Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๘๗] ๒. สูจิชาตกวณฺณนา
[387] 2. Sūcijātakavaṇṇanā
อกกฺกสํ อผรุสนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ปญฺญาปารมิํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ มหาอุมงฺคชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติฯ ตทา ปน สตฺถา ภิกฺขู อามเนฺตตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ ตถาคโต ปญฺญวา อุปายกุสโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Akakkasaṃapharusanti idaṃ satthā jetavane viharanto paññāpāramiṃ ārabbha kathesi. Vatthu mahāumaṅgajātake (jā. 2.22.590 ādayo) āvi bhavissati. Tadā pana satthā bhikkhū āmantetvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi tathāgato paññavā upāyakusaloyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต กาสิรเฎฺฐ กมฺมารกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ปริโยทาตสิโปฺป อโหสิฯ มาตาปิตโร ปนสฺส ทลิทฺทา, เตสํ คามโต อวิทูเร อโญฺญ สหสฺสกุฎิโก กมฺมารคาโมฯ ตตฺถ กมฺมารสหสฺสเชฎฺฐโก กมฺมาโร ราชวลฺลโภ อโฑฺฒ มหทฺธโน, ตเสฺสกา ธีตา อโหสิ อุตฺตมรูปธรา เทวจฺฉราปฎิภาคา ชนปทกลฺยาณิลกฺขเณหิ สมนฺนาคตาฯ สามนฺตคาเมสุ มนุสฺสา วาสิผรสุผาลปาจนาทิการาปนตฺถาย ตํ คามํ คนฺตฺวา เยภุเยฺยน ตํ กุมาริกํ ปสฺสนฺติ, เต อตฺตโน อตฺตโน คามํ คนฺตฺวา นิสินฺนฎฺฐานาทีสุ ตสฺสา รูปํ วเณฺณนฺติฯ โพธิสโตฺต ตํ สุตฺวา สวนสํสเคฺคน พชฺฌิตฺวา ‘‘ปาทปริจาริกํ นํ กริสฺสามี’’ติ อุตฺตมชาติกํ อยํ คเหตฺวา เอกํ สุขุมํ ฆนํ สูจิํ กตฺวา ปาเส วิชฺฌิตฺวา อุทเก อุปฺปิลาเปตฺวา อปรมฺปิ ตถารูปเมว ตสฺสา โกสกํ กตฺวา ปาเส วิชฺฌิฯ อิมินา นิยาเมน ตสฺสา สตฺต โกสเก อกาสิ, ‘‘กถํ อกาสี’’ติ น วตฺตพฺพํฯ โพธิสตฺตานญฺหิ ญาณมหนฺตตาย กรณํ สมิชฺฌติเยวฯ โส ตํ สูจิํ นาฬิกาย ปกฺขิปิตฺวา โอวฎฺฎิกาย กตฺวา ตํ คามํ คนฺตฺวา กมฺมารเชฎฺฐกสฺส วสนวีถิํ ปุจฺฉิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ทฺวาเร ฐตฺวา ‘‘โก มม หตฺถโต เอวรูปํ นาม สูจิํ มูเลน กิณิตุํ อิจฺฉตี’’ติ สูจิํ วเณฺณโนฺต เชฎฺฐกกมฺมารสฺส ฆรทฺวารสมีเป ฐตฺวา ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto kāsiraṭṭhe kammārakule nibbattitvā vayappatto pariyodātasippo ahosi. Mātāpitaro panassa daliddā, tesaṃ gāmato avidūre añño sahassakuṭiko kammāragāmo. Tattha kammārasahassajeṭṭhako kammāro rājavallabho aḍḍho mahaddhano, tassekā dhītā ahosi uttamarūpadharā devaccharāpaṭibhāgā janapadakalyāṇilakkhaṇehi samannāgatā. Sāmantagāmesu manussā vāsipharasuphālapācanādikārāpanatthāya taṃ gāmaṃ gantvā yebhuyyena taṃ kumārikaṃ passanti, te attano attano gāmaṃ gantvā nisinnaṭṭhānādīsu tassā rūpaṃ vaṇṇenti. Bodhisatto taṃ sutvā savanasaṃsaggena bajjhitvā ‘‘pādaparicārikaṃ naṃ karissāmī’’ti uttamajātikaṃ ayaṃ gahetvā ekaṃ sukhumaṃ ghanaṃ sūciṃ katvā pāse vijjhitvā udake uppilāpetvā aparampi tathārūpameva tassā kosakaṃ katvā pāse vijjhi. Iminā niyāmena tassā satta kosake akāsi, ‘‘kathaṃ akāsī’’ti na vattabbaṃ. Bodhisattānañhi ñāṇamahantatāya karaṇaṃ samijjhatiyeva. So taṃ sūciṃ nāḷikāya pakkhipitvā ovaṭṭikāya katvā taṃ gāmaṃ gantvā kammārajeṭṭhakassa vasanavīthiṃ pucchitvā tattha gantvā dvāre ṭhatvā ‘‘ko mama hatthato evarūpaṃ nāma sūciṃ mūlena kiṇituṃ icchatī’’ti sūciṃ vaṇṇento jeṭṭhakakammārassa gharadvārasamīpe ṭhatvā paṭhamaṃ gāthamāha –
๘๓.
83.
‘‘อกกฺกสํ อผรุสํ, ขรโธตํ สุปาสิยํ;
‘‘Akakkasaṃ apharusaṃ, kharadhotaṃ supāsiyaṃ;
สุขุมํ ติขิณคฺคญฺจ, โก สูจิํ เกตุมิจฺฉตี’’ติฯ
Sukhumaṃ tikhiṇaggañca, ko sūciṃ ketumicchatī’’ti.
ตสฺสโตฺถ – มม ปฎลสฺส วา ติลกสฺส วา โอธิโน วา อภาเวน อกกฺกสํ, สุมฎฺฐตาย อผรุสํ, ขเรน ปาสาเณน โธตตฺตา ขรโธตํ, สุนฺทเรน สุวิเทฺธน ปาเสน สมนฺนาคตตฺตา สุปาสิยํ , สณฺหตาย สุขุมํ, อคฺคสฺส ติขิณตาย ติขิณคฺคํ สูจิํ มม หตฺถโต มูลํ ทตฺวา โก กิณิตุํ อิจฺฉตีติฯ
Tassattho – mama paṭalassa vā tilakassa vā odhino vā abhāvena akakkasaṃ, sumaṭṭhatāya apharusaṃ, kharena pāsāṇena dhotattā kharadhotaṃ, sundarena suviddhena pāsena samannāgatattā supāsiyaṃ, saṇhatāya sukhumaṃ, aggassa tikhiṇatāya tikhiṇaggaṃ sūciṃ mama hatthato mūlaṃ datvā ko kiṇituṃ icchatīti.
เอวญฺจ ปน วตฺวา ปุนปิ ตํ วเณฺณโนฺต ทุติยํ คาถมาห –
Evañca pana vatvā punapi taṃ vaṇṇento dutiyaṃ gāthamāha –
๘๔.
84.
‘‘สุมชฺชญฺจ สุปาสญฺจ, อนุปุพฺพํ สุวฎฺฎิตํ;
‘‘Sumajjañca supāsañca, anupubbaṃ suvaṭṭitaṃ;
ฆนฆาติมํ ปฎิถทฺธํ, โก สูจิํ เกตุมิจฺฉตี’’ติฯ
Ghanaghātimaṃ paṭithaddhaṃ, ko sūciṃ ketumicchatī’’ti.
ตตฺถ สุมชฺชญฺจาติ กุรุวินฺทกจุเณฺณน สุฎฺฐุ มชฺชิตํฯ สุปาสญฺจาติ สเณฺหน ปาสเวธเกน วิทฺธตฺตา สุนฺทรปาสํฯ ฆนฆาติมนฺติ ยา ฆาติยมานา อธิกรณิํ อนุปวิสติ, อยํ ‘‘ฆนฆาติมา’’ติ วุจฺจติ, ตาทิสินฺติ อโตฺถฯ ปฎิถทฺธนฺติ ถทฺธํ อมุทุกํฯ
Tattha sumajjañcāti kuruvindakacuṇṇena suṭṭhu majjitaṃ. Supāsañcāti saṇhena pāsavedhakena viddhattā sundarapāsaṃ. Ghanaghātimanti yā ghātiyamānā adhikaraṇiṃ anupavisati, ayaṃ ‘‘ghanaghātimā’’ti vuccati, tādisinti attho. Paṭithaddhanti thaddhaṃ amudukaṃ.
ตสฺมิํ ขเณ สา กุมาริกา ภุตฺตปาตราสํ ปิตรํ ทรถปฎิปฺปสฺสมฺภนตฺถํ จูฬสยเน นิปนฺนํ ตาลวเณฺฎน พีชยมานา โพธิสตฺตสฺส มธุรสทฺทํ สุตฺวา อลฺลมํสปิเณฺฑน หทเย ปหฎา วิย ฆฎสหเสฺสน นิพฺพาปิตทรถา วิย หุตฺวา ‘‘โก นุ โข เอส อติมธุเรน สเทฺทน กมฺมารานํ วสนคาเม สูจิํ วิกฺกิณาติ, เกน นุ โข กเมฺมน อาคโต, ชานิสฺสามิ น’’นฺติ ตาลวณฺฎํ ฐเปตฺวา เคหา นิกฺขมฺม พหิอาฬินฺทเก ฐตฺวา เตน สทฺธิํ กเถสิฯ โพธิสตฺตานญฺหิ ปตฺถิตํ นาม สมิชฺฌติ, โส หิ ตสฺสาเยวตฺถาย ตํ คามํ อาคโตฯ สา จ เตน สทฺธิํ กเถนฺตี ‘‘มาณว, สกลรฎฺฐวาสิโน สูจิอาทีนํ อตฺถาย อิมํ คามํ อาคจฺฉนฺติ, ตฺวํ พาลตาย กมฺมารคาเม สูจิํ วิกฺกิณิตุํ อิจฺฉสิ, สเจปิ ทิวสํ สูจิยา วณฺณํ ภาสิสฺสสิ, น เต โกจิ หตฺถโต สูจิํ คณฺหิสฺสติ, สเจ ตฺวํ มูลํ ลทฺธุํ อิจฺฉสิ, อญฺญํ คามํ ยาหี’’ติ วตฺวา เทฺว คาถา อภาสิ –
Tasmiṃ khaṇe sā kumārikā bhuttapātarāsaṃ pitaraṃ darathapaṭippassambhanatthaṃ cūḷasayane nipannaṃ tālavaṇṭena bījayamānā bodhisattassa madhurasaddaṃ sutvā allamaṃsapiṇḍena hadaye pahaṭā viya ghaṭasahassena nibbāpitadarathā viya hutvā ‘‘ko nu kho esa atimadhurena saddena kammārānaṃ vasanagāme sūciṃ vikkiṇāti, kena nu kho kammena āgato, jānissāmi na’’nti tālavaṇṭaṃ ṭhapetvā gehā nikkhamma bahiāḷindake ṭhatvā tena saddhiṃ kathesi. Bodhisattānañhi patthitaṃ nāma samijjhati, so hi tassāyevatthāya taṃ gāmaṃ āgato. Sā ca tena saddhiṃ kathentī ‘‘māṇava, sakalaraṭṭhavāsino sūciādīnaṃ atthāya imaṃ gāmaṃ āgacchanti, tvaṃ bālatāya kammāragāme sūciṃ vikkiṇituṃ icchasi, sacepi divasaṃ sūciyā vaṇṇaṃ bhāsissasi, na te koci hatthato sūciṃ gaṇhissati, sace tvaṃ mūlaṃ laddhuṃ icchasi, aññaṃ gāmaṃ yāhī’’ti vatvā dve gāthā abhāsi –
๘๔.
84.
‘‘อิโตทานิ ปตายนฺติ, สูจิโย พฬิสานิ จ;
‘‘Itodāni patāyanti, sūciyo baḷisāni ca;
โกยํ กมฺมารคามสฺมิํ, สูจิํ วิเกฺกตุมิจฺฉติฯ
Koyaṃ kammāragāmasmiṃ, sūciṃ vikketumicchati.
๘๕.
85.
‘‘อิโต สตฺถานิ คจฺฉนฺติ, กมฺมนฺตา วิวิธา ปุถู;
‘‘Ito satthāni gacchanti, kammantā vividhā puthū;
โกยํ กมฺมารคามสฺมิํ, สูจิํ วิเกฺกตุมิจฺฉตี’’ติฯ
Koyaṃ kammāragāmasmiṃ, sūciṃ vikketumicchatī’’ti.
ตตฺถ อิโตทานีติ อิมสฺมิํ รเฎฺฐ อิทานิ สูจิโย จ พฬิสานิ จ อญฺญานิ จ อุปกรณานิ อิมมฺหา กมฺมารคามา ปตายนฺติ นิกฺขมนฺติ, ตํ ตํ ทิสํ ปตฺถรนฺตา นิคฺคจฺฉนฺติฯ โกยนฺติ เอวํ สเนฺต โก อยํ อิมสฺมิํ กมฺมารคาเม สูจิํ วิกฺกิณิตุํ อิจฺฉติฯ สตฺถานีติ พาราณสิํ คจฺฉนฺตานิ นานปฺปการานิ สตฺถานิ อิโตว คจฺฉนฺติฯ วิวิธา ปุถูติ นานปฺปการา พหู กมฺมนฺตาปิ สกลรฎฺฐวาสีนํ อิโต คหิตอุปกรเณเหว ปวตฺตนฺติฯ
Tattha itodānīti imasmiṃ raṭṭhe idāni sūciyo ca baḷisāni ca aññāni ca upakaraṇāni imamhā kammāragāmā patāyanti nikkhamanti, taṃ taṃ disaṃ pattharantā niggacchanti. Koyanti evaṃ sante ko ayaṃ imasmiṃ kammāragāme sūciṃ vikkiṇituṃ icchati. Satthānīti bārāṇasiṃ gacchantāni nānappakārāni satthāni itova gacchanti. Vividhā puthūti nānappakārā bahū kammantāpi sakalaraṭṭhavāsīnaṃ ito gahitaupakaraṇeheva pavattanti.
โพธิสโตฺต ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ภเทฺท, ตฺวํ อชานนฺตี อญฺญาเณน เอวํ วเทสี’’ติ วตฺวา เทฺว คาถา อภาสิ –
Bodhisatto tassā vacanaṃ sutvā ‘‘bhadde, tvaṃ ajānantī aññāṇena evaṃ vadesī’’ti vatvā dve gāthā abhāsi –
๘๖.
86.
‘‘สูจิํ กมฺมารคามสฺมิํ, วิเกฺกตพฺพา ปชานตา;
‘‘Sūciṃ kammāragāmasmiṃ, vikketabbā pajānatā;
อาจริยาว ชานนฺติ, กมฺมํ สุกตทุกฺกฎํฯ
Ācariyāva jānanti, kammaṃ sukatadukkaṭaṃ.
๘๗.
87.
‘‘อิมเญฺจ เต ปิตา ภเทฺท, สูจิํ ชญฺญา มยา กตํ;
‘‘Imañce te pitā bhadde, sūciṃ jaññā mayā kataṃ;
ตยา จ มํ นิมเนฺตยฺย, ยญฺจตฺถญฺญํ ฆเร ธน’’นฺติฯ
Tayā ca maṃ nimanteyya, yañcatthaññaṃ ghare dhana’’nti.
ตตฺถ สูจินฺติ วิภตฺติวิปลฺลาโส กโตฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สูจิ นาม ปชานตา ปณฺฑิเตน ปุริเสน กมฺมารคามสฺมิํเยว วิเกฺกตพฺพาฯ กิํการณา? อาจริยาว ชานนฺติ, กมฺมํ สุกตทุกฺกฎนฺติ, ตสฺส ตสฺส สิปฺปสฺส อาจริยาว ตสฺมิํ ตสฺมิํ สิเปฺป สุกตทุกฺกฎกมฺมํ ชานนฺติ, สฺวาหํ กมฺมารกมฺมํ อชานนฺตานํ คหปติกานํ คามํ คนฺตฺวา มม สูจิยา สุกตทุกฺกฎภาวํ กถํ ชานาเปสฺสามิ, อิมสฺมิํ ปน คาเม มม พลํ ชานาเปสฺสามีติฯ เอวํ โพธิสโตฺต อิมาย คาถาย อตฺตโน พลํ วเณฺณสิฯ
Tattha sūcinti vibhattivipallāso kato. Idaṃ vuttaṃ hoti – sūci nāma pajānatā paṇḍitena purisena kammāragāmasmiṃyeva vikketabbā. Kiṃkāraṇā? Ācariyāva jānanti, kammaṃ sukatadukkaṭanti, tassa tassa sippassa ācariyāva tasmiṃ tasmiṃ sippe sukatadukkaṭakammaṃ jānanti, svāhaṃ kammārakammaṃ ajānantānaṃ gahapatikānaṃ gāmaṃ gantvā mama sūciyā sukatadukkaṭabhāvaṃ kathaṃ jānāpessāmi, imasmiṃ pana gāme mama balaṃ jānāpessāmīti. Evaṃ bodhisatto imāya gāthāya attano balaṃ vaṇṇesi.
ตยา จ มํ นิมเนฺตยฺยาติ ภเทฺท สเจ ตว ปิตา อิมํ มยา กตํ สูจิํ ‘‘อีทิสา วา เอสา, เอวํ วา กตา’’ติ ชาเนยฺย, ‘‘อิมํ เม ธีตรํ ตว ปาทปริจาริกํ ทมฺมิ, คณฺหาหิ น’’นฺติ เอวํ ตยา จ มํ นิมเนฺตยฺยฯ ยญฺจตฺถญฺญํ ฆเร ธนนฺติ ยญฺจ อญฺญํ สวิญฺญาณกํ วา อวิญฺญาณกํ วา ฆเร ธนํ อตฺถิ, เตน มํ นิมเนฺตยฺยฯ ‘‘ยญฺจสฺสญฺญ’’นฺติปิ ปาโฐ, ยญฺจ อสฺส ฆเร อญฺญํ ธนํ อตฺถีติ อโตฺถฯ
Tayā ca maṃ nimanteyyāti bhadde sace tava pitā imaṃ mayā kataṃ sūciṃ ‘‘īdisā vā esā, evaṃ vā katā’’ti jāneyya, ‘‘imaṃ me dhītaraṃ tava pādaparicārikaṃ dammi, gaṇhāhi na’’nti evaṃ tayā ca maṃ nimanteyya. Yañcatthaññaṃ ghare dhananti yañca aññaṃ saviññāṇakaṃ vā aviññāṇakaṃ vā ghare dhanaṃ atthi, tena maṃ nimanteyya. ‘‘Yañcassañña’’ntipi pāṭho, yañca assa ghare aññaṃ dhanaṃ atthīti attho.
กมฺมารเชฎฺฐโก สพฺพํ เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘อมฺมา’’ติ ธีตรํ ปโกฺกสิตฺวา ‘‘เกน สทฺธิํ สลฺลปสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ตาต, เอโก ปุริโส สูจิํ วิกฺกิณาติ, เตน สทฺธิํ สลฺลเปมีติฯ ‘‘เตน หิ ปโกฺกสาหิ น’’นฺติฯ สา คนฺตฺวา ปโกฺกสิฯ โพธิสโตฺต เคหํ ปวิสิตฺวา กมฺมารเชฎฺฐกํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ อถ นํ โส ‘‘กตรคามวาสิโกสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อหํ อสุกคามวาสิโกมฺหิ อสุกกมฺมารสฺส ปุโตฺต’’ติฯ ‘‘กสฺมา อิธาคโตสี’’ติฯ ‘‘สูจิวิกฺกยตฺถายา’’ติ ฯ ‘‘อาหร, สูจิํ เต ปสฺสามา’’ติ ฯ โพธิสโตฺต อตฺตโน คุณํ สเพฺพสํ มเชฺฌ ปกาเสตุกาโม ‘‘นนุ เอกกานํ โอโลกิตโต สเพฺพสํ มเชฺฌ โอโลเกตุํ วรตร’’นฺติ อาหฯ โส ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ สเพฺพ กมฺมาเร สนฺนิปาตาเปตฺวา เตหิ ปริวุโต ‘‘อาหร, ตาต, มยํ ปสฺสาม เต สูจิ’’นฺติ อาหฯ ‘‘อาจริย, เอกํ อธิกรณิญฺจ อุทกปูรญฺจ กํสถาลํ อาหราเปถา’’ติฯ โส อาหราเปสิฯ โพธิสโตฺต โอวฎฺฎิกโต สูจินาฬิกํ นีหริตฺวา อทาสิฯ กมฺมารเชฎฺฐโก ตโต สูจิํ นีหริตฺวา ‘‘ตาต, อยํ สูจี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘นายํ สูจิ, โกสโก เอโส’’ติฯ โส อุปธาเรโนฺต เนว อนฺตํ, น โกฎิํ อทฺทสฯ โพธิสโตฺต อาหราเปตฺวา นเขน โกสกํ อปเนตฺวา ‘‘อยํ สูจิ, อยํ โกสโก’’ติ มหาชนสฺส ทเสฺสตฺวา สูจิํ อาจริยสฺส หเตฺถ, โกสกํ ปาทมูเล ฐเปสิฯ ปุน เตน ‘‘อยํ มเญฺญ สูจี’’ติ วุโตฺต ‘‘อยมฺปิ สูจิโกสโกเยวา’’ติ วตฺวา นเขน ปหรโนฺต ปฎิปาฎิยา ฉ สูจิโกสเก กมฺมารเชฎฺฐกสฺส ปาทมูเล ฐเปตฺวา ‘‘อยํ สูจี’’ติ ตสฺส หเตฺถ ฐเปสิฯ กมฺมารสหสฺสานิ องฺคุลิโย โผเฎสุํ, เจลุเกฺขปา ปวตฺติํสุฯ
Kammārajeṭṭhako sabbaṃ tesaṃ kathaṃ sutvā ‘‘ammā’’ti dhītaraṃ pakkositvā ‘‘kena saddhiṃ sallapasī’’ti pucchi. Tāta, eko puriso sūciṃ vikkiṇāti, tena saddhiṃ sallapemīti. ‘‘Tena hi pakkosāhi na’’nti. Sā gantvā pakkosi. Bodhisatto gehaṃ pavisitvā kammārajeṭṭhakaṃ vanditvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Atha naṃ so ‘‘kataragāmavāsikosī’’ti pucchi. ‘‘Ahaṃ asukagāmavāsikomhi asukakammārassa putto’’ti. ‘‘Kasmā idhāgatosī’’ti. ‘‘Sūcivikkayatthāyā’’ti . ‘‘Āhara, sūciṃ te passāmā’’ti . Bodhisatto attano guṇaṃ sabbesaṃ majjhe pakāsetukāmo ‘‘nanu ekakānaṃ olokitato sabbesaṃ majjhe oloketuṃ varatara’’nti āha. So ‘‘sādhu, tātā’’ti sabbe kammāre sannipātāpetvā tehi parivuto ‘‘āhara, tāta, mayaṃ passāma te sūci’’nti āha. ‘‘Ācariya, ekaṃ adhikaraṇiñca udakapūrañca kaṃsathālaṃ āharāpethā’’ti. So āharāpesi. Bodhisatto ovaṭṭikato sūcināḷikaṃ nīharitvā adāsi. Kammārajeṭṭhako tato sūciṃ nīharitvā ‘‘tāta, ayaṃ sūcī’’ti pucchi. ‘‘Nāyaṃ sūci, kosako eso’’ti. So upadhārento neva antaṃ, na koṭiṃ addasa. Bodhisatto āharāpetvā nakhena kosakaṃ apanetvā ‘‘ayaṃ sūci, ayaṃ kosako’’ti mahājanassa dassetvā sūciṃ ācariyassa hatthe, kosakaṃ pādamūle ṭhapesi. Puna tena ‘‘ayaṃ maññe sūcī’’ti vutto ‘‘ayampi sūcikosakoyevā’’ti vatvā nakhena paharanto paṭipāṭiyā cha sūcikosake kammārajeṭṭhakassa pādamūle ṭhapetvā ‘‘ayaṃ sūcī’’ti tassa hatthe ṭhapesi. Kammārasahassāni aṅguliyo phoṭesuṃ, celukkhepā pavattiṃsu.
อถ นํ กมฺมารเชฎฺฐโก ‘‘ตาต, อิมาย สูจิยา กิํ พล’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อาจริย พลวตา ปุริเสน อธิกรณิํ อุกฺขิปาเปตฺวา อธิกรณิยา เหฎฺฐา อุทกปาติํ ฐปาเปตฺวา อธิกรณิยา มเชฺฌ อิมํ สูจิํ ปหรถา’’ติฯ โส ตถา กาเรตฺวา อธิกรณิยา มเชฺฌ สูจิํ อเคฺคน ปหริฯ สา อธิกรณิํ วินิวิชฺฌิตฺวา อุทกปิเฎฺฐ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อุทฺธํ วา อโธ วา อหุตฺวา ติริยํ ปติฎฺฐาสิฯ สเพฺพ กมฺมารา ‘‘อเมฺหหิ เอตฺตกํ กาลํ ‘กมฺมารา นาม เอทิสา โหนฺตี’ติ สุติวเสนปิ น สุตปุพฺพ’’นฺติ องฺคุลิโย โผเฎตฺวา เจลุเกฺขปสหสฺสํ ปวตฺตยิํสุ ฯ กมฺมารเชฎฺฐโก ธีตรํ ปโกฺกสิตฺวา ตสฺมิเญฺญว ปริสมเชฺฌ ‘‘อยํ กุมาริกา ตุยฺหเมว อนุจฺฉวิกา’’ติ อุทกํ ปาเตตฺวา อทาสิฯ โส อปรภาเค กมฺมารเชฎฺฐกสฺส อจฺจเยน ตสฺมิํ คาเม กมฺมารเชฎฺฐโก อโหสิฯ
Atha naṃ kammārajeṭṭhako ‘‘tāta, imāya sūciyā kiṃ bala’’nti pucchi. ‘‘Ācariya balavatā purisena adhikaraṇiṃ ukkhipāpetvā adhikaraṇiyā heṭṭhā udakapātiṃ ṭhapāpetvā adhikaraṇiyā majjhe imaṃ sūciṃ paharathā’’ti. So tathā kāretvā adhikaraṇiyā majjhe sūciṃ aggena pahari. Sā adhikaraṇiṃ vinivijjhitvā udakapiṭṭhe kesaggamattampi uddhaṃ vā adho vā ahutvā tiriyaṃ patiṭṭhāsi. Sabbe kammārā ‘‘amhehi ettakaṃ kālaṃ ‘kammārā nāma edisā hontī’ti sutivasenapi na sutapubba’’nti aṅguliyo phoṭetvā celukkhepasahassaṃ pavattayiṃsu . Kammārajeṭṭhako dhītaraṃ pakkositvā tasmiññeva parisamajjhe ‘‘ayaṃ kumārikā tuyhameva anucchavikā’’ti udakaṃ pātetvā adāsi. So aparabhāge kammārajeṭṭhakassa accayena tasmiṃ gāme kammārajeṭṭhako ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กมฺมารเชฎฺฐกสฺส ธีตา ราหุลมาตา อโหสิ, ปณฺฑิตกมฺมารปุโตฺต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kammārajeṭṭhakassa dhītā rāhulamātā ahosi, paṇḍitakammāraputto pana ahameva ahosi’’nti.
สูจิชาตกวณฺณนา ทุติยาฯ
Sūcijātakavaṇṇanā dutiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๘๗. สูจิชาตกํ • 387. Sūcijātakaṃ