvā nandatāpasaṃ āha – ‘‘na te ayaṃ patthanā moghā bhavissati, anāgate kappasatasahassaṃ atikkamitvā gotamo nāma buddho uppajjissati, tassa santike samijjhissatī’’ti vatvā dhammakathaṃ kathetvā bhikkhusaṅghaparivuto ākāsaṃ pakkhandi. Nandatāpaso yāva cakkhupathasamatikkamā satthāraṃ bhikkhusaṅghañca uddissa añjaliṃ paggayha aṭṭhāsi. So aparabhāge kālena kālaṃ satthāraṃ upasaṅkamitvā dhammaṃ suṇi. Aparihīnajjhānova kālaṅkatvā brahmaloke nibbatto. Tato pana cuto aparānipi pañca jātisatāni pabbajitvā āraññako ahosi. Kassapasammāsambuddhakālepi pabbajitvā āraññako hutvā gatapaccāgatavattaṃ pūresi. Etaṃ kira vattaṃ aparipūretvā mahāsāvakabhāvaṃ pāpuṇantā nāma natthi. Gatapaccāgatavattaṃ pana āgamaṭṭhakathāsu vuttanayeneva veditabbaṃ. So vīsativassasahassāni gatapaccāgatavattaṃ pūretvā kālaṅkatvā kāmāvacaradevaloke tāvatiṃsabhavane nibbatti. Vuttañhetaṃ apadāne (apa. thera 1.3.151) –
‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร , นิสโภ นาม ปพฺพโต;
‘‘Himavantassāvidūre , nisabho nāma pabbato;
อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตาฯ
Assamo sukato mayhaṃ, paṇṇasālā sumāpitā.
‘‘โกสิโย นาม นาเมน, ชฎิโล อุคฺคตาปโน;
‘‘Kosiyo nāma nāmena, jaṭilo uggatāpano;
เอกากิโย อทุติโย, วสามิ นิสเภ ตทาฯ
Ekākiyo adutiyo, vasāmi nisabhe tadā.
‘‘ผลํ มูลญฺจ ปณฺณญฺจ, น ภุญฺชามิ อหํ ตทา;
‘‘Phalaṃ mūlañca paṇṇañca, na bhuñjāmi ahaṃ tadā;
ปวตฺตํว สุปาตาหํ, อุปชีวามิ ตาวเทฯ
Pavattaṃva supātāhaṃ, upajīvāmi tāvade.
‘‘นาหํ โกเปมิ อาชีวํ, จชมาโนปิ ชีวิตํ;
‘‘Nāhaṃ kopemi ājīvaṃ, cajamānopi jīvitaṃ;
อาราเธมิ สกํ จิตฺตํ, วิวเชฺชมิ อเนสนํฯ
Ārādhemi sakaṃ cittaṃ, vivajjemi anesanaṃ.
‘‘ราคูปสํหิตํ จิตฺตํ, ยทา อุปฺปชฺชเต มม;
‘‘Rāgūpasaṃhitaṃ cittaṃ, yadā uppajjate mama;
สยํว ปจฺจเวกฺขามิ, เอกโคฺค ตํ ทเมมหํฯ
Sayaṃva paccavekkhāmi, ekaggo taṃ damemahaṃ.
‘‘รชฺชเส รชฺชนีเย จ, ทุสฺสนีเย จ ทุสฺสเส;
‘‘Rajjase rajjanīye ca, dussanīye ca dussase;
มุยฺหเส โมหนีเย จ, นิกฺขมสฺสุ วนา ตุวํฯ
Muyhase mohanīye ca, nikkhamassu vanā tuvaṃ.
‘‘วิสุทฺธานํ อยํ วาโส, นิมฺมลานํ ตปสฺสินํ;
‘‘Visuddhānaṃ ayaṃ vāso, nimmalānaṃ tapassinaṃ;
มา โข วิสุทฺธํ ทูเสสิ, นิกฺขมสฺสุ วนา ตุวํฯ
Mā kho visuddhaṃ dūsesi, nikkhamassu vanā tuvaṃ.
‘‘อคาริโก ภวิตฺวาน, ยทา ปุตฺตํ ลภิสฺสสิ;
‘‘Agāriko bhavitvāna, yadā puttaṃ labhissasi;
อุโภปิ มา วิราเธสิ, นิกฺขมสฺสุ วนา ตุวํฯ
Ubhopi mā virādhesi, nikkhamassu vanā tuvaṃ.
‘‘ฉวาลาตํ ยถา กฎฺฐํ, น กฺวจิ กิจฺจการกํ;
‘‘Chavālātaṃ yathā kaṭṭhaṃ, na kvaci kiccakārakaṃ;
เนว คาเม อรเญฺญ วา, น หิ ตํ กฎฺฐสมฺมตํฯ
Neva gāme araññe vā, na hi taṃ kaṭṭhasammataṃ.
‘‘ฉวาลาตูปโม ตฺวํ สิ, น คิหี นาปิ สญฺญโต;
‘‘Chavālātūpamo tvaṃ si, na gihī nāpi saññato;
อุภโต มุตฺตโก อชฺช, นิกฺขมสฺสุ วนา ตุวํฯ
Ubhato muttako ajja, nikkhamassu vanā tuvaṃ.
‘‘สิยา นุ โข ตว เอตํ, โก ปชานาติ เต อิทํ;
‘‘Siyā nu kho tava etaṃ, ko pajānāti te idaṃ;
สทฺธาธุรํ วหิสิ เม, โกสชฺชพหุลาย จฯ
Saddhādhuraṃ vahisi me, kosajjabahulāya ca.
‘‘ชิคุจฺฉิสฺสนฺติ ตํ วิญฺญู, อสุจิํ นาคริโก ยถา;
‘‘Jigucchissanti taṃ viññū, asuciṃ nāgariko yathā;
อากฑฺฒิตฺวาน อิสโย, โจทยิสฺสนฺติ ตํ สทาฯ
Ākaḍḍhitvāna isayo, codayissanti taṃ sadā.
‘‘ตํ วิญฺญู ปวทิสฺสนฺติ, สมติกฺกนฺตสาสนํ;
‘‘Taṃ viññū pavadissanti, samatikkantasāsanaṃ;
สํวาสํ อลภโนฺต หิ, กถํ ชีวิหิสิ ตุวํฯ
Saṃvāsaṃ alabhanto hi, kathaṃ jīvihisi tuvaṃ.
‘‘ติธาปภินฺนํ มาตงฺคํ, กุญฺชรํ สฎฺฐิหายนํ;
‘‘Tidhāpabhinnaṃ mātaṅgaṃ, kuñjaraṃ saṭṭhihāyanaṃ;
พลี นาโค อุปคนฺตฺวา, ยูถา นีหรเต คชํฯ
Balī nāgo upagantvā, yūthā nīharate gajaṃ.
‘‘ยูถา วินิสฺสโฎ สโนฺต, สุขํ สาตํ น วินฺทติ;
‘‘Yūthā vinissaṭo santo, sukhaṃ sātaṃ na vindati;
ทุกฺขิโต วิมโน โหติ, ปชฺฌายโนฺต ปเวธติฯ
Dukkhito vimano hoti, pajjhāyanto pavedhati.
‘‘ตเถว ชฎิลา ตมฺปิ, นีหริสฺสนฺติ ทุมฺมติํ;
‘‘Tatheva jaṭilā tampi, nīharissanti dummatiṃ;
เตหิ ตฺวํ นิสฺสโฎ สโนฺต, สุขํ สาตํ น ลจฺฉสิฯ
Tehi tvaṃ nissaṭo santo, sukhaṃ sātaṃ na lacchasi.
‘‘ทิวา วา ยทิ วา รตฺติํ, โสกสลฺลสมปฺปิโต;
‘‘Divā vā yadi vā rattiṃ, sokasallasamappito;
ทยฺหติ ปริฬาเหน, คโช ยูถาว นิสฺสโฎฯ
Dayhati pariḷāhena, gajo yūthāva nissaṭo.
‘‘ชาตรูปํ ยถา กูฎํ, เนว ฌายติ กตฺถจิ;
‘‘Jātarūpaṃ yathā kūṭaṃ, neva jhāyati katthaci;
ตถา สีลวีหิโน ตฺวํ, น ฌายิสฺสสิ กตฺถจิฯ
Tathā sīlavīhino tvaṃ, na jhāyissasi katthaci.
‘‘อคารํ วสมาโนปิ, กถํ ชีวิหิสิ ตุวํ;
‘‘Agāraṃ vasamānopi, kathaṃ jīvihisi tuvaṃ;
มตฺติกํ เปตฺติกญฺจาปิ, นตฺถิ เต นิหิตํ ธนํฯ
Mattikaṃ pettikañcāpi, natthi te nihitaṃ dhanaṃ.
‘‘สยํ กมฺมํ กริตฺวาน, คเตฺต เสทํ ปโมจยํ;
‘‘Sayaṃ kammaṃ karitvāna, gatte sedaṃ pamocayaṃ;
เอวํ ชีวิหิสิ เคเห, สาธุ เต ตํ น รุจฺจติฯ
Evaṃ jīvihisi gehe, sādhu te taṃ na ruccati.
‘‘เอวาหํ ตตฺถ วาเรมิ, สํกิเลสคตํ มนํ;
‘‘Evāhaṃ tattha vāremi, saṃkilesagataṃ manaṃ;
นานาธมฺมกถํ กตฺวา, ปาปา จิตฺตํ นิวารยิํฯ
Nānādhammakathaṃ katvā, pāpā cittaṃ nivārayiṃ.
‘‘เอวํ เม วิหรนฺตสฺส, อปฺปมาทวิหาริโน;
‘‘Evaṃ me viharantassa, appamādavihārino;
ติํสวสฺสสหสฺสานิ, วิปิเน เม อติกฺกมุํฯ
Tiṃsavassasahassāni, vipine me atikkamuṃ.
‘‘อปฺปมาทรตํ ทิสฺวา, อุตฺตมตฺถํ คเวสกํ;
‘‘Appamādarataṃ disvā, uttamatthaṃ gavesakaṃ;
ปทุมุตฺตรสมฺพุโทฺธ, อาคจฺฉิ มม สนฺติกํฯ
Padumuttarasambuddho, āgacchi mama santikaṃ.
‘‘ติมฺพรูสกวณฺณาโภ, อปฺปเมโยฺย อนูปโม;
‘‘Timbarūsakavaṇṇābho, appameyyo anūpamo;
รูเปนาสทิโส พุโทฺธ, อากาเส จงฺกมี ตทาฯ
Rūpenāsadiso buddho, ākāse caṅkamī tadā.
‘‘สุผุโลฺล สาลราชาว, วิชฺชูวพฺภฆนนฺตเร;
‘‘Suphullo sālarājāva, vijjūvabbhaghanantare;
ญาเณนาสทิโส พุโทฺธ, อากาเส จงฺกมี ตทาฯ
Ñāṇenāsadiso buddho, ākāse caṅkamī tadā.
‘‘สีหราชาวสมฺภีโต, คชราชาว ทปฺปิโต;
‘‘Sīharājāvasambhīto, gajarājāva dappito;
ลาสีโต พฺยคฺฆราชาว, อากาเส จงฺกมี ตทาฯ
Lāsīto byaggharājāva, ākāse caṅkamī tadā.
‘‘สิงฺฆีนิกฺขสวณฺณาโภ, ขทิรงฺคารสนฺนิโภ;
‘‘Siṅghīnikkhasavaṇṇābho, khadiraṅgārasannibho;
มณิ ยถา โชติรโส, อากาเส จงฺกมี ตทาฯ
Maṇi yathā jotiraso, ākāse caṅkamī tadā.
‘‘วิสุทฺธเกลาสนิโภ, ปุณฺณมาเยว จนฺทิมา;
‘‘Visuddhakelāsanibho, puṇṇamāyeva candimā;
มชฺฌนฺหิเกว สูริโย, อากาเส จงฺกมี ตทาฯ
Majjhanhikeva sūriyo, ākāse caṅkamī tadā.
‘‘ทิสฺวา นเภ จงฺกมนฺตํ, เอวํ จิเนฺตสหํ ตทา;
‘‘Disvā nabhe caṅkamantaṃ, evaṃ cintesahaṃ tadā;
เทโว นุ โข อยํ สโตฺต, อุทาหุ มนุโช อยํฯ
Devo nu kho ayaṃ satto, udāhu manujo ayaṃ.
‘‘น เม สุโต วา ทิโฎฺฐ วา, มหิยา เอทิโส นโร;
‘‘Na me suto vā diṭṭho vā, mahiyā ediso naro;
อปิ มนฺตปทํ อตฺถิ, อยํ สตฺถา ภวิสฺสติฯ
Api mantapadaṃ atthi, ayaṃ satthā bhavissati.
‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, สกํ จิตฺตํ ปสาทยิํ;
‘‘Evāhaṃ cintayitvāna, sakaṃ cittaṃ pasādayiṃ;
นานาปุปฺผญฺจ คนฺธญฺจ, สนฺนิปาเตสหํ ตทาฯ
Nānāpupphañca gandhañca, sannipātesahaṃ tadā.
‘‘ปุปฺผาสนํ ปญฺญาเปตฺวา, สาธุจิตฺตํ มโนรมํ;
‘‘Pupphāsanaṃ paññāpetvā, sādhucittaṃ manoramaṃ;
นรสารถินํ อคฺคํ, อิทํ วจนมพฺรวิํฯ
Narasārathinaṃ aggaṃ, idaṃ vacanamabraviṃ.
‘‘อิทํ เม อาสนํ วีร, ปญฺญตฺตํ ตวนุจฺฉวํ;
‘‘Idaṃ me āsanaṃ vīra, paññattaṃ tavanucchavaṃ;
หาสยโนฺต มมํ จิตฺตํ, นิสีท กุสุมาสเนฯ
Hāsayanto mamaṃ cittaṃ, nisīda kusumāsane.
‘‘นิสีทิ ตตฺถ ภควา, อสมฺภีโตว เกสรี;
‘‘Nisīdi tattha bhagavā, asambhītova kesarī;
สตฺตรตฺตินฺทิวํ พุโทฺธ, ปวเร กุสุมาสเนฯ
Sattarattindivaṃ buddho, pavare kusumāsane.
‘‘นมสฺสมาโน อฎฺฐาสิํ, สตฺตรตฺตินฺทิวํ อหํ;
‘‘Namassamāno aṭṭhāsiṃ, sattarattindivaṃ ahaṃ;
วุฎฺฐหิตฺวา สมาธิมฺหา, สตฺถา โลเก อนุตฺตโร;
Vuṭṭhahitvā samādhimhā, satthā loke anuttaro;
มม กมฺมํ ปกิเตฺตโนฺต, อิทํ วจนมพฺรวิฯ
Mama kammaṃ pakittento, idaṃ vacanamabravi.
‘‘ภาเวหิ พุทฺธานุสฺสติํ, ภาวนานมนุตฺตรํ;
‘‘Bhāvehi buddhānussatiṃ, bhāvanānamanuttaraṃ;
อิมํ สติํ ภาวยิตฺวา, ปูรยิสฺสสิ มานสํฯ
Imaṃ satiṃ bhāvayitvā, pūrayissasi mānasaṃ.
‘‘ติํสกปฺปสหสฺสานิ , เทวโลเก รมิสฺสสิ;
‘‘Tiṃsakappasahassāni , devaloke ramissasi;
อสีติกฺขตฺตุํ เทวิโนฺท, เทวรชฺชํ กริสฺสสิ;
Asītikkhattuṃ devindo, devarajjaṃ karissasi;
สหสฺสกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี, ราชา รเฎฺฐ ภวิสฺสสิฯ
Sahassakkhattuṃ cakkavattī, rājā raṭṭhe bhavissasi.
‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;
‘‘Padesarajjaṃ vipulaṃ, gaṇanāto asaṅkhiyaṃ;
อนุโภสฺสสิ ตํ สพฺพํ, พุทฺธานุสฺสติยา ผลํฯ
Anubhossasi taṃ sabbaṃ, buddhānussatiyā phalaṃ.
‘‘ภวาภเว สํสรโนฺต, มหาโภคํ ลภิสฺสสิ;
‘‘Bhavābhave saṃsaranto, mahābhogaṃ labhissasi;
โภเค เต อูนตา นตฺถิ, พุทฺธานุสฺสติยา ผลํฯ
Bhoge te ūnatā natthi, buddhānussatiyā phalaṃ.
‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
‘‘Kappasatasahassamhi, okkākakulasambhavo;
โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ
Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.
‘‘อสีติโกฎิํ ฉเฑฺฑตฺวา, ทาเส กมฺมกเร พหู;
‘‘Asītikoṭiṃ chaḍḍetvā, dāse kammakare bahū;
โคตมสฺส ภควโต, สาสเน ปพฺพชิสฺสสิฯ
Gotamassa bhagavato, sāsane pabbajissasi.
‘‘อาราธยิตฺวา สมฺพุทฺธํ, โคตมํ สกฺยปุงฺควํ;
‘‘Ārādhayitvā sambuddhaṃ, gotamaṃ sakyapuṅgavaṃ;
สุภูติ นาม นาเมน, เหสฺสสิ สตฺถุ สาวโกฯ
Subhūti nāma nāmena, hessasi satthu sāvako.
‘‘ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, ทกฺขิเณยฺยคุณมฺหิ ตํ;
‘‘Bhikkhusaṅghe nisīditvā, dakkhiṇeyyaguṇamhi taṃ;
ตถารณวิหาเร จ, ทฺวีสุ อเคฺค ฐเปสฺสสิฯ
Tathāraṇavihāre ca, dvīsu agge ṭhapessasi.
‘‘อิทํ วตฺวาน สมฺพุโทฺธ, ชลชุตฺตมนามโก;
‘‘Idaṃ vatvāna sambuddho, jalajuttamanāmako;
นภํ อพฺภุคฺคมี วีโร, หํสราชาว อมฺพเรฯ
Nabhaṃ abbhuggamī vīro, haṃsarājāva ambare.
‘‘สาสิโต โลกนาเถน, นมสฺสิตฺวา ตถาคตํ;
‘‘Sāsito lokanāthena, namassitvā tathāgataṃ;
สทา ภาเวมิ มุทิโต, พุทฺธานุสฺสติมุตฺตมํฯ
Sadā bhāvemi mudito, buddhānussatimuttamaṃ.
‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสํ อคจฺฉหํฯ
Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsaṃ agacchahaṃ.
‘‘อสีติกฺขตฺตุํ เทวิโนฺท, เทวรชฺชมการยิํ;
‘‘Asītikkhattuṃ devindo, devarajjamakārayiṃ;
สหสฺสกฺขตฺตุํ ราชา จ, จกฺกวตฺตี อโหสหํฯ
Sahassakkhattuṃ rājā ca, cakkavattī ahosahaṃ.
‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;
‘‘Padesarajjaṃ vipulaṃ, gaṇanāto asaṅkhiyaṃ;
อนุโภมิ สุสมฺปตฺติํ, พุทฺธานุสฺสติยา ผลํฯ
Anubhomi susampattiṃ, buddhānussatiyā phalaṃ.
‘‘ภวาภเว สํสรโนฺต, มหาโภคํ ลภามหํ;
‘‘Bhavābhave saṃsaranto, mahābhogaṃ labhāmahaṃ;
โภเค เม อูนตา นตฺถิ, พุทฺธานุสฺสติยา ผลํฯ
Bhoge me ūnatā natthi, buddhānussatiyā phalaṃ.
‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, ยํ กมฺมมกริํ ตทา;
‘‘Satasahassito kappe, yaṃ kammamakariṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, พุทฺธานุสฺสติยา ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, buddhānussatiyā phalaṃ.
‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส, วิโมกฺขาปิ จ อฎฺฐิเม;
‘‘Paṭisambhidā catasso, vimokkhāpi ca aṭṭhime;
ฉฬภิญฺญา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ –
Chaḷabhiññā sacchikatā, kataṃ buddhassa sāsana’’nti. –
อิตฺถํ สุทํ อายสฺมา สุภูติเตฺถโร อิมา คาถาโย อภาสิตฺถาติฯ
Itthaṃ sudaṃ āyasmā subhūtitthero imā gāthāyo abhāsitthāti.
เอวํ ปน โส ตาวติํสภวเน อปราปรํ อุปฺปชฺชนวเสน ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา ตโต จุโต มนุสฺสโลเก อเนกสตกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺติราชา จ ปเทสราชา จ หุตฺวา อุฬารํ มนุสฺสสมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา อถ อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถิยํ สุมนเสฎฺฐิสฺส เคเห อนาถปิณฺฑิกสฺส กนิโฎฺฐ หุตฺวา นิพฺพตฺติ ‘‘สุภูตี’’ติสฺส นามํ อโหสิฯ
Evaṃ pana so tāvatiṃsabhavane aparāparaṃ uppajjanavasena dibbasampattiṃ anubhavitvā tato cuto manussaloke anekasatakkhattuṃ cakkavattirājā ca padesarājā ca hutvā uḷāraṃ manussasampattiṃ anubhavitvā atha amhākaṃ bhagavato kāle sāvatthiyaṃ sumanaseṭṭhissa gehe anāthapiṇḍikassa kaniṭṭho hutvā nibbatti ‘‘subhūtī’’tissa nāmaṃ ahosi.
เตน จ สมเยน อมฺหากํ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจโกฺก อนุปุเพฺพน ราชคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ เวฬุวนปฎิคฺคหณาทินา โลกานุคฺคหํ กโรโนฺต ราชคหํ อุปนิสฺสาย สีตวเน วิหรติฯ ตทา อนาถปิณฺฑิโก เสฎฺฐิ สาวตฺถิยํ อุฎฺฐานกภณฺฑํ คเหตฺวา อตฺตโน สหายสฺส ราชคหเสฎฺฐิโน ฆรํ คโต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา สตฺถารํ สีตวเน วิหรนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฐมทสฺสเนเนว โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาย สตฺถารํ สาวตฺถิํ อาคมนตฺถาย ยาจิตฺวา ตโต ปญฺจจตฺตาลีสโยชเน มเคฺค โยชเน โยชเน สตสหสฺสปริจฺจาเคน วิหาเร ปติฎฺฐาเปตฺวา สาวตฺถิยํ ราชมาเนน อฎฺฐกรีสปฺปมาณํ เชตสฺส ราชกุมารสฺส อุยฺยานภูมิํ โกฎิสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตตฺถ ภควโต วิหารํ กาเรตฺวา อทาสิฯ วิหารปริคฺคหณทิวเส อยํ สุภูติกุฎุมฺพิโก อนาถปิณฺฑิกเสฎฺฐินา สทฺธิํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณโนฺต สทฺธํ ปฎิลภิตฺวา ปพฺพชิ ฯ โส อุปสมฺปชฺชิตฺวา เทฺว มาติกา ปคุณา กตฺวา กมฺมฎฺฐานํ กถาเปตฺวา อรเญฺญ สมณธมฺมํ กโรโนฺต เมตฺตาฌานปาทกํ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ โส ธมฺมํ เทเสโนฺต ยสฺมา สตฺถารา เทสิตนิยาเมน อโนทิสฺสกํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสติฯ ตสฺมา อรณวิหารีนํ อโคฺค นาม ชาโตฯ ปิณฺฑาย จรโนฺต ฆเร ฆเร เมตฺตาฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ภิกฺขํ ปฎิคฺคณฺหาติ ‘‘เอวํ ทายกานํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติฯ ตสฺมา ทกฺขิเณยฺยานํ อโคฺค นาม ชาโตฯ เตนาห ภควา – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อรณวิหารีนํ ยทิทํ สุภูติ, ทกฺขิเณยฺยานํ ยทิทํ สุภูตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๘, ๒๐๑)ฯ เอวมยํ มหาเถโร อรหเตฺต ปติฎฺฐาย อตฺตนา ปูริตปารมีนํ ผลสฺส มตฺถกํ ปตฺวา โลเก อภิญฺญาโต อภิลกฺขิโต หุตฺวา พหุชนหิตาย ชนปทจาริกํ จรโนฺต อนุปุเพฺพน ราชคหํ อคมาสิฯ
Tena ca samayena amhākaṃ bhagavā loke uppajjitvā pavattavaradhammacakko anupubbena rājagahaṃ gantvā tattha veḷuvanapaṭiggahaṇādinā lokānuggahaṃ karonto rājagahaṃ upanissāya sītavane viharati. Tadā anāthapiṇḍiko seṭṭhi sāvatthiyaṃ uṭṭhānakabhaṇḍaṃ gahetvā attano sahāyassa rājagahaseṭṭhino gharaṃ gato buddhuppādaṃ sutvā satthāraṃ sītavane viharantaṃ upasaṅkamitvā paṭhamadassaneneva sotāpattiphale patiṭṭhāya satthāraṃ sāvatthiṃ āgamanatthāya yācitvā tato pañcacattālīsayojane magge yojane yojane satasahassapariccāgena vihāre patiṭṭhāpetvā sāvatthiyaṃ rājamānena aṭṭhakarīsappamāṇaṃ jetassa rājakumārassa uyyānabhūmiṃ koṭisanthārena kiṇitvā tattha bhagavato vihāraṃ kāretvā adāsi. Vihārapariggahaṇadivase ayaṃ subhūtikuṭumbiko anāthapiṇḍikaseṭṭhinā saddhiṃ gantvā dhammaṃ suṇanto saddhaṃ paṭilabhitvā pabbaji . So upasampajjitvā dve mātikā paguṇā katvā kammaṭṭhānaṃ kathāpetvā araññe samaṇadhammaṃ karonto mettājhānapādakaṃ vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇi. So dhammaṃ desento yasmā satthārā desitaniyāmena anodissakaṃ katvā dhammaṃ deseti. Tasmā araṇavihārīnaṃ aggo nāma jāto. Piṇḍāya caranto ghare ghare mettājhānaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya bhikkhaṃ paṭiggaṇhāti ‘‘evaṃ dāyakānaṃ mahapphalaṃ bhavissatī’’ti. Tasmā dakkhiṇeyyānaṃ aggo nāma jāto. Tenāha bhagavā – ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ araṇavihārīnaṃ yadidaṃ subhūti, dakkhiṇeyyānaṃ yadidaṃ subhūtī’’ti (a. ni. 1.198, 201). Evamayaṃ mahāthero arahatte patiṭṭhāya attanā pūritapāramīnaṃ phalassa matthakaṃ patvā loke abhiññāto abhilakkhito hutvā bahujanahitāya janapadacārikaṃ caranto anupubbena rājagahaṃ agamāsi.
ราชา พิมฺพิสาโร เถรสฺส อาคมนํ สุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อิเธว, ภเนฺต, วสถา’’ติ วตฺวา ‘‘นิวาสนฎฺฐานํ กริสฺสามี’’ติ ปกฺกโนฺต วิสฺสริฯ เถโร เสนาสนํ อลภโนฺต อโพฺภกาเส วีตินาเมสิฯ เถรสฺส อานุภาเวน เทโว น วสฺสติฯ มนุสฺสา อวุฎฺฐิตาย อุปทฺทุตา รโญฺญ นิเวสนทฺวาเร อุกฺกุฎฺฐิมกํสุฯ ราชา ‘‘เกน นุ โข การเณน เทโว น วสฺสตี’’ติ วีมํสโนฺต ‘‘เถรสฺส อโพฺภกาสวาเสน มเญฺญ น วสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตสฺส ปณฺณกุฎิํ การาเปตฺวา ‘‘อิมิสฺสา, ภเนฺต, ปณฺณกุฎิยา วสถา’’ติ วตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิฯ เถโร กุฎิกํ ปวิสิตฺวา ติณสนฺถารเก ปลฺลเงฺกน นิสีทิฯ ตทา ปน เทโว โถกํ โถกํ ผุสายติ, น สมฺมา ธารํ อนุปฺปเวจฺฉติฯ อถ เถโร โลกสฺส อวุฎฺฐิกภยํ วิสมิตุกาโม อตฺตโน อชฺฌตฺติกพาหิรวตฺถุกสฺส ปริสฺสยสฺส อภาวํ ปเวเทโนฺต –
Rājā bimbisāro therassa āgamanaṃ sutvā upasaṅkamitvā vanditvā ‘‘idheva, bhante, vasathā’’ti vatvā ‘‘nivāsanaṭṭhānaṃ karissāmī’’ti pakkanto vissari. Thero senāsanaṃ alabhanto abbhokāse vītināmesi. Therassa ānubhāvena devo na vassati. Manussā avuṭṭhitāya upaddutā rañño nivesanadvāre ukkuṭṭhimakaṃsu. Rājā ‘‘kena nu kho kāraṇena devo na vassatī’’ti vīmaṃsanto ‘‘therassa abbhokāsavāsena maññe na vassatī’’ti cintetvā tassa paṇṇakuṭiṃ kārāpetvā ‘‘imissā, bhante, paṇṇakuṭiyā vasathā’’ti vatvā vanditvā pakkāmi. Thero kuṭikaṃ pavisitvā tiṇasanthārake pallaṅkena nisīdi. Tadā pana devo thokaṃ thokaṃ phusāyati, na sammā dhāraṃ anuppavecchati. Atha thero lokassa avuṭṭhikabhayaṃ visamitukāmo attano ajjhattikabāhiravatthukassa parissayassa abhāvaṃ pavedento –
๑.
1.
‘‘ฉนฺนา เม กุฎิกา สุขา นิวาตา, วสฺส เทว ยถาสุขํ;
‘‘Channā me kuṭikā sukhā nivātā, vassa deva yathāsukhaṃ;
จิตฺตํ เม สุสมาหิตํ วิมุตฺตํ, อาตาปี วิหรามิ วสฺส เทวา’’ติฯ –
Cittaṃ me susamāhitaṃ vimuttaṃ, ātāpī viharāmi vassa devā’’ti. –
คาถมาหฯ
Gāthamāha.
ตตฺถ ฉนฺน-สโทฺท ตาว ‘‘ฉนฺนา สา กุมาริกา อิมสฺส กุมารกสฺส’’ (ปารา. ๒๙๖) ‘‘นจฺฉนฺนํ นปฺปติรูป’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๓๘๓) ปติรูเป อาคโตฯ ‘‘ฉนฺนํ เตฺวว, ผคฺคุณ, ผสฺสายตนาน’’นฺติอาทีสุ วจนวิสิเฎฺฐ สงฺขฺยาวิเสเสฯ ‘‘ฉนฺนมติวสฺสติ, วิวฎํ นาติวสฺสตี’’ติอาทีสุ (อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๕) คหเณฯ ‘‘กฺยาหํ เต นจฺฉโนฺนปิ กริสฺสามี’’ติอาทีสุ นิวาสนปารุปเน ‘‘อายสฺมา ฉโนฺน อนาจารํ อาจรตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๔๒๔) ปญฺญตฺติยํฯ ‘‘สพฺพจฺฉนฺนํ สพฺพปริจฺฉนฺนํ (ปาจิ. ๕๒, ๕๔), ฉนฺนา กุฎิ อาหิโต คินี’’ติ (สุ. นิ. ๑๘) จ อาทีสุ ติณาทีหิ ฉาทเนฯ อิธาปิ ติณาทีหิ ฉาทเนเยว ทฎฺฐโพฺพ, ตสฺมา ติเณน วา ปเณฺณน วา ฉนฺนา ยถา น วสฺสติ วโสฺสทกปตนํ น โหติ น โอวสฺสติ, เอวํ สมฺมเทว ฉาทิตาติ อโตฺถฯ
Tattha channa-saddo tāva ‘‘channā sā kumārikā imassa kumārakassa’’ (pārā. 296) ‘‘nacchannaṃ nappatirūpa’’ntiādīsu (pārā. 383) patirūpe āgato. ‘‘Channaṃ tveva, phagguṇa, phassāyatanāna’’ntiādīsu vacanavisiṭṭhe saṅkhyāvisese. ‘‘Channamativassati, vivaṭaṃ nātivassatī’’tiādīsu (udā. 45; cūḷava. 385) gahaṇe. ‘‘Kyāhaṃ te nacchannopi karissāmī’’tiādīsu nivāsanapārupane ‘‘āyasmā channo anācāraṃ ācaratī’’tiādīsu (pārā. 424) paññattiyaṃ. ‘‘Sabbacchannaṃ sabbaparicchannaṃ (pāci. 52, 54), channā kuṭi āhito ginī’’ti (su. ni. 18) ca ādīsu tiṇādīhi chādane. Idhāpi tiṇādīhi chādaneyeva daṭṭhabbo, tasmā tiṇena vā paṇṇena vā channā yathā na vassati vassodakapatanaṃ na hoti na ovassati, evaṃ sammadeva chāditāti attho.
เม-สโทฺท ‘‘กิเจฺฉน เม อธิคตํ, หลํ ทานิ ปกาสิตุ’’นฺติอาทีสุ (มหาว. ๘; ที. นิ. ๒.๖๕; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒) กรเณ อาคโต, มยาติ อโตฺถฯ ‘‘ตสฺส เม, ภเนฺต, ภควา สํขิเตฺตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๑๘๒; อ. นิ. ๔.๒๕๗) สมฺปทาเน, มยฺหนฺติ อโตฺถฯ ‘‘ปุเพฺพว เม, ภิกฺขเว, สโมฺพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตเสฺสว สโต’’อาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๖; สํ. นิ. ๔.๑๔) สามิอเตฺถ อาคโตฯ อิธาปิ สามิอเตฺถ เอว ทฎฺฐโพฺพ, มมาติ อโตฺถฯ กิญฺจาปิ ขีณาสวานํ มมายิตพฺพํ นาม กิญฺจิ นตฺถิ โลกธเมฺมหิ อนุปลิตฺตภาวโต, โลกสมญฺญาวเสน ปน เตสมฺปิ ‘‘อหํ มมา’’ติ โวหารมตฺตํ โหติฯ เตนาห ภควา – ‘‘กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๙)ฯ
Me-saddo ‘‘kicchena me adhigataṃ, halaṃ dāni pakāsitu’’ntiādīsu (mahāva. 8; dī. ni. 2.65; ma. ni. 1.281; 2.337; saṃ. ni. 1.172) karaṇe āgato, mayāti attho. ‘‘Tassa me, bhante, bhagavā saṃkhittena dhammaṃ desetū’’tiādīsu (saṃ. ni. 3.182; a. ni. 4.257) sampadāne, mayhanti attho. ‘‘Pubbeva me, bhikkhave, sambodhā anabhisambuddhassa bodhisattasseva sato’’ādīsu (ma. ni. 1.206; saṃ. ni. 4.14) sāmiatthe āgato. Idhāpi sāmiatthe eva daṭṭhabbo, mamāti attho. Kiñcāpi khīṇāsavānaṃ mamāyitabbaṃ nāma kiñci natthi lokadhammehi anupalittabhāvato, lokasamaññāvasena pana tesampi ‘‘ahaṃ mamā’’ti vohāramattaṃ hoti. Tenāha bhagavā – ‘‘kinti me sāvakā dhammadāyādā bhaveyyuṃ, no āmisadāyādā’’ti (ma. ni. 1.29).
กุฎิกาติ ปน มาตุกุจฺฉิปิ กรชกาโยปิ ติณาทิจฺฉทโน ปติสฺสโยปิ วุจฺจติฯ ตถา หิ –
Kuṭikāti pana mātukucchipi karajakāyopi tiṇādicchadano patissayopi vuccati. Tathā hi –
‘‘มาตรํ กุฎิกํ พฺรูสิ, ภริยํ พฺรูสิ กุลาวกํ;
‘‘Mātaraṃ kuṭikaṃ brūsi, bhariyaṃ brūsi kulāvakaṃ;
ปุเตฺต สนฺตานเก พฺรูสิ, ตณฺหา เม พฺรูสิ พนฺธน’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๙) –
Putte santānake brūsi, taṇhā me brūsi bandhana’’nti. (saṃ. ni. 1.19) –
อาทีสุ มาตุกุจฺฉิ ‘‘กุฎิกา’’ติ วุตฺตาฯ
Ādīsu mātukucchi ‘‘kuṭikā’’ti vuttā.
‘‘อฎฺฐิกงฺกลกุฎิเก , มํสนฺหารุปสิพฺพิเต;
‘‘Aṭṭhikaṅkalakuṭike , maṃsanhārupasibbite;
ธิรตฺถุ ปูเร ทุคฺคเนฺธ, ปรคเตฺต มมายสี’’ติฯ (เถรคา. ๑๑๕๓) –
Dhiratthu pūre duggandhe, paragatte mamāyasī’’ti. (theragā. 1153) –
อาทีสุ เกสาทิสมูหภูโต กรชกาโยฯ ‘‘กสฺสปสฺส ภควโต ภคินิ กุฎิ โอวสฺสติ’’ (ม. นิ. ๒.๒๙๑) ‘‘กุฎิ นาม อุลฺลิตฺตา วา โหติ อวลิตฺตา วา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๔๙) ติณฉทนปติสฺสโยฯ อิธาปิ โส เอว เวทิตโพฺพ ปณฺณสาลาย อธิเปฺปตตฺตาฯ กุฎิ เอว หิ กุฎิกา, อปากฎกุฎิ ‘‘กุฎิกา’’ติ วุตฺตาฯ
Ādīsu kesādisamūhabhūto karajakāyo. ‘‘Kassapassa bhagavato bhagini kuṭi ovassati’’ (ma. ni. 2.291) ‘‘kuṭi nāma ullittā vā hoti avalittā vā’’tiādīsu (pārā. 349) tiṇachadanapatissayo. Idhāpi so eva veditabbo paṇṇasālāya adhippetattā. Kuṭi eva hi kuṭikā, apākaṭakuṭi ‘‘kuṭikā’’ti vuttā.
สุข-สโทฺท ปน ‘‘วิปิฎฺฐิกตฺวาน สุขํ ทุขญฺจ, ปุเพฺพว จ โสมนสฺสโทมนสฺส’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๖๗) สุขเวทนายํ อาคโตฯ ‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท, สุขา สทฺธมฺมเทสนา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๙๔) สุขมูเลฯ ‘‘สุขเสฺสตํ, ภิกฺขเว, อธิวจนํ ยทิทํ ปุญฺญานี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๗.๖๒; อิติวุ. ๒๒) สุขเหตุมฺหิฯ ‘‘ยสฺมา จ, โข, มหาลิ, รูปํ สุขํ สุขานุปติตํ สุขาวกฺกนฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๐) สุขารมฺมเณ, ‘‘ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารา เอเต, จุนฺท, อริยสฺส วินเย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๘๒) อพฺยาปเชฺชฯ ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๑๕; ธ. ป. ๒๐๓-๒๐๔) นิพฺพาเนฯ ‘‘ยาวญฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรํ อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว สุขา สคฺคา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๒๕) สุขปฺปจฺจยฎฺฐาเนฯ ‘‘โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิก’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๖๓; สํ. นิ. ๑.๑๓๐) อิเฎฺฐ, ปิยมนาเปติ อโตฺถฯ อิธาปิ อิเฎฺฐ สุขปฺปจฺจเย วา ทฎฺฐโพฺพฯ สา หิ กุฎิ อโนฺต พหิ จ มนาปภาเวน สมฺปาทิตา นิวาสนผาสุตาย ‘‘สุขา’’ติ วุตฺตาฯ ตถา นาติสีตนาติอุณฺหตาย อุตุสุขสมฺปตฺติโยเคน กายิกเจตสิกสุขสฺส ปจฺจยภาวโตฯ
Sukha-saddo pana ‘‘vipiṭṭhikatvāna sukhaṃ dukhañca, pubbeva ca somanassadomanassa’’ntiādīsu (su. ni. 67) sukhavedanāyaṃ āgato. ‘‘Sukho buddhānamuppādo, sukhā saddhammadesanā’’tiādīsu (dha. pa. 194) sukhamūle. ‘‘Sukhassetaṃ, bhikkhave, adhivacanaṃ yadidaṃ puññānī’’tiādīsu (a. ni. 7.62; itivu. 22) sukhahetumhi. ‘‘Yasmā ca, kho, mahāli, rūpaṃ sukhaṃ sukhānupatitaṃ sukhāvakkanta’’ntiādīsu (saṃ. ni. 3.60) sukhārammaṇe, ‘‘diṭṭhadhammasukhavihārā ete, cunda, ariyassa vinaye’’tiādīsu (ma. ni. 1.82) abyāpajje. ‘‘Nibbānaṃ paramaṃ sukha’’ntiādīsu (ma. ni. 2.215; dha. pa. 203-204) nibbāne. ‘‘Yāvañcidaṃ, bhikkhave, na sukaraṃ akkhānena pāpuṇituṃ yāva sukhā saggā’’tiādīsu (ma. ni. 3.225) sukhappaccayaṭṭhāne. ‘‘Sovaggikaṃ sukhavipākaṃ saggasaṃvattanika’’ntiādīsu (dī. ni. 1.163; saṃ. ni. 1.130) iṭṭhe, piyamanāpeti attho. Idhāpi iṭṭhe sukhappaccaye vā daṭṭhabbo. Sā hi kuṭi anto bahi ca manāpabhāvena sampāditā nivāsanaphāsutāya ‘‘sukhā’’ti vuttā. Tathā nātisītanātiuṇhatāya utusukhasampattiyogena kāyikacetasikasukhassa paccayabhāvato.
นิวาตาติ อวาตา, ผุสิตคฺคฬปิหิตวาตปานตฺตา วาตปริสฺสยรหิตาติ อโตฺถฯ อิทํ ตสฺสา กุฎิกา สุขภาววิภาวนํฯ สวาเต หิ เสนาสเน อุตุสปฺปาโย น ลพฺภติ, นิวาเต โส ลพฺภตีติฯ วสฺสาติ ปวสฺส สมฺมา ธารํ อนุปฺปเวจฺฉฯ เทวาติ อยํ เทว-สโทฺท ‘‘อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ นครสหสฺสานิ กุสวตีราชธานิปฺปมุขานิ, เอตฺถ , เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ ชีวิเต อเปกฺข’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๖๖) สมฺมุติเทเว ขตฺติเย อาคโตฯ ‘‘จาตุมหาราชิกา เทวา วณฺณวโนฺต สุขพหุลา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๓๗) อุปปตฺติเทเวสุฯ ‘‘ตสฺส เทวาติเทวสฺส, สาสนํ สพฺพทสฺสิโน’’ติอาทีสุ วิสุทฺธิเทเวสุ ฯ วิสุทฺธิเทวานญฺหิ ภควโต อติเทวภาเว วุเตฺต อิตเรสํ วุโตฺต เอว โหติฯ ‘‘วิเทฺธ วิคตวลาหเก เทเว’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๘๖; สํ. นิ. ๑.๑๑๐; อิติวุ. ๒๗) อากาเสฯ ‘‘เทโว จ กาเลน กาลํ น สมฺมา ธารํ อนุปฺปเวจฺฉตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) เมเฆ ปชฺชุเนฺน วาฯ อิธาปิ เมเฆ ปชฺชุเนฺน วา ทฎฺฐโพฺพฯ วสฺสาติ หิ เต อาณาเปโนฺต เถโร อาลปติฯ ยถาสุขนฺติ ยถารุจิํฯ ตว วสฺสเนน มยฺหํ พาหิโร ปริสฺสโย นตฺถิ, ตสฺมา ยถากามํ วสฺสาติ วสฺสูปชีวิสเตฺต อนุคฺคณฺหโนฺต วทติฯ
Nivātāti avātā, phusitaggaḷapihitavātapānattā vātaparissayarahitāti attho. Idaṃ tassā kuṭikā sukhabhāvavibhāvanaṃ. Savāte hi senāsane utusappāyo na labbhati, nivāte so labbhatīti. Vassāti pavassa sammā dhāraṃ anuppaveccha. Devāti ayaṃ deva-saddo ‘‘imāni te, deva, caturāsīti nagarasahassāni kusavatīrājadhānippamukhāni, ettha , deva, chandaṃ janehi jīvite apekkha’’ntiādīsu (dī. ni. 2.266) sammutideve khattiye āgato. ‘‘Cātumahārājikā devā vaṇṇavanto sukhabahulā’’tiādīsu (dī. ni. 3.337) upapattidevesu. ‘‘Tassa devātidevassa, sāsanaṃ sabbadassino’’tiādīsu visuddhidevesu . Visuddhidevānañhi bhagavato atidevabhāve vutte itaresaṃ vutto eva hoti. ‘‘Viddhe vigatavalāhake deve’’tiādīsu (ma. ni. 1.486; saṃ. ni. 1.110; itivu. 27) ākāse. ‘‘Devo ca kālena kālaṃ na sammā dhāraṃ anuppavecchatī’’tiādīsu (a. ni. 4.70) meghe pajjunne vā. Idhāpi meghe pajjunne vā daṭṭhabbo. Vassāti hi te āṇāpento thero ālapati. Yathāsukhanti yathāruciṃ. Tava vassanena mayhaṃ bāhiro parissayo natthi, tasmā yathākāmaṃ vassāti vassūpajīvisatte anuggaṇhanto vadati.
อิทานิ อพฺภนฺตเร ปริสฺสยาภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘จิตฺต’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ จิตฺตํ เม สุสมาหิตนฺติ มม จิตฺตํ สุฎฺฐุ อติวิย สมฺมา สมฺมเทว เอกคฺคภาเวน อารมฺมเณ ฐปิตํฯ ตญฺจ โข น นีวรณาทิวิกฺขมฺภนมเตฺตน; อปิ จ โข วิมุตฺตํ โอรมฺภาคิยอุทฺธํภาคิยสงฺคเหหิ สพฺพสํโยชเนหิ สพฺพกิเลสธมฺมโต จ วิเสเสน วิมุตฺตํ, สมุเจฺฉทปฺปหานวเสน ปฎิปสฺสทฺธิปฺปหานวเสน เต ปชหิตฺวา ฐิตนฺติ อโตฺถฯ อาตาปีติ วีริยวาฯ ผลสมาปตฺติอตฺถํ วิปสฺสนารมฺภวเสน ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารตฺถญฺจ อารทฺธวีริโย หุตฺวา วิหรามิ, ทิพฺพวิหาราทีหิ อตฺตภาวํ ปวเตฺตมิ, น ปน กิเลสปฺปหานตฺถํ, ปหาตพฺพเสฺสว อภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘ยถา ปน พาหิรปริสฺสยาภาเวน, เทว, มยา ตฺวํ วสฺสเน นิโยชิโต, เอวํ อพฺภนฺตรปริสฺสยาภาเวนปี’’ติ ทเสฺสโนฺต ปุนปิ ‘‘วสฺส, เทวา’’ติ อาหฯ
Idāni abbhantare parissayābhāvaṃ dassento ‘‘citta’’ntiādimāha. Tattha cittaṃ me susamāhitanti mama cittaṃ suṭṭhu ativiya sammā sammadeva ekaggabhāvena ārammaṇe ṭhapitaṃ. Tañca kho na nīvaraṇādivikkhambhanamattena; api ca kho vimuttaṃ orambhāgiyauddhaṃbhāgiyasaṅgahehi sabbasaṃyojanehi sabbakilesadhammato ca visesena vimuttaṃ, samucchedappahānavasena paṭipassaddhippahānavasena te pajahitvā ṭhitanti attho. Ātāpīti vīriyavā. Phalasamāpattiatthaṃ vipassanārambhavasena diṭṭhadhammasukhavihāratthañca āraddhavīriyo hutvā viharāmi, dibbavihārādīhi attabhāvaṃ pavattemi, na pana kilesappahānatthaṃ, pahātabbasseva abhāvatoti adhippāyo. ‘‘Yathā pana bāhiraparissayābhāvena, deva, mayā tvaṃ vassane niyojito, evaṃ abbhantaraparissayābhāvenapī’’ti dassento punapi ‘‘vassa, devā’’ti āha.
อปโร นโย ฉนฺนาติ ฉาทิตา ปิหิตาฯ กุฎิกาติ อตฺตภาโวฯ โส หิ ‘‘อเนกาวยวสฺส สมุทายสฺส อวิชฺชานีวรณสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตณฺหาสํยุตฺตสฺส อยเญฺจว กาโย สมุทาคโต, พหิทฺธา จ นามรูป’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๙) กาโยติ อาคโตฯ ‘‘สิญฺจ, ภิกฺขุ, อิมํ นาวํ , สิตฺตา เต ลหุเมสฺสตี’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๖๖) นาวาติ อาคโตฯ ‘‘คหการก ทิโฎฺฐสิ, คหกูฎํ วิสงฺขต’’นฺติ (ธ. ป. ๑๕๔) จ อาทีสุ คหนฺติ อาคโตฯ ‘‘สโตฺต คุหายํ พหุนาภิฉโนฺน, ติฎฺฐํ นโร โมหนสฺมิํ ปคาโฬฺห’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๗๗๘) คุหาติ อาคโตฯ ‘‘เนลโงฺค เสตปจฺฉาโท, เอกาโร วตฺตตี รโถ’’ติอาทีสุ (อุทา. ๖๕) รโถติ อาคโตฯ ‘‘ปุน เคหํ น กาหสี’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๕๔) เคหนฺติ อาคโตฯ ‘‘วิวฎา กุฎิ นิพฺพุโต คินี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๙) กุฎีติ อาคโตฯ ตสฺมา อิธาปิ โส ‘‘กุฎิกา’’ติ วุโตฺตฯ อตฺตภาโว หิ กฎฺฐาทีนิ ปฎิจฺจ ลพฺภมานา เคหนามิกา กุฎิกา วิย อฎฺฐิอาทิสญฺญิเต ปถวีธาตุอาทิเก ผสฺสาทิเก จ ปฎิจฺจ ลพฺภมาโน ‘‘กุฎิกา’’ติ วุโตฺต, จิตฺตมกฺกฎสฺส นิวาสภาวโต จฯ ยถาห –
Aparo nayo channāti chāditā pihitā. Kuṭikāti attabhāvo. So hi ‘‘anekāvayavassa samudāyassa avijjānīvaraṇassa, bhikkhave, puggalassa taṇhāsaṃyuttassa ayañceva kāyo samudāgato, bahiddhā ca nāmarūpa’’ntiādīsu (saṃ. ni. 2.19) kāyoti āgato. ‘‘Siñca, bhikkhu, imaṃ nāvaṃ , sittā te lahumessatī’’tiādīsu (dha. pa. 66) nāvāti āgato. ‘‘Gahakāraka diṭṭhosi, gahakūṭaṃ visaṅkhata’’nti (dha. pa. 154) ca ādīsu gahanti āgato. ‘‘Satto guhāyaṃ bahunābhichanno, tiṭṭhaṃ naro mohanasmiṃ pagāḷho’’tiādīsu (su. ni. 778) guhāti āgato. ‘‘Nelaṅgo setapacchādo, ekāro vattatī ratho’’tiādīsu (udā. 65) rathoti āgato. ‘‘Puna gehaṃ na kāhasī’’tiādīsu (dha. pa. 154) gehanti āgato. ‘‘Vivaṭā kuṭi nibbuto ginī’’tiādīsu (su. ni. 19) kuṭīti āgato. Tasmā idhāpi so ‘‘kuṭikā’’ti vutto. Attabhāvo hi kaṭṭhādīni paṭicca labbhamānā gehanāmikā kuṭikā viya aṭṭhiādisaññite pathavīdhātuādike phassādike ca paṭicca labbhamāno ‘‘kuṭikā’’ti vutto, cittamakkaṭassa nivāsabhāvato ca. Yathāha –
‘‘อฎฺฐิกงฺกลกุฎิเวสา, มกฺกฎาวสโถ อิติ;
‘‘Aṭṭhikaṅkalakuṭivesā, makkaṭāvasatho iti;
มกฺกโฎ ปญฺจทฺวาราย, กุฎิกาย ปสกฺกิย;
Makkaṭo pañcadvārāya, kuṭikāya pasakkiya;
ทฺวาเรนานุปริยาติ, ฆฎฺฎยโนฺต ปุนปฺปุน’’นฺติ จฯ
Dvārenānupariyāti, ghaṭṭayanto punappuna’’nti ca.
สา ปเนสา อตฺตภาวกุฎิกา เถรสฺส ติณฺณํ ฉนฺนํ อฎฺฐนฺนญฺจ อสํวรทฺวารานํ วเสน สมติ วิชฺฌนกสฺส ราคาทิอวสฺสุตสฺส ปญฺญาย สํวุตตฺตา สมฺมเทว ปิหิตตฺตา ‘‘ฉนฺนา’’ติ วุตฺตาฯ เตนาห ภควา – ‘‘โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ, ปญฺญาเยเต ปิธียเร’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๔๑)ฯ วุตฺตนเยน ฉนฺนตฺตา เอว กิเลสทุกฺขาภาวโต นิรามิสสุขสมงฺคิตาย จ สุขา สุขปฺปตฺตา, ตโต เอว จ นิวาตา นิหตมานมทถมฺภสารมฺภตาย นิวาตวุตฺติกาฯ อยญฺจ นโย ‘‘มยฺหํ น สํกิเลสธมฺมานํ สํวรณมเตฺตน สิโทฺธ, อถ โข อคฺคมคฺคสมาธินา สุฎฺฐุ สมาหิตจิตฺตตาย เจว อคฺคมคฺคปญฺญาย สพฺพสํโยชเนหิ วิปฺปมุตฺตจิตฺตตาย จา’’ติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘จิตฺตํ เม สุสมาหิตํ วิมุตฺต’’นฺติฯ เอวํภูโต จ ‘‘อิทานาหํ กตกรณีโย’’ติ น อโปฺปสฺสุโกฺก โหมิ, อถ โข อาตาปี วิหรามิ, สเทวกสฺส โลกสฺส หิตสุขูปสํหาเร อุสฺสาหชาโต ภิกฺขาจารกาเลปิ อนุฆรํ พฺรหฺมวิหาเรเนว วิหรามิฯ ตสฺมา ตฺวมฺปิ, เทว, ปชฺชุนฺน มยฺหํ ปิยํ กาตุกามตายปิ วสฺสูปชีวีนํ สตฺตานํ อนุกมฺปายปิ วสฺส สมฺมา ธารํ อนุปฺปเวจฺฉาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Sā panesā attabhāvakuṭikā therassa tiṇṇaṃ channaṃ aṭṭhannañca asaṃvaradvārānaṃ vasena samati vijjhanakassa rāgādiavassutassa paññāya saṃvutattā sammadeva pihitattā ‘‘channā’’ti vuttā. Tenāha bhagavā – ‘‘sotānaṃ saṃvaraṃ brūmi, paññāyete pidhīyare’’ti (su. ni. 1041). Vuttanayena channattā eva kilesadukkhābhāvato nirāmisasukhasamaṅgitāya ca sukhā sukhappattā, tato eva ca nivātā nihatamānamadathambhasārambhatāya nivātavuttikā. Ayañca nayo ‘‘mayhaṃ na saṃkilesadhammānaṃ saṃvaraṇamattena siddho, atha kho aggamaggasamādhinā suṭṭhu samāhitacittatāya ceva aggamaggapaññāya sabbasaṃyojanehi vippamuttacittatāya cā’’ti dassento āha ‘‘cittaṃ me susamāhitaṃ vimutta’’nti. Evaṃbhūto ca ‘‘idānāhaṃ katakaraṇīyo’’ti na appossukko homi, atha kho ātāpī viharāmi, sadevakassa lokassa hitasukhūpasaṃhāre ussāhajāto bhikkhācārakālepi anugharaṃ brahmavihāreneva viharāmi. Tasmā tvampi, deva, pajjunna mayhaṃ piyaṃ kātukāmatāyapi vassūpajīvīnaṃ sattānaṃ anukampāyapi vassa sammā dhāraṃ anuppavecchāti evamettha attho daṭṭhabbo.
เอตฺถ จ เถโร ‘‘ฉนฺนา เม กุฎิกา สุขา นิวาตา’’ติ อิมินา โลกิยโลกุตฺตรเภทํ อตฺตโน อธิสีลสิกฺขํ ทเสฺสติฯ ‘‘จิตฺตํ เม สุสมาหิต’’นฺติ อิมินา อธิจิตฺตสิกฺขํฯ ‘‘วิมุตฺต’’นฺติ อิมินา อธิปญฺญาสิกฺขํฯ ‘‘อาตาปี วิหรามี’’ติ อิมินา ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารํฯ อถ วา ‘‘ฉนฺนา เม กุฎิกา สุขา นิวาตา’’ติ อิมินา อนิมิตฺตวิหารํ ทเสฺสติ กิเลสวสฺสปิธานมุเขน นิจฺจาทินิมิตฺตุคฺฆาฎนทีปนโตฯ ‘‘จิตฺตํ เม สุสมาหิต’’นฺติ อิมินา อปฺปณิหิตวิหารํฯ ‘‘วิมุตฺต’’นฺติ อิมินา สุญฺญตวิหารํฯ ‘‘อาตาปี วิหรามี’’ติ อิมินา เตสํ ติณฺณํ วิหารานํ อธิคมูปายํฯ ปฐเมน วา โทสปฺปหานํ, ทุติเยน ราคปฺปหานํ, ตติเยน โมหปฺปหานํฯ ตถา ทุติเยน ปฐมทุติเยหิ วา ธมฺมวิหารสมฺปตฺติโย ทเสฺสติฯ ตติเยน วิมุตฺติสมฺปตฺติโยฯ ‘‘อาตาปี วิหรามี’’ติ อิมินา ปรหิตปฎิปตฺติยํ อตนฺทิตภาวํ ทเสฺสตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Ettha ca thero ‘‘channā me kuṭikā sukhā nivātā’’ti iminā lokiyalokuttarabhedaṃ attano adhisīlasikkhaṃ dasseti. ‘‘Cittaṃ me susamāhita’’nti iminā adhicittasikkhaṃ. ‘‘Vimutta’’nti iminā adhipaññāsikkhaṃ. ‘‘Ātāpī viharāmī’’ti iminā diṭṭhadhammasukhavihāraṃ. Atha vā ‘‘channā me kuṭikā sukhā nivātā’’ti iminā animittavihāraṃ dasseti kilesavassapidhānamukhena niccādinimittugghāṭanadīpanato. ‘‘Cittaṃ me susamāhita’’nti iminā appaṇihitavihāraṃ. ‘‘Vimutta’’nti iminā suññatavihāraṃ. ‘‘Ātāpī viharāmī’’ti iminā tesaṃ tiṇṇaṃ vihārānaṃ adhigamūpāyaṃ. Paṭhamena vā dosappahānaṃ, dutiyena rāgappahānaṃ, tatiyena mohappahānaṃ. Tathā dutiyena paṭhamadutiyehi vā dhammavihārasampattiyo dasseti. Tatiyena vimuttisampattiyo. ‘‘Ātāpī viharāmī’’ti iminā parahitapaṭipattiyaṃ atanditabhāvaṃ dassetīti daṭṭhabbaṃ.
เอวํ ‘‘ยถานามา’’ติ คาถาย วุตฺตานํ ธมฺมวิหาราทีนํ อิมาย คาถาย ทสฺสิตตฺตา ตตฺถ อทสฺสิเตสุ นามโคเตฺตสุ นามํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิตฺถํ สุท’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เย หิ เถรา นามมเตฺตน ปากฎา, เต นาเมน, เย โคตฺตมเตฺตน ปากฎา, เต โคเตฺตน, เย อุภยถา ปากฎา, เต อุภเยนปิ ทสฺสิสฺส’’นฺติฯ อยํ ปน เถโร นาเมน อภิลกฺขิโต, น ตถา โคเตฺตนาติ ‘‘อิตฺถํ สุทํ อายสฺมา สุภูตี’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิตฺถนฺติ อิทํ ปการํ, อิมินา อากาเรนาติ อโตฺถฯ สุทนฺติ สุ อิทํ, สนฺธิวเสน อิการโลโปฯ สูติ จ นิปาตมตฺตํ, อิทํ คาถนฺติ โยชนาฯ อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํ ครุคารวสปฺปติสฺสวจนเมตํฯ สุภูตีติ นามกิตฺตนํฯ โส หิ สรีรสมฺปตฺติยาปิ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก, คุณสมฺปตฺติยาปิฯ อิติ สุนฺทราย สรีราวยววิภูติยา สีลสมฺปตฺติยาทิวิภูติยา จ สมนฺนาคตตฺตา สุภูตีติ ปญฺญายิตฺถ สีลสาราทิถิรคุณโยคโต เถโรฯ อภาสิตฺถาติ กเถสิฯ กสฺมา ปเนเต มหาเถรา อตฺตโน คุเณ ปกาเสนฺตีติ? อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา อนธิคตปุพฺพํ ปรมคมฺภีรํ อติวิย สนฺตํ ปณีตํ อตฺตนา อธิคตํ โลกุตฺตรธมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติเวคสมุสฺสาหิตอุทานวเสน สาสนสฺส นิยฺยานิกภาววิภาวนวเสน จ ปรมปฺปิจฺฉา อริยา อตฺตโน คุเณ ปกาเสนฺติ, ยถา ตํ โลกนาโถ โพธเนยฺยอชฺฌาสยวเสน ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, ตถาคโต จตุเวสารชฺชวิสารโท’’ติอาทินา อตฺตโน คุเณ ปกาเสติ, เอวมยํ เถรสฺส อญฺญาพฺยากรณคาถา โหตีติฯ
Evaṃ ‘‘yathānāmā’’ti gāthāya vuttānaṃ dhammavihārādīnaṃ imāya gāthāya dassitattā tattha adassitesu nāmagottesu nāmaṃ dassetuṃ ‘‘itthaṃ suda’’ntiādi vuttaṃ. Ye hi therā nāmamattena pākaṭā, te nāmena, ye gottamattena pākaṭā, te gottena, ye ubhayathā pākaṭā, te ubhayenapi dassissa’’nti. Ayaṃ pana thero nāmena abhilakkhito, na tathā gottenāti ‘‘itthaṃ sudaṃ āyasmā subhūtī’’ti vuttaṃ. Tattha itthanti idaṃ pakāraṃ, iminā ākārenāti attho. Sudanti su idaṃ, sandhivasena ikāralopo. Sūti ca nipātamattaṃ, idaṃ gāthanti yojanā. Āyasmāti piyavacanametaṃ garugāravasappatissavacanametaṃ. Subhūtīti nāmakittanaṃ. So hi sarīrasampattiyāpi dassanīyo pāsādiko, guṇasampattiyāpi. Iti sundarāya sarīrāvayavavibhūtiyā sīlasampattiyādivibhūtiyā ca samannāgatattā subhūtīti paññāyittha sīlasārādithiraguṇayogato thero. Abhāsitthāti kathesi. Kasmā panete mahātherā attano guṇe pakāsentīti? Iminā dīghena addhunā anadhigatapubbaṃ paramagambhīraṃ ativiya santaṃ paṇītaṃ attanā adhigataṃ lokuttaradhammaṃ paccavekkhitvā pītivegasamussāhitaudānavasena sāsanassa niyyānikabhāvavibhāvanavasena ca paramappicchā ariyā attano guṇe pakāsenti, yathā taṃ lokanātho bodhaneyyaajjhāsayavasena ‘‘dasabalasamannāgato, bhikkhave, tathāgato catuvesārajjavisārado’’tiādinā attano guṇe pakāseti, evamayaṃ therassa aññābyākaraṇagāthā hotīti.
ปรมตฺถทีปนิยา เถรคาถาสํวณฺณนาย
Paramatthadīpaniyā theragāthāsaṃvaṇṇanāya
สุภูติเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Subhūtittheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. สุภูติเตฺถรคาถา • 1. Subhūtittheragāthā