Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๗. สุพฺรหฺมสุตฺตวณฺณนา
7. Subrahmasuttavaṇṇanā
๙๘. สุพฺรหฺมาติ ตสฺส เทวปุตฺตสฺส นามํฯ ตสฺส สตฺถุ สนฺติกูปสงฺกมนสฺส การณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โส กิรา’’ติอาทิมาหฯ ตเทว โสกํ ตสฺส เทวปุตฺตสฺส อฎฺฐุปฺปตฺติฯ อจฺฉราสงฺฆปริวุโตติ สหสฺสมเตฺตน อจฺฉราสเงฺฆน ปริวุโตฯ นนฺทนกีฬิกนฺติ นนฺทนวนกีฬิกํฯ หตฺถํ อาคจฺฉตีติ หตฺถคยฺหุปโค โหติฯ คเนฺถนฺตีติ เอตฺถ มาลาเวฐนมฺปิ ขิฑฺฑาปสุตตายาติ ทฎฺฐพฺพํฯ อญฺญถา ปุปฺผานิเยว ตาย ตาย จิตฺตสฺส วเสน มาลาภาเวน หตฺถํ อุปคจฺฉนฺตีติฯ อุปเจฺฉทกกมฺมวเสนาติ ตสฺมิํ เทวโลเก อายุเสเส สติ เอว ตสฺส ปน อุปฆาตกสฺส ลโทฺธกาสสฺส ปาปกมฺมสฺส วเสนฯ ‘‘ปหาโร’’ติ ทิวสสฺส ตติโย ภาโค วุจฺจติ, ตสฺมา เอกปฺปหาเรเนวาติ เอกเวลายเมวาติ อโตฺถฯ
98.Subrahmāti tassa devaputtassa nāmaṃ. Tassa satthu santikūpasaṅkamanassa kāraṇaṃ dassento ‘‘so kirā’’tiādimāha. Tadeva sokaṃ tassa devaputtassa aṭṭhuppatti. Accharāsaṅghaparivutoti sahassamattena accharāsaṅghena parivuto. Nandanakīḷikanti nandanavanakīḷikaṃ. Hatthaṃ āgacchatīti hatthagayhupago hoti. Ganthentīti ettha mālāveṭhanampi khiḍḍāpasutatāyāti daṭṭhabbaṃ. Aññathā pupphāniyeva tāya tāya cittassa vasena mālābhāvena hatthaṃ upagacchantīti. Upacchedakakammavasenāti tasmiṃ devaloke āyusese sati eva tassa pana upaghātakassa laddhokāsassa pāpakammassa vasena. ‘‘Pahāro’’ti divasassa tatiyo bhāgo vuccati, tasmā ekappahārenevāti ekavelāyamevāti attho.
ปิยวตฺถุกโสเกนาติ ปิยวตฺถุนิมิตฺตเกน โสเกนฯ รุปฺปมาโนติ ปีฬิยมาโนฯ สตฺตเม ทิวเสติ มนุสฺสคณนาย สตฺตเม ทิวเสฯ ตเตฺถวาติ ตสฺมิํเยว นิรเย นิพฺพตฺติตพฺพํ อิมินา ตาหิ จ สเหว ปุเพฺพ ตสฺส ปาปกมฺมสฺส กตตฺตาฯ รุปฺปีติ จิตฺตสนฺตาสํ อาปชฺชิฯ นิทฺธมิตุนฺติ นีหริตุํ อปเนตุํฯ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวาติ ตาหิ ปญฺจสตาหิ อจฺฉราหิ สทฺธิํ ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวาฯ
Piyavatthukasokenāti piyavatthunimittakena sokena. Ruppamānoti pīḷiyamāno. Sattame divaseti manussagaṇanāya sattame divase. Tatthevāti tasmiṃyeva niraye nibbattitabbaṃ iminā tāhi ca saheva pubbe tassa pāpakammassa katattā. Ruppīti cittasantāsaṃ āpajji. Niddhamitunti nīharituṃ apanetuṃ. Satthu santikaṃ gantvāti tāhi pañcasatāhi accharāhi saddhiṃ bhagavato santikaṃ gantvā.
อิทนฺติ อตฺตโน จิตฺตํ ทเสฺสติ อาสนฺนปจฺจกฺขภาวโตฯ นิจฺจนฺติ สทาฯ สฺวายํ นิจฺจโตฺถ อธิปฺปายวเสน คเหตโพฺพติ ตตฺถ ปหาตพฺพํ คเหตพฺพญฺจ ทเสฺสโนฺต ‘‘เทวโลเก’’ติอาทิมาหฯ น คเหตโพฺพ เหตุปวตฺติโต ปุเพฺพ ตสฺส อุตฺราสสฺส อภาวโตฯ เตสูติ ทุเกฺขสุฯ ตานิ หิ เหตุปจฺจเยหิ กตฺตพฺพโต คาถายํ ‘‘กิเจฺฉสู’’ติ วุตฺตานิฯ กิเจฺฉสูติ วา กิจฺฉนิมิตฺตํฯ ยาสญฺหิ ปโยควิปตฺตีนํ วเสนสฺส ตานิ ทุกฺขานิ อุปฺปเชฺชยฺยุํ, ตํนิมิตฺตนฺติ อโตฺถฯ ตา หิ อสฺส ปโยควิปตฺติโย คติวิปตฺติโย สตฺถุ สนฺติกํ อุปคมเนน หาเยยฺยุํฯ นิพฺพตฺตานํ ทิฎฺฐานีติ นิพฺพตฺตานํ วเสน ทิฎฺฐานิ ทุกฺขานิฯ เตสุ จ ทุเกฺขสุฯ สพฺพตฺถ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมํฯ ฑยฺหมาโน วิย จิตฺตสนฺตาเปนฯ
Idantiattano cittaṃ dasseti āsannapaccakkhabhāvato. Niccanti sadā. Svāyaṃ niccattho adhippāyavasena gahetabboti tattha pahātabbaṃ gahetabbañca dassento ‘‘devaloke’’tiādimāha. Na gahetabbo hetupavattito pubbe tassa utrāsassa abhāvato. Tesūti dukkhesu. Tāni hi hetupaccayehi kattabbato gāthāyaṃ ‘‘kicchesū’’ti vuttāni. Kicchesūti vā kicchanimittaṃ. Yāsañhi payogavipattīnaṃ vasenassa tāni dukkhāni uppajjeyyuṃ, taṃnimittanti attho. Tā hi assa payogavipattiyo gativipattiyo satthu santikaṃ upagamanena hāyeyyuṃ. Nibbattānaṃ diṭṭhānīti nibbattānaṃ vasena diṭṭhāni dukkhāni. Tesu ca dukkhesu. Sabbattha nimittatthe bhummaṃ. Ḍayhamāno viya cittasantāpena.
จตฺตาริปิ สจฺจานิ พุชฺฌติ ปฎิวิชฺฌตีติ โพธิ, สติอาทิธมฺมสามคฺคี, ตสฺมา โพชฺฌา โพธิโตฯ สา ปน โพธิ ภาวนากาเรเนว ปวตฺตติ, อญฺญตฺรสทฺทโยเคน จ ‘‘โพชฺฌา’’ติ นิสฺสกฺกวจนนฺติ ตทตฺถํ ทเสฺสโนฺต มุญฺจิตฺวาปทํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘โพชฺฌงฺคภาวน’’นฺติ อาหฯ ตโปคุณนฺติ ธุตธมฺมมาหฯ โส หิ ตณฺหาโลลุปฺปสฺส ตปนโต ตโป, สยํ คุณสภาวตฺตา คุณสนฺนิสฺสยโต จ คุณนฺติฯ เตนาห ‘‘ธุตงฺคสงฺขาตํ ตโปคุณ’’นฺติฯ สเพฺพ สงฺขารคตา นิสฺสชฺชียนฺติ เอตฺถาติ สพฺพนิสฺสโคฺค, อสงฺขตธาตูติ อาห ‘‘สพฺพนิสฺสคฺคาติ นิพฺพานโต’’ติฯ
Cattāripi saccāni bujjhati paṭivijjhatīti bodhi, satiādidhammasāmaggī, tasmā bojjhā bodhito. Sā pana bodhi bhāvanākāreneva pavattati, aññatrasaddayogena ca ‘‘bojjhā’’ti nissakkavacananti tadatthaṃ dassento muñcitvāpadaṃ apekkhitvā ‘‘bojjhaṅgabhāvana’’nti āha. Tapoguṇanti dhutadhammamāha. So hi taṇhāloluppassa tapanato tapo, sayaṃ guṇasabhāvattā guṇasannissayato ca guṇanti. Tenāha ‘‘dhutaṅgasaṅkhātaṃ tapoguṇa’’nti. Sabbe saṅkhāragatā nissajjīyanti etthāti sabbanissaggo, asaṅkhatadhātūti āha ‘‘sabbanissaggāti nibbānato’’ti.
อินฺทฺริยสํวโรว ปฐมํ เวทิตโพฺพ ปฎิปตฺติกฺกมวเสน ตเสฺสว ปฐมตฺตาฯ ตํ ปน ปฎิปตฺติกฺกมํ ทเสฺสตุํ ‘‘อินฺทฺริยสํวเร หี’’ติอาทิมาหฯ นิปฺปริยายโต มคฺคปริยาปนฺนา เอว โพชฺฌงฺคาติ อาห ‘‘สหวิปสฺสนาย โพชฺฌเงฺค’’ติฯ ตสฺสาติ ตถาภาเวน ตสฺส โยคิโนฯ ยสฺมา เทวปุตฺตสฺส สตฺถา ตํ คาถํ วตฺวา อุปริ จ สจฺจานิ ปกาเสสิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภควา จตุสจฺจวเสน เทสนํ วินิวเตฺตสี’’ติฯ เทวปุโตฺต โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหีติ กามํ ตเสฺสว วิเสสาธิคโม อิธาคโต, ปญฺจสตมตฺตาหิ ปน อจฺฉราหิ สทฺธิํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหีติ เวทิตพฺพํฯ เตนาห มหาสติปฎฺฐานสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๐๖) ‘‘โส เทสนาปริโยสาเน ปญฺจหิ อจฺฉราสเตหิ สทฺธิํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาย ตํ สมฺปตฺติํ ถาวรํ กตฺวา เทวโลกเมว อคมาสี’’ติฯ
Indriyasaṃvarovapaṭhamaṃ veditabbo paṭipattikkamavasena tasseva paṭhamattā. Taṃ pana paṭipattikkamaṃ dassetuṃ ‘‘indriyasaṃvare hī’’tiādimāha. Nippariyāyato maggapariyāpannā eva bojjhaṅgāti āha ‘‘sahavipassanāya bojjhaṅge’’ti. Tassāti tathābhāvena tassa yogino. Yasmā devaputtassa satthā taṃ gāthaṃ vatvā upari ca saccāni pakāsesi, tasmā vuttaṃ ‘‘bhagavā catusaccavasena desanaṃ vinivattesī’’ti. Devaputto sotāpattiphale patiṭṭhahīti kāmaṃ tasseva visesādhigamo idhāgato, pañcasatamattāhi pana accharāhi saddhiṃ sotāpattiphale patiṭṭhahīti veditabbaṃ. Tenāha mahāsatipaṭṭhānasuttavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 2.373; ma. ni. aṭṭha. 1.106) ‘‘so desanāpariyosāne pañcahi accharāsatehi saddhiṃ sotāpattiphale patiṭṭhāya taṃ sampattiṃ thāvaraṃ katvā devalokameva agamāsī’’ti.
สุพฺรหฺมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Subrahmasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๗. สุพฺรหฺมสุตฺตํ • 7. Subrahmasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. สุพฺรหฺมสุตฺตวณฺณนา • 7. Subrahmasuttavaṇṇanā