Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๗. สุพฺรหฺมสุตฺตวณฺณนา
7. Subrahmasuttavaṇṇanā
๙๘. สตฺตเม สุพฺรหฺมาติ โส กิร เทวปุโตฺต อจฺฉราสงฺฆปริวุโต นนฺทนกีฬิกํ คนฺตฺวา ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปญฺญตฺตาสเน นิสีทิฯ ตํ ปญฺจสตา เทวธีตโร ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา, ปญฺจสตา รุกฺขํ อภิรุฬฺหาฯ นนุ จ เทวตานํ จิตฺตวเสน โยชนสติโกปิ รุโกฺข โอนมิตฺวา หตฺถํ อาคจฺฉติ, กสฺมา ตา อภิรุฬฺหาติฯ ขิฑฺฑาปสุตตายฯ อภิรุยฺห ปน มธุรสฺสเรน คายิตฺวา คายิตฺวา ปุปฺผานิ ปาเตนฺติ, ตานิ คเหตฺวา อิตรา เอกโตวณฺฎิกมาลาทิวเสน คเนฺถนฺติฯ อถ รุกฺขํ อภิรุฬฺหา อุปเจฺฉทกกมฺมวเสน เอกปฺปหาเรเนว กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺตา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺติฯ
98. Sattame subrahmāti so kira devaputto accharāsaṅghaparivuto nandanakīḷikaṃ gantvā pāricchattakamūle paññattāsane nisīdi. Taṃ pañcasatā devadhītaro parivāretvā nisinnā, pañcasatā rukkhaṃ abhiruḷhā. Nanu ca devatānaṃ cittavasena yojanasatikopi rukkho onamitvā hatthaṃ āgacchati, kasmā tā abhiruḷhāti. Khiḍḍāpasutatāya. Abhiruyha pana madhurassarena gāyitvā gāyitvā pupphāni pātenti, tāni gahetvā itarā ekatovaṇṭikamālādivasena ganthenti. Atha rukkhaṃ abhiruḷhā upacchedakakammavasena ekappahāreneva kālaṃ katvā avīcimhi nibbattā mahādukkhaṃ anubhavanti.
อถ กาเล คจฺฉเนฺต เทวปุโตฺต ‘‘อิมาสํ เนว สโทฺท สุยฺยติ, น ปุปฺผานิ ปาเตนฺติฯ กหํ นุ โข คตา’’ติ? อาวเชฺชโนฺต นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ ทิสฺวา ปิยวตฺถุกโสเกน รุปฺปมาโน จิเนฺตสิ – ‘‘เอตา ตาว ยถากเมฺมน คตา, มยฺหํ อายุสงฺขาโร กิตฺตโก’’ติฯ โส – ‘‘สตฺตเม ทิวเส มยาปิ อวเสสาหิ ปญฺจสตาหิ สทฺธิํ กาลํ กตฺวา ตเตฺถว นิพฺพตฺติตพฺพ’’นฺติ ทิสฺวา พลวตเรน โสเกน รุปฺปิฯ โส – ‘‘อิมํ มยฺหํ โสกํ สเทวเก โลเก อญฺญตฺร ตถาคตา นิทฺธมิตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถี’’ติ จิเนฺตตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา นิจฺจํ อุตฺรสฺตนฺติ คาถมาหฯ
Atha kāle gacchante devaputto ‘‘imāsaṃ neva saddo suyyati, na pupphāni pātenti. Kahaṃ nu kho gatā’’ti? Āvajjento niraye nibbattabhāvaṃ disvā piyavatthukasokena ruppamāno cintesi – ‘‘etā tāva yathākammena gatā, mayhaṃ āyusaṅkhāro kittako’’ti. So – ‘‘sattame divase mayāpi avasesāhi pañcasatāhi saddhiṃ kālaṃ katvā tattheva nibbattitabba’’nti disvā balavatarena sokena ruppi. So – ‘‘imaṃ mayhaṃ sokaṃ sadevake loke aññatra tathāgatā niddhamituṃ samattho nāma natthī’’ti cintetvā satthu santikaṃ gantvā niccaṃ utrastanti gāthamāha.
ตตฺถ อิทนฺติ อตฺตโน จิตฺตํ ทเสฺสติฯ ทุติยปทํ ปุริมเสฺสว เววจนํฯ นิจฺจนฺติ จ ปทสฺส เทวโลเก นิพฺพตฺตกาลโต ปฎฺฐายาติ อโตฺถ น คเหตโพฺพ, โสกุปฺปตฺติกาลโต ปน ปฎฺฐาย นิจฺจนฺติ เวทิตพฺพํฯ อนุปฺปเนฺนสุ กิเจฺฉสูติ อิโต สตฺตาหจฺจเยน ยานิ ทุกฺขานิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, เตสุฯ อโถ อุปฺปติเตสุ จาติ ยานิ ปญฺจสตานํ อจฺฉรานํ นิรเย นิพฺพตฺตานํ ทิฎฺฐานิ, เตสุ จาติ เอวํ อิเมสุ อุปฺปนฺนานุปฺปเนฺนสุ ทุเกฺขสุ นิจฺจํ มม อุตฺรสฺตํ จิตฺตํ, อพฺภนฺตเร ฑยฺหมาโน วิย โหมิ ภควาติ ทเสฺสติฯ
Tattha idanti attano cittaṃ dasseti. Dutiyapadaṃ purimasseva vevacanaṃ. Niccanti ca padassa devaloke nibbattakālato paṭṭhāyāti attho na gahetabbo, sokuppattikālato pana paṭṭhāya niccanti veditabbaṃ. Anuppannesu kicchesūti ito sattāhaccayena yāni dukkhāni uppajjissanti, tesu. Atho uppatitesu cāti yāni pañcasatānaṃ accharānaṃ niraye nibbattānaṃ diṭṭhāni, tesu cāti evaṃ imesu uppannānuppannesu dukkhesu niccaṃ mama utrastaṃ cittaṃ, abbhantare ḍayhamāno viya homi bhagavāti dasseti.
นาญฺญตฺร โพชฺฌา ตปสาติ โพชฺฌงฺคภาวนญฺจ ตโปคุณญฺจ อญฺญตฺร มุญฺจิตฺวา โสตฺถิํ น ปสฺสามีติ อโตฺถฯ สพฺพนิสฺสคฺคาติ นิพฺพานโตฯ เอตฺถ กิญฺจาปิ โพชฺฌงฺคภาวนา ปฐมํ คหิตา, อินฺทฺริยสํวโร ปจฺฉา, อตฺถโต ปน อินฺทฺริยสํวโรว ปฐมํ เวทิตโพฺพฯ อินฺทิยสํวเร หิ คหิเต จตุปาริสุทฺธิสีลํ คหิตํ โหติฯ ตสฺมิํ ปติฎฺฐิโต ภิกฺขุ นิสฺสยมุตฺตโก ธุตงฺคสงฺขาตํ ตโปคุณํ สมาทาย อรญฺญํ ปวิสิตฺวา กมฺมฎฺฐานํ ภาเวโนฺต สห วิปสฺสนาย โพชฺฌเงฺค ภาเวติฯ ตสฺส อริยมโคฺค ยํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติ, โส ‘‘สพฺพนิสฺสโคฺค’’ติ ภควา จตุสจฺจวเสน เทสนํ วินิวเตฺตสิฯ เทวปุโตฺต เทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหีติฯ สตฺตมํฯ
Nāññatrabojjhā tapasāti bojjhaṅgabhāvanañca tapoguṇañca aññatra muñcitvā sotthiṃ na passāmīti attho. Sabbanissaggāti nibbānato. Ettha kiñcāpi bojjhaṅgabhāvanā paṭhamaṃ gahitā, indriyasaṃvaro pacchā, atthato pana indriyasaṃvarova paṭhamaṃ veditabbo. Indiyasaṃvare hi gahite catupārisuddhisīlaṃ gahitaṃ hoti. Tasmiṃ patiṭṭhito bhikkhu nissayamuttako dhutaṅgasaṅkhātaṃ tapoguṇaṃ samādāya araññaṃ pavisitvā kammaṭṭhānaṃ bhāvento saha vipassanāya bojjhaṅge bhāveti. Tassa ariyamaggo yaṃ nibbānaṃ ārammaṇaṃ katvā uppajjati, so ‘‘sabbanissaggo’’ti bhagavā catusaccavasena desanaṃ vinivattesi. Devaputto desanāpariyosāne sotāpattiphale patiṭṭhahīti. Sattamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๗. สุพฺรหฺมสุตฺตํ • 7. Subrahmasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๗. สุพฺรหฺมสุตฺตวณฺณนา • 7. Subrahmasuttavaṇṇanā