Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๐๖] ๖. สุชาตาชาตกวณฺณนา
[306] 6. Sujātājātakavaṇṇanā
กิมณฺฑกาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต มลฺลิกํ เทวิํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกทิวสํ กิร รโญฺญ ตาย สทฺธิํ สิริวิวาโท อโหสิ, ‘‘สยนกลโห’’ติปิ วทนฺติเยวฯ ราชา กุชฺฌิตฺวา ตสฺสา อตฺถิภาวมฺปิ น ชานาติฯ มลฺลิกา เทวีปิ ‘‘สตฺถา รโญฺญ มยิ กุทฺธภาวํ น ชานาติ มเญฺญ’’ติ จิเนฺตสิฯ สตฺถาปิ ญตฺวา ‘‘อิเมสํ สมคฺคภาวํ กริสฺสามี’’ติ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ปญฺจภิกฺขุสตปริวาโร สาวตฺถิํ ปวิสิตฺวา ราชทฺวารํ อคมาสิฯ ราชา ตถาคตสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา นิเวสนํ ปเวเสตฺวา ปญฺญตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ยาคุขชฺชกํ อาหริฯ สตฺถา ปตฺตํ หเตฺถน ปิทหิตฺวา ‘‘มหาราช, กหํ เทวี’’ติ อาหฯ ‘‘กิํ, ภเนฺต, ตาย อตฺตโน ยเสน มตฺตายา’’ติ? ‘‘มหาราช, สยเมว ยสํ ทตฺวา มาตุคามํ อุกฺขิปิตฺวา ตาย กตสฺส อปราธสฺส อสหนํ นาม น ยุตฺต’’นฺติฯ ราชา สตฺถุ วจนํ สุตฺวา ตํ ปโกฺกสาเปสิ, สา สตฺถารํ ปริวิสิฯ สตฺถา ‘‘อญฺญมญฺญํ สมเคฺคหิ ภวิตุํ วฎฺฎตี’’ติ สามคฺคิรสวณฺณํ กเถตฺวา ปกฺกามิฯ ตโต ปฎฺฐาย อุโภ สมคฺควาสํ วสิํสุฯ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, สตฺถา เอกวจเนเนว อุโภ สมเคฺค อกาสี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปาหํ เอเต เอกวาเทเนว สมเคฺค อกาสิ’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Kimaṇḍakāti idaṃ satthā jetavane viharanto mallikaṃ deviṃ ārabbha kathesi. Ekadivasaṃ kira rañño tāya saddhiṃ sirivivādo ahosi, ‘‘sayanakalaho’’tipi vadantiyeva. Rājā kujjhitvā tassā atthibhāvampi na jānāti. Mallikā devīpi ‘‘satthā rañño mayi kuddhabhāvaṃ na jānāti maññe’’ti cintesi. Satthāpi ñatvā ‘‘imesaṃ samaggabhāvaṃ karissāmī’’ti pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya pañcabhikkhusataparivāro sāvatthiṃ pavisitvā rājadvāraṃ agamāsi. Rājā tathāgatassa pattaṃ gahetvā nivesanaṃ pavesetvā paññattāsane nisīdāpetvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa dakkhiṇodakaṃ datvā yāgukhajjakaṃ āhari. Satthā pattaṃ hatthena pidahitvā ‘‘mahārāja, kahaṃ devī’’ti āha. ‘‘Kiṃ, bhante, tāya attano yasena mattāyā’’ti? ‘‘Mahārāja, sayameva yasaṃ datvā mātugāmaṃ ukkhipitvā tāya katassa aparādhassa asahanaṃ nāma na yutta’’nti. Rājā satthu vacanaṃ sutvā taṃ pakkosāpesi, sā satthāraṃ parivisi. Satthā ‘‘aññamaññaṃ samaggehi bhavituṃ vaṭṭatī’’ti sāmaggirasavaṇṇaṃ kathetvā pakkāmi. Tato paṭṭhāya ubho samaggavāsaṃ vasiṃsu. Bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, satthā ekavacaneneva ubho samagge akāsī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepāhaṃ ete ekavādeneva samagge akāsi’’nti vatvā tehi yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อมโจฺจ อโหสิฯ อเถกทิวสํ ราชา วาตปานํ วิวริตฺวา ราชงฺคณํ โอโลกยมาโน อฎฺฐาสิฯ ตสฺมิํ ขเณ เอกา ปณฺณิกธีตา อภิรูปา ปฐมวเย ฐิตา สุชาตา นาม พทรปจฺฉิํ สีเส กตฺวา ‘‘พทรานิ คณฺหถ, พทรานิ คณฺหถา’’ติ วทมานา ราชงฺคเณน คจฺฉติฯ ราชา ตสฺสา สทฺทํ สุตฺวา ตาย ปฎิพทฺธจิโตฺต หุตฺวา อสามิกภาวํ ญตฺวา ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา อคฺคมเหสิฎฺฐาเน ฐเปตฺวา มหนฺตํ ยสํ อทาสิฯ สา รโญฺญ ปิยา อโหสิ มนาปาฯ อเถกทิวสํ ราชา สุวณฺณตฎฺฎเก พทรานิ ขาทโนฺต นิสีทิฯ ตทา สุชาตา เทวี ราชานํ พทรานิ ขาทนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มหาราช, กิํ นาม ตุเมฺห ขาทถา’’ติ ปุจฺฉนฺตี ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa atthadhammānusāsako amacco ahosi. Athekadivasaṃ rājā vātapānaṃ vivaritvā rājaṅgaṇaṃ olokayamāno aṭṭhāsi. Tasmiṃ khaṇe ekā paṇṇikadhītā abhirūpā paṭhamavaye ṭhitā sujātā nāma badarapacchiṃ sīse katvā ‘‘badarāni gaṇhatha, badarāni gaṇhathā’’ti vadamānā rājaṅgaṇena gacchati. Rājā tassā saddaṃ sutvā tāya paṭibaddhacitto hutvā asāmikabhāvaṃ ñatvā taṃ pakkosāpetvā aggamahesiṭṭhāne ṭhapetvā mahantaṃ yasaṃ adāsi. Sā rañño piyā ahosi manāpā. Athekadivasaṃ rājā suvaṇṇataṭṭake badarāni khādanto nisīdi. Tadā sujātā devī rājānaṃ badarāni khādantaṃ disvā ‘‘mahārāja, kiṃ nāma tumhe khādathā’’ti pucchantī paṭhamaṃ gāthamāha –
๒๑.
21.
‘‘กิมณฺฑกา อิเม เทว, นิกฺขิตฺตา กํสมลฺลเก;
‘‘Kimaṇḍakā ime deva, nikkhittā kaṃsamallake;
อุปโลหิตกา วคฺคู, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ
Upalohitakā vaggū, taṃ me akkhāhi pucchito’’ti.
ตตฺถ กิมณฺฑกาติ กิํผลานิ นาเมตานิ, ปริมณฺฑลวเสน ปน อณฺฑกาติ อาหฯ กํสมลฺลเกติ สุวณฺณตฎฺฎเกฯ อุปโลหิตกาติ รตฺตวณฺณาฯ วคฺคูติ โจกฺขา นิมฺมลาฯ
Tattha kimaṇḍakāti kiṃphalāni nāmetāni, parimaṇḍalavasena pana aṇḍakāti āha. Kaṃsamallaketi suvaṇṇataṭṭake. Upalohitakāti rattavaṇṇā. Vaggūti cokkhā nimmalā.
ราชา กุชฺฌิตฺวา ‘‘พทรวาณิชเก ปณฺณิกคหปติกสฺส ธีเต อตฺตโน กุลสนฺตกานิ พทรานิปิ น ชานาสี’’ติ วตฺวา เทฺว คาถา อภาสิ –
Rājā kujjhitvā ‘‘badaravāṇijake paṇṇikagahapatikassa dhīte attano kulasantakāni badarānipi na jānāsī’’ti vatvā dve gāthā abhāsi –
๒๒.
22.
‘‘ยานิ ปุเร ตุวํ เทวิ, ภณฺฑุ นนฺตกวาสินี;
‘‘Yāni pure tuvaṃ devi, bhaṇḍu nantakavāsinī;
อุจฺฉงฺคหตฺถา ปจินาสิ, ตสฺสา เต โกลิยํ ผลํฯ
Ucchaṅgahatthā pacināsi, tassā te koliyaṃ phalaṃ.
๒๓.
23.
‘‘อุฑฺฑยฺหเต น รมติ, โภคา วิปฺปชหนฺติ ตํ;
‘‘Uḍḍayhate na ramati, bhogā vippajahanti taṃ;
ตเตฺถวิมํ ปฎิเนถ, ยตฺถ โกลํ ปจิสฺสตี’’ติฯ
Tatthevimaṃ paṭinetha, yattha kolaṃ pacissatī’’ti.
ตตฺถ ภณฺฑูติ มุณฺฑสีสา หุตฺวาฯ นนฺตกวาสินีติ ชิณฺณปิโลติกนิวตฺถาฯ อุจฺฉงฺคหตฺถา ปจินาสีติ อฎวิํ ปวิสิตฺวา องฺกุสเกน สาขํ โอนาเมตฺวา โอจิโตจิตํ หเตฺถน คเหตฺวา อุจฺฉเงฺค ปกฺขิปนวเสน อุจฺฉงฺคหตฺถา หุตฺวา ปจินาสิ โอจินาสิฯ ตสฺสา เต โกลิยํ ผลนฺติ ตสฺสา ตว เอวํ ปจินนฺติยา โอจินนฺติยา ยมหํ อิทานิ ขาทามิ, อิทํ โกลิยํ กุลทตฺติยํ ผลนฺติ อโตฺถฯ
Tattha bhaṇḍūti muṇḍasīsā hutvā. Nantakavāsinīti jiṇṇapilotikanivatthā. Ucchaṅgahatthā pacināsīti aṭaviṃ pavisitvā aṅkusakena sākhaṃ onāmetvā ocitocitaṃ hatthena gahetvā ucchaṅge pakkhipanavasena ucchaṅgahatthā hutvā pacināsi ocināsi. Tassā te koliyaṃ phalanti tassā tava evaṃ pacinantiyā ocinantiyā yamahaṃ idāni khādāmi, idaṃ koliyaṃ kuladattiyaṃ phalanti attho.
อุฑฺฑยฺหเต น รมตีติ อยํ ชมฺมี อิมสฺมิํ ราชกุเล วสมานา โลหกุมฺภิยํ ปกฺขิตฺตา วิย ฑยฺหติ นาภิรมติฯ โภคาติ ราชโภคา อิมํ อลกฺขิกํ วิปฺปชหนฺติฯ ยตฺถ โกลํ ปจิสฺสตีติ ยตฺถ คนฺตฺวา ปุน พทรเมว ปจินิตฺวา วิกฺกิณนฺตี ชีวิกํ กเปฺปสฺสติ, ตเตฺถว นํ เนถาติ วทติฯ
Uḍḍayhatena ramatīti ayaṃ jammī imasmiṃ rājakule vasamānā lohakumbhiyaṃ pakkhittā viya ḍayhati nābhiramati. Bhogāti rājabhogā imaṃ alakkhikaṃ vippajahanti. Yattha kolaṃ pacissatīti yattha gantvā puna badarameva pacinitvā vikkiṇantī jīvikaṃ kappessati, tattheva naṃ nethāti vadati.
โพธิสโตฺต ‘‘ฐเปตฺวา มํ อโญฺญ อิเม สมเคฺค กาตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ ราชานํ สญฺญาเปตฺวา ‘‘อิมิสฺสา อนิกฺกฑฺฒนํ กริสฺสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –
Bodhisatto ‘‘ṭhapetvā maṃ añño ime samagge kātuṃ na sakkhissatī’’ti rājānaṃ saññāpetvā ‘‘imissā anikkaḍḍhanaṃ karisssāmī’’ti cintetvā catutthaṃ gāthamāha –
๒๔.
24.
‘‘โหนฺติ เหเต มหาราช, อิทฺธิปฺปตฺตาย นาริยา;
‘‘Honti hete mahārāja, iddhippattāya nāriyā;
ขม เทว สุชาตาย, มาสฺสา กุชฺฌ รเถสภา’’ติฯ
Khama deva sujātāya, māssā kujjha rathesabhā’’ti.
ตสฺสโตฺถ – มหาราช, เอเต เอวรูปา ปมาทโทสา ยสํ ปตฺตาย นาริยา โหนฺติเยว, เอตํ เอวรูเป อุเจฺจ ฐาเน ฐเปตฺวา อิทานิ ‘‘เอตฺตกสฺส อปราธสฺส อสหนํ นาม น ยุตฺตํ ตุมฺหากํ, ตสฺมา ขม, เทว, สุชาตาย, เอติสฺสา มา กุชฺฌ รเถสภ รถเชฎฺฐกาติฯ
Tassattho – mahārāja, ete evarūpā pamādadosā yasaṃ pattāya nāriyā hontiyeva, etaṃ evarūpe ucce ṭhāne ṭhapetvā idāni ‘‘ettakassa aparādhassa asahanaṃ nāma na yuttaṃ tumhākaṃ, tasmā khama, deva, sujātāya, etissā mā kujjha rathesabha rathajeṭṭhakāti.
ราชา ตสฺส วจเนน เทวิยา ตํ อปราธํ สหิตฺวา ยถาฐาเนเยว นํ ฐเปสิฯ ตโต ปฎฺฐาย อุโภ สมคฺควาสํ วสิํสูติฯ
Rājā tassa vacanena deviyā taṃ aparādhaṃ sahitvā yathāṭhāneyeva naṃ ṭhapesi. Tato paṭṭhāya ubho samaggavāsaṃ vasiṃsūti.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา โกสลราชา อโหสิ, สุชาตา มลฺลิกา, อมโจฺจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā bārāṇasirājā kosalarājā ahosi, sujātā mallikā, amacco pana ahameva ahosi’’nti.
สุชาตาชาตกวณฺณนา ฉฎฺฐาฯ
Sujātājātakavaṇṇanā chaṭṭhā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๐๖. สุชาตชาตกํ • 306. Sujātajātakaṃ