Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๙. สุขุมาลสุตฺตวณฺณนา
9. Sukhumālasuttavaṇṇanā
๓๙. นวเม สุขุมาโลติ นิทฺทุโกฺขฯ ปรมสุขุมาโลติ ปรมนิทฺทุโกฺขฯ อจฺจนฺตสุขุมาโลติ สตตนิทฺทุโกฺขฯ อิมํ ภควา กปิลปุเร นิพฺพตฺตกาลโต ปฎฺฐาย นิทฺทุกฺขภาวํ คเหตฺวา อาห, จริยกาเล ปน เตน อนุภูตทุกฺขสฺส อโนฺต นตฺถีติฯ เอกตฺถาติ เอกิสฺสา โปกฺขรณิยาฯ อุปฺปลํ วปฺปตีติ อุปฺปลํ โรเปติฯ สา นีลุปฺปลวนสญฺฉนฺนา โหติฯ ปทุมนฺติ ปณฺฑรปทุมํฯ ปุณฺฑรีกนฺติ รตฺตปทุมํฯ เอวํ อิตราปิ เทฺว ปทุมปุณฺฑรีกวเนหิ สญฺฉนฺนา โหนฺติฯ โพธิสตฺตสฺส กิร สตฺตฎฺฐวสฺสิกกาเล ราชา อมเจฺจ ปุจฺฉิ – ‘‘ตรุณทารกา กตรกีฬิกํ ปิยายนฺตี’’ติ? อุทกกีฬิกํ เทวาติฯ ตโต ราชา กุทฺทาลกมฺมการเก สนฺนิปาเตตฺวา โปกฺขรณิฎฺฐานานิ คณฺหาเปสิฯ อถ สโกฺก เทวราชา อาวเชฺชโนฺต ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา – ‘‘น ยุโตฺต มหาสตฺตสฺส มานุสกปริโภโค, ทิพฺพปริโภโค ยุโตฺต’’ติ วิสฺสกมฺมํ อามเนฺตตฺวา – ‘‘คจฺฉ, ตาต, มหาสตฺตสฺส กีฬาภูมิยํ โปกฺขรณิโย มาเปหี’’ติ อาหฯ กีทิสา โหนฺตุ , เทวาติ? อปคตกลลกทฺทมา โหนฺตุ วิปฺปกิณฺณมณิมุตฺตปวาฬิกา สตฺตรตนมยปาการปริกฺขิตฺตา ปวาฬมยอุณฺหีเสหิ มณิมยโสปานพาหุเกหิ สุวณฺณรชตมณิมยผลเกหิ โสปาเนหิ สมนฺนาคตาฯ สุวณฺณรชตมณิปวาฬมยา เจตฺถ นาวา โหนฺตุ, สุวณฺณนาวาย รชตปลฺลโงฺก โหตุ, รชตนาวาย สุวณฺณปลฺลโงฺก, มณินาวาย ปวาฬปลฺลโงฺก, ปวาฬนาวาย มณิปลฺลโงฺก, สุวณฺณรชตมณิปวาฬมยาว อุทกเสจนนาฬิกา โหนฺตุ, ปญฺจวเณฺณหิ จ ปทุเมหิ สญฺฉนฺนา โหนฺตูติฯ ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ วิสฺสกมฺมเทวปุโตฺต สกฺกสฺส ปฎิสฺสุตฺวา รตฺติภาเค โอตริตฺวา รโญฺญ คาหาปิตโปกฺขรณิฎฺฐาเนสุเยว เตเนว นิยาเมน โปกฺขรณิโย มาเปสิฯ
39. Navame sukhumāloti niddukkho. Paramasukhumāloti paramaniddukkho. Accantasukhumāloti satataniddukkho. Imaṃ bhagavā kapilapure nibbattakālato paṭṭhāya niddukkhabhāvaṃ gahetvā āha, cariyakāle pana tena anubhūtadukkhassa anto natthīti. Ekatthāti ekissā pokkharaṇiyā. Uppalaṃ vappatīti uppalaṃ ropeti. Sā nīluppalavanasañchannā hoti. Padumanti paṇḍarapadumaṃ. Puṇḍarīkanti rattapadumaṃ. Evaṃ itarāpi dve padumapuṇḍarīkavanehi sañchannā honti. Bodhisattassa kira sattaṭṭhavassikakāle rājā amacce pucchi – ‘‘taruṇadārakā katarakīḷikaṃ piyāyantī’’ti? Udakakīḷikaṃ devāti. Tato rājā kuddālakammakārake sannipātetvā pokkharaṇiṭṭhānāni gaṇhāpesi. Atha sakko devarājā āvajjento taṃ pavattiṃ ñatvā – ‘‘na yutto mahāsattassa mānusakaparibhogo, dibbaparibhogo yutto’’ti vissakammaṃ āmantetvā – ‘‘gaccha, tāta, mahāsattassa kīḷābhūmiyaṃ pokkharaṇiyo māpehī’’ti āha. Kīdisā hontu , devāti? Apagatakalalakaddamā hontu vippakiṇṇamaṇimuttapavāḷikā sattaratanamayapākāraparikkhittā pavāḷamayauṇhīsehi maṇimayasopānabāhukehi suvaṇṇarajatamaṇimayaphalakehi sopānehi samannāgatā. Suvaṇṇarajatamaṇipavāḷamayā cettha nāvā hontu, suvaṇṇanāvāya rajatapallaṅko hotu, rajatanāvāya suvaṇṇapallaṅko, maṇināvāya pavāḷapallaṅko, pavāḷanāvāya maṇipallaṅko, suvaṇṇarajatamaṇipavāḷamayāva udakasecananāḷikā hontu, pañcavaṇṇehi ca padumehi sañchannā hontūti. ‘‘Sādhu, devā’’ti vissakammadevaputto sakkassa paṭissutvā rattibhāge otaritvā rañño gāhāpitapokkharaṇiṭṭhānesuyeva teneva niyāmena pokkharaṇiyo māpesi.
นนุ เจตา อปคตกลลกทฺทมา, กถเมตฺถ ปทุมานิ ปุปฺผิํสูติ? โส กิร ตาสุ โปกฺขรณีสุ ตตฺถ ตตฺถ สุวณฺณรชตมณิปวาฬมยา ขุทฺทกนาวาโย มาเปตฺวา ‘‘เอตา กลลกทฺทมปูริตา จ โหนฺตุ, ปญฺจวณฺณานิ เจตฺถ ปทุมานิ ปุปฺผนฺตู’’ติ อธิฎฺฐาสิฯ เอวํ ปญฺจวณฺณานิ ปทุมานิ ปุปฺผิํสุ, เรณุวฎฺฎิโย อุคฺคนฺตฺวา อุทกปิฎฺฐํ อโชฺฌตฺถริตฺวา วิจรนฺติฯ ปญฺจวิธา ภมรคณา อุปกูชนฺตา วิจรนฺติฯ เอวํ ตา มาเปตฺวา วิสฺสกโมฺม เทวปุรเมว คโตฯ ตโต วิภาตาย รตฺติยา มหาชโน ทิสฺวา ‘‘มหาปุริสฺสสฺส มาปิตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ คนฺตฺวา รโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา มหาชนปริวาโร คนฺตฺวา โปกฺขรณิโย ทิสฺวา ‘‘มม ปุตฺตสฺส ปุญฺญิทฺธิยา เทวตาหิ มาปิตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ อตฺตมโน อโหสิฯ ตโต ปฎฺฐาย มหาปุริโส อุทกกีฬิกํ อคมาสิฯ
Nanu cetā apagatakalalakaddamā, kathamettha padumāni pupphiṃsūti? So kira tāsu pokkharaṇīsu tattha tattha suvaṇṇarajatamaṇipavāḷamayā khuddakanāvāyo māpetvā ‘‘etā kalalakaddamapūritā ca hontu, pañcavaṇṇāni cettha padumāni pupphantū’’ti adhiṭṭhāsi. Evaṃ pañcavaṇṇāni padumāni pupphiṃsu, reṇuvaṭṭiyo uggantvā udakapiṭṭhaṃ ajjhottharitvā vicaranti. Pañcavidhā bhamaragaṇā upakūjantā vicaranti. Evaṃ tā māpetvā vissakammo devapurameva gato. Tato vibhātāya rattiyā mahājano disvā ‘‘mahāpurissassa māpitā bhavissantī’’ti gantvā rañño ārocesi. Rājā mahājanaparivāro gantvā pokkharaṇiyo disvā ‘‘mama puttassa puññiddhiyā devatāhi māpitā bhavissantī’’ti attamano ahosi. Tato paṭṭhāya mahāpuriso udakakīḷikaṃ agamāsi.
ยาวเทว มมตฺถายาติ เอตฺถ ยาวเทวาติ ปโยชนาวธินิยามวจนํ, ยาว มเมว อตฺถาย, นเตฺถตฺถ อญฺญํ การณนฺติ อโตฺถฯ น โข ปนสฺสาหนฺติ น โข ปนสฺส อหํฯ อกาสิกํ จนฺทนนฺติ อสณฺหํ จนฺทนํฯ กาสิกํ, ภิกฺขเว, สุ เม ตํ เวฐนนฺติ, ภิกฺขเว, เวฐนมฺปิ เม กาสิกํ โหติฯ เอตฺถ หิ สุอิติ จ ตนฺติ จ นิปาตมตฺตํ, เมติ สามิวจนํฯ เวฐนมฺปิ เม สณฺหเมว โหตีติ ทเสฺสติฯ กาสิกา กญฺจุกาติ ปารุปนกญฺจุโกปิ สณฺหกญฺจุโกวฯ เสตจฺฉตฺตํ ธารียตีติ มานุสกเสตจฺฉตฺตมฺปิ ทิพฺพเสตจฺฉตฺตมฺปิ อุปริธาริตเมว โหติฯ มา นํ ผุสิ สีตํ วาติ มา เอตํ โพธิสตฺตํ สีตํ วา อุณฺหาทีสุ วา อญฺญตรํ ผุสตูติ อโตฺถฯ
Yāvadeva mamatthāyāti ettha yāvadevāti payojanāvadhiniyāmavacanaṃ, yāva mameva atthāya, natthettha aññaṃ kāraṇanti attho. Na kho panassāhanti na kho panassa ahaṃ. Akāsikaṃ candananti asaṇhaṃ candanaṃ. Kāsikaṃ, bhikkhave, su me taṃ veṭhananti, bhikkhave, veṭhanampi me kāsikaṃ hoti. Ettha hi suiti ca tanti ca nipātamattaṃ, meti sāmivacanaṃ. Veṭhanampi me saṇhameva hotīti dasseti. Kāsikā kañcukāti pārupanakañcukopi saṇhakañcukova. Setacchattaṃ dhārīyatīti mānusakasetacchattampi dibbasetacchattampi uparidhāritameva hoti. Mā naṃ phusi sītaṃ vāti mā etaṃ bodhisattaṃ sītaṃ vā uṇhādīsu vā aññataraṃ phusatūti attho.
ตโย ปาสาทา อเหสุนฺติ โพธิสเตฺต กิร โสฬสวสฺสุเทฺทสิเก ชาเต สุโทฺธทนมหาราชา ‘‘ปุตฺตสฺส วสนกปาสาเท กาเรสฺสามี’’ติ วฑฺฒกิโน สนฺนิปาตาเปตฺวา ภทฺทเกน นกฺขตฺตมุหุเตฺตน นวภูมิกตปริกมฺมํ กาเรตฺวา ตโย ปาสาเท การาเปสิฯ เต สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ เหมนฺติโกติอาทีสุ ยตฺถ สุขํ เหมเนฺต วสิตุํ, อยํ เหมนฺติโกฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปเนตฺถ วจนโตฺถ – เหมเนฺต วาโส เหมนฺตํ, เหมนฺตํ อรหตีติ เหมนฺติโกฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ
Tayopāsādā ahesunti bodhisatte kira soḷasavassuddesike jāte suddhodanamahārājā ‘‘puttassa vasanakapāsāde kāressāmī’’ti vaḍḍhakino sannipātāpetvā bhaddakena nakkhattamuhuttena navabhūmikataparikammaṃ kāretvā tayo pāsāde kārāpesi. Te sandhāyetaṃ vuttaṃ. Hemantikotiādīsu yattha sukhaṃ hemante vasituṃ, ayaṃ hemantiko. Itaresupi eseva nayo. Ayaṃ panettha vacanattho – hemante vāso hemantaṃ, hemantaṃ arahatīti hemantiko. Itaresupi eseva nayo.
ตตฺถ เหมนฺติโก ปาสาโท นวภูมโก อโหสิ, ภูมิโย ปนสฺส อุณฺหอุตุคฺคาหาปนตฺถาย นีจา อเหสุํฯ ตตฺถ ทฺวารวาตปานานิ สุผุสิตกวาฎานิ อเหสุํ นิพฺพิวรานิฯ จิตฺตกมฺมมฺปิ กโรนฺตา ตตฺถ ตตฺถ ปชฺชลิเต อคฺคิกฺขเนฺธเยว อกํสุฯ ภูมตฺถรณํ ปเนตฺถ กมฺพลมยํ, ตถา สาณิวิตานนิวาสนปารุปนเวฐนานิฯ วาตปานานิ อุณฺหคฺคาหาปนตฺถํ ทิวา วิวฎานิ รตฺติํ ปิหิตานิ โหนฺติฯ
Tattha hemantiko pāsādo navabhūmako ahosi, bhūmiyo panassa uṇhautuggāhāpanatthāya nīcā ahesuṃ. Tattha dvāravātapānāni suphusitakavāṭāni ahesuṃ nibbivarāni. Cittakammampi karontā tattha tattha pajjalite aggikkhandheyeva akaṃsu. Bhūmattharaṇaṃ panettha kambalamayaṃ, tathā sāṇivitānanivāsanapārupanaveṭhanāni. Vātapānāni uṇhaggāhāpanatthaṃ divā vivaṭāni rattiṃ pihitāni honti.
คิมฺหิโก ปน ปญฺจภูมโก อโหสิฯ สีตอุตุคฺคาหาปนตฺถํ ปเนตฺถ ภูมิโย อุจฺจา อสมฺพาธา อเหสุํฯ ทฺวารวาตปานานิ นาติผุสิตานิ สวิวรานิ สชาลานิ อเหสุํฯ จิตฺตกเมฺม อุปฺปลานิ ปทุมานิ ปุณฺฑรีกานิเยว อกํสุฯ ภูมตฺถรณํ ปเนตฺถ ทุกูลมยํ, ตถา สาณิวิตานนิวาสนปารุปนเวฐนานิฯ วาตปานสมีเปสุ เจตฺถ นว จาฎิโย ฐเปตฺวา อุทกสฺส ปูเรตฺวา นีลุปฺปลาทีหิ สญฺฉาเทนฺติฯ เตสุ เตสุ ปเทเสสุ อุทกยนฺตานิ กโรนฺติ, เยหิ เทเว วสฺสเนฺต วิย อุทกธารา นิกฺขมนฺติฯ อโนฺตปาสาเท ตตฺถ ตตฺถ กลลปูรา โทณิโย ฐเปตฺวา ปญฺจวณฺณานิ ปทุมานิ โรปยิํสุฯ ปาสาทมตฺถเก สุกฺขมหิํสจมฺมํ พนฺธิตฺวา ยนฺตํ ปริวเตฺตตฺวา ยาว ฉทนปิฎฺฐิยา ปาสาเณ อาโรเปตฺวา ตสฺมิํ วิสฺสเชฺชนฺติฯ เตสํ จเมฺม ปวฎฺฎนฺตานํ สโทฺท เมฆคชฺชิตํ วิย โหติฯ ทฺวารวาตปานานิ ปเนตฺถ ทิวา ปิหิตานิ โหนฺติ รตฺติํ วิวฎานิฯ
Gimhiko pana pañcabhūmako ahosi. Sītautuggāhāpanatthaṃ panettha bhūmiyo uccā asambādhā ahesuṃ. Dvāravātapānāni nātiphusitāni savivarāni sajālāni ahesuṃ. Cittakamme uppalāni padumāni puṇḍarīkāniyeva akaṃsu. Bhūmattharaṇaṃ panettha dukūlamayaṃ, tathā sāṇivitānanivāsanapārupanaveṭhanāni. Vātapānasamīpesu cettha nava cāṭiyo ṭhapetvā udakassa pūretvā nīluppalādīhi sañchādenti. Tesu tesu padesesu udakayantāni karonti, yehi deve vassante viya udakadhārā nikkhamanti. Antopāsāde tattha tattha kalalapūrā doṇiyo ṭhapetvā pañcavaṇṇāni padumāni ropayiṃsu. Pāsādamatthake sukkhamahiṃsacammaṃ bandhitvā yantaṃ parivattetvā yāva chadanapiṭṭhiyā pāsāṇe āropetvā tasmiṃ vissajjenti. Tesaṃ camme pavaṭṭantānaṃ saddo meghagajjitaṃ viya hoti. Dvāravātapānāni panettha divā pihitāni honti rattiṃ vivaṭāni.
วสฺสิโก สตฺตภูมโก อโหสิฯ ภูมิโย ปเนตฺถ ทฺวินฺนมฺปิ อุตูนํ คาหาปนตฺถาย นาติอุจฺจา นาตินีจา อกํสุฯ เอกจฺจานิ ทฺวารวาตปานานิ สุผุสิตานิ, เอกจฺจานิ สวิวรานิฯ ตตฺถ จิตฺตกมฺมมฺปิ เกสุจิ ฐาเนสุ ปชฺชลิตอคฺคิกฺขนฺธวเสน, เกสุจิ ชาตสฺสรวเสน กตํฯ ภูมตฺถรณาทีนิ ปเนตฺถ กมฺพลทุกูลวเสน อุภยมิสฺสกานิฯ เอกเจฺจ ทฺวารวาตปานา รตฺติํ วิวฎา ทิวา ปิหิตา, เอกเจฺจ ทิวา วิวฎา รตฺติํ ปิหิตาฯ ตโยปิ ปาสาทา อุเพฺพเธน สมปฺปมาณาฯ ภูมิกาสุ ปน นานตฺตํ อโหสิฯ
Vassiko sattabhūmako ahosi. Bhūmiyo panettha dvinnampi utūnaṃ gāhāpanatthāya nātiuccā nātinīcā akaṃsu. Ekaccāni dvāravātapānāni suphusitāni, ekaccāni savivarāni. Tattha cittakammampi kesuci ṭhānesu pajjalitaaggikkhandhavasena, kesuci jātassaravasena kataṃ. Bhūmattharaṇādīni panettha kambaladukūlavasena ubhayamissakāni. Ekacce dvāravātapānā rattiṃ vivaṭā divā pihitā, ekacce divā vivaṭā rattiṃ pihitā. Tayopi pāsādā ubbedhena samappamāṇā. Bhūmikāsu pana nānattaṃ ahosi.
เอวํ นิฎฺฐิเตสุ ปาสาเทสุ ราชา จิเนฺตสิ – ‘‘ปุโตฺต เม วยปฺปโตฺต, ฉตฺตมสฺส อุสฺสาเปตฺวา รชฺชสิริํ ปสฺสิสฺสามี’’ติฯ โส สากิยานํ ปณฺณานิ ปหิณิ – ‘‘ปุโตฺต เม วยปฺปโตฺต, รเชฺช นํ ปติฎฺฐาเปสฺสามิ, สเพฺพ อตฺตโน อตฺตโน เคเหสุ วยปฺปตฺตา, ทาริกา อิมํ เคหํ เปเสนฺตู’’ติฯ เต สาสนํ สุตฺวา – ‘‘กุมาโร เกวลํ ทสฺสนกฺขโม รูปสมฺปโนฺน, น กิญฺจิ สิปฺปํ ชานาติ, ทารภรณํ กาตุํ น สกฺขิสฺสติ, น มยํ ธีตโร ทสฺสามา’’ติ อาหํสุฯ ราชา ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา ปุตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อาโรเจสิฯ โพธิสโตฺต ‘‘กิํ สิปฺปํ ทเสฺสตุํ วฎฺฎติ, ตาตา’’ติ อาหฯ สหสฺสถามธนุํ อาโรเปตุํ วฎฺฎติ, ตาตาติฯ เตน หิ อาหราเปถาติฯ ราชา อาหราเปตฺวา อทาสิฯ ธนุํ ปุริสสหสฺสํ อาโรเปติ, ปุริสสหสฺสํ โอโรเปติฯ มหาปุริโส ธนุํ อาหราเปตฺวา ปลฺลเงฺก นิสิโนฺนว ชิยํ ปาทงฺคุฎฺฐเก เวเฐตฺวา กฑฺฒโนฺต ปาทงฺคุฎฺฐเกเนว ธนุํ อาโรเปตฺวา วาเมน หเตฺถน ทเณฺฑ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หเตฺถน กฑฺฒิตฺวา ชิยํ โปเถสิฯ สกลนครํ อุปฺปตนาการปฺปตฺตํ อโหสิฯ ‘‘กิํ สโทฺท เอโส’’ติ จ วุเตฺต ‘‘เทโว คชฺชตี’’ติ อาหํสุฯ อถเญฺญ ‘‘ตุเมฺห น ชานาถ, น เทโว คชฺชติ, องฺคีรสสฺส กุมารสฺส สหสฺสถามธนุํ อาโรเปตฺวา ชิยํ โปเถนฺตสฺส ชิยปฺปหารสโทฺท เอโส’’ติ อาหํสุฯ สากิยา ตาวตเกเนว อารทฺธจิตฺตา อเหสุํฯ
Evaṃ niṭṭhitesu pāsādesu rājā cintesi – ‘‘putto me vayappatto, chattamassa ussāpetvā rajjasiriṃ passissāmī’’ti. So sākiyānaṃ paṇṇāni pahiṇi – ‘‘putto me vayappatto, rajje naṃ patiṭṭhāpessāmi, sabbe attano attano gehesu vayappattā, dārikā imaṃ gehaṃ pesentū’’ti. Te sāsanaṃ sutvā – ‘‘kumāro kevalaṃ dassanakkhamo rūpasampanno, na kiñci sippaṃ jānāti, dārabharaṇaṃ kātuṃ na sakkhissati, na mayaṃ dhītaro dassāmā’’ti āhaṃsu. Rājā taṃ pavattiṃ sutvā puttassa santikaṃ gantvā ārocesi. Bodhisatto ‘‘kiṃ sippaṃ dassetuṃ vaṭṭati, tātā’’ti āha. Sahassathāmadhanuṃ āropetuṃ vaṭṭati, tātāti. Tena hi āharāpethāti. Rājā āharāpetvā adāsi. Dhanuṃ purisasahassaṃ āropeti, purisasahassaṃ oropeti. Mahāpuriso dhanuṃ āharāpetvā pallaṅke nisinnova jiyaṃ pādaṅguṭṭhake veṭhetvā kaḍḍhanto pādaṅguṭṭhakeneva dhanuṃ āropetvā vāmena hatthena daṇḍe gahetvā dakkhiṇena hatthena kaḍḍhitvā jiyaṃ pothesi. Sakalanagaraṃ uppatanākārappattaṃ ahosi. ‘‘Kiṃ saddo eso’’ti ca vutte ‘‘devo gajjatī’’ti āhaṃsu. Athaññe ‘‘tumhe na jānātha, na devo gajjati, aṅgīrasassa kumārassa sahassathāmadhanuṃ āropetvā jiyaṃ pothentassa jiyappahārasaddo eso’’ti āhaṃsu. Sākiyā tāvatakeneva āraddhacittā ahesuṃ.
มหาปุริโส ‘‘อญฺญํ กิํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ อาหฯ อฎฺฐงฺคุลมตฺตพหลํ อโยปฎฺฎํ กเณฺฑน วินิวิชฺฌิตุํ วฎฺฎตีติฯ ตํ วินิวิชฺฌิตฺวา ‘‘อญฺญํ กิํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ อาหฯ จตุรงฺคุลพหลํ อสนผลกํ วินิวิชฺฌิตุํ วฎฺฎตีติฯ ตํ วินิวิชฺฌิตฺวา ‘‘อญฺญํ กิํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ อาหฯ วิทตฺถิพหลํ อุทุมฺพรผลกํ วินิวิชฺฌิตุํ วฎฺฎตีติฯ ตํ วินิวิชฺฌิตฺวา ‘‘อญฺญํ กิํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ ยเนฺต พทฺธํ ผลกสตํ วินิวิชฺฌิตุํ วฎฺฎตีติฯ ตํ วินิวิชฺฌิตฺวา ‘‘อญฺญํ กิํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ อาหฯ สฎฺฐิปฎลํ สุกฺขมหิํสจมฺมํ วินิวิชฺฌิตุํ วฎฺฎตีติฯ ตมฺปิ วินิวิชฺฌิตฺวา ‘‘อญฺญํ กิํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ อาหฯ ตโต วาลิกสกฎาทีนิ อาจิกฺขิํสุฯ มหาสโตฺต วาลิกสกฎมฺปิ ปลาลสกฎมฺปิ วินิวิชฺฌิตฺวา อุทเก เอกุสภปฺปมาณํ กณฺฑํ เปเสสิ, ถเล อฎฺฐอุสภปฺปมาณํฯ อถ นํ ‘‘อิทานิ วาติงฺคณสญฺญาย วาลํ วิชฺฌิตุํ วฎฺฎตี’’ติ อาหํสุฯ เตน หิ พนฺธาเปถาติฯ สทฺทนฺตเร พชฺฌตุ, ตาตาติฯ ปุรโต คจฺฉนฺตุ, คาวุตนฺตเร พนฺธนฺตูติฯ ปุรโต คจฺฉนฺตุ, อทฺธโยชเน พนฺธนฺตูติ ฯ ปุรโต คจฺฉนฺตุ โยชเน พนฺธนฺตูติฯ พนฺธาเปถ, ตาตาติ โยชนมตฺถเก วาติงฺคณสญฺญาย วาลํ พนฺธาเปตฺวา รตฺตนฺธกาเร เมฆปฎลจฺฉนฺนาสุ ทิสาสุ กณฺฑํ ขิปิ, ตํ คนฺตฺวา โยชนมตฺถเก วาลํ ผาเลตฺวา ปถวิํ ปาวิสิฯ น เกวลญฺจ เอตฺตกเมว, ตํ ทิวสํ ปน มหาสโตฺต โลเก วตฺตมานสิปฺปํ สพฺพเมว สนฺทเสฺสสิฯ สกฺยราชาโน อตฺตโน อตฺตโน ธีตโร อลงฺกริตฺวา เปสยิํสุ, จตฺตาลีสสหสฺสนาฎกิตฺถิโย อเหสุํฯ มหาปุริโส ตีสุ ปาสาเทสุ เทโว มเญฺญ ปริจาเรโนฺต มหาสมฺปตฺติํ อนุภวติฯ
Mahāpuriso ‘‘aññaṃ kiṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti āha. Aṭṭhaṅgulamattabahalaṃ ayopaṭṭaṃ kaṇḍena vinivijjhituṃ vaṭṭatīti. Taṃ vinivijjhitvā ‘‘aññaṃ kiṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti āha. Caturaṅgulabahalaṃ asanaphalakaṃ vinivijjhituṃ vaṭṭatīti. Taṃ vinivijjhitvā ‘‘aññaṃ kiṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti āha. Vidatthibahalaṃ udumbaraphalakaṃ vinivijjhituṃ vaṭṭatīti. Taṃ vinivijjhitvā ‘‘aññaṃ kiṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti. Yante baddhaṃ phalakasataṃ vinivijjhituṃ vaṭṭatīti. Taṃ vinivijjhitvā ‘‘aññaṃ kiṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti āha. Saṭṭhipaṭalaṃ sukkhamahiṃsacammaṃ vinivijjhituṃ vaṭṭatīti. Tampi vinivijjhitvā ‘‘aññaṃ kiṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti āha. Tato vālikasakaṭādīni ācikkhiṃsu. Mahāsatto vālikasakaṭampi palālasakaṭampi vinivijjhitvā udake ekusabhappamāṇaṃ kaṇḍaṃ pesesi, thale aṭṭhausabhappamāṇaṃ. Atha naṃ ‘‘idāni vātiṅgaṇasaññāya vālaṃ vijjhituṃ vaṭṭatī’’ti āhaṃsu. Tena hi bandhāpethāti. Saddantare bajjhatu, tātāti. Purato gacchantu, gāvutantare bandhantūti. Purato gacchantu, addhayojane bandhantūti . Purato gacchantu yojane bandhantūti. Bandhāpetha, tātāti yojanamatthake vātiṅgaṇasaññāya vālaṃ bandhāpetvā rattandhakāre meghapaṭalacchannāsu disāsu kaṇḍaṃ khipi, taṃ gantvā yojanamatthake vālaṃ phāletvā pathaviṃ pāvisi. Na kevalañca ettakameva, taṃ divasaṃ pana mahāsatto loke vattamānasippaṃ sabbameva sandassesi. Sakyarājāno attano attano dhītaro alaṅkaritvā pesayiṃsu, cattālīsasahassanāṭakitthiyo ahesuṃ. Mahāpuriso tīsu pāsādesu devo maññe paricārento mahāsampattiṃ anubhavati.
นิปฺปุริเสหีติ ปุริสวิรหิเตหิฯ น เกวลํ เจตฺถ ตูริยาเนว นิปฺปุริสานิ, สพฺพฎฺฐานานิปิ นิปฺปุริสาเนวฯ โทวาริกาปิ อิตฺถิโยว, นฺหาปนาทิปริกมฺมกราปิ อิตฺถิโยว ฯ ราชา กิร ‘‘ตถารูปํ อิสฺสริยสุขสมฺปตฺติํ อนุภวมานสฺส ปุริสํ ทิสฺวา ปริสงฺกา อุปฺปชฺชติ, สา เม ปุตฺตสฺส มา อโหสี’’ติ สพฺพกิเจฺจสุ อิตฺถิโยว ฐเปสิฯ ปริจารยมาโนติ โมทมาโนฯ น เหฎฺฐาปาสาทํ โอโรหามีติ ปาสาทโต เหฎฺฐา น โอตรามิฯ อิติ มํ จตฺตาโร มาเส อโญฺญ สิขาพโทฺธ ปุริโส นาม ปสฺสิตุํ นาลตฺถฯ ยถาติ เยน นิยาเมนฯ ทาสกมฺมกรโปริสสฺสาติ ทาสานเญฺจว เทวสิกภตฺตเวตนาภตานํ กมฺมกรานญฺจ นิสฺสาย ชีวมานปุริสานญฺจฯ กณาชกนฺติ สกุณฺฑกภตฺตํฯ พิลงฺคทุติยนฺติ กญฺชิกทุติยํฯ
Nippurisehīti purisavirahitehi. Na kevalaṃ cettha tūriyāneva nippurisāni, sabbaṭṭhānānipi nippurisāneva. Dovārikāpi itthiyova, nhāpanādiparikammakarāpi itthiyova . Rājā kira ‘‘tathārūpaṃ issariyasukhasampattiṃ anubhavamānassa purisaṃ disvā parisaṅkā uppajjati, sā me puttassa mā ahosī’’ti sabbakiccesu itthiyova ṭhapesi. Paricārayamānoti modamāno. Na heṭṭhāpāsādaṃ orohāmīti pāsādato heṭṭhā na otarāmi. Iti maṃ cattāro māse añño sikhābaddho puriso nāma passituṃ nālattha. Yathāti yena niyāmena. Dāsakammakaraporisassāti dāsānañceva devasikabhattavetanābhatānaṃ kammakarānañca nissāya jīvamānapurisānañca. Kaṇājakanti sakuṇḍakabhattaṃ. Bilaṅgadutiyanti kañjikadutiyaṃ.
เอวรูปาย อิทฺธิยาติ เอวํชาติกาย ปุญฺญิทฺธิยา สมนฺนาคตสฺสฯ เอวรูเปน จ สุขุมาเลนาติ เอวํชาติเกน จ นิทฺทุกฺขภาเวนฯ โสขุมาเลนาติปิ ปาโฐฯ เอวํ ตถาคโต เอตฺตเกน ฐาเนน อตฺตโน สิริสมฺปตฺติํ กเถสิฯ กเถโนฺต จ น อุปฺปิลาวิตภาวตฺถํ กเถสิ, ‘‘เอวรูปายปิ ปน สมฺปตฺติยา ฐิโต ปมาทํ อกตฺวา อปฺปมโตฺตว อโหสิ’’นฺติ อปฺปมาทลกฺขณเสฺสว ทีปนตฺถํ กเถสิฯ เตเนว อสฺสุตวา โข ปุถุชฺชโนติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปรนฺติ ปรปุคฺคลํฯ ชิณฺณนฺติ ชราชิณฺณํฯ อฎฺฎียตีติ อโฎฺฎ ปีฬิโต โหติฯ หรายตีติ หิริํ กโรติ ลชฺชติฯ ชิคุจฺฉตีติ อสุจิํ วิย ทิสฺวา ชิคุจฺฉํ อุปฺปาเทติฯ อตฺตานํเยว อติสิตฺวาติ ชราธมฺมมฺปิ สมานํ อตฺตานํ อติกฺกมิตฺวา อฎฺฎียติ หรายตีติ อโตฺถฯ ชราธโมฺมติ ชราสภาโวฯ ชรํ อนตีโตติ ชรํ อนติกฺกโนฺต, อโนฺต ชราย วตฺตามิฯ อิติ ปฎิสญฺจิกฺขโตติ เอวํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสฯ โยพฺพนมโทติ โยพฺพนํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนโก มานมโทฯ สพฺพโส ปหียีติ สพฺพากาเรน ปหีโนฯ มเคฺคน ปหีนสทิโส กตฺวา ทสฺสิโตฯ น ปเนส มเคฺคน ปหีโน, ปฎิสงฺขาเนน ปหีโนว กถิโตติ เวทิตโพฺพฯ โพธิสตฺตสฺส หิ เทวตา ชราปตฺตํ ทเสฺสสุํฯ ตโต ปฎฺฐาย ยาว อรหตฺตา อนฺตรา มหาสตฺตสฺส โยพฺพนมโท นาม น อุปฺปชฺชติฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ ปน อาโรคฺยมโทติ อหํ นิโรโคติ อาโรคฺยํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนโก มานมโทฯ ชีวิตมโทติ อหํ จิรํ ชีวีติ ตํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนโก มานมโทฯ สิกฺขํ ปจฺจกฺขายาติ สิกฺขํ ปฎิกฺขิปิตฺวาฯ หีนายาวตฺตตีติ หีนาย ลามกาย คิหิภาวาย อาวตฺตติฯ
Evarūpāya iddhiyāti evaṃjātikāya puññiddhiyā samannāgatassa. Evarūpena ca sukhumālenāti evaṃjātikena ca niddukkhabhāvena. Sokhumālenātipi pāṭho. Evaṃ tathāgato ettakena ṭhānena attano sirisampattiṃ kathesi. Kathento ca na uppilāvitabhāvatthaṃ kathesi, ‘‘evarūpāyapi pana sampattiyā ṭhito pamādaṃ akatvā appamattova ahosi’’nti appamādalakkhaṇasseva dīpanatthaṃ kathesi. Teneva assutavā kho puthujjanotiādimāha. Tattha paranti parapuggalaṃ. Jiṇṇanti jarājiṇṇaṃ. Aṭṭīyatīti aṭṭo pīḷito hoti. Harāyatīti hiriṃ karoti lajjati. Jigucchatīti asuciṃ viya disvā jigucchaṃ uppādeti. Attānaṃyeva atisitvāti jarādhammampi samānaṃ attānaṃ atikkamitvā aṭṭīyati harāyatīti attho. Jarādhammoti jarāsabhāvo. Jaraṃ anatītoti jaraṃ anatikkanto, anto jarāya vattāmi. Iti paṭisañcikkhatoti evaṃ paccavekkhantassa. Yobbanamadoti yobbanaṃ nissāya uppajjanako mānamado. Sabbasopahīyīti sabbākārena pahīno. Maggena pahīnasadiso katvā dassito. Na panesa maggena pahīno, paṭisaṅkhānena pahīnova kathitoti veditabbo. Bodhisattassa hi devatā jarāpattaṃ dassesuṃ. Tato paṭṭhāya yāva arahattā antarā mahāsattassa yobbanamado nāma na uppajjati. Sesapadadvayepi eseva nayo. Ettha pana ārogyamadoti ahaṃ nirogoti ārogyaṃ nissāya uppajjanako mānamado. Jīvitamadoti ahaṃ ciraṃ jīvīti taṃ nissāya uppajjanako mānamado. Sikkhaṃ paccakkhāyāti sikkhaṃ paṭikkhipitvā. Hīnāyāvattatīti hīnāya lāmakāya gihibhāvāya āvattati.
ยถาธมฺมาติ พฺยาธิอาทีหิ ยถาสภาวาฯ ตถาสนฺตาติ ยถา สนฺตา เอว อวิปรีตพฺยาธิอาทิสภาวาว หุตฺวาติ อโตฺถฯ ชิคุจฺฉนฺตีติ ปรปุคฺคลํ ชิคุจฺฉนฺติฯ มม เอวํ วิหาริโนติ มยฺหํ เอวํ ชิคุจฺฉาวิหาเรน วิหรนฺตสฺส เอวํ ชิคุจฺฉนํ นปฺปติรูปํ ภเวยฺย นานุจฺฉวิกํฯ โสหํ เอวํ วิหรโนฺตติ โส อหํ เอวํ ปรํ ชิคุจฺฉมาโน วิหรโนฺต, เอวํ วา อิมินา ปฎิสงฺขานวิหาเรน วิหรโนฺตฯ ญตฺวา ธมฺมํ นิรูปธินฺติ สพฺพูปธิวิรหิตํ นิพฺพานธมฺมํ ญตฺวาฯ สเพฺพ มเท อภิโภสฺมีติ สเพฺพ ตโยปิ มเท อภิภวิํ สมติกฺกมิํฯ เนกฺขเมฺม ทฎฺฐุ เขมตนฺติ นิพฺพาเน เขมภาวํ ทิสฺวาฯ เนกฺขมฺมํ ทฎฺฐุ เขมโตติปิ ปาโฐ, นิพฺพานํ เขมโต ทิสฺวาติ อโตฺถฯ ตสฺส เม อหุ อุสฺสาโหติ ตสฺส มยฺหํ ตํ เนกฺขมฺมสงฺขาตํ นิพฺพานํ อภิปสฺสนฺตสฺส อุสฺสาโห อหุ, วายาโม อโหสีติ อโตฺถฯ นาหํ ภโพฺพ เอตรหิ, กามานิ ปฎิเสวิตุนฺติ อหํ ทานิ ทุวิเธปิ กาเม ปฎิเสวิตุํ อภโพฺพฯ อนิวตฺติ ภวิสฺสามีติ ปพฺพชฺชโต จ สพฺพญฺญุตญฺญาณโต จ น นิวตฺติสฺสามิ, อนิวตฺตโก ภวิสฺสามิฯ พฺรหฺมจริยปรายโณติ มคฺคพฺรหฺมจริยปรายโณ ชาโตสฺมีติ อโตฺถฯ อิติ อิมาหิ คาถาหิ มหาโพธิปลฺลเงฺก อตฺตโน อาคมนียวีริยํ กเถสิฯ
Yathādhammāti byādhiādīhi yathāsabhāvā. Tathāsantāti yathā santā eva aviparītabyādhiādisabhāvāva hutvāti attho. Jigucchantīti parapuggalaṃ jigucchanti. Mama evaṃ vihārinoti mayhaṃ evaṃ jigucchāvihārena viharantassa evaṃ jigucchanaṃ nappatirūpaṃ bhaveyya nānucchavikaṃ. Sohaṃ evaṃ viharantoti so ahaṃ evaṃ paraṃ jigucchamāno viharanto, evaṃ vā iminā paṭisaṅkhānavihārena viharanto. Ñatvā dhammaṃ nirūpadhinti sabbūpadhivirahitaṃ nibbānadhammaṃ ñatvā. Sabbe made abhibhosmīti sabbe tayopi made abhibhaviṃ samatikkamiṃ. Nekkhamme daṭṭhu khematanti nibbāne khemabhāvaṃ disvā. Nekkhammaṃ daṭṭhu khematotipi pāṭho, nibbānaṃ khemato disvāti attho. Tassame ahu ussāhoti tassa mayhaṃ taṃ nekkhammasaṅkhātaṃ nibbānaṃ abhipassantassa ussāho ahu, vāyāmo ahosīti attho. Nāhaṃbhabbo etarahi, kāmāni paṭisevitunti ahaṃ dāni duvidhepi kāme paṭisevituṃ abhabbo. Anivatti bhavissāmīti pabbajjato ca sabbaññutaññāṇato ca na nivattissāmi, anivattako bhavissāmi. Brahmacariyaparāyaṇoti maggabrahmacariyaparāyaṇo jātosmīti attho. Iti imāhi gāthāhi mahābodhipallaṅke attano āgamanīyavīriyaṃ kathesi.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๙. สุขุมาลสุตฺตํ • 9. Sukhumālasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๙. สุขุมาลสุตฺตวณฺณนา • 9. Sukhumālasuttavaṇṇanā