Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๖. สุกฺกาเถรีคาถาวณฺณนา

    6. Sukkātherīgāthāvaṇṇanā

    กิํเม กตา ราชคเหติอาทิกา สุกฺกาย เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล พนฺธุมตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺตา อุปาสิกาหิ สทฺธิํ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสทฺธา ปพฺพชิตฺวา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ปฎิภานวตี อโหสิฯ สา ตตฺถ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา ปุถุชฺชนกาลกิริยเมว กตฺวา ตุสิเต นิพฺพตฺติฯ ตถา สิขิสฺส ภควโต, เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเลติ เอวํ ติณฺณํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ สาสเน สีลํ รกฺขิตฺวา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา อโหสิ, ตถา กกุสนฺธสฺส, โกณาคมนสฺส, กสฺสปสฺส จ ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา วิสุทฺธสีลา พหุสฺสุตา ธมฺมกถิกา อโหสิฯ

    Kiṃme katā rājagahetiādikā sukkāya theriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinantī vipassissa bhagavato kāle bandhumatīnagare kulagehe nibbattitvā viññutaṃ pattā upāsikāhi saddhiṃ vihāraṃ gantvā satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddhā pabbajitvā bahussutā dhammadharā paṭibhānavatī ahosi. Sā tattha bahūni vassasahassāni brahmacariyaṃ caritvā puthujjanakālakiriyameva katvā tusite nibbatti. Tathā sikhissa bhagavato, vessabhussa bhagavato kāleti evaṃ tiṇṇaṃ sammāsambuddhānaṃ sāsane sīlaṃ rakkhitvā bahussutā dhammadharā ahosi, tathā kakusandhassa, koṇāgamanassa, kassapassa ca bhagavato sāsane pabbajitvā visuddhasīlā bahussutā dhammakathikā ahosi.

    เอวํ สา ตตฺถ ตตฺถ พหุํ ปุญฺญํ อุปจินิตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺตี อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหนคเร คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, สุกฺกาติสฺสา นามํ อโหสิฯ สา วิญฺญุตํ ปตฺตา สตฺถุ ราชคหปเวสเน ลทฺธปฺปสาทา อุปาสิกา หุตฺวา อปรภาเค ธมฺมทินฺนาย เถริยา สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สญฺชาตสํเวคา ตสฺสา เอว สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี นจิรเสฺสว สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๔.๑๑๑-๑๔๒) –

    Evaṃ sā tattha tattha bahuṃ puññaṃ upacinitvā sugatīsuyeva saṃsarantī imasmiṃ buddhuppāde rājagahanagare gahapatimahāsālakule nibbatti, sukkātissā nāmaṃ ahosi. Sā viññutaṃ pattā satthu rājagahapavesane laddhappasādā upāsikā hutvā aparabhāge dhammadinnāya theriyā santike dhammaṃ sutvā sañjātasaṃvegā tassā eva santike pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karontī nacirasseva saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. therī 2.4.111-142) –

    ‘‘เอกนวุติโต กเปฺป, วิปสฺสี นาม นายโก;

    ‘‘Ekanavutito kappe, vipassī nāma nāyako;

    อุปฺปชฺชิ จารุทสฺสโน, สพฺพธมฺมวิปสฺสโกฯ

    Uppajji cārudassano, sabbadhammavipassako.

    ‘‘ตทาหํ พนฺธุมติยํ, ชาตา อญฺญตเร กุเล;

    ‘‘Tadāhaṃ bandhumatiyaṃ, jātā aññatare kule;

    ธมฺมํ สุตฺวาน มุนิโน, ปพฺพชิํ อนคาริยํฯ

    Dhammaṃ sutvāna munino, pabbajiṃ anagāriyaṃ.

    ‘‘พหุสฺสุตา ธมฺมธรา, ปฎิภานวตี ตถา;

    ‘‘Bahussutā dhammadharā, paṭibhānavatī tathā;

    วิจิตฺตกถิกา จาปิ, ชินสาสนการิกาฯ

    Vicittakathikā cāpi, jinasāsanakārikā.

    ‘‘ตทา ธมฺมกถํ กตฺวา, หิตาย ชนตํ พหุํ;

    ‘‘Tadā dhammakathaṃ katvā, hitāya janataṃ bahuṃ;

    ตโต จุตาหํ ตุสิตํ, อุปปนฺนา ยสสฺสินีฯ

    Tato cutāhaṃ tusitaṃ, upapannā yasassinī.

    ‘‘เอกตฺติํเส อิโต กเปฺป, สิขี วิย สิขี ชิโน;

    ‘‘Ekattiṃse ito kappe, sikhī viya sikhī jino;

    ตปโนฺต ยสสา โลเก, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโรฯ

    Tapanto yasasā loke, uppajji vadataṃ varo.

    ‘‘ตทาปิ ปพฺพชิตฺวาน, พุทฺธสาสนโกวิทา;

    ‘‘Tadāpi pabbajitvāna, buddhasāsanakovidā;

    โชเตตฺวา ชินวากฺยานิ, ตโตปิ ติทิวํ คตาฯ

    Jotetvā jinavākyāni, tatopi tidivaṃ gatā.

    ‘‘เอกตฺติํเสว กปฺปมฺหิ, เวสฺสภู นาม นายโก;

    ‘‘Ekattiṃseva kappamhi, vessabhū nāma nāyako;

    อุปฺปชฺชิตฺถ มหาญาณี, ตทาปิ จ ตเถวหํฯ

    Uppajjittha mahāñāṇī, tadāpi ca tathevahaṃ.

    ‘‘ปพฺพชิตฺวา ธมฺมธรา, โชตยิํ ชินสาสนํ;

    ‘‘Pabbajitvā dhammadharā, jotayiṃ jinasāsanaṃ;

    คนฺตฺวา มรุปุรํ รมฺมํ, อนุโภสิํ มหาสุขํฯ

    Gantvā marupuraṃ rammaṃ, anubhosiṃ mahāsukhaṃ.

    ‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กเปฺป, กกุสโนฺธ ชินุตฺตโม;

    ‘‘Imamhi bhaddake kappe, kakusandho jinuttamo;

    อุปฺปชฺชิ นรสรโณ, ตทาปิ จ ตเถวหํฯ

    Uppajji narasaraṇo, tadāpi ca tathevahaṃ.

    ‘‘ปพฺพชิตฺวา มุนิมตํ, โชตยิตฺวา ยถายุกํ;

    ‘‘Pabbajitvā munimataṃ, jotayitvā yathāyukaṃ;

    ตโต จุตาหํ ติทิวํ, อคํ สภวนํ ยถาฯ

    Tato cutāhaṃ tidivaṃ, agaṃ sabhavanaṃ yathā.

    ‘‘อิมสฺมิํเยว กปฺปมฺหิ, โกณาคมนนายโก;

    ‘‘Imasmiṃyeva kappamhi, koṇāgamananāyako;

    อุปฺปชฺชิ โลกสรโณ, อรโณ อมตงฺคโตฯ

    Uppajji lokasaraṇo, araṇo amataṅgato.

    ‘‘ตทาปิ ปพฺพชิตฺวาน, สาสเน ตสฺส ตาทิโน;

    ‘‘Tadāpi pabbajitvāna, sāsane tassa tādino;

    พหุสฺสุตา ธมฺมธรา, โชตยิํ ชินสาสนํฯ

    Bahussutā dhammadharā, jotayiṃ jinasāsanaṃ.

    ‘‘อิมสฺมิํเยว กปฺปมฺหิ, กสฺสโป มุนิมุตฺตโม;

    ‘‘Imasmiṃyeva kappamhi, kassapo munimuttamo;

    อุปฺปชฺชิ โลกสรโณ, อรโณ มรณนฺตคูฯ

    Uppajji lokasaraṇo, araṇo maraṇantagū.

    ‘‘ตสฺสาปิ นรวีรสฺส, ปพฺพชิตฺวาน สาสเน;

    ‘‘Tassāpi naravīrassa, pabbajitvāna sāsane;

    ปริยาปุฎสทฺธมฺมา, ปริปุจฺฉา วิสารทาฯ

    Pariyāpuṭasaddhammā, paripucchā visāradā.

    ‘‘สุสีลา ลชฺชินี เจว, ตีสุ สิกฺขาสุ โกวิทา;

    ‘‘Susīlā lajjinī ceva, tīsu sikkhāsu kovidā;

    พหุํ ธมฺมกถํ กตฺวา, ยาวชีวํ มหามุเนฯ

    Bahuṃ dhammakathaṃ katvā, yāvajīvaṃ mahāmune.

    ‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tena kammavipākena, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.

    ‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, คิริพฺพชปุรุตฺตเม;

    ‘‘Pacchime ca bhave dāni, giribbajapuruttame;

    ชาตา เสฎฺฐิกุเล ผีเต, มหารตนสญฺจเยฯ

    Jātā seṭṭhikule phīte, mahāratanasañcaye.

    ‘‘ยทา ภิกฺขุสหเสฺสน, ปริวุโต โลกนายโก;

    ‘‘Yadā bhikkhusahassena, parivuto lokanāyako;

    อุปาคมิ ราชคหํ, สหสฺสเกฺขน วณฺณิโตฯ

    Upāgami rājagahaṃ, sahassakkhena vaṇṇito.

    ‘‘ทโนฺต ทเนฺตหิ สห ปุราณชฎิเลหิ, วิปฺปมุโตฺต วิปฺปมุเตฺตหิ;

    ‘‘Danto dantehi saha purāṇajaṭilehi, vippamutto vippamuttehi;

    สิงฺคีนิกฺขสวโณฺณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควาฯ

    Siṅgīnikkhasavaṇṇo, rājagahaṃ pāvisi bhagavā.

    ‘‘ทิสฺวา พุทฺธานุภาวํ ตํ, สุตฺวาว คุณสญฺจยํ;

    ‘‘Disvā buddhānubhāvaṃ taṃ, sutvāva guṇasañcayaṃ;

    พุเทฺธ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ปูชยิํ ตํ ยถาพลํฯ

    Buddhe cittaṃ pasādetvā, pūjayiṃ taṃ yathābalaṃ.

    ‘‘อปเรน จ กาเลน, ธมฺมทินฺนาย สนฺติเก;

    ‘‘Aparena ca kālena, dhammadinnāya santike;

    อคารา นิกฺขมิตฺวาน, ปพฺพชิํ อนคาริยํฯ

    Agārā nikkhamitvāna, pabbajiṃ anagāriyaṃ.

    ‘‘เกเสสุ ฉิชฺชมาเนสุ, กิเลเส ฌาปยิํ อหํ;

    ‘‘Kesesu chijjamānesu, kilese jhāpayiṃ ahaṃ;

    อุคฺคหิํ สาสนํ สพฺพํ, ปพฺพชิตฺวา จิเรนหํฯ

    Uggahiṃ sāsanaṃ sabbaṃ, pabbajitvā cirenahaṃ.

    ‘‘ตโต ธมฺมมเทเสสิํ, มหาชนสมาคเม;

    ‘‘Tato dhammamadesesiṃ, mahājanasamāgame;

    ธเมฺม เทสิยมานมฺหิ, ธมฺมาภิสมโย อหุฯ

    Dhamme desiyamānamhi, dhammābhisamayo ahu.

    ‘‘เนกปาณสหสฺสานํ, ตํ วิทิตฺวาติวิมฺหิโต;

    ‘‘Nekapāṇasahassānaṃ, taṃ viditvātivimhito;

    อภิปฺปสโนฺน เม ยโกฺข, ภมิตฺวาน คิริพฺพชํฯ

    Abhippasanno me yakkho, bhamitvāna giribbajaṃ.

    ‘‘กิํเม กตา ราชคเห มนุสฺสา, มธุํ ปีตาว อจฺฉเร;

    ‘‘Kiṃme katā rājagahe manussā, madhuṃ pītāva acchare;

    เย สุกฺกํ น อุปาสนฺติ, เทเสนฺติํ อมตํ ปทํฯ

    Ye sukkaṃ na upāsanti, desentiṃ amataṃ padaṃ.

    ‘‘ตญฺจ อปฺปฎิวานียํ, อเสจนกโมชวํ;

    ‘‘Tañca appaṭivānīyaṃ, asecanakamojavaṃ;

    ปิวนฺติ มเญฺญ สปฺปญฺญา, วลาหกมิวทฺธคูฯ

    Pivanti maññe sappaññā, valāhakamivaddhagū.

    ‘‘อิทฺธีสุ จ วสี โหมิ, ทิพฺพาย โสตธาตุยา;

    ‘‘Iddhīsu ca vasī homi, dibbāya sotadhātuyā;

    เจโตปริยญาณสฺส, วสี โหมิ มหามุเนฯ

    Cetopariyañāṇassa, vasī homi mahāmune.

    ‘‘ปุเพฺพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;

    ‘‘Pubbenivāsaṃ jānāmi, dibbacakkhu visodhitaṃ;

    สพฺพาสวปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวฯ

    Sabbāsavaparikkhīṇā, natthi dāni punabbhavo.

    ‘‘อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ, ปฎิภาเน ตเถว จ;

    ‘‘Atthadhammaniruttīsu, paṭibhāne tatheva ca;

    ญาณํ มม มหาวีร, อุปฺปนฺนํ ตว สนฺติเกฯ

    Ñāṇaṃ mama mahāvīra, uppannaṃ tava santike.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ปญฺจสตภิกฺขุนิปริวารา มหาธมฺมกถิกา อโหสิฯ สา เอกทิวสํ ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺจา ภิกฺขุนุปสฺสยํ ปวิสิตฺวา สนฺนิสินฺนาย มหติยา ปริสาย มธุภณฺฑํ ปีเฬตฺวา สุมธุรํ ปาเยนฺตี วิย อมเตน อภิสิญฺจนฺตี วิย ธมฺมํ เทเสติฯ ปริสา จสฺสา ธมฺมกถํ โอหิตโสตา อวิกฺขิตฺตจิตฺตา สกฺกจฺจํ สุณาติฯ ตสฺมิํ ขเณ เถริยา จงฺกมนโกฎิยํ รุเกฺข อธิวตฺถา เทวตา ธมฺมเทสนาย ปสนฺนา ราชคหํ ปวิสิตฺวา รถิยาย รถิยํ สิงฺฆาฎเกน สิงฺฆาฎกํ วิจริตฺวา ตสฺสา คุณํ วิภาเวนฺตี –

    Arahattaṃ pana patvā pañcasatabhikkhuniparivārā mahādhammakathikā ahosi. Sā ekadivasaṃ rājagahe piṇḍāya caritvā katabhattakiccā bhikkhunupassayaṃ pavisitvā sannisinnāya mahatiyā parisāya madhubhaṇḍaṃ pīḷetvā sumadhuraṃ pāyentī viya amatena abhisiñcantī viya dhammaṃ deseti. Parisā cassā dhammakathaṃ ohitasotā avikkhittacittā sakkaccaṃ suṇāti. Tasmiṃ khaṇe theriyā caṅkamanakoṭiyaṃ rukkhe adhivatthā devatā dhammadesanāya pasannā rājagahaṃ pavisitvā rathiyāya rathiyaṃ siṅghāṭakena siṅghāṭakaṃ vicaritvā tassā guṇaṃ vibhāventī –

    ๕๔.

    54.

    ‘‘กิํเม กตา ราชคเห มนุสฺสา, มธุํ ปีตาว อจฺฉเร;

    ‘‘Kiṃme katā rājagahe manussā, madhuṃ pītāva acchare;

    เย สุกฺกํ น อุปาสนฺติ, เทเสนฺติํ พุทฺธสาสนํฯ

    Ye sukkaṃ na upāsanti, desentiṃ buddhasāsanaṃ.

    ๕๕.

    55.

    ‘‘ตญฺจ อปฺปฎิวานียํ, อเสจนกโมชวํ;

    ‘‘Tañca appaṭivānīyaṃ, asecanakamojavaṃ;

    ปิวนฺติ มเญฺญ สปฺปญฺญา, วลาหกมิวทฺธคู’’ติฯ –

    Pivanti maññe sappaññā, valāhakamivaddhagū’’ti. –

    อิมา เทฺว คาถา อภาสิฯ

    Imā dve gāthā abhāsi.

    ตตฺถ กิํเม กตา ราชคเห มนุสฺสาติ อิเม ราชคเห มนุสฺสา กิํ กตา, กิสฺมิํ นาม กิเจฺจ พฺยาวฎาฯ มธุํ ปีตาว อจฺฉเรติ ยถา ภณฺฑมธุํ คเหตฺวา มธุํ ปีตวโนฺต วิสญฺญิโน หุตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สโกฺกนฺติ , เอวํ อิเมปิ ธมฺมสญฺญาย วิสญฺญิโน หุตฺวา มเญฺญ สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สโกฺกนฺติ, เกวลํ อจฺฉนฺติเยวาติ อโตฺถฯ เย สุกฺกํ น อุปาสนฺติ, เทเสนฺติํ พุทฺธสาสนนฺติ พุทฺธสฺส ภควโต สาสนํ ยาถาวโต เทเสนฺติํ ปกาเสนฺติํ สุกฺกํ เถริํ เย น อุปาสนฺติ น ปยิรุปาสนฺติฯ เต อิเม ราชคเห มนุสฺสา กิํ กตาติ โยชนาฯ

    Tattha kiṃme katā rājagahe manussāti ime rājagahe manussā kiṃ katā, kismiṃ nāma kicce byāvaṭā. Madhuṃ pītāva acchareti yathā bhaṇḍamadhuṃ gahetvā madhuṃ pītavanto visaññino hutvā sīsaṃ ukkhipituṃ na sakkonti , evaṃ imepi dhammasaññāya visaññino hutvā maññe sīsaṃ ukkhipituṃ na sakkonti, kevalaṃ acchantiyevāti attho. Ye sukkaṃ naupāsanti, desentiṃ buddhasāsananti buddhassa bhagavato sāsanaṃ yāthāvato desentiṃ pakāsentiṃ sukkaṃ theriṃ ye na upāsanti na payirupāsanti. Te ime rājagahe manussā kiṃ katāti yojanā.

    ตญฺจ อปฺปฎิวานียนฺติ ตญฺจ ปน ธมฺมํ อนิวตฺติตภาวาวหํ นิยฺยานิกํ, อภิกฺกนฺตตาย วา ยถา โสตุชนสวนมโนหรภาเวน อนปนียํ, อเสจนกํ อนาสิตฺตกํ ปกติยาว มหารสํ ตโต เอว โอชวนฺตํฯ ‘‘โอสธ’’นฺติปิ ปาฬิฯ วฎฺฎทุกฺขพฺยาธิติกิจฺฉาย โอสธภูตํฯ ปิวนฺติ มเญฺญ สปฺปญฺญา, วลาหกมิวทฺธคูติ วลาหกนฺตรโต นิกฺขนฺตํ อุทกํ นิรุทกกนฺตาเร ปถคา วิย ตํ ธมฺมํ สปฺปญฺญา ปณฺฑิตปุริสา ปิวนฺติ มเญฺญ ปิวนฺตา วิย สุณนฺติฯ

    Tañcaappaṭivānīyanti tañca pana dhammaṃ anivattitabhāvāvahaṃ niyyānikaṃ, abhikkantatāya vā yathā sotujanasavanamanoharabhāvena anapanīyaṃ, asecanakaṃ anāsittakaṃ pakatiyāva mahārasaṃ tato eva ojavantaṃ. ‘‘Osadha’’ntipi pāḷi. Vaṭṭadukkhabyādhitikicchāya osadhabhūtaṃ. Pivanti maññe sappaññā, valāhakamivaddhagūti valāhakantarato nikkhantaṃ udakaṃ nirudakakantāre pathagā viya taṃ dhammaṃ sappaññā paṇḍitapurisā pivanti maññe pivantā viya suṇanti.

    มนุสฺสา ตํ สุตฺวา ปสนฺนมานสา เถริยา สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา สกฺกจฺจํ ธมฺมํ สุณิํสุฯ อปรภาเค เถริยา อายุปริโยสาเน ปรินิพฺพานกาเล สาสนสฺส นิยฺยานิกภาววิภาวนตฺถํ อญฺญํ พฺยากโรนฺตี –

    Manussā taṃ sutvā pasannamānasā theriyā santikaṃ upasaṅkamitvā sakkaccaṃ dhammaṃ suṇiṃsu. Aparabhāge theriyā āyupariyosāne parinibbānakāle sāsanassa niyyānikabhāvavibhāvanatthaṃ aññaṃ byākarontī –

    ๕๖.

    56.

    ‘‘สุกฺกา สุเกฺกหิ ธเมฺมหิ, วีตราคา สมาหิตา;

    ‘‘Sukkā sukkehi dhammehi, vītarāgā samāhitā;

    ธาเรติ อนฺติมํ เทหํ, เชตฺวา มารํ สวาหน’’นฺติฯ – อิมํ คาถํ อภาสิ;

    Dhāreti antimaṃ dehaṃ, jetvā māraṃ savāhana’’nti. – imaṃ gāthaṃ abhāsi;

    ตตฺถ สุกฺกาติ สุกฺกาเถรี อตฺตานเมว ปรํ วิย ทเสฺสติฯ สุเกฺกหิ ธเมฺมหีติ สุปริสุเทฺธหิ โลกุตฺตรธเมฺมหิฯ วีตราคา สมาหิตาติ อคฺคมเคฺคน สพฺพโส วีตราคา อรหตฺตผลสมาธินา สมาหิตาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Tattha sukkāti sukkātherī attānameva paraṃ viya dasseti. Sukkehi dhammehīti suparisuddhehi lokuttaradhammehi. Vītarāgā samāhitāti aggamaggena sabbaso vītarāgā arahattaphalasamādhinā samāhitā. Sesaṃ vuttanayameva.

    สุกฺกาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sukkātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๖. สุกฺกาเถรีคาถา • 6. Sukkātherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact