Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๓. สูจิโลมสุตฺตวณฺณนา
3. Sūcilomasuttavaṇṇanā
๒๓๗. คยาย อวิทูเร ภโว คาโม ‘‘คยา’’ติ วุโตฺตติ อาห ‘‘คยาย’’นฺติ, เตนาห ‘‘คยาย อวิทูเร นิวิฎฺฐคามํ อุปนิสายาติ อโตฺถ’’ติฯ โคจรคามนิทสฺสนํ เหตํฯ อิทํ อุปริ อิทํ เหฎฺฐาติ นตฺถิ อุปฺปฎิปาฎิโย มญฺจปาทานํ ทฺวีสุ ปเสฺสสุ ทีฆภาเวนฯ พลิกมฺมตฺถาย กตํ เทวตาธิฎฺฐานนฺติ อธิปฺปาเยน เทวฎฺฐาเน ฐเปนฺติฯ อฎฺฐปาทมญฺจสทิโส กิร โส เหฎฺฐุปริปริวเตฺตตพฺพโตฯ กถินสิพฺพนสูจิ กถินสูจิฯ อปจฺจตฺถริตฺวาติ กิญฺจิ สงฺฆิกเสนาสนสฺส อุปริ ปฎิจฺฉทนํ อปจฺจตฺถริตฺวาฯ ควจฺฉิวิชฺฌิตํ วิยาติ เตหิ สูจิโลเมหิ ควจฺฉิชาลํ วิย คตํ สพฺพโส สโมหตํฯ
237. Gayāya avidūre bhavo gāmo ‘‘gayā’’ti vuttoti āha ‘‘gayāya’’nti, tenāha ‘‘gayāya avidūre niviṭṭhagāmaṃ upanisāyāti attho’’ti. Gocaragāmanidassanaṃ hetaṃ. Idaṃ upari idaṃ heṭṭhāti natthi uppaṭipāṭiyo mañcapādānaṃ dvīsu passesu dīghabhāvena. Balikammatthāya kataṃ devatādhiṭṭhānanti adhippāyena devaṭṭhāne ṭhapenti. Aṭṭhapādamañcasadiso kira so heṭṭhupariparivattetabbato. Kathinasibbanasūci kathinasūci. Apaccattharitvāti kiñci saṅghikasenāsanassa upari paṭicchadanaṃ apaccattharitvā. Gavacchivijjhitaṃ viyāti tehi sūcilomehi gavacchijālaṃ viya gataṃ sabbaso samohataṃ.
อิธาปิ ‘‘ขรสรีโร’’ติ วตฺวา ขรสรีรํ กถินสูจิสทิสตาย โลมสฺสาติ ตสฺส ตถาภาวสฺส การณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โส กิรา’’ติอาทิมาหฯ อตฺตโน หเตฺถหีติ สงฺฆิกเตลสมฺมกฺขิเตหิ อตฺตโน สรีรํ มเกฺขสิฯ อิตีติ วุตฺตากาเรนฯ
Idhāpi ‘‘kharasarīro’’ti vatvā kharasarīraṃ kathinasūcisadisatāya lomassāti tassa tathābhāvassa kāraṇaṃ dassento ‘‘so kirā’’tiādimāha. Attano hatthehīti saṅghikatelasammakkhitehi attano sarīraṃ makkhesi. Itīti vuttākārena.
สมาคมฎฺฐานนฺติ ยกฺขสนฺนิปาตฎฺฐานํฯ โสติ สูจิโลโม ยโกฺขฯ มนฺติ จ ตเมว วทติฯ
Samāgamaṭṭhānanti yakkhasannipātaṭṭhānaṃ. Soti sūcilomo yakkho. Manti ca tameva vadati.
อุฎฺฐาเปตฺวาติ อุทฺธคฺคา กตฺวาฯ อปนาเมสีติ ยถา โส อตฺตโน กายํ อุปเนตุํ น สโกฺกติ, ตถา กโรโนฺต โถกํ อปนาเมสิฯ อมนุโญฺญติ ผรุสติกฺขตาย น มนุโญฺญฯ จิตฺตํ วา เต ขิปิสฺสามีติ มยฺหํ อานุภาเวน ตว จิตฺตวิเกฺขปํ วา กริสฺสามิฯ ยถา ปน โส จิตฺตวิเกฺขปํ กเรยฺย, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เยสญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เภรวํ วาติ วุตฺตากาเรน อญฺญถา วา ภยานกํ ทสฺสนมเตฺตเนว สตฺตานํ ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุํ สมตฺถํฯ ‘‘กเถนฺตานํเยวา’’ติ วา ปาโฐฯ ตํ ทฺวีสุ ปาเทสุ คเหตฺวา ปารํ คงฺคาย ขิปิสฺสามีติ โยชนาฯ
Uṭṭhāpetvāti uddhaggā katvā. Apanāmesīti yathā so attano kāyaṃ upanetuṃ na sakkoti, tathā karonto thokaṃ apanāmesi. Amanuññoti pharusatikkhatāya na manuñño. Cittaṃ vā te khipissāmīti mayhaṃ ānubhāvena tava cittavikkhepaṃ vā karissāmi. Yathā pana so cittavikkhepaṃ kareyya, taṃ dassetuṃ ‘‘yesañhī’’tiādi vuttaṃ. Bheravaṃ vāti vuttākārena aññathā vā bhayānakaṃ dassanamatteneva sattānaṃ bhayaṃ chambhitattaṃ lomahaṃsaṃ uppādetuṃ samatthaṃ. ‘‘Kathentānaṃyevā’’ti vā pāṭho. Taṃ dvīsu pādesu gahetvā pāraṃ gaṅgāya khipissāmīti yojanā.
กุโตนิทานาติ กสฺมา การณา? อฎฺฐกถายํ ปน สมาสปทเมตํ, วิภตฺติอโลเปน นิเทฺทโสติ ทเสฺสตุํ ‘‘กิํนิทานา กิํปจฺจยา’’ติ? อโตฺถ วุโตฺตฯ จิตฺตํ โอสฺสชนฺตีติ กุสลจิตฺตํ ปวตฺติตุํ อปฺปทานวเสน ปุรโต ขิปนฺติฯ กุโต สมุฎฺฐายาติ มิจฺฉาวิตกฺกานํ สมุฎฺฐานํ ปุจฺฉติ?
Kutonidānāti kasmā kāraṇā? Aṭṭhakathāyaṃ pana samāsapadametaṃ, vibhattialopena niddesoti dassetuṃ ‘‘kiṃnidānā kiṃpaccayā’’ti? Attho vutto. Cittaṃ ossajantīti kusalacittaṃ pavattituṃ appadānavasena purato khipanti. Kuto samuṭṭhāyāti micchāvitakkānaṃ samuṭṭhānaṃ pucchati?
กามราคาทโย สุภนิมิตฺตาทีสุ อโยนิโสมนสิการเหตูฯ กาโม ปน อโยนิโสมนสิกาโร จ นิยกชฺฌตฺตปริยาปโนฺนติ อาห ‘‘อยํ อตฺตภาโว นิทานํ เอเตสนฺติ อิโตนิทานา’’ติอาทิฯ เอวเมวาติ อฎฺฐกถายํ กีฬาปสุตกุมารกา วิย มิจฺฉาวิตกฺกา ทฎฺฐพฺพา, เตสํ อุปฺปตฺติฎฺฐานภูโต โลโก วิย อยํ อตฺตภาวโลโกฯ เตหิ โอสฺสชิยมานํ ธงฺกํ วิย จิตฺตํ, ตสฺส ปาเท พทฺธทีฆสุตฺตกํ วิย ตํ ทูรานุพนฺธํ สํโยชนนฺติ เอวํ อุปมาย สํสนฺทนํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Kāmarāgādayo subhanimittādīsu ayonisomanasikārahetū. Kāmo pana ayonisomanasikāro ca niyakajjhattapariyāpannoti āha ‘‘ayaṃ attabhāvo nidānaṃ etesanti itonidānā’’tiādi. Evamevāti aṭṭhakathāyaṃ kīḷāpasutakumārakā viya micchāvitakkā daṭṭhabbā, tesaṃ uppattiṭṭhānabhūto loko viya ayaṃ attabhāvaloko. Tehi ossajiyamānaṃ dhaṅkaṃ viya cittaṃ, tassa pāde baddhadīghasuttakaṃ viya taṃ dūrānubandhaṃ saṃyojananti evaṃ upamāya saṃsandanaṃ daṭṭhabbaṃ.
ปาปวิตกฺกานํ ตํสมฺปยุตฺตกิเลสานญฺจ ตณฺหา วิเสสปจฺจโย ตทภาเวน เตสํ อภาวโตติ อาห ‘‘ตณฺหาสิเนหโต ชาตา’’ติฯ อตฺตภาวปริยาปนฺนตฺตา ‘‘อตฺตนิ สมฺภูตา’’ติ วุตฺตํฯ เตน เนสํ อนญฺญเหตุกตํ ทเสฺสติ, นิโคฺรธเสฺสว ขนฺธชาตีติ อิมินา ปน ปุถุภาวญฺจ, วิสตฺตาติอาทินา ทุพฺพินิสฺสฎตญฺจฯ วตฺถุกาเมสุ รูปารมฺมณาทีสุ ปุถูสุฯ ปุถู กิเลสกามา กามรูปตณฺหาทโยฯ เตหิ กิเลสกาเมหิ กรณภูเตหิฯ อตฺตภาวํ ขนฺธปญฺจกํฯ เย วิปสฺสนาย ยุตฺตปยุตฺตา ยาถาวโต ชานนฺติฯ
Pāpavitakkānaṃ taṃsampayuttakilesānañca taṇhā visesapaccayo tadabhāvena tesaṃ abhāvatoti āha ‘‘taṇhāsinehato jātā’’ti. Attabhāvapariyāpannattā ‘‘attani sambhūtā’’ti vuttaṃ. Tena nesaṃ anaññahetukataṃ dasseti, nigrodhasseva khandhajātīti iminā pana puthubhāvañca, visattātiādinā dubbinissaṭatañca. Vatthukāmesu rūpārammaṇādīsu puthūsu. Puthū kilesakāmā kāmarūpataṇhādayo. Tehi kilesakāmehi karaṇabhūtehi. Attabhāvaṃ khandhapañcakaṃ. Ye vipassanāya yuttapayuttā yāthāvato jānanti.
ยโตติ ปจฺจเตฺต นิสฺสกฺกวจนนฺติ อาห ‘‘ยํ นิทานมสฺสา’’ติฯ ‘‘วิโนเทนฺตี’’ติ กตฺตุนิเทฺทเสน เยน น วิโนเทนฺติ, ตํ การณํ พาธิตเมวาติ อาห ‘‘มคฺคสเจฺจน วิโนเทนฺตี’’ติฯ วิโนทนเญฺจตฺถ สนฺตานโต นีหรณํ พหิกรณํ สพฺพโส ปหานํ, ปหีเน จ ตสฺมิํ กิเลเส โอฆํ ตรนฺตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทุตฺตร’’นฺติอาทิมาหฯ เอตสฺมิํ อธิคเต น ปุน ภโวติ อปุนพฺภโว, นิพฺพานนฺติ อาห ‘‘อปุนพฺภวสงฺขาตสฺสา’’ติอาทิฯ ยสฺมา เอตฺถ ‘‘เย นํ ปชานนฺติ, ยโตนิทาน’’นฺติ ปททฺวเยน ทุกฺขสมุทยสจฺจานิ, วิโนทนคฺคหเณน มคฺคสจฺจํ, อปุนพฺภวคฺคหเณน นิโรธสจฺจํ ปกาสิตํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสโนฺต’’ติฯ
Yatoti paccatte nissakkavacananti āha ‘‘yaṃ nidānamassā’’ti. ‘‘Vinodentī’’ti kattuniddesena yena na vinodenti, taṃ kāraṇaṃ bādhitamevāti āha ‘‘maggasaccena vinodentī’’ti. Vinodanañcettha santānato nīharaṇaṃ bahikaraṇaṃ sabbaso pahānaṃ, pahīne ca tasmiṃ kilese oghaṃ tarantīti dassento ‘‘duttara’’ntiādimāha. Etasmiṃ adhigate na puna bhavoti apunabbhavo, nibbānanti āha ‘‘apunabbhavasaṅkhātassā’’tiādi. Yasmā ettha ‘‘ye naṃ pajānanti, yatonidāna’’nti padadvayena dukkhasamudayasaccāni, vinodanaggahaṇena maggasaccaṃ, apunabbhavaggahaṇena nirodhasaccaṃ pakāsitaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘cattāri saccāni pakāsento’’ti.
ตสฺมิํเยวาติ ยตฺถ ฐิโต ‘‘ราโค จ โทโส จา’’ติอาทินา ปญฺหํ ปุจฺฉิ, ตสฺมิํเยว ปเทเส ฐิโตฯ เทสนานุสาเรนาติ สตฺถุ สามุกฺกํสิกธมฺมเทสนาย อนุสฺสรเณนฯ ญาณํ เปเสตฺวาติ วิปสฺสนาปฎิปาฎิยา นิพฺพานํ ปติ อนุโพธญาณํ เปเสตฺวา ปวเตฺตตฺวาฯ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐิโตติ สหสฺสนยปฎิมณฺฑิตสฺส ปฐมมคฺคสฺส อธิคเมน ปฐมผเล ปติฎฺฐิโต ปฎิลภตีติ โยชนาฯ น กิลิฎฺฐตฺตภาเว ติฎฺฐนฺติ มหานุภาวตฺตา อริยธมฺมสฺสฯ เสตกณฺฑุปีฬกสูจิโยติ เสตภาวํ ปตฺวา กณฺฑุปีฬกา โลมสูจิโย สพฺพา อนวเสสา ปติตา ปริภฎฺฐา อปคตาฯ ภุมฺมเทวตาปริหารนฺติ ภุมฺมเทวตฺตภาวนฺติฯ
Tasmiṃyevāti yattha ṭhito ‘‘rāgo ca doso cā’’tiādinā pañhaṃ pucchi, tasmiṃyeva padese ṭhito. Desanānusārenāti satthu sāmukkaṃsikadhammadesanāya anussaraṇena. Ñāṇaṃ pesetvāti vipassanāpaṭipāṭiyā nibbānaṃ pati anubodhañāṇaṃ pesetvā pavattetvā. Sotāpattiphale patiṭṭhitoti sahassanayapaṭimaṇḍitassa paṭhamamaggassa adhigamena paṭhamaphale patiṭṭhito paṭilabhatīti yojanā. Na kiliṭṭhattabhāve tiṭṭhanti mahānubhāvattā ariyadhammassa. Setakaṇḍupīḷakasūciyoti setabhāvaṃ patvā kaṇḍupīḷakā lomasūciyo sabbā anavasesā patitā paribhaṭṭhā apagatā. Bhummadevatāparihāranti bhummadevattabhāvanti.
สูจิโลมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sūcilomasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๓. สูจิโลมสุตฺตํ • 3. Sūcilomasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. สูจิโลมสุตฺตวณฺณนา • 3. Sūcilomasuttavaṇṇanā