Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๒. สงฺฆาทิเสสกณฺฑํ
2. Saṅghādisesakaṇḍaṃ
๑. สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Sukkavissaṭṭhisikkhāpadavaṇṇanā
ยํ ปาราชิกกณฺฑสฺส, สงฺคีตํ สมนนฺตรํ;
Yaṃ pārājikakaṇḍassa, saṅgītaṃ samanantaraṃ;
ตสฺส เตรสกสฺสายมปุพฺพปทวณฺณนาฯ
Tassa terasakassāyamapubbapadavaṇṇanā.
๒๓๔. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา เสยฺยสโก อนภิรโต พฺรหฺมจริยํ จรตีติ เอตฺถ อายสฺมาติ ปิยวจนํฯ เสยฺยสโกติ ตสฺส ภิกฺขุโน นามํฯ อนภิรโตติ วิกฺขิตฺตจิโตฺต กามราคปริฬาเหน ปริฑยฺหมาโน น ปน คิหิภาวํ ปตฺถยมาโนฯ โส เตน กิโส โหตีติ โส เสยฺยสโก เตน อนภิรตภาเวน กิโส โหติฯ
234. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena āyasmā seyyasako anabhirato brahmacariyaṃ caratīti ettha āyasmāti piyavacanaṃ. Seyyasakoti tassa bhikkhuno nāmaṃ. Anabhiratoti vikkhittacitto kāmarāgapariḷāhena pariḍayhamāno na pana gihibhāvaṃ patthayamāno. So tena kiso hotīti so seyyasako tena anabhiratabhāvena kiso hoti.
อทฺทสา โข อายสฺมา อุทายีติ เอตฺถ อุทายีติ ตสฺส เถรสฺส นามํ, อยญฺหิ เสยฺยสกสฺส อุปชฺฌาโย ลาฬุทายี นาม ภนฺตมิคสปฺปฎิภาโค นิทฺทารามตาทิมนุยุตฺตานํ อญฺญตโร โลลภิกฺขุฯ กจฺจิ โน ตฺวนฺติ กจฺจิ นุ ตฺวํฯ ยาวทตฺถํ ภุญฺชาติอาทีสุ ยาวตา อโตฺถติ ยาวทตฺถํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยาวตา เต โภชเนน อโตฺถ ยตฺตกํ ตฺวํ อิจฺฉสิ ตตฺตกํ ภุญฺช, ยตฺตกํ กาลํ รตฺติํ วา ทิวา วา สุปิตุํ อิจฺฉสิ ตตฺตกํ สุป, มตฺติกาทีหิ กายํ อุพฺพเฎฺฎตฺวา จุณฺณาทีหิ ฆํสิตฺวา ยตฺตกํ นฺหานํ อิจฺฉสิ ตตฺตกํ นฺหาย, อุเทฺทเสน วา ปริปุจฺฉาย วา วตฺตปฎิปตฺติยา วา กมฺมฎฺฐาเนน วา อโตฺถ นตฺถีติฯ ยทา เต อนภิรติ อุปฺปชฺชตีติ ยสฺมิํ กาเล ตว กามราควเสน อุกฺกณฺฐิตตา วิกฺขิตฺตจิตฺตตา อุปฺปชฺชติฯ ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสตีติ กามราโค จิตฺตํ ธํเสติ ปธํเสติ วิกฺขิปติ เจว มิลาเปติ จฯ ตทา หเตฺถน อุปกฺกมิตฺวา อสุจิํ โมเจหีติ ตสฺมิํ กาเล หเตฺถน วายมิตฺวา อสุจิโมจนํ กโรหิ, เอวญฺหิ เต จิเตฺตกคฺคตา ภวิสฺสติฯ อิติ ตํ อุปชฺฌาโย อนุสาสิ ยถา ตํ พาโล พาลํ มโค มคํฯ
Addasā kho āyasmā udāyīti ettha udāyīti tassa therassa nāmaṃ, ayañhi seyyasakassa upajjhāyo lāḷudāyī nāma bhantamigasappaṭibhāgo niddārāmatādimanuyuttānaṃ aññataro lolabhikkhu. Kacci no tvanti kacci nu tvaṃ. Yāvadatthaṃ bhuñjātiādīsu yāvatā atthoti yāvadatthaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – yāvatā te bhojanena attho yattakaṃ tvaṃ icchasi tattakaṃ bhuñja, yattakaṃ kālaṃ rattiṃ vā divā vā supituṃ icchasi tattakaṃ supa, mattikādīhi kāyaṃ ubbaṭṭetvā cuṇṇādīhi ghaṃsitvā yattakaṃ nhānaṃ icchasi tattakaṃ nhāya, uddesena vā paripucchāya vā vattapaṭipattiyā vā kammaṭṭhānena vā attho natthīti. Yadā te anabhirati uppajjatīti yasmiṃ kāle tava kāmarāgavasena ukkaṇṭhitatā vikkhittacittatā uppajjati. Rāgo cittaṃ anuddhaṃsetīti kāmarāgo cittaṃ dhaṃseti padhaṃseti vikkhipati ceva milāpeti ca. Tadā hatthena upakkamitvā asuciṃ mocehīti tasmiṃ kāle hatthena vāyamitvā asucimocanaṃ karohi, evañhi te cittekaggatā bhavissati. Iti taṃ upajjhāyo anusāsi yathā taṃ bālo bālaṃ mago magaṃ.
๒๓๕. เตสํ มุฎฺฐสฺสตีนํ อสมฺปชานานํ นิทฺทํ โอกฺกมนฺตานนฺติ สติสมฺปชญฺญํ ปหาย นิทฺทํ โอตรนฺตานํฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ นิทฺทํ โอกฺกมนฺตานํ อพฺยากโต ภวงฺควาโร ปวตฺตติ, สติสมฺปชญฺญวาโร คฬติ, ตถาปิ สยนกาเล มนสิกาโร กาตโพฺพฯ ทิวา สุปเนฺตน ยาว นฺหาตสฺส ภิกฺขุโน เกสา น สุกฺขนฺติ ตาว สุปิตฺวา วุฎฺฐหิสฺสามีติ สอุสฺสาเหน สุปิตพฺพํฯ รตฺติํ สุปเนฺตน เอตฺตกํ นาม รตฺติภาคํ สุปิตฺวา จเนฺทน วา ตารกาย วา อิทํ นาม ฐานํ ปตฺตกาเล วุฎฺฐหิสฺสามีติ สอุสฺสาเหน สุปิตพฺพํฯ พุทฺธานุสฺสติอาทีสุ จ ทสสุ กมฺมฎฺฐาเนสุ เอกํ อญฺญํ วา จิตฺตรุจิยํ กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวาว นิทฺทา โอกฺกมิตพฺพาฯ เอวํ กโรโนฺต หิ สโต สมฺปชาโน สติญฺจ สมฺปชญฺญญฺจ อวิชหิตฺวาว นิทฺทํ โอกฺกมตีติ วุจฺจติฯ เต ปน ภิกฺขู พาลา โลลา ภนฺตมิคสปฺปฎิภาคา น เอวมกํสุฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เตสํ มุฎฺฐสฺสตีนํ อสมฺปชานานํ นิทฺทํ โอกฺกมนฺตาน’’นฺติฯ
235.Tesaṃ muṭṭhassatīnaṃ asampajānānaṃ niddaṃ okkamantānanti satisampajaññaṃ pahāya niddaṃ otarantānaṃ. Tattha kiñcāpi niddaṃ okkamantānaṃ abyākato bhavaṅgavāro pavattati, satisampajaññavāro gaḷati, tathāpi sayanakāle manasikāro kātabbo. Divā supantena yāva nhātassa bhikkhuno kesā na sukkhanti tāva supitvā vuṭṭhahissāmīti saussāhena supitabbaṃ. Rattiṃ supantena ettakaṃ nāma rattibhāgaṃ supitvā candena vā tārakāya vā idaṃ nāma ṭhānaṃ pattakāle vuṭṭhahissāmīti saussāhena supitabbaṃ. Buddhānussatiādīsu ca dasasu kammaṭṭhānesu ekaṃ aññaṃ vā cittaruciyaṃ kammaṭṭhānaṃ gahetvāva niddā okkamitabbā. Evaṃ karonto hi sato sampajāno satiñca sampajaññañca avijahitvāva niddaṃ okkamatīti vuccati. Te pana bhikkhū bālā lolā bhantamigasappaṭibhāgā na evamakaṃsu. Tena vuttaṃ – ‘‘tesaṃ muṭṭhassatīnaṃ asampajānānaṃ niddaṃ okkamantāna’’nti.
อตฺถิ เจตฺถ เจตนา ลพฺภตีติ เอตฺถ จ สุปินเนฺต อสฺสาทเจตนา อตฺถิ อุปลพฺภติฯ อเตฺถสา, ภิกฺขเว, เจตนา; สา จ โข อโพฺพหาริกาติ ภิกฺขเว เอสา อสฺสาทเจตนา อตฺถิ, สา จ โข อวิสเย อุปฺปนฺนตฺตา อโพฺพหาริกา, อาปตฺติยา องฺคํ น โหติฯ อิติ ภควา สุปินเนฺต เจตนาย อโพฺพหาริกภาวํ ทเสฺสตฺวา ‘‘เอวญฺจ ปน ภิกฺขเว อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ, สเญฺจตนิกา สุกฺกวิสฺสฎฺฐิ อญฺญตฺร สุปินนฺตา สงฺฆาทิเสโส’’ติ สานุปญฺญตฺติกํ สิกฺขาปทํ ปญฺญาเปสิฯ
Atthi cettha cetanā labbhatīti ettha ca supinante assādacetanā atthi upalabbhati. Atthesā, bhikkhave, cetanā; sā ca kho abbohārikāti bhikkhave esā assādacetanā atthi, sā ca kho avisaye uppannattā abbohārikā, āpattiyā aṅgaṃ na hoti. Iti bhagavā supinante cetanāya abbohārikabhāvaṃ dassetvā ‘‘evañca pana bhikkhave imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha, sañcetanikā sukkavissaṭṭhi aññatra supinantā saṅghādiseso’’ti sānupaññattikaṃ sikkhāpadaṃ paññāpesi.
๒๓๖-๒๓๗. ตตฺถ สํวิชฺชติ เจตนา อสฺสาติ สเญฺจตนา, สเญฺจตนาว สเญฺจตนิกา, สเญฺจตนา วา อสฺสา อตฺถีติ สเญฺจตนิกาฯ ยสฺมา ปน ยสฺส สเญฺจตนิกา สุกฺกวิสฺสฎฺฐิ โหติ โส ชานโนฺต สญฺชานโนฺต โหติ, สา จสฺส สุกฺกวิสฺสฎฺฐิ เจจฺจ อภิวิตริตฺวา วีติกฺกโม โหติ, ตสฺมา พฺยญฺชเน อาทรํ อกตฺวา อตฺถเมว ทเสฺสตุํ ‘‘ชานโนฺต สญฺชานโนฺต เจจฺจ อภิวิตริตฺวา วีติกฺกโม’’ติ เอวมสฺส ปทภาชนํ วุตฺตํฯ ตตฺถ ชานโนฺตติ อุปกฺกมามีติ ชานโนฺตฯ สญฺชานโนฺตติ สุกฺกํ โมเจมีติ สญฺชานโนฺต, เตเนว อุปกฺกมชานนากาเรน สทฺธิํ ชานโนฺตติ อโตฺถฯ เจจฺจาติ โมจนสฺสาทเจตนาวเสน เจเตตฺวา ปกเปฺปตฺวาฯ อภิวิตริตฺวาติ อุปกฺกมวเสน มทฺทโนฺต นิราสงฺกจิตฺตํ เปเสตฺวาฯ วีติกฺกโมติ เอวํ ปวตฺตสฺส โย วีติกฺกโม อยํ สเญฺจตนิกาสทฺทสฺส สิขาปฺปโตฺต อโตฺถติ วุตฺตํ โหติฯ
236-237. Tattha saṃvijjati cetanā assāti sañcetanā, sañcetanāva sañcetanikā, sañcetanā vā assā atthīti sañcetanikā. Yasmā pana yassa sañcetanikā sukkavissaṭṭhi hoti so jānanto sañjānanto hoti, sā cassa sukkavissaṭṭhi cecca abhivitaritvā vītikkamo hoti, tasmā byañjane ādaraṃ akatvā atthameva dassetuṃ ‘‘jānanto sañjānanto cecca abhivitaritvā vītikkamo’’ti evamassa padabhājanaṃ vuttaṃ. Tattha jānantoti upakkamāmīti jānanto. Sañjānantoti sukkaṃ mocemīti sañjānanto, teneva upakkamajānanākārena saddhiṃ jānantoti attho. Ceccāti mocanassādacetanāvasena cetetvā pakappetvā. Abhivitaritvāti upakkamavasena maddanto nirāsaṅkacittaṃ pesetvā. Vītikkamoti evaṃ pavattassa yo vītikkamo ayaṃ sañcetanikāsaddassa sikhāppatto atthoti vuttaṃ hoti.
อิทานิ สุกฺกวิสฺสฎฺฐีติ เอตฺถ ยสฺส สุกฺกสฺส วิสฺสฎฺฐิ ตํ ตาว สงฺขฺยาโต วณฺณเภทโต จ ทเสฺสตุํ ‘‘สุกฺกนฺติ ทส สุกฺกานี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สุกฺกานํ อาสยเภทโต ธาตุนานตฺตโต จ นีลาทิวณฺณเภโท เวทิตโพฺพฯ
Idāni sukkavissaṭṭhīti ettha yassa sukkassa vissaṭṭhi taṃ tāva saṅkhyāto vaṇṇabhedato ca dassetuṃ ‘‘sukkanti dasa sukkānī’’tiādimāha. Tattha sukkānaṃ āsayabhedato dhātunānattato ca nīlādivaṇṇabhedo veditabbo.
วิสฺสฎฺฐีติ วิสฺสโคฺค, อตฺถโต ปเนตํ ฐานาจาวนํ โหติ, เตนาห – ‘‘วิสฺสฎฺฐีติ ฐานโตจาวนา วุจฺจตี’’ติฯ ตตฺถ วตฺถิสีสํ กฎิ กาโยติ ติธา สุกฺกสฺส ฐานํ ปกเปฺปนฺติ, เอโก กิราจริโย ‘‘วตฺถิสีสํ สุกฺกสฺส ฐาน’’นฺติ อาหฯ เอโก ‘‘กฎี’’ติ, เอโก ‘‘สกโล กาโย’’ติ, เตสุ ตติยสฺส ภาสิตํ สุภาสิตํฯ เกสโลมนขทนฺตานญฺหิ มํสวินิมุตฺตฎฺฐานํ อุจฺจารปสฺสาวเขฬสิงฺฆาณิกาถทฺธสุกฺขจมฺมานิ จ วเชฺชตฺวา อวเสโส ฉวิมํสโลหิตานุคโต สโพฺพปิ กาโย กายปฺปสาทภาวชีวิตินฺทฺริยาพทฺธปิตฺตานํ สมฺภวสฺส จ ฐานเมวฯ ตถา หิ ราคปริยุฎฺฐาเนนาภิภูตานํ หตฺถีนํ อุโภหิ กณฺณจูฬิกาหิ สมฺภโว นิกฺขมติ, มหาเสนราชา จ ราคปริยุฎฺฐิโต สมฺภวเวคํ อธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺต สเตฺถน พาหุสีสํ ผาเลตฺวา วณมุเขน นิกฺขนฺตํ สมฺภวํ ทเสฺสสีติฯ
Vissaṭṭhīti vissaggo, atthato panetaṃ ṭhānācāvanaṃ hoti, tenāha – ‘‘vissaṭṭhīti ṭhānatocāvanā vuccatī’’ti. Tattha vatthisīsaṃ kaṭi kāyoti tidhā sukkassa ṭhānaṃ pakappenti, eko kirācariyo ‘‘vatthisīsaṃ sukkassa ṭhāna’’nti āha. Eko ‘‘kaṭī’’ti, eko ‘‘sakalo kāyo’’ti, tesu tatiyassa bhāsitaṃ subhāsitaṃ. Kesalomanakhadantānañhi maṃsavinimuttaṭṭhānaṃ uccārapassāvakheḷasiṅghāṇikāthaddhasukkhacammāni ca vajjetvā avaseso chavimaṃsalohitānugato sabbopi kāyo kāyappasādabhāvajīvitindriyābaddhapittānaṃ sambhavassa ca ṭhānameva. Tathā hi rāgapariyuṭṭhānenābhibhūtānaṃ hatthīnaṃ ubhohi kaṇṇacūḷikāhi sambhavo nikkhamati, mahāsenarājā ca rāgapariyuṭṭhito sambhavavegaṃ adhivāsetuṃ asakkonto satthena bāhusīsaṃ phāletvā vaṇamukhena nikkhantaṃ sambhavaṃ dassesīti.
เอตฺถ ปน ปฐมสฺส อาจริยสฺส วาเท โมจนสฺสาเทน นิมิเตฺต อุปกฺกมโต ยตฺตกํ เอกา ขุทฺทกมกฺขิกา ปิเวยฺย ตตฺตเก อสุจิมฺหิ วตฺถิสีสโต มุญฺจิตฺวา ทกโสตํ โอติณฺณมเตฺต พหิ นิกฺขเนฺต วา อนิกฺขเนฺต วา สงฺฆาทิเสโสฯ ทุติยสฺส วาเท ตเถว กฎิโต มุจฺจิตฺวา ทกโสตํ โอติณฺณมเตฺต, ตติยสฺส วาเท ตเถว สกลกายํ สโงฺขเภตฺวา ตโต มุจฺจิตฺวา ทกโสตํ โอติณฺณมเตฺต พหิ นิกฺขเนฺต วา อนิกฺขเนฺต วา สงฺฆาทิเสโสฯ ทกโสโตโรหณเญฺจตฺถ อธิวาเสตฺวา อนฺตรา นิวาเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย วุตฺตํ, ฐานา จุตญฺหิ อวสฺสํ ทกโสตํ โอตรติฯ ตสฺมา ฐานา จาวนมเตฺตเนเวตฺถ อาปตฺติ เวทิตพฺพา, สา จ โข นิมิเตฺต อุปกฺกมนฺตเสฺสว หตฺถปริกมฺมปาทปริกมฺมคตฺตปริกมฺมกรเณน สเจปิ อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ อยํ สพฺพาจริยสาธารณวินิจฺฉโยฯ
Ettha pana paṭhamassa ācariyassa vāde mocanassādena nimitte upakkamato yattakaṃ ekā khuddakamakkhikā piveyya tattake asucimhi vatthisīsato muñcitvā dakasotaṃ otiṇṇamatte bahi nikkhante vā anikkhante vā saṅghādiseso. Dutiyassa vāde tatheva kaṭito muccitvā dakasotaṃ otiṇṇamatte, tatiyassa vāde tatheva sakalakāyaṃ saṅkhobhetvā tato muccitvā dakasotaṃ otiṇṇamatte bahi nikkhante vā anikkhante vā saṅghādiseso. Dakasotorohaṇañcettha adhivāsetvā antarā nivāretuṃ asakkuṇeyyatāya vuttaṃ, ṭhānā cutañhi avassaṃ dakasotaṃ otarati. Tasmā ṭhānā cāvanamattenevettha āpatti veditabbā, sā ca kho nimitte upakkamantasseva hatthaparikammapādaparikammagattaparikammakaraṇena sacepi asuci muccati, anāpatti. Ayaṃ sabbācariyasādhāraṇavinicchayo.
อญฺญตฺร สุปินนฺตาติ เอตฺถ สุปิโน เอว สุปินโนฺต, ตํ ฐเปตฺวา อปเนตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ ตญฺจ ปน สุปินํ ปสฺสโนฺต จตูหิ การเณหิ ปสฺสติ ธาตุโกฺขภโต วา อนุภูตปุพฺพโต วา เทวโตปสํหารโต วา ปุพฺพนิมิตฺตโต วาติฯ
Aññatra supinantāti ettha supino eva supinanto, taṃ ṭhapetvā apanetvāti vuttaṃ hoti. Tañca pana supinaṃ passanto catūhi kāraṇehi passati dhātukkhobhato vā anubhūtapubbato vā devatopasaṃhārato vā pubbanimittato vāti.
ตตฺถ ปิตฺตาทีนํ โขภกรณปจฺจยโยเคน ขุภิตธาตุโก ธาตุโกฺขภโต สุปินํ ปสฺสติ, ปสฺสโนฺต จ นานาวิธํ สุปินํ ปสฺสติ – ปพฺพตา ปตโนฺต วิย, อากาเสน คจฺฉโนฺต วิย, วาฬมิคหตฺถีโจราทีหิ อนุพโทฺธ วิย โหติฯ อนุภูตปุพฺพโต ปสฺสโนฺต ปุเพฺพ อนุภูตปุพฺพํ อารมฺมณํ ปสฺสติฯ เทวโตปสํหารโต ปสฺสนฺตสฺส เทวตา อตฺถกามตาย วา อนตฺถกามตาย วา อตฺถาย วา อนตฺถาย วา นานาวิธานิ อารมฺมณานิ อุปสํหรนฺติ, โส ตาสํ เทวตานํ อานุภาเวน ตานิ อารมฺมณานิ ปสฺสติฯ ปุพฺพนิมิตฺตโต ปสฺสโนฺต ปุญฺญาปุญฺญวเสน อุปฺปชฺชิตุกามสฺส อตฺถสฺส วา อนตฺถสฺส วา ปุพฺพนิมิตฺตภูตํ สุปินํ ปสฺสติ, โพธิสตฺตสฺสมาตา วิย ปุตฺตปฎิลาภนิมิตฺตํ, โพธิสโตฺต วิย ปญฺจ มหาสุปิเน (อ. นิ. ๕.๑๙๖), โกสลราชา วิย โสฬส สุปิเนติฯ
Tattha pittādīnaṃ khobhakaraṇapaccayayogena khubhitadhātuko dhātukkhobhato supinaṃ passati, passanto ca nānāvidhaṃ supinaṃ passati – pabbatā patanto viya, ākāsena gacchanto viya, vāḷamigahatthīcorādīhi anubaddho viya hoti. Anubhūtapubbato passanto pubbe anubhūtapubbaṃ ārammaṇaṃ passati. Devatopasaṃhārato passantassa devatā atthakāmatāya vā anatthakāmatāya vā atthāya vā anatthāya vā nānāvidhāni ārammaṇāni upasaṃharanti, so tāsaṃ devatānaṃ ānubhāvena tāni ārammaṇāni passati. Pubbanimittato passanto puññāpuññavasena uppajjitukāmassa atthassa vā anatthassa vā pubbanimittabhūtaṃ supinaṃ passati, bodhisattassamātā viya puttapaṭilābhanimittaṃ, bodhisatto viya pañca mahāsupine (a. ni. 5.196), kosalarājā viya soḷasa supineti.
ตตฺถ ยํ ธาตุโกฺขภโต อนุภูตปุพฺพโต จ สุปินํ ปสฺสติ น ตํ สจฺจํ โหติฯ ยํ เทวโตปสํหารโต ปสฺสติ ตํ สจฺจํ วา โหติ อลีกํ วา, กุทฺธา หิ เทวตา อุปาเยน วินาเสตุกามา วิปรีตมฺปิ กตฺวา ทเสฺสนฺติฯ ยํ ปน ปุพฺพนิมิตฺตโต ปสฺสติ ตํ เอกนฺตสจฺจเมว โหติฯ เอเตสญฺจ จตุนฺนํ มูลการณานํ สํสคฺคเภทโตปิ สุปินเภโท โหติเยวฯ
Tattha yaṃ dhātukkhobhato anubhūtapubbato ca supinaṃ passati na taṃ saccaṃ hoti. Yaṃ devatopasaṃhārato passati taṃ saccaṃ vā hoti alīkaṃ vā, kuddhā hi devatā upāyena vināsetukāmā viparītampi katvā dassenti. Yaṃ pana pubbanimittato passati taṃ ekantasaccameva hoti. Etesañca catunnaṃ mūlakāraṇānaṃ saṃsaggabhedatopi supinabhedo hotiyeva.
ตญฺจ ปเนตํ จตุพฺพิธมฺปิ สุปินํ เสกฺขปุถุชฺชนาว ปสฺสนฺติ อปฺปหีนวิปลฺลาสตฺตา, อเสกฺขา ปน น ปสฺสนฺติ ปหีนวิปลฺลาสตฺตาฯ กิํ ปเนตํ ปสฺสโนฺต สุโตฺต ปสฺสติ ปฎิพุโทฺธ, อุทาหุ เนว สุโตฺต น ปฎิพุโทฺธติ? กิเญฺจตฺถ ยทิ ตาว สุโตฺต ปสฺสติ อภิธมฺมวิโรโธ อาปชฺชติ, ภวงฺคจิเตฺตน หิ สุปติ ตํ รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณํ ราคาทิสมฺปยุตฺตํ วา น โหติ, สุปินํ ปสฺสนฺตสฺส จ อีทิสานิ จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ อถ ปฎิพุโทฺธ ปสฺสติ วินยวิโรโธ อาปชฺชติ, ยญฺหิ ปฎิพุโทฺธ ปสฺสติ ตํ สโพฺพหาริกจิเตฺตน ปสฺสติ, สโพฺพหาริกจิเตฺตน จ กเต วีติกฺกเม อนาปตฺติ นาม นตฺถิฯ สุปินํ ปสฺสเนฺตน ปน กเตปิ วีติกฺกเม เอกนฺตํ อนาปตฺติ เอวฯ อถ เนว สุโตฺต น ปฎิพุโทฺธ ปสฺสติ, โก นาม ปสฺสติ; เอวญฺจ สติ สุปินสฺส อภาโวว อาปชฺชตีติ, น อภาโวฯ กสฺมา ? ยสฺมา กปิมิทฺธปเรโต ปสฺสติฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘กปิมิทฺธปเรโต โข, มหาราช, สุปินํ ปสฺสตี’’ติฯ กปิมิทฺธปเรโตติ มกฺกฎนิทฺทาย ยุโตฺตฯ ยถา หิ มกฺกฎสฺส นิทฺทา ลหุปริวตฺตา โหติ; เอวํ ยา นิทฺทา ปุนปฺปุนํ กุสลาทิจิตฺตโวกิณฺณตฺตา ลหุปริวตฺตา, ยสฺสา ปวตฺติยํ ปุนปฺปุนํ ภวงฺคโต อุตฺตรณํ โหติ ตาย ยุโตฺต สุปินํ ปสฺสติ, เตนายํ สุปิโน กุสโลปิ โหติ อกุสโลปิ อพฺยากโตปิฯ ตตฺถ สุปินเนฺต เจติยวนฺทนธมฺมสฺสวนธมฺมเทสนาทีนิ กโรนฺตสฺส กุสโล, ปาณาติปาตาทีนิ กโรนฺตสฺส อกุสโล, ทฺวีหิ อเนฺตหิ มุโตฺต อาวชฺชนตทารมฺมณกฺขเณ อพฺยากโตติ เวทิตโพฺพฯ สฺวายํ ทุพฺพลวตฺถุกตฺตา เจตนาย ปฎิสนฺธิํ อากฑฺฒิตุํ อสมโตฺถ, ปวเตฺต ปน อเญฺญหิ กุสลากุสเลหิ อุปตฺถมฺภิโต วิปากํ เทติฯ กิญฺจาปิ วิปากํ เทติ? อถ โข อวิสเย อุปฺปนฺนตฺตา อโพฺพหาริกาว สุปินนฺตเจตนาฯ เตนาห – ‘‘ฐเปตฺวา สุปินนฺต’’นฺติฯ
Tañca panetaṃ catubbidhampi supinaṃ sekkhaputhujjanāva passanti appahīnavipallāsattā, asekkhā pana na passanti pahīnavipallāsattā. Kiṃ panetaṃ passanto sutto passati paṭibuddho, udāhu neva sutto na paṭibuddhoti? Kiñcettha yadi tāva sutto passati abhidhammavirodho āpajjati, bhavaṅgacittena hi supati taṃ rūpanimittādiārammaṇaṃ rāgādisampayuttaṃ vā na hoti, supinaṃ passantassa ca īdisāni cittāni uppajjanti. Atha paṭibuddho passati vinayavirodho āpajjati, yañhi paṭibuddho passati taṃ sabbohārikacittena passati, sabbohārikacittena ca kate vītikkame anāpatti nāma natthi. Supinaṃ passantena pana katepi vītikkame ekantaṃ anāpatti eva. Atha neva sutto na paṭibuddho passati, ko nāma passati; evañca sati supinassa abhāvova āpajjatīti, na abhāvo. Kasmā ? Yasmā kapimiddhapareto passati. Vuttañhetaṃ – ‘‘kapimiddhapareto kho, mahārāja, supinaṃ passatī’’ti. Kapimiddhaparetoti makkaṭaniddāya yutto. Yathā hi makkaṭassa niddā lahuparivattā hoti; evaṃ yā niddā punappunaṃ kusalādicittavokiṇṇattā lahuparivattā, yassā pavattiyaṃ punappunaṃ bhavaṅgato uttaraṇaṃ hoti tāya yutto supinaṃ passati, tenāyaṃ supino kusalopi hoti akusalopi abyākatopi. Tattha supinante cetiyavandanadhammassavanadhammadesanādīni karontassa kusalo, pāṇātipātādīni karontassa akusalo, dvīhi antehi mutto āvajjanatadārammaṇakkhaṇe abyākatoti veditabbo. Svāyaṃ dubbalavatthukattā cetanāya paṭisandhiṃ ākaḍḍhituṃ asamattho, pavatte pana aññehi kusalākusalehi upatthambhito vipākaṃ deti. Kiñcāpi vipākaṃ deti? Atha kho avisaye uppannattā abbohārikāva supinantacetanā. Tenāha – ‘‘ṭhapetvā supinanta’’nti.
สงฺฆาทิเสโสติ อิมสฺส อาปตฺตินิกายสฺส นามํฯ ตสฺมา ยา อญฺญตฺร สุปินนฺตา สเญฺจตนิกา สุกฺกวิสฺสฎฺฐิ , อยํ สงฺฆาทิเสโส นาม อาปตฺตินิกาโยติ เอวเมตฺถ สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพ ฯ วจนโตฺถ ปเนตฺถ สโงฺฆ อาทิมฺหิ เจว เสเส จ อิจฺฉิตโพฺพ อสฺสาติ สงฺฆาทิเสโสฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? อิมํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาตุกามสฺส ยํ ตํ อาปตฺติวุฎฺฐานํ, ตสฺส อาทิมฺหิ เจว ปริวาสทานตฺถาย อาทิโต เสเส จ มเชฺฌ มานตฺตทานตฺถาย มูลาย ปฎิกสฺสเนน วา สห มานตฺตทานตฺถาย อวสาเน อพฺภานตฺถาย สโงฺฆ อิจฺฉิตโพฺพฯ น เหตฺถ เอกมฺปิ กมฺมํ วินา สเงฺฆน สกฺกา กาตุนฺติ สโงฺฆ อาทิมฺหิ เจว เสเส จ อิจฺฉิตโพฺพ อสฺสาติ สงฺฆาทิเสโสติฯ พฺยญฺชนํ ปน อนาทิยิตฺวา อตฺถเมว ทเสฺสตุํ ‘‘สโงฺฆว ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสํ เทติ, มูลาย ปฎิกสฺสติ, มานตฺตํ เทติ, อเพฺภติ น สมฺพหุลา น เอกปุคฺคโล, เตน วุจฺจติ สงฺฆาทิเสโส’’ติ อิทมสฺส ปทภาชนํ –
Saṅghādisesoti imassa āpattinikāyassa nāmaṃ. Tasmā yā aññatra supinantā sañcetanikā sukkavissaṭṭhi , ayaṃ saṅghādiseso nāma āpattinikāyoti evamettha sambandho veditabbo . Vacanattho panettha saṅgho ādimhi ceva sese ca icchitabbo assāti saṅghādiseso. Kiṃ vuttaṃ hoti? Imaṃ āpattiṃ āpajjitvā vuṭṭhātukāmassa yaṃ taṃ āpattivuṭṭhānaṃ, tassa ādimhi ceva parivāsadānatthāya ādito sese ca majjhe mānattadānatthāya mūlāya paṭikassanena vā saha mānattadānatthāya avasāne abbhānatthāya saṅgho icchitabbo. Na hettha ekampi kammaṃ vinā saṅghena sakkā kātunti saṅgho ādimhi ceva sese ca icchitabbo assāti saṅghādisesoti. Byañjanaṃ pana anādiyitvā atthameva dassetuṃ ‘‘saṅghova tassā āpattiyā parivāsaṃ deti, mūlāya paṭikassati, mānattaṃ deti, abbheti na sambahulā na ekapuggalo, tena vuccati saṅghādiseso’’ti idamassa padabhājanaṃ –
‘‘สงฺฆาทิเสโสติ ยํ วุตฺตํ, ตํ สุโณหิ ยถาตถํ;
‘‘Saṅghādisesoti yaṃ vuttaṃ, taṃ suṇohi yathātathaṃ;
สโงฺฆว เทติ ปริวาสํ, มูลาย ปฎิกสฺสติ;
Saṅghova deti parivāsaṃ, mūlāya paṭikassati;
มานตฺตํ เทติ อเพฺภติ, เตเนตํ อิติ วุจฺจตี’’ติฯ (ปริ. ๓๓๙) –
Mānattaṃ deti abbheti, tenetaṃ iti vuccatī’’ti. (pari. 339) –
ปริวาเร วจนการณญฺจ วุตฺตํ, ตตฺถ ปริวาสทานาทีนิ สมุจฺจยกฺขนฺธเก วิตฺถารโต อาคตานิ, ตเตฺถว เนสํ สํวณฺณนํ กริสฺสามฯ
Parivāre vacanakāraṇañca vuttaṃ, tattha parivāsadānādīni samuccayakkhandhake vitthārato āgatāni, tattheva nesaṃ saṃvaṇṇanaṃ karissāma.
ตเสฺสว อาปตฺตินิกายสฺสาติ ตสฺส เอว อาปตฺติสมูหสฺสฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ อยํ เอกาว อาปตฺติ, รูฬฺหิสเทฺทน ปน อวยเว สมูหโวหาเรน วา ‘‘นิกาโย’’ติ วุโตฺต – ‘‘เอโก เวทนากฺขโนฺธ, เอโก วิญฺญาณกฺขโนฺธ’’ติอาทีสุ วิยฯ
Tasseva āpattinikāyassāti tassa eva āpattisamūhassa. Tattha kiñcāpi ayaṃ ekāva āpatti, rūḷhisaddena pana avayave samūhavohārena vā ‘‘nikāyo’’ti vutto – ‘‘eko vedanākkhandho, eko viññāṇakkhandho’’tiādīsu viya.
เอวํ อุทฺทิฎฺฐสิกฺขาปทํ ปทานุกฺกเมน วิภชิตฺวา อิทานิ อิมํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ อาปชฺชนฺตสฺส อุปายญฺจ กาลญฺจ อธิปฺปายญฺจ อธิปฺปายวตฺถุญฺจ ทเสฺสตุํ ‘‘อชฺฌตฺตรูเป โมเจตี’’ติอาทิมาหฯ เอตฺถ หิ อชฺฌตฺตรูปาทีหิ จตูหิ ปเทหิ อุปาโย ทสฺสิโต, อชฺฌตฺตรูเป วา โมเจยฺย พหิทฺธารูเป วา อุภยตฺถ วา อากาเส วา กฎิํ กเมฺปโนฺต, อิโต ปรํ อโญฺญ อุปาโย นตฺถิฯ ตตฺถ รูเป ฆเฎฺฎตฺวา โมเจโนฺตปิ รูเปน ฆเฎฺฎตฺวา โมเจโนฺตปิ รูเป โมเจติเจฺจว เวทิตโพฺพฯ รูเป หิ สติ โส โมเจติ น รูปํ อลภิตฺวาฯ ราคูปตฺถมฺภาทีหิ ปน ปญฺจหิ กาโล ทสฺสิโตฯ ราคูปตฺถมฺภาทิกาเลสุ หิ องฺคชาตํ กมฺมนิยํ โหติ, ยสฺส กมฺมนิยเตฺต สติ โมเจติฯ อิโต ปรํ อโญฺญ กาโล นตฺถิ, น หิ วินา ราคูปตฺถมฺภาทีหิ ปุพฺพณฺหาทโย กาลเภทา โมจเน นิมิตฺตํ โหนฺติฯ
Evaṃ uddiṭṭhasikkhāpadaṃ padānukkamena vibhajitvā idāni imaṃ sukkavissaṭṭhiṃ āpajjantassa upāyañca kālañca adhippāyañca adhippāyavatthuñca dassetuṃ ‘‘ajjhattarūpe mocetī’’tiādimāha. Ettha hi ajjhattarūpādīhi catūhi padehi upāyo dassito, ajjhattarūpe vā moceyya bahiddhārūpe vā ubhayattha vā ākāse vā kaṭiṃ kampento, ito paraṃ añño upāyo natthi. Tattha rūpe ghaṭṭetvā mocentopi rūpena ghaṭṭetvā mocentopi rūpe moceticceva veditabbo. Rūpe hi sati so moceti na rūpaṃ alabhitvā. Rāgūpatthambhādīhi pana pañcahi kālo dassito. Rāgūpatthambhādikālesu hi aṅgajātaṃ kammaniyaṃ hoti, yassa kammaniyatte sati moceti. Ito paraṃ añño kālo natthi, na hi vinā rāgūpatthambhādīhi pubbaṇhādayo kālabhedā mocane nimittaṃ honti.
อาโรคฺยตฺถายาติอาทีหิ ทสหิ อธิปฺปาโย ทสฺสิโต, เอวรูเปน หิ อธิปฺปายเภเทน โมเจติ น อญฺญถาฯ นีลาทีหิ ปน ทสหิ นวมสฺส อธิปฺปายสฺส วตฺถุ ทสฺสิตํ, วีมํสโนฺต หิ นีลาทีสุ อญฺญตรสฺส วเสน วีมํสติ น เตหิ วินิมุตฺตนฺติฯ
Ārogyatthāyātiādīhi dasahi adhippāyo dassito, evarūpena hi adhippāyabhedena moceti na aññathā. Nīlādīhi pana dasahi navamassa adhippāyassa vatthu dassitaṃ, vīmaṃsanto hi nīlādīsu aññatarassa vasena vīmaṃsati na tehi vinimuttanti.
๒๓๘. อิโต ปรํ ปน อิเมสํเยว อชฺฌตฺตรูปาทีนํ ปทานํ ปกาสนตฺถํ ‘‘อชฺฌตฺตรูเปติ อชฺฌตฺตํ อุปาทิเนฺน รูเป’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตตฺถ อชฺฌตฺตํ อุปาทิเนฺน รูเปติ อตฺตโน หตฺถาทิเภเท รูเปฯ พหิทฺธา อุปาทิเนฺนติ ปรสฺส ตาทิเสเยวฯ อนุปาทิเนฺนติ ตาฬจฺฉิทฺทาทิเภเทฯ ตทุภเยติ อตฺตโน จ ปรสฺส จ รูเป, อุภยฆฎฺฎนวเสเนตํ วุตฺตํฯ อตฺตโน รูเปน จ อนุปาทินฺนรูเปน จ เอกโต ฆฎฺฎเนปิ ลพฺภติฯ อากาเส วายมนฺตสฺสาติ เกนจิ รูเปน อฆเฎฺฎตฺวา อากาเสเยว กฎิกมฺปนปยโอเคน องฺคชาตํ จาเลนฺตสฺสฯ
238. Ito paraṃ pana imesaṃyeva ajjhattarūpādīnaṃ padānaṃ pakāsanatthaṃ ‘‘ajjhattarūpeti ajjhattaṃ upādinne rūpe’’tiādi vuttaṃ, tattha ajjhattaṃ upādinne rūpeti attano hatthādibhede rūpe. Bahiddhā upādinneti parassa tādiseyeva. Anupādinneti tāḷacchiddādibhede. Tadubhayeti attano ca parassa ca rūpe, ubhayaghaṭṭanavasenetaṃ vuttaṃ. Attano rūpena ca anupādinnarūpena ca ekato ghaṭṭanepi labbhati. Ākāse vāyamantassāti kenaci rūpena aghaṭṭetvā ākāseyeva kaṭikampanapayaogena aṅgajātaṃ cālentassa.
ราคูปตฺถเมฺภติ ราคสฺส พลวภาเว, ราเคน วา องฺคชาตสฺส อุปตฺถเมฺภ, ถทฺธภาเว สญฺชาเตติ วุตฺตํ โหติฯ กมฺมนิยํ โหตีติ โมจนกมฺมกฺขมํ อชฺฌตฺตรูปาทีสุ อุปกฺกมารหํ โหติฯ
Rāgūpatthambheti rāgassa balavabhāve, rāgena vā aṅgajātassa upatthambhe, thaddhabhāve sañjāteti vuttaṃ hoti. Kammaniyaṃ hotīti mocanakammakkhamaṃ ajjhattarūpādīsu upakkamārahaṃ hoti.
อุจฺจาลิงฺคปาณกทฎฺฐูปตฺถเมฺภติ อุจฺจาลิงฺคปาณกทเฎฺฐน องฺคชาเต อุปตฺถเมฺภฯ อุจฺจาลิงฺคปาณกา นาม โลมสปาณกา โหนฺติ, เตสํ โลเมหิ ผุฎฺฐํ องฺคชาตํ กณฺฑุํ คเหตฺวา ถทฺธํ โหติ, ตตฺถ ยสฺมา ตานิ โลมานิ องฺคชาตํ ฑํสนฺตานิ วิย วิชฺฌนฺติ, ตสฺมา ‘‘อุจฺจาลิงฺคปาณกทเฎฺฐนา’’ติ วุตฺตํ, อตฺถโต ปน อุจฺจาลิงฺคปาณกโลมเวธเนนาติ วุตฺตํ โหติฯ
Uccāliṅgapāṇakadaṭṭhūpatthambheti uccāliṅgapāṇakadaṭṭhena aṅgajāte upatthambhe. Uccāliṅgapāṇakā nāma lomasapāṇakā honti, tesaṃ lomehi phuṭṭhaṃ aṅgajātaṃ kaṇḍuṃ gahetvā thaddhaṃ hoti, tattha yasmā tāni lomāni aṅgajātaṃ ḍaṃsantāni viya vijjhanti, tasmā ‘‘uccāliṅgapāṇakadaṭṭhenā’’ti vuttaṃ, atthato pana uccāliṅgapāṇakalomavedhanenāti vuttaṃ hoti.
๒๓๙. อโรโค ภวิสฺสามีติ โมเจตฺวา อโรโค ภวิสฺสามิฯ สุขํ เวทนํ อุปฺปาเทสฺสามีติ โมจเนน จ มุจฺจนุปฺปตฺติยา มุตฺตปจฺจยา จ ยา สุขา เวทนา โหติ, ตํ อุปฺปาเทสฺสามีติ อโตฺถฯ เภสชฺชํ ภวิสฺสตีติ อิทํ เม โมจิตํ กิญฺจิเทว เภสชฺชํ ภวิสฺสติฯ ทานํ ทสฺสามีติ โมเจตฺวา กีฎกิปิลฺลิกาทีนํ ทานํ ทสฺสามิฯ ปุญฺญํ ภวิสฺสตีติ โมเจตฺวา กีฎาทีนํ เทนฺตสฺส ปุญฺญํ ภวิสฺสติฯ ยญฺญํ ยชิสฺสามีติ โมเจตฺวา กีฎาทีนํ ยญฺญํ ยชิสฺสามิฯ กิญฺจิ กิญฺจิ มนฺตปทํ วตฺวา ทสฺสามีติ วุตฺตํ โหติฯ สคฺคํ คมิสฺสามีติ โมเจตฺวา กีฎาทีนํ ทินฺนทาเนน วา ปุเญฺญน วา ยเญฺญน วา สคฺคํ คมิสฺสามิฯ พีชํ ภวิสฺสตีติ กุลวํสงฺกุรสฺส ทารกสฺส พีชํ ภวิสฺสติ, ‘‘อิมินา พีเชน ปุโตฺต นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน โมเจตีติ อโตฺถฯ วีมํสตฺถายาติ ชานนตฺถายฯ นีลํ ภวิสฺสตีติอาทีสุ ชานิสฺสามิ ตาว กิํ เม โมจิตํ นีลํ ภวิสฺสติ ปีตกาทีสุ อญฺญตรวณฺณนฺติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ขิฑฺฑาธิปฺปาโยติ ขิฑฺฑาปสุโต, เตน เตน อธิปฺปาเยน กีฬโนฺต โมเจตีติ วุตฺตํ โหติฯ
239.Arogo bhavissāmīti mocetvā arogo bhavissāmi. Sukhaṃ vedanaṃ uppādessāmīti mocanena ca muccanuppattiyā muttapaccayā ca yā sukhā vedanā hoti, taṃ uppādessāmīti attho. Bhesajjaṃ bhavissatīti idaṃ me mocitaṃ kiñcideva bhesajjaṃ bhavissati. Dānaṃ dassāmīti mocetvā kīṭakipillikādīnaṃ dānaṃ dassāmi. Puññaṃ bhavissatīti mocetvā kīṭādīnaṃ dentassa puññaṃ bhavissati. Yaññaṃ yajissāmīti mocetvā kīṭādīnaṃ yaññaṃ yajissāmi. Kiñci kiñci mantapadaṃ vatvā dassāmīti vuttaṃ hoti. Saggaṃ gamissāmīti mocetvā kīṭādīnaṃ dinnadānena vā puññena vā yaññena vā saggaṃ gamissāmi. Bījaṃ bhavissatīti kulavaṃsaṅkurassa dārakassa bījaṃ bhavissati, ‘‘iminā bījena putto nibbattissatī’’ti iminā adhippāyena mocetīti attho. Vīmaṃsatthāyāti jānanatthāya. Nīlaṃ bhavissatītiādīsu jānissāmi tāva kiṃ me mocitaṃ nīlaṃ bhavissati pītakādīsu aññataravaṇṇanti evamattho daṭṭhabbo. Khiḍḍādhippāyoti khiḍḍāpasuto, tena tena adhippāyena kīḷanto mocetīti vuttaṃ hoti.
๒๔๐. อิทานิ ยทิทํ ‘‘อชฺฌตฺตรูเป โมเจตี’’ติอาทิ วุตฺตํ ตตฺถ ยถา โมเจโนฺต อาปตฺติํ อาปชฺชติ, เตสญฺจ ปทานํ วเสน ยตฺตโก อาปตฺติเภโท โหติ, ตํ สพฺพํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อชฺฌตฺตรูเป เจเตติ อุปกฺกมติ มุจฺจติ อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติอาทิมาหฯ
240. Idāni yadidaṃ ‘‘ajjhattarūpe mocetī’’tiādi vuttaṃ tattha yathā mocento āpattiṃ āpajjati, tesañca padānaṃ vasena yattako āpattibhedo hoti, taṃ sabbaṃ dassento ‘‘ajjhattarūpe ceteti upakkamati muccati āpatti saṅghādisesassā’’tiādimāha.
ตตฺถ เจเตตีติ โมจนสฺสาทสมฺปยุตฺตาย เจตนาย มุจฺจตูติ เจเตติฯ อุปกฺกมตีติ ตทนุรูปํ วายามํ กโรติฯ มุจฺจตีติ เอวํ เจเตนฺตสฺส ตทนุรูเปน วายาเมน วายมโต สุกฺกํ ฐานา จวติฯ อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสาติ อิเมหิ ตีหิ อเงฺคหิ อสฺส ปุคฺคลสฺส สงฺฆาทิเสโส นาม อาปตฺตินิกาโย โหตีติ อโตฺถฯ เอส นโย พหิทฺธารูเปติอาทีสุปิ อวเสเสสุ อฎฺฐวีสติยา ปเทสุฯ
Tattha cetetīti mocanassādasampayuttāya cetanāya muccatūti ceteti. Upakkamatīti tadanurūpaṃ vāyāmaṃ karoti. Muccatīti evaṃ cetentassa tadanurūpena vāyāmena vāyamato sukkaṃ ṭhānā cavati. Āpatti saṅghādisesassāti imehi tīhi aṅgehi assa puggalassa saṅghādiseso nāma āpattinikāyo hotīti attho. Esa nayo bahiddhārūpetiādīsupi avasesesu aṭṭhavīsatiyā padesu.
เอตฺถ ปน เทฺว อาปตฺติสหสฺสานิ นีหริตฺวา ทเสฺสตพฺพานิฯ กถํ? อชฺฌตฺตรูเป ตาว ราคูปตฺถเมฺภ อาโรคฺยตฺถาย นีลํ โมเจนฺตสฺส เอกา อาปตฺติ, อชฺฌตฺตรูเปเยว ราคูปตฺถเมฺภ อาโรคฺยตฺถาย ปีตาทีนํ โมจนวเสน อปรา นวาติ ทสฯ ยถา จ อาโรคฺยตฺถาย ทส, เอวํ สุขาทีนํ นวนฺนํ ปทานํ อตฺถาย เอเกกปเท ทส ทส กตฺวา นวุติ, อิติ อิมา จ นวุติ ปุริมา จ ทสาติ ราคูปตฺถเมฺภ ตาว สตํฯ ยถา ปน ราคูปตฺถเมฺภ เอวํ วจฺจูปตฺถมฺภาทีสุปิ จตูสุ เอเกกสฺมิํ อุปตฺถเมฺภ สตํ สตํ กตฺวา จตฺตาริ สตานิ, อิติ อิมานิ จตฺตาริ ปุริมญฺจ เอกนฺติ อชฺฌตฺตรูเป ตาว ปญฺจนฺนํ อุปตฺถมฺภานํ วเสน ปญฺจ สตานิฯ ยถา จ อชฺฌตฺตรูเป ปญฺจ, เอวํ พหิทฺธารูเป ปญฺจ, อชฺฌตฺตพหิทฺธารูเป ปญฺจ, อากาเส กฎิํ กเมฺปนฺตสฺส ปญฺจาติ สพฺพานิปิ จตุนฺนํ ปญฺจกานํ วเสน เทฺว อาปตฺติสหสฺสานิ เวทิตพฺพานิฯ
Ettha pana dve āpattisahassāni nīharitvā dassetabbāni. Kathaṃ? Ajjhattarūpe tāva rāgūpatthambhe ārogyatthāya nīlaṃ mocentassa ekā āpatti, ajjhattarūpeyeva rāgūpatthambhe ārogyatthāya pītādīnaṃ mocanavasena aparā navāti dasa. Yathā ca ārogyatthāya dasa, evaṃ sukhādīnaṃ navannaṃ padānaṃ atthāya ekekapade dasa dasa katvā navuti, iti imā ca navuti purimā ca dasāti rāgūpatthambhe tāva sataṃ. Yathā pana rāgūpatthambhe evaṃ vaccūpatthambhādīsupi catūsu ekekasmiṃ upatthambhe sataṃ sataṃ katvā cattāri satāni, iti imāni cattāri purimañca ekanti ajjhattarūpe tāva pañcannaṃ upatthambhānaṃ vasena pañca satāni. Yathā ca ajjhattarūpe pañca, evaṃ bahiddhārūpe pañca, ajjhattabahiddhārūpe pañca, ākāse kaṭiṃ kampentassa pañcāti sabbānipi catunnaṃ pañcakānaṃ vasena dve āpattisahassāni veditabbāni.
อิทานิ อาโรคฺยตฺถายาติอาทีสุ ตาว ทสสุ ปเทสุ ปฎิปาฎิยา วา อุปฺปฎิปาฎิยา วา เหฎฺฐา วา คเหตฺวา อุปริ คณฺหนฺตสฺส, อุปริ วา คเหตฺวา เหฎฺฐา คณฺหนฺตสฺส, อุภโต วา คเหตฺวา มเชฺฌ ฐเปนฺตสฺส, มเชฺฌ วา คเหตฺวา อุภโต หรนฺตสฺส, สพฺพมูลํ วา กตฺวา คณฺหนฺตสฺส เจตนูปกฺกมโมจเน สติ วิสเงฺกโต นาม นตฺถีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อาโรคฺยตฺถญฺจ สุขตฺถญฺจา’’ติ ขณฺฑจกฺกพทฺธจกฺกาทิเภทวิจิตฺตํ ปาฬิมาหฯ
Idāni ārogyatthāyātiādīsu tāva dasasu padesu paṭipāṭiyā vā uppaṭipāṭiyā vā heṭṭhā vā gahetvā upari gaṇhantassa, upari vā gahetvā heṭṭhā gaṇhantassa, ubhato vā gahetvā majjhe ṭhapentassa, majjhe vā gahetvā ubhato harantassa, sabbamūlaṃ vā katvā gaṇhantassa cetanūpakkamamocane sati visaṅketo nāma natthīti dassetuṃ ‘‘ārogyatthañca sukhatthañcā’’ti khaṇḍacakkabaddhacakkādibhedavicittaṃ pāḷimāha.
ตตฺถ อาโรคฺยตฺถญฺจ สุขตฺถญฺจ อาโรคฺยตฺถญฺจ เภสชฺชตฺถญฺจา ติ เอวํ อาโรคฺยปทํ สพฺพปเทหิ โยเชตฺวา วุตฺตเมกํ ขณฺฑจกฺกํฯ สุขปทาทีนิ สพฺพปเทหิ โยเชตฺวา ยาว อตฺตโน อตฺตโน อตีตานนฺตรปทํ ตาว อาเนตฺวา วุตฺตานิ นว พทฺธจกฺกานีติ เอวํ เอเกกมูลกานิ ทส จกฺกานิ โหนฺติ, ตานิ ทุมูลกาทีหิ สทฺธิํ อสโมฺมหโต วิตฺถาเรตฺวา เวทิตพฺพานิฯ อโตฺถ ปเนตฺถ ปากโฎเยวฯ
Tattha ārogyatthañca sukhatthañca ārogyatthañca bhesajjatthañcā ti evaṃ ārogyapadaṃ sabbapadehi yojetvā vuttamekaṃ khaṇḍacakkaṃ. Sukhapadādīni sabbapadehi yojetvā yāva attano attano atītānantarapadaṃ tāva ānetvā vuttāni nava baddhacakkānīti evaṃ ekekamūlakāni dasa cakkāni honti, tāni dumūlakādīhi saddhiṃ asammohato vitthāretvā veditabbāni. Attho panettha pākaṭoyeva.
ยถา จ อาโรคฺยตฺถายาติอาทีสุ ทสสุ ปเทสุ, เอวํ นีลาทีสุปิ ‘‘นีลญฺจ ปีตกญฺจ เจเตติ อุปกฺกมตี’’ติอาทินา นเยน ทส จกฺกานิ วุตฺตานิ, ตานิปิ อสโมฺมหโต วิตฺถาเรตฺวา เวทิตพฺพานิฯ อโตฺถ ปเนตฺถ ปากโฎเยวฯ
Yathā ca ārogyatthāyātiādīsu dasasu padesu, evaṃ nīlādīsupi ‘‘nīlañca pītakañca ceteti upakkamatī’’tiādinā nayena dasa cakkāni vuttāni, tānipi asammohato vitthāretvā veditabbāni. Attho panettha pākaṭoyeva.
ปุน อาโรคฺยตฺถญฺจ นีลญฺจ อาโรคฺยตฺถญฺจ สุขตฺถญฺจ นีลญฺจ ปีตกญฺจาติ เอเกเนกํ ทฺวีหิ เทฺว…เป.… ทสหิ ทสาติ เอวํ ปุริมปเทหิ สทฺธิํ ปจฺฉิมปทานิ โยเชตฺวา เอกํ มิสฺสกจกฺกํ วุตฺตํฯ
Puna ārogyatthañca nīlañca ārogyatthañca sukhatthañca nīlañca pītakañcāti ekenekaṃ dvīhi dve…pe… dasahi dasāti evaṃ purimapadehi saddhiṃ pacchimapadāni yojetvā ekaṃ missakacakkaṃ vuttaṃ.
อิทานิ ยสฺมา ‘‘นีลํ โมเจสฺสามี’’ติ เจเตตฺวา อุปกฺกมนฺตสฺส ปีตกาทีสุ มุเตฺตสุปิ ปีตกาทิวเสน เจเตตฺวา อุปกฺกมนฺตสฺส อิตเรสุ มุเตฺตสุปิ เนวตฺถิ วิสเงฺกโต , ตสฺมา เอตมฺปิ นยํ ทเสฺสตุํ ‘‘นีลํ โมเจสฺสามีติ เจเตติ อุปกฺกมติ ปีตกํ มุจฺจตี’’ติอาทินา นเยน จกฺกานิ วุตฺตานิฯ ตโต ปรํ สพฺพปจฺฉิมปทํ นีลาทีหิ นวหิ ปเทหิ สทฺธิํ โยเชตฺวา กุจฺฉิจกฺกํ นาม วุตฺตํฯ ตโต ปีตกาทีนิ นว ปทานิ เอเกน นีลปเทเนว สทฺธิํ โยเชตฺวา ปิฎฺฐิจกฺกํ นาม วุตฺตํฯ ตโต โลหิตกาทีนิ นว ปทานิ เอเกน ปีตกปเทเนว สทฺธิํ โยเชตฺวา ทุติยํ ปิฎฺฐิจกฺกํ วุตฺตํฯ เอวํ โลหิตกปทาทีหิ สทฺธิํ อิตรานิ นว นว ปทานิ โยเชตฺวา อญฺญานิปิ อฎฺฐ จกฺกานิ วุตฺตานีติ เอวํ ทสคติกํ ปิฎฺฐิจกฺกํ เวทิตพฺพํฯ
Idāni yasmā ‘‘nīlaṃ mocessāmī’’ti cetetvā upakkamantassa pītakādīsu muttesupi pītakādivasena cetetvā upakkamantassa itaresu muttesupi nevatthi visaṅketo , tasmā etampi nayaṃ dassetuṃ ‘‘nīlaṃ mocessāmīti ceteti upakkamati pītakaṃ muccatī’’tiādinā nayena cakkāni vuttāni. Tato paraṃ sabbapacchimapadaṃ nīlādīhi navahi padehi saddhiṃ yojetvā kucchicakkaṃ nāma vuttaṃ. Tato pītakādīni nava padāni ekena nīlapadeneva saddhiṃ yojetvā piṭṭhicakkaṃ nāma vuttaṃ. Tato lohitakādīni nava padāni ekena pītakapadeneva saddhiṃ yojetvā dutiyaṃ piṭṭhicakkaṃ vuttaṃ. Evaṃ lohitakapadādīhi saddhiṃ itarāni nava nava padāni yojetvā aññānipi aṭṭha cakkāni vuttānīti evaṃ dasagatikaṃ piṭṭhicakkaṃ veditabbaṃ.
เอวํ ขณฺฑจกฺกาทีนํ อเนเกสํ จกฺกานํ วเสน วิตฺถารโต ครุกาปตฺติเมว ทเสฺสตฺวา อิทานิ องฺควเสเนว ครุกาปตฺติญฺจ ลหุกาปตฺติญฺจ อนาปตฺติญฺจ ทเสฺสตุํ ‘‘เจเตติ อุปกฺกมติ มุจฺจตี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปุริมนเยน อชฺฌตฺตรูปาทีสุ ราคาทิอุปตฺถเมฺภ สติ อาโรคฺยาทีนํ อตฺถาย เจเตนฺตสฺส อุปกฺกมิตฺวา อสุจิโมจเน ติวงฺคสมฺปนฺนา ครุกาปตฺติ วุตฺตาฯ ทุติเยน นเยน เจเตนฺตสฺส อุปกฺกมนฺตสฺส จ โมจเน อสติ ทุวงฺคสมฺปนฺนา ลหุกา ถุลฺลจฺจยาปตฺติฯ ‘‘เจเตติ น อุปกฺกมติ มุจฺจตี’’ติอาทีหิ ฉหิ นเยหิ อนาปตฺติฯ
Evaṃ khaṇḍacakkādīnaṃ anekesaṃ cakkānaṃ vasena vitthārato garukāpattimeva dassetvā idāni aṅgavaseneva garukāpattiñca lahukāpattiñca anāpattiñca dassetuṃ ‘‘ceteti upakkamati muccatī’’tiādimāha. Tattha purimanayena ajjhattarūpādīsu rāgādiupatthambhe sati ārogyādīnaṃ atthāya cetentassa upakkamitvā asucimocane tivaṅgasampannā garukāpatti vuttā. Dutiyena nayena cetentassa upakkamantassa ca mocane asati duvaṅgasampannā lahukā thullaccayāpatti. ‘‘Ceteti na upakkamati muccatī’’tiādīhi chahi nayehi anāpatti.
อยํ ปน อาปตฺตานาปตฺติเภโท สโณฺห สุขุโม, ตสฺมา สุฎฺฐุ สลฺลเกฺขตโพฺพ ฯ สุฎฺฐุ สลฺลเกฺขตฺวา กุกฺกุจฺจํ ปุจฺฉิเตน อาปตฺติ วา อนาปตฺติ วา อาจิกฺขิตพฺพา, วินยกมฺมํ วา กาตพฺพํฯ อสลฺลเกฺขตฺวา กโรโนฺต หิ โรคนิทานํ อชานิตฺวา เภสชฺชํ กโรโนฺต เวโชฺช วิย วิฆาตญฺจ อาปชฺชติ, น จ ตํ ปุคฺคลํ ติกิจฺฉิตุํ สมโตฺถ โหติฯ ตตฺรายํ สลฺลกฺขณวิธิ – กุกฺกุเจฺจน อาคโต ภิกฺขุ ยาวตติยํ ปุจฺฉิตโพฺพ – ‘‘กตเรน ปโยเคน กตเรน ราเคน อาปโนฺนสี’’ติฯ สเจ ปฐมํ อญฺญํ วตฺวา ปจฺฉา อญฺญํ วทติ น เอกมเคฺคน กเถติ, โส วตฺตโพฺพ – ‘‘ตฺวํ น เอกมเคฺคน กเถสิ ปริหรสิ, น สกฺกา ตว วินยกมฺมํ กาตุํ คจฺฉ โสตฺถิํ คเวสา’’ติฯ สเจ ปน ติกฺขตฺตุมฺปิ เอกมเคฺคเนว กเถติ, ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกโรติ, อถสฺส อาปตฺตานาปตฺติครุกลหุกาปตฺติวินิจฺฉยตฺถํ เอกาทสนฺนํ ราคานํ วเสน เอกาทส ปโยคา สมเวกฺขิตพฺพาฯ
Ayaṃ pana āpattānāpattibhedo saṇho sukhumo, tasmā suṭṭhu sallakkhetabbo . Suṭṭhu sallakkhetvā kukkuccaṃ pucchitena āpatti vā anāpatti vā ācikkhitabbā, vinayakammaṃ vā kātabbaṃ. Asallakkhetvā karonto hi roganidānaṃ ajānitvā bhesajjaṃ karonto vejjo viya vighātañca āpajjati, na ca taṃ puggalaṃ tikicchituṃ samattho hoti. Tatrāyaṃ sallakkhaṇavidhi – kukkuccena āgato bhikkhu yāvatatiyaṃ pucchitabbo – ‘‘katarena payogena katarena rāgena āpannosī’’ti. Sace paṭhamaṃ aññaṃ vatvā pacchā aññaṃ vadati na ekamaggena katheti, so vattabbo – ‘‘tvaṃ na ekamaggena kathesi pariharasi, na sakkā tava vinayakammaṃ kātuṃ gaccha sotthiṃ gavesā’’ti. Sace pana tikkhattumpi ekamaggeneva katheti, yathābhūtaṃ attānaṃ āvikaroti, athassa āpattānāpattigarukalahukāpattivinicchayatthaṃ ekādasannaṃ rāgānaṃ vasena ekādasa payogā samavekkhitabbā.
ตตฺริเม เอกาทส ราคา – โมจนสฺสาโท, มุจฺจนสฺสาโท, มุตฺตสฺสาโท, เมถุนสฺสาโท, ผสฺสสฺสาโท, กณฺฑุวนสฺสาโท, ทสฺสนสฺสาโท, นิสชฺชสฺสาโท, วาจสฺสาโท, เคหสฺสิตเปมํ, วนภงฺคิยนฺติฯ ตตฺถ โมเจตุํ อสฺสาโท โมจนสฺสาโท, มุจฺจเน อสฺสาโท มุจฺจนสฺสาโท, มุเตฺต อสฺสาโท มุตฺตสฺสาโท, เมถุเน อสฺสาโท เมถุนสฺสาโท, ผเสฺส อสฺสาโท ผสฺสสฺสาโท, กณฺฑุวเน อสฺสาโท กณฺฑุวนสฺสาโท, ทสฺสเน อสฺสาโท ทสฺสนสฺสาโท, นิสชฺชาย อสฺสาโท นิสชฺชสฺสาโท, วาจาย อสฺสาโท วาจสฺสาโท, เคหสฺสิตํ เปมํ เคหสฺสิตเปมํ, วนภงฺคิยนฺติ ยํกิญฺจิ ปุปฺผผลาทิ วนโต ภญฺชิตฺวา อาหฎํฯ เอตฺถ จ นวหิ ปเทหิ สมฺปยุตฺตอสฺสาทสีเสน ราโค วุโตฺตฯ เอเกน ปเทน สรูเปเนว, เอเกน ปเทน วตฺถุนา วุโตฺต, วนภโงฺค หิ ราคสฺส วตฺถุ น ราโคเยวฯ
Tatrime ekādasa rāgā – mocanassādo, muccanassādo, muttassādo, methunassādo, phassassādo, kaṇḍuvanassādo, dassanassādo, nisajjassādo, vācassādo, gehassitapemaṃ, vanabhaṅgiyanti. Tattha mocetuṃ assādo mocanassādo, muccane assādo muccanassādo, mutte assādo muttassādo, methune assādo methunassādo, phasse assādo phassassādo, kaṇḍuvane assādo kaṇḍuvanassādo, dassane assādo dassanassādo, nisajjāya assādo nisajjassādo, vācāya assādo vācassādo, gehassitaṃ pemaṃ gehassitapemaṃ, vanabhaṅgiyanti yaṃkiñci pupphaphalādi vanato bhañjitvā āhaṭaṃ. Ettha ca navahi padehi sampayuttaassādasīsena rāgo vutto. Ekena padena sarūpeneva, ekena padena vatthunā vutto, vanabhaṅgo hi rāgassa vatthu na rāgoyeva.
เอเตสํ ปน ราคานํ วเสน เอวํ ปโยคา สมเวกฺขิตพฺพา – โมจนสฺสาเท โมจนสฺสาทเจตนาย เจเตโนฺต เจว อสฺสาเทโนฺต จ อุปกฺกมติ มุจฺจติ สงฺฆาทิเสโสฯ ตเถว เจเตโนฺต จ อสฺสาเทโนฺต จ อุปกฺกมติ น มุจฺจติ ถุลฺลจฺจยํฯ สเจ ปน สยนกาเล ราคปริยุฎฺฐิโต หุตฺวา อูรุนา วา มุฎฺฐินา วา องฺคชาตํ คาฬฺหํ ปีเฬตฺวา โมจนตฺถาย สอุสฺสาโหว สุปติ, สุปนฺตสฺส จสฺส อสุจิ มุจฺจติ สงฺฆาทิเสโสฯ สเจ ราคปริยุฎฺฐานํ อสุภมนสิกาเรน วูปสเมตฺวา สุทฺธจิโตฺต สุปติ, สุปนฺตสฺส มุเตฺตปิ อนาปตฺติฯ
Etesaṃ pana rāgānaṃ vasena evaṃ payogā samavekkhitabbā – mocanassāde mocanassādacetanāya cetento ceva assādento ca upakkamati muccati saṅghādiseso. Tatheva cetento ca assādento ca upakkamati na muccati thullaccayaṃ. Sace pana sayanakāle rāgapariyuṭṭhito hutvā ūrunā vā muṭṭhinā vā aṅgajātaṃ gāḷhaṃ pīḷetvā mocanatthāya saussāhova supati, supantassa cassa asuci muccati saṅghādiseso. Sace rāgapariyuṭṭhānaṃ asubhamanasikārena vūpasametvā suddhacitto supati, supantassa muttepi anāpatti.
มุจฺจนสฺสาเท อตฺตโน ธมฺมตาย มุจฺจมานํ อสฺสาเทติ น อุปกฺกมติ อนาปตฺติฯ สเจ ปน มุจฺจมานํ อสฺสาเทโนฺต อุปกฺกมติ, เตน อุปกฺกเมน มุเตฺต สงฺฆาทิเสโสฯ อตฺตโน ธมฺมตาย มุจฺจมาเน ‘‘มา กาสาวํ วา เสนาสนํ วา ทุสฺสี’’ติ องฺคชาตํ คเหตฺวา ชคฺคนตฺถาย อุทกฎฺฐานํ คจฺฉติ วฎฺฎตีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ
Muccanassāde attano dhammatāya muccamānaṃ assādeti na upakkamati anāpatti. Sace pana muccamānaṃ assādento upakkamati, tena upakkamena mutte saṅghādiseso. Attano dhammatāya muccamāne ‘‘mā kāsāvaṃ vā senāsanaṃ vā dussī’’ti aṅgajātaṃ gahetvā jagganatthāya udakaṭṭhānaṃ gacchati vaṭṭatīti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ.
มุตฺตสฺสาเท อตฺตโน ธมฺมตาย มุเตฺต ฐานา จุเต อสุจิมฺหิ ปจฺฉา อสฺสาเทนฺตสฺส วินา อุปกฺกเมน มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ สเจ อสฺสาเทตฺวา ปุน โมจนตฺถาย นิมิเตฺต อุปกฺกมิตฺวา โมเจติ, สงฺฆาทิเสโสฯ
Muttassāde attano dhammatāya mutte ṭhānā cute asucimhi pacchā assādentassa vinā upakkamena muccati, anāpatti. Sace assādetvā puna mocanatthāya nimitte upakkamitvā moceti, saṅghādiseso.
เมถุนสฺสาเท เมถุนราเคน มาตุคามํ คณฺหาติ, เตน ปโยเคน อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ เมถุนธมฺมสฺส ปโยคตฺตา ปน ตาทิเส คหเณ ทุกฺกฎํ, สีสํ ปเตฺต ปาราชิกํฯ สเจ เมถุนราเคน รโตฺต ปุน อสฺสาเทตฺวา โมจนตฺถาย นิมิเตฺต อุปกฺกมิตฺวา โมเจติ, สงฺฆาทิเสโสฯ
Methunassāde methunarāgena mātugāmaṃ gaṇhāti, tena payogena asuci muccati, anāpatti. Methunadhammassa payogattā pana tādise gahaṇe dukkaṭaṃ, sīsaṃ patte pārājikaṃ. Sace methunarāgena ratto puna assādetvā mocanatthāya nimitte upakkamitvā moceti, saṅghādiseso.
ผสฺสสฺสาเท ทุวิโธ ผโสฺส – อชฺฌตฺติโก, พาหิโร จฯ อชฺฌตฺติเก ตาว อตฺตโน นิมิตฺตํ ถทฺธํ มุทุกนฺติ ชานิสฺสามีติ วา โลลภาเวน วา กีฬาปยโต อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ สเจ กีฬาเปโนฺต อสฺสาเทตฺวา โมจนตฺถาย นิมิเตฺต อุปกฺกมิตฺวา โมเจติ, สงฺฆาทิเสโสฯ พาหิรผเสฺส ปน กายสํสคฺคราเคน มาตุคามสฺส องฺคมงฺคานิ ปรามสโต เจว อาลิงฺคโต จ อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ กายสํสคฺคสงฺฆาทิเสสํ ปน อาปชฺชติฯ สเจ กายสํสคฺคราเคน รโตฺต ปุน อสฺสาเทตฺวา โมจนตฺถาย นิมิเตฺต อุปกฺกมิตฺวา โมเจติ วิสฎฺฐิปจฺจยาปิ สงฺฆาทิเสโสฯ
Phassassāde duvidho phasso – ajjhattiko, bāhiro ca. Ajjhattike tāva attano nimittaṃ thaddhaṃ mudukanti jānissāmīti vā lolabhāvena vā kīḷāpayato asuci muccati, anāpatti. Sace kīḷāpento assādetvā mocanatthāya nimitte upakkamitvā moceti, saṅghādiseso. Bāhiraphasse pana kāyasaṃsaggarāgena mātugāmassa aṅgamaṅgāni parāmasato ceva āliṅgato ca asuci muccati, anāpatti. Kāyasaṃsaggasaṅghādisesaṃ pana āpajjati. Sace kāyasaṃsaggarāgena ratto puna assādetvā mocanatthāya nimitte upakkamitvā moceti visaṭṭhipaccayāpi saṅghādiseso.
กณฺฑุวนสฺสาเท ททฺทุกจฺฉุปิฬกปาณกาทีนํ อญฺญตรวเสน กณฺฑุวมานํ นิมิตฺตํ กณฺฑุวนสฺสาเท เนว กณฺฑุวโต อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ กณฺฑุวนสฺสาเทน รโตฺต ปุน อสฺสาเทตฺวา โมจนตฺถาย นิมิเตฺต อุปกฺกมิตฺวา โมเจติ, สงฺฆาทิเสโสฯ
Kaṇḍuvanassāde daddukacchupiḷakapāṇakādīnaṃ aññataravasena kaṇḍuvamānaṃ nimittaṃ kaṇḍuvanassāde neva kaṇḍuvato asuci muccati, anāpatti. Kaṇḍuvanassādena ratto puna assādetvā mocanatthāya nimitte upakkamitvā moceti, saṅghādiseso.
ทสฺสนสฺสาเท ทสฺสนสฺสาเทน ปุนปฺปุนํ มาตุคามสฺส อโนกาสํ อุปนิชฺฌายโต อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ มาตุคามสฺส อโนกาสุปนิชฺฌาเน ปน ทุกฺกฎํฯ สเจ ทสฺสนสฺสาเทน รโตฺต ปุน อสฺสาเทตฺวา โมจนตฺถาย นิมิเตฺต อุปกฺกมิตฺวา โมเจติ, สงฺฆาทิเสโสฯ
Dassanassāde dassanassādena punappunaṃ mātugāmassa anokāsaṃ upanijjhāyato asuci muccati, anāpatti. Mātugāmassa anokāsupanijjhāne pana dukkaṭaṃ. Sace dassanassādena ratto puna assādetvā mocanatthāya nimitte upakkamitvā moceti, saṅghādiseso.
นิสชฺชสฺสาเท มาตุคาเมน สทฺธิํ รโห นิสชฺชสฺสาทราเคน นิสินฺนสฺส อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ รโห นิสชฺชปจฺจยา ปน อาปนฺนาย อาปตฺติยา กาเรตโพฺพฯ สเจ นิสชฺชสฺสาเทน รโตฺต ปุน อสฺสาเทตฺวา โมจนตฺถาย นิมิเตฺต อุปกฺกมิตฺวา โมเจติ, สงฺฆาทิเสโสฯ
Nisajjassāde mātugāmena saddhiṃ raho nisajjassādarāgena nisinnassa asuci muccati, anāpatti. Raho nisajjapaccayā pana āpannāya āpattiyā kāretabbo. Sace nisajjassādena ratto puna assādetvā mocanatthāya nimitte upakkamitvā moceti, saṅghādiseso.
วาจสฺสาเท วาจสฺสาทราเคน มาตุคามํ เมถุนสนฺนิสฺสิตาหิ วาจาหิ โอภาสนฺตสฺส อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ ทุฎฺฐุลฺลวาจาสงฺฆาทิเสสํ ปน อาปชฺชติฯ สเจ วาจสฺสาเทน รโตฺต ปุน อสฺสาเทตฺวา โมจนตฺถาย นิมิเตฺต อุปกฺกมิตฺวา โมเจติ, สงฺฆาทิเสโสฯ
Vācassāde vācassādarāgena mātugāmaṃ methunasannissitāhi vācāhi obhāsantassa asuci muccati, anāpatti. Duṭṭhullavācāsaṅghādisesaṃ pana āpajjati. Sace vācassādena ratto puna assādetvā mocanatthāya nimitte upakkamitvā moceti, saṅghādiseso.
เคหสฺสิตเปเม มาตรํ วา มาตุเปเมน ภคินิํ วา ภคินิเปเมน ปุนปฺปุนํ ปรามสโต เจว อาลิงฺคโต จ อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ เคหสฺสิตเปเมน ปน ผุสนปจฺจยา ทุกฺกฎํฯ สเจ เคหสฺสิตเปเมน รโตฺต ปุน อสฺสาเทตฺวา โมจนตฺถาย นิมิเตฺต อุปกฺกมิตฺวา โมเจติ, สงฺฆาทิเสโสฯ
Gehassitapeme mātaraṃ vā mātupemena bhaginiṃ vā bhaginipemena punappunaṃ parāmasato ceva āliṅgato ca asuci muccati, anāpatti. Gehassitapemena pana phusanapaccayā dukkaṭaṃ. Sace gehassitapemena ratto puna assādetvā mocanatthāya nimitte upakkamitvā moceti, saṅghādiseso.
วนภเงฺค อิตฺถิปุริสา อญฺญมญฺญํ กิญฺจิเทว ตมฺพูลคนฺธปุปฺผวาสาทิปฺปการํ ปณฺณาการํ มิตฺตสนฺถวภาวสฺส ทฬฺหภาวตฺถาย เปเสนฺติ อยํ วนภโงฺค นามฯ ตเญฺจ มาตุคาโม กสฺสจิ สํสฎฺฐวิหาริกสฺส กุลูปกภิกฺขุโน เปเสติ, ตสฺส จ ‘‘อสุกาย นาม อิทํ เปสิต’’นฺติ สารตฺตสฺส ปุนปฺปุนํ หเตฺถหิ ตํ วนภงฺคํ กีฬาปยโต อสุจิ มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ สเจ วนภเงฺค สารโตฺต ปุน อสฺสาเทตฺวา โมจนตฺถาย นิมิเตฺต อุปกฺกมิตฺวา โมเจติ, สงฺฆาทิเสโสฯ สเจ อุปกฺกมเนฺตปิ น มุจฺจติ, ถุลฺลจฺจยํฯ
Vanabhaṅge itthipurisā aññamaññaṃ kiñcideva tambūlagandhapupphavāsādippakāraṃ paṇṇākāraṃ mittasanthavabhāvassa daḷhabhāvatthāya pesenti ayaṃ vanabhaṅgo nāma. Tañce mātugāmo kassaci saṃsaṭṭhavihārikassa kulūpakabhikkhuno peseti, tassa ca ‘‘asukāya nāma idaṃ pesita’’nti sārattassa punappunaṃ hatthehi taṃ vanabhaṅgaṃ kīḷāpayato asuci muccati, anāpatti. Sace vanabhaṅge sāratto puna assādetvā mocanatthāya nimitte upakkamitvā moceti, saṅghādiseso. Sace upakkamantepi na muccati, thullaccayaṃ.
เอวเมเตสํ เอกาทสนฺนํ ราคานํ วเสน อิเม เอกาทส ปโยเค สเมเวกฺขิตฺวา อาปตฺติ วา อนาปตฺติ วา สลฺลเกฺขตพฺพาฯ สลฺลเกฺขตฺวา สเจ ครุกา โหติ ‘‘ครุกา’’ติ อาจิกฺขิตพฺพาฯ สเจ ลหุกา โหติ ‘‘ลหุกา’’ติ อาจิกฺขิตพฺพาฯ ตทนุรูปญฺจ วินยกมฺมํ กาตพฺพํฯ เอวญฺหิ กตํ สุกตํ โหติ โรคนิทานํ ญตฺวา เวเชฺชน กตเภสชฺชมิว, ตสฺส จ ปุคฺคลสฺส โสตฺถิภาวาย สํวตฺตติฯ
Evametesaṃ ekādasannaṃ rāgānaṃ vasena ime ekādasa payoge samevekkhitvā āpatti vā anāpatti vā sallakkhetabbā. Sallakkhetvā sace garukā hoti ‘‘garukā’’ti ācikkhitabbā. Sace lahukā hoti ‘‘lahukā’’ti ācikkhitabbā. Tadanurūpañca vinayakammaṃ kātabbaṃ. Evañhi kataṃ sukataṃ hoti roganidānaṃ ñatvā vejjena katabhesajjamiva, tassa ca puggalassa sotthibhāvāya saṃvattati.
๒๖๒. เจเตติ น อุปกฺกมตีติอาทีสุ โมจนสฺสาทเจตนาย เจเตติ, น อุปกฺกมติ, มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ โมจนสฺสาทปีฬิโต ‘‘อโห วต มุเจฺจยฺยา’’ติ เจเตติ, น อุปกฺกมติ, น มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ โมจนสฺสาเทน น เจเตติ, ผสฺสสฺสาเทน กณฺฑุวนสฺสาเทน วา อุปกฺกมติ, มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ ตเถว น เจเตติ, อุปกฺกมติ, น มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ กามวิตกฺกํ วิตเกฺกโนฺต โมจนตฺถาย น เจเตติ, น อุปกฺกมติ, มุจฺจติ, อนาปตฺติฯ สเจ ปนสฺส วิตกฺกยโตปิ น มุจฺจติ อิทํ อาคตเมว โหติ, ‘‘น เจเตติ, น อุปกฺกมติ, น มุจฺจติ, อนาปตฺตี’’ติฯ
262.Ceteti na upakkamatītiādīsu mocanassādacetanāya ceteti, na upakkamati, muccati, anāpatti. Mocanassādapīḷito ‘‘aho vata mucceyyā’’ti ceteti, na upakkamati, na muccati, anāpatti. Mocanassādena na ceteti, phassassādena kaṇḍuvanassādena vā upakkamati, muccati, anāpatti. Tatheva na ceteti, upakkamati, na muccati, anāpatti. Kāmavitakkaṃ vitakkento mocanatthāya na ceteti, na upakkamati, muccati, anāpatti. Sace panassa vitakkayatopi na muccati idaṃ āgatameva hoti, ‘‘na ceteti, na upakkamati, na muccati, anāpattī’’ti.
อนาปตฺติ สุปินเนฺตนาติ สุตฺตสฺส สุปิเน เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวนฺตสฺส วิย กายสํสคฺคาทีนิ อาปชฺชนฺตสฺส วิย สุปินเนฺตเนว การเณน ยสฺส อสุจิ มุจฺจติ, ตสฺส อนาปตฺติฯ สุปิเน ปน อุปฺปนฺนาย อสฺสาทเจตนาย สจสฺส วิสโย โหติ, นิจฺจเลน ภวิตพฺพํ, น หเตฺถน นิมิตฺตํ กีฬาเปตพฺพํ, กาสาวปจฺจตฺถรณรกฺขณตฺถํ ปน หตฺถปุเฎน คเหตฺวา ชคฺคนตฺถาย อุทกฎฺฐานํ คนฺตุํ วฎฺฎติฯ
Anāpattisupinantenāti suttassa supine methunaṃ dhammaṃ paṭisevantassa viya kāyasaṃsaggādīni āpajjantassa viya supinanteneva kāraṇena yassa asuci muccati, tassa anāpatti. Supine pana uppannāya assādacetanāya sacassa visayo hoti, niccalena bhavitabbaṃ, na hatthena nimittaṃ kīḷāpetabbaṃ, kāsāvapaccattharaṇarakkhaṇatthaṃ pana hatthapuṭena gahetvā jagganatthāya udakaṭṭhānaṃ gantuṃ vaṭṭati.
นโมจนาธิปฺปายสฺสาติ ยสฺส เภสเชฺชน วา นิมิตฺตํ อาลิมฺปนฺตสฺส อุจฺจาราทีนิ วา กโรนฺตสฺส นโมจนาธิปฺปายสฺส มุจฺจติ, ตสฺสาปิ อนาปตฺติฯ อุมฺมตฺตกสฺส ทุวิธสฺสาปิ อนาปตฺติฯ อิธ เสยฺยสโก อาทิกมฺมิโก, ตสฺส อนาปตฺติ อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
Namocanādhippāyassāti yassa bhesajjena vā nimittaṃ ālimpantassa uccārādīni vā karontassa namocanādhippāyassa muccati, tassāpi anāpatti. Ummattakassa duvidhassāpi anāpatti. Idha seyyasako ādikammiko, tassa anāpatti ādikammikassāti.
ปทภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Padabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
สมุฎฺฐานาทีสุ อิทํ สิกฺขาปทํ ปฐมปาราชิกสมุฎฺฐานํ กายจิตฺตโต สมุฎฺฐาติฯ กิริยา, สญฺญาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ทฺวิเวทนํ, สุขมชฺฌตฺตทฺวเยนาติฯ
Samuṭṭhānādīsu idaṃ sikkhāpadaṃ paṭhamapārājikasamuṭṭhānaṃ kāyacittato samuṭṭhāti. Kiriyā, saññāvimokkhaṃ, sacittakaṃ, lokavajjaṃ, kāyakammaṃ, akusalacittaṃ, dvivedanaṃ, sukhamajjhattadvayenāti.
๒๖๓. วินีตวตฺถูสุ สุปินวตฺถุ อนุปญฺญตฺติยํ วุตฺตนยเมวฯ อุจฺจารปสฺสาววตฺถูนิ อุตฺตานตฺถาเนวฯ
263. Vinītavatthūsu supinavatthu anupaññattiyaṃ vuttanayameva. Uccārapassāvavatthūni uttānatthāneva.
วิตกฺกวตฺถุสฺมิํ กามวิตกฺกนฺติ เคหสฺสิตกามวิตกฺกํฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ อนาปตฺติ วุตฺตา, อถ โข วิตกฺกคติเกน น ภวิตพฺพํฯ อุโณฺหทกวตฺถูสุ ปฐมํ อุตฺตานเมวฯ ทุติเย โส ภิกฺขุ โมเจตุกาโม อุโณฺหทเกน นิมิตฺตํ ปหริตฺวา ปหริตฺวา นฺหายิ, เตนสฺส อาปตฺติ วุตฺตาฯ ตติเย อุปกฺกมสฺส อตฺถิตาย ถุลฺลจฺจยํฯ เภสชฺชกณฺฑุวนวตฺถูนิ อุตฺตานตฺถาเนวฯ
Vitakkavatthusmiṃ kāmavitakkanti gehassitakāmavitakkaṃ. Tattha kiñcāpi anāpatti vuttā, atha kho vitakkagatikena na bhavitabbaṃ. Uṇhodakavatthūsu paṭhamaṃ uttānameva. Dutiye so bhikkhu mocetukāmo uṇhodakena nimittaṃ paharitvā paharitvā nhāyi, tenassa āpatti vuttā. Tatiye upakkamassa atthitāya thullaccayaṃ. Bhesajjakaṇḍuvanavatthūni uttānatthāneva.
๒๖๔. มคฺควตฺถูสุ ปฐมสฺส ถุลอูรุกสฺส มคฺคํ คจฺฉนฺตสฺส สมฺพาธฎฺฐาเน ฆฎฺฎนาย อสุจิ มุจฺจิ, ตสฺส นโมจนาธิปฺปายตฺตา อนาปตฺติฯ ทุติยสฺส ตเถว มุจฺจิ, โมจนาธิปฺปายตฺตา ปน สงฺฆาทิเสโสฯ ตติยสฺส น มุจฺจิ, อุปกฺกมสพฺภาวโต ปน ถุลฺลจฺจยํฯ ตสฺมา มคฺคํ คจฺฉเนฺตน อุปฺปเนฺน ปริฬาเห น คนฺตพฺพํ, คมนํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อสุภาทิมนสิกาเรน จิตฺตํ วูปสเมตฺวา สุทฺธจิเตฺตน กมฺมฎฺฐานํ อาทาย คนฺตพฺพํฯ สเจ ฐิโต วิโนเทตุํ น สโกฺกติ, มคฺคา โอกฺกมฺม นิสีทิตฺวา วิโนเทตฺวา กมฺมฎฺฐานํ อาทาย สุทฺธจิเตฺตเนว คนฺตพฺพํฯ
264.Maggavatthūsu paṭhamassa thulaūrukassa maggaṃ gacchantassa sambādhaṭṭhāne ghaṭṭanāya asuci mucci, tassa namocanādhippāyattā anāpatti. Dutiyassa tatheva mucci, mocanādhippāyattā pana saṅghādiseso. Tatiyassa na mucci, upakkamasabbhāvato pana thullaccayaṃ. Tasmā maggaṃ gacchantena uppanne pariḷāhe na gantabbaṃ, gamanaṃ upacchinditvā asubhādimanasikārena cittaṃ vūpasametvā suddhacittena kammaṭṭhānaṃ ādāya gantabbaṃ. Sace ṭhito vinodetuṃ na sakkoti, maggā okkamma nisīditvā vinodetvā kammaṭṭhānaṃ ādāya suddhacitteneva gantabbaṃ.
วตฺถิวตฺถูสุ เต ภิกฺขู วตฺถิํ ทฬฺหํ คเหตฺวา ปูเรตฺวา ปูเรตฺวา วิสฺสเชฺชนฺตา คามทารกา วิย ปสฺสาวมกํสุฯ ชนฺตาฆรวตฺถุสฺมิํ อุทรํ ตาเปนฺตสฺส โมจนาธิปฺปายสฺสาปิ อโมจนาธิปฺปายสฺสาปิ มุเตฺต อนาปตฺติเยวฯ ปริกมฺมํ กโรนฺตสฺส นิมิตฺตจาลนวเสน อสุจิ มุจฺจิ, ตสฺมา อาปตฺติฎฺฐาเน อาปตฺติ วุตฺตาฯ
Vatthivatthūsu te bhikkhū vatthiṃ daḷhaṃ gahetvā pūretvā pūretvā vissajjentā gāmadārakā viya passāvamakaṃsu. Jantāgharavatthusmiṃ udaraṃ tāpentassa mocanādhippāyassāpi amocanādhippāyassāpi mutte anāpattiyeva. Parikammaṃ karontassa nimittacālanavasena asuci mucci, tasmā āpattiṭṭhāne āpatti vuttā.
๒๖๕. อูรุฆฎฺฎาปนวตฺถูสุ เยสํ อาปตฺติ วุตฺตา เต องฺคชาตมฺปิ ผุสาเปสุนฺติ เวทิตพฺพาติ เอวํ กุรุนฺทฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ สามเณราทิวตฺถูนิ อุตฺตานตฺถาเนวฯ
265.Ūrughaṭṭāpanavatthūsu yesaṃ āpatti vuttā te aṅgajātampi phusāpesunti veditabbāti evaṃ kurundaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Sāmaṇerādivatthūni uttānatthāneva.
๒๖๖. กายตฺถมฺภนวตฺถุสฺมิํ กายํ ถเมฺภนฺตสฺสาติ จิรํ นิสีทิตฺวา วา นิปชฺชิตฺวา วา นวกมฺมํ วา กตฺวา อาลสิยวิโมจนตฺถํ วิชเมฺภนฺตสฺสฯ
266. Kāyatthambhanavatthusmiṃ kāyaṃ thambhentassāti ciraṃ nisīditvā vā nipajjitvā vā navakammaṃ vā katvā ālasiyavimocanatthaṃ vijambhentassa.
อุปนิชฺฌายนวตฺถุสฺมิํ สเจปิ ปฎสตํ นิวตฺถา โหติ ปุรโต วา ปจฺฉโต วา ฐตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ นาม โอกาเส นิมิตฺต’’นฺติ อุปนิชฺฌายนฺตสฺส ทุกฺกฎเมวฯ อนิวตฺถานํ คามทาริกานํ นิมิตฺตํ อุปนิชฺฌายนฺตสฺส ปน กิเมว วตฺตพฺพํฯ ติรจฺฉานคตานมฺปิ นิมิเตฺต เอเสว นโยฯ อิโต จิโต จ อวิโลเกตฺวา ปน ทิวสมฺปิ เอกปโยเคน อุปนิชฺฌายนฺตสฺส เอกเมว ทุกฺกฎํฯ อิโต จิโต จ วิโลเกตฺวา ปุนปฺปุนํ อุปนิชฺฌายนฺตสฺส ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฎํฯ อุมฺมีลนนิมีลนวเสน ปน น กาเรตโพฺพฯ สหสา อุปนิชฺฌายิตฺวา ปุน ปฎิสงฺขาย สํวเร ติฎฺฐโต อนาปตฺติ, ตํ สํวรํ ปหาย ปุน อุปนิชฺฌายโต ทุกฺกฎเมวฯ
Upanijjhāyanavatthusmiṃ sacepi paṭasataṃ nivatthā hoti purato vā pacchato vā ṭhatvā ‘‘imasmiṃ nāma okāse nimitta’’nti upanijjhāyantassa dukkaṭameva. Anivatthānaṃ gāmadārikānaṃ nimittaṃ upanijjhāyantassa pana kimeva vattabbaṃ. Tiracchānagatānampi nimitte eseva nayo. Ito cito ca aviloketvā pana divasampi ekapayogena upanijjhāyantassa ekameva dukkaṭaṃ. Ito cito ca viloketvā punappunaṃ upanijjhāyantassa payoge payoge dukkaṭaṃ. Ummīlananimīlanavasena pana na kāretabbo. Sahasā upanijjhāyitvā puna paṭisaṅkhāya saṃvare tiṭṭhato anāpatti, taṃ saṃvaraṃ pahāya puna upanijjhāyato dukkaṭameva.
๒๖๗. ตาฬจฺฉิทฺทาทิวตฺถูนิ อุตฺตานตฺถาเนวฯ นฺหานวตฺถูสุ เย อุทกโสตํ นิมิเตฺตน ปหริํสุ เตสํ อาปตฺติ วุตฺตาฯ อุทญฺชลวตฺถูสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ จ อุทญฺชลนฺติ อุทกจิกฺขโลฺล วุจฺจติฯ เอเตเนว อุปาเยน อิโต ปรานิ สพฺพาเนว อุทเก ธาวนาทิวตฺถูนิ เวทิตพฺพานิฯ อยํ ปน วิเสโสฯ ปุปฺผาวฬิยวตฺถูสุ สเจปิ นโมจนาธิปฺปายสฺส อนาปตฺติ, กีฬนปจฺจยา ปน ทุกฺกฎํ โหตีติฯ
267.Tāḷacchiddādivatthūni uttānatthāneva. Nhānavatthūsu ye udakasotaṃ nimittena pahariṃsu tesaṃ āpatti vuttā. Udañjalavatthūsupi eseva nayo. Ettha ca udañjalanti udakacikkhallo vuccati. Eteneva upāyena ito parāni sabbāneva udake dhāvanādivatthūni veditabbāni. Ayaṃ pana viseso. Pupphāvaḷiyavatthūsu sacepi namocanādhippāyassa anāpatti, kīḷanapaccayā pana dukkaṭaṃ hotīti.
สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sukkavissaṭṭhisikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทํ • 1. Sukkavissaṭṭhisikkhāpadaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๑. สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Sukkavissaṭṭhisikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑. สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Sukkavissaṭṭhisikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑. สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Sukkavissaṭṭhisikkhāpadavaṇṇanā