Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā |
๑๔. สุชาตพุทฺธวํสวณฺณนา
14. Sujātabuddhavaṃsavaṇṇanā
ตโต ตสฺสาปรภาเค ตสฺมิํเยว มณฺฑกเปฺป อนุปุเพฺพน อปริมิตายุเกสุ สเตฺตสุ อนุกฺกเมน ปริหายิตฺวา นวุติวสฺสสหสฺสายุเกสุ ชาเตสุ สุชาตรูปกาโย ปริสุทฺธชาโต สุชาโต นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิฯ โสปิ ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา สุมงฺคลนคเร อุคฺคตสฺส นาม รโญฺญ กุเล ปภาวติยา นาม อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิฯ นามคฺคหณทิวเส จสฺส นามํ กโรโนฺต สกลชมฺพุทีเป สพฺพสตฺตานํ สุขํ ชนยโนฺต ชาโตติ ‘‘สุชาโต’’ เตฺววสฺส นามมกํสุฯ โส นววสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิฯ สิรี อุปสิรี สิรินโนฺท จาติ ตสฺส ตโย ปาสาทา อเหสุํฯ สิรีนนฺทาเทวิปฺปมุขานิ เตวีสติ อิตฺถิสหสฺสานิ ปจฺจุปฎฺฐิตานิ อเหสุํฯ
Tato tassāparabhāge tasmiṃyeva maṇḍakappe anupubbena aparimitāyukesu sattesu anukkamena parihāyitvā navutivassasahassāyukesu jātesu sujātarūpakāyo parisuddhajāto sujāto nāma satthā loke udapādi. Sopi pāramiyo pūretvā tusitapure nibbattitvā tato cavitvā sumaṅgalanagare uggatassa nāma rañño kule pabhāvatiyā nāma aggamahesiyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ gahetvā dasannaṃ māsānaṃ accayena mātukucchito nikkhami. Nāmaggahaṇadivase cassa nāmaṃ karonto sakalajambudīpe sabbasattānaṃ sukhaṃ janayanto jātoti ‘‘sujāto’’ tvevassa nāmamakaṃsu. So navavassasahassāni agāraṃ ajjhāvasi. Sirī upasirī sirinando cāti tassa tayo pāsādā ahesuṃ. Sirīnandādevippamukhāni tevīsati itthisahassāni paccupaṭṭhitāni ahesuṃ.
โส จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา สิรีนนฺทาเทวิยา อุปเสเน นาม ปุเตฺต อุปฺปเนฺน หํสวหํ นาม วรตุรงฺคมารุยฺห มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิฯ ตํ ปน ปพฺพชนฺตํ มนุสฺสานํ โกฎิ อนุปพฺพชิฯ อถ โส เตหิ ปริวุโต นว มาเส ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย สิรีนนฺทนนคเร สิรีนนฺทนเสฎฺฐิสฺส ธีตาย ทินฺนํ ปรมมธุรํ มธุปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา สาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย สุนนฺทาชีวเกน ทินฺนา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา เวฬุโพธิํ อุปสงฺกมิตฺวา เตตฺติํสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา สูริเย ธรมาเนเยว สมารํ มารพลํ วิธมิตฺวา สมฺมาสโมฺพธิํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา สพฺพพุทฺธานุจิณฺณํ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิสมีเปเยว วีตินาเมตฺวา พฺรหฺมุนา อายาจิโต อตฺตโน กนิฎฺฐภาติกํ สุทสฺสนกุมารํ ปุโรหิตปุตฺตํ เทวกุมารญฺจ จตุสจฺจธมฺมปฎิเวธสมเตฺถ ทิสฺวา อากาเสน คนฺตฺวา สุมงฺคลนครสมีเป สุมงฺคลุยฺยาเน โอตริตฺวา อุยฺยานปาเลน อตฺตโน ภาติกํ สุทสฺสนกุมารํ ปุโรหิตปุตฺตํ เทวกุมารญฺจ ปโกฺกสาเปตฺวา เตสํ สปริวารานํ มเชฺฌ นิสิโนฺน ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิฯ ตตฺถ อสีติยา โกฎีนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ อยํ ปฐมาภิสมโย อโหสิฯ
So cattāri nimittāni disvā sirīnandādeviyā upasene nāma putte uppanne haṃsavahaṃ nāma varaturaṅgamāruyha mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā pabbaji. Taṃ pana pabbajantaṃ manussānaṃ koṭi anupabbaji. Atha so tehi parivuto nava māse padhānacariyaṃ caritvā visākhapuṇṇamāya sirīnandananagare sirīnandanaseṭṭhissa dhītāya dinnaṃ paramamadhuraṃ madhupāyāsaṃ paribhuñjitvā sālavane divāvihāraṃ vītināmetvā sāyanhasamaye sunandājīvakena dinnā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā veḷubodhiṃ upasaṅkamitvā tettiṃsahatthavitthataṃ tiṇasantharaṃ santharitvā sūriye dharamāneyeva samāraṃ mārabalaṃ vidhamitvā sammāsambodhiṃ paṭivijjhitvā sabbabuddhānuciṇṇaṃ udānaṃ udānetvā sattasattāhaṃ bodhisamīpeyeva vītināmetvā brahmunā āyācito attano kaniṭṭhabhātikaṃ sudassanakumāraṃ purohitaputtaṃ devakumārañca catusaccadhammapaṭivedhasamatthe disvā ākāsena gantvā sumaṅgalanagarasamīpe sumaṅgaluyyāne otaritvā uyyānapālena attano bhātikaṃ sudassanakumāraṃ purohitaputtaṃ devakumārañca pakkosāpetvā tesaṃ saparivārānaṃ majjhe nisinno dhammacakkaṃ pavattesi. Tattha asītiyā koṭīnaṃ dhammābhisamayo ahosi. Ayaṃ paṭhamābhisamayo ahosi.
ยทา ปน ภควา สุทสฺสนุยฺยานทฺวาเร มหาสาลมูเล ยมกปาฎิหาริยํ กตฺวา เทเวสุ ตาวติํเสสุ วสฺสาวาสํ อุปาคมิ, ตทา สตฺตตฺติํสสตสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ อยํ ทุติโย อภิสมโย อโหสิฯ ยทา ปน สุชาโต ทสพโล ปิตุสนฺติกํ อคมาสิ, ตทา สฎฺฐิสตสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ อยํ ตติโย อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Yadā pana bhagavā sudassanuyyānadvāre mahāsālamūle yamakapāṭihāriyaṃ katvā devesu tāvatiṃsesu vassāvāsaṃ upāgami, tadā sattattiṃsasatasahassānaṃ dhammābhisamayo ahosi. Ayaṃ dutiyo abhisamayo ahosi. Yadā pana sujāto dasabalo pitusantikaṃ agamāsi, tadā saṭṭhisatasahassānaṃ dhammābhisamayo ahosi. Ayaṃ tatiyo abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –
๑.
1.
‘‘ตเตฺถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, สุชาโต นาม นายโก;
‘‘Tattheva maṇḍakappamhi, sujāto nāma nāyako;
สีหหนุสภกฺขโนฺธ, อปฺปเมโยฺย ทุราสโทฯ
Sīhahanusabhakkhandho, appameyyo durāsado.
๒.
2.
‘‘จโนฺทว วิมโล พุโทฺธ, สตรํสีว ปตาปวา;
‘‘Candova vimalo buddho, sataraṃsīva patāpavā;
เอวํ โสภติ สมฺพุโทฺธ, ชลโนฺต สิริยา สทาฯ
Evaṃ sobhati sambuddho, jalanto siriyā sadā.
๓.
3.
‘‘ปาปุณิตฺวาน สมฺพุโทฺธ, เกวลํ โพธิมุตฺตมํ;
‘‘Pāpuṇitvāna sambuddho, kevalaṃ bodhimuttamaṃ;
สุมงฺคลมฺหิ นคเร, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยิฯ
Sumaṅgalamhi nagare, dhammacakkaṃ pavattayi.
๔.
4.
‘‘เทเสเนฺต ปวรํ ธมฺมํ, สุชาเต โลกนายเก;
‘‘Desente pavaraṃ dhammaṃ, sujāte lokanāyake;
อสีติโกฎี อภิสมิํสุ, ปฐเม ธมฺมเทสเนฯ
Asītikoṭī abhisamiṃsu, paṭhame dhammadesane.
๕.
5.
‘‘ยทา สุชาโต อมิตยโส, เทเว วสฺสํ อุปาคมิ;
‘‘Yadā sujāto amitayaso, deve vassaṃ upāgami;
สตฺตตฺติํสสตสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหุฯ
Sattattiṃsasatasahassānaṃ, dutiyābhisamayo ahu.
๖.
6.
‘‘ยทา สุชาโต อสมสโม, อุปคจฺฉิ ปิตุสนฺติกํ;
‘‘Yadā sujāto asamasamo, upagacchi pitusantikaṃ;
สฎฺฐิสตสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติฯ
Saṭṭhisatasahassānaṃ, tatiyābhisamayo ahū’’ti.
ตตฺถ ตเตฺถว มณฺฑกปฺปมฺหีติ ยสฺมิํ มณฺฑกเปฺป สุเมโธ ภควา อุปฺปโนฺน, ตเตฺถว กเปฺป สุชาโตปิ ภควา อุปฺปโนฺนติ อโตฺถฯ สีหหนูติ สีหสฺส วิย หนุ อสฺสาติ สีหหนุฯ สีหสฺส ปน เหฎฺฐิมหนุเมว ปุณฺณํ โหติ, น อุปริมํฯ อสฺส ปน มหาปุริสสฺส สีหสฺส เหฎฺฐิมหนุ วิย เทฺวปิ ปริปุณฺณานิ ทฺวาทสิยํ ปกฺขสฺส จนฺทสทิสานิ โหนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สีหหนู’’ติฯ อุสภกฺขโนฺธติ อุสภเสฺสว สมปฺปวฎฺฎกฺขโนฺธ, สุวฎฺฎิตสุวณฺณาลิงฺคสทิสกฺขโนฺธติ อโตฺถฯ สตรํสีวาติ ทิวสกโร วิยฯ สิริยาติ พุทฺธสิริยาฯ โพธิมุตฺตมนฺติ อุตฺตมํ สโมฺพธิํฯ
Tattha tattheva maṇḍakappamhīti yasmiṃ maṇḍakappe sumedho bhagavā uppanno, tattheva kappe sujātopi bhagavā uppannoti attho. Sīhahanūti sīhassa viya hanu assāti sīhahanu. Sīhassa pana heṭṭhimahanumeva puṇṇaṃ hoti, na uparimaṃ. Assa pana mahāpurisassa sīhassa heṭṭhimahanu viya dvepi paripuṇṇāni dvādasiyaṃ pakkhassa candasadisāni honti. Tena vuttaṃ ‘‘sīhahanū’’ti. Usabhakkhandhoti usabhasseva samappavaṭṭakkhandho, suvaṭṭitasuvaṇṇāliṅgasadisakkhandhoti attho. Sataraṃsīvāti divasakaro viya. Siriyāti buddhasiriyā. Bodhimuttamanti uttamaṃ sambodhiṃ.
สุธมฺมวตีนคเร สุธมฺมุยฺยาเน อาคตานํ มนุสฺสานํ ธมฺมํ เทเสตฺวา สฎฺฐิสตสหสฺสานิ เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพาเชตฺวา เตสํ มเชฺฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ปฐโม สนฺนิปาโต อโหสิฯ ตโต ปรํ ติทิโวโรหเณ ภควโต ปญฺญาสสตสหสฺสานํ ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ ปุน ‘‘สุทสฺสนกุมาโร ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปโตฺต’’ติ สุตฺวา ‘‘มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ อาคตานิ จตฺตาริ ปุริสสตสหสฺสานิ คเหตฺวา สุทสฺสนเตฺถโร สุชาตํ นราสภํ อุปสงฺกมิฯ เตสํ ภควา ธมฺมํ เทเสตฺวา เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา จตุรงฺคสมนฺนาคเต สนฺนิปาเต ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Sudhammavatīnagare sudhammuyyāne āgatānaṃ manussānaṃ dhammaṃ desetvā saṭṭhisatasahassāni ehibhikkhubhāvena pabbājetvā tesaṃ majjhe pātimokkhaṃ uddisi, so paṭhamo sannipāto ahosi. Tato paraṃ tidivorohaṇe bhagavato paññāsasatasahassānaṃ dutiyo sannipāto ahosi. Puna ‘‘sudassanakumāro bhagavato santike pabbajitvā arahattaṃ patto’’ti sutvā ‘‘mayampi pabbajissāmā’’ti āgatāni cattāri purisasatasahassāni gahetvā sudassanatthero sujātaṃ narāsabhaṃ upasaṅkami. Tesaṃ bhagavā dhammaṃ desetvā ehibhikkhupabbajjāya pabbājetvā caturaṅgasamannāgate sannipāte pātimokkhaṃ uddisi, so tatiyo sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –
๗.
7.
‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, สุชาตสฺส มเหสิโน;
‘‘Sannipātā tayo āsuṃ, sujātassa mahesino;
ขีณาสวานํ วิมลานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํฯ
Khīṇāsavānaṃ vimalānaṃ, santacittāna tādinaṃ.
๘.
8.
‘‘อภิญฺญาพลปฺปตฺตานํ, อปฺปตฺตานํ ภวาภเว;
‘‘Abhiññābalappattānaṃ, appattānaṃ bhavābhave;
สฎฺฐิสตสหสฺสานิ, ปฐมํ สนฺนิปติํสุ เตฯ
Saṭṭhisatasahassāni, paṭhamaṃ sannipatiṃsu te.
๙.
9.
‘‘ปุนาปรํ สนฺนิปาเต, ติทิโวโรหเณ ชิเน;
‘‘Punāparaṃ sannipāte, tidivorohaṇe jine;
ปญฺญาสสตสหสฺสานํ, ทุติโย อาสิ สมาคโมฯ
Paññāsasatasahassānaṃ, dutiyo āsi samāgamo.
๑๐.
10.
‘‘อุปสงฺกมโนฺต นราสภํ, สุทสฺสโน อคฺคสาวโก;
‘‘Upasaṅkamanto narāsabhaṃ, sudassano aggasāvako;
จตูหิ สตสหเสฺสหิ, สมฺพุทฺธํ อุปสงฺกมี’’ติฯ
Catūhi satasahassehi, sambuddhaṃ upasaṅkamī’’ti.
ตตฺถ อปฺปตฺตานนฺติ ภวาภเว อสมฺปตฺตานนฺติ อโตฺถฯ ‘‘อปฺปวตฺตา ภวาภเว’’ติปิ ปาโฐ, โสเยวโตฺถฯ ติทิโวโรหเณติ สคฺคโลกโต โอตรเนฺต กตฺตุการเก ทฎฺฐโพฺพฯ การกวิปลฺลาเสน วุตฺตํฯ อถ วา ติทิโวโรหเณติ ติทิวโต โอตรเณฯ ชิเนติ ชินสฺส, สามิอเตฺถ ภุมฺมํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Tattha appattānanti bhavābhave asampattānanti attho. ‘‘Appavattā bhavābhave’’tipi pāṭho, soyevattho. Tidivorohaṇeti saggalokato otarante kattukārake daṭṭhabbo. Kārakavipallāsena vuttaṃ. Atha vā tidivorohaṇeti tidivato otaraṇe. Jineti jinassa, sāmiatthe bhummaṃ daṭṭhabbaṃ.
ตทา กิร อมฺหากํ โพธิสโตฺต จกฺกวตฺติราชา หุตฺวา ‘‘พุโทฺธ โลเก อุปฺปโนฺน’’ติ สุตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตฺตหิ รตเนหิ สทฺธิํ จตุมหาทีปรชฺชํ ทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิฯ สกลทีปวาสิโน ชนา รฎฺฐุปฺปาทํ คเหตฺวา อารามิกกิจฺจํ สาเธตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส นิจฺจํ มหาทานมทํสุฯ โสปิ นํ สตฺถา – ‘‘อนาคเต โคตโม นาม พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ เตน วุตฺตํ –
Tadā kira amhākaṃ bodhisatto cakkavattirājā hutvā ‘‘buddho loke uppanno’’ti sutvā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā dhammakathaṃ sutvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa sattahi ratanehi saddhiṃ catumahādīparajjaṃ datvā satthu santike pabbaji. Sakaladīpavāsino janā raṭṭhuppādaṃ gahetvā ārāmikakiccaṃ sādhetvā buddhappamukhassa saṅghassa niccaṃ mahādānamadaṃsu. Sopi naṃ satthā – ‘‘anāgate gotamo nāma buddho bhavissatī’’ti byākāsi. Tena vuttaṃ –
๑๑.
11.
‘‘อหํ เตน สมเยน, จตุทีปมฺหิ อิสฺสโร;
‘‘Ahaṃ tena samayena, catudīpamhi issaro;
อนฺตลิกฺขจโร อาสิํ, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ
Antalikkhacaro āsiṃ, cakkavattī mahabbalo.
๑๓.
13.
‘‘จตุทีเป มหารชฺชํ รตเน สตฺต อุตฺตเม;
‘‘Catudīpe mahārajjaṃ ratane satta uttame;
พุเทฺธ นิยฺยาตยิตฺวาน, ปพฺพชิํ ตสฺส สนฺติเกฯ
Buddhe niyyātayitvāna, pabbajiṃ tassa santike.
๑๔.
14.
‘‘อารามิกา ชนปเท, อุฎฺฐานํ ปฎิปิณฺฑิย;
‘‘Ārāmikā janapade, uṭṭhānaṃ paṭipiṇḍiya;
อุปเนนฺติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส, ปจฺจยํ สยนาสนํฯ
Upanenti bhikkhusaṅghassa, paccayaṃ sayanāsanaṃ.
๑๕.
15.
‘‘โสปิ มํ พุโทฺธ พฺยากาสิ, ทสสหสฺสิมฺหิ อิสฺสโร;
‘‘Sopi maṃ buddho byākāsi, dasasahassimhi issaro;
ติํสกปฺปสหสฺสมฺหิ, อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ
Tiṃsakappasahassamhi, ayaṃ buddho bhavissati.
๑๖.
16.
‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป.… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ
‘‘Padhānaṃ padahitvāna…pe… hessāma sammukhā imaṃ.
๑๗.
17.
‘‘ตสฺสาปิ จวนํ สุตฺวา, ภิโยฺย หาสํ ชเนสหํ;
‘‘Tassāpi cavanaṃ sutvā, bhiyyo hāsaṃ janesahaṃ;
อธิฎฺฐหิํ วตํ อุคฺคํ, ทสปารมิปูริยาฯ
Adhiṭṭhahiṃ vataṃ uggaṃ, dasapāramipūriyā.
๑๘.
18.
‘‘สุตฺตนฺตํ วินยญฺจาปิ, นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ;
‘‘Suttantaṃ vinayañcāpi, navaṅgaṃ satthusāsanaṃ;
สพฺพํ ปริยาปุณิตฺวาน, โสภยิํ ชินสาสนํฯ
Sabbaṃ pariyāpuṇitvāna, sobhayiṃ jinasāsanaṃ.
๑๙.
19.
‘‘ตตฺถปฺปมโตฺต วิหรโนฺต, พฺรหฺมํ ภาเวตฺว ภาวนํ;
‘‘Tatthappamatto viharanto, brahmaṃ bhāvetva bhāvanaṃ;
อภิญฺญาปารมิํ คนฺตฺวา, พฺรหฺมโลกมคญฺฉห’’นฺติฯ
Abhiññāpāramiṃ gantvā, brahmalokamagañchaha’’nti.
ตตฺถ จตุทีปมฺหีติ สปริวารทีปานํ จตุนฺนํ มหาทีปานนฺติ อโตฺถฯ อนฺตลิกฺขจโรติ จกฺกรตนํ ปุรกฺขตฺวา อากาสจโรฯ รตเน สตฺตาติ หตฺถิรตนาทีนิ สตฺต รตนานิฯ อุตฺตเมติ อุตฺตมานิฯ อถ วา อุตฺตเม พุเทฺธติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ นิยฺยาตยิตฺวานาติ ทตฺวานฯ อุฎฺฐานนฺติ รฎฺฐุปฺปาทํ, อายนฺติ อโตฺถฯ ปฎิปิณฺฑิยาติ ราสิํ กตฺวา สํกฑฺฒิตฺวาฯ ปจฺจยนฺติ จีวราทิวิวิธํ ปจฺจยํฯ ทสสหสฺสิมฺหิ อิสฺสโรติ ทสสหสฺสิโลกธาตุยํ อิสฺสโร, ตเทตํ ชาติเกฺขตฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อนนฺตานํ โลกธาตูนํ อิสฺสโร ภควาฯ ติํสกปฺปสหสฺสมฺหีติ อิโต ปฎฺฐาย ติํสกปฺปสหสฺสานํ มตฺถเกติ อโตฺถฯ
Tattha catudīpamhīti saparivāradīpānaṃ catunnaṃ mahādīpānanti attho. Antalikkhacaroti cakkaratanaṃ purakkhatvā ākāsacaro. Ratane sattāti hatthiratanādīni satta ratanāni. Uttameti uttamāni. Atha vā uttame buddheti attho daṭṭhabbo. Niyyātayitvānāti datvāna. Uṭṭhānanti raṭṭhuppādaṃ, āyanti attho. Paṭipiṇḍiyāti rāsiṃ katvā saṃkaḍḍhitvā. Paccayanti cīvarādivividhaṃ paccayaṃ. Dasasahassimhi issaroti dasasahassilokadhātuyaṃ issaro, tadetaṃ jātikkhettaṃ sandhāya vuttanti veditabbaṃ. Anantānaṃ lokadhātūnaṃ issaro bhagavā. Tiṃsakappasahassamhīti ito paṭṭhāya tiṃsakappasahassānaṃ matthaketi attho.
ตสฺส ปน สุชาตสฺส ภควโต สุมงฺคลํ นาม นครํ อโหสิ, อุคฺคโต นาม ราชา ปิตา, ปภาวตี นาม มาตา, สุทสฺสโน จ สุเทโว จ เทฺว อคฺคสาวกา, นารโท นามุปฎฺฐาโก, นาคา จ นาคสมาลา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, มหาเวฬุรุโกฺข โพธิ, โส กิร มนฺทจฺฉิโทฺท ฆนกฺขโนฺธ ปรมรมณีโย เวฬุริยมณิวเณฺณหิ วิมเลหิ ปเตฺตหิ สญฺฉนฺนวิปุลสาโข มยูรปิญฺฉกลาโป วิย วิโรจิตฺถฯ ตสฺส ปน ภควโต สรีรํ ปณฺณาสหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, อายุ นวุติวสฺสสหสฺสานิ, สิรีนนฺทา นามสฺส อคฺคมเหสี, อุปเสโน นาม ปุโตฺตฯ ตุรงฺควรยาเนน นิกฺขมิฯ โส ปน จนฺทวตีนคเร สิลาราเม ปรินิพฺพายิฯ เตน วุตฺตํ –
Tassa pana sujātassa bhagavato sumaṅgalaṃ nāma nagaraṃ ahosi, uggato nāma rājā pitā, pabhāvatī nāma mātā, sudassano ca sudevo ca dve aggasāvakā, nārado nāmupaṭṭhāko, nāgā ca nāgasamālā ca dve aggasāvikā, mahāveḷurukkho bodhi, so kira mandacchiddo ghanakkhandho paramaramaṇīyo veḷuriyamaṇivaṇṇehi vimalehi pattehi sañchannavipulasākho mayūrapiñchakalāpo viya virocittha. Tassa pana bhagavato sarīraṃ paṇṇāsahatthubbedhaṃ ahosi, āyu navutivassasahassāni, sirīnandā nāmassa aggamahesī, upaseno nāma putto. Turaṅgavarayānena nikkhami. So pana candavatīnagare silārāme parinibbāyi. Tena vuttaṃ –
๒๐.
20.
‘‘สุมงฺคลํ นาม นครํ, อุคฺคโต นาม ขตฺติโย;
‘‘Sumaṅgalaṃ nāma nagaraṃ, uggato nāma khattiyo;
มาตา ปภาวตี นาม, สุชาตสฺส มเหสิโนฯ
Mātā pabhāvatī nāma, sujātassa mahesino.
๒๕.
25.
‘‘สุทสฺสโน สุเทโว จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;
‘‘Sudassano sudevo ca, ahesuṃ aggasāvakā;
นารโท นามุปฎฺฐาโก, สุชาตสฺส มเหสิโนฯ
Nārado nāmupaṭṭhāko, sujātassa mahesino.
๒๖.
26.
‘‘นาโค จ นาคสมาลา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;
‘‘Nāgo ca nāgasamālā ca, ahesuṃ aggasāvikā;
โพธิ ตสฺส ภควโต, มหาเวฬูติ วุจฺจติฯ
Bodhi tassa bhagavato, mahāveḷūti vuccati.
๒๗.
27.
‘‘โส จ รุโกฺข ฆนกฺขโนฺธ, อจฺฉิโทฺท โหติ ปตฺติโก;
‘‘So ca rukkho ghanakkhandho, acchiddo hoti pattiko;
อุชุ วํโส พฺรหา โหติ, ทสฺสนีโย มโนรโมฯ
Uju vaṃso brahā hoti, dassanīyo manoramo.
๒๘.
28.
‘‘เอกกฺขโนฺธ ปวฑฺฒิตฺวา, ตโต สาขา ปภิชฺชติ;
‘‘Ekakkhandho pavaḍḍhitvā, tato sākhā pabhijjati;
ยถา สุพโทฺธ โมรหโตฺถ, เอวํ โสภติ โส ทุโมฯ
Yathā subaddho morahattho, evaṃ sobhati so dumo.
๒๙.
29.
‘‘น ตสฺส กณฺฎกา โหนฺติ, นาปิ ฉิทฺทํ มหา อหุ;
‘‘Na tassa kaṇṭakā honti, nāpi chiddaṃ mahā ahu;
วิตฺถิณฺณสาโข อวิรโล, สนฺทจฺฉาโย มโนรโมฯ
Vitthiṇṇasākho aviralo, sandacchāyo manoramo.
๓๑.
31.
‘‘ปญฺญาสรตโน อาสิ, อุจฺจตฺตเนน โส ชิโน;
‘‘Paññāsaratano āsi, uccattanena so jino;
สพฺพาการวรูเปโต, สพฺพคุณมุปาคโตฯ
Sabbākāravarūpeto, sabbaguṇamupāgato.
๓๒.
32.
‘‘ตสฺส ปภา อสมสมา, นิทฺธาวติ สมนฺตโต;
‘‘Tassa pabhā asamasamā, niddhāvati samantato;
อปฺปมาโณ อตุลิโย, โอปเมฺมหิ อนูปโมฯ
Appamāṇo atuliyo, opammehi anūpamo.
๓๓.
33.
‘‘นวุติวสฺสสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;
‘‘Navutivassasahassāni, āyu vijjati tāvade;
ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ
Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi janataṃ bahuṃ.
๓๔.
34.
‘‘ยถาปิ สาคเร อูมี, คคเน ตารกา ยถา;
‘‘Yathāpi sāgare ūmī, gagane tārakā yathā;
เอวํ ตทา ปาวจนํ, อรหเนฺตหิ จิตฺติตํฯ
Evaṃ tadā pāvacanaṃ, arahantehi cittitaṃ.
๓๕.
35.
‘‘โส จ พุโทฺธ อสมสโม, คุณานิ จ ตานิ อตุลิยานิ;
‘‘So ca buddho asamasamo, guṇāni ca tāni atuliyāni;
สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติฯ
Sabbaṃ tamantarahitaṃ, nanu rittā sabbasaṅkhārā’’ti.
ตตฺถ อจฺฉิโทฺทติ อปฺปจฺฉิโทฺทฯ ‘‘อนุทรา กญฺญา’’ติอาทีสุ วิย ทฎฺฐพฺพํฯ เกจิ ‘‘ฉิทฺทํ โหติ ปริตฺตก’’นฺติ ปฐนฺติฯ ปตฺติโกติ พหุปโตฺต, กาจมณิวเณฺณหิ ปเตฺตหิ สญฺฉโนฺนติ อโตฺถฯ อุชูติ อวโงฺก อกุฎิโลฯ วํโสติ เวฬุฯ พฺรหาติ สมนฺตโต มหาฯ เอกกฺขโนฺธติ อวนิรุโห เอโก อทุติโย จาติ อโตฺถฯ ปวฑฺฒิตฺวาติ วฑฺฒิตฺวาฯ ตโต สาขา ปภิชฺชตีติ ตโต วํสคฺคโต ปญฺจวิธา สาขา นิกฺขมิตฺวา ปภิชฺชิตฺถฯ ‘‘ตโต สาขา ปภิชฺชถา’’ติปิ ปาโฐฯ สุพโทฺธติ สุฎฺฐุ ปญฺจพนฺธนากาเรน พโทฺธฯ โมรหโตฺถติ อาตปสนฺนิวารณตฺถํ กโต พโทฺธ โมรปิญฺฉกลาโป วุจฺจติฯ
Tattha acchiddoti appacchiddo. ‘‘Anudarā kaññā’’tiādīsu viya daṭṭhabbaṃ. Keci ‘‘chiddaṃ hoti parittaka’’nti paṭhanti. Pattikoti bahupatto, kācamaṇivaṇṇehi pattehi sañchannoti attho. Ujūti avaṅko akuṭilo. Vaṃsoti veḷu. Brahāti samantato mahā. Ekakkhandhoti avaniruho eko adutiyo cāti attho. Pavaḍḍhitvāti vaḍḍhitvā. Tato sākhā pabhijjatīti tato vaṃsaggato pañcavidhā sākhā nikkhamitvā pabhijjittha. ‘‘Tato sākhā pabhijjathā’’tipi pāṭho. Subaddhoti suṭṭhu pañcabandhanākārena baddho. Morahatthoti ātapasannivāraṇatthaṃ kato baddho morapiñchakalāpo vuccati.
น ตสฺส กณฺฎกา โหนฺตีติ ตสฺส วํสสฺส กณฺฎกิโนปิ รุกฺขสฺส กณฺฎกา นาเหสุํฯ อวิรโลติ อวิรลสาขาสญฺฉโนฺนฯ สนฺทจฺฉาโยติ ฆนจฺฉาโย, อวิรลตฺตาว สนฺทจฺฉาโยติ วุโตฺตฯ ปญฺญาสรตโน อาสีติ ปญฺญาสหโตฺถ อโหสิฯ สพฺพาการวรูเปโตติ สเพฺพน อากาเรน วเรหิเยว อุเปโต สพฺพาการวรูเปโต นามฯ สพฺพคุณมุปาคโตติ อนนฺตรปทเสฺสว เววจนมตฺตํฯ
Na tassa kaṇṭakā hontīti tassa vaṃsassa kaṇṭakinopi rukkhassa kaṇṭakā nāhesuṃ. Aviraloti aviralasākhāsañchanno. Sandacchāyoti ghanacchāyo, aviralattāva sandacchāyoti vutto. Paññāsaratano āsīti paññāsahattho ahosi. Sabbākāravarūpetoti sabbena ākārena varehiyeva upeto sabbākāravarūpeto nāma. Sabbaguṇamupāgatoti anantarapadasseva vevacanamattaṃ.
อปฺปมาโณติ ปมาณรหิโต, ปมาณํ คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา วา อปฺปมาโณฯ อตุลิโยติ อตุโล, เกนจิ อสทิโสติ อโตฺถฯ โอปเมฺมหีติ อุปมิตเพฺพหิฯ อนูปโมติ อุปมารหิโต, ‘‘อิมินา จ อิมินา จ สทิโส’’ติ วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยภาวโต อนูปโมติ อโตฺถฯ คุณานิ จ ตานีติ คุณา จ เต, สพฺพญฺญุตญฺญาณาทโย คุณาติ อโตฺถฯ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
Appamāṇoti pamāṇarahito, pamāṇaṃ gahetuṃ asakkuṇeyyattā vā appamāṇo. Atuliyoti atulo, kenaci asadisoti attho. Opammehīti upamitabbehi. Anūpamoti upamārahito, ‘‘iminā ca iminā ca sadiso’’ti vattuṃ asakkuṇeyyabhāvato anūpamoti attho. Guṇānica tānīti guṇā ca te, sabbaññutaññāṇādayo guṇāti attho. Liṅgavipallāsena vuttaṃ. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.
สุชาตพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sujātabuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.
นิฎฺฐิโต ทฺวาทสโม พุทฺธวํโสฯ
Niṭṭhito dvādasamo buddhavaṃso.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๑๔. สุชาตพุทฺธวํโส • 14. Sujātabuddhavaṃso