Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๘. สูทสุตฺตํ

    8. Sūdasuttaṃ

    ๓๗๔. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, พาโล อพฺยโตฺต อกุสโล สูโท ราชานํ วา ราชมหามตฺตํ วา 1 นานจฺจเยหิ สูเปหิ ปจฺจุปฎฺฐิโต อสฺส – อมฺพิลเคฺคหิปิ, ติตฺตกเคฺคหิปิ, กฎุกเคฺคหิปิ, มธุรเคฺคหิปิ, ขาริเกหิปิ, อขาริเกหิปิ, โลณิเกหิปิ, อโลณิเกหิปิฯ

    374. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, bālo abyatto akusalo sūdo rājānaṃ vā rājamahāmattaṃ vā 2 nānaccayehi sūpehi paccupaṭṭhito assa – ambilaggehipi, tittakaggehipi, kaṭukaggehipi, madhuraggehipi, khārikehipi, akhārikehipi, loṇikehipi, aloṇikehipi.

    ‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อพฺยโตฺต อกุสโล สูโท สกสฺส ภตฺตุ นิมิตฺตํ น อุคฺคณฺหาติ – ‘อิทํ วา เม อชฺช ภตฺตุ สูเปยฺยํ รุจฺจติ, อิมสฺส วา อภิหรติ, อิมสฺส วา พหุํ คณฺหาติ, อิมสฺส วา วณฺณํ ภาสติฯ อมฺพิลคฺคํ วา เม อชฺช ภตฺตุ สูเปยฺยํ รุจฺจติ , อมฺพิลคฺคสฺส วา อภิหรติ, อมฺพิลคฺคสฺส วา พหุํ คณฺหาติ, อมฺพิลคฺคสฺส วา วณฺณํ ภาสติฯ ติตฺตกคฺคํ วา เม อชฺช… กฎุกคฺคํ วา เม อชฺช… มธุรคฺคํ วา เม อชฺช… ขาริกํ วา เม อชฺช… อขาริกํ วา เม อชฺช… โลณิกํ วา เม อชฺช… อโลณิกํ วา เม อชฺช ภตฺตุ สูเปยฺยํ รุจฺจติ, อโลณิกสฺส วา อภิหรติ, อโลณิกสฺส วา พหุํ คณฺหาติ, อโลณิกสฺส วา วณฺณํ ภาสตี’’’ติฯ

    ‘‘Sa kho so, bhikkhave, bālo abyatto akusalo sūdo sakassa bhattu nimittaṃ na uggaṇhāti – ‘idaṃ vā me ajja bhattu sūpeyyaṃ ruccati, imassa vā abhiharati, imassa vā bahuṃ gaṇhāti, imassa vā vaṇṇaṃ bhāsati. Ambilaggaṃ vā me ajja bhattu sūpeyyaṃ ruccati , ambilaggassa vā abhiharati, ambilaggassa vā bahuṃ gaṇhāti, ambilaggassa vā vaṇṇaṃ bhāsati. Tittakaggaṃ vā me ajja… kaṭukaggaṃ vā me ajja… madhuraggaṃ vā me ajja… khārikaṃ vā me ajja… akhārikaṃ vā me ajja… loṇikaṃ vā me ajja… aloṇikaṃ vā me ajja bhattu sūpeyyaṃ ruccati, aloṇikassa vā abhiharati, aloṇikassa vā bahuṃ gaṇhāti, aloṇikassa vā vaṇṇaṃ bhāsatī’’’ti.

    ‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อพฺยโตฺต อกุสโล สูโท น เจว ลาภี โหติ อจฺฉาทนสฺส, น ลาภี เวตนสฺส, น ลาภี อภิหารานํฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส, ภิกฺขเว, พาโล อพฺยโตฺต อกุสโล สูโท สกสฺส ภตฺตุ นิมิตฺตํ น อุคฺคณฺหาติฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ พาโล อพฺยโตฺต อกุสโล ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ ตสฺส กาเย กายานุปสฺสิโน วิหรโต จิตฺตํ น สมาธิยติ, อุปกฺกิเลสา น ปหียนฺติฯ โส ตํ นิมิตฺตํ น อุคฺคณฺหาติฯ เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ…เป.… จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ …เป.… ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ ตสฺส ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสิโน วิหรโต จิตฺตํ น สมาธิยติ, อุปกฺกิเลสา น ปหียนฺติฯ โส ตํ นิมิตฺตํ น อุคฺคณฺหาติฯ

    ‘‘Sa kho so, bhikkhave, bālo abyatto akusalo sūdo na ceva lābhī hoti acchādanassa, na lābhī vetanassa, na lābhī abhihārānaṃ. Taṃ kissa hetu? Tathā hi so, bhikkhave, bālo abyatto akusalo sūdo sakassa bhattu nimittaṃ na uggaṇhāti. Evameva kho, bhikkhave, idhekacco bālo abyatto akusalo bhikkhu kāye kāyānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā, vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Tassa kāye kāyānupassino viharato cittaṃ na samādhiyati, upakkilesā na pahīyanti. So taṃ nimittaṃ na uggaṇhāti. Vedanāsu vedanānupassī viharati…pe… citte cittānupassī viharati …pe… dhammesu dhammānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā, vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Tassa dhammesu dhammānupassino viharato cittaṃ na samādhiyati, upakkilesā na pahīyanti. So taṃ nimittaṃ na uggaṇhāti.

    ‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อพฺยโตฺต อกุสโล ภิกฺขุ น เจว ลาภี โหติ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สุขวิหารานํ, น ลาภี สติสมฺปชญฺญสฺส ฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส, ภิกฺขเว, พาโล อพฺยโตฺต อกุสโล ภิกฺขุ สกสฺส จิตฺตสฺส นิมิตฺตํ น อุคฺคณฺหาติฯ

    ‘‘Sa kho so, bhikkhave, bālo abyatto akusalo bhikkhu na ceva lābhī hoti diṭṭheva dhamme sukhavihārānaṃ, na lābhī satisampajaññassa . Taṃ kissa hetu? Tathā hi so, bhikkhave, bālo abyatto akusalo bhikkhu sakassa cittassa nimittaṃ na uggaṇhāti.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยโตฺต กุสโล สูโท ราชานํ วา ราชมหามตฺตํ วา นานจฺจเยหิ สูเปหิ ปจฺจุปฎฺฐิโต อสฺส – อมฺพิลเคฺคหิปิ, ติตฺตกเคฺคหิปิ, กฎุกเคฺคหิปิ, มธุรเคฺคหิปิ, ขาริเกหิปิ, อขาริเกหิปิ, โลณิเกหิปิ, อโลณิเกหิปิฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, paṇḍito byatto kusalo sūdo rājānaṃ vā rājamahāmattaṃ vā nānaccayehi sūpehi paccupaṭṭhito assa – ambilaggehipi, tittakaggehipi, kaṭukaggehipi, madhuraggehipi, khārikehipi, akhārikehipi, loṇikehipi, aloṇikehipi.

    ‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยโตฺต กุสโล สูโท สกสฺส ภตฺตุ นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาติ – ‘อิทํ วา เม อชฺช ภตฺตุ สูเปยฺยํ รุจฺจติ, อิมสฺส วา อภิหรติ, อิมสฺส วา พหุํ คณฺหาติ, อิมสฺส วา วณฺณํ ภาสติฯ อมฺพิลคฺคํ วา เม อชฺช ภตฺตุ สูเปยฺยํ รุจฺจติ , อมฺพิลคฺคสฺส วา อภิหรติ, อมฺพิลคฺคสฺส วา พหุํ คณฺหาติ, อมฺพิลคฺคสฺส วา วณฺณํ ภาสติฯ ติตฺตกคฺคํ วา เม อชฺช… กฎุกคฺคํ วา เม อชฺช… มธุรคฺคํ วา เม อชฺช… ขาริกํ วา เม อชฺช… อขาริกํ วา เม อชฺช… โลณิกํ วา เม อชฺช… อโลณิกํ วา เม อชฺช ภตฺตุ สูเปยฺยํ รุจฺจติ, อโลณิกสฺส วา อภิหรติ, อโลณิกสฺส วา พหุํ คณฺหาติ, อโลณิกสฺส วา วณฺณํ ภาสตี’’’ติฯ

    ‘‘Sa kho so, bhikkhave, paṇḍito byatto kusalo sūdo sakassa bhattu nimittaṃ uggaṇhāti – ‘idaṃ vā me ajja bhattu sūpeyyaṃ ruccati, imassa vā abhiharati, imassa vā bahuṃ gaṇhāti, imassa vā vaṇṇaṃ bhāsati. Ambilaggaṃ vā me ajja bhattu sūpeyyaṃ ruccati , ambilaggassa vā abhiharati, ambilaggassa vā bahuṃ gaṇhāti, ambilaggassa vā vaṇṇaṃ bhāsati. Tittakaggaṃ vā me ajja… kaṭukaggaṃ vā me ajja… madhuraggaṃ vā me ajja… khārikaṃ vā me ajja… akhārikaṃ vā me ajja… loṇikaṃ vā me ajja… aloṇikaṃ vā me ajja bhattu sūpeyyaṃ ruccati, aloṇikassa vā abhiharati, aloṇikassa vā bahuṃ gaṇhāti, aloṇikassa vā vaṇṇaṃ bhāsatī’’’ti.

    ‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยโตฺต กุสโล สูโท ลาภี เจว โหติ อจฺฉาทนสฺส, ลาภี เวตนสฺส, ลาภี อภิหารานํฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยโตฺต กุสโล สูโท สกสฺส ภตฺตุ นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาติฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ปณฺฑิโต พฺยโตฺต กุสโล ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ ตสฺส กาเย กายานุปสฺสิโน วิหรโต จิตฺตํ สมาธิยติ, อุปกฺกิเลสา ปหียนฺติ ฯ โส ตํ นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาติฯ เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ…เป.… จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ…เป.… ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ ตสฺส ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสิโน วิหรโต จิตฺตํ สมาธิยติ, อุปกฺกิเลสา ปหียนฺติฯ โส ตํ นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาติฯ

    ‘‘Sa kho so, bhikkhave, paṇḍito byatto kusalo sūdo lābhī ceva hoti acchādanassa, lābhī vetanassa, lābhī abhihārānaṃ. Taṃ kissa hetu? Tathā hi so, bhikkhave, paṇḍito byatto kusalo sūdo sakassa bhattu nimittaṃ uggaṇhāti. Evameva kho, bhikkhave, idhekacco paṇḍito byatto kusalo bhikkhu kāye kāyānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā, vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Tassa kāye kāyānupassino viharato cittaṃ samādhiyati, upakkilesā pahīyanti . So taṃ nimittaṃ uggaṇhāti. Vedanāsu vedanānupassī viharati…pe… citte cittānupassī viharati…pe… dhammesu dhammānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā, vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Tassa dhammesu dhammānupassino viharato cittaṃ samādhiyati, upakkilesā pahīyanti. So taṃ nimittaṃ uggaṇhāti.

    ‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยโตฺต กุสโล ภิกฺขุ ลาภี เจว โหติ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สุขวิหารานํ, ลาภี โหติ สติสมฺปชญฺญสฺสฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยโตฺต กุสโล ภิกฺขุ สกสฺส จิตฺตสฺส นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาตี’’ติฯ อฎฺฐมํฯ

    ‘‘Sa kho so, bhikkhave, paṇḍito byatto kusalo bhikkhu lābhī ceva hoti diṭṭheva dhamme sukhavihārānaṃ, lābhī hoti satisampajaññassa. Taṃ kissa hetu? Tathā hi so, bhikkhave, paṇḍito byatto kusalo bhikkhu sakassa cittassa nimittaṃ uggaṇhātī’’ti. Aṭṭhamaṃ.







    Footnotes:
    1. ราชมหามตฺตานํ วา (สี.)
    2. rājamahāmattānaṃ vā (sī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. สูทสุตฺตวณฺณนา • 8. Sūdasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๘. สูทสุตฺตวณฺณนา • 8. Sūdasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact