Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๙. สุขุมาลสุตฺตํ
9. Sukhumālasuttaṃ
๓๙. ‘‘สุขุมาโล อหํ, ภิกฺขเว, ปรมสุขุมาโล อจฺจนฺตสุขุมาโลฯ มม สุทํ, ภิกฺขเว, ปิตุ นิเวสเน โปกฺขรณิโย การิตา โหนฺติฯ เอกตฺถ สุทํ, ภิกฺขเว, อุปฺปลํ วปฺปติ 1, เอกตฺถ ปทุมํ, เอกตฺถ ปุณฺฑรีกํ, ยาวเทว มมตฺถาย ฯ น โข ปนสฺสาหํ, ภิกฺขเว, อกาสิกํ จนฺทนํ ธาเรมิ 2ฯ กาสิกํ , ภิกฺขเว, สุ เม ตํ เวฐนํ โหติ, กาสิกา กญฺจุกา, กาสิกํ นิวาสนํ, กาสิโก อุตฺตราสโงฺคฯ รตฺตินฺทิวํ 3 โข ปน เม สุ ตํ, ภิกฺขเว, เสตจฺฉตฺตํ ธารียติ – ‘มา นํ ผุสิ สีตํ วา อุณฺหํ วา ติณํ วา รโช วา อุสฺสาโว วา’’’ติฯ
39. ‘‘Sukhumālo ahaṃ, bhikkhave, paramasukhumālo accantasukhumālo. Mama sudaṃ, bhikkhave, pitu nivesane pokkharaṇiyo kāritā honti. Ekattha sudaṃ, bhikkhave, uppalaṃ vappati 4, ekattha padumaṃ, ekattha puṇḍarīkaṃ, yāvadeva mamatthāya . Na kho panassāhaṃ, bhikkhave, akāsikaṃ candanaṃ dhāremi 5. Kāsikaṃ , bhikkhave, su me taṃ veṭhanaṃ hoti, kāsikā kañcukā, kāsikaṃ nivāsanaṃ, kāsiko uttarāsaṅgo. Rattindivaṃ 6 kho pana me su taṃ, bhikkhave, setacchattaṃ dhārīyati – ‘mā naṃ phusi sītaṃ vā uṇhaṃ vā tiṇaṃ vā rajo vā ussāvo vā’’’ti.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, ตโย ปาสาทา อเหสุํ – เอโก เหมนฺติโก, เอโก คิมฺหิโก, เอโก วสฺสิโกฯ โส โข อหํ, ภิกฺขเว, วสฺสิเก ปาสาเท วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส นิปฺปุริเสหิ ตูริเยหิ ปริจารยมาโน 7 น เหฎฺฐาปาสาทํ โอโรหามิฯ ยถา โข ปน, ภิกฺขเว, อเญฺญสํ นิเวสเน ทาสกมฺมกรโปริสสฺส กณาชกํ โภชนํ ทียติ พิลงฺคทุติยํ, เอวเมวสฺสุ เม, ภิกฺขเว, ปิตุ นิเวสเน ทาสกมฺมกรโปริสสฺส สาลิมํโสทโน ทียติฯ
‘‘Tassa mayhaṃ, bhikkhave, tayo pāsādā ahesuṃ – eko hemantiko, eko gimhiko, eko vassiko. So kho ahaṃ, bhikkhave, vassike pāsāde vassike cattāro māse nippurisehi tūriyehi paricārayamāno 8 na heṭṭhāpāsādaṃ orohāmi. Yathā kho pana, bhikkhave, aññesaṃ nivesane dāsakammakaraporisassa kaṇājakaṃ bhojanaṃ dīyati bilaṅgadutiyaṃ, evamevassu me, bhikkhave, pitu nivesane dāsakammakaraporisassa sālimaṃsodano dīyati.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอวรูปาย อิทฺธิยา สมนฺนาคตสฺส เอวรูเปน จ สุขุมาเลน เอตทโหสิ – ‘อสฺสุตวา โข ปุถุชฺชโน อตฺตนา ชราธโมฺม สมาโน ชรํ อนตีโต ปรํ ชิณฺณํ ทิสฺวา อฎฺฎียติ หรายติ ชิคุจฺฉติ อตฺตานํเยว อติสิตฺวา, อหมฺปิ โขมฺหิ ชราธโมฺม ชรํ อนตีโตฯ อหเญฺจว 9 โข ปน ชราธโมฺม สมาโน ชรํ อนตีโต ปรํ ชิณฺณํ ทิสฺวา อฎฺฎีเยยฺยํ หราเยยฺยํ ชิคุเจฺฉยฺยํ น เมตํ อสฺส ปติรูป’นฺติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขโต โย โยพฺพเน โยพฺพนมโท โส สพฺพโส ปหียิฯ
‘‘Tassa mayhaṃ, bhikkhave, evarūpāya iddhiyā samannāgatassa evarūpena ca sukhumālena etadahosi – ‘assutavā kho puthujjano attanā jarādhammo samāno jaraṃ anatīto paraṃ jiṇṇaṃ disvā aṭṭīyati harāyati jigucchati attānaṃyeva atisitvā, ahampi khomhi jarādhammo jaraṃ anatīto. Ahañceva 10 kho pana jarādhammo samāno jaraṃ anatīto paraṃ jiṇṇaṃ disvā aṭṭīyeyyaṃ harāyeyyaṃ jiguccheyyaṃ na metaṃ assa patirūpa’nti. Tassa mayhaṃ, bhikkhave, iti paṭisañcikkhato yo yobbane yobbanamado so sabbaso pahīyi.
‘‘อสฺสุตวา โข ปุถุชฺชโน อตฺตนา พฺยาธิธโมฺม สมาโน พฺยาธิํ อนตีโต ปรํ พฺยาธิตํ ทิสฺวา อฎฺฎียติ หรายติ ชิคุจฺฉติ อตฺตานํเยว อติสิตฺวา – ‘อหมฺปิ โขมฺหิ พฺยาธิธโมฺม พฺยาธิํ อนตีโต, อหเญฺจว โข ปน พฺยาธิธโมฺม สมาโน พฺยาธิํ อนตีโต ปรํ พฺยาธิกํ ทิสฺวา อฎฺฎีเยยฺยํ หราเยยฺยํ ชิคุเจฺฉยฺยํ, น เมตํ อสฺส ปติรูป’นฺติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขโต โย อาโรเคฺย อาโรคฺยมโท โส สพฺพโส ปหียิฯ
‘‘Assutavā kho puthujjano attanā byādhidhammo samāno byādhiṃ anatīto paraṃ byādhitaṃ disvā aṭṭīyati harāyati jigucchati attānaṃyeva atisitvā – ‘ahampi khomhi byādhidhammo byādhiṃ anatīto, ahañceva kho pana byādhidhammo samāno byādhiṃ anatīto paraṃ byādhikaṃ disvā aṭṭīyeyyaṃ harāyeyyaṃ jiguccheyyaṃ, na metaṃ assa patirūpa’nti. Tassa mayhaṃ, bhikkhave, iti paṭisañcikkhato yo ārogye ārogyamado so sabbaso pahīyi.
‘‘อสฺสุตวา โข ปุถุชฺชโน อตฺตนา มรณธโมฺม สมาโน มรณํ อนตีโต ปรํ มตํ ทิสฺวา อฎฺฎียติ หรายติ ชิคุจฺฉติ อตฺตานํเยว อติสิตฺวา – ‘อหมฺปิ โขมฺหิ มรณธโมฺม, มรณํ อนตีโต, อหํ เจว โข ปน มรณธโมฺม สมาโน มรณํ อนตีโต ปรํ มตํ ทิสฺวา อฎฺฎีเยยฺยํ หราเยยฺยํ ชิคุเจฺฉยฺยํ, น เมตํ อสฺส ปติรูป’นฺติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อิติ ปฎิสญฺจิกฺขโต โย ชีวิเต ชีวิตมโท โส สพฺพโส ปหียี’’ติฯ
‘‘Assutavā kho puthujjano attanā maraṇadhammo samāno maraṇaṃ anatīto paraṃ mataṃ disvā aṭṭīyati harāyati jigucchati attānaṃyeva atisitvā – ‘ahampi khomhi maraṇadhammo, maraṇaṃ anatīto, ahaṃ ceva kho pana maraṇadhammo samāno maraṇaṃ anatīto paraṃ mataṃ disvā aṭṭīyeyyaṃ harāyeyyaṃ jiguccheyyaṃ, na metaṃ assa patirūpa’nti. Tassa mayhaṃ, bhikkhave, iti paṭisañcikkhato yo jīvite jīvitamado so sabbaso pahīyī’’ti.
‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, มทาฯ กตเม ตโย? โยพฺพนมโท, อาโรคฺยมโท, ชีวิตมโทฯ โยพฺพนมทมโตฺต วา, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติฯ โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ อาโรคฺยมทมโตฺต วา, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป.… ชีวิตมทมโตฺต วา, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติฯ โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา , วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ
‘‘Tayome, bhikkhave, madā. Katame tayo? Yobbanamado, ārogyamado, jīvitamado. Yobbanamadamatto vā, bhikkhave, assutavā puthujjano kāyena duccaritaṃ carati, vācāya duccaritaṃ carati, manasā duccaritaṃ carati. So kāyena duccaritaṃ caritvā, vācāya duccaritaṃ caritvā, manasā duccaritaṃ caritvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati. Ārogyamadamatto vā, bhikkhave, assutavā puthujjano…pe… jīvitamadamatto vā, bhikkhave, assutavā puthujjano kāyena duccaritaṃ carati, vācāya duccaritaṃ carati, manasā duccaritaṃ carati. So kāyena duccaritaṃ caritvā , vācāya duccaritaṃ caritvā, manasā duccaritaṃ caritvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati.
‘‘โยพฺพนมทมโตฺต วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ อาโรคฺยมทมโตฺต วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ…เป.… ชีวิตมทมโตฺต วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตตี’’ติฯ
‘‘Yobbanamadamatto vā, bhikkhave, bhikkhu sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Ārogyamadamatto vā, bhikkhave, bhikkhu…pe… jīvitamadamatto vā, bhikkhave, bhikkhu sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattatī’’ti.
‘‘พฺยาธิธมฺมา ชราธมฺมา, อโถ มรณธมฺมิโน;
‘‘Byādhidhammā jarādhammā, atho maraṇadhammino;
‘‘อหเญฺจ ตํ ชิคุเจฺฉยฺยํ, เอวํธเมฺมสุ ปาณิสุ;
‘‘Ahañce taṃ jiguccheyyaṃ, evaṃdhammesu pāṇisu;
น เมตํ ปติรูปสฺส, มม เอวํ วิหาริโนฯ
Na metaṃ patirūpassa, mama evaṃ vihārino.
‘‘โสหํ เอวํ วิหรโนฺต, ญตฺวา ธมฺมํ นิรูปธิํ;
‘‘Sohaṃ evaṃ viharanto, ñatvā dhammaṃ nirūpadhiṃ;
อาโรเคฺย โยพฺพนสฺมิญฺจ, ชีวิตสฺมิญฺจ เย มทาฯ
Ārogye yobbanasmiñca, jīvitasmiñca ye madā.
‘‘สเพฺพ มเท อภิโภสฺมิ 13, เนกฺขเมฺม ทฎฺฐุ เขมตํ;
‘‘Sabbe made abhibhosmi 14, nekkhamme daṭṭhu khemataṃ;
ตสฺส เม อหุ อุสฺสาโห, นิพฺพานํ อภิปสฺสโตฯ
Tassa me ahu ussāho, nibbānaṃ abhipassato.
‘‘นาหํ ภโพฺพ เอตรหิ, กามานิ ปฎิเสวิตุํ;
‘‘Nāhaṃ bhabbo etarahi, kāmāni paṭisevituṃ;
อนิวตฺติ ภวิสฺสามิ, พฺรหฺมจริยปรายโณ’’ติฯ นวมํ;
Anivatti bhavissāmi, brahmacariyaparāyaṇo’’ti. navamaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๙. สุขุมาลสุตฺตวณฺณนา • 9. Sukhumālasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๙. สุขุมาลสุตฺตวณฺณนา • 9. Sukhumālasuttavaṇṇanā