Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๒๐] ๑๐. สุจฺจชชาตกวณฺณนา

    [320] 10. Succajajātakavaṇṇanā

    สุจฺจชํ วต นจฺจชีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ กุฎุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร ‘‘คามเก อุทฺธารํ สาเธสฺสามี’’ติ ภริยาย สทฺธิํ ตตฺถ คนฺตฺวา สาเธตฺวา ธนํ อาหริตฺวา ‘‘ปจฺฉา เนสฺสามี’’ติ เอกสฺมิํ กุเล ฐเปตฺวา ปุน สาวตฺถิํ คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค เอกํ ปพฺพตํ อทฺทสฯ อถ นํ ภริยา อาห ‘‘สเจ, สามิ, อยํ ปพฺพโต สุวณฺณมโย ภเวยฺย, ทเทยฺยาสิ ปน เม กิญฺจี’’ติฯ ‘‘กาสิ ตฺวํ, น กิญฺจิ ทสฺสามี’’ติฯ สา ‘‘ยาว ถทฺธหทโย วตายํ, ปพฺพเต สุวณฺณมเย ชาเตปิ มยฺหํ กิญฺจิ น ทสฺสตี’’ติ อนตฺตมนา อโหสิฯ เต เชตวนสมีปํ อาคนฺตฺวา ‘‘ปานียํ ปิวิสฺสามา’’ติ วิหารํ ปวิสิตฺวา ปานียํ ปิวิํสุฯ สตฺถาปิ ปจฺจูสกาเลเยว เตสํ โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา อาคมนํ โอโลกยมาโน คนฺธกุฎิปริเวเณ นิสีทิ ฉพฺพณฺณรสฺมิโย วิสฺสเชฺชโนฺตฯ เตปิ ปานียํ ปิวิตฺวา อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิํสุฯ สตฺถา เตหิ สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กหํ คตาตฺถา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อมฺหากํ คามเก อุทฺธารํ สาธนตฺถาย, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิํ, อุปาสิเก ตว สามิโก ตุยฺหํ หิตํ ปฎิกงฺขติ, อุปการํ เต กโรตี’’ติฯ ภเนฺต, อหํ อิมสฺมิํ สสิเนหา, อยํ ปน มยิ นิสฺสิเนโห, อชฺช มยา ปพฺพตํ ทิสฺวา ‘‘สจายํ ปพฺพโต สุวณฺณมโย อสฺส, กิญฺจิ เม ทเทยฺยาสี’’ติ วุโตฺต ‘‘กาสิ ตฺวํ, น กิญฺจิ ทสฺสามี’’ติ อาห, เอวํ ถทฺธหทโย อยนฺติฯ ‘‘อุปาสิเก, เอวํ นาเมส วทติ, ยทา ปน ตว คุณํ สรติ, ตทา สพฺพิสฺสริยํ เต เทตี’’ติ วตฺวา ‘‘กเถถ, ภเนฺต’’ติ เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Succajaṃ vata naccajīti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ kuṭumbikaṃ ārabbha kathesi. So kira ‘‘gāmake uddhāraṃ sādhessāmī’’ti bhariyāya saddhiṃ tattha gantvā sādhetvā dhanaṃ āharitvā ‘‘pacchā nessāmī’’ti ekasmiṃ kule ṭhapetvā puna sāvatthiṃ gacchanto antarāmagge ekaṃ pabbataṃ addasa. Atha naṃ bhariyā āha ‘‘sace, sāmi, ayaṃ pabbato suvaṇṇamayo bhaveyya, dadeyyāsi pana me kiñcī’’ti. ‘‘Kāsi tvaṃ, na kiñci dassāmī’’ti. Sā ‘‘yāva thaddhahadayo vatāyaṃ, pabbate suvaṇṇamaye jātepi mayhaṃ kiñci na dassatī’’ti anattamanā ahosi. Te jetavanasamīpaṃ āgantvā ‘‘pānīyaṃ pivissāmā’’ti vihāraṃ pavisitvā pānīyaṃ piviṃsu. Satthāpi paccūsakāleyeva tesaṃ sotāpattiphalassa upanissayaṃ disvā āgamanaṃ olokayamāno gandhakuṭipariveṇe nisīdi chabbaṇṇarasmiyo vissajjento. Tepi pānīyaṃ pivitvā āgantvā satthāraṃ vanditvā nisīdiṃsu. Satthā tehi saddhiṃ paṭisanthāraṃ katvā ‘‘kahaṃ gatātthā’’ti pucchi. ‘‘Amhākaṃ gāmake uddhāraṃ sādhanatthāya, bhante’’ti. ‘‘Kiṃ, upāsike tava sāmiko tuyhaṃ hitaṃ paṭikaṅkhati, upakāraṃ te karotī’’ti. Bhante, ahaṃ imasmiṃ sasinehā, ayaṃ pana mayi nissineho, ajja mayā pabbataṃ disvā ‘‘sacāyaṃ pabbato suvaṇṇamayo assa, kiñci me dadeyyāsī’’ti vutto ‘‘kāsi tvaṃ, na kiñci dassāmī’’ti āha, evaṃ thaddhahadayo ayanti. ‘‘Upāsike, evaṃ nāmesa vadati, yadā pana tava guṇaṃ sarati, tadā sabbissariyaṃ te detī’’ti vatvā ‘‘kathetha, bhante’’ti tehi yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส สพฺพกิจฺจการโก อมโจฺจ อโหสิฯ อเถกทิวสํ ราชา ปุตฺตํ อุปราชานํ อุปฎฺฐานํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มม อเนฺตปุเร ทุเพฺภยฺยา’’ติ ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, ยาวาหํ ชีวามิ, ตาว นคเร วสิตุํ น ลจฺฉสิ, อญฺญตฺถ วสิตฺวา มมจฺจเยน รชฺชํ กาเรหี’’ติ อาหฯ โส ‘‘สาธู’’ติ ปิตรํ วนฺทิตฺวา เชฎฺฐภริยาย สทฺธิํ นครา นิกฺขมิตฺวา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา อรญฺญํ ปวิสิตฺวา ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา วนมูลผลาผเลหิ ยาเปโนฺต วสิฯ อปรภาเค ราชา กาลมกาสิฯ อุปราชา นกฺขตฺตํ โอโลเกโนฺต ตสฺส กาลกตภาวํ ญตฺวา พาราณสิํ อาคจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค เอกํ ปพฺพตํ อทฺทสฯ อถ นํ ภริยา อาห ‘‘สเจ, เทว, อยํ ปพฺพโต สุวณฺณมโย อสฺส, ทเทยฺยาสิ เม กิญฺจี’’ติฯ ‘‘กาสิ ตฺวํ, น กิญฺจิ ทสฺสามี’’ติฯ สา ‘‘อหํ อิมสฺมิํ สิเนหํ ฉินฺทิตุํ อสโกฺกนฺตี อรญฺญํ ปาวิสิํ, อยญฺจ เอวํ วทติ, อติวิย ถทฺธหทโย , ราชา หุตฺวาปิ เอส มยฺหํ กิํ กลฺยาณํ กริสฺสตี’’ติ อนตฺตมนา อโหสิฯ โส อาคนฺตฺวา รเชฺช ปติฎฺฐิโต ตํ อคฺคมเหสิฎฺฐาเน ฐเปสิ , อิทํ ยสมตฺตกเมว อทาสิฯ อุตฺตริ ปน สกฺการสมฺมาโน นตฺถิ, ตสฺสา อตฺถิภาวมฺปิ น ชานาติฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa sabbakiccakārako amacco ahosi. Athekadivasaṃ rājā puttaṃ uparājānaṃ upaṭṭhānaṃ āgacchantaṃ disvā ‘‘ayaṃ mama antepure dubbheyyā’’ti taṃ pakkosāpetvā ‘‘tāta, yāvāhaṃ jīvāmi, tāva nagare vasituṃ na lacchasi, aññattha vasitvā mamaccayena rajjaṃ kārehī’’ti āha. So ‘‘sādhū’’ti pitaraṃ vanditvā jeṭṭhabhariyāya saddhiṃ nagarā nikkhamitvā paccantaṃ gantvā araññaṃ pavisitvā paṇṇasālaṃ māpetvā vanamūlaphalāphalehi yāpento vasi. Aparabhāge rājā kālamakāsi. Uparājā nakkhattaṃ olokento tassa kālakatabhāvaṃ ñatvā bārāṇasiṃ āgacchanto antarāmagge ekaṃ pabbataṃ addasa. Atha naṃ bhariyā āha ‘‘sace, deva, ayaṃ pabbato suvaṇṇamayo assa, dadeyyāsi me kiñcī’’ti. ‘‘Kāsi tvaṃ, na kiñci dassāmī’’ti. Sā ‘‘ahaṃ imasmiṃ sinehaṃ chindituṃ asakkontī araññaṃ pāvisiṃ, ayañca evaṃ vadati, ativiya thaddhahadayo , rājā hutvāpi esa mayhaṃ kiṃ kalyāṇaṃ karissatī’’ti anattamanā ahosi. So āgantvā rajje patiṭṭhito taṃ aggamahesiṭṭhāne ṭhapesi , idaṃ yasamattakameva adāsi. Uttari pana sakkārasammāno natthi, tassā atthibhāvampi na jānāti.

    โพธิสโตฺต ‘‘อยํ เทวี อิมสฺส รโญฺญ อุปการิกา ทุกฺขํ อคเณตฺวา อรญฺญวาสํ วสิฯ อยํ ปเนตํ อคเณตฺวา อญฺญาหิ สทฺธิํ อภิรมโนฺต วิจรติ, ยถา เอสา สพฺพิสฺสริยํ ลภติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา เอกทิวสํ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มหาเทวิ มยํ ตุมฺหากํ สนฺติกา ปิณฺฑปาตมตฺตมฺปิ น ลภาม, กสฺมา อเมฺหสุ ปมชฺชิตฺถ, อติวิย ถทฺธหทยา อตฺถา’’ติ อาหฯ ‘‘ตาต, สจาหํ อตฺตนา ลเภยฺยํ, ตุยฺหมฺปิ ทเทยฺยํ, อลภมานา ปน กิํ ทสฺสามิ, ราชาปิ มยฺหํ อิทานิ กิํ นาม ทสฺสติ, โส อนฺตรามเคฺค ‘อิมสฺมิํ ปพฺพเต สุวณฺณมเย ชาเต มยฺหํ กิญฺจิ ทสฺสสี’ติ วุโตฺต ‘กาสิ ตฺวํ, น กิญฺจิ ทสฺสามี’ติ อาห, สุปริจฺจชมฺปิ น ปริจฺจชี’’ติฯ ‘‘กิํ ปน รโญฺญ สนฺติเก อิมํ กถํ กเถตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ? ‘‘สกฺขิสฺสามิ, ตาตา’’ติฯ ‘‘เตน หิ อหํ รโญฺญ สนฺติเก ฐิโต ปุจฺฉิสฺสามิ, ตุเมฺห กเถยฺยาถา’’ติฯ ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติฯ โพธิสโตฺต เทวิยา รโญฺญ อุปฎฺฐานํ อาคนฺตฺวา ฐิตกาเล อาห ‘‘นนุ, อเยฺย, มยํ ตุมฺหากํ สนฺติกา กิญฺจิ น ลภามา’’ติ? ‘‘ตาต, อหํ ลภมานา ตุยฺหํ ทเทยฺยํ, อหเมว กิญฺจิ น ลภามิ, อลภมานา ตุยฺหํ กิํ ทสฺสามิ, ราชาปิ อิทานิ มยฺหํ กิํ นาม ทสฺสติ, โส อรญฺญโต อาคมนกาเล เอกํ ปพฺพตํ ทิสฺวา ‘สจายํ ปพฺพโต สุวณฺณมโย อสฺส, กิญฺจิ เม ทเทยฺยาสี’ติ วุโตฺต ‘กาสิ ตฺวํ, น กิญฺจิ ทสฺสามี’ติ วทติ, สุปริจฺจชมฺปิ น ปริจฺจชี’’ติ เอตมตฺถํ ทีเปนฺตี ปฐมํ คาถมาห –

    Bodhisatto ‘‘ayaṃ devī imassa rañño upakārikā dukkhaṃ agaṇetvā araññavāsaṃ vasi. Ayaṃ panetaṃ agaṇetvā aññāhi saddhiṃ abhiramanto vicarati, yathā esā sabbissariyaṃ labhati, tathā karissāmī’’ti cintetvā ekadivasaṃ taṃ upasaṅkamitvā ‘‘mahādevi mayaṃ tumhākaṃ santikā piṇḍapātamattampi na labhāma, kasmā amhesu pamajjittha, ativiya thaddhahadayā atthā’’ti āha. ‘‘Tāta, sacāhaṃ attanā labheyyaṃ, tuyhampi dadeyyaṃ, alabhamānā pana kiṃ dassāmi, rājāpi mayhaṃ idāni kiṃ nāma dassati, so antarāmagge ‘imasmiṃ pabbate suvaṇṇamaye jāte mayhaṃ kiñci dassasī’ti vutto ‘kāsi tvaṃ, na kiñci dassāmī’ti āha, supariccajampi na pariccajī’’ti. ‘‘Kiṃ pana rañño santike imaṃ kathaṃ kathetuṃ sakkhissathā’’ti? ‘‘Sakkhissāmi, tātā’’ti. ‘‘Tena hi ahaṃ rañño santike ṭhito pucchissāmi, tumhe katheyyāthā’’ti. ‘‘Sādhu, tātā’’ti. Bodhisatto deviyā rañño upaṭṭhānaṃ āgantvā ṭhitakāle āha ‘‘nanu, ayye, mayaṃ tumhākaṃ santikā kiñci na labhāmā’’ti? ‘‘Tāta, ahaṃ labhamānā tuyhaṃ dadeyyaṃ, ahameva kiñci na labhāmi, alabhamānā tuyhaṃ kiṃ dassāmi, rājāpi idāni mayhaṃ kiṃ nāma dassati, so araññato āgamanakāle ekaṃ pabbataṃ disvā ‘sacāyaṃ pabbato suvaṇṇamayo assa, kiñci me dadeyyāsī’ti vutto ‘kāsi tvaṃ, na kiñci dassāmī’ti vadati, supariccajampi na pariccajī’’ti etamatthaṃ dīpentī paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๗๗.

    77.

    ‘‘สุจฺจชํ วต นจฺจชิ, วาจาย อททํ คิริํ;

    ‘‘Succajaṃ vata naccaji, vācāya adadaṃ giriṃ;

    กิญฺหิ ตสฺสจชนฺตสฺส, วาจาย อทท ปพฺพต’’นฺติฯ

    Kiñhi tassacajantassa, vācāya adada pabbata’’nti.

    ตตฺถ สุจฺจชํ วตาติ สุเขน จชิตุํ สกฺกุเณยฺยมฺปิ น จชิฯ อททนฺติ วจนมเตฺตนาปิ ปพฺพตํ อททมาโนฯ กิญฺหิ ตสฺสจชนฺตสฺสาติ ตสฺส นาเมตสฺส มยา ยาจิตสฺส น จชนฺตสฺส กิญฺหิ จเชยฺยฯ วาจาย อทท ปพฺพตนฺติ สจายํ มยา ยาจิโต มม วจเนน สุวณฺณมยมฺปิ โหนฺตํ ตํ ปพฺพตํ วาจาย อทท, วจนมเตฺตน อทสฺสาติ อโตฺถฯ

    Tattha succajaṃ vatāti sukhena cajituṃ sakkuṇeyyampi na caji. Adadanti vacanamattenāpi pabbataṃ adadamāno. Kiñhi tassacajantassāti tassa nāmetassa mayā yācitassa na cajantassa kiñhi cajeyya. Vācāya adada pabbatanti sacāyaṃ mayā yācito mama vacanena suvaṇṇamayampi hontaṃ taṃ pabbataṃ vācāya adada, vacanamattena adassāti attho.

    ตํ สุตฺวา ราชา ทุติยํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā rājā dutiyaṃ gāthamāha –

    ๗๘.

    78.

    ‘‘ยญฺหิ กยิรา ตญฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;

    ‘‘Yañhi kayirā tañhi vade, yaṃ na kayirā na taṃ vade;

    อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา’’ติฯ

    Akarontaṃ bhāsamānaṃ, parijānanti paṇḍitā’’ti.

    ตสฺสโตฺถ – ยเทว หิ ปณฺฑิโต ปุริโส กาเยน กเรยฺย, ตํ วาจาย วเทยฺยฯ ยํ น กยิรา, น ตํ วเทยฺย, ทาตุกาโมว ทมฺมีติ วเทยฺย, น อทาตุกาโมติ อธิปฺปาโยฯ กิํการณา? โย หิ ‘‘ทสฺสามี’’ติ วตฺวาปิ ปจฺฉา น ททาติ, ตํ อกโรนฺตํ เกวลํ มุสา ภาสมานํ ปริชานนฺติ ปณฺฑิตาฯ อยํ ‘‘ทสฺสามี’’ติ วจนมตฺตเมว ภาสติ, น ปน เทติ, ยญฺหิ โข ปน อทินฺนมฺปิ วจนมเตฺตเนว ทินฺนํ โหติ, ตํ ปุเรตรเมว ลทฺธํ นาม ภวิสฺสตีติ เอวํ ตสฺส มุสาวาทิภาวํ ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา, พาลา ปน วจนมเตฺตเนว ตุสฺสนฺตีติฯ

    Tassattho – yadeva hi paṇḍito puriso kāyena kareyya, taṃ vācāya vadeyya. Yaṃ na kayirā, na taṃ vadeyya, dātukāmova dammīti vadeyya, na adātukāmoti adhippāyo. Kiṃkāraṇā? Yo hi ‘‘dassāmī’’ti vatvāpi pacchā na dadāti, taṃ akarontaṃ kevalaṃ musā bhāsamānaṃ parijānanti paṇḍitā. Ayaṃ ‘‘dassāmī’’ti vacanamattameva bhāsati, na pana deti, yañhi kho pana adinnampi vacanamatteneva dinnaṃ hoti, taṃ puretarameva laddhaṃ nāma bhavissatīti evaṃ tassa musāvādibhāvaṃ parijānanti paṇḍitā, bālā pana vacanamatteneva tussantīti.

    ตํ สุตฺวา เทวี รโญฺญ อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา ตติยํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā devī rañño añjaliṃ paggahetvā tatiyaṃ gāthamāha –

    ๗๙.

    79.

    ‘‘ราชปุตฺต นโม ตฺยตฺถุ, สเจฺจ ธเมฺม ฐิโต จสิ;

    ‘‘Rājaputta namo tyatthu, sacce dhamme ṭhito casi;

    ยสฺส เต พฺยสนํ ปโตฺต, สจฺจสฺมิํ รมเต มโน’’ติฯ

    Yassa te byasanaṃ patto, saccasmiṃ ramate mano’’ti.

    ตตฺถ สเจฺจ ธเมฺมติ วจีสเจฺจ จ สภาวธเมฺม จฯ พฺยสนํ ปโตฺตติ ยสฺส ตว รฎฺฐา ปพฺพาชนียสงฺขาตํ พฺยสนํ ปโตฺตปิ มโน สจฺจสฺมิํเยว รมติฯ

    Tattha sacce dhammeti vacīsacce ca sabhāvadhamme ca. Byasanaṃ pattoti yassa tava raṭṭhā pabbājanīyasaṅkhātaṃ byasanaṃ pattopi mano saccasmiṃyeva ramati.

    เอวํ รโญฺญ คุณกถํ กถยมานาย เทวิยา ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต ตสฺสา คุณกถํ กเถโนฺต จตุตฺถํ คาถมาห –

    Evaṃ rañño guṇakathaṃ kathayamānāya deviyā taṃ sutvā bodhisatto tassā guṇakathaṃ kathento catutthaṃ gāthamāha –

    ๘๐.

    80.

    ‘‘ยา ทลิทฺที ทลิทฺทสฺส, อฑฺฒา อฑฺฒสฺส กิตฺติม;

    ‘‘Yā daliddī daliddassa, aḍḍhā aḍḍhassa kittima;

    สา หิสฺส ปรมา ภริยา, สหิรญฺญสฺส อิตฺถิโย’’ติฯ

    Sā hissa paramā bhariyā, sahiraññassa itthiyo’’ti.

    ตตฺถ กิตฺติมาติ กิตฺติสมฺปนฺนาติ อโตฺถฯ สา หิสฺส ปรมาติ ยา ทลิทฺทสฺส สามิกสฺส ทลิทฺทกาเล สยมฺปิ ทลิทฺที หุตฺวา ตํ น ปริจฺจชติฯ อฑฺฒสฺสาติ อฑฺฒกาเล อฑฺฒา หุตฺวา สามิกเมว อนุวตฺตติ, สมานสุขทุกฺขาว โหติ, สา หิ ตสฺส ปรมา อุตฺตมา ภริยา นามฯ สหิรญฺญสฺส ปน อิสฺสริเย ฐิตสฺส อิตฺถิโย นาม โหนฺติเยว, อนจฺฉริยเมว เอตนฺติฯ

    Tattha kittimāti kittisampannāti attho. Sā hissa paramāti yā daliddassa sāmikassa daliddakāle sayampi daliddī hutvā taṃ na pariccajati. Aḍḍhassāti aḍḍhakāle aḍḍhā hutvā sāmikameva anuvattati, samānasukhadukkhāva hoti, sā hi tassa paramā uttamā bhariyā nāma. Sahiraññassa pana issariye ṭhitassa itthiyo nāma hontiyeva, anacchariyameva etanti.

    เอวญฺจ ปน วตฺวา โพธิสโตฺต ‘‘อยํ, มหาราช, ตุมฺหากํ ทุกฺขิตกาเล อรเญฺญ สมานทุกฺขา หุตฺวา วสิ, อิมิสฺสา สมฺมานํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ เทวิยา คุณํ กเถสิฯ ราชา ตสฺส วจเนน เทวิยา คุณํ สริตฺวา ‘‘ปณฺฑิต, ตว กถายาหํ เทวิยา คุณํ อนุสฺสริ’’นฺติ วตฺวา ตสฺสา สพฺพิสฺสริยมทาสิฯ ‘‘ตยาหํ เทวิยา คุณํ สราปิโต’’ติ โพธิสตฺตสฺสปิ มหนฺตํ สกฺการํ อกาสิฯ

    Evañca pana vatvā bodhisatto ‘‘ayaṃ, mahārāja, tumhākaṃ dukkhitakāle araññe samānadukkhā hutvā vasi, imissā sammānaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti deviyā guṇaṃ kathesi. Rājā tassa vacanena deviyā guṇaṃ saritvā ‘‘paṇḍita, tava kathāyāhaṃ deviyā guṇaṃ anussari’’nti vatvā tassā sabbissariyamadāsi. ‘‘Tayāhaṃ deviyā guṇaṃ sarāpito’’ti bodhisattassapi mahantaṃ sakkāraṃ akāsi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุโภ ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิํสุฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne ubho jayampatikā sotāpattiphale patiṭṭhahiṃsu.

    ตทา พาราณสิราชา อยํ กุฎุมฺพิโก อโหสิ, เทวี อยํ อุปาสิกา, ปณฺฑิตามโจฺจ ปน อหเมว อโหสินฺติฯ

    Tadā bārāṇasirājā ayaṃ kuṭumbiko ahosi, devī ayaṃ upāsikā, paṇḍitāmacco pana ahameva ahosinti.

    สุจฺจชชาตกวณฺณนา ทสมาฯ

    Succajajātakavaṇṇanā dasamā.

    ปุจิมนฺทวโคฺค ทุติโยฯ

    Pucimandavaggo dutiyo.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๒๐. สุจฺจชชาตกํ • 320. Succajajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact