Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๖๙] ๙. สุชาตชาตกวณฺณนา
[269] 9. Sujātajātakavaṇṇanā
น หิ วเณฺณน สมฺปนฺนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อนาถปิณฺฑิกสฺส สุณิสํ ธนญฺจยเสฎฺฐิธีตรํ วิสาขาย กนิฎฺฐภคินิํ สุชาตํ อารพฺภ กเถสิฯ สา กิร มหเนฺตน ยเสน อนาถปิณฺฑิกสฺส ฆรํ ปูรยมานา ปาวิสิ, ‘‘มหากุลสฺส ธีตา อห’’นฺติ มานถทฺธา อโหสิ โกธนา จณฺฑี ผรุสา, สสฺสุสสุรสามิกวตฺตานิ น กโรติ, เคหชนํ ตเชฺชนฺตี ปหรนฺตี จรติฯ อเถกทิวสํ สตฺถา ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ ปริวุโต อนาถปิณฺฑิกสฺส เคหํ คนฺตฺวา นิสีทิฯ มหาเสฎฺฐิ ธมฺมํ สุณโนฺตว ภควนฺตํ อุปนิสีทิ, ตสฺมิํ ขเณ สุชาตา ทาสกมฺมกเรหิ สทฺธิํ กลหํ กโรติฯ สตฺถา ธมฺมกถํ ฐเปตฺวา ‘‘กิํ สโทฺท เอโส’’ติ อาหฯ เอสา, ภเนฺต, กุลสุณฺหา อคารวา, เนวสฺสา สสฺสุสสุรสามิกวตฺตํ อตฺถิ, อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา อโหรตฺตํ กลหํ กุรุมานา วิจรตีติฯ เตน หิ นํ ปโกฺกสถาติฯ สา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ
Na hi vaṇṇena sampannāti idaṃ satthā jetavane viharanto anāthapiṇḍikassa suṇisaṃ dhanañcayaseṭṭhidhītaraṃ visākhāya kaniṭṭhabhaginiṃ sujātaṃ ārabbha kathesi. Sā kira mahantena yasena anāthapiṇḍikassa gharaṃ pūrayamānā pāvisi, ‘‘mahākulassa dhītā aha’’nti mānathaddhā ahosi kodhanā caṇḍī pharusā, sassusasurasāmikavattāni na karoti, gehajanaṃ tajjentī paharantī carati. Athekadivasaṃ satthā pañcahi bhikkhusatehi parivuto anāthapiṇḍikassa gehaṃ gantvā nisīdi. Mahāseṭṭhi dhammaṃ suṇantova bhagavantaṃ upanisīdi, tasmiṃ khaṇe sujātā dāsakammakarehi saddhiṃ kalahaṃ karoti. Satthā dhammakathaṃ ṭhapetvā ‘‘kiṃ saddo eso’’ti āha. Esā, bhante, kulasuṇhā agāravā, nevassā sassusasurasāmikavattaṃ atthi, assaddhā appasannā ahorattaṃ kalahaṃ kurumānā vicaratīti. Tena hi naṃ pakkosathāti. Sā āgantvā vanditvā ekamantaṃ aṭṭhāsi.
อถ นํ สตฺถา ‘‘สตฺติมา, สุชาเต, ปุริสสฺส ภริยา, ตาสํ ตฺวํ กตรา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ภเนฺต, นาหํ สํขิเตฺตน กถิตสฺส อตฺถํ อาชานามิ, วิตฺถาเรน เม กเถถา’’ติฯ สตฺถา ‘‘เตน หิ โอหิตโสตา สุโณหี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
Atha naṃ satthā ‘‘sattimā, sujāte, purisassa bhariyā, tāsaṃ tvaṃ katarā’’ti pucchi. ‘‘Bhante, nāhaṃ saṃkhittena kathitassa atthaṃ ājānāmi, vitthārena me kathethā’’ti. Satthā ‘‘tena hi ohitasotā suṇohī’’ti vatvā imā gāthā abhāsi –
‘‘ปทุฎฺฐจิตฺตา อหิตานุกมฺปินี, อเญฺญสุ รตฺตา อติมญฺญเต ปติํ,
‘‘Paduṭṭhacittā ahitānukampinī, aññesu rattā atimaññate patiṃ,
ธเนน กีตสฺส วธาย อุสฺสุกา; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
Dhanena kītassa vadhāya ussukā; Yā evarūpā purisassa bhariyā,
วธกา จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติฯ [๑]
Vadhakā ca bhariyāti ca sā pavuccati. [1]
‘‘ยํ อิตฺถิยา วินฺทติ สามิโก ธนํ, สิปฺปํ วณิชฺชญฺจ กสิํ อธิฎฺฐหํ,
‘‘Yaṃ itthiyā vindati sāmiko dhanaṃ, sippaṃ vaṇijjañca kasiṃ adhiṭṭhahaṃ,
อปฺปมฺปิ ตสฺส อปหาตุมิจฺฉติ; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
Appampi tassa apahātumicchati; Yā evarūpā purisassa bhariyā,
โจรี จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติฯ [๒]
Corī ca bhariyāti ca sā pavuccati. [2]
‘‘อกมฺมกามา อลสา มหคฺฆสา, ผรุสา จ จณฺฑี จ ทุรุตฺตวาทินี,
‘‘Akammakāmā alasā mahagghasā, pharusā ca caṇḍī ca duruttavādinī,
อุฎฺฐายกานํ อภิภุยฺย วตฺตติ; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
Uṭṭhāyakānaṃ abhibhuyya vattati; Yā evarūpā purisassa bhariyā,
อยฺยา จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติฯ [๓]
Ayyā ca bhariyāti ca sā pavuccati. [3]
‘‘ยา สพฺพทา โหติ หิตานุกมฺปินี, มาตาว ปุตฺตํ อนุรกฺขเต ปติํ,
‘‘Yā sabbadā hoti hitānukampinī, mātāva puttaṃ anurakkhate patiṃ,
ตโต ธนํ สมฺภตมสฺส รกฺขติ; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
Tato dhanaṃ sambhatamassa rakkhati; Yā evarūpā purisassa bhariyā,
มาตา จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติฯ [๔]
Mātā ca bhariyāti ca sā pavuccati. [4]
‘‘ยถาปิ เชฎฺฐา ภคินี กนิฎฺฐกา, สคารวา โหติ สกมฺหิ สาธิเก,
‘‘Yathāpi jeṭṭhā bhaginī kaniṭṭhakā, sagāravā hoti sakamhi sādhike,
หิรีมนา ภตฺตุ วสานุวตฺตินี; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
Hirīmanā bhattu vasānuvattinī; Yā evarūpā purisassa bhariyā,
ภคินี จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติฯ [๕]
Bhaginī ca bhariyāti ca sā pavuccati. [5]
‘‘ยาจีธ ทิสฺวาน ปติํ ปโมทติ, สขี สขารํว จิรสฺสมาคตํ,
‘‘Yācīdha disvāna patiṃ pamodati, sakhī sakhāraṃva cirassamāgataṃ,
โกเลยฺยกา สีลวตี ปติพฺพตา; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
Koleyyakā sīlavatī patibbatā; Yā evarūpā purisassa bhariyā,
สขี จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติฯ [๖]
Sakhī ca bhariyāti ca sā pavuccati. [6]
‘‘อกฺกุทฺธสนฺตา วธทณฺฑตชฺชิตา, อทุฎฺฐจิตฺตา ปติโน ติติกฺขติ,
‘‘Akkuddhasantā vadhadaṇḍatajjitā, aduṭṭhacittā patino titikkhati,
อโกฺกธนา ภตฺตุ วสานุวตฺตินี; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
Akkodhanā bhattu vasānuvattinī; Yā evarūpā purisassa bhariyā,
ทาสี จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติ’’ฯ (อ. นิ. ๗.๖๓); [๗]
Dāsī ca bhariyāti ca sā pavuccati’’. (a. ni. 7.63); [7]
อิมา โข, สุชาเต, ปุริสสฺส สตฺต ภริยาฯ ตาสุ วธกสมา โจรีสมา อยฺยสมาติ อิมา ติโสฺส นิรเย นิพฺพตฺตนฺติ, อิตรา จตโสฺส นิมฺมานรติเทวโลเกฯ
Imā kho, sujāte, purisassa satta bhariyā. Tāsu vadhakasamā corīsamā ayyasamāti imā tisso niraye nibbattanti, itarā catasso nimmānaratidevaloke.
‘‘ยาจีธ ภริยา วธกาติ วุจฺจติ, โจรีติ อยฺยาติ จ ยา ปวุจฺจติ;
‘‘Yācīdha bhariyā vadhakāti vuccati, corīti ayyāti ca yā pavuccati;
ทุสฺสีลรูปา ผรุสา อนาทรา, กายสฺส เภทา นิรยํ วชนฺติ ตาฯ
Dussīlarūpā pharusā anādarā, kāyassa bhedā nirayaṃ vajanti tā.
‘‘ยาจีธ มาตา ภคินี สขีติ จ, ทาสีติ ภริยาติ จ ยา ปวุจฺจติ;
‘‘Yācīdha mātā bhaginī sakhīti ca, dāsīti bhariyāti ca yā pavuccati;
สีเล ฐิตตฺตา จิรรตฺตสํวุตา, กายสฺส เภทา สุคติํ วชนฺติ ตา’’ติฯ (อ. นิ. ๗.๖๓);
Sīle ṭhitattā cirarattasaṃvutā, kāyassa bhedā sugatiṃ vajanti tā’’ti. (a. ni. 7.63);
เอวํ สตฺถริ อิมา สตฺต ภริยา ทเสฺสเนฺตเยว สุชาตา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ‘‘สุชาเต, ตฺวํ อิมาสํ สตฺตนฺนํ ภริยานํ กตรา’’ติ วุเตฺต ‘‘ทาสิสมา อหํ, ภเนฺต’’ติ วตฺวา ตถาคตํ วนฺทิตฺวา ขมาเปสิฯ อิติ สตฺถา สุชาตํ ฆรสุณฺหํ เอโกวาเทเนว ทเมตฺวา กตภตฺตกิโจฺจ เชตวนํ คนฺตฺวา ภิกฺขุสเงฺฆน วเตฺต ทสฺสิเต คนฺธกุฎิํ ปาวิสิฯ ธมฺมสภายมฺปิ โข, ภิกฺขู, สตฺถุ คุณกถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เอโกวาเทเนว สตฺถา สุชาตํ ฆรสุณฺหํ ทเมตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาเปสี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ มยา สุชาตา เอโกวาเทเนว ทมิตา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Evaṃ satthari imā satta bhariyā dassenteyeva sujātā sotāpattiphale patiṭṭhahi. ‘‘Sujāte, tvaṃ imāsaṃ sattannaṃ bhariyānaṃ katarā’’ti vutte ‘‘dāsisamā ahaṃ, bhante’’ti vatvā tathāgataṃ vanditvā khamāpesi. Iti satthā sujātaṃ gharasuṇhaṃ ekovādeneva dametvā katabhattakicco jetavanaṃ gantvā bhikkhusaṅghena vatte dassite gandhakuṭiṃ pāvisi. Dhammasabhāyampi kho, bhikkhū, satthu guṇakathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, ekovādeneva satthā sujātaṃ gharasuṇhaṃ dametvā sotāpattiphale patiṭṭhāpesī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi mayā sujātā ekovādeneva damitā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมิํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รเชฺช ปติฎฺฐาย ธเมฺมน สเมน รชฺชํ กาเรสิฯ ตสฺส มาตา โกธนา อโหสิ จณฺฑา ผรุสา อโกฺกสิกา ปริภาสิกาฯ โส มาตุ โอวาทํ ทาตุกาโมปิ ‘‘อวตฺถุกํ กเถตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ตสฺสา อนุสาสนตฺถํ เอกํ อุปมํ โอโลเกโนฺต จรติฯ อเถกทิวสํ อุยฺยานํ อคมาสิ, มาตาปิ ปุเตฺตน สทฺธิํเยว อคมาสิ ฯ อถ อนฺตรามเคฺค กิกี สกุโณ วิรวิ, โพธิสตฺตปริสา ตํ สทฺทํ สุตฺวา กเณฺณ ปิทหิตฺวา ‘‘อโมฺภ, จณฺฑวาเจ ผรุสวาเจ มา สทฺทมกาสี’’ติ อาหฯ โพธิสเตฺต ปน นาฎกปริวาริเต มาตรา สทฺธิํ อุยฺยาเน วิจรเนฺต เอกสฺมิํ สุปุปฺผิตสาลรุเกฺข นิลีนา เอกา โกกิลา มธุเรน สเรน วสฺสิฯ มหาชโน ตสฺสา สเทฺทน สมฺมโตฺต หุตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา ‘‘สณฺหวาเจ สขิลวาเจ มุทุวาเจ วสฺส วสฺสา’’ติ คีวํ อุกฺขิปิตฺวา โอหิตโสโต โอโลเกโนฺต อฎฺฐาสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa aggamahesiyā kucchismiṃ nibbattitvā vayappatto takkasilāyaṃ sabbasippāni uggaṇhitvā pitu accayena rajje patiṭṭhāya dhammena samena rajjaṃ kāresi. Tassa mātā kodhanā ahosi caṇḍā pharusā akkosikā paribhāsikā. So mātu ovādaṃ dātukāmopi ‘‘avatthukaṃ kathetuṃ na yutta’’nti tassā anusāsanatthaṃ ekaṃ upamaṃ olokento carati. Athekadivasaṃ uyyānaṃ agamāsi, mātāpi puttena saddhiṃyeva agamāsi . Atha antarāmagge kikī sakuṇo viravi, bodhisattaparisā taṃ saddaṃ sutvā kaṇṇe pidahitvā ‘‘ambho, caṇḍavāce pharusavāce mā saddamakāsī’’ti āha. Bodhisatte pana nāṭakaparivārite mātarā saddhiṃ uyyāne vicarante ekasmiṃ supupphitasālarukkhe nilīnā ekā kokilā madhurena sarena vassi. Mahājano tassā saddena sammatto hutvā añjaliṃ paggahetvā ‘‘saṇhavāce sakhilavāce muduvāce vassa vassā’’ti gīvaṃ ukkhipitvā ohitasoto olokento aṭṭhāsi.
อถ มหาสโตฺต ตานิ เทฺว การณานิ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ มาตรํ สญฺญาเปตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘อมฺม, อนฺตรามเคฺค กิกีสทฺทํ สุตฺวา มหาชโน ‘มา สทฺทมกาสิ , มา สทฺทมกาสี’ติ กเณฺณ ปิทหิ, ผรุสวาจา นาม น กสฺสจิ ปิยา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
Atha mahāsatto tāni dve kāraṇāni disvā ‘‘idāni mātaraṃ saññāpetuṃ sakkhissāmī’’ti cintetvā ‘‘amma, antarāmagge kikīsaddaṃ sutvā mahājano ‘mā saddamakāsi , mā saddamakāsī’ti kaṇṇe pidahi, pharusavācā nāma na kassaci piyā’’ti vatvā imā gāthā avoca –
๕๕.
55.
‘‘น หิ วเณฺณน สมฺปนฺนา, มญฺชุกา ปิยทสฺสนา;
‘‘Na hi vaṇṇena sampannā, mañjukā piyadassanā;
ขรวาจา ปิยา โหนฺติ, อสฺมิํ โลเก ปรมฺหิ จฯ
Kharavācā piyā honti, asmiṃ loke paramhi ca.
๕๖.
56.
‘‘นนุ ปสฺสสิมํ กาฬิํ, ทุพฺพณฺณํ ติลกาหตํ;
‘‘Nanu passasimaṃ kāḷiṃ, dubbaṇṇaṃ tilakāhataṃ;
โกกิลํ สณฺหภาเณน, พหูนํ ปาณินํ ปิยํฯ
Kokilaṃ saṇhabhāṇena, bahūnaṃ pāṇinaṃ piyaṃ.
๕๗.
57.
‘‘ตสฺมา สขิลวาจสฺส, มนฺตภาณี อนุทฺธโต;
‘‘Tasmā sakhilavācassa, mantabhāṇī anuddhato;
อตฺถํ ธมฺมญฺจ ทีเปติ, มธุรํ ตสฺส ภาสิต’’นฺติฯ
Atthaṃ dhammañca dīpeti, madhuraṃ tassa bhāsita’’nti.
ตาสํ อยมโตฺถ – อมฺม, อิเม สตฺตา ปิยงฺคุสามาทินา สรีรวเณฺณน สมนฺนาคตา กถานิโคฺฆสสฺส มธุรตาย มญฺชุกา, อภิรูปตาย ปิยทสฺสนา สมานาปิ อนฺตมโส มาตาปิตโรปิ อโกฺกสปริภาสาทิวเสน ปวตฺตาย ขรวาจาย สมนฺนาคตตฺตา ขรวาจา อิมสฺมิญฺจ ปรสฺมิญฺจ โลเก ปิยา นาม น โหนฺติ อนฺตรามเคฺค ขรวาจา กิกี วิย, สณฺหภาณิโน ปน มฎฺฐาย มธุราย วาจาย สมนฺนาคตา วิรูปาปิ ปิยา โหนฺติฯ เตน ตํ วทามิ – นนุ ปสฺสสิ ตฺวํ อิมํ กาฬิํ ทุพฺพณฺณํ สรีรวณฺณโตปิ กาฬตเรหิ ติลเกหิ อาหตํ โกกิลํ, ยา เอวํ ทุพฺพณฺณา สมานาปิ สณฺหภาสเนน พหูนํ ปิยา ชาตาฯ อิติ ยสฺมา ขรวาโจ สโตฺต โลเก มาตาปิตูนมฺปิ อปฺปิโย, ตสฺมา พหุชนสฺส ปิยภาวํ อิจฺฉโนฺต โปโส สขิลวาโจ สณฺหมฎฺฐมุทุวาโจ อสฺสฯ ปญฺญาสงฺขาตาย มนฺตาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา วจนโต มนฺตภาณี, วินา อุทฺธเจฺจน ปมาณยุตฺตเสฺสว กถนโต อนุทฺธโตฯ โย หิ เอวรูโป ปุคฺคโล ปาฬิญฺจ อตฺถญฺจ ทีเปติ, ตสฺส ภาสิตํ การณสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา ปรํ อนโกฺกเสตฺวา กถิตตาย มธุรนฺติฯ
Tāsaṃ ayamattho – amma, ime sattā piyaṅgusāmādinā sarīravaṇṇena samannāgatā kathānigghosassa madhuratāya mañjukā, abhirūpatāya piyadassanā samānāpi antamaso mātāpitaropi akkosaparibhāsādivasena pavattāya kharavācāya samannāgatattā kharavācā imasmiñca parasmiñca loke piyā nāma na honti antarāmagge kharavācā kikī viya, saṇhabhāṇino pana maṭṭhāya madhurāya vācāya samannāgatā virūpāpi piyā honti. Tena taṃ vadāmi – nanu passasi tvaṃ imaṃ kāḷiṃ dubbaṇṇaṃ sarīravaṇṇatopi kāḷatarehi tilakehi āhataṃ kokilaṃ, yā evaṃ dubbaṇṇā samānāpi saṇhabhāsanena bahūnaṃ piyā jātā. Iti yasmā kharavāco satto loke mātāpitūnampi appiyo, tasmā bahujanassa piyabhāvaṃ icchanto poso sakhilavāco saṇhamaṭṭhamuduvāco assa. Paññāsaṅkhātāya mantāya paricchinditvā vacanato mantabhāṇī, vinā uddhaccena pamāṇayuttasseva kathanato anuddhato. Yo hi evarūpo puggalo pāḷiñca atthañca dīpeti, tassa bhāsitaṃ kāraṇasannissitaṃ katvā paraṃ anakkosetvā kathitatāya madhuranti.
เอวํ โพธิสโตฺต อิมาหิ ตีหิ คาถาหิ มาตุ ธมฺมํ เทเสตฺวา มาตรํ สญฺญาเปสิ, สา ตโต ปฎฺฐาย อาจารสมฺปนฺนา อโหสิฯ โพธิสโตฺตปิ มาตรํ เอโกวาเทน นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ยถากมฺมํ คโตฯ
Evaṃ bodhisatto imāhi tīhi gāthāhi mātu dhammaṃ desetvā mātaraṃ saññāpesi, sā tato paṭṭhāya ācārasampannā ahosi. Bodhisattopi mātaraṃ ekovādena nibbisevanaṃ katvā yathākammaṃ gato.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิรโญฺญ มาตา สุชาตา อโหสิ, ราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā bārāṇasirañño mātā sujātā ahosi, rājā pana ahameva ahosi’’nti.
สุชาตชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Sujātajātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๖๙. สุชาตชาตกํ • 269. Sujātajātakaṃ