Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
๒. สงฺฆาทิเสสกโณฺฑ
2. Saṅghādisesakaṇḍo
๑. สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Sukkavissaṭṭhisikkhāpadavaṇṇanā
๒๓๔. เตรสกสฺสาติ เตรส สิกฺขาปทานิ ปริมาณานิ อสฺสาติ เตรสโก, กโณฺฑ, ตสฺสฯ สมเถ วิปสฺสนาย วา อภิรติรหิโต อิธ อนภิรโต, น ปพฺพชฺชายาติ อาห ‘‘วิกฺขิตฺตจิโตฺต’’ติฯ วิกฺขิตฺตตาย การณมาห กามราคาอิจฺจาทิฯ
234.Terasakassāti terasa sikkhāpadāni parimāṇāni assāti terasako, kaṇḍo, tassa. Samathe vipassanāya vā abhiratirahito idha anabhirato, na pabbajjāyāti āha ‘‘vikkhittacitto’’ti. Vikkhittatāya kāraṇamāha kāmarāgāiccādi.
๒๓๕. อโพฺพหาริกาติ สีลวิปตฺติโวหารํ นารหตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ อกุสลภาเว ปนสฺสา อโพฺพหารตา นตฺถิฯ
235.Abbohārikāti sīlavipattivohāraṃ nārahatīti katvā vuttaṃ. Akusalabhāve panassā abbohāratā natthi.
๒๓๖-๗. เจตนา-สทฺทโต วิสุํ สํ-สทฺทสฺส อตฺถาภาวํ อิก-ปจฺจยสฺส จ อตฺถวนฺตตํ ทเสฺสตุํ สเญฺจตนา วาติอาทิ ทุติยวิกโปฺป วุโตฺตฯ สิขาปฺปโตฺต อโตฺถติ อธิเปฺปตตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อาสยเภทโตติ ปิตฺตเสมฺหปุพฺพโลหิตานํ จตุนฺนํ อาสยานํ เภเทนฯ ธาตุนานตฺตโตติ รสรุหิราทีนํ สตฺตนฺนํ, ปถวาทีนํ วา จตุนฺนํ ธาตูนํ นานเตฺตนฯ วตฺถิสีสนฺติ มุตฺตวตฺถิโต มตฺถกปสฺสํฯ หตฺถิมทจลนํ นามญฺจ สมฺภโวติ อาห ‘‘สมฺภโว นิกฺขมตี’’ติฯ สมฺภวเวคนฺติ สมฺภวสฺส ฐานโต จวิตฺวา ทกโสตาภิมุขํ โอตรเณน สญฺชาตสรีรโกฺขภเวคํฯ พาหุสีสนฺติ ขนฺธปฺปเทสํฯ ทเสฺสสีติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท เหตุโตฺถ, เตน ยสฺมา กณฺณจูฬิกาหิ สมฺภโว นิกฺขมติ…เป.… สมฺภวญฺจ ทเสฺสสิ, ตสฺมา ตติยสฺส ภาสิตํ สุภาสิตนฺติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพาฯ ทกโสตนฺติ มุตฺตสฺส วตฺถิโต นิกฺขมนมคฺคํ, องฺคชาตปฺปเทสนฺติ วุตฺตํ โหติฯ สุกฺกญฺจ นาเมตํ รสรุหิราทิสตฺตเทหธาตูสุ มชฺฌิมธาตุจตุชํ อฎฺฐิมิญฺชาทิ วิย ปถวีธาตุสงฺคหิตํ อาหารูปชีวีนํ สกลกายคตํ อติทหรทารกานมฺปิ อเตฺถว, ตํ ปน ปนฺนรสโสฬสวสฺสุเทฺทสโต ปฎฺฐาย สตฺตานํ สมุปฺปชฺชนกกามราเคเหว ฐานโต จลติ, จลิตญฺจ อาโปธาตุภาเวน จิตฺตชเมว หุตฺวา ทกโสตํ โอตรติ, ทกโสตโต ปน ปฎฺฐาย จิตฺตปจฺจยอุตุชํ โหติ มตฺถลุงฺคโต จลิตสิงฺฆาณิกา วิยฯ เยสํ ปน สมุเจฺฉทนวิกฺขมฺภนาทีหิ ราคปริยุฎฺฐานํ นตฺถิ , เตสํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิ น สิยาฯ อิติ ยถาฐานโต สุกฺกสฺส วิสฺสฎฺฐิเยว ราคจิตฺตสมุฎฺฐานา, น ปกติรูปํ, เตเนว กถาวตฺถุอฎฺฐกถายํ (กถา. อฎฺฐ. ๓๐๗) ‘‘สุกฺกวิสฺสฎฺฐิ นาม ราคสมุฎฺฐานา โหตี’’ติ สุกฺกสฺส วิสฺสฎฺฐิ เอว ราคสมุฎฺฐานา วุตฺตา, น ปกติรูปํฯ ฉนฺนํ ปน กามาวจรเทวานํ วิชฺชมานาปิ สุกฺกธาตุ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺติวเสน ปริยุฎฺฐิตราเคนาปิ ฐานโต น คฬติ, ยถาฐาเน เอว ฐตฺวา กิญฺจิ วิการํ อาปชฺชมานา ตงฺขณิกปริฬาหวูปสมาวหา เมถุนกิจฺจนิฎฺฐาปิตา โหตีติ เวทิตพฺพํฯ เกจิ ปน ‘‘กายสมฺผสฺสสุขเมว เตสํ กามกิจฺจ’’นฺติ วทนฺติฯ ขีณาสวานํ ปน อนาคามีนญฺจ สพฺพโส กามราคาภาเวน สุกฺกธาตุวิการมฺปิ นาปชฺชตีติ เวทิตพฺพํฯ รูปีพฺรหฺมานํ ปน วิกฺขมฺภิตกามราเคน ชนิตตฺตา อนาหารูปชีวิตตฺตา จ สพฺพถา สุกฺกธาตุปิ นเตฺถวฯ ตเถวาติ โมจนสฺสาเทน นิมิเตฺต อุปกฺกมโตติอาทิํ อติทิสติฯ ‘‘วิสฺสฎฺฐีติ ฐานาจาวนา วุจฺจตี’’ติ ปทภาชเน (ปารา. ๒๓๗) วุตฺตตฺตา ‘‘ทกโสตํ โอติณฺณมเตฺต’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ทกโสโตโรหณเญฺจตฺถาติอาทิฯ เอตฺถาติ ตีสุปิ วาเทสุฯ อธิวาเสตฺวาติ นิมิเตฺต อุปกฺกมิตฺวา ปุน วิปฺปฎิสาเร อุปฺปเนฺน โมจนสฺสาทํ วิโนเทตฺวาฯ อนฺตรา นิวาเรตุนฺติ อตฺตโน นิมิเตฺต กตูปกฺกเมน ฐานา จุตํ ทกโสตํ โอตริตุํ อทตฺวา อนฺตรา นิวาเรตุํฯ โมจนสฺสาเทน หตฺถปริกมฺมาทิํ กโรนฺตสฺส มุเตฺตปิ ทุกฺกฎเมว, นิมิเตฺต อุปกฺกมาภาวโต ปน สงฺฆาทิเสโส น โหตีติ อาห ‘‘หตฺถ…เป.… อนาปตฺตี’’ติฯ ทกโสโตโรหณเญฺจตฺถาติอาทินา วุตฺตวินิจฺฉยํ สนฺธาย ‘‘อยํ สพฺพาจริยสาธารณวินิจฺฉโย’’ติ วุตฺตํฯ
236-7. Cetanā-saddato visuṃ saṃ-saddassa atthābhāvaṃ ika-paccayassa ca atthavantataṃ dassetuṃ sañcetanā vātiādi dutiyavikappo vutto. Sikhāppatto atthoti adhippetatthaṃ sandhāya vuttaṃ. Āsayabhedatoti pittasemhapubbalohitānaṃ catunnaṃ āsayānaṃ bhedena. Dhātunānattatoti rasaruhirādīnaṃ sattannaṃ, pathavādīnaṃ vā catunnaṃ dhātūnaṃ nānattena. Vatthisīsanti muttavatthito matthakapassaṃ. Hatthimadacalanaṃ nāmañca sambhavoti āha ‘‘sambhavo nikkhamatī’’ti. Sambhavaveganti sambhavassa ṭhānato cavitvā dakasotābhimukhaṃ otaraṇena sañjātasarīrakkhobhavegaṃ. Bāhusīsanti khandhappadesaṃ. Dassesīti ettha iti-saddo hetuttho, tena yasmā kaṇṇacūḷikāhi sambhavo nikkhamati…pe… sambhavañca dassesi, tasmā tatiyassa bhāsitaṃ subhāsitanti evaṃ yojanā veditabbā. Dakasotanti muttassa vatthito nikkhamanamaggaṃ, aṅgajātappadesanti vuttaṃ hoti. Sukkañca nāmetaṃ rasaruhirādisattadehadhātūsu majjhimadhātucatujaṃ aṭṭhimiñjādi viya pathavīdhātusaṅgahitaṃ āhārūpajīvīnaṃ sakalakāyagataṃ atidaharadārakānampi attheva, taṃ pana pannarasasoḷasavassuddesato paṭṭhāya sattānaṃ samuppajjanakakāmarāgeheva ṭhānato calati, calitañca āpodhātubhāvena cittajameva hutvā dakasotaṃ otarati, dakasotato pana paṭṭhāya cittapaccayautujaṃ hoti matthaluṅgato calitasiṅghāṇikā viya. Yesaṃ pana samucchedanavikkhambhanādīhi rāgapariyuṭṭhānaṃ natthi , tesaṃ sukkavissaṭṭhi na siyā. Iti yathāṭhānato sukkassa vissaṭṭhiyeva rāgacittasamuṭṭhānā, na pakatirūpaṃ, teneva kathāvatthuaṭṭhakathāyaṃ (kathā. aṭṭha. 307) ‘‘sukkavissaṭṭhi nāma rāgasamuṭṭhānā hotī’’ti sukkassa vissaṭṭhi eva rāgasamuṭṭhānā vuttā, na pakatirūpaṃ. Channaṃ pana kāmāvacaradevānaṃ vijjamānāpi sukkadhātu dvayaṃdvayasamāpattivasena pariyuṭṭhitarāgenāpi ṭhānato na gaḷati, yathāṭhāne eva ṭhatvā kiñci vikāraṃ āpajjamānā taṅkhaṇikapariḷāhavūpasamāvahā methunakiccaniṭṭhāpitā hotīti veditabbaṃ. Keci pana ‘‘kāyasamphassasukhameva tesaṃ kāmakicca’’nti vadanti. Khīṇāsavānaṃ pana anāgāmīnañca sabbaso kāmarāgābhāvena sukkadhātuvikārampi nāpajjatīti veditabbaṃ. Rūpībrahmānaṃ pana vikkhambhitakāmarāgena janitattā anāhārūpajīvitattā ca sabbathā sukkadhātupi nattheva. Tathevāti mocanassādena nimitte upakkamatotiādiṃ atidisati. ‘‘Vissaṭṭhīti ṭhānācāvanā vuccatī’’ti padabhājane (pārā. 237) vuttattā ‘‘dakasotaṃ otiṇṇamatte’’ti kasmā vuttanti āha dakasotorohaṇañcetthātiādi. Etthāti tīsupi vādesu. Adhivāsetvāti nimitte upakkamitvā puna vippaṭisāre uppanne mocanassādaṃ vinodetvā. Antarā nivāretunti attano nimitte katūpakkamena ṭhānā cutaṃ dakasotaṃ otarituṃ adatvā antarā nivāretuṃ. Mocanassādena hatthaparikammādiṃ karontassa muttepi dukkaṭameva, nimitte upakkamābhāvato pana saṅghādiseso na hotīti āha ‘‘hattha…pe… anāpattī’’ti. Dakasotorohaṇañcetthātiādinā vuttavinicchayaṃ sandhāya ‘‘ayaṃ sabbācariyasādhāraṇavinicchayo’’ti vuttaṃ.
โขภกรณปจฺจโย นาม วิสภาคเภสชฺชเสนาสนาหาราทิปจฺจโยฯ นานาวิธํ สุปินนฺติ ขุภิตวาตาทิธาตูนํ อนุคุณํฯ อนุภูตปุพฺพนฺติ ปุเพฺพ ภูตปุพฺพํ มนสา ปริกปฺปิตปุพฺพญฺจฯ สคฺคนรกเทสนฺตราทีนมฺปิ หิ สงฺคเหตฺวา วุตฺตํฯ อตฺถกามตาย วา อนตฺถกามตาย วาติ อิทํ เทวตานํ หิตาหิตาธิปฺปายตํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ อตฺถาย วา อนตฺถาย วาติ สภาวโต ภวิตพฺพํ หิตาหิตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ นนุ เทวตาหิ อุปสํหริยมานานิ อารมฺมณานิ ปรมตฺถโต นตฺถิ, กถํ ตานิ ปุริโส ปสฺสติ, เทวตา วา ตานิ อวิชฺชมานานิ อุปสํหรนฺตีติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห โส ตาสนฺติอาทิฯ เตน ‘‘เอวเมโส ปริกปฺปตู’’ติ เทวตาหิ จินฺติตมเตฺตน สุปนฺตสฺส จิตฺตํ ภวงฺคสนฺตติโต นิปติตฺวา เทวตาหิ จินฺติตนิยาเมเนว ปริกปฺปมานํ ปวตฺตติ, เอวํ เตน ปริกปฺปมานานิ อารมฺมณานิ เทวตาหิ อุปสํหฎานิ นาม โหนฺติ, ตานิ จ โส เทวตานุภาเวน ปสฺสติ นามาติ ทเสฺสติฯ โพธิสตฺตมาตา วิย ปุตฺตปฎิลาภนิมิตฺตนฺติอาทีสุ โพธิสตฺตสฺส คโพฺภกฺกนฺติทิวเส มหามายาเทวิยา อตฺตโน ทกฺขิณปเสฺสน เอกสฺส เสตวรวารณสฺส อโนฺตกุจฺฉิปวิฎฺฐภาวทสฺสนํ ปุตฺตปฎิลาภนิมิตฺตํ สุปินํ นามฯ อมฺหากํ ปน โพธิสตฺตสฺส ‘‘เสฺว พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ จาตุทฺทสิยํ ปกฺขสฺส รตฺติวิภายนกาเล หิมวนฺตํ พิโพฺพหนํ กตฺวา ปุรตฺถิมปจฺฉิมสมุเทฺทสุ วามทกฺขิณหเตฺถ ทกฺขิณสมุเทฺท ปาเท จ โอทหิตฺวา มหาปถวิยา สยนํ เอโก, ทพฺพติณสงฺขาตาย ติริยา นาม ติณชาติยา นงฺคลมตฺตรตฺตทณฺฑาย นาภิโต อุคฺคตาย ขเณน อเนกโยชนสหสฺสํ นภํ อาหจฺจ ฐานํ เอโก, เสตานํ กณฺหสีสานํ กิมีนํ ปาเทหิ อุสฺสกฺกิตฺวา ยาว ชาณุมณฺฑลํ อาหจฺจ ฐานํ เอโก, นานาวณฺณานํ จตุนฺนํ สกุณานํ จตูหิ ทิสาหิ อาคนฺตฺวา ปาทมูเล เสตวณฺณตาปชฺชนํ เอโก, โพธิสตฺตสฺส มหโต มีฬฺหปพฺพตสฺส อุปริ อลิมฺปมานสฺส จงฺกมนํ เอโกติ อิเม ปญฺจ มหาสุปินา นาม, อิเม จ ยถากฺกมํ สโมฺพธิยา, เทวมนุเสฺสสุ อริยมคฺคปฺปกาสนสฺส, คิหีนญฺจ สรณูปคมนสฺส, ขตฺติยาทิจตุวณฺณานํ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตปฎิลาภสฺส, จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ลาเภ อลิตฺตภาวสฺส จ ปุพฺพนิมิตฺตานีติ เวทิตพฺพํฯ โสฬส สุปินา ปากฎา เอวฯ เอกนฺตสจฺจเมวาติ ผลนิยมุปฺปตฺติโต วุตฺตํฯ ทสฺสนํ ปน สพฺพตฺถ วิปลฺลตฺถเมวฯ ธาตุโกฺขภาทีสุ จตูสุ มูลการเณสุ ทฺวีหิ ตีหิปิ การเณหิ กทาจิ สุปินํ ปสฺสนฺตีติ อาห ‘‘สํสคฺคเภทโต’’ติฯ สุปินเภโทติ สจฺจาสจฺจตฺถตาเภโทฯ
Khobhakaraṇapaccayo nāma visabhāgabhesajjasenāsanāhārādipaccayo. Nānāvidhaṃ supinanti khubhitavātādidhātūnaṃ anuguṇaṃ. Anubhūtapubbanti pubbe bhūtapubbaṃ manasā parikappitapubbañca. Sagganarakadesantarādīnampi hi saṅgahetvā vuttaṃ. Atthakāmatāya vā anatthakāmatāya vāti idaṃ devatānaṃ hitāhitādhippāyataṃ dassetuṃ vuttaṃ. Atthāya vā anatthāya vāti sabhāvato bhavitabbaṃ hitāhitaṃ sandhāya vuttaṃ. Nanu devatāhi upasaṃhariyamānāni ārammaṇāni paramatthato natthi, kathaṃ tāni puriso passati, devatā vā tāni avijjamānāni upasaṃharantīti codanaṃ manasi katvā āha so tāsantiādi. Tena ‘‘evameso parikappatū’’ti devatāhi cintitamattena supantassa cittaṃ bhavaṅgasantatito nipatitvā devatāhi cintitaniyāmeneva parikappamānaṃ pavattati, evaṃ tena parikappamānāni ārammaṇāni devatāhi upasaṃhaṭāni nāma honti, tāni ca so devatānubhāvena passati nāmāti dasseti. Bodhisattamātā viya puttapaṭilābhanimittantiādīsu bodhisattassa gabbhokkantidivase mahāmāyādeviyā attano dakkhiṇapassena ekassa setavaravāraṇassa antokucchipaviṭṭhabhāvadassanaṃ puttapaṭilābhanimittaṃ supinaṃ nāma. Amhākaṃ pana bodhisattassa ‘‘sve buddho bhavissatī’’ti cātuddasiyaṃ pakkhassa rattivibhāyanakāle himavantaṃ bibbohanaṃ katvā puratthimapacchimasamuddesu vāmadakkhiṇahatthe dakkhiṇasamudde pāde ca odahitvā mahāpathaviyā sayanaṃ eko, dabbatiṇasaṅkhātāya tiriyā nāma tiṇajātiyā naṅgalamattarattadaṇḍāya nābhito uggatāya khaṇena anekayojanasahassaṃ nabhaṃ āhacca ṭhānaṃ eko, setānaṃ kaṇhasīsānaṃ kimīnaṃ pādehi ussakkitvā yāva jāṇumaṇḍalaṃ āhacca ṭhānaṃ eko, nānāvaṇṇānaṃ catunnaṃ sakuṇānaṃ catūhi disāhi āgantvā pādamūle setavaṇṇatāpajjanaṃ eko, bodhisattassa mahato mīḷhapabbatassa upari alimpamānassa caṅkamanaṃ ekoti ime pañca mahāsupinā nāma, ime ca yathākkamaṃ sambodhiyā, devamanussesu ariyamaggappakāsanassa, gihīnañca saraṇūpagamanassa, khattiyādicatuvaṇṇānaṃ pabbajitvā arahattapaṭilābhassa, catunnaṃ paccayānaṃ lābhe alittabhāvassa ca pubbanimittānīti veditabbaṃ. Soḷasa supinā pākaṭā eva. Ekantasaccamevāti phalaniyamuppattito vuttaṃ. Dassanaṃ pana sabbattha vipallatthameva. Dhātukkhobhādīsu catūsu mūlakāraṇesu dvīhi tīhipi kāraṇehi kadāci supinaṃ passantīti āha ‘‘saṃsaggabhedato’’ti. Supinabhedoti saccāsaccatthatābhedo.
รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณนฺติ เอตฺถ กมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตโต อญฺญรูปเมว วิญฺญาณสฺส นิมิตฺตนฺติ รูปนิมิตฺตํ, ตํ อาทิ เยสํ สตฺตนิมิตฺตาทีนํ ตานิ รูปนิมิตฺตาทีนิ อารมฺมณานิ ยสฺส ภวงฺคจิตฺตสฺส ตํ รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณํฯ อีทิสานีติ รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณานิ ราคาทิสมฺปยุตฺตานิ จฯ สโพฺพหาริกจิเตฺตนาติ ปฎิพุทฺธสฺส ปกติวีถิจิเตฺตนฯ โก นาม ปสฺสตีติ สุตฺตปฎิพุทฺธภาววิยุตฺตาย จิตฺตปฺปวตฺติยา อภาวโต สุปินํ ปสฺสโนฺต นาม น สิยาติ อธิปฺปาโย, เตนาห ‘‘สุปินสฺส อภาโวว อาปชฺชตี’’ติฯ กปิมิทฺธปเรโตติ อิมินา นิทฺทาวเสน ปวตฺตมานภวงฺคสนฺตติพฺยวหิตาย กุสลากุสลาย มโนทฺวารวีถิยา จ ปสฺสตีติ ทเสฺสติ, เตนาห ยา นิทฺทาติอาทิฯ ทฺวีหิ อเนฺตหิ มุโตฺตติ กุสลากุสลสงฺขาเตหิ ทฺวีหิ อเนฺตหิ มุโตฺตฯ อาวชฺชนตทารมฺมณกฺขเณติ สุปิเน ปญฺจทฺวารวีถิยา อภาวโต มโนทฺวาเร อุปฺปชฺชนารหํ คเหตฺวา วุตฺตํฯ
Rūpanimittādiārammaṇanti ettha kammanimittagatinimittato aññarūpameva viññāṇassa nimittanti rūpanimittaṃ, taṃ ādi yesaṃ sattanimittādīnaṃ tāni rūpanimittādīni ārammaṇāni yassa bhavaṅgacittassa taṃ rūpanimittādiārammaṇaṃ. Īdisānīti rūpanimittādiārammaṇāni rāgādisampayuttāni ca. Sabbohārikacittenāti paṭibuddhassa pakativīthicittena. Ko nāma passatīti suttapaṭibuddhabhāvaviyuttāya cittappavattiyā abhāvato supinaṃ passanto nāma na siyāti adhippāyo, tenāha ‘‘supinassa abhāvova āpajjatī’’ti. Kapimiddhaparetoti iminā niddāvasena pavattamānabhavaṅgasantatibyavahitāya kusalākusalāya manodvāravīthiyā ca passatīti dasseti, tenāha yā niddātiādi. Dvīhi antehi muttoti kusalākusalasaṅkhātehi dvīhi antehi mutto. Āvajjanatadārammaṇakkhaṇeti supine pañcadvāravīthiyā abhāvato manodvāre uppajjanārahaṃ gahetvā vuttaṃ.
เอตฺถ จ สุปินเนฺตปิ ตทารมฺมณวจนโต อนุภูเตสุ สุตปุเพฺพสุ วา รูปาทีสุ ปุราปตฺติภาเวน ปริกเปฺปตฺวา วิปลฺลาสโต ปวตฺตมานาปิ กามาวจรวิปากธมฺมา ปริตฺตธเมฺม นิสฺสาย ปริกเปฺปตฺวา ปวตฺตตฺตา ปริตฺตารมฺมณา วุตฺตา, น ปน สรูปโต ปริตฺตธเมฺม คเหตฺวา ปวตฺตตฺตา เอวาติ คเหตพฺพํฯ เอวญฺจ อิตฺถิปุริสาทิอาการํ อาโรเปตฺวา ปวตฺตมานานํ ราคาทิสวิปากธมฺมานมฺปิ เตสํ อารมฺมณํ คเหตฺวา อุปฺปนฺนานํ ปฎิสนฺธาทิวิปากานมฺปิ ปริตฺตารมฺมณตา กมฺมนิมิตฺตารมฺมณตา จ อุปปนฺนา เอว โหติฯ วตฺถุธมฺมวินิมุตฺตํ ปน สมฺมุติภูตํ กสิณาทิปฎิภาคารมฺมณํ คเหตฺวา อุปฺปนฺนา อุปจารปฺปนาทิวสปฺปวตฺตา จิตฺตเจตสิกธมฺมา เอว ปริตฺตตฺติเก (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๒) น วตฺตพฺพารมฺมณาติ คเหตพฺพาฯ
Ettha ca supinantepi tadārammaṇavacanato anubhūtesu sutapubbesu vā rūpādīsu purāpattibhāvena parikappetvā vipallāsato pavattamānāpi kāmāvacaravipākadhammā parittadhamme nissāya parikappetvā pavattattā parittārammaṇā vuttā, na pana sarūpato parittadhamme gahetvā pavattattā evāti gahetabbaṃ. Evañca itthipurisādiākāraṃ āropetvā pavattamānānaṃ rāgādisavipākadhammānampi tesaṃ ārammaṇaṃ gahetvā uppannānaṃ paṭisandhādivipākānampi parittārammaṇatā kammanimittārammaṇatā ca upapannā eva hoti. Vatthudhammavinimuttaṃ pana sammutibhūtaṃ kasiṇādipaṭibhāgārammaṇaṃ gahetvā uppannā upacārappanādivasappavattā cittacetasikadhammā eva parittattike (dha. sa. tikamātikā 12) na vattabbārammaṇāti gahetabbā.
สฺวายนฺติ สุปิโนฯ วิปลฺลาเสน ปริกปฺปิตปริตฺตารมฺมณตฺตา ‘‘ทุพฺพลวตฺถุกตฺตา’’ติ วุตฺตํ, อวิชฺชมานารมฺมเณ อวสวตฺติโตติ อธิปฺปาโย, เตนาห อวิสเย อุปฺปนฺนตฺตาติอาทิฯ
Svāyanti supino. Vipallāsena parikappitaparittārammaṇattā ‘‘dubbalavatthukattā’’ti vuttaṃ, avijjamānārammaṇe avasavattitoti adhippāyo, tenāha avisaye uppannattātiādi.
อาปตฺตินิกายสฺสาติ อิทํ สงฺฆาทิเสโสติ ปุลฺลิงฺค-สทฺทสฺส อนุรูปวเสน วุตฺตํฯ อสฺสาติ อสฺส อาปตฺตินิกายสฺส, วุฎฺฐาเปตุํ อิจฺฉิตสฺสาติ อโตฺถ, เตนาห กิํ วุตฺตนฺติอาทิฯ รุฬฺหิสเทฺทนาติ เอตฺถ สมุทาเย นิปฺผนฺนสฺสาปิ สทฺทสฺส ตเทกเทเสปิ ปสิทฺธิ อิธ รุฬฺหี นาม, ตาย รุฬฺหิยา ยุโตฺต สโทฺท รุฬฺหีสโทฺท, เตนฯ รุฬฺหิยา การณมาห อวยเวอิจฺจาทินาฯ
Āpattinikāyassāti idaṃ saṅghādisesoti pulliṅga-saddassa anurūpavasena vuttaṃ. Assāti assa āpattinikāyassa, vuṭṭhāpetuṃ icchitassāti attho, tenāha kiṃ vuttantiādi. Ruḷhisaddenāti ettha samudāye nipphannassāpi saddassa tadekadesepi pasiddhi idha ruḷhī nāma, tāya ruḷhiyā yutto saddo ruḷhīsaddo, tena. Ruḷhiyā kāraṇamāha avayaveiccādinā.
กาลญฺจาติ ‘‘ราคูปตฺถเมฺภ’’ติอาทินา ทสฺสิตกาลญฺจ, ‘‘ราคูปตฺถเมฺภ’’ติ วุเตฺต ราคูปตฺถเมฺภ ชาเต ตสฺมิํ กาเล โมเจตีติ อตฺถโต กาโล คมฺมติฯ นวมสฺส อธิปฺปายสฺสาติ วีมํสาธิปฺปายสฺสฯ วตฺถูติ วิสยํฯ
Kālañcāti ‘‘rāgūpatthambhe’’tiādinā dassitakālañca, ‘‘rāgūpatthambhe’’ti vutte rāgūpatthambhe jāte tasmiṃ kāle mocetīti atthato kālo gammati. Navamassa adhippāyassāti vīmaṃsādhippāyassa. Vatthūti visayaṃ.
๒๓๘. โลมา เอเตสํ สนฺตีติ โลมสา, พหุโลมปาณกาฯ
238. Lomā etesaṃ santīti lomasā, bahulomapāṇakā.
๒๓๙. โมจเนนาติ โมจนปฺปโยเคนฯ โมจนสฺสาทสมฺปยุตฺตายาติ เอตฺถ โมจนิจฺฉาว โมจนสฺสาโท, เตน สมฺปยุตฺตา เจตนา โมจนสฺสาทเจตนาติ อโตฺถ, น ปน โมจเน อสฺสาทํ สุขํ ปเตฺถนฺติยา เจตนายาติ เอวํ อโตฺถ คเหตโพฺพ, อิตรถา สุขตฺถาย โมเจนฺตเสฺสว อาปตฺติ, น อาโรคฺยาทิอตฺถายาติ อาปชฺชติฯ ตสฺมา อาโรคฺยาทีสุ เยน เกนจิ อธิปฺปาเยน โมจนิจฺฉาย เจตนายาติ อโตฺถว คเหตโพฺพฯ
239.Mocanenāti mocanappayogena. Mocanassādasampayuttāyāti ettha mocanicchāva mocanassādo, tena sampayuttā cetanā mocanassādacetanāti attho, na pana mocane assādaṃ sukhaṃ patthentiyā cetanāyāti evaṃ attho gahetabbo, itarathā sukhatthāya mocentasseva āpatti, na ārogyādiatthāyāti āpajjati. Tasmā ārogyādīsu yena kenaci adhippāyena mocanicchāya cetanāyāti atthova gahetabbo.
๒๔๐. วายมโตติ องฺคชาเต กาเยน อุปกฺกมโตฯ เทฺว อาปตฺติสหสฺสานีติ ขณฺฑจกฺกาทีนิ อนามสิตฺวาว วุตฺตํ, อิจฺฉเนฺตน ปน ขณฺฑจกฺกาทิเภเทนาปิ คณนา กาตพฺพาฯ เอเกน ปเทนาติ เคหสิตเปมปเทนฯ ตเถวาติ โมจนสฺสาทเจตนาย เอว คาฬฺหํ ปีฬนาทิปฺปโยคํ อวิชหิตฺวา สุปเนน สงฺฆาทิเสโสติ วุตฺตํฯ สุทฺธจิโตฺตติ โมจนสฺสาทสฺส นิมิเตฺต อูรุอาทีหิ กตอุปกฺกมสฺส วิชหนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เตน อสุภมนสิการาภาเวปิ ปโยคาภาเวเนว โมจเนปิ อนาปตฺติ ทีปิตาติ เวทิตพฺพาฯ
240.Vāyamatoti aṅgajāte kāyena upakkamato. Dve āpattisahassānīti khaṇḍacakkādīni anāmasitvāva vuttaṃ, icchantena pana khaṇḍacakkādibhedenāpi gaṇanā kātabbā. Ekena padenāti gehasitapemapadena. Tathevāti mocanassādacetanāya eva gāḷhaṃ pīḷanādippayogaṃ avijahitvā supanena saṅghādisesoti vuttaṃ. Suddhacittoti mocanassādassa nimitte ūruādīhi kataupakkamassa vijahanaṃ sandhāya vuttaṃ. Tena asubhamanasikārābhāvepi payogābhāveneva mocanepi anāpatti dīpitāti veditabbā.
เตน อุปกฺกเมน มุเตฺตติ มุจฺจมานํ วินา อญฺญสฺมิมฺปิ สุเกฺก ฐานโต มุเตฺตฯ ยทิ ปน อุปกฺกเม กเตปิ มุจฺจมานเมว ทกโสตํ โอตรติ, ถุลฺลจฺจยเมว ปโยเคน มุตฺตสฺส อภาวาฯ ชคฺคนตฺถายาติ จีวราทีสุ ลิมฺปนปริหาราย หเตฺถน องฺคชาตคฺคหณํ วฎฺฎติ, ตปฺปโยโค น โหตีติ อธิปฺปาโยฯ อโนกาสนฺติ องฺคชาตปฺปเทสํฯ
Tena upakkamena mutteti muccamānaṃ vinā aññasmimpi sukke ṭhānato mutte. Yadi pana upakkame katepi muccamānameva dakasotaṃ otarati, thullaccayameva payogena muttassa abhāvā. Jagganatthāyāti cīvarādīsu limpanaparihārāya hatthena aṅgajātaggahaṇaṃ vaṭṭati, tappayogo na hotīti adhippāyo. Anokāsanti aṅgajātappadesaṃ.
๒๖๒. สุปินเนฺตน การเณนาติ สุปินเนฺต ปวตฺตอุปกฺกมเหตุนาฯ อาปตฺติฎฺฐาเนเยว หิ อยํ อนาปตฺติ อวิสยตฺตา วุตฺตาฯ เตนาห ‘‘สจสฺส วิสโย โหติ นิจฺจเลน ภวิตพฺพ’’นฺติอาทิฯ
262.Supinantena kāraṇenāti supinante pavattaupakkamahetunā. Āpattiṭṭhāneyeva hi ayaṃ anāpatti avisayattā vuttā. Tenāha ‘‘sacassa visayo hoti niccalena bhavitabba’’ntiādi.
๒๖๓. วินีตวตฺถุปาฬิยํ อณฺฑกณฺฑุวนวตฺถุสฺมิํ โมจนาธิปฺปาเยน อณฺฑจลเนน องฺคชาตสฺสาปิ จลนโต นิมิเตฺต อุปกฺกโม โหตีติ สงฺฆาทิเสโส วุโตฺตฯ ยถา ปน องฺคชาตํ น จลติ, เอวํ อณฺฑเมว กณฺฑุวเนน ผุสนฺตสฺส มุเตฺตปิ อนาปตฺติ อณฺฑสฺส อนงฺคชาตตฺตาฯ
263. Vinītavatthupāḷiyaṃ aṇḍakaṇḍuvanavatthusmiṃ mocanādhippāyena aṇḍacalanena aṅgajātassāpi calanato nimitte upakkamo hotīti saṅghādiseso vutto. Yathā pana aṅgajātaṃ na calati, evaṃ aṇḍameva kaṇḍuvanena phusantassa muttepi anāpatti aṇḍassa anaṅgajātattā.
๒๖๔. วตฺถินฺติ องฺคชาตสีสจฺฉาทกจมฺมํฯ อุทรํ ตาเปนฺตสฺส…เป.… อนาปตฺติเยวาติ อุทรตาปเนน องฺคชาเตปิ ตเตฺต ตาวตฺตเกน นิมิเตฺต อุปกฺกโม กโต นาม น โหตีติ วุตฺตํฯ
264.Vatthinti aṅgajātasīsacchādakacammaṃ. Udaraṃ tāpentassa…pe… anāpattiyevāti udaratāpanena aṅgajātepi tatte tāvattakena nimitte upakkamo kato nāma na hotīti vuttaṃ.
๒๖๕. เอหิ เม ตฺวํ, อาวุโส, สามเณราติ วตฺถุสฺมิํ อญฺญํ อาณาเปตุ, เตน กริยมานสฺส องฺคชาตจลนสฺส โมจนสฺสาเทน สาทิยนโต ตํ จลนํ ภิกฺขุสฺส สาทิยนจิตฺตสมุฎฺฐิตมฺปิ โหตีติ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิปจฺจยสฺส องฺคชาตจลนสฺส เหตุภูตา อสฺสาทเจตนาว อาปตฺติยา องฺคํ โหติ, น อาณาปนวาจา ตสฺสา ปวตฺติกฺขเณ สงฺฆาทิเสสสฺส อสิชฺฌนโตฯ เอวํ อาณาเปตฺวาปิ โยนิโสมนสิกาเรน โมจนสฺสาทํ ปฎิวิโนเทนฺตสฺส อาปตฺติอสมฺภวโต อิทํ สิกฺขาปทํ อนาณตฺติกํ, กายกมฺมํ, กิริยสมุฎฺฐานญฺจ ชาตนฺติ คเหตพฺพํ, อาณาปนวาจาย ปน ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ โย ปน ปเรน อนาณเตฺตน พลกฺกาเรนาปิ กริยมานปฺปโยคํ โมจนสฺสาเทน สาทิยติ, ตสฺสาปิ มุเตฺต ปฐมปาราชิเก วิย สงฺฆาทิเสโสว, อมุเตฺต ถุลฺลจฺจยํฯ โมจนสฺสาเท เจตนาย ปน อสติ กายสํสคฺคราเคน สาทิยนฺตสฺสาปิ มุเตฺตปิ สงฺฆาทิเสเสน อนาปตฺตีติ อาจริยา วทนฺติ, ตญฺจ ยุตฺตเมวฯ
265.Ehi me tvaṃ, āvuso, sāmaṇerāti vatthusmiṃ aññaṃ āṇāpetu, tena kariyamānassa aṅgajātacalanassa mocanassādena sādiyanato taṃ calanaṃ bhikkhussa sādiyanacittasamuṭṭhitampi hotīti sukkavissaṭṭhipaccayassa aṅgajātacalanassa hetubhūtā assādacetanāva āpattiyā aṅgaṃ hoti, na āṇāpanavācā tassā pavattikkhaṇe saṅghādisesassa asijjhanato. Evaṃ āṇāpetvāpi yonisomanasikārena mocanassādaṃ paṭivinodentassa āpattiasambhavato idaṃ sikkhāpadaṃ anāṇattikaṃ, kāyakammaṃ, kiriyasamuṭṭhānañca jātanti gahetabbaṃ, āṇāpanavācāya pana dukkaṭaṃ āpajjati. Yo pana parena anāṇattena balakkārenāpi kariyamānappayogaṃ mocanassādena sādiyati, tassāpi mutte paṭhamapārājike viya saṅghādisesova, amutte thullaccayaṃ. Mocanassāde cetanāya pana asati kāyasaṃsaggarāgena sādiyantassāpi muttepi saṅghādisesena anāpattīti ācariyā vadanti, tañca yuttameva.
๒๖๖. กายตฺถมฺภนวตฺถุสฺมิํ จลนวเสน ยถา องฺคชาเต อุปกฺกโม สมฺภวติ, ตถา วิชมฺภิตตฺตา อาปตฺติ วุตฺตาฯ
266.Kāyatthambhanavatthusmiṃ calanavasena yathā aṅgajāte upakkamo sambhavati, tathā vijambhitattā āpatti vuttā.
อุปนิชฺฌายนวตฺถุสฺมิํ องฺคชาตนฺติ ชีวมานอิตฺถีนํ ปสฺสาวมโคฺคว อธิเปฺปโต, เนตโรฯ
Upanijjhāyanavatthusmiṃ aṅgajātanti jīvamānaitthīnaṃ passāvamaggova adhippeto, netaro.
๒๖๗. ปุปฺผาวลีติ กีฬาวิเสโสฯ ตํ กิร กีฬนฺตา นทีอาทีสุ ฉินฺนตฎํ อุทเกน จิกฺขลฺลํ กตฺวา ตตฺถ อุโภ ปาเท ปสาเรตฺวา นิสินฺนา ปตนฺติ , ‘‘ปุปฺผาวลิย’’นฺติปิ ปาโฐฯ ปเวเสนฺตสฺสาติ ปโยชกเตฺตน ทฺวิกมฺมิกตฺตา ‘‘วาลิกํ องฺคชาต’’นฺติ อุภยตฺถาปิ อุปโยควจนํ กตํฯ เจตนา, อุปกฺกโม, มุจฺจนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิ เวทิตพฺพานิฯ
267.Pupphāvalīti kīḷāviseso. Taṃ kira kīḷantā nadīādīsu chinnataṭaṃ udakena cikkhallaṃ katvā tattha ubho pāde pasāretvā nisinnā patanti , ‘‘pupphāvaliya’’ntipi pāṭho. Pavesentassāti payojakattena dvikammikattā ‘‘vālikaṃ aṅgajāta’’nti ubhayatthāpi upayogavacanaṃ kataṃ. Cetanā, upakkamo, muccananti imānettha tīṇi aṅgāni veditabbāni.
สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sukkavissaṭṭhisikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทํ • 1. Sukkavissaṭṭhisikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑. สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Sukkavissaṭṭhisikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๑. สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Sukkavissaṭṭhisikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑. สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Sukkavissaṭṭhisikkhāpadavaṇṇanā