Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหานิเทฺทส-อฎฺฐกถา • Mahāniddesa-aṭṭhakathā |
๔. สุทฺธฎฺฐกสุตฺตนิเทฺทสวณฺณนา
4. Suddhaṭṭhakasuttaniddesavaṇṇanā
๒๓. จตุเตฺถ สุทฺธฎฺฐเก ปฐมคาถาย ตาวโตฺถ – น, ภิกฺขเว, เอวรูเปน ทสฺสเนน สุทฺธิ โหติ, อปิ จ โข กิเลสมลีนตฺตา อสุทฺธํ, กิเลสโรคานํ อธิคมา สโรคเมว จนฺทาภํ พฺราหฺมณํ, อญฺญํ วา เอวรูปํ ทิสฺวา ทิฎฺฐิคติโก พาโล อภิชานาติ ‘‘ปสฺสามิ สุทฺธํ ปรมํ อโรคํ, เตน จ ทิฎฺฐิสงฺขาเตน ทสฺสเนน สํสุทฺธิ นรสฺส โหตี’’ติ, โส เอวํ อภิชานโนฺต ตํ ทสฺสนํ ‘‘ปรม’’นฺติ ญตฺวา ตสฺมิํ ทสฺสเน สุทฺธานุปสฺสี สมาโน ตํ ทสฺสนํ ‘‘มคฺคญาณ’’นฺติ ปเจฺจติฯ ตํ ปน มคฺคญาณํ น โหติฯ
23. Catutthe suddhaṭṭhake paṭhamagāthāya tāvattho – na, bhikkhave, evarūpena dassanena suddhi hoti, api ca kho kilesamalīnattā asuddhaṃ, kilesarogānaṃ adhigamā sarogameva candābhaṃ brāhmaṇaṃ, aññaṃ vā evarūpaṃ disvā diṭṭhigatiko bālo abhijānāti ‘‘passāmi suddhaṃ paramaṃ arogaṃ, tena ca diṭṭhisaṅkhātena dassanena saṃsuddhi narassa hotī’’ti, so evaṃ abhijānanto taṃ dassanaṃ ‘‘parama’’nti ñatvā tasmiṃ dassane suddhānupassī samāno taṃ dassanaṃ ‘‘maggañāṇa’’nti pacceti. Taṃ pana maggañāṇaṃ na hoti.
ปรมํ อาโรคฺยปฺปตฺตนฺติ อุตฺตมํ นิพฺยาธิํ ปาปุณิตฺวา ฐิตํฯ ตาณปฺปตฺตนฺติ ตถา ปาลนปฺปตฺตํฯ เลณปฺปตฺตนฺติ นิลียนปฺปตฺตํฯสรณปฺปตฺตนฺติ ปติฎฺฐาปตฺตํ, ทุกฺขนาสนํ วา ปตฺตํฯ อภยปฺปตฺตนฺติ นิพฺภยภาวปฺปตฺตํฯ อจฺจุตปฺปตฺตนฺติ นิจฺจลภาวํ ปตฺตํฯ อมตปฺปตฺตนฺติ อมตํ มหานิพฺพานํ ปตฺตํฯ นิพฺพานปฺปตฺตนฺติ วานวิรหิตํ ปตฺตํฯ
Paramaṃ ārogyappattanti uttamaṃ nibyādhiṃ pāpuṇitvā ṭhitaṃ. Tāṇappattanti tathā pālanappattaṃ. Leṇappattanti nilīyanappattaṃ.Saraṇappattanti patiṭṭhāpattaṃ, dukkhanāsanaṃ vā pattaṃ. Abhayappattanti nibbhayabhāvappattaṃ. Accutappattanti niccalabhāvaṃ pattaṃ. Amatappattanti amataṃ mahānibbānaṃ pattaṃ. Nibbānappattanti vānavirahitaṃ pattaṃ.
อภิชานโนฺตติ วิเสเสน ชานโนฺตฯ อาชานโนฺตติ อาชานมาโนฯ วิชานโนฺตติ อเนกวิเธน ชานมาโนฯ ปฎิวิชานโนฺตติ ตํ ตํ ปฎิจฺจ วิชานมาโนฯ ปฎิวิชฺฌโนฺตติ หทเย กุรุมาโนฯ
Abhijānantoti visesena jānanto. Ājānantoti ājānamāno. Vijānantoti anekavidhena jānamāno. Paṭivijānantoti taṃ taṃ paṭicca vijānamāno. Paṭivijjhantoti hadaye kurumāno.
จกฺขุวิญฺญาณํ รูปทสฺสเนนาติ จกฺขุวิญฺญาเณน รูปทสฺสนํฯ ญาณนฺติ ปเจฺจตีติ ปญฺญา อิติ สทฺทหติฯ มโคฺคติ ปเจฺจตีติ ‘‘อุปาโย’’ติ สทฺทหติฯ ปโถติ สญฺจาโรฯ นียานนฺติ คเหตฺวา ยาตีติ นียานํฯ ‘‘นิยฺยาน’’นฺติ วา ปาโฐฯ
Cakkhuviññāṇaṃ rūpadassanenāti cakkhuviññāṇena rūpadassanaṃ. Ñāṇanti paccetīti paññā iti saddahati. Maggoti paccetīti ‘‘upāyo’’ti saddahati. Pathoti sañcāro. Nīyānanti gahetvā yātīti nīyānaṃ. ‘‘Niyyāna’’nti vā pāṭho.
๒๔. ‘‘ทิเฎฺฐน เจ สุทฺธี’’ติ ทุติยคาถาฯ ตสฺสโตฺถ – เตน รูปทสฺสนสงฺขาเตน ทิเฎฺฐน ยทิ กิเลสสุทฺธิ นรสฺส โหติ, เตน วา ญาเณน โส ยทิ ชาติอาทิทุกฺขํ ปชหาติ, เอวํ สเนฺต อริยมคฺคโต อเญฺญน อสุทฺธิมเคฺคเนว โส สุชฺฌติ, ราคาทีหิ อุปธีหิ สอุปธิโก เอว สมาโน สุชฺฌตีติ วตฺตพฺพตํ อาปโนฺน โหติ, น จ เอวํวิโธ สุชฺฌติฯ ตสฺมา ทิฎฺฐี หิ นํ ปาว ตถา วทานํ, สา นํ ทิฎฺฐิเยว ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิโก อย’’นฺติ กเถติ, ทิฎฺฐิอนุรูปํ ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติอาทินา นเยน ตถา ตถา วทตีติฯ
24.‘‘Diṭṭhenace suddhī’’ti dutiyagāthā. Tassattho – tena rūpadassanasaṅkhātena diṭṭhena yadi kilesasuddhi narassa hoti, tena vā ñāṇena so yadi jātiādidukkhaṃ pajahāti, evaṃ sante ariyamaggato aññena asuddhimaggeneva so sujjhati, rāgādīhi upadhīhi saupadhiko eva samāno sujjhatīti vattabbataṃ āpanno hoti, na ca evaṃvidho sujjhati. Tasmā diṭṭhī hi naṃ pāva tathā vadānaṃ, sā naṃ diṭṭhiyeva ‘‘micchādiṭṭhiko aya’’nti katheti, diṭṭhianurūpaṃ ‘‘sassato loko’’tiādinā nayena tathā tathā vadatīti.
ราเคน สห วตฺตตีติ สราโค, ราควาติ อโตฺถฯ สโทโสติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
Rāgena saha vattatīti sarāgo, rāgavāti attho. Sadosotiādīsupi eseva nayo.
๒๕. น พฺราหฺมโณติ ตติยคาถาฯ ตสฺสโตฺถ – โย ปน พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณ โหติ, โส มเคฺคน อธิคตาสวกฺขโย ขีณาสวพฺราหฺมโณ อริยมคฺคญาณโต อเญฺญน อภิมงฺคลสมฺมตรูปสงฺขาเต ทิเฎฺฐ, ตถาวิธสทฺทสงฺขาเต สุเต, อวีติกฺกมสงฺขาเต สีเล, หตฺถิวตาทิเภเท วเต, ปถวิอาทิเภเท มุเต จ อุปฺปเนฺนน มิจฺฉาญาเณน สุทฺธิํ น อาหาติฯ เสสมสฺส พฺราหฺมณสฺส วณฺณภณนาย วุตฺตํฯ โส หิ เตธาตุกปุเญฺญ สพฺพสฺมิญฺจ ปาเป อนูปลิโตฺต, กสฺมา? ตสฺส ปหีนตฺตา ตสฺส อตฺตทิฎฺฐิยา, ยสฺส กสฺสจิ วา คหณสฺส ปหีนตฺตา อตฺตญฺชโห, ปุญฺญาภิสงฺขาราทีนํ อกรณโต ‘‘นยิธ ปกุพฺพมาโน’’ติ วุจฺจติฯ ตสฺมา นํ เอวํ ปสํสโนฺต อาหฯ สพฺพเสฺสว จสฺส ปุริมปาเทน สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพ – ปุเญฺญ จ ปาเป จ อนูปลิโตฺต อตฺตญฺชโห นยิธ ปกุพฺพมาโน น พฺราหฺมโณ อญฺญโต สุทฺธิมาหาติฯ นาติ ปฎิเกฺขโปติ น อิติ ปฎิเสโธฯ
25.Na brāhmaṇoti tatiyagāthā. Tassattho – yo pana bāhitapāpattā brāhmaṇo hoti, so maggena adhigatāsavakkhayo khīṇāsavabrāhmaṇo ariyamaggañāṇato aññena abhimaṅgalasammatarūpasaṅkhāte diṭṭhe, tathāvidhasaddasaṅkhāte sute, avītikkamasaṅkhāte sīle, hatthivatādibhede vate, pathaviādibhede mute ca uppannena micchāñāṇena suddhiṃ na āhāti. Sesamassa brāhmaṇassa vaṇṇabhaṇanāya vuttaṃ. So hi tedhātukapuññe sabbasmiñca pāpe anūpalitto, kasmā? Tassa pahīnattā tassa attadiṭṭhiyā, yassa kassaci vā gahaṇassa pahīnattā attañjaho, puññābhisaṅkhārādīnaṃ akaraṇato ‘‘nayidha pakubbamāno’’ti vuccati. Tasmā naṃ evaṃ pasaṃsanto āha. Sabbasseva cassa purimapādena sambandho veditabbo – puññe ca pāpe ca anūpalitto attañjaho nayidha pakubbamāno na brāhmaṇo aññato suddhimāhāti. Nāti paṭikkhepoti na iti paṭisedho.
พาหิตฺวา สพฺพปาปกานีติ คาถายโตฺถ – โย จตุตฺถมเคฺคน พาหิตฺวา สพฺพปาปกานิ ฐิตโตฺต ฐิโตอิเจฺจว วุตฺตํ โหติฯ พาหิตปาปตฺตา เอว จ วิมโล วิมลภาวํ พฺรหฺมภาวํ เสฎฺฐภาวํ ปโตฺต, ปฎินิสฺสฎฺฐสมาธิวิเกฺขปกรกิเลสมเลน อคฺคมคฺคผลสมาธินา สาธุสมาหิโต, สํสารเหตุสมติกฺกเมน สํสารมติจฺจ ปรินิฎฺฐิตกิจฺจตาย เกวลีติ จ, ตณฺหาทิฎฺฐีหิ อนิสฺสิตตฺตา อนิสฺสิโตติ จ, โลกธเมฺมหิ นิพฺพิการตฺตา ตาทีติ จ ปวุจฺจติฯ เอวํ ถุติรโห ส พฺรหฺมา โส พฺราหฺมโณติฯ
Bāhitvā sabbapāpakānīti gāthāyattho – yo catutthamaggena bāhitvā sabbapāpakāni ṭhitatto ṭhitoicceva vuttaṃ hoti. Bāhitapāpattā eva ca vimalo vimalabhāvaṃ brahmabhāvaṃ seṭṭhabhāvaṃ patto, paṭinissaṭṭhasamādhivikkhepakarakilesamalena aggamaggaphalasamādhinā sādhusamāhito, saṃsārahetusamatikkamena saṃsāramaticca pariniṭṭhitakiccatāya kevalīti ca, taṇhādiṭṭhīhi anissitattā anissitoti ca, lokadhammehi nibbikārattā tādīti ca pavuccati. Evaṃ thutiraho sa brahmā so brāhmaṇoti.
อญฺญตฺร สติปฎฺฐาเนหีติ จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน มุญฺจิตฺวาฯ สมฺมปฺปธานาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
Aññatra satipaṭṭhānehīti cattāro satipaṭṭhāne muñcitvā. Sammappadhānādīsupi eseva nayo.
สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณาติ เอกเจฺจ โลกสเงฺกเตน ‘‘สมณพฺราหฺมณา’’ติ ลทฺธโวหารา สํวิชฺชนฺติฯ ทิฎฺฐสุทฺธิกาติ ทิเฎฺฐน สุทฺธิํ อิจฺฉมานาฯ เต เอกจฺจานํ รูปานํ ทสฺสนนฺติ เอเต ทิฎฺฐสุทฺธิกา เอเตสํ รูปารมฺมณานํ โอโลกนํฯ มงฺคลํ ปเจฺจนฺตีติ อิทฺธิการณํ พุทฺธิการณํ สพฺพสมฺปตฺติการณํ ปติฎฺฐาเปนฺติฯ อมงฺคลํ ปเจฺจนฺตีติ อนิทฺธิการณํ น พุทฺธิการณํ น สมฺปตฺติการณํ ปติฎฺฐาเปนฺติฯ เต กาลโต วุฎฺฐหิตฺวาติ เอเต ทิฎฺฐาทิมงฺคลิกา ปุเรตรเมว อุฎฺฐหิตฺวาฯ อภิมงฺคลคตานีติ วิเสเสน วุฑฺฒิการณคตานิฯ รูปานิ ปสฺสนฺตีติ นานาวิธานิ รูปารมฺมณานิ ทกฺขนฺติฯ จาฎกสกุณนฺติ เอวํนามกํฯ ผุสฺสเวฬุวลฎฺฐินฺติ ผุสฺสนกฺขเตฺตน อุปฺปนฺนํ ตรุณเพฬุวลฎฺฐิํฯ คพฺภินิตฺถินฺติ สคพฺภํ อิตฺถิํฯ กุมารกํ ขเนฺธ อาโรเปตฺวา คจฺฉนฺตนฺติ ตรุณทารกํ อํเส อุสฺสาเปตฺวา คจฺฉมานํฯ ปุณฺณฆฎนฺติ อุทกปุณฺณฆฎํฯ โรหิตมจฺฉนฺติ รตฺตโรหิตมจฺฉํฯ อาชญฺญรถนฺติ สินฺธวยุตฺตรถํฯ อุสภนฺติ มงฺคลอุสภํฯ โคกปิลนฺติ กปิลคาวิํฯ
Santeke samaṇabrāhmaṇāti ekacce lokasaṅketena ‘‘samaṇabrāhmaṇā’’ti laddhavohārā saṃvijjanti. Diṭṭhasuddhikāti diṭṭhena suddhiṃ icchamānā. Te ekaccānaṃ rūpānaṃ dassananti ete diṭṭhasuddhikā etesaṃ rūpārammaṇānaṃ olokanaṃ. Maṅgalaṃ paccentīti iddhikāraṇaṃ buddhikāraṇaṃ sabbasampattikāraṇaṃ patiṭṭhāpenti. Amaṅgalaṃ paccentīti aniddhikāraṇaṃ na buddhikāraṇaṃ na sampattikāraṇaṃ patiṭṭhāpenti. Te kālato vuṭṭhahitvāti ete diṭṭhādimaṅgalikā puretarameva uṭṭhahitvā. Abhimaṅgalagatānīti visesena vuḍḍhikāraṇagatāni. Rūpāni passantīti nānāvidhāni rūpārammaṇāni dakkhanti. Cāṭakasakuṇanti evaṃnāmakaṃ. Phussaveḷuvalaṭṭhinti phussanakkhattena uppannaṃ taruṇabeḷuvalaṭṭhiṃ. Gabbhinitthinti sagabbhaṃ itthiṃ. Kumārakaṃ khandhe āropetvā gacchantanti taruṇadārakaṃ aṃse ussāpetvā gacchamānaṃ. Puṇṇaghaṭanti udakapuṇṇaghaṭaṃ. Rohitamacchanti rattarohitamacchaṃ. Ājaññarathanti sindhavayuttarathaṃ. Usabhanti maṅgalausabhaṃ. Gokapilanti kapilagāviṃ.
ปลาลปุญฺชนฺติ ถุสราสิํฯ ตกฺกฆฎนฺติ โคตกฺกาทิปูริตจาฎิํฯ ริตฺตฆฎนฺติ ตุจฺฉฆฎํฯ นฎนฺติ นฎกาทิํฯ ‘‘ธุตฺตกิริย’’นฺติ เอเกฯ นคฺคสมณกนฺติ นิโจฺจฬสมณํ ฯ ขรนฺติ คทฺรภํฯ ขรยานนฺติ คทฺรภยุตฺตํ วยฺหาทิกํฯ เอกยุตฺตยานนฺติ เอเกน วาหเนน สํยุตฺตํ ยานํฯ กาณนฺติ เอกกฺขิอุภยกฺขิกาณํฯ กุณินฺติ หตฺถกุณิํฯ ขญฺชนฺติ ขญฺชปาทํ ติริยคตปาทํฯ ปกฺขหตนฺติ ปีฐสปฺปิํฯ ชิณฺณกนฺติ ชราชิณฺณํฯ พฺยาธิกนฺติ พฺยาธิปีฬิตํฯ มตนฺติ กาลงฺกตํฯ
Palālapuñjanti thusarāsiṃ. Takkaghaṭanti gotakkādipūritacāṭiṃ. Rittaghaṭanti tucchaghaṭaṃ. Naṭanti naṭakādiṃ. ‘‘Dhuttakiriya’’nti eke. Naggasamaṇakanti niccoḷasamaṇaṃ . Kharanti gadrabhaṃ. Kharayānanti gadrabhayuttaṃ vayhādikaṃ. Ekayuttayānanti ekena vāhanena saṃyuttaṃ yānaṃ. Kāṇanti ekakkhiubhayakkhikāṇaṃ. Kuṇinti hatthakuṇiṃ. Khañjanti khañjapādaṃ tiriyagatapādaṃ. Pakkhahatanti pīṭhasappiṃ. Jiṇṇakanti jarājiṇṇaṃ. Byādhikanti byādhipīḷitaṃ. Matanti kālaṅkataṃ.
สุตสุทฺธิกาติ โสตวิญฺญาเณน สุเตน สุทฺธิํ อิจฺฉมานาฯ สทฺทานํ สวนนฺติ สทฺทารมฺมณานํ สวนํฯ วฑฺฒาติ วาติอาทโย โลเก ปวตฺตสทฺทมตฺตานิ คเหตฺวา วุตฺตาฯ อมงฺคลํ ปน ‘‘กาโณ’’ติอาทินา เตน เตน นาเมน วุตฺตสทฺทาเยวฯ ‘‘ฉินฺท’’นฺติ วาติ หตฺถปาทาทิจฺฉินฺนนฺติ วาฯ ‘‘ภินฺท’’นฺติ วาติ สีสาทิภินฺนนฺติ วาฯ ‘‘ทฑฺฒ’’นฺติ วาติ อคฺคินา ฌาปิตนฺติ วาฯ ‘‘นฎฺฐ’’นฺติ วาติ โจราทีหิ วินาสิตนฺติ วาฯ ‘‘นตฺถี’’ติ วาติ น วิชฺชตีติ วาฯ
Sutasuddhikāti sotaviññāṇena sutena suddhiṃ icchamānā. Saddānaṃ savananti saddārammaṇānaṃ savanaṃ. Vaḍḍhāti vātiādayo loke pavattasaddamattāni gahetvā vuttā. Amaṅgalaṃ pana ‘‘kāṇo’’tiādinā tena tena nāmena vuttasaddāyeva. ‘‘Chinda’’nti vāti hatthapādādicchinnanti vā. ‘‘Bhinda’’nti vāti sīsādibhinnanti vā. ‘‘Daḍḍha’’nti vāti agginā jhāpitanti vā. ‘‘Naṭṭha’’nti vāti corādīhi vināsitanti vā. ‘‘Natthī’’ti vāti na vijjatīti vā.
สีลสุทฺธิกาติ สีเลน วิสุทฺธิํ อิจฺฉนกาฯ สีลมเตฺตนาติ สํวรณมเตฺตนฯ สํยมมเตฺตนาติ อุปรมมเตฺตนฯ สํวรมเตฺตนาติ ทฺวารถกนมเตฺตนฯ อวีติกฺกมมเตฺตนาติ น อติกฺกมิตมเตฺตนฯ สมโณ มุณฺฑิกาปุโตฺตติ มาติโต ลทฺธนามํฯ สมฺปนฺนกุสลนฺติ ปริปุณฺณกุสลํฯ ปรมกุสลนฺติ อุตฺตมกุสลํฯ อุตฺตมปตฺติปฺปตฺตนฺติ อุตฺตมํ อรหตฺตํ ปาปุณิตพฺพตํ ปตฺวา ฐิตํฯ อโยชฺชนฺติ ปราเชตุํ อสกฺกุเณยฺยํ สมณํฯ
Sīlasuddhikāti sīlena visuddhiṃ icchanakā. Sīlamattenāti saṃvaraṇamattena. Saṃyamamattenāti uparamamattena. Saṃvaramattenāti dvārathakanamattena. Avītikkamamattenāti na atikkamitamattena. Samaṇo muṇḍikāputtoti mātito laddhanāmaṃ. Sampannakusalanti paripuṇṇakusalaṃ. Paramakusalanti uttamakusalaṃ. Uttamapattippattanti uttamaṃ arahattaṃ pāpuṇitabbataṃ patvā ṭhitaṃ. Ayojjanti parājetuṃ asakkuṇeyyaṃ samaṇaṃ.
วตสุทฺธิกาติ สมาทาเนน วเตน สุทฺธิํ อิจฺฉนกาฯ หตฺถิวติกา วาติ สมาทินฺนํ หตฺถิวตํ เอเตสํ อตฺถีติ หตฺถิวติกา, สพฺพหตฺถิกิริยํ กโรนฺตีติ อโตฺถฯ กถํ? ‘‘อชฺช ปฎฺฐาย หตฺถีหิ กาตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ เอวํ อุปฺปนฺนจิตฺตา หตฺถีนํ คมนาการํ ติฎฺฐนาการํ นิสีทนาการํ สยนาการํ อุจฺจารปสฺสาวกรณาการํ, อเญฺญ หตฺถี ทิสฺวา โสณฺฑํ อุสฺสาเปตฺวา คมนาการญฺจ สพฺพํ กโรนฺตีติ หตฺถิวติกาฯ อสฺสวติกาทีสุปิ ลพฺภมานวเสน ยถาโยคํ โยเชตพฺพํฯ เตสุ อวสาเน ทิสาวติกา วาติ ปุรตฺถิมาทิทิสานํ นมสฺสนวเสน สมาทินฺนทิสาวติกา, เอเตสํ วุตฺตปฺปการานํ สมณพฺราหฺมณานํ วตสมาทานํ สมฺปชฺชมานํ หตฺถิอาทีนํ สหพฺยตํ อุปเนติฯ สเจ โข ปนสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิ โหติ ‘‘อิมินาหํ สีลวตสมาทานพฺรหฺมจริเยน เทโว วา เทวญฺญตโร วา โหมี’’ติ จินฺตยนฺตสฺส นิรยติรจฺฉานโยนีนํ อญฺญตโร โหตีติ ญาตพฺพํฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา (ม. นิ. ๒.๗๙) –
Vatasuddhikāti samādānena vatena suddhiṃ icchanakā. Hatthivatikā vāti samādinnaṃ hatthivataṃ etesaṃ atthīti hatthivatikā, sabbahatthikiriyaṃ karontīti attho. Kathaṃ? ‘‘Ajja paṭṭhāya hatthīhi kātabbaṃ karissāmī’’ti evaṃ uppannacittā hatthīnaṃ gamanākāraṃ tiṭṭhanākāraṃ nisīdanākāraṃ sayanākāraṃ uccārapassāvakaraṇākāraṃ, aññe hatthī disvā soṇḍaṃ ussāpetvā gamanākārañca sabbaṃ karontīti hatthivatikā. Assavatikādīsupi labbhamānavasena yathāyogaṃ yojetabbaṃ. Tesu avasāne disāvatikā vāti puratthimādidisānaṃ namassanavasena samādinnadisāvatikā, etesaṃ vuttappakārānaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ vatasamādānaṃ sampajjamānaṃ hatthiādīnaṃ sahabyataṃ upaneti. Sace kho panassa micchādiṭṭhi hoti ‘‘imināhaṃ sīlavatasamādānabrahmacariyena devo vā devaññataro vā homī’’ti cintayantassa nirayatiracchānayonīnaṃ aññataro hotīti ñātabbaṃ. Vuttañhetaṃ bhagavatā (ma. ni. 2.79) –
‘‘อิธ , ปุณฺณ, เอกโจฺจ กุกฺกุรวตํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อโพฺพกิณฺณํ, กุกฺกุรสีลํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อโพฺพกิณฺณํ, กุกฺกุรจิตฺตํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อโพฺพกิณฺณํ, กุกฺกุรากปฺปํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อโพฺพกิณฺณํฯ โส กุกฺกุรวตํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อโพฺพกิณฺณํ, กุกฺกุรสีลํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อโพฺพกิณฺณํ, กุกฺกุรจิตฺตํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อโพฺพกิณฺณํ, กุกฺกุรากปฺปํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อโพฺพกิณฺณํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา กุกฺกุรานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติฯ สเจ โข ปนสฺส เอวํทิฎฺฐิ โหติ ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวญฺญตโร วา’ติ, สาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิสฺส โข อหํ, ปุณฺณ, ทฺวินฺนํ คตีนํ อญฺญตรํ คติํ วทามิ นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนิํ วาฯ อิติ โข, ปุณฺณ, สมฺปชฺชมานํ กุกฺกุรวตํ กุกฺกุรานํ สหพฺยตํ อุปเนติ, วิปชฺชมานํ นิรย’’นฺติฯ
‘‘Idha , puṇṇa, ekacco kukkuravataṃ bhāveti paripuṇṇaṃ abbokiṇṇaṃ, kukkurasīlaṃ bhāveti paripuṇṇaṃ abbokiṇṇaṃ, kukkuracittaṃ bhāveti paripuṇṇaṃ abbokiṇṇaṃ, kukkurākappaṃ bhāveti paripuṇṇaṃ abbokiṇṇaṃ. So kukkuravataṃ bhāvetvā paripuṇṇaṃ abbokiṇṇaṃ, kukkurasīlaṃ bhāvetvā paripuṇṇaṃ abbokiṇṇaṃ, kukkuracittaṃ bhāvetvā paripuṇṇaṃ abbokiṇṇaṃ, kukkurākappaṃ bhāvetvā paripuṇṇaṃ abbokiṇṇaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā kukkurānaṃ sahabyataṃ upapajjati. Sace kho panassa evaṃdiṭṭhi hoti ‘imināhaṃ sīlena vā vatena vā tapena vā brahmacariyena vā devo vā bhavissāmi devaññataro vā’ti, sāssa hoti micchādiṭṭhi. Micchādiṭṭhissa kho ahaṃ, puṇṇa, dvinnaṃ gatīnaṃ aññataraṃ gatiṃ vadāmi nirayaṃ vā tiracchānayoniṃ vā. Iti kho, puṇṇa, sampajjamānaṃ kukkuravataṃ kukkurānaṃ sahabyataṃ upaneti, vipajjamānaṃ niraya’’nti.
คนฺธพฺพวติกาทโย คนฺธพฺพาทีนํ สหพฺยตํ อุปคจฺฉนฺตีติ อโตฺถ น คเหตโพฺพ, มิจฺฉาทิฎฺฐิยา คหิตตฺตา นิรยติรจฺฉานโยนิเมว อุปคจฺฉนฺตีติ คเหตโพฺพฯ
Gandhabbavatikādayo gandhabbādīnaṃ sahabyataṃ upagacchantīti attho na gahetabbo, micchādiṭṭhiyā gahitattā nirayatiracchānayonimeva upagacchantīti gahetabbo.
มุตสุทฺธิกาติ ผุสิเตน สุทฺธิกาฯ ปถวิํ อามสนฺตีติ สสมฺภาริกํ มหาปถวิํ กาเยน ผุสนฺติฯ หริตนฺติ อลฺลนีลสทฺทลํฯ โคมยนฺติ ควาทิโคมยํฯ กจฺฉปนฺติ อฎฺฐิกจฺฉปาทิอเนกวิธํฯ ผาลํ อกฺกมนฺตีติ อยผาลํ มทฺทนฺติฯ ติลวาหนฺติ ติลสกฎํ ติลราสิํ วาฯ ผุสฺสติลํ ขาทนฺตีติ มงฺคลปฎิสํยุตฺตํ ติลํ ขาทนฺติฯ ผุสฺสเตลํ มเกฺขนฺตีติ ตถารูปํ ติลเตลํ สรีรพฺภญฺชนํ กโรนฺติฯ ทนฺตกฎฺฐนฺติ ทนฺตโปณํฯ มตฺติกาย นฺหายนฺตีติ กุงฺกุฎฺฐาทิกาย สณฺหมตฺติกาย สรีรํ อุพฺพเฎฺฎตฺวา นฺหายนฺติฯ สาฎกํ นิวาเสนฺตีติ มงฺคลปฎิสํยุตฺตํ วตฺถํ ปริทหนฺติฯ เวฐนํ เวเฐนฺตีติ สีสเวฐนํ ปตฺตุณฺณาทิปฎํ สีเส ฐเปนฺติ ปฎิมุจฺจนฺติฯ
Mutasuddhikāti phusitena suddhikā. Pathaviṃ āmasantīti sasambhārikaṃ mahāpathaviṃ kāyena phusanti. Haritanti allanīlasaddalaṃ. Gomayanti gavādigomayaṃ. Kacchapanti aṭṭhikacchapādianekavidhaṃ. Phālaṃ akkamantīti ayaphālaṃ maddanti. Tilavāhanti tilasakaṭaṃ tilarāsiṃ vā. Phussatilaṃ khādantīti maṅgalapaṭisaṃyuttaṃ tilaṃ khādanti. Phussatelaṃ makkhentīti tathārūpaṃ tilatelaṃ sarīrabbhañjanaṃ karonti. Dantakaṭṭhanti dantapoṇaṃ. Mattikāya nhāyantīti kuṅkuṭṭhādikāya saṇhamattikāya sarīraṃ ubbaṭṭetvā nhāyanti. Sāṭakaṃ nivāsentīti maṅgalapaṭisaṃyuttaṃ vatthaṃ paridahanti. Veṭhanaṃ veṭhentīti sīsaveṭhanaṃ pattuṇṇādipaṭaṃ sīse ṭhapenti paṭimuccanti.
เตธาตุกํ กุสลาภิสงฺขารนฺติ กามธาตุรูปธาตุอรูปธาตูสุ ปฎิสนฺธิทายกํ โกสลฺลสมฺภูตํ ปจฺจยาภิสงฺขารํฯ สพฺพํ อกุสลนฺติ ทฺวาทสวิธํ อโกสลฺลสมฺภูตํ อกุสลํฯ ยโตติ ยทาฯ เต ทสวิโธ ปุญฺญาภิสงฺขาโร จ, ทฺวาทสวิโธ อปุญฺญาภิสงฺขาโร จ, จตุพฺพิโธ อาเนญฺชาภิสงฺขาโร จ ยถานุรูปํ สมุเจฺฉทปฺปหาเนน ปหีนา โหนฺติฯ อตฺตทิฎฺฐิชโหติ ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ คหิตทิฎฺฐิํ ชโหฯ คาหํ ชโหติ ‘‘เอโสหมสฺมี’’ติ มานสมฺปยุตฺตคหณํ ชโหฯ ปุน อตฺตญฺชโหติ ‘‘เอตํ มมา’’ติ ตณฺหาคหณวเสน จ ทิฎฺฐิคหณวเสน จ ปรามสิตฺวา คหิตํ, ปรโต อามฎฺฐญฺจ, ตสฺมิํ อภินิวิฎฺฐญฺจ, พลวตณฺหาวเสน คิลิตฺวา อโชฺฌสิตญฺจ, พลวมุจฺฉิตญฺจฯ สพฺพํ ตํ จตฺตํ โหตีติอาทโย วุตฺตนยาเยวฯ
Tedhātukaṃ kusalābhisaṅkhāranti kāmadhāturūpadhātuarūpadhātūsu paṭisandhidāyakaṃ kosallasambhūtaṃ paccayābhisaṅkhāraṃ. Sabbaṃ akusalanti dvādasavidhaṃ akosallasambhūtaṃ akusalaṃ. Yatoti yadā. Te dasavidho puññābhisaṅkhāro ca, dvādasavidho apuññābhisaṅkhāro ca, catubbidho āneñjābhisaṅkhāro ca yathānurūpaṃ samucchedappahānena pahīnā honti. Attadiṭṭhijahoti ‘‘eso me attā’’ti gahitadiṭṭhiṃ jaho. Gāhaṃ jahoti ‘‘esohamasmī’’ti mānasampayuttagahaṇaṃ jaho. Puna attañjahoti ‘‘etaṃ mamā’’ti taṇhāgahaṇavasena ca diṭṭhigahaṇavasena ca parāmasitvā gahitaṃ, parato āmaṭṭhañca, tasmiṃ abhiniviṭṭhañca, balavataṇhāvasena gilitvā ajjhositañca, balavamucchitañca. Sabbaṃ taṃ cattaṃ hotītiādayo vuttanayāyeva.
๒๖. เอวํ ‘‘น พฺราหฺมโณ อญฺญโต สุทฺธิมาหา’’ติ วตฺวา อิทานิ เย ทิฎฺฐิคติกา อญฺญโต สุทฺธิํ พฺรุวนฺติ, เตสํ ตสฺสา ทิฎฺฐิยา อนิพฺพาหกภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปุริมํ ปหายา’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – เตหิ อญฺญโต สุทฺธิวาทา สมานาปิ ยสฺสา ทิฎฺฐิยา อปฺปหีนตฺตา คหณมุญฺจนํ โหติ, ตาย ปุริมํ สตฺถาราทิํ ปหาย อปรํ นิสฺสิตา, เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย อนุคตา อภิภูตา ราคาทิเภทํ น ตรนฺติ สงฺคํ, ตญฺจ อตรนฺตา ตํ ตํ ธมฺมํ อุคฺคณฺหนฺติ จ นิรสฺสชนฺติ จ มกฺกโฎว สาขนฺติฯ
26. Evaṃ ‘‘na brāhmaṇo aññato suddhimāhā’’ti vatvā idāni ye diṭṭhigatikā aññato suddhiṃ bruvanti, tesaṃ tassā diṭṭhiyā anibbāhakabhāvaṃ dassento ‘‘purimaṃ pahāyā’’ti gāthamāha. Tassattho – tehi aññato suddhivādā samānāpi yassā diṭṭhiyā appahīnattā gahaṇamuñcanaṃ hoti, tāya purimaṃ satthārādiṃ pahāya aparaṃ nissitā, ejāsaṅkhātāya taṇhāya anugatā abhibhūtā rāgādibhedaṃ na taranti saṅgaṃ, tañca atarantā taṃ taṃ dhammaṃ uggaṇhanti ca nirassajanti ca makkaṭova sākhanti.
ปุริมํ สตฺถารํ ปหายาติ ปุริมคหิตํ สตฺถุปฎิญฺญํ วเชฺชตฺวาฯ ปรํ สตฺถารํ นิสฺสิตาติ อญฺญํ สตฺถุปฎิญฺญํ นิสฺสิตา อลฺลีนาฯ ปุริมํ ธมฺมกฺขานํ ปหายาติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
Purimaṃ satthāraṃ pahāyāti purimagahitaṃ satthupaṭiññaṃ vajjetvā. Paraṃ satthāraṃ nissitāti aññaṃ satthupaṭiññaṃ nissitā allīnā. Purimaṃ dhammakkhānaṃ pahāyātiādīsupi eseva nayo.
เอชานุคาติ ตณฺหาย อนุคาฯ เอชานุคตาติ ตณฺหาย อนุคตาฯ เอชานุสฎาติ ตณฺหาย อนุสฎา ปกฺขนฺทา วาฯ เอชาย ปนฺนา ปติตาติ ตณฺหาย นิมุคฺคา จ นิกฺขิปิตา จฯ
Ejānugāti taṇhāya anugā. Ejānugatāti taṇhāya anugatā. Ejānusaṭāti taṇhāya anusaṭā pakkhandā vā. Ejāya pannā patitāti taṇhāya nimuggā ca nikkhipitā ca.
มกฺกโฎติ วานโรฯ อรเญฺญติ วิปิเนฯ ปวเนติ มหาวเนฯ จรมาโนติ คจฺฉมาโนฯ เอวเมวาติ โอปมฺมสํสนฺทนํฯ ปุถูติ นานาฯ ปุถุทิฎฺฐิคตานีติ นานาวิธานิ ทิฎฺฐิคตานิฯ คณฺหนฺติ จ มุญฺจนฺติ จาติ คหณวเสน คณฺหนฺติ จ จชนวเสน มุญฺจนฺติ จฯ อาทิยนฺติ จ นิรสฺสชนฺติ จาติ ปลิโพธํ กโรนฺติ จ วิสฺสเชฺชนฺติ จ ขิปนฺติ จฯ
Makkaṭoti vānaro. Araññeti vipine. Pavaneti mahāvane. Caramānoti gacchamāno. Evamevāti opammasaṃsandanaṃ. Puthūti nānā. Puthudiṭṭhigatānīti nānāvidhāni diṭṭhigatāni. Gaṇhanti ca muñcanti cāti gahaṇavasena gaṇhanti ca cajanavasena muñcanti ca. Ādiyanti ca nirassajanti cāti palibodhaṃ karonti ca vissajjenti ca khipanti ca.
๒๗. ปญฺจมคาถาย จ สมฺพโนฺธ – โย จ โส ‘‘ทิฎฺฐี หิ นํ ปาว ตถา วทาน’’นฺติ วุโตฺต, โส สยํ สมาทายาติฯ ตตฺถ สยนฺติ สามํ ฯ สมาทายาติ คเหตฺวาฯ วตานีติ หตฺถิวตาทีนิฯ อุจฺจาวจนฺติ อปราปรํ, หีนปณีตํ วา สตฺถารโต สตฺถาราทิํฯ สญฺญสโตฺตติ กามสญฺญาทีสุ ลโคฺคฯ วิทฺวา จ เวเทหิ สเมจฺจ ธมฺมนฺติ ปรมตฺถวิทฺวา จ อรหา จตูหิ มคฺคญาณเวเทหิ จตุสจฺจธมฺมํ อภิสเมจฺจาติฯ เสสํ ปากฎเมวฯ
27. Pañcamagāthāya ca sambandho – yo ca so ‘‘diṭṭhī hi naṃ pāva tathā vadāna’’nti vutto, so sayaṃ samādāyāti. Tattha sayanti sāmaṃ . Samādāyāti gahetvā. Vatānīti hatthivatādīni. Uccāvacanti aparāparaṃ, hīnapaṇītaṃ vā satthārato satthārādiṃ. Saññasattoti kāmasaññādīsu laggo. Vidvā ca vedehi samecca dhammanti paramatthavidvā ca arahā catūhi maggañāṇavedehi catusaccadhammaṃ abhisameccāti. Sesaṃ pākaṭameva.
สามํ สมาทายาติ สยเมว คเหตฺวาฯ อาทายาติ อาทิยิตฺวา คณฺหิตฺวาฯ สมาทายาติ สมฺมา อาทายฯ อาทิยิตฺวาติ ปลิโพธํ กตฺวาฯ สมาทิยิตฺวาติ สมฺมา ปลิโพธํ กตฺวาฯ คณฺหิตฺวาติ อวิสฺสเชฺชตฺวาฯ ปรามสิตฺวาติ ทสฺสิตฺวาฯ อภินิวิสิตฺวาติ ปติฎฺฐหิตฺวาฯ กามสญฺญาทโย วุตฺตนยา เอวฯ
Sāmaṃ samādāyāti sayameva gahetvā. Ādāyāti ādiyitvā gaṇhitvā. Samādāyāti sammā ādāya. Ādiyitvāti palibodhaṃ katvā. Samādiyitvāti sammā palibodhaṃ katvā. Gaṇhitvāti avissajjetvā. Parāmasitvāti dassitvā. Abhinivisitvāti patiṭṭhahitvā. Kāmasaññādayo vuttanayā eva.
วิทฺวาติ เมธาวีฯ วิชฺชาคโตติ วิชานนภาวํ คโตฯ ญาณีติ ปญฺญาสมฺปโนฺนฯ วิภาวีติ ญาเณน วีมํสโกฯ เมธาวีติ อนิจฺจาทีหิ ตุลิตญาโณฯ ปญฺญาติอาทโย เหฎฺฐา วุตฺตนยาเยวฯ จตุสจฺจธมฺมํ วิจินาตีติ ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺคฯ โพชฺฌงฺคโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺตวฯ วีมํสาติ จตุสจฺจธมฺมวิจินนา ปญฺญาวฯ ‘‘วีมํสา ธมฺมจินฺตนา’’ติ หิ วุตฺตาฯ วิปสฺสนาติ มคฺคสมฺปยุตฺตา วิวิธากาเรน ปสฺสนา ปญฺญาวฯ สมฺมาทิฎฺฐีติ โสภนา ปสฎฺฐา สุนฺทรา มคฺคสมฺปยุตฺตา สมฺมาทิฎฺฐิฯ เตหิ เวเทหีติ เอเตเหว จตูหิ มคฺคญาเณหิฯ อนฺตคโตติ ชาติชรามรณสฺส ปริโยสานํ คโตฯ โกฎิคโตติอาทโย เหฎฺฐา วุตฺตนยาวฯ เวทานํ วา อนฺตคโตติ ชานิตพฺพานํ อวสานปฺปโตฺตฯ เวเทหิ วา อนฺตคโตติ จตูหิ มคฺคญาณเวเทหิ วฎฺฎทุกฺขสฺส ปริยนฺตภาเวน อนฺตสงฺขาตํ นิพฺพานํ คโตฯ วิทิตตฺตาติ วิทิตภาเวน ชานิตภาเวนฯ
Vidvāti medhāvī. Vijjāgatoti vijānanabhāvaṃ gato. Ñāṇīti paññāsampanno. Vibhāvīti ñāṇena vīmaṃsako. Medhāvīti aniccādīhi tulitañāṇo. Paññātiādayo heṭṭhā vuttanayāyeva. Catusaccadhammaṃ vicinātīti dhammavicayasambojjhaṅgo. Bojjhaṅgattho heṭṭhā vuttova. Vīmaṃsāti catusaccadhammavicinanā paññāva. ‘‘Vīmaṃsā dhammacintanā’’ti hi vuttā. Vipassanāti maggasampayuttā vividhākārena passanā paññāva. Sammādiṭṭhīti sobhanā pasaṭṭhā sundarā maggasampayuttā sammādiṭṭhi. Tehi vedehīti eteheva catūhi maggañāṇehi. Antagatoti jātijarāmaraṇassa pariyosānaṃ gato. Koṭigatotiādayo heṭṭhā vuttanayāva. Vedānaṃ vā antagatoti jānitabbānaṃ avasānappatto. Vedehi vā antagatoti catūhi maggañāṇavedehi vaṭṭadukkhassa pariyantabhāvena antasaṅkhātaṃ nibbānaṃ gato. Viditattāti viditabhāvena jānitabhāvena.
เวทานิ วิเจยฺย เกวลานีติ คาถาย อยมโตฺถ – โย จตูหิ มคฺคญาณเวเทหิ กิเลสกฺขยํ กโรโนฺต คโต, โส ปรมตฺถโต เวทคู นาม โหติฯ โสว สพฺพสมณพฺราหฺมณานํ สตฺถสญฺญิตานิ เวทานิ ตาเยว มคฺคภาวนาย กิจฺจโต อนิจฺจาทิวเสน วิเจยฺยฯ ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปหาเนน ตเมว สพฺพํ เวทมติจฺจ ยาปิ เวทปจฺจยา, อญฺญถา วา อุปฺปชฺชนฺติ เวทนา, ตาสุ สพฺพเวทนาสุ วีตราโค โหติฯ ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘กิํ ปตฺตินมาหุ เวทคุ’’นฺติ (สุ. นิ. ๕๓๓) ปุโฎฺฐ ‘‘อิทํ ปตฺติน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘เวทานิ วิเจยฺย…เป.… เวทคู โส’’ติ อาหฯ ยสฺมา วา โย ปวิจยปญฺญาย เวทานิ วิเจยฺย, ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปหาเนน สพฺพํ เวทมติจฺจ วตฺตติฯ โส สตฺถสญฺญิตานิ เวทานิ คโต ญาโต อติกฺกโนฺตว โหติฯ โย เวทนาสุ วีตราโค, โสปิ เวทนาสญฺญิตานิ เวทานิ คโต อติกฺกโนฺต , อติเวทนํ คโตติปิ เวทคูฯ ตสฺมา ตมฺปิ อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิทํ ปตฺติน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘เวทานิ วิเจยฺย…เป.… เวทคู โส’’ติ อาหฯ
Vedāni viceyya kevalānīti gāthāya ayamattho – yo catūhi maggañāṇavedehi kilesakkhayaṃ karonto gato, so paramatthato vedagū nāma hoti. Sova sabbasamaṇabrāhmaṇānaṃ satthasaññitāni vedāni tāyeva maggabhāvanāya kiccato aniccādivasena viceyya. Tattha chandarāgappahānena tameva sabbaṃ vedamaticca yāpi vedapaccayā, aññathā vā uppajjanti vedanā, tāsu sabbavedanāsu vītarāgo hoti. Tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘kiṃ pattinamāhu vedagu’’nti (su. ni. 533) puṭṭho ‘‘idaṃ pattina’’nti avatvā ‘‘vedāni viceyya…pe… vedagū so’’ti āha. Yasmā vā yo pavicayapaññāya vedāni viceyya, tattha chandarāgappahānena sabbaṃ vedamaticca vattati. So satthasaññitāni vedāni gato ñāto atikkantova hoti. Yo vedanāsuvītarāgo, sopi vedanāsaññitāni vedāni gato atikkanto , ativedanaṃ gatotipi vedagū. Tasmā tampi atthaṃ dassento ‘‘idaṃ pattina’’nti avatvā ‘‘vedāni viceyya…pe… vedagū so’’ti āha.
สเมจฺจาติ ญาเณน สมาคนฺตฺวาฯ อภิสเมจฺจาติ ญาเณน ปฎิวิชฺฌิตฺวาฯ ธมฺมนฺติ จตุสจฺจธมฺมํฯ สเพฺพ สงฺขาราติ สเพฺพ สปฺปจฺจยา ธมฺมาฯ เต หิ สงฺขตสงฺขารา นามฯ ปจฺจเยหิ สงฺคมฺม กรียนฺตีติ สงฺขารา, เต เอวํ ปจฺจเยหิ สงฺคมฺม กตตฺตา ‘‘สงฺขตา’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตาฯ ‘‘กมฺมนิพฺพตฺตา เตภูมกรูปารูปธมฺมา อภิสงฺขตสงฺขารา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๘๗) อฎฺฐกถาสุ วุตฺตาฯ เตปิ ‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๒๑, ๒๗๒; สํ. นิ. ๑.๑๘๖) สงฺขตสงฺขาเรสุ สงฺคหํ คจฺฉนฺติฯ ‘‘อวิชฺชาคโตยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล ปุญฺญเญฺจ สงฺขารํ อภิสงฺขโรตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๑) อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราว อาคตาฯ เตภูมิกกุสลากุสลเจตนา อภิสงฺขรณกสงฺขารา นามฯ ‘‘ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ, ตาวติกํ คนฺตฺวา อกฺขาหตํ มเญฺญ อฎฺฐาสี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๑๕) อาคตํ กายิกเจตสิกวีริยํ ปโยคาภิสงฺขาโร นามฯ ‘‘สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปนฺนสฺส โข, อาวุโส วิสาข, ภิกฺขุโน ปฐมํ นิรุชฺฌติ วจีสงฺขาโร, ตโต กายสงฺขาโร, ตโต จิตฺตสงฺขาโร’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๖๔) อาคตา วิตกฺกวิจารา วาจํ สงฺขโรนฺตีติ วจีสงฺขารา, อสฺสาสปสฺสาสา กาเยน สงฺขรียนฺตีติ กายสงฺขารา, สญฺญา จ เวทนา จ จิเตฺตน สงฺขรียนฺตีติ จิตฺตสงฺขาราฯ อิธ ปน สงฺขตสงฺขารา อธิเปฺปตาฯ อนิจฺจา หุตฺวา อภาวเฎฺฐนฯ ทุกฺขา ปฎิปีฬนเฎฺฐนฯ สเพฺพ ธมฺมาติ นิพฺพานมฺปิ อโนฺตกตฺวา วุตฺตาฯ อนตฺตา อวสวตฺตนเฎฺฐนฯ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ เอตฺถ ยํ ปฎิจฺจ ผลเมติ, โส ปจฺจโยฯ ปฎิจฺจาติ น วินา, อปจฺจกฺขิตฺวาติ อโตฺถฯ เอตีติ อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จาติ อโตฺถฯ อปิจ อุปการกโฎฺฐ ปจฺจยโฎฺฐฯ อวิชฺชา จ สา ปจฺจโย จาติ อวิชฺชาปจฺจโย, ตสฺมา อวิชฺชาปจฺจยาฯ สงฺขารา สมฺภวนฺตีติ นิพฺพตฺตนฺติ, เอวํ สมฺภวนฺติสทฺทสฺส เสสปเทหิปิ โยชนา กาตพฺพาฯ
Sameccāti ñāṇena samāgantvā. Abhisameccāti ñāṇena paṭivijjhitvā. Dhammanti catusaccadhammaṃ. Sabbe saṅkhārāti sabbe sappaccayā dhammā. Te hi saṅkhatasaṅkhārā nāma. Paccayehi saṅgamma karīyantīti saṅkhārā, te evaṃ paccayehi saṅgamma katattā ‘‘saṅkhatā’’ti visesetvā vuttā. ‘‘Kammanibbattā tebhūmakarūpārūpadhammā abhisaṅkhatasaṅkhārā’’ti (visuddhi. 2.587) aṭṭhakathāsu vuttā. Tepi ‘‘aniccā vata saṅkhārā’’tiādīsu (dī. ni. 2.221, 272; saṃ. ni. 1.186) saṅkhatasaṅkhāresu saṅgahaṃ gacchanti. ‘‘Avijjāgatoyaṃ, bhikkhave, purisapuggalo puññañce saṅkhāraṃ abhisaṅkharotī’’tiādīsu (saṃ. ni. 2.51) avijjāpaccayā saṅkhārāva āgatā. Tebhūmikakusalākusalacetanā abhisaṅkharaṇakasaṅkhārā nāma. ‘‘Yāvatikā abhisaṅkhārassa gati, tāvatikaṃ gantvā akkhāhataṃ maññe aṭṭhāsī’’tiādīsu (a. ni. 3.15) āgataṃ kāyikacetasikavīriyaṃ payogābhisaṅkhāro nāma. ‘‘Saññāvedayitanirodhaṃ samāpannassa kho, āvuso visākha, bhikkhuno paṭhamaṃ nirujjhati vacīsaṅkhāro, tato kāyasaṅkhāro, tato cittasaṅkhāro’’tiādīsu (ma. ni. 1.464) āgatā vitakkavicārā vācaṃ saṅkharontīti vacīsaṅkhārā, assāsapassāsā kāyena saṅkharīyantīti kāyasaṅkhārā, saññā ca vedanā ca cittena saṅkharīyantīti cittasaṅkhārā. Idha pana saṅkhatasaṅkhārā adhippetā. Aniccā hutvā abhāvaṭṭhena. Dukkhā paṭipīḷanaṭṭhena. Sabbe dhammāti nibbānampi antokatvā vuttā. Anattā avasavattanaṭṭhena. Avijjāpaccayā saṅkhārāti ettha yaṃ paṭicca phalameti, so paccayo. Paṭiccāti na vinā, apaccakkhitvāti attho. Etīti uppajjati ceva pavattati cāti attho. Apica upakārakaṭṭho paccayaṭṭho. Avijjā ca sā paccayo cāti avijjāpaccayo, tasmā avijjāpaccayā. Saṅkhārā sambhavantīti nibbattanti, evaṃ sambhavantisaddassa sesapadehipi yojanā kātabbā.
ตตฺถ กตมา อวิชฺชา? ทุเกฺข อญฺญาณํ, ทุกฺขสมุทเย อญฺญาณํ, ทุกฺขนิโรเธ อญฺญาณํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย อญฺญาณํ, ปุพฺพเนฺต อญฺญาณํ, อปรเนฺต อญฺญาณํ, ปุพฺพนฺตาปรเนฺต อญฺญาณํ, อิทปฺปจฺจยตาปฎิจฺจสมุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ อญฺญาณํฯ กตเม สงฺขารา? ปุญฺญาภิสงฺขาโร อปุญฺญาภิสงฺขาโร อาเนญฺชาภิสงฺขาโร, กายสงฺขาโร วจีสงฺขาโร จิตฺตสงฺขาโร, อฎฺฐ กามาวจรกุสลเจตนา, ปญฺจ รูปาวจรกุสลเจตนา ปุญฺญาภิสงฺขาโร, ทฺวาทส อกุสลเจตนา อปุญฺญาภิสงฺขาโร, จตโสฺส อรูปาวจรกุสลเจตนา อาเนญฺชาภิสงฺขาโร, กายสเญฺจตนา กายสงฺขาโร, วจีสเญฺจตนา วจีสงฺขาโร, มโนสเญฺจตนา จิตฺตสงฺขาโรฯ
Tattha katamā avijjā? Dukkhe aññāṇaṃ, dukkhasamudaye aññāṇaṃ, dukkhanirodhe aññāṇaṃ, dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya aññāṇaṃ, pubbante aññāṇaṃ, aparante aññāṇaṃ, pubbantāparante aññāṇaṃ, idappaccayatāpaṭiccasamuppannesu dhammesu aññāṇaṃ. Katame saṅkhārā? Puññābhisaṅkhāro apuññābhisaṅkhāro āneñjābhisaṅkhāro, kāyasaṅkhāro vacīsaṅkhāro cittasaṅkhāro, aṭṭha kāmāvacarakusalacetanā, pañca rūpāvacarakusalacetanā puññābhisaṅkhāro, dvādasa akusalacetanā apuññābhisaṅkhāro, catasso arūpāvacarakusalacetanā āneñjābhisaṅkhāro, kāyasañcetanā kāyasaṅkhāro, vacīsañcetanā vacīsaṅkhāro, manosañcetanā cittasaṅkhāro.
ตตฺถ สิยา – กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ ‘‘อิเม สงฺขารา อวิชฺชาปจฺจยา โหนฺตี’’ติ? อวิชฺชาภาเว ภาวโตฯ ยสฺส หิ ทุกฺขาทีสุ อวิชฺชาสงฺขาตํ อญฺญาณํ อปฺปหีนํ โหติ, โส ทุเกฺข ตาว ปุพฺพนฺตาทีสุ จ อญฺญาเณน สํสารทุกฺขํ สุขสญฺญาย คเหตฺวา ตเสฺสว เหตุภูเต ติวิเธปิ สงฺขาเร อารภติฯ สมุทเย อญฺญาเณน ทุกฺขเหตุภูเตปิ ตณฺหาปริกฺขาเร สงฺขาเร สุขเหตุโต มญฺญมาโน อารภติฯ นิโรเธ ปน มเคฺค จ อญฺญาเณน ทุกฺขสฺส อนิโรธภูเตปิ คติวิเสเส ทุกฺขนิโรธสญฺญี หุตฺวา นิโรธสฺส จ อมคฺคภูเตสุปิ ยญฺญามรตปาทีสุ นิโรธมคฺคสญฺญี หุตฺวา ทุกฺขนิโรธํ ปตฺถยมาโน ยญฺญามรตปาทิมุเขน ติวิเธปิ สงฺขาเร อารภติฯ
Tattha siyā – kathaṃ panetaṃ jānitabbaṃ ‘‘ime saṅkhārā avijjāpaccayā hontī’’ti? Avijjābhāve bhāvato. Yassa hi dukkhādīsu avijjāsaṅkhātaṃ aññāṇaṃ appahīnaṃ hoti, so dukkhe tāva pubbantādīsu ca aññāṇena saṃsāradukkhaṃ sukhasaññāya gahetvā tasseva hetubhūte tividhepi saṅkhāre ārabhati. Samudaye aññāṇena dukkhahetubhūtepi taṇhāparikkhāre saṅkhāre sukhahetuto maññamāno ārabhati. Nirodhe pana magge ca aññāṇena dukkhassa anirodhabhūtepi gativisese dukkhanirodhasaññī hutvā nirodhassa ca amaggabhūtesupi yaññāmaratapādīsu nirodhamaggasaññī hutvā dukkhanirodhaṃ patthayamāno yaññāmaratapādimukhena tividhepi saṅkhāre ārabhati.
อปิ จ โส ตาย จตูสุ สเจฺจสุ อปฺปหีนาวิชฺชตาย วิเสสโต ชาติชราโรคมรณาทิอเนกาทีนวโวกิณฺณมฺปิ ปุญฺญผลสงฺขาตํ ทุกฺขํ ทุกฺขโต อชานโนฺต ตสฺส อธิคมาย กายวจีจิตฺตสงฺขารเภทํ ปุญฺญาภิสงฺขารํ อารภติ เทวจฺฉรกามโก วิย มรุปฺปปาตํฯ สุขสมฺมตสฺสาปิ จ ตสฺส ปุญฺญผลสฺส อเนฺต มหาปริฬาหชนิกํ วิปริณามทุกฺขตํ อปฺปสฺสาทตญฺจ อปสฺสโนฺตปิ ตปฺปจฺจยํ วุตฺตปฺปการเมว ปุญฺญาภิสงฺขารํ อารภติ สลโภ วิย ทีปสิขาภินิปาตํ, มธุพินฺทุคิโทฺธ วิย จ มธุลิตฺตสตฺถธาราเลหนํฯ
Api ca so tāya catūsu saccesu appahīnāvijjatāya visesato jātijarārogamaraṇādianekādīnavavokiṇṇampi puññaphalasaṅkhātaṃ dukkhaṃ dukkhato ajānanto tassa adhigamāya kāyavacīcittasaṅkhārabhedaṃ puññābhisaṅkhāraṃ ārabhati devaccharakāmako viya maruppapātaṃ. Sukhasammatassāpi ca tassa puññaphalassa ante mahāpariḷāhajanikaṃ vipariṇāmadukkhataṃ appassādatañca apassantopi tappaccayaṃ vuttappakārameva puññābhisaṅkhāraṃ ārabhati salabho viya dīpasikhābhinipātaṃ, madhubindugiddho viya ca madhulittasatthadhārālehanaṃ.
กามุปเสวนาทีสุ จ สวิปาเกสุ อาทีนวํ อปสฺสโนฺต สุขสญฺญาย เจว กิเลสาภิภูตตาย จ ทฺวารตฺตยปฺปวตฺตมฺปิ อปุญฺญาภิสงฺขารํ อารภติ พาโล วิย คูถกีฬนํ, มริตุกาโม วิย จ วิสขาทนํฯ อารุปฺปวิปาเกสุ จาปิ สงฺขารวิปริณามทุกฺขตํ อนวพุชฺฌมาโน สสฺสตาทิวิปลฺลาเสน จิตฺตสงฺขารภูตํ อาเนญฺชาภิสงฺขารํ อารภติ ทิสามูโฬฺห วิย ปิสาจนคราภิมุขมคฺคคมนํฯ เอวํ ยสฺมา อวิชฺชาภาวโตว สงฺขารภาโว, น อภาวโตฯ ตสฺมา ชานิตพฺพเมตํ ‘‘อิเม สงฺขารา อวิชฺชาปจฺจยา โหนฺตี’’ติฯ
Kāmupasevanādīsu ca savipākesu ādīnavaṃ apassanto sukhasaññāya ceva kilesābhibhūtatāya ca dvārattayappavattampi apuññābhisaṅkhāraṃ ārabhati bālo viya gūthakīḷanaṃ, maritukāmo viya ca visakhādanaṃ. Āruppavipākesu cāpi saṅkhāravipariṇāmadukkhataṃ anavabujjhamāno sassatādivipallāsena cittasaṅkhārabhūtaṃ āneñjābhisaṅkhāraṃ ārabhati disāmūḷho viya pisācanagarābhimukhamaggagamanaṃ. Evaṃ yasmā avijjābhāvatova saṅkhārabhāvo, na abhāvato. Tasmā jānitabbametaṃ ‘‘ime saṅkhārā avijjāpaccayā hontī’’ti.
เอตฺถาห – คณฺหาม ตาว เอตํ ‘‘อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย’’ติ, กิํ ปนายเมกาว อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย, อุทาหุ อเญฺญปิ ปจฺจยา สนฺตีติ? กิํ ปเนตฺถ ยทิ ตาว เอกาว, เอกการณวาโท อาปชฺชติฯ อถ อเญฺญปิ สนฺติ, ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ เอกการณนิเทฺทโส นุปปชฺชตีติ? น นุปปชฺชติฯ กสฺมา? ยสฺมา –
Etthāha – gaṇhāma tāva etaṃ ‘‘avijjā saṅkhārānaṃ paccayo’’ti, kiṃ panāyamekāva avijjā saṅkhārānaṃ paccayo, udāhu aññepi paccayā santīti? Kiṃ panettha yadi tāva ekāva, ekakāraṇavādo āpajjati. Atha aññepi santi, ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā’’ti ekakāraṇaniddeso nupapajjatīti? Na nupapajjati. Kasmā? Yasmā –
‘‘เอกํ น เอกโต อิธ, นาเนกมเนกโตปิ โน เอกํ;
‘‘Ekaṃ na ekato idha, nānekamanekatopi no ekaṃ;
ผลมตฺถิ อตฺถิ ปน เอก-เหตุผลทีปเน อโตฺถ’’ฯ (วิภ. อฎฺฐ. ๒๒๖, สงฺขารปทนิเทฺทส; ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๑.๑.๑๐๕; วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๗);
Phalamatthi atthi pana eka-hetuphaladīpane attho’’. (vibha. aṭṭha. 226, saṅkhārapadaniddesa; paṭi. ma. aṭṭha. 1.1.105; visuddhi. 2.617);
ภควา หิ กตฺถจิ ปธานตฺตา, กตฺถจิ ปากฎตฺตา, กตฺถจิ อสาธารณตฺตา เทสนาวิลาสสฺส จ เวเนยฺยานญฺจ อนุรูปโต เอกเมว เหตุํ วา ผลํ วา ทีเปติฯ ตสฺมา อยมิธ อวิชฺชา วิชฺชมาเนสุปิ อเญฺญสุ วตฺถารมฺมณสหชาตธมฺมาทีสุ สงฺขารการเณสุ ‘‘อสฺสาทานุปสฺสิโน ตณฺหา ปวฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๒) จ, ‘‘อวิชฺชาสมุทยา อาสวสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๔) จ วจนโต อเญฺญสมฺปิ ตณฺหาทีนํ สงฺขารเหตูนํ เหตูติ ปธานตฺตา, ‘‘อวิทฺวา, ภิกฺขเว, อวิชฺชาคโต ปุญฺญาภิสงฺขารมฺปิ อภิสงฺขโรตี’’ติ ปากฎตฺตา, อสาธารณตฺตา จ สงฺขารานํ เหตุภาเวน ทีปิตาติ เวทิตพฺพาฯ เอเตเนว จ เอเกกเหตุผลทีปนปริหารวจเนน สพฺพตฺถ เอเกกเหตุผลทีปเน ปโยชนํ เวทิตพฺพนฺติฯ
Bhagavā hi katthaci padhānattā, katthaci pākaṭattā, katthaci asādhāraṇattā desanāvilāsassa ca veneyyānañca anurūpato ekameva hetuṃ vā phalaṃ vā dīpeti. Tasmā ayamidha avijjā vijjamānesupi aññesu vatthārammaṇasahajātadhammādīsu saṅkhārakāraṇesu ‘‘assādānupassino taṇhā pavaḍḍhatī’’ti (saṃ. ni. 2.52) ca, ‘‘avijjāsamudayā āsavasamudayo’’ti (ma. ni. 1.104) ca vacanato aññesampi taṇhādīnaṃ saṅkhārahetūnaṃ hetūti padhānattā, ‘‘avidvā, bhikkhave, avijjāgato puññābhisaṅkhārampi abhisaṅkharotī’’ti pākaṭattā, asādhāraṇattā ca saṅkhārānaṃ hetubhāvena dīpitāti veditabbā. Eteneva ca ekekahetuphaladīpanaparihāravacanena sabbattha ekekahetuphaladīpane payojanaṃ veditabbanti.
เอตฺถาห – เอวํ สเนฺตปิ เอกนฺตานิฎฺฐผลาย สาวชฺชาย อวิชฺชาย กถํ ปุญฺญาเนญฺชาภิสงฺขารปจฺจยตฺตํ ยุชฺชติ? น หิ นิมฺพพีชโต อุจฺฉุ อุปฺปชฺชตีติฯ กถํ น ยุชฺชิสฺสติ? โลกสฺมิญฺหิ –
Etthāha – evaṃ santepi ekantāniṭṭhaphalāya sāvajjāya avijjāya kathaṃ puññāneñjābhisaṅkhārapaccayattaṃ yujjati? Na hi nimbabījato ucchu uppajjatīti. Kathaṃ na yujjissati? Lokasmiñhi –
‘‘วิรุโทฺธ จา วิรุโทฺธ จ, สทิสาสทิโส ตถา;
‘‘Viruddho cā viruddho ca, sadisāsadiso tathā;
ธมฺมานํ ปจฺจโย สิโทฺธ, วิปากา เอว เต จ น’’ฯ
Dhammānaṃ paccayo siddho, vipākā eva te ca na’’.
อิติ อยํ อวิชฺชา วิปากวเสน เอกนฺตานิฎฺฐผลา, สภาววเสน จ สาวชฺชาปิ สมานา สเพฺพสมฺปิ เอเตสํ ปุญฺญาภิสงฺขาราทีนํ ยถานุรูปํ ฐานกิจฺจสภาววิรุทฺธาวิรุทฺธปจฺจยวเสน, สทิสาสทิสปจฺจยวเสน จ ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพาฯ อปิ จ อยํ อโญฺญปิ ปริยาโย –
Iti ayaṃ avijjā vipākavasena ekantāniṭṭhaphalā, sabhāvavasena ca sāvajjāpi samānā sabbesampi etesaṃ puññābhisaṅkhārādīnaṃ yathānurūpaṃ ṭhānakiccasabhāvaviruddhāviruddhapaccayavasena, sadisāsadisapaccayavasena ca paccayo hotīti veditabbā. Api ca ayaṃ aññopi pariyāyo –
‘‘จุตูปปาเต สํสาเร, สงฺขารานญฺจ ลกฺขเณ;
‘‘Cutūpapāte saṃsāre, saṅkhārānañca lakkhaṇe;
โย ปฎิจฺจสมุปฺปนฺน-ธเมฺมสุ จ วิมุยฺหติฯ
Yo paṭiccasamuppanna-dhammesu ca vimuyhati.
‘‘อภิสงฺขโรติ โส เอเต, สงฺขาเร ติวิเธ ยโต;
‘‘Abhisaṅkharoti so ete, saṅkhāre tividhe yato;
อวิชฺชา ปจฺจโย เตสํ, ติวิธานมฺปยํ ตโตฯ
Avijjā paccayo tesaṃ, tividhānampayaṃ tato.
‘‘ยถาปิ นาม ชจฺจโนฺธ, นโร อปริณายโก;
‘‘Yathāpi nāma jaccandho, naro apariṇāyako;
เอกทา ยาติ มเคฺคน, อุมฺมเคฺคนาปิ เอกทาฯ
Ekadā yāti maggena, ummaggenāpi ekadā.
‘‘สํสาเร สํสรํ พาโล, ตถา อปริณายโก;
‘‘Saṃsāre saṃsaraṃ bālo, tathā apariṇāyako;
กโรติ เอกทา ปุญฺญํ, อปุญฺญมปิ เอกทาฯ
Karoti ekadā puññaṃ, apuññamapi ekadā.
‘‘ยทา จ ญตฺวา โส ธมฺมํ, สจฺจานิ อภิสเมสฺสติ;
‘‘Yadā ca ñatvā so dhammaṃ, saccāni abhisamessati;
ตทา อวิชฺชูปสมา, อุปสโนฺต จริสฺสตี’’ติฯ
Tadā avijjūpasamā, upasanto carissatī’’ti.
สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณนฺติ ฉวิญฺญาณกายา จกฺขุวิญฺญาณํ โสตวิญฺญาณํ ฆานวิญฺญาณํ ชิวฺหาวิญฺญาณํ กายวิญฺญาณํ มโนวิญฺญาณํฯ ตตฺถ จกฺขุวิญฺญาณํ กุสลวิปากํ อกุสลวิปากนฺติ ทุวิธํฯ ตถา โสตฆานชิวฺหากายวิญฺญาณานิฯ มโนวิญฺญาณํ ปน เทฺว วิปากมโนธาตุโย, ติโสฺส อเหตุกวิปากมโนวิญฺญาณธาตุโย, อฎฺฐ สเหตุกวิปากจิตฺตานิ, ปญฺจ รูปาวจรวิปากจิตฺตานิ, จตฺตาริ อรูปาวจรวิปากจิตฺตานีติ พาวีสติวิธํฯ อิติ สพฺพานิ พาตฺติํสโลกิยวิปากวิญฺญาณานิฯ
Saṅkhārapaccayā viññāṇanti chaviññāṇakāyā cakkhuviññāṇaṃ sotaviññāṇaṃ ghānaviññāṇaṃ jivhāviññāṇaṃ kāyaviññāṇaṃ manoviññāṇaṃ. Tattha cakkhuviññāṇaṃ kusalavipākaṃ akusalavipākanti duvidhaṃ. Tathā sotaghānajivhākāyaviññāṇāni. Manoviññāṇaṃ pana dve vipākamanodhātuyo, tisso ahetukavipākamanoviññāṇadhātuyo, aṭṭha sahetukavipākacittāni, pañca rūpāvacaravipākacittāni, cattāri arūpāvacaravipākacittānīti bāvīsatividhaṃ. Iti sabbāni bāttiṃsalokiyavipākaviññāṇāni.
ตตฺถ สิยา – กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ ‘‘อิทํ วุตฺตปฺปการํ วิญฺญาณํ สงฺขารปจฺจยา โหตี’’ติ? อุปจิตกมฺมาภาเว วิปากาภาวโตฯ วิปากเญฺหตํ, วิปากญฺจ น อุปจิตกมฺมาภาเว อุปฺปชฺชติ, ยทิ อุปฺปเชฺชยฺย, สเพฺพสํ สพฺพวิปากานิ อุปฺปเชฺชยฺยุํ, น จ อุปฺปชฺชนฺตีติ ชานิตพฺพเมตํ ‘‘สงฺขารปจฺจยา อิทํ วิญฺญาณํ โหตี’’ติฯ สพฺพเมว หิ อิทํ ปวตฺติปฎิสนฺธิวเสน เทฺวธา ปวตฺตติ ฯ ตตฺถ เทฺว ปญฺจวิญฺญาณานิ, เทฺว มโนธาตุโย, โสมนสฺสสหคตา อเหตุกมโนวิญฺญาณธาตูติ อิมานิ เตรส ปญฺจโวการภเว ปวตฺติยํเยว ปวตฺตนฺติฯ เสสานิ เอกูนวีสติ ตีสุ ภเวสุ ยถานุรูปํ ปวตฺติยมฺปิ ปฎิสนฺธิยมฺปิ ปวตฺตนฺติฯ
Tattha siyā – kathaṃ panetaṃ jānitabbaṃ ‘‘idaṃ vuttappakāraṃ viññāṇaṃ saṅkhārapaccayā hotī’’ti? Upacitakammābhāve vipākābhāvato. Vipākañhetaṃ, vipākañca na upacitakammābhāve uppajjati, yadi uppajjeyya, sabbesaṃ sabbavipākāni uppajjeyyuṃ, na ca uppajjantīti jānitabbametaṃ ‘‘saṅkhārapaccayā idaṃ viññāṇaṃ hotī’’ti. Sabbameva hi idaṃ pavattipaṭisandhivasena dvedhā pavattati . Tattha dve pañcaviññāṇāni, dve manodhātuyo, somanassasahagatā ahetukamanoviññāṇadhātūti imāni terasa pañcavokārabhave pavattiyaṃyeva pavattanti. Sesāni ekūnavīsati tīsu bhavesu yathānurūpaṃ pavattiyampi paṭisandhiyampi pavattanti.
‘‘ลทฺธปฺปจฺจยมิติ ธมฺม-มตฺตเมตํ ภวนฺตรมุเปติ;
‘‘Laddhappaccayamiti dhamma-mattametaṃ bhavantaramupeti;
นาสฺส ตโต สงฺกนฺติ, น ตโต เหตุํ วินา โหติ’’ฯ
Nāssa tato saṅkanti, na tato hetuṃ vinā hoti’’.
อิติ เหตํ ลทฺธปฺปจฺจยํ รูปารูปธมฺมมตฺตํ อุปฺปชฺชมานํ ‘‘ภวนฺตรมุเปตี’’ติ วุจฺจติ, น สโตฺต น ชีโวฯ ตสฺส จ นาปิ อตีตภวโต อิธ สงฺกนฺติ อตฺถิ, นาปิ ตโต เหตุํ วินา อิธ ปาตุภาโวฯ เอตฺถ จ ปุริมํ จวนโต จุติ, ปจฺฉิมํ ภวนฺตราทิปฎิสนฺธานโต ปฎิสนฺธีติ วุจฺจติฯ
Iti hetaṃ laddhappaccayaṃ rūpārūpadhammamattaṃ uppajjamānaṃ ‘‘bhavantaramupetī’’ti vuccati, na satto na jīvo. Tassa ca nāpi atītabhavato idha saṅkanti atthi, nāpi tato hetuṃ vinā idha pātubhāvo. Ettha ca purimaṃ cavanato cuti, pacchimaṃ bhavantarādipaṭisandhānato paṭisandhīti vuccati.
เอตฺถาห – นนุ เอวํ อสงฺกนฺติปาตุภาเว สติ เย อิมสฺมิํ มนุสฺสตฺตภาเว ขนฺธา, เตสํ นิรุทฺธตฺตา, ผลปจฺจยสฺส จ กมฺมสฺส ตตฺถ อคมนโต, อญฺญสฺส อญฺญโต จ ตํ ผลํ สิยา, อุปภุญฺชเก จ อสติ กสฺส ตํ ผลํ สิยา, ตสฺมา น สุนฺทรมิทํ วิธานนฺติ? ตตฺริทํ วุจฺจติ –
Etthāha – nanu evaṃ asaṅkantipātubhāve sati ye imasmiṃ manussattabhāve khandhā, tesaṃ niruddhattā, phalapaccayassa ca kammassa tattha agamanato, aññassa aññato ca taṃ phalaṃ siyā, upabhuñjake ca asati kassa taṃ phalaṃ siyā, tasmā na sundaramidaṃ vidhānanti? Tatridaṃ vuccati –
‘‘สนฺตาเน ยํ ผลํ เอตํ, นาญฺญสฺส น จ อญฺญโต;
‘‘Santāne yaṃ phalaṃ etaṃ, nāññassa na ca aññato;
พีชานํ อภิสงฺขาโร, เอตสฺสตฺถสฺส สาธโกฯ
Bījānaṃ abhisaṅkhāro, etassatthassa sādhako.
‘‘ผลสฺสุปฺปตฺติยา เอว, สิทฺธา ภุญฺชกสมฺมุติ;
‘‘Phalassuppattiyā eva, siddhā bhuñjakasammuti;
ผลุปฺปาเทน รุกฺขสฺส, ยถา ผลติ สมฺมุตี’’ติฯ
Phaluppādena rukkhassa, yathā phalati sammutī’’ti.
โยปิ วเทยฺย ‘‘เอวํ สเนฺตปิ เอเต สงฺขารา วิชฺชมานา วา ผลสฺส ปจฺจยา สิยุํ, อวิชฺชมานา วาฯ ยทิ จ วิชฺชมานา, ปวตฺติกฺขเณเยว เนสํ วิปาเกน ภวิตพฺพํฯ อถ อวิชฺชมานา, ปวตฺติโต ปุเพฺพ ปจฺฉา จ นิจฺจํ ผลาวหา สิยุ’’นฺติฯ โส เอวํ วตฺตโพฺพ –
Yopi vadeyya ‘‘evaṃ santepi ete saṅkhārā vijjamānā vā phalassa paccayā siyuṃ, avijjamānā vā. Yadi ca vijjamānā, pavattikkhaṇeyeva nesaṃ vipākena bhavitabbaṃ. Atha avijjamānā, pavattito pubbe pacchā ca niccaṃ phalāvahā siyu’’nti. So evaṃ vattabbo –
‘‘กตตฺตา ปจฺจยา เอเต, น จ นิจฺจํ ผลาวหา;
‘‘Katattā paccayā ete, na ca niccaṃ phalāvahā;
ปาฎิโภคาทิกํ ตตฺถ, เวทิตพฺพํ นิทสฺสน’’นฺติฯ
Pāṭibhogādikaṃ tattha, veditabbaṃ nidassana’’nti.
วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปนฺติ อิธ เวทนาสญฺญาสงฺขารกฺขนฺธา นามํ, จตฺตาริ มหาภูตานิ จตุนฺนญฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูปํ รูปํฯ อภาวกคพฺภเสยฺยกานํ อณฺฑชานญฺจ ปฎิสนฺธิกฺขเณ วตฺถุทสกํ กายทสกนฺติ วีสติ รูปรูปานิ, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธาติ เอเต เตวีสติ ธมฺมา ‘‘วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ เวทิตพฺพาฯ สภาวกานํ ภาวทสกํ ปกฺขิปิตฺวา เตตฺติํส, โอปปาติกสเตฺตสุ พฺรหฺมกายิกาทีนํ ปฎิสนฺธิกฺขเณ จกฺขุโสตวตฺถุทสกานิ ชีวิตินฺทฺริยนวกญฺจาติ เอกูนจตฺตาลีส รูปรูปานิ, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธาติ เอเต พาจตฺตาลีส ธมฺมา ‘‘วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ เวทิตพฺพาฯ กามภเว ปน เสสโอปปาติกานํ, สํเสทชานํ วา สภาวกปริปุณฺณายตนานํ ปฎิสนฺธิกฺขเณ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายวตฺถุภาวทสกานีติ สตฺตติ รูปรูปานิ, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธาติ เอเต เตสตฺตติ ธมฺมา ‘‘วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ เวทิตพฺพาฯ เอส อุกฺกํโส, อวกํเสน ปน ตํตํทสกวิกลานํ ตสฺส ตสฺส วเสน หาเปตฺวา หาเปตฺวา ปฎิสนฺธิยํ วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปสงฺขา เวทิตพฺพาฯ อรูปีนํ ปน ตโยว อรูปิโน ขนฺธาฯ อสญฺญีนํ รูปโต ชีวิตินฺทฺริยนวกเมวาติฯ เอส ตาว ปฎิสนฺธิยํ นโยฯ
Viññāṇapaccayānāmarūpanti idha vedanāsaññāsaṅkhārakkhandhā nāmaṃ, cattāri mahābhūtāni catunnañca mahābhūtānaṃ upādāyarūpaṃ rūpaṃ. Abhāvakagabbhaseyyakānaṃ aṇḍajānañca paṭisandhikkhaṇe vatthudasakaṃ kāyadasakanti vīsati rūparūpāni, tayo ca arūpino khandhāti ete tevīsati dhammā ‘‘viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti veditabbā. Sabhāvakānaṃ bhāvadasakaṃ pakkhipitvā tettiṃsa, opapātikasattesu brahmakāyikādīnaṃ paṭisandhikkhaṇe cakkhusotavatthudasakāni jīvitindriyanavakañcāti ekūnacattālīsa rūparūpāni, tayo ca arūpino khandhāti ete bācattālīsa dhammā ‘‘viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti veditabbā. Kāmabhave pana sesaopapātikānaṃ, saṃsedajānaṃ vā sabhāvakaparipuṇṇāyatanānaṃ paṭisandhikkhaṇe cakkhusotaghānajivhākāyavatthubhāvadasakānīti sattati rūparūpāni, tayo ca arūpino khandhāti ete tesattati dhammā ‘‘viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti veditabbā. Esa ukkaṃso, avakaṃsena pana taṃtaṃdasakavikalānaṃ tassa tassa vasena hāpetvā hāpetvā paṭisandhiyaṃ viññāṇapaccayā nāmarūpasaṅkhā veditabbā. Arūpīnaṃ pana tayova arūpino khandhā. Asaññīnaṃ rūpato jīvitindriyanavakamevāti. Esa tāva paṭisandhiyaṃ nayo.
ปวเตฺต ปน สพฺพตฺถ รูปปวตฺติเทเส ปฎิสนฺธิจิตฺตสฺส ฐิติกฺขเณ ปฎิสนฺธิจิเตฺตน สห ปวตฺตอุตุโต อุตุสมุฎฺฐานํ สุทฺธฎฺฐกํ ปาตุภวติฯ ปฐมภวงฺคโต ปภุติ จิตฺตสมุฎฺฐานํ สุทฺธฎฺฐกํ, สทฺทปาตุภาวกาเล อุตุโต เจว จิตฺตโต จ สทฺทนวกํ, กพฬีการาหารูปชีวีนํ อาหารสมุฎฺฐานํ สุทฺธฎฺฐกนฺติ เอวํ อาหารสมุฎฺฐานสฺส, สุทฺธฎฺฐกสฺส, อุตุจิตฺตสมุฎฺฐานานญฺจ ทฺวินฺนํ นวกานํ วเสน ฉพฺพีสติวิธํ, เอเกกจิเตฺต ติกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชมานํ วุตฺตกมฺมสมุฎฺฐานญฺจ สตฺตติวิธนฺติ ฉนฺนวุติวิธํ รูปํ, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธาติ นวนวุติธมฺมา ยถาสมฺภวํ ‘‘วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ เวทิตพฺพาฯ
Pavatte pana sabbattha rūpapavattidese paṭisandhicittassa ṭhitikkhaṇe paṭisandhicittena saha pavattaututo utusamuṭṭhānaṃ suddhaṭṭhakaṃ pātubhavati. Paṭhamabhavaṅgato pabhuti cittasamuṭṭhānaṃ suddhaṭṭhakaṃ, saddapātubhāvakāle ututo ceva cittato ca saddanavakaṃ, kabaḷīkārāhārūpajīvīnaṃ āhārasamuṭṭhānaṃ suddhaṭṭhakanti evaṃ āhārasamuṭṭhānassa, suddhaṭṭhakassa, utucittasamuṭṭhānānañca dvinnaṃ navakānaṃ vasena chabbīsatividhaṃ, ekekacitte tikkhattuṃ uppajjamānaṃ vuttakammasamuṭṭhānañca sattatividhanti channavutividhaṃ rūpaṃ, tayo ca arūpino khandhāti navanavutidhammā yathāsambhavaṃ ‘‘viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti veditabbā.
ตตฺถ สิยา – กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ ‘‘ปฎิสนฺธินามรูปํ วิญฺญาณปจฺจยา โหตี’’ติ? สุตฺตโต ยุตฺติโต จฯ สุเตฺต หิ ‘‘จิตฺตานุปริวตฺติโน ธมฺมา’’ติอาทินา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๖๒) นเยน พหุธา เวทนาทีนํ วิญฺญาณปจฺจยตา สิทฺธาฯ ยุตฺติโต ปน –
Tattha siyā – kathaṃ panetaṃ jānitabbaṃ ‘‘paṭisandhināmarūpaṃ viññāṇapaccayā hotī’’ti? Suttato yuttito ca. Sutte hi ‘‘cittānuparivattino dhammā’’tiādinā (dha. sa. dukamātikā 62) nayena bahudhā vedanādīnaṃ viññāṇapaccayatā siddhā. Yuttito pana –
‘‘จิตฺตเชน หิ รูเปน, อิธ ทิเฎฺฐน สิชฺฌติ;
‘‘Cittajena hi rūpena, idha diṭṭhena sijjhati;
อทิฎฺฐสฺสาปิ รูปสฺส, วิญฺญาณํ ปจฺจโย อิตี’’ติฯ
Adiṭṭhassāpi rūpassa, viññāṇaṃ paccayo itī’’ti.
นามรูปปจฺจยา สฬายตนนฺติ นามํ วุตฺตเมวฯ อิธ ปน รูปํ นิยมโต จตฺตาริ มหาภูตานิ, ฉ วตฺถูนิ, ชีวิตินฺทฺริยนฺติ เอกาทสวิธํฯ สฬายตนํ ปน จกฺขายตนํ โสตฆานชิวฺหากายมนายตนํฯ
Nāmarūpapaccayā saḷāyatananti nāmaṃ vuttameva. Idha pana rūpaṃ niyamato cattāri mahābhūtāni, cha vatthūni, jīvitindriyanti ekādasavidhaṃ. Saḷāyatanaṃ pana cakkhāyatanaṃ sotaghānajivhākāyamanāyatanaṃ.
ตตฺถ สิยา – กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ ‘‘นามรูปํ สฬายตนสฺส ปจฺจโย’’ติ? นามรูปภาเว ภาวโตฯ ตสฺส ตสฺส หิ นามสฺส รูปสฺส จ ภาเว ตํ ตํ อายตนํ โหติ, น อญฺญถาติฯ
Tattha siyā – kathaṃ panetaṃ jānitabbaṃ ‘‘nāmarūpaṃ saḷāyatanassa paccayo’’ti? Nāmarūpabhāve bhāvato. Tassa tassa hi nāmassa rūpassa ca bhāve taṃ taṃ āyatanaṃ hoti, na aññathāti.
สฬายตนปจฺจยา ผโสฺสติ –
Saḷāyatanapaccayā phassoti –
‘‘ฉเฬว ผสฺสา สเงฺขปา, จกฺขุสมฺผสฺสอาทโย;
‘‘Chaḷeva phassā saṅkhepā, cakkhusamphassaādayo;
วิญฺญาณมิว พาตฺติํส, วิตฺถาเรน ภวนฺติ เต’’ฯ
Viññāṇamiva bāttiṃsa, vitthārena bhavanti te’’.
ผสฺสปจฺจยา เวทนาติ –
Phassapaccayā vedanāti –
‘‘ทฺวารโต เวทนา วุตฺตา, จกฺขุสมฺผสฺสชาทิกา;
‘‘Dvārato vedanā vuttā, cakkhusamphassajādikā;
ฉเฬว ตา ปเภเทน, อิธ พาตฺติํส เวทนา’’ฯ
Chaḷeva tā pabhedena, idha bāttiṃsa vedanā’’.
เวทนาปจฺจยา ตณฺหาติ –
Vedanāpaccayā taṇhāti –
‘‘รูปตณฺหาทิเภเทน, ฉ ตณฺหา อิธ ทีปิตา;
‘‘Rūpataṇhādibhedena, cha taṇhā idha dīpitā;
เอเกกา ติวิธา ตตฺถ, ปวตฺตาการโต มตาฯ
Ekekā tividhā tattha, pavattākārato matā.
‘‘ทุกฺขี สุขํ ปตฺถยติ, สุขี ภิโยฺยปิ อิจฺฉติ;
‘‘Dukkhī sukhaṃ patthayati, sukhī bhiyyopi icchati;
อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิเจฺจว ภาสิตาฯ
Upekkhā pana santattā, sukhamicceva bhāsitā.
‘‘ตณฺหาย ปจฺจยา ตสฺมา, โหนฺติ ติโสฺสปิ เวทนา;
‘‘Taṇhāya paccayā tasmā, honti tissopi vedanā;
เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, อิติ วุตฺตา มเหสินา’’ติฯ
Vedanāpaccayā taṇhā, iti vuttā mahesinā’’ti.
ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานนฺติ จตฺตาริ อุปาทานานิ กามุปาทานํ ทิฎฺฐุปาทานํ สีลพฺพตุปาทานํ อตฺตวาทุปาทานํฯ อุปาทานปจฺจยา ภโวติ อิธ กมฺมภโว อธิเปฺปโต, อุปปตฺติภโว ปน ปทุทฺธารวเสน วุโตฺตฯ ภวปจฺจยา ชาตีติ กมฺมภวปจฺจยา ชาติ ปฎิสนฺธิขนฺธานํ ปาตุภโวฯ
Taṇhāpaccayā upādānanti cattāri upādānāni kāmupādānaṃ diṭṭhupādānaṃ sīlabbatupādānaṃ attavādupādānaṃ. Upādānapaccayā bhavoti idha kammabhavo adhippeto, upapattibhavo pana paduddhāravasena vutto. Bhavapaccayā jātīti kammabhavapaccayā jāti paṭisandhikhandhānaṃ pātubhavo.
ตตฺถ สิยา – กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ ‘‘ภโว ชาติยา ปจฺจโย’’ติ เจ? พาหิรปจฺจยสมเตฺตปิ หีนปณีตตาทิวิเสสทสฺสนโตฯ พาหิรานญฺหิ ชนกชนนิสุกฺกโสณิตาหาราทีนํ ปจฺจยานํ สมเตฺตปิ สตฺตานํ ยมกานมฺปิ สตํ หีนปณีตตาทิวิเสโส ทิสฺสติฯ โส จ น อเหตุโก สพฺพทา จ สเพฺพสญฺจ อภาวโต, น กมฺมภวโต อญฺญเหตุโก ตทภินิพฺพตฺตกสตฺตานํ อชฺฌตฺตสนฺตาเน อญฺญสฺส การณสฺส อภาวโตติ กมฺมภวเหตุโกวฯ กมฺมญฺหิ สตฺตานํ หีนปณีตตาทิวิเสสสฺส เหตุฯ เตนาห ภควา – ‘‘กมฺมํ สเตฺต วิภชติ ยทิทํ หีนปณีตตายา’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๘๙)ฯ ตสฺมา ชานิตพฺพเมตํ ‘‘ภโว ชาติยา ปจฺจโย’’ติฯ
Tattha siyā – kathaṃ panetaṃ jānitabbaṃ ‘‘bhavo jātiyā paccayo’’ti ce? Bāhirapaccayasamattepi hīnapaṇītatādivisesadassanato. Bāhirānañhi janakajananisukkasoṇitāhārādīnaṃ paccayānaṃ samattepi sattānaṃ yamakānampi sataṃ hīnapaṇītatādiviseso dissati. So ca na ahetuko sabbadā ca sabbesañca abhāvato, na kammabhavato aññahetuko tadabhinibbattakasattānaṃ ajjhattasantāne aññassa kāraṇassa abhāvatoti kammabhavahetukova. Kammañhi sattānaṃ hīnapaṇītatādivisesassa hetu. Tenāha bhagavā – ‘‘kammaṃ satte vibhajati yadidaṃ hīnapaṇītatāyā’’ti (ma. ni. 3.289). Tasmā jānitabbametaṃ ‘‘bhavo jātiyā paccayo’’ti.
ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติอาทีสุ ยสฺมา อสติ ชาติยา ชรามรณเญฺจว โสกาทโย จ ธมฺมา น โหนฺติ, ชาติยา ปน สติ ชรามรณเญฺจว ชรามรณสงฺขาตทุกฺขธมฺมผุฎฺฐสฺส พาลสฺส ชรามรณาทิสมฺพนฺธา วา เตน เตน ทุกฺขธเมฺมน ผุฎฺฐสฺส อนภิสมฺพนฺธา วา โสกาทโย จ ธมฺมา โหนฺติฯ ตสฺมา ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติฯ สเมจฺจ อภิสเมจฺจ ธมฺมนฺติ ญาเณน สมาคนฺตฺวา จตุสจฺจธมฺมํ ปฎิวิชฺฌิตฺวาฯ
Jātipaccayā jarāmaraṇantiādīsu yasmā asati jātiyā jarāmaraṇañceva sokādayo ca dhammā na honti, jātiyā pana sati jarāmaraṇañceva jarāmaraṇasaṅkhātadukkhadhammaphuṭṭhassa bālassa jarāmaraṇādisambandhā vā tena tena dukkhadhammena phuṭṭhassa anabhisambandhā vā sokādayo ca dhammā honti. Tasmā jātipaccayā jarāmaraṇanti. Samecca abhisamecca dhammanti ñāṇena samāgantvā catusaccadhammaṃ paṭivijjhitvā.
เอวํ ทฺวาทสปทิกํ ปจฺจยาการปฺปวตฺติํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ วิวฎฺฎวเสน อวิชฺชาทีนํ นิโรธทสฺสนตฺถํ ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธติ สเมจฺจ อภิสเมจฺจ ธมฺม’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อวิชฺชานิโรธาติ อวิชฺชาย อนุปฺปาทนิโรธา ปุน อปฺปวตฺตินิโรเธนฯ สงฺขารนิโรโธติ สงฺขารานํ อนุปฺปาทนิโรโธ โหติฯ เอวํ เสสปเทสุปิฯ อิทํ ทุกฺขนฺติอาทโย ปุเพฺพ วุตฺตนยา เอวฯ อิเม ธมฺมา อภิเญฺญยฺยาติ อิเม เตภูมกา ธมฺมา สภาวลกฺขณาวโพธวเสน โสภนากาเรน, อธิเกน ญาเณน วา สภาวโต ชานิตพฺพาฯ ปริเญฺญยฺยาติ สามญฺญลกฺขณาวโพธวเสน, กิจฺจสมาปนวเสน จ พฺยาปิตฺวา ชานิตพฺพาฯ อิเม ธมฺมา ปหาตพฺพาติ อิเม สมุทยปกฺขิกา ธมฺมา เตน เตน คุณเงฺคน ปหาตพฺพาฯ ภาเวตพฺพาติ วเฑฺฒตพฺพาฯ สจฺฉิกาตพฺพาติ ปจฺจกฺขํ กาตพฺพาฯ ทุวิธา สจฺฉิกิริยา ปฎิลาภสจฺฉิกิริยา จ อารมฺมณสจฺฉิกิริยา จฯ ฉนฺนํ ผสฺสายตนานนฺติ จกฺขาทีนํ ฉนฺนํ อายตนานํฯ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจาติ อุปฺปาทญฺจ นิโรธญฺจฯ
Evaṃ dvādasapadikaṃ paccayākārappavattiṃ dassetvā idāni vivaṭṭavasena avijjādīnaṃ nirodhadassanatthaṃ ‘‘avijjānirodhā saṅkhāranirodhoti samecca abhisamecca dhamma’’ntiādimāha. Tattha avijjānirodhāti avijjāya anuppādanirodhā puna appavattinirodhena. Saṅkhāranirodhoti saṅkhārānaṃ anuppādanirodho hoti. Evaṃ sesapadesupi. Idaṃ dukkhantiādayo pubbe vuttanayā eva. Ime dhammā abhiññeyyāti ime tebhūmakā dhammā sabhāvalakkhaṇāvabodhavasena sobhanākārena, adhikena ñāṇena vā sabhāvato jānitabbā. Pariññeyyāti sāmaññalakkhaṇāvabodhavasena, kiccasamāpanavasena ca byāpitvā jānitabbā. Ime dhammā pahātabbāti ime samudayapakkhikā dhammā tena tena guṇaṅgena pahātabbā. Bhāvetabbāti vaḍḍhetabbā. Sacchikātabbāti paccakkhaṃ kātabbā. Duvidhā sacchikiriyā paṭilābhasacchikiriyā ca ārammaṇasacchikiriyā ca. Channaṃ phassāyatanānanti cakkhādīnaṃ channaṃ āyatanānaṃ. Samudayañca atthaṅgamañcāti uppādañca nirodhañca.
ภูริปโญฺญติ ภูริ วิยาติ ภูริ, ตาย ภูริปญฺญาย สมนฺนาคโต ภูริปโญฺญฯ มหาปโญฺญติอาทีสุ มหาปญฺญาทีหิ สมนฺนาคโตติ อโตฺถฯ
Bhūripaññoti bhūri viyāti bhūri, tāya bhūripaññāya samannāgato bhūripañño. Mahāpaññotiādīsu mahāpaññādīhi samannāgatoti attho.
ตตฺริทํ มหาปญฺญาทีนํ นานตฺตํ – กตมา มหาปญฺญา? มหเนฺต อเตฺถ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญาฯ มหเนฺต ธเมฺม…เป.… มหนฺตา นิรุตฺติโย… มหนฺตานิ ปฎิภานานิ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญาฯ มหเนฺต สีลกฺขเนฺธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญาฯ มหเนฺต สมาธิกฺขเนฺธ…เป.… ปญฺญากฺขเนฺธ… วิมุตฺติกฺขเนฺธ… วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญาฯ มหนฺตานิ ฐานาฐานานิ…เป.… มหาวิหารสมาปตฺติโย… มหนฺตานิ อริยสจฺจานิ… มหเนฺต สติปฎฺฐาเน… สมฺมปฺปธาเน… อิทฺธิปาเท… มหนฺตานิ อินฺทฺริยานิ … พลานิ… โพชฺฌงฺคานิ… มหเนฺต อริยมเคฺค… มหนฺตานิ สามญฺญผลานิ… มหาอภิญฺญาโย… มหนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญาฯ
Tatridaṃ mahāpaññādīnaṃ nānattaṃ – katamā mahāpaññā? Mahante atthe pariggaṇhātīti mahāpaññā. Mahante dhamme…pe… mahantā niruttiyo… mahantāni paṭibhānāni pariggaṇhātīti mahāpaññā. Mahante sīlakkhandhe pariggaṇhātīti mahāpaññā. Mahante samādhikkhandhe…pe… paññākkhandhe… vimuttikkhandhe… vimuttiñāṇadassanakkhandhe pariggaṇhātīti mahāpaññā. Mahantāni ṭhānāṭhānāni…pe… mahāvihārasamāpattiyo… mahantāni ariyasaccāni… mahante satipaṭṭhāne… sammappadhāne… iddhipāde… mahantāni indriyāni … balāni… bojjhaṅgāni… mahante ariyamagge… mahantāni sāmaññaphalāni… mahāabhiññāyo… mahantaṃ paramatthaṃ nibbānaṃ pariggaṇhātīti mahāpaññā.
กตมา ปุถุปญฺญา? ปุถุนานาขเนฺธสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญาฯ ปุถุนานาธาตูสุ…เป.… ปุถุนานาอายตเนสุ… ปุถุนานาปฎิจฺจสมุปฺปาเทสุ… ปุถุนานาสุญฺญตมนุปลเพฺภสุ… ปุถุนานาอเตฺถสุ… ธเมฺมสุ… นิรุตฺตีสุ… ปฎิภาเนสุ… ปุถุนานาสีลกฺขเนฺธสุ… ปุถุนานาสมาธิปญฺญาวิมุตฺติวิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธสุ… ปุถุนานาฐานาฐาเนสุ… ปุถุนานาวิหารสมาปตฺตีสุ… ปุถุนานาอริยสเจฺจสุ… ปุถุนานาสติปฎฺฐาเนสุ… สมฺมปฺปธาเนสุ… อิทฺธิปาเทสุ… อินฺทฺริเยสุ… พเลสุ… โพชฺฌเงฺคสุ… ปุถุนานาอริยมเคฺคสุ… สามญฺญผเลสุ… อภิญฺญาสุ… ปุถุนานาชนสาธารเณ ธเมฺม สมติกฺกมฺม ปรมเตฺถ นิพฺพาเน ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญาฯ
Katamā puthupaññā? Puthunānākhandhesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā. Puthunānādhātūsu…pe… puthunānāāyatanesu… puthunānāpaṭiccasamuppādesu… puthunānāsuññatamanupalabbhesu… puthunānāatthesu… dhammesu… niruttīsu… paṭibhānesu… puthunānāsīlakkhandhesu… puthunānāsamādhipaññāvimuttivimuttiñāṇadassanakkhandhesu… puthunānāṭhānāṭhānesu… puthunānāvihārasamāpattīsu… puthunānāariyasaccesu… puthunānāsatipaṭṭhānesu… sammappadhānesu… iddhipādesu… indriyesu… balesu… bojjhaṅgesu… puthunānāariyamaggesu… sāmaññaphalesu… abhiññāsu… puthunānājanasādhāraṇe dhamme samatikkamma paramatthe nibbāne ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā.
กตมา หาสปญฺญา? อิเธกโจฺจ หาสพหุโล เวทพหุโล ตุฎฺฐิพหุโล ปาโมชฺชพหุโล สีลํ ปริปูเรติฯ อินฺทฺริยสํวรํ ปริปูเรติฯ โภชเน มตฺตญฺญุตํ…เป.… ชาคริยานุโยคํ… สีลกฺขนฺธํ… สมาธิกฺขนฺธํ… ปญฺญากฺขนฺธํ… วิมุตฺติกฺขนฺธํ… วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขนฺธํ ปริปูเรตีติ หาสปญฺญาฯ หาสพหุโล…เป.… ปาโมชฺชพหุโล ฐานาฐานํ ปฎิวิชฺฌตีติ หาสปญฺญาฯ หาสพหุโล วิหารสมาปตฺติโย ปริปูเรตีติ หาสปญฺญาฯ หาสพหุโล อริยสจฺจานิ ปฎิวิชฺฌตีติ หาสปญฺญาฯ สติปฎฺฐาเน ภาเวติ สมฺมปฺปธาเน… อิทฺธิปาเท… อินฺทฺริยานิ… พลานิ… โพชฺฌเงฺค… อริยมคฺคํ ภาเวตีติ หาสปญฺญา, หาสพหุโล สามญฺญผลานิ สจฺฉิกโรตีติ หาสปญฺญา, อภิญฺญาโย ปฎิวิชฺฌตีติ หาสปญฺญา, หาสพหุโล ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรตีติ หาสปญฺญาฯ
Katamā hāsapaññā? Idhekacco hāsabahulo vedabahulo tuṭṭhibahulo pāmojjabahulo sīlaṃ paripūreti. Indriyasaṃvaraṃ paripūreti. Bhojane mattaññutaṃ…pe… jāgariyānuyogaṃ… sīlakkhandhaṃ… samādhikkhandhaṃ… paññākkhandhaṃ… vimuttikkhandhaṃ… vimuttiñāṇadassanakkhandhaṃ paripūretīti hāsapaññā. Hāsabahulo…pe… pāmojjabahulo ṭhānāṭhānaṃ paṭivijjhatīti hāsapaññā. Hāsabahulo vihārasamāpattiyo paripūretīti hāsapaññā. Hāsabahulo ariyasaccāni paṭivijjhatīti hāsapaññā. Satipaṭṭhāne bhāveti sammappadhāne… iddhipāde… indriyāni… balāni… bojjhaṅge… ariyamaggaṃ bhāvetīti hāsapaññā, hāsabahulo sāmaññaphalāni sacchikarotīti hāsapaññā, abhiññāyo paṭivijjhatīti hāsapaññā, hāsabahulo paramatthaṃ nibbānaṃ sacchikarotīti hāsapaññā.
กตมา ชวนปญฺญา? ยํ กิญฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ อนิจฺจโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ ทุกฺขโต, อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ ยา กาจิ เวทนา…เป.… ยา กาจิ สญฺญา… เย เกจิ สงฺขารา… ยํ กิญฺจิ วิญฺญาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป.… ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ วิญฺญาณํ อนิจฺจโต… ทุกฺขโต… อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ จกฺขุํ…เป.… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจโต… ทุกฺขโต… อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ
Katamā javanapaññā? Yaṃ kiñci rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā oḷārikaṃ vā sukhumaṃ vā hīnaṃ vā paṇītaṃ vā yaṃ dūre santike vā, sabbaṃ rūpaṃ aniccato khippaṃ javatīti javanapaññā. Dukkhato, anattato khippaṃ javatīti javanapaññā. Yā kāci vedanā…pe… yā kāci saññā… ye keci saṅkhārā… yaṃ kiñci viññāṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ…pe… yaṃ dūre santike vā, sabbaṃ viññāṇaṃ aniccato… dukkhato… anattato khippaṃ javatīti javanapaññā. Cakkhuṃ…pe… jarāmaraṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccato… dukkhato… anattato khippaṃ javatīti javanapaññā.
รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยเฎฺฐน, ทุกฺขํ ภยเฎฺฐน, อนตฺตา อสารกเฎฺฐนาติ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา วิภาวยิตฺวา วิภูตํ กตฺวา รูปนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ เวทนา… สญฺญา… สงฺขารา… วิญฺญาณํ… จกฺขุํ…เป.… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยเฎฺฐน, ทุกฺขํ ภยเฎฺฐน, อนตฺตา อสารกเฎฺฐนาติ ตุลยิตฺวา…เป.… วิภูตํ กตฺวา ชรามรณนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ
Rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccaṃ khayaṭṭhena, dukkhaṃ bhayaṭṭhena, anattā asārakaṭṭhenāti tulayitvā tīrayitvā vibhāvayitvā vibhūtaṃ katvā rūpanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā. Vedanā… saññā… saṅkhārā… viññāṇaṃ… cakkhuṃ…pe… jarāmaraṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccaṃ khayaṭṭhena, dukkhaṃ bhayaṭṭhena, anattā asārakaṭṭhenāti tulayitvā…pe… vibhūtaṃ katvā jarāmaraṇanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā.
รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมนฺติ ตุลยิตฺวา…เป.… วิภูตํ กตฺวา รูปนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ เวทนา…เป.… สญฺญา… สงฺขารา… วิญฺญาณํ… จกฺขุํ…เป.… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ…เป.… นิโรธธมฺมนฺติ ตุลยิตฺวา…เป.… วิภูตํ กตฺวา ชรามรณนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ
Rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccaṃ saṅkhataṃ paṭiccasamuppannaṃ khayadhammaṃ vayadhammaṃ virāgadhammaṃ nirodhadhammanti tulayitvā…pe… vibhūtaṃ katvā rūpanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā. Vedanā…pe… saññā… saṅkhārā… viññāṇaṃ… cakkhuṃ…pe… jarāmaraṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccaṃ…pe… nirodhadhammanti tulayitvā…pe… vibhūtaṃ katvā jarāmaraṇanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā.
กตมา ติกฺขปญฺญา? ขิปฺปํ กิเลเส ฉินฺทตีติ ติกฺขปญฺญาฯ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติฯ อุปฺปนฺนํ พฺยาปาทวิตกฺกํ… อุปฺปนฺนํ วิหิํสาวิตกฺกํ… อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน ปาปเก อกุสเล ธเมฺม… อุปฺปนฺนํ ราคํ… อุปฺปนฺนํ โทสํ… โมหํ… โกธํ… อุปนาหํ… มกฺขํ… ปฬาสํ… อิสฺสํ… มจฺฉริยํ… มายํ… สาเฐยฺยํ… ถมฺภํ… สารมฺภํ… มานํ… อติมานํ… มทํ… ปมาทํ… สเพฺพ กิเลเส… สเพฺพ ทุจฺจริเต… สเพฺพ อภิสงฺขาเร… สเพฺพ ภวคามิกเมฺม นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมตีติ ติกฺขปญฺญาฯ เอกมฺหิ อาสเน จตฺตาโร อริยมคฺคา, จตฺตาริ จ สามญฺญผลานิ, จตโสฺส จ ปฎิสมฺภิทาโย, ฉ อภิญฺญาโย อธิคตา โหนฺติ สจฺฉิกตา ผสฺสิตา ปญฺญายาติ ติกฺขปญฺญาฯ
Katamā tikkhapaññā? Khippaṃ kilese chindatīti tikkhapaññā. Uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāseti. Uppannaṃ byāpādavitakkaṃ… uppannaṃ vihiṃsāvitakkaṃ… uppannuppanne pāpake akusale dhamme… uppannaṃ rāgaṃ… uppannaṃ dosaṃ… mohaṃ… kodhaṃ… upanāhaṃ… makkhaṃ… paḷāsaṃ… issaṃ… macchariyaṃ… māyaṃ… sāṭheyyaṃ… thambhaṃ… sārambhaṃ… mānaṃ… atimānaṃ… madaṃ… pamādaṃ… sabbe kilese… sabbe duccarite… sabbe abhisaṅkhāre… sabbe bhavagāmikamme nādhivāseti pajahati vinodeti byantīkaroti anabhāvaṃ gametīti tikkhapaññā. Ekamhi āsane cattāro ariyamaggā, cattāri ca sāmaññaphalāni, catasso ca paṭisambhidāyo, cha abhiññāyo adhigatā honti sacchikatā phassitā paññāyāti tikkhapaññā.
กตมา นิเพฺพธิกปญฺญา? อิเธกโจฺจ สพฺพสงฺขาเรสุ อุเพฺพคพหุโล โหติ อุตฺตาสพหุโล อุกฺกณฺฐนพหุโล อรติพหุโล อนภิรติพหุโล พหิมุโข น รมติ สพฺพสงฺขาเรสุ, อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปทาลิตปุพฺพํ โลภกฺขนฺธํ นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลตีติ นิเพฺพธิกปญฺญาฯ อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปทาลิตปุพฺพํ โทสกฺขนฺธํ…เป.… โมหกฺขนฺธํ… โกธํ… อุปนาหํ…เป.… สเพฺพ ภวคามิกเมฺม นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลตีติ นิเพฺพธิกปญฺญาฯ
Katamā nibbedhikapaññā? Idhekacco sabbasaṅkhāresu ubbegabahulo hoti uttāsabahulo ukkaṇṭhanabahulo aratibahulo anabhiratibahulo bahimukho na ramati sabbasaṅkhāresu, anibbiddhapubbaṃ apadālitapubbaṃ lobhakkhandhaṃ nibbijjhati padāletīti nibbedhikapaññā. Anibbiddhapubbaṃ apadālitapubbaṃ dosakkhandhaṃ…pe… mohakkhandhaṃ… kodhaṃ… upanāhaṃ…pe… sabbe bhavagāmikamme nibbijjhati padāletīti nibbedhikapaññā.
๒๘. ส สพฺพธเมฺมสุ วิเสนิภูโต, ยํ กิญฺจิ ทิฎฺฐํ ว สุตํ มุตํ วาติ โส ภูริปโญฺญ ขีณาสโว ยํ กิญฺจิ ทิฎฺฐํ วา สุตํ วา มุตํ วา เตสุ สพฺพธเมฺมสุ มารเสนํ วินาเสตฺวา ฐิตภาเวน วิเสนิภูโตฯ ตเมว ทสฺสินฺติ ตํ เอว วิสุทฺธทสฺสิํฯ วิวฎํ จรนฺตนฺติ ตณฺหาฉทนาทิวิคเมน วิวฎํ หุตฺวา จรนฺตํฯ เกนีธ โลกสฺมิ วิกปฺปเยยฺยาติ เกน อิธ โลเก ตณฺหากเปฺปน วา ทิฎฺฐิกเปฺปน วา โกจิ วิกเปฺปยฺย, เตสํ วา ปหีนตฺตา ราคาทินา ปุเพฺพ วุเตฺตนาติฯ
28.Sa sabbadhammesu visenibhūto, yaṃ kiñci diṭṭhaṃ va sutaṃ mutaṃ vāti so bhūripañño khīṇāsavo yaṃ kiñci diṭṭhaṃ vā sutaṃ vā mutaṃ vā tesu sabbadhammesu mārasenaṃ vināsetvā ṭhitabhāvena visenibhūto. Tameva dassinti taṃ eva visuddhadassiṃ. Vivaṭaṃ carantanti taṇhāchadanādivigamena vivaṭaṃ hutvā carantaṃ. Kenīdha lokasmi vikappayeyyāti kena idha loke taṇhākappena vā diṭṭhikappena vā koci vikappeyya, tesaṃ vā pahīnattā rāgādinā pubbe vuttenāti.
กามา เต ปฐมา เสนาติอาทีสุ จตูสุ คาถาสุ อยมโตฺถ – ยสฺมา อาทิโตว อคาริยภูเต สเตฺต วตฺถุกาเมสุ กิเลสกามา โมหยนฺติ, เต อภิภุยฺย อนคาริยภาวํ อุปคตานํ ปเนฺตสุ วา เสนาสเนสุ, อญฺญตรญฺญตเรสุ วา อธิกุสเลสุ ธเมฺมสุ อรติ อุปฺปชฺชติฯ วุตฺตเญฺจตํ – ‘‘ปพฺพชิเตน โข, อาวุโส, อภิรติ ทุกฺกรา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๓๑)ฯ ตโต เต ปรปฎิพทฺธชีวิกตฺตา ขุปฺปิปาสา พาเธติ, ตาย พาธิตานํ ปริเยสนตณฺหา จิตฺตํ กิลมยติ, อถ เนสํ กิลนฺตจิตฺตานํ ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ ตโต วิเสสมนธิคจฺฉนฺตานํ ทุรภิสมฺภเวสุ อรญฺญวนปเตฺถสุ เสนาสเนสุ วิหรตํ อุตฺราสสญฺญิตา ภีรุ ชายติ, เตสํ อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิตานํ ทีฆรตฺตํ วิเวกรสมนสฺสาทยมานานํ วิหรตํ ‘‘น สิยา นุ โข เอส มโคฺค’’ติ ปฎิปตฺติยํ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, ตํ วิโนเทตฺวา วิหรตํ อปฺปมตฺตเกน วิเสสาธิคเมน มานมกฺขถมฺภา ชายนฺติ, เตปิ วิโนเทตฺวา วิหรตํ ตโต อธิกตรํ วิเสสาธิคมํ นิสฺสาย ลาภสกฺการสิโลกา อุปฺปชฺชนฺติ, ลาภาทิมุจฺฉิตา ธมฺมปฎิรูปกานิ ปกาเสนฺตา มิจฺฉายสํ อธิคนฺตฺวา ตตฺถ ฐิตา ชาติอาทีหิ อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺติ, ปรํ วเมฺภนฺติฯ ตสฺมา กามาทีนํ ปฐมเสนาทิภาโว เวทิตโพฺพฯ
Kāmā te paṭhamā senātiādīsu catūsu gāthāsu ayamattho – yasmā āditova agāriyabhūte satte vatthukāmesu kilesakāmā mohayanti, te abhibhuyya anagāriyabhāvaṃ upagatānaṃ pantesu vā senāsanesu, aññataraññataresu vā adhikusalesu dhammesu arati uppajjati. Vuttañcetaṃ – ‘‘pabbajitena kho, āvuso, abhirati dukkarā’’ti (saṃ. ni. 4.331). Tato te parapaṭibaddhajīvikattā khuppipāsā bādheti, tāya bādhitānaṃ pariyesanataṇhā cittaṃ kilamayati, atha nesaṃ kilantacittānaṃ thinamiddhaṃ okkamati tato visesamanadhigacchantānaṃ durabhisambhavesu araññavanapatthesu senāsanesu viharataṃ utrāsasaññitā bhīru jāyati, tesaṃ ussaṅkitaparisaṅkitānaṃ dīgharattaṃ vivekarasamanassādayamānānaṃ viharataṃ ‘‘na siyā nu kho esa maggo’’ti paṭipattiyaṃ vicikicchā uppajjati, taṃ vinodetvā viharataṃ appamattakena visesādhigamena mānamakkhathambhā jāyanti, tepi vinodetvā viharataṃ tato adhikataraṃ visesādhigamaṃ nissāya lābhasakkārasilokā uppajjanti, lābhādimucchitā dhammapaṭirūpakāni pakāsentā micchāyasaṃ adhigantvā tattha ṭhitā jātiādīhi attānaṃ ukkaṃsenti, paraṃ vambhenti. Tasmā kāmādīnaṃ paṭhamasenādibhāvo veditabbo.
เอวเมตํ ทสวิธํ เสนํ อุทฺทิสิตฺวา ยสฺมา สา กณฺหธมฺมสมนฺนาคตตฺตา กณฺหสฺส นมุจิโน อุปการาย สํวตฺตติ, ตสฺมา นํ ‘‘ตว เสนา’’ติ นิทฺทิสโนฺต อาห – ‘‘เอสา นมุจิ เต เสนา, กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี’’ติฯ ตตฺถ อภิปฺปหารินีติ สมณพฺราหฺมณานํ ฆาตินี นิโปฺปถินี, อนฺตรายกรีติ อโตฺถฯ น นํ อสูโร ชินาติ, เชตฺวาว ลภเต สุขนฺติ เอวํ ตว เสนํ อสูโร กาเย จ ชีวิเต จ สาเปโกฺข ปุริโส น ชินาติ, สูโร ปน ชินาติ, เชตฺวาว มคฺคสุขํ ผลสุขญฺจ อธิคจฺฉติฯ
Evametaṃ dasavidhaṃ senaṃ uddisitvā yasmā sā kaṇhadhammasamannāgatattā kaṇhassa namucino upakārāya saṃvattati, tasmā naṃ ‘‘tava senā’’ti niddisanto āha – ‘‘esā namuci te senā, kaṇhassābhippahārinī’’ti. Tattha abhippahārinīti samaṇabrāhmaṇānaṃ ghātinī nippothinī, antarāyakarīti attho. Na naṃ asūro jināti, jetvāva labhate sukhanti evaṃ tava senaṃ asūro kāye ca jīvite ca sāpekkho puriso na jināti, sūro pana jināti, jetvāva maggasukhaṃ phalasukhañca adhigacchati.
ยโต จตูหิ อริยมเคฺคหีติ ยทา จตูหิ นิโทฺทสนิพฺพานมคฺคนสงฺขาเตหิ มเคฺคหิฯ มารเสนาติ มารสฺส เสนา วจนกรา กิเลสาฯ ปฎิเสนิกราติ ปฎิปกฺขกราฯ ชิตา จาติ ปราชยมานา หนิตา จฯ ปราชิตา จาติ นิคฺคหิตา จฯ ภคฺคาติ ภินฺนาฯ วิปฺปลุคฺคาติ จุณฺณวิจุณฺณาฯ ปรมฺมุขาติ วิมุขภาวํ ปาปิตาฯ วิเสนิภูโตติ นิกฺกิเลโส หุตฺวา ฐิโตฯ
Yatocatūhi ariyamaggehīti yadā catūhi niddosanibbānamagganasaṅkhātehi maggehi. Mārasenāti mārassa senā vacanakarā kilesā. Paṭisenikarāti paṭipakkhakarā. Jitā cāti parājayamānā hanitā ca. Parājitā cāti niggahitā ca. Bhaggāti bhinnā. Vippaluggāti cuṇṇavicuṇṇā. Parammukhāti vimukhabhāvaṃ pāpitā. Visenibhūtoti nikkileso hutvā ṭhito.
โวทาตทสฺสินฺติ พฺยวทาตทสฺสิํฯ ตานิ ฉทนานีติ เอตานิ ตณฺหาทิกิเลสฉทนานิฯ วิวฎานีติ ปากฎีกตานิฯ วิทฺธํสิตานีติ ฐิตฎฺฐานโต อปหตานิฯ อุคฺฆาฎิตานีติ อุปฺปาฎิตานิฯ สมุคฺฆาฎิตานีติ วิเสเสน อุปฺปาฎิตานิฯ
Vodātadassinti byavadātadassiṃ. Tāni chadanānīti etāni taṇhādikilesachadanāni. Vivaṭānīti pākaṭīkatāni. Viddhaṃsitānīti ṭhitaṭṭhānato apahatāni. Ugghāṭitānīti uppāṭitāni. Samugghāṭitānīti visesena uppāṭitāni.
๒๙. น กปฺปยนฺตีติ คาถาย สมฺพโนฺธ อโตฺถ จ – กิญฺจ ภิโยฺย? เต หิ ตาทิสา สโนฺต ทฺวินฺนํ กปฺปานํ ปุเรกฺขารานญฺจ เกนจิ น กปฺปยนฺติ, น ปุเรกฺขโรนฺติฯ ปรมตฺถํ อจฺจนฺตสุทฺธิํ อธิคตตฺตา อนจฺจนฺตสุทฺธิํเยว อกิริยสสฺสตทิฎฺฐิํ ‘‘อจฺจนฺตสุทฺธี’’ติ น เต วทนฺติฯ อาทานคนฺถํ คติตํ วิสชฺชาติ จตุพฺพิธมฺปิ รูปาทีนํ อาทายกตฺตา อาทานคนฺถํ อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน คถิตํ พทฺธํ อริยมคฺคสเตฺถน วิสฺสชฺช ฉินฺทิตฺวาฯ เสสํ ปากฎเมวฯ
29.Na kappayantīti gāthāya sambandho attho ca – kiñca bhiyyo? Te hi tādisā santo dvinnaṃ kappānaṃ purekkhārānañca kenaci na kappayanti, na purekkharonti. Paramatthaṃ accantasuddhiṃ adhigatattā anaccantasuddhiṃyeva akiriyasassatadiṭṭhiṃ ‘‘accantasuddhī’’ti na te vadanti. Ādānaganthaṃ gatitaṃ visajjāti catubbidhampi rūpādīnaṃ ādāyakattā ādānaganthaṃ attano cittasantāne gathitaṃ baddhaṃ ariyamaggasatthena vissajja chinditvā. Sesaṃ pākaṭameva.
อจฺจนฺตสุทฺธินฺติ อจฺจนฺตํ ปรมตฺถํ สุทฺธิํฯ สํสารสุทฺธินฺติ สํสารโต สุทฺธิํฯ อกิริยทิฎฺฐินฺติ กโรโต น กรียติ ปาปนฺติ อกิริยทิฎฺฐิํฯ สสฺสตวาทนฺติ ‘‘นิโจฺจ ธุโว สสฺสโต’’ติ วจนํฯ น วทนฺติ น กเถนฺติฯ
Accantasuddhinti accantaṃ paramatthaṃ suddhiṃ. Saṃsārasuddhinti saṃsārato suddhiṃ. Akiriyadiṭṭhinti karoto na karīyati pāpanti akiriyadiṭṭhiṃ. Sassatavādanti ‘‘nicco dhuvo sassato’’ti vacanaṃ. Na vadanti na kathenti.
คนฺถาติ นามกายํ คเนฺถนฺติ, จุติปฎิสนฺธิวเสน วฎฺฎสฺมิํ ฆเฎนฺตีติ คนฺถาฯ อภิชฺฌา จ สา นามกายฆฎนวเสน คโนฺถ จาติ อภิชฺฌากายคโนฺถฯ หิตสุขํ พฺยาปาทยตีติ พฺยาปาโทฯ พฺยาปาโท จ โส วุตฺตนเยน คโนฺถ จาติ พฺยาปาโท กายคโนฺถฯ สีลพฺพตปรามาโสติ ‘‘อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณานํ สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธี’’ติ (ธ. ส. ๑๑๔๓, ๑๒๒๒) ปรโต อามาโสฯ อิทํสจฺจาภินิเวโสติ สพฺพญฺญุภาสิตมฺปิ ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘‘สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๑๔๔) อิมินา อากาเรน อภินิเวโส อิทํสจฺจาภินิเวโสฯ อตฺตโน ทิฎฺฐิยา ราโคติ อตฺตนา อภินิวิสิตฺวา คหิตาย ทิฎฺฐิยา ฉนฺทราโคฯ ปรวาเทสุ อาฆาโตติ ปรสฺส วจเนสุ โกโปฯ อปฺปจฺจโยติ อตุฎฺฐากาโรฯ อตฺตโน สีลํ วาติ อตฺตนา สมาทินฺนํ โคสีลาทิสีลํ วาฯ อตฺตโน ทิฎฺฐีติ อตฺตนา คหิตา ปรามฎฺฐา ทิฎฺฐิฯ เตหิ คเนฺถหีติ เอเตหิ วุเตฺตหิ นามกายฆฎเนหิฯ รูปํ อาทิยนฺตีติ จตุสมุฎฺฐานิกํ รูปารมฺมณํ อาทิยนฺติ คณฺหนฺติฯ อุปาทิยนฺตีติ อุปคนฺตฺวา คณฺหนฺติ ตณฺหาคหเณนฯ ปรามสนฺติ ทิฎฺฐิคหเณนฯ อภินิวิสนฺติ มานคหเณนฯ วฎฺฎนฺติ เตภูมกวฎฺฎํฯ คเนฺถติ พนฺธเนฯ
Ganthāti nāmakāyaṃ ganthenti, cutipaṭisandhivasena vaṭṭasmiṃ ghaṭentīti ganthā. Abhijjhā ca sā nāmakāyaghaṭanavasena gantho cāti abhijjhākāyagantho. Hitasukhaṃ byāpādayatīti byāpādo. Byāpādo ca so vuttanayena gantho cāti byāpādo kāyagantho. Sīlabbataparāmāsoti ‘‘ito bahiddhā samaṇabrāhmaṇānaṃ sīlena suddhi vatena suddhī’’ti (dha. sa. 1143, 1222) parato āmāso. Idaṃsaccābhinivesoti sabbaññubhāsitampi paṭikkhipitvā ‘‘sassato loko, idameva saccaṃ, moghamañña’’nti (dha. sa. 1144) iminā ākārena abhiniveso idaṃsaccābhiniveso. Attano diṭṭhiyā rāgoti attanā abhinivisitvā gahitāya diṭṭhiyā chandarāgo. Paravādesu āghātoti parassa vacanesu kopo. Appaccayoti atuṭṭhākāro. Attano sīlaṃ vāti attanā samādinnaṃ gosīlādisīlaṃ vā. Attano diṭṭhīti attanā gahitā parāmaṭṭhā diṭṭhi. Tehi ganthehīti etehi vuttehi nāmakāyaghaṭanehi. Rūpaṃ ādiyantīti catusamuṭṭhānikaṃ rūpārammaṇaṃ ādiyanti gaṇhanti. Upādiyantīti upagantvā gaṇhanti taṇhāgahaṇena. Parāmasanti diṭṭhigahaṇena. Abhinivisanti mānagahaṇena. Vaṭṭanti tebhūmakavaṭṭaṃ. Gantheti bandhane.
โวสชฺชิตฺวา วาติ สมฺมา วิสฺสชฺชิตฺวา วาฯ คถิเตติ พนฺธเนฯ คนฺถิเตติ คนฺถเนน คนฺถิเตฯ วิพเนฺธติ วิเสเสน พเนฺธฯ อาพเนฺธติ อเนกวิเธน พเนฺธฯ ปลิพุเทฺธติ อมุญฺจิเตฯ พนฺธเน โปฎยิตฺวาติ ตณฺหามานทิฎฺฐิพนฺธนานิ ปโปฺปฎยิตฺวาฯ วิสชฺชาติ จชิตฺวาฯ
Vosajjitvā vāti sammā vissajjitvā vā. Gathiteti bandhane. Ganthiteti ganthanena ganthite. Vibandheti visesena bandhe. Ābandheti anekavidhena bandhe. Palibuddheti amuñcite. Bandhane poṭayitvāti taṇhāmānadiṭṭhibandhanāni pappoṭayitvā. Visajjāti cajitvā.
อิเม ปน จตฺตาโร คเนฺถ กิเลสปฎิปาฎิยาปิ อาหริตุํ วฎฺฎติ, มคฺคปฎิปาฎิยาปิ – กิเลสปฎิปาฎิยา อภิชฺฌากายคโนฺถ อรหตฺตมเคฺคน ปหียติ, พฺยาปาโท กายคโนฺถ อนาคามิมเคฺคน, สีลพฺพตปรามาโส กายคโนฺถ อิทํสจฺจาภินิเวโส กายคโนฺถ โสตาปตฺติมเคฺคนฯ มคฺคปฎิปาฎิยา สีลพฺพตปรามาโส กายคโนฺถ อิทํสจฺจาภินิเวโส กายคโนฺถ โสตาปตฺติมเคฺคน, พฺยาปาโท กายคโนฺถ อนาคามิมเคฺคน, อภิชฺฌากายคโนฺถ อรหตฺตมเคฺคนาติฯ เอเต จตฺตาโร คนฺถา ยสฺส สํวิชฺชนฺติ, ตํ จุติปฎิสนฺธิวเสน วฎฺฎสฺมิํ คเนฺถนฺติ ฆเฎนฺตีติ คนฺถาฯ เต จตุปฺปเภทา อภิชฺฌายนฺติ เอตาย, สยํ วา อภิชฺฌายติ, อภิชฺฌายนมตฺตเมว วา เอสาติ อภิชฺฌาฯ โลโภเยว นามกายํ คเนฺถติ จุติปฎิสนฺธิวเสน วฎฺฎสฺมิํ ฆเฎตีติ กายคโนฺถฯ พฺยาปชฺชติ เตน จิตฺตํ ปูติภาวํ คจฺฉติ, พฺยาปาทยติ วา วินยาจารรูปสมฺปตฺติหิตสุขาทีนีติ พฺยาปาโทฯ ‘‘อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณานํ สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธี’’ติ ปรามสนํ สีลพฺพตปรามาโส, สพฺพญฺญุภาสิตมฺปิ ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘‘สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’’นฺติอาทินา อากาเรน อภินิวิสตีติ อิทํสจฺจาภินิเวโสฯ ยถา วยฺหํ วาติอาทิํ วยฺหาทิวิสงฺขรณํ คนฺถานํ วิโยคกรเณ อุปมํ ทเสฺสโนฺต อาหฯ
Ime pana cattāro ganthe kilesapaṭipāṭiyāpi āharituṃ vaṭṭati, maggapaṭipāṭiyāpi – kilesapaṭipāṭiyā abhijjhākāyagantho arahattamaggena pahīyati, byāpādo kāyagantho anāgāmimaggena, sīlabbataparāmāso kāyagantho idaṃsaccābhiniveso kāyagantho sotāpattimaggena. Maggapaṭipāṭiyā sīlabbataparāmāso kāyagantho idaṃsaccābhiniveso kāyagantho sotāpattimaggena, byāpādo kāyagantho anāgāmimaggena, abhijjhākāyagantho arahattamaggenāti. Ete cattāro ganthā yassa saṃvijjanti, taṃ cutipaṭisandhivasena vaṭṭasmiṃ ganthenti ghaṭentīti ganthā. Te catuppabhedā abhijjhāyanti etāya, sayaṃ vā abhijjhāyati, abhijjhāyanamattameva vā esāti abhijjhā. Lobhoyeva nāmakāyaṃ gantheti cutipaṭisandhivasena vaṭṭasmiṃ ghaṭetīti kāyagantho. Byāpajjati tena cittaṃ pūtibhāvaṃ gacchati, byāpādayati vā vinayācārarūpasampattihitasukhādīnīti byāpādo. ‘‘Ito bahiddhā samaṇabrāhmaṇānaṃ sīlena suddhi vatena suddhī’’ti parāmasanaṃ sīlabbataparāmāso, sabbaññubhāsitampi paṭikkhipitvā ‘‘sassato loko, idameva saccaṃ, moghamañña’’ntiādinā ākārena abhinivisatīti idaṃsaccābhiniveso. Yathā vayhaṃ vātiādiṃ vayhādivisaṅkharaṇaṃ ganthānaṃ viyogakaraṇe upamaṃ dassento āha.
น ชเนนฺตีติ น อุปฺปาเทนฺติฯ น สญฺชเนนฺตีติ น นิพฺพเตฺตนฺติฯ นาภินิพฺพเตฺตนฺตีติ อุปสคฺควเสน ปทํ วฑฺฒิตํฯ น สญฺชเนนฺตีติ อุปฺปาทกฺขณํฯ น นิพฺพเตฺตนฺติ นาภินิพฺพเตฺตนฺตีติ ปวตฺติกฺขณํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
Na janentīti na uppādenti. Na sañjanentīti na nibbattenti. Nābhinibbattentīti upasaggavasena padaṃ vaḍḍhitaṃ. Na sañjanentīti uppādakkhaṇaṃ. Na nibbattenti nābhinibbattentīti pavattikkhaṇaṃ sandhāya vuttaṃ.
๓๐. สีมาติโคติ คาถา เอกปุคฺคลาธิฎฺฐานาย เทสนาย วุตฺตาฯ ปุพฺพสทิโส เอว ปนสฺสา สมฺพโนฺธ, โส เอวํ อตฺถวณฺณนาย สทฺธิํ เวทิตโพฺพ – กิญฺจ ภิโยฺย? โส อีทิโส ภูริปโญฺญ จตุนฺนํ กิเลสสีมานํ อตีตตฺตา สีมาติโค, พาหิตปาปตฺตา จ พฺราหฺมโณ, อิตฺถมฺภูตสฺส จ ตสฺส นตฺถิ, ปรจิตฺตปุเพฺพนิวาสญาเณหิ ญตฺวา วา มํสทิพฺพจกฺขูหิ ทิสฺวา วา กิญฺจิ สมุคฺคหีตํ, อภินิวิฎฺฐนฺติ วุตฺตํ โหติฯ โส จ กามราคาภาวโต น ราคราคี รูปารูปราคาภาวโต น วิราครโตฺต, ยโต เอวํวิธสฺส ตสฺส ‘‘อิทํ ปรม’’นฺติ กิญฺจิ อิธ อุคฺคหีตํ นตฺถีติ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ
30.Sīmātigoti gāthā ekapuggalādhiṭṭhānāya desanāya vuttā. Pubbasadiso eva panassā sambandho, so evaṃ atthavaṇṇanāya saddhiṃ veditabbo – kiñca bhiyyo? So īdiso bhūripañño catunnaṃ kilesasīmānaṃ atītattā sīmātigo, bāhitapāpattā ca brāhmaṇo, itthambhūtassa ca tassa natthi, paracittapubbenivāsañāṇehi ñatvā vā maṃsadibbacakkhūhi disvā vā kiñci samuggahītaṃ, abhiniviṭṭhanti vuttaṃ hoti. So ca kāmarāgābhāvato na rāgarāgī rūpārūparāgābhāvato na virāgaratto, yato evaṃvidhassa tassa ‘‘idaṃ parama’’nti kiñci idha uggahītaṃ natthīti arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpesi.
จตโสฺส สีมาโยติ จตฺตาโร ปริเจฺฉทาฯ ทิฎฺฐานุสโยติ ทิฎฺฐิ จ สา อปฺปหีนเฎฺฐน อนุสโย จาติ ทิฎฺฐานุสโยฯ วิจิกิจฺฉานุสยาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เกนเฎฺฐน อนุสยา? อนุสยนเฎฺฐนฯ โก เอส อนุสยโฎฺฐ นามาติ? อปฺปหีนโฎฺฐฯ เอเต หิ อปฺปหีนเฎฺฐน ตสฺส ตสฺส สนฺตาเน อนุเสนฺติ นาม, ตสฺมา ‘‘อนุสยา’’ติ วุจฺจนฺติฯ อนุเสนฺตีติ อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ อถาปิ สิยา – อนุสยโฎฺฐ นาม อปฺปหีนากาโร, อปฺปหีนากาโร จ ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺตุํ น ยุชฺชติ, ตสฺมา น อนุสยา อุปฺปชฺชนฺตีติฯ ตตฺริทํ ปฎิวจนํ – อปฺปหีนากาโร อนุสโย, อนุสโยติ ปน อปฺปหีนเฎฺฐน ถามคตา กิเลสา วุจฺจนฺติฯ โส จิตฺตสมฺปยุโตฺต สารมฺมโณ สปฺปจฺจยเฎฺฐน สเหตุโก เอกนฺตากุสโล อตีโตปิ โหติ อนาคโตปิ ปจฺจุปฺปโนฺนปิ, ตสฺมา ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺตุํ ยุชฺชติฯ
Catasso sīmāyoti cattāro paricchedā. Diṭṭhānusayoti diṭṭhi ca sā appahīnaṭṭhena anusayo cāti diṭṭhānusayo. Vicikicchānusayādīsupi eseva nayo. Kenaṭṭhena anusayā? Anusayanaṭṭhena. Ko esa anusayaṭṭho nāmāti? Appahīnaṭṭho. Ete hi appahīnaṭṭhena tassa tassa santāne anusenti nāma, tasmā ‘‘anusayā’’ti vuccanti. Anusentīti anurūpaṃ kāraṇaṃ labhitvā uppajjantīti attho. Athāpi siyā – anusayaṭṭho nāma appahīnākāro, appahīnākāro ca ‘‘uppajjatī’’ti vattuṃ na yujjati, tasmā na anusayā uppajjantīti. Tatridaṃ paṭivacanaṃ – appahīnākāro anusayo, anusayoti pana appahīnaṭṭhena thāmagatā kilesā vuccanti. So cittasampayutto sārammaṇo sappaccayaṭṭhena sahetuko ekantākusalo atītopi hoti anāgatopi paccuppannopi, tasmā ‘‘uppajjatī’’ti vattuṃ yujjati.
ตตฺริทํ ปมาณํ – ปฎิสมฺภิทายํ ตาว อภิสมยกถายํ (ปฎิ. ม. ๓.๒๑) ‘‘ปจฺจุปฺปเนฺน กิเลเส ปชหตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา อนุสยานํ ปจฺจุปฺปนฺนภาวสฺส อตฺถิตาย ‘‘ถามคโต อนุสยํ ปชหตี’’ติ วุตฺตํฯ ธมฺมสงฺคณิยํ โมหสฺส ปทภาชเน (ธ. ส. ๓๙๐) ‘‘อวิชฺชานุสโย อวิชฺชาปริยุฎฺฐานํ, อวิชฺชาลงฺคี โมโห อกุสลมูลํ, อยํ ตสฺมิํ สมเย โมโห โหตี’’ติ อกุสลจิเตฺตน สทฺธิํ อวิชฺชานุสยสฺส อุปฺปนฺนภาโว วุโตฺตฯ กถาวตฺถุสฺมิํ ‘‘อนุสยา อพฺยากตา อนุสยา อเหตุกา อนุสยา จิตฺตวิปฺปยุตฺตา’’ติ (กถา. ๖๐๕) สเพฺพ วาทา ปฎิเสธิตาฯ อนุสยยมเก สตฺตนฺนํ มหาวารานํ อญฺญตรสฺมิํ อุปฺปชฺชนวาเร ‘‘ยสฺส กามราคานุสโย อุปฺปชฺชติ ตสฺส ปฎิฆานุสโย อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺมา ‘‘อนุเสนฺตีติ อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ อิมินา ตนฺติปฺปมาเณน สุวุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ยมฺปิ ‘‘จิตฺตสมฺปยุโตฺต สารมฺมโณ’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตมฺปิ สุวุตฺตเมวฯ อนุสโย หิ นาเมส ปรินิปฺผโนฺน จิตฺตสมฺปยุโตฺต อกุสลธโมฺมติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ
Tatridaṃ pamāṇaṃ – paṭisambhidāyaṃ tāva abhisamayakathāyaṃ (paṭi. ma. 3.21) ‘‘paccuppanne kilese pajahatī’’ti pucchitvā anusayānaṃ paccuppannabhāvassa atthitāya ‘‘thāmagato anusayaṃ pajahatī’’ti vuttaṃ. Dhammasaṅgaṇiyaṃ mohassa padabhājane (dha. sa. 390) ‘‘avijjānusayo avijjāpariyuṭṭhānaṃ, avijjālaṅgī moho akusalamūlaṃ, ayaṃ tasmiṃ samaye moho hotī’’ti akusalacittena saddhiṃ avijjānusayassa uppannabhāvo vutto. Kathāvatthusmiṃ ‘‘anusayā abyākatā anusayā ahetukā anusayā cittavippayuttā’’ti (kathā. 605) sabbe vādā paṭisedhitā. Anusayayamake sattannaṃ mahāvārānaṃ aññatarasmiṃ uppajjanavāre ‘‘yassa kāmarāgānusayo uppajjati tassa paṭighānusayo uppajjatī’’tiādi vuttaṃ. Tasmā ‘‘anusentīti anurūpaṃ kāraṇaṃ labhitvā uppajjantī’’ti yaṃ vuttaṃ, taṃ iminā tantippamāṇena suvuttanti veditabbaṃ. Yampi ‘‘cittasampayutto sārammaṇo’’tiādi vuttaṃ, tampi suvuttameva. Anusayo hi nāmesa parinipphanno cittasampayutto akusaladhammoti niṭṭhamettha gantabbaṃ.
ตตฺถ ทิฎฺฐานุสโย จตูสุ ทิฎฺฐิสมฺปยุเตฺตสุ, วิจิกิจฺฉานุสโย วิจิกิจฺฉาสหคเต, อวิชฺชานุสโย ทฺวาทสสุ อกุสลจิเตฺตสุ สหชาตวเสน อารมฺมณวเสน จ; ตโยปิ อวเสสเตภูมกธเมฺมสุ อารมฺมณวเสน ทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาโมหาฯ กามราคานุสโย เจตฺถ โลภสหคตจิเตฺตสุ สหชาตวเสน อารมฺมณวเสน จ, มนาเปสุ อวเสสกามาวจรธเมฺมสุ อารมฺมณวเสน อุปฺปชฺชมาโน โลโภฯ ปฎิฆานุสโย โทมนสฺสสหคตจิเตฺตสุ สหชาตวเสน อารมฺมณวเสน จ, อมนาเปสุ อวเสสกามาวจรธเมฺมสุ อารมฺมณวเสเนว อุปฺปชฺชมาโน โทโสฯ มานานุสโย ทิฎฺฐิวิปฺปยุตฺตโลภสหคตจิเตฺตสุ สหชาตวเสน อารมฺมณวเสน จ, ทุกฺขเวทนาวเชฺชสุ อวเสสกามาวจรธเมฺมสุ รูปารูปาวจรธเมฺมสุ จ อารมฺมณวเสเนว อุปฺปชฺชมาโน มาโนฯ ภวราคานุสโย จตูสุ ทิฎฺฐิวิปฺปยุเตฺตสุ อุปฺปชฺชมาโนปิ สหชาตวเสน วุโตฺตฯ อารมฺมณวเสเนว ปน รูปารูปาวจรธเมฺมสุ อุปฺปชฺชมาโน โลโภ วุโตฺตฯ
Tattha diṭṭhānusayo catūsu diṭṭhisampayuttesu, vicikicchānusayo vicikicchāsahagate, avijjānusayo dvādasasu akusalacittesu sahajātavasena ārammaṇavasena ca; tayopi avasesatebhūmakadhammesu ārammaṇavasena diṭṭhivicikicchāmohā. Kāmarāgānusayo cettha lobhasahagatacittesu sahajātavasena ārammaṇavasena ca, manāpesu avasesakāmāvacaradhammesu ārammaṇavasena uppajjamāno lobho. Paṭighānusayo domanassasahagatacittesu sahajātavasena ārammaṇavasena ca, amanāpesu avasesakāmāvacaradhammesu ārammaṇavaseneva uppajjamāno doso. Mānānusayo diṭṭhivippayuttalobhasahagatacittesu sahajātavasena ārammaṇavasena ca, dukkhavedanāvajjesu avasesakāmāvacaradhammesu rūpārūpāvacaradhammesu ca ārammaṇavaseneva uppajjamāno māno. Bhavarāgānusayo catūsu diṭṭhivippayuttesu uppajjamānopi sahajātavasena vutto. Ārammaṇavaseneva pana rūpārūpāvacaradhammesu uppajjamāno lobho vutto.
ตตฺถ ทิฎฺฐานุสโยติ ทฺวาสฎฺฐิวิธา ทิฎฺฐิฯ วิจิกิจฺฉานุสโยติ อฎฺฐวตฺถุกา วิจิกิจฺฉาฯ ตเทกฎฺฐา จ กิเลสาติ สหเชกฎฺฐวเสน ทิฎฺฐิยา วิจิกิจฺฉาย, สหเชกฎฺฐวเสน เอกโต ฐิตาฯ มานานุสโยติ นววิธมาโนฯ ปรมตฺถญาเณน วา ญตฺวาติ ปเรสํ จิตฺตาจารชานนปญฺญาย ชานิตฺวา, เจโตปริยญาเณน ชานิตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาเณน วาติ อตีเต นิวุฎฺฐกฺขนฺธานุสฺสรณญาเณน ชานิตฺวาฯ มํสจกฺขุนา วาติ ปกติจกฺขุนาฯ ทิพฺพจกฺขุนา วาติ ทิพฺพสทิเสน ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิเตน วา ทิพฺพจกฺขุนา ปสฺสิตฺวาฯ ราครตฺตาติ ราเคน รญฺชิตาฯ เย ปญฺจสุ กามคุเณสูติ เย ปญฺจสุ รูปาทิวตฺถุกามโกฎฺฐาเสสุฯ วิราครตฺตาติ วิราคสงฺขาตาสุ รูปารูปสมาปตฺตีสุ อติรตฺตา อลฺลีนาฯ ยโต กามราโค จาติ ยทา กามภเว ราโค จฯ รูปารูปราเคสุปิ เอเสว นโยฯ
Tattha diṭṭhānusayoti dvāsaṭṭhividhā diṭṭhi. Vicikicchānusayoti aṭṭhavatthukā vicikicchā. Tadekaṭṭhā ca kilesāti sahajekaṭṭhavasena diṭṭhiyā vicikicchāya, sahajekaṭṭhavasena ekato ṭhitā. Mānānusayoti navavidhamāno. Paramatthañāṇena vā ñatvāti paresaṃ cittācārajānanapaññāya jānitvā, cetopariyañāṇena jānitvāti vuttaṃ hoti. Pubbenivāsānussatiñāṇena vāti atīte nivuṭṭhakkhandhānussaraṇañāṇena jānitvā. Maṃsacakkhunā vāti pakaticakkhunā. Dibbacakkhunā vāti dibbasadisena dibbavihārasannissitena vā dibbacakkhunā passitvā. Rāgarattāti rāgena rañjitā. Ye pañcasu kāmaguṇesūti ye pañcasu rūpādivatthukāmakoṭṭhāsesu. Virāgarattāti virāgasaṅkhātāsu rūpārūpasamāpattīsu atirattā allīnā. Yato kāmarāgo cāti yadā kāmabhave rāgo ca. Rūpārūparāgesupi eseva nayo.
สทฺธมฺมปฺปโชฺชติกาย มหานิเทฺทสฎฺฐกถาย
Saddhammappajjotikāya mahāniddesaṭṭhakathāya
สุทฺธฎฺฐกสุตฺตนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suddhaṭṭhakasuttaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / มหานิเทฺทสปาฬิ • Mahāniddesapāḷi / ๔. สุทฺธฎฺฐกสุตฺตนิเทฺทโส • 4. Suddhaṭṭhakasuttaniddeso