Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
๑๐. สุขวิหาริชาตกวณฺณนา
10. Sukhavihārijātakavaṇṇanā
ยญฺจ อเญฺญ น รกฺขนฺตีติ อิทํ สตฺถา อนุปิยนครํ นิสฺสาย อนุปิยอมฺพวเน วิหรโนฺต สุขวิหาริํ ภทฺทิยเตฺถรํ อารพฺภ กเถสิฯ สุขวิหารี ภทฺทิยเตฺถโร ฉขตฺติยสมาคเม อุปาลิสตฺตโม ปพฺพชิโตฯ เตสุ ภทฺทิยเตฺถโร จ, กิมิลเตฺถโร จ, ภคุเตฺถโร จ, อุปาลิเตฺถโร จ อรหตฺตํ ปตฺตา, อานนฺทเตฺถโร โสตาปโนฺน ชาโต, อนุรุทฺธเตฺถโร ทิพฺพจกฺขุโก, เทวทโตฺต ฌานลาภี ชาโตฯ ฉนฺนํ ปน ขตฺติยานํ วตฺถุ ยาว อนุปิยนครา ขณฺฑหาลชาตเก อาวิภวิสฺสติฯ อายสฺมา ปน ภทฺทิโย ราชกาเล อตฺตโน รกฺขสํวิธานเญฺจว ตาว พหูหิ รกฺขาหิ รกฺขิยมานสฺส อุปริปาสาทวรตเล มหาสยเน สมฺปริวตฺตมานสฺสาปิ อตฺตโน ภยุปฺปตฺติญฺจ อิทานิ อรหตฺตํ ปตฺวา อรญฺญาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ วิหรโนฺตปิ อตฺตโน วิคตภยตญฺจ สมนุสฺสรโนฺต ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อุทานํ อุทาเนสิฯ ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ‘‘อายสฺมา ภทฺทิโย อญฺญํ พฺยากโรตี’’ติ ภควโต อาโรเจสุํฯ ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว , ภทฺทิโย อิทาเนว สุขวิหารี, ปุเพฺพปิ สุขวิหารีเยวา’’ติ อาหฯ ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺสาวิภาวตฺถาย ภควนฺตํ ยาจิํสุฯ ภควา ภวนฺตเรน ปฎิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฎํ อกาสิฯ
Yañcaaññe na rakkhantīti idaṃ satthā anupiyanagaraṃ nissāya anupiyaambavane viharanto sukhavihāriṃ bhaddiyattheraṃ ārabbha kathesi. Sukhavihārī bhaddiyatthero chakhattiyasamāgame upālisattamo pabbajito. Tesu bhaddiyatthero ca, kimilatthero ca, bhagutthero ca, upālitthero ca arahattaṃ pattā, ānandatthero sotāpanno jāto, anuruddhatthero dibbacakkhuko, devadatto jhānalābhī jāto. Channaṃ pana khattiyānaṃ vatthu yāva anupiyanagarā khaṇḍahālajātake āvibhavissati. Āyasmā pana bhaddiyo rājakāle attano rakkhasaṃvidhānañceva tāva bahūhi rakkhāhi rakkhiyamānassa uparipāsādavaratale mahāsayane samparivattamānassāpi attano bhayuppattiñca idāni arahattaṃ patvā araññādīsu yattha katthaci viharantopi attano vigatabhayatañca samanussaranto ‘‘aho sukhaṃ, aho sukha’’nti udānaṃ udānesi. Taṃ sutvā bhikkhū ‘‘āyasmā bhaddiyo aññaṃ byākarotī’’ti bhagavato ārocesuṃ. Bhagavā ‘‘na, bhikkhave , bhaddiyo idāneva sukhavihārī, pubbepi sukhavihārīyevā’’ti āha. Bhikkhū tassatthassāvibhāvatthāya bhagavantaṃ yāciṃsu. Bhagavā bhavantarena paṭicchannaṃ kāraṇaṃ pākaṭaṃ akāsi.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ การยมาเน โพธิสโตฺต อุทิจฺจพฺราหฺมณมหาสาโล หุตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ, เนกฺขเมฺม จานิสํสํ ทิสฺวา กาเม ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตสิ, ปริวาโรปิสฺส มหา อโหสิ ปญฺจ ตาปสสตานิฯ โส วสฺสกาเล หิมวนฺตโต นิกฺขมิตฺวา ตาปสคณปริวุโต คามนิคมาทีสุ จาริกํ จรโนฺต พาราณสิํ ปตฺวา ราชานํ นิสฺสาย ราชุยฺยาเน วาสํ กเปฺปสิฯ ตตฺถ วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส วสิตฺวา ราชานํ อาปุจฺฉิฯ อถ นํ ราชา ‘‘ตุเมฺห, ภเนฺต, มหลฺลกา, กิํ โว หิมวเนฺตน, อเนฺตวาสิเก หิมวนฺตํ เปเสตฺวา อิเธว วสถา’’ติ ยาจิฯ โพธิสโตฺต เชฎฺฐเนฺตวาสิกํ ปญฺจ ตาปสสตานิ ปฎิจฺฉาเปตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตฺวํ อิเมหิ สทฺธิํ หิมวเนฺต วส, อหํ ปน อิเธว วสิสฺสามี’’ติ เต อุโยฺยเชตฺวา สยํ ตเตฺถว วาสํ กเปฺปสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārayamāne bodhisatto udiccabrāhmaṇamahāsālo hutvā kāmesu ādīnavaṃ, nekkhamme cānisaṃsaṃ disvā kāme pahāya himavantaṃ pavisitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā aṭṭha samāpattiyo nibbattesi, parivāropissa mahā ahosi pañca tāpasasatāni. So vassakāle himavantato nikkhamitvā tāpasagaṇaparivuto gāmanigamādīsu cārikaṃ caranto bārāṇasiṃ patvā rājānaṃ nissāya rājuyyāne vāsaṃ kappesi. Tattha vassike cattāro māse vasitvā rājānaṃ āpucchi. Atha naṃ rājā ‘‘tumhe, bhante, mahallakā, kiṃ vo himavantena, antevāsike himavantaṃ pesetvā idheva vasathā’’ti yāci. Bodhisatto jeṭṭhantevāsikaṃ pañca tāpasasatāni paṭicchāpetvā ‘‘gaccha, tvaṃ imehi saddhiṃ himavante vasa, ahaṃ pana idheva vasissāmī’’ti te uyyojetvā sayaṃ tattheva vāsaṃ kappesi.
โส ปนสฺส เชฎฺฐเนฺตวาสิโก ราชปพฺพชิโต มหนฺตํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฎฺฐสมาปตฺติลาภี อโหสิฯ โส ตาปเสหิ สทฺธิํ หิมวเนฺต วสมาโน เอกทิวสํ อาจริยํ ทฎฺฐุกาโม หุตฺวา เต ตาปเส อามเนฺตตฺวา ‘‘ตุเมฺห อนุกฺกณฺฐมานา อิเธว วสถ, อหํ อาจริยํ วนฺทิตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ อาจริยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปฎิสนฺถารํ กตฺวา เอกํ กฎฺฐตฺถริกํ อตฺถริตฺวา อาจริยสฺส สนฺติเกเยว นิปชฺชิฯ ตสฺมิญฺจ สมเย ราชา ‘‘ตาปสํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ อเนฺตวาสิกตาปโส ราชานํ ทิสฺวา เนว วุฎฺฐาสิ, นิปโนฺนเยว ปน ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อุทานํ อุทาเนสิฯ ราชา ‘‘อยํ ตาปโส มํ ทิสฺวาปิ น อุฎฺฐิโต’’ติ อนตฺตมโน โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘ภเนฺต, อยํ ตาปโส ยทิจฺฉกํ ภุโตฺต ภวิสฺสติ, อุทานํ อุทาเนโนฺต สุขเสยฺยเมว กเปฺปตี’’ติฯ มหาราช, อยํ ตาปโส ปุเพฺพ ตุมฺหาทิโส เอโก ราชา อโหสิ, สฺวายํ ‘‘อหํ ปุเพฺพ คิหิกาเล รชฺชสิริํ อนุภวโนฺต อาวุธหเตฺถหิ พหูหิ รกฺขิยมาโนปิ เอวรูปํ สุขํ นาม นาลตฺถ’’นฺติ อตฺตโน ปพฺพชฺชาสุขํ ฌานสุขญฺจ อารพฺภ อิมํ อุทานํ อุทาเนตีติฯ เอวญฺจ ปน วตฺวา โพธิสโตฺต รโญฺญ ธมฺมกถํ กเถตุํ อิมํ คาถมาห –
So panassa jeṭṭhantevāsiko rājapabbajito mahantaṃ rajjaṃ pahāya pabbajitvā kasiṇaparikammaṃ katvā aṭṭhasamāpattilābhī ahosi. So tāpasehi saddhiṃ himavante vasamāno ekadivasaṃ ācariyaṃ daṭṭhukāmo hutvā te tāpase āmantetvā ‘‘tumhe anukkaṇṭhamānā idheva vasatha, ahaṃ ācariyaṃ vanditvā āgamissāmī’’ti ācariyassa santikaṃ gantvā vanditvā paṭisanthāraṃ katvā ekaṃ kaṭṭhattharikaṃ attharitvā ācariyassa santikeyeva nipajji. Tasmiñca samaye rājā ‘‘tāpasaṃ passissāmī’’ti uyyānaṃ gantvā vanditvā ekamantaṃ nisīdi. Antevāsikatāpaso rājānaṃ disvā neva vuṭṭhāsi, nipannoyeva pana ‘‘aho sukhaṃ, aho sukha’’nti udānaṃ udānesi. Rājā ‘‘ayaṃ tāpaso maṃ disvāpi na uṭṭhito’’ti anattamano bodhisattaṃ āha – ‘‘bhante, ayaṃ tāpaso yadicchakaṃ bhutto bhavissati, udānaṃ udānento sukhaseyyameva kappetī’’ti. Mahārāja, ayaṃ tāpaso pubbe tumhādiso eko rājā ahosi, svāyaṃ ‘‘ahaṃ pubbe gihikāle rajjasiriṃ anubhavanto āvudhahatthehi bahūhi rakkhiyamānopi evarūpaṃ sukhaṃ nāma nālattha’’nti attano pabbajjāsukhaṃ jhānasukhañca ārabbha imaṃ udānaṃ udānetīti. Evañca pana vatvā bodhisatto rañño dhammakathaṃ kathetuṃ imaṃ gāthamāha –
๑๐.
10.
‘‘ยญฺจ อเญฺญ น รกฺขนฺติ, โย จ อเญฺญ น รกฺขติ;
‘‘Yañca aññe na rakkhanti, yo ca aññe na rakkhati;
ส เว ราช สุขํ เสติ, กาเมสุ อนเปกฺขวา’’ติฯ
Sa ve rāja sukhaṃ seti, kāmesu anapekkhavā’’ti.
ตตฺถ ยญฺจ อเญฺญ น รกฺขนฺตีติ ยํ ปุคฺคลํ อเญฺญ พหู ปุคฺคลา น รกฺขนฺติฯ โย จ อเญฺญ น รกฺขตีติ โย จ ‘‘เอกโก อหํ รชฺชํ กาเรมี’’ติ อเญฺญ พหู ชเน น รกฺขติฯ ส เว ราช สุขํ เสตีติ มหาราช โส ปุคฺคโล เอโก อทุติโย ปวิวิโตฺต กายิกเจตสิกสุขสมงฺคี หุตฺวา สุขํ เสติฯ อิทญฺจ เทสนาสีสเมวฯ น เกวลํ ปน เสติเยว, เอวรูโป ปน ปุคฺคโล สุขํ คจฺฉติ ติฎฺฐติ นิสีทติ สยตีติ สพฺพิริยาปเถสุ สุขปฺปโตฺตว โหติฯ กาเมสุ อนเปกฺขวาติ วตฺถุ กามกิเลสกาเมสุ อเปกฺขารหิโต วิคตจฺฉนฺทราโค นิตฺตโณฺห เอวรูโป ปุคฺคโล สพฺพิริยาปเถสุ สุขํ วิหรติ มหาราชาติฯ
Tattha yañca aññe na rakkhantīti yaṃ puggalaṃ aññe bahū puggalā na rakkhanti. Yo ca aññe na rakkhatīti yo ca ‘‘ekako ahaṃ rajjaṃ kāremī’’ti aññe bahū jane na rakkhati. Sa ve rāja sukhaṃ setīti mahārāja so puggalo eko adutiyo pavivitto kāyikacetasikasukhasamaṅgī hutvā sukhaṃ seti. Idañca desanāsīsameva. Na kevalaṃ pana setiyeva, evarūpo pana puggalo sukhaṃ gacchati tiṭṭhati nisīdati sayatīti sabbiriyāpathesu sukhappattova hoti. Kāmesu anapekkhavāti vatthu kāmakilesakāmesu apekkhārahito vigatacchandarāgo nittaṇho evarūpo puggalo sabbiriyāpathesu sukhaṃ viharati mahārājāti.
ราชา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ตุฎฺฐมานโส วนฺทิตฺวา นิเวสนเมว คโต, อเนฺตวาสิโกปิ อาจริยํ วนฺทิตฺวา หิมวนฺตเมว คโตฯ โพธิสโตฺต ปน ตเตฺถว วิหรโนฺต อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติฯ
Rājā dhammadesanaṃ sutvā tuṭṭhamānaso vanditvā nivesanameva gato, antevāsikopi ācariyaṃ vanditvā himavantameva gato. Bodhisatto pana tattheva viharanto aparihīnajjhāno kālaṃ katvā brahmaloke nibbatti.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ทเสฺสตฺวา เทฺว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อเนฺตวาสิโก ภทฺทิยเตฺถโร อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā dassetvā dve vatthūni kathetvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā antevāsiko bhaddiyatthero ahosi, gaṇasatthā pana ahameva ahosi’’nti.
สุขวิหาริชาตกวณฺณนา ทสมาฯ
Sukhavihārijātakavaṇṇanā dasamā.
อปณฺณกวโคฺค ปฐโมฯ
Apaṇṇakavaggo paṭhamo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
อปณฺณกํ วณฺณุปถํ, เสริวํ จูฬเสฎฺฐิ จ;
Apaṇṇakaṃ vaṇṇupathaṃ, serivaṃ cūḷaseṭṭhi ca;
ตณฺฑุลํ เทวธมฺมญฺจ, กฎฺฐวาหนคามณิ;
Taṇḍulaṃ devadhammañca, kaṭṭhavāhanagāmaṇi;
มฆเทวํ วิหารีติ, ปิณฺฑิตา ทส ชาตกาติฯ
Maghadevaṃ vihārīti, piṇḍitā dasa jātakāti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๐. สุขวิหาริชาตกํ • 10. Sukhavihārijātakaṃ