Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๗. สุขปตฺถนาสุตฺตวณฺณนา
7. Sukhapatthanāsuttavaṇṇanā
๗๖. สตฺตเม สุขานีติ สุขนิมิตฺตานิฯ ปตฺถยมาโนติ อิจฺฉมาโน อากงฺขมาโนฯ สีลนฺติ คหฎฺฐสีลํ ปพฺพชิตสีลญฺจฯ คหโฎฺฐ เจ คหฎฺฐสีลํ, ปพฺพชิโต เจ จตุปาริสุทฺธิสีลนฺติ อธิปฺปาโยฯ รเกฺขยฺยาติ สมาทิยิตฺวา อวีติกฺกมโนฺต สมฺมเทว โคเปยฺยฯ ปสํสา เม อาคจฺฉตูติ ‘‘มม กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อาคจฺฉตู’’ติ อิจฺฉโนฺต ปณฺฑิโต สปฺปโญฺญ สีลํ รเกฺขยฺยฯ สีลวโต หิ คหฎฺฐสฺส ตาว ‘‘อสุโก อสุกกุลสฺส ปุโตฺต สีลวา กลฺยาณธโมฺม สโทฺธ ปสโนฺน ทายโก การโก’’ติอาทินา ปริสมเชฺฌ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉติ, ปพฺพชิตสฺส ‘‘อสุโก นาม ภิกฺขุ สีลวา วตฺตสมฺปโนฺน โสรโต สุขสํวาโส สคารโว สปฺปติโสฺส’’ติอาทินา…เป.… อพฺภุคฺคจฺฉตีติฯ วุตฺตเญฺหตํ –
76. Sattame sukhānīti sukhanimittāni. Patthayamānoti icchamāno ākaṅkhamāno. Sīlanti gahaṭṭhasīlaṃ pabbajitasīlañca. Gahaṭṭho ce gahaṭṭhasīlaṃ, pabbajito ce catupārisuddhisīlanti adhippāyo. Rakkheyyāti samādiyitvā avītikkamanto sammadeva gopeyya. Pasaṃsā me āgacchatūti ‘‘mama kalyāṇo kittisaddo āgacchatū’’ti icchanto paṇḍito sappañño sīlaṃ rakkheyya. Sīlavato hi gahaṭṭhassa tāva ‘‘asuko asukakulassa putto sīlavā kalyāṇadhammo saddho pasanno dāyako kārako’’tiādinā parisamajjhe kalyāṇo kittisaddo abbhuggacchati, pabbajitassa ‘‘asuko nāma bhikkhu sīlavā vattasampanno sorato sukhasaṃvāso sagāravo sappatisso’’tiādinā…pe… abbhuggacchatīti. Vuttañhetaṃ –
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, สีลวโต สีลสมฺปนฺนสฺส กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๑๓; อุทา. ๗๖; มหาว. ๒๘๕)ฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, sīlavato sīlasampannassa kalyāṇo kittisaddo abbhuggacchatī’’ti (a. ni. 5.213; udā. 76; mahāva. 285).
ตถา –
Tathā –
‘‘อากเงฺขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จสฺสํ มนาโป, ครุ จ ภาวนีโย จา’ติ, สีเลเสฺววสฺส ปริปูรการี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๖๕)ฯ
‘‘Ākaṅkheyya ce, bhikkhave, bhikkhu – ‘sabrahmacārīnaṃ piyo cassaṃ manāpo, garu ca bhāvanīyo cā’ti, sīlesvevassa paripūrakārī’’tiādi (ma. ni. 1.65).
โภคา เม อุปฺปชฺชนฺตูติ เอตฺถ คหฎฺฐสฺส ตาว สีลวโต กลฺยาณธมฺมสฺส เยน เยน สิปฺปฎฺฐาเนน ชีวิกํ กเปฺปติ – ยทิ กสิยา, ยทิ วณิชฺชาย, ยทิ ราชโปริเสน, ตํ ตํ ยถากาลํ ยถาวิธิญฺจ อติวิย อปฺปมตฺตภาวโต อถสฺส อนุปฺปนฺนา เจว โภคา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ โภคา ผาติํ คมิสฺสนฺติฯ ปพฺพชิตสฺส ปน สีลาจารสมฺปนฺนสฺส อปฺปมาทวิหาริสฺส สโต สีลสมฺปนฺนสฺส สีลสมฺปทาย อปฺปิจฺฉตาทิคุเณสุ จ ปสนฺนา มนุสฺสา อุฬารุฬาเร ปจฺจเย อภิหรนฺติ, เอวมสฺส อนุปฺปนฺนา เจว โภคา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ ถิรา โหนฺติฯ ตถา หิ วุตฺตํ –
Bhogā me uppajjantūti ettha gahaṭṭhassa tāva sīlavato kalyāṇadhammassa yena yena sippaṭṭhānena jīvikaṃ kappeti – yadi kasiyā, yadi vaṇijjāya, yadi rājaporisena, taṃ taṃ yathākālaṃ yathāvidhiñca ativiya appamattabhāvato athassa anuppannā ceva bhogā uppajjanti, uppannā ca bhogā phātiṃ gamissanti. Pabbajitassa pana sīlācārasampannassa appamādavihārissa sato sīlasampannassa sīlasampadāya appicchatādiguṇesu ca pasannā manussā uḷāruḷāre paccaye abhiharanti, evamassa anuppannā ceva bhogā uppajjanti, uppannā ca thirā honti. Tathā hi vuttaṃ –
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, สีลวา สีลสมฺปโนฺน อปฺปมาทาธิกรณํ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคจฺฉตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๑๓; อุทา. ๗๖; มหาว. ๒๘๕)ฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, sīlavā sīlasampanno appamādādhikaraṇaṃ mahantaṃ bhogakkhandhaṃ adhigacchatī’’ti (a. ni. 5.213; udā. 76; mahāva. 285).
ตถา –
Tathā –
‘‘อากเงฺขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘ลาภี อสฺส จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’นฺติ, สีเลเสฺววสฺส ปริปูรการี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๕) จ –
‘‘Ākaṅkheyya ce, bhikkhave, bhikkhu – ‘lābhī assa cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārāna’nti, sīlesvevassa paripūrakārī’’ti (ma. ni. 1.65) ca –
เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Sesaṃ vuttanayameva.
คาถาสุ ปตฺถยาโนติ ปตฺถยโนฺตฯ ตโย สุเขติ ตีณิ สุขานิฯ วิตฺตลาภนฺติ ธนลาภํ, โภคุปฺปตฺตินฺติ อโตฺถฯ วิเสสโต เจตฺถ ปสํสาย เจตสิกสุขํ, โภเคหิ กายิกสุขํ, อิตเรน อุปปตฺติสุขํ; ตถา ปฐเมน ทิฎฺฐธมฺมสุขํ, ตติเยน สมฺปรายสุขํ, ทุติเยน อุภยสุขํ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Gāthāsu patthayānoti patthayanto. Tayo sukheti tīṇi sukhāni. Vittalābhanti dhanalābhaṃ, bhoguppattinti attho. Visesato cettha pasaṃsāya cetasikasukhaṃ, bhogehi kāyikasukhaṃ, itarena upapattisukhaṃ; tathā paṭhamena diṭṭhadhammasukhaṃ, tatiyena samparāyasukhaṃ, dutiyena ubhayasukhaṃ gahitanti veditabbaṃ.
อิทานิ ปสํสาทิการณสฺส สีลสฺส วิย ปสํสาทีนมฺปิ วิเสสการณํ ปาปมิตฺตปริวชฺชนํ กลฺยาณมิตฺตเสวนญฺจ อาทีนวานิสํเสหิ สทฺธิํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อกโรโนฺต’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สงฺกิโยติ ปาปสฺมิํ ปริสงฺกิตโพฺพ ‘‘อทฺธา อิมินา ปาปํ กตํ วา กริสฺสติ วา, ตถา เหส ปาปปุริเสหิ สทฺธิํ สญฺจรตี’’ติฯ อสฺสาติ อิมสฺส ปาปชนเสวิโน ปุคฺคลสฺส อุปริ, อสฺส วา ปุคฺคลสฺส อวโณฺณ อภูโตปิ ปาปชนเสวิตาย รุหติ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชติ ปตฺถรติฯ อสฺสาติ วา ภุมฺมเตฺถ สามิวจนํ, ตสฺมิํ ปุคฺคเลติ อโตฺถฯ ส เว ตาทิสโก โหตีติ โย ยาทิสํ ปาปมิตฺตํ วา กลฺยาณมิตฺตํ วา ภชติ อุปเสวติ จ, โส ปุคฺคโล ภูมิภาควเสน อุทกํ วิย ตาทิโสว โหติ, ปาปธโมฺม กลฺยาณธโมฺม วา โหติฯ กสฺมา? สหวาโส หิ ตาทิโส; ยสฺมา สหวาโส สํสโคฺค อุปราโค วิย ผลิกมณีสุ ปุริสอุปนิสฺสยภูตํ ปุคฺคลาการํ คาหาเปติ, ตสฺมา ปาปปุคฺคเลน สห วาโส น กาตโพฺพติ อธิปฺปาโยฯ
Idāni pasaṃsādikāraṇassa sīlassa viya pasaṃsādīnampi visesakāraṇaṃ pāpamittaparivajjanaṃ kalyāṇamittasevanañca ādīnavānisaṃsehi saddhiṃ dassento ‘‘akaronto’’tiādimāha. Tattha saṅkiyoti pāpasmiṃ parisaṅkitabbo ‘‘addhā iminā pāpaṃ kataṃ vā karissati vā, tathā hesa pāpapurisehi saddhiṃ sañcaratī’’ti. Assāti imassa pāpajanasevino puggalassa upari, assa vā puggalassa avaṇṇo abhūtopi pāpajanasevitāya ruhati virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjati pattharati. Assāti vā bhummatthe sāmivacanaṃ, tasmiṃ puggaleti attho. Sa ve tādisako hotīti yo yādisaṃ pāpamittaṃ vā kalyāṇamittaṃ vā bhajati upasevati ca, so puggalo bhūmibhāgavasena udakaṃ viya tādisova hoti, pāpadhammo kalyāṇadhammo vā hoti. Kasmā? Sahavāso hi tādiso; yasmā sahavāso saṃsaggo uparāgo viya phalikamaṇīsu purisaupanissayabhūtaṃ puggalākāraṃ gāhāpeti, tasmā pāpapuggalena saha vāso na kātabboti adhippāyo.
เสวมาโน เสวมานนฺติ ปรํ ปกติสุทฺธํ ปุคฺคลํ กาเลน กาลํ อตฺตานํ เสวมานํ เสวมาโน ภชมาโน ปาปปุคฺคโล, เตน วา เสวิยมาโนฯ สมฺผุโฎฺฐ สมฺผุสนฺติ เตน ปกติสุเทฺธน ปุคฺคเลน สหวาเสน สํสเคฺคน สมฺผุโฎฺฐ ปาปปุคฺคโล สยมฺปิ, ตถา ตํ ผุสโนฺตฯ สโร ทิโทฺธ กลาปํ วาติ ยถา นาม สโร วิเสน ทิโทฺธ ลิโตฺต สรกลาปคโต สรสมูหสงฺขาตํ สรกลาปํ อตฺตนา ผุฎฺฐํ อลิตฺตมฺปิ อุปลิมฺปติ, เอวํ ปาเปน อุปเลปภยา ธีโรติ ธิติสมฺปนฺนตฺตา ธีโร ปณฺฑิตปุริโส ปาปสหาโย น ภเวยฺยฯ
Sevamāno sevamānanti paraṃ pakatisuddhaṃ puggalaṃ kālena kālaṃ attānaṃ sevamānaṃ sevamāno bhajamāno pāpapuggalo, tena vā seviyamāno. Samphuṭṭho samphusanti tena pakatisuddhena puggalena sahavāsena saṃsaggena samphuṭṭho pāpapuggalo sayampi, tathā taṃ phusanto. Saro diddho kalāpaṃ vāti yathā nāma saro visena diddho litto sarakalāpagato sarasamūhasaṅkhātaṃ sarakalāpaṃ attanā phuṭṭhaṃ alittampi upalimpati, evaṃ pāpena upalepabhayā dhīroti dhitisampannattā dhīro paṇḍitapuriso pāpasahāyo na bhaveyya.
ปูติมจฺฉํ กุสเคฺคนาติ ยถา กุจฺฉิตภาเวน ปูติภูตํ มจฺฉํ กุสติณเคฺคน โย ปุริโส อุปนยฺหติ ปุฎพนฺธวเสน พนฺธติ, ตสฺส เต กุสา อปูติกาปิ ปูติมจฺฉสมฺพเนฺธน ปูติ ทุคฺคนฺธเมว วายนฺติฯ เอวํ พาลูปเสวนาติ เอวํสมฺปทา พาลชนูปเสวนา ทฎฺฐพฺพาฯ เอวํ ธีรูปเสวนาติ ยถา อสุรภิโนปิ ปตฺตา ตครสมฺพเนฺธน สุรภิํ วายนฺติ, เอวํ ปณฺฑิตูปเสวนา ปกติยา อสีลวโต สีลสมาทานาทิวเสน สีลคนฺธวายนสฺส การณํ โหติฯ
Pūtimacchaṃ kusaggenāti yathā kucchitabhāvena pūtibhūtaṃ macchaṃ kusatiṇaggena yo puriso upanayhati puṭabandhavasena bandhati, tassa te kusā apūtikāpi pūtimacchasambandhena pūti duggandhameva vāyanti. Evaṃ bālūpasevanāti evaṃsampadā bālajanūpasevanā daṭṭhabbā. Evaṃ dhīrūpasevanāti yathā asurabhinopi pattā tagarasambandhena surabhiṃ vāyanti, evaṃ paṇḍitūpasevanā pakatiyā asīlavato sīlasamādānādivasena sīlagandhavāyanassa kāraṇaṃ hoti.
ตสฺมาติ ยสฺมา อกลฺยาณมิตฺตเสวนาย กลฺยาณมิตฺตเสวนาย จ อยํ เอทิโส อาทีนโว อานิสํโส จ, ตสฺมา ปตฺตปุฎเสฺสว ปลาสปุฎสฺส วิย ทุคฺคนฺธสุคนฺธวตฺถุสํสเคฺคน อสาธุสาธุชนสนฺนิสฺสเยน จฯ ญตฺวา สมฺปากมตฺตโนติ อตฺตโน ทุกฺขุทฺรยํ สุขุทฺรยญฺจ ผลนิปฺผตฺติํ ญตฺวา ชานิตฺวา อสเนฺต ปาปมิเตฺต น อุปเสเวยฺย, สเนฺต อุปสเนฺต วนฺตโทเส ปสเตฺถ วา ปณฺฑิเต เสเวยฺยฯ ตถา หิ อสโนฺต นิรยํ เนนฺติ, สโนฺต ปาเปนฺติ สุคฺคตินฺติฯ อิติ ภควา ปฐมคาถาย ยถาวุตฺตานิ ตีณิ สุขนิมิตฺตานิ ทเสฺสตฺวา ตโต ปราหิ ปญฺจหิ คาถาหิ ปฎิปกฺขปริวชฺชเนน สทฺธิํ ปสํสาสุขสฺส อาคมนํ ทเสฺสตฺวา โอสานคาถาย ติณฺณมฺปิ สุขานํ อาคมนการเณน สทฺธิํ โอสานสุขํ ทเสฺสติฯ
Tasmāti yasmā akalyāṇamittasevanāya kalyāṇamittasevanāya ca ayaṃ ediso ādīnavo ānisaṃso ca, tasmā pattapuṭasseva palāsapuṭassa viya duggandhasugandhavatthusaṃsaggena asādhusādhujanasannissayena ca. Ñatvā sampākamattanoti attano dukkhudrayaṃ sukhudrayañca phalanipphattiṃ ñatvā jānitvā asante pāpamitte na upaseveyya, sante upasante vantadose pasatthe vā paṇḍite seveyya. Tathā hi asanto nirayaṃ nenti, santo pāpenti suggatinti. Iti bhagavā paṭhamagāthāya yathāvuttāni tīṇi sukhanimittāni dassetvā tato parāhi pañcahi gāthāhi paṭipakkhaparivajjanena saddhiṃ pasaṃsāsukhassa āgamanaṃ dassetvā osānagāthāya tiṇṇampi sukhānaṃ āgamanakāraṇena saddhiṃ osānasukhaṃ dasseti.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sattamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๗. สุขปตฺถนาสุตฺตํ • 7. Sukhapatthanāsuttaṃ