Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā

    ๖. สุมนพุทฺธวํสวณฺณนา

    6. Sumanabuddhavaṃsavaṇṇanā

    เอวํ เอกปฺปหาเรเนว ทสสหสฺสิโลกธาตุํ เอกนฺธการํ กตฺวา ตสฺมิํ ภควติ ปรินิพฺพุเต ตสฺส อปรภาเค นวุติวสฺสสหสฺสายุเกสุ มนุเสฺสสุ อนุกฺกเมน ปริหายิตฺวา ทสวเสฺสสุ ชาเตสุ ปุน วฑฺฒิตฺวา อนุกฺกเมน อสเงฺขฺยยฺยายุกา หุตฺวา ปุน ปริหายิตฺวา นวุติวสฺสสหสฺสายุเกสุ ชาเตสุ สุมโน นาม โพธิสโตฺต ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา เมขลนคเร สุทตฺตสฺส นาม รโญฺญ กุเล สิริมาย นาม เทวิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ อคฺคเหสิฯ ปาฎิหาริยานิ ปุเพฺพ วุตฺตนยาเนวฯ

    Evaṃ ekappahāreneva dasasahassilokadhātuṃ ekandhakāraṃ katvā tasmiṃ bhagavati parinibbute tassa aparabhāge navutivassasahassāyukesu manussesu anukkamena parihāyitvā dasavassesu jātesu puna vaḍḍhitvā anukkamena asaṅkhyeyyāyukā hutvā puna parihāyitvā navutivassasahassāyukesu jātesu sumano nāma bodhisatto pāramiyo pūretvā tusitapure nibbattitvā tato cavitvā mekhalanagare sudattassa nāma rañño kule sirimāya nāma deviyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ aggahesi. Pāṭihāriyāni pubbe vuttanayāneva.

    โส อนุกฺกเมน วุทฺธิปฺปโตฺต สิริวฑฺฒนโสมวฑฺฒนอิทฺธิวฑฺฒนนามเธเยฺยสุ ตีสุ ปาสาเทสุ เตสฎฺฐิยา นาฎกิตฺถิสตสหเสฺสหิ ปริจาริยมาโน สุรยุวตีหิ ปริจาริยมาโน เทวกุมาโร วิย นววสฺสสหสฺสานิ ทิพฺพสุขสทิสํ วิสยสุขมนุภวมาโน วฎํสิกาย นาม เทวิยา อนุปมํ นาม นิรุปมํ ปุตฺตํ ชเนตฺวา จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา หตฺถิยาเนน นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิฯ ตํ ปน ปพฺพชนฺตํ ติํสโกฎิโย อนุปพฺพชิํสุฯ

    So anukkamena vuddhippatto sirivaḍḍhanasomavaḍḍhanaiddhivaḍḍhananāmadheyyesu tīsu pāsādesu tesaṭṭhiyā nāṭakitthisatasahassehi paricāriyamāno surayuvatīhi paricāriyamāno devakumāro viya navavassasahassāni dibbasukhasadisaṃ visayasukhamanubhavamāno vaṭaṃsikāya nāma deviyā anupamaṃ nāma nirupamaṃ puttaṃ janetvā cattāri nimittāni disvā hatthiyānena nikkhamitvā pabbaji. Taṃ pana pabbajantaṃ tiṃsakoṭiyo anupabbajiṃsu.

    โส เตหิ ปริวุโต ทสมาเส ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย อโนมนิคเม อโนมเสฎฺฐิโน ธีตาย อนุปมาย นาม ทินฺนํ ปกฺขิตฺตทิโพฺพชํ ปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา สาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา อนุปมาชีวเกน ทินฺนา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา นาคโพธิํ อุปคนฺตฺวา ตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อฎฺฐหิ ติณมุฎฺฐีหิ ติํสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ กตฺวา ตตฺถ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิฯ ตโต มารพลํ วิธมิตฺวา สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป.… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔) อุทานํ อุทาเนสิฯ เตน วุตฺตํ –

    So tehi parivuto dasamāse padhānacariyaṃ caritvā visākhapuṇṇamāya anomanigame anomaseṭṭhino dhītāya anupamāya nāma dinnaṃ pakkhittadibbojaṃ pāyāsaṃ paribhuñjitvā sālavane divāvihāraṃ vītināmetvā anupamājīvakena dinnā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā nāgabodhiṃ upagantvā taṃ padakkhiṇaṃ katvā aṭṭhahi tiṇamuṭṭhīhi tiṃsahatthavitthataṃ tiṇasantharaṃ katvā tattha pallaṅkaṃ ābhujitvā nisīdi. Tato mārabalaṃ vidhamitvā sabbaññutaññāṇaṃ paṭivijjhitvā – ‘‘anekajātisaṃsāraṃ…pe… taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti (dha. pa. 153-154) udānaṃ udānesi. Tena vuttaṃ –

    .

    1.

    ‘‘มงฺคลสฺส อปเรน, สุมโน นาม นายโก;

    ‘‘Maṅgalassa aparena, sumano nāma nāyako;

    สพฺพธเมฺมหิ อสโม, สพฺพสตฺตานมุตฺตโม’’ติฯ

    Sabbadhammehi asamo, sabbasattānamuttamo’’ti.

    ตตฺถ มงฺคลสฺส อปเรนาติ มงฺคลสฺส ภควโต อปรภาเคฯ สพฺพธเมฺมหิ อสโมติ สเพฺพหิปิ สีลสมาธิปญฺญาธเมฺมหิ อสโม อสทิโสฯ

    Tattha maṅgalassa aparenāti maṅgalassa bhagavato aparabhāge. Sabbadhammehi asamoti sabbehipi sīlasamādhipaññādhammehi asamo asadiso.

    สุมโน กิร ภควา โพธิสมีเปเยว สตฺตสตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา ธมฺมเทสนตฺถํ พฺรหฺมายาจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา – ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปฐมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๗๒; ม. นิ. ๑.๒๘๔; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๐) อุปธาเรโนฺต อตฺตนา สห ปพฺพชิตานํ ติํสโกฎิโย จ อตฺตโน กนิฎฺฐภาติกํ เวมาติกํ สรณกุมารญฺจ ปุโรหิตปุตฺตํ ภาวิตตฺตมาณวกญฺจ อุปนิสฺสยสมฺปเนฺน ทิสฺวา – ‘‘เอเตสํ ปฐมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ จิเนฺตตฺวา หํสราชา วิย คคนปเถน เมขลุยฺยาเน โอตริตฺวา อุยฺยานปาลํ เปเสตฺวา อตฺตโน กนิฎฺฐภาติกํ สรณกุมารญฺจ ปุโรหิตปุตฺตํ ภาวิตตฺตกุมารญฺจ ปโกฺกสาเปตฺวา เตสํ ปริวารภูตา สตฺตติํสโกฎิโย อตฺตนา สห ปพฺพชิตา ติํสโกฎิโย จ อเญฺญ จ พหู เทวมนุสฺสโกฎิโย จาติ เอวํ โกฎิสตสหสฺสํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเนน ธมฺมามตํ ปาเยสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Sumano kira bhagavā bodhisamīpeyeva sattasattāhāni vītināmetvā dhammadesanatthaṃ brahmāyācanaṃ sampaṭicchitvā – ‘‘kassa nu kho ahaṃ paṭhamaṃ dhammaṃ deseyya’’nti (dī. ni. 2.72; ma. ni. 1.284; 2.341; mahāva. 10) upadhārento attanā saha pabbajitānaṃ tiṃsakoṭiyo ca attano kaniṭṭhabhātikaṃ vemātikaṃ saraṇakumārañca purohitaputtaṃ bhāvitattamāṇavakañca upanissayasampanne disvā – ‘‘etesaṃ paṭhamaṃ dhammaṃ deseyya’’nti cintetvā haṃsarājā viya gaganapathena mekhaluyyāne otaritvā uyyānapālaṃ pesetvā attano kaniṭṭhabhātikaṃ saraṇakumārañca purohitaputtaṃ bhāvitattakumārañca pakkosāpetvā tesaṃ parivārabhūtā sattatiṃsakoṭiyo attanā saha pabbajitā tiṃsakoṭiyo ca aññe ca bahū devamanussakoṭiyo cāti evaṃ koṭisatasahassaṃ dhammacakkappavattanena dhammāmataṃ pāyesi. Tena vuttaṃ –

    .

    2.

    ‘‘ตทา อมตเภริํ โส, อาหนี เมขเล ปุเร;

    ‘‘Tadā amatabheriṃ so, āhanī mekhale pure;

    ธมฺมสงฺขสมายุตฺตํ, นวงฺคํ ชินสาสน’’นฺติฯ

    Dhammasaṅkhasamāyuttaṃ, navaṅgaṃ jinasāsana’’nti.

    ตตฺถ อมตเภรินฺติ อมตาธิคมาย นิพฺพานาธิคมาย เภริํฯ อาหนีติ วาทยิ, ธมฺมํ เทเสสีติ อโตฺถฯ สายํ อมตเภรี นาม อมตปริโยสานํ นวงฺคํ พุทฺธวจนํฯ เตเนวาห – ‘‘ธมฺมสงฺขสมายุตฺตํ, นวงฺคํ ชินสาสน’’นฺติฯ ตตฺถ ธมฺมสงฺขสมายุตฺตนฺติ จตุสจฺจธมฺมกถาสงฺขวรสมายุตฺตํฯ

    Tattha amatabherinti amatādhigamāya nibbānādhigamāya bheriṃ. Āhanīti vādayi, dhammaṃ desesīti attho. Sāyaṃ amatabherī nāma amatapariyosānaṃ navaṅgaṃ buddhavacanaṃ. Tenevāha – ‘‘dhammasaṅkhasamāyuttaṃ, navaṅgaṃ jinasāsana’’nti. Tattha dhammasaṅkhasamāyuttanti catusaccadhammakathāsaṅkhavarasamāyuttaṃ.

    สุมโน ปน โลกนายโก อภิสโมฺพธิํ ปาปุณิตฺวา ปฎิญฺญานุรูปํ ปฎิปทํ ปฎิปชฺชมาโน มหาชนสฺส ภวพนฺธนโมกฺขตฺถาย กุสลรตนสฺส กิเลสโจเรหิ วิลุปฺปมานสฺส ปริตฺตานตฺถํ สีลวิปุลปาการํ สมาธิปริขาปริวาริตํ วิปสฺสนาญาณทฺวารํ สติสมฺปชญฺญทฬฺหกวาฎํ สมาปตฺติมณฺฑปาทิปฎิมณฺฑิตํ โพธิปกฺขิยชนสมากุลํ อมตวรนครํ มาเปสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Sumano pana lokanāyako abhisambodhiṃ pāpuṇitvā paṭiññānurūpaṃ paṭipadaṃ paṭipajjamāno mahājanassa bhavabandhanamokkhatthāya kusalaratanassa kilesacorehi viluppamānassa parittānatthaṃ sīlavipulapākāraṃ samādhiparikhāparivāritaṃ vipassanāñāṇadvāraṃ satisampajaññadaḷhakavāṭaṃ samāpattimaṇḍapādipaṭimaṇḍitaṃ bodhipakkhiyajanasamākulaṃ amatavaranagaraṃ māpesi. Tena vuttaṃ –

    .

    3.

    ‘‘นิชฺชินิตฺวา กิเลเส โส, ปตฺวา สโมฺพธิมุตฺตมํ;

    ‘‘Nijjinitvā kilese so, patvā sambodhimuttamaṃ;

    มาเปสิ นครํ สตฺถา, สทฺธมฺมปุรวรุตฺตม’’นฺติฯ

    Māpesi nagaraṃ satthā, saddhammapuravaruttama’’nti.

    ตตฺถ นิชฺชินิตฺวาติ วิชินิตฺวา อภิภุยฺย, กิเลสาภิสงฺขารเทวปุตฺตมาเร วิทฺธํเสตฺวาติ อโตฺถ ฯ โสติ โส สุมโน ภควาฯ ‘‘วิชินิตฺวา กิเลเส หี’’ติปิ ปาโฐฯ ตตฺถ หิ-กาโร ปทปูรณมเตฺต นิปาโตฯ ปตฺวาติ อธิคนฺตฺวาฯ ‘‘ปโตฺต’’ติปิ ปาโฐฯ นครนฺติ นิพฺพานนครํฯ สทฺธมฺมปุรวรุตฺตมนฺติ สทฺธมฺมสงฺขาตํ ปุรวเรสุ อุตฺตมํ เสฎฺฐํ ปธานภูตํฯ อถ วา สทฺธมฺมมเยสุ ปุเรสุ ปวเรสุ อุตฺตมํ สทฺธมฺมปุรวรุตฺตมํฯ ปุริมสฺมิํ อตฺถวิกเปฺป ‘‘นคร’’นฺติ ตเสฺสว เววจนนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปฎิวิทฺธธมฺมสภาวานํ เสกฺขาเสกฺขานํ อริยปุคฺคลานํ ปติฎฺฐานํ โคจรนิวาสเฎฺฐน นิพฺพานํ ‘‘นคร’’นฺติ วุจฺจติฯ ตสฺมิํ ปน สทฺธมฺมวรนคเร โส สตฺถา อวิจฺฉินฺนํ อกุฎิลํ อุชุํ ปุถุลญฺจ วิตฺถตญฺจ สติปฎฺฐานมยํ มหาวีถิํ มาเปสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tattha nijjinitvāti vijinitvā abhibhuyya, kilesābhisaṅkhāradevaputtamāre viddhaṃsetvāti attho . Soti so sumano bhagavā. ‘‘Vijinitvā kilese hī’’tipi pāṭho. Tattha hi-kāro padapūraṇamatte nipāto. Patvāti adhigantvā. ‘‘Patto’’tipi pāṭho. Nagaranti nibbānanagaraṃ. Saddhammapuravaruttamanti saddhammasaṅkhātaṃ puravaresu uttamaṃ seṭṭhaṃ padhānabhūtaṃ. Atha vā saddhammamayesu puresu pavaresu uttamaṃ saddhammapuravaruttamaṃ. Purimasmiṃ atthavikappe ‘‘nagara’’nti tasseva vevacananti daṭṭhabbaṃ. Paṭividdhadhammasabhāvānaṃ sekkhāsekkhānaṃ ariyapuggalānaṃ patiṭṭhānaṃ gocaranivāsaṭṭhena nibbānaṃ ‘‘nagara’’nti vuccati. Tasmiṃ pana saddhammavaranagare so satthā avicchinnaṃ akuṭilaṃ ujuṃ puthulañca vitthatañca satipaṭṭhānamayaṃ mahāvīthiṃ māpesi. Tena vuttaṃ –

    .

    4.

    ‘‘นิรนฺตรํ อกุฎิลํ, อุชุํ วิปุลวิตฺถตํ;

    ‘‘Nirantaraṃ akuṭilaṃ, ujuṃ vipulavitthataṃ;

    มาเปสิ โส มหาวีถิํ, สติปฎฺฐานวรุตฺตม’’นฺติฯ

    Māpesi so mahāvīthiṃ, satipaṭṭhānavaruttama’’nti.

    ตตฺถ นิรนฺตรนฺติ กุสลชวนสญฺจรณานนฺตรภาวโต นิรนฺตรํฯ อกุฎิลนฺติ กุฎิลภาวกรโทสวิรหิตโต อกุฎิลํฯ อุชุนฺติ อกุฎิลตฺตาว อุชุํฯ ปุริมปทเสฺสว อตฺถทีปกมิทํ วจนํฯ วิปุลวิตฺถตนฺติ อายามโต จ วิตฺถารโต จ ปุถุลวิตฺถตํ, ปุถุลวิตฺถตภาโว โลกิยโลกุตฺตรสติปฎฺฐานวเสน ทฎฺฐโพฺพฯ มหาวีถินฺติ มหามคฺคํฯ สติปฎฺฐานวรุตฺตมนฺติ สติปฎฺฐานญฺจ ตํ วเรสุ อุตฺตมญฺจาติ สติปฎฺฐานวรุตฺตมํฯ อถ วา วรํ สติปฎฺฐานมยํ อุตฺตมวีถินฺติ อโตฺถฯ

    Tattha nirantaranti kusalajavanasañcaraṇānantarabhāvato nirantaraṃ. Akuṭilanti kuṭilabhāvakaradosavirahitato akuṭilaṃ. Ujunti akuṭilattāva ujuṃ. Purimapadasseva atthadīpakamidaṃ vacanaṃ. Vipulavitthatanti āyāmato ca vitthārato ca puthulavitthataṃ, puthulavitthatabhāvo lokiyalokuttarasatipaṭṭhānavasena daṭṭhabbo. Mahāvīthinti mahāmaggaṃ. Satipaṭṭhānavaruttamanti satipaṭṭhānañca taṃ varesu uttamañcāti satipaṭṭhānavaruttamaṃ. Atha vā varaṃ satipaṭṭhānamayaṃ uttamavīthinti attho.

    อิทานิ ตสฺส นิพฺพานมหานครสฺส ตสฺสํ สติปฎฺฐานวีถิยํ จตฺตาริ สามญฺญผลานิ จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา ฉ อภิญฺญา อฎฺฐ สมาปตฺติโยติ อิมานิ มหคฺฆรตนานิ อุโภสุ ปเสฺสสุ ธมฺมาปเณ ปสาเรสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Idāni tassa nibbānamahānagarassa tassaṃ satipaṭṭhānavīthiyaṃ cattāri sāmaññaphalāni catasso paṭisambhidā cha abhiññā aṭṭha samāpattiyoti imāni mahaggharatanāni ubhosu passesu dhammāpaṇe pasāresi. Tena vuttaṃ –

    .

    5.

    ‘‘ผเล จตฺตาริ สามเญฺญ, จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา;

    ‘‘Phale cattāri sāmaññe, catasso paṭisambhidā;

    ฉฬภิญฺญาฎฺฐสมาปตฺตี, ปสาเรสิ ตตฺถ วีถิย’’นฺติฯ

    Chaḷabhiññāṭṭhasamāpattī, pasāresi tattha vīthiya’’nti.

    อิทานิ ภควา อิมานิ รตนภณฺฑานิ เย ปน อปฺปมตฺตา สติมโนฺต ปณฺฑิตา หิริโอตฺตปฺปวีริยาทีหิ สมนฺนาคตา, เต อาทียนฺตีติ เตสํ รตนานํ หรณูปายํ ทเสฺสโนฺต –

    Idāni bhagavā imāni ratanabhaṇḍāni ye pana appamattā satimanto paṇḍitā hiriottappavīriyādīhi samannāgatā, te ādīyantīti tesaṃ ratanānaṃ haraṇūpāyaṃ dassento –

    .

    6.

    ‘‘เย อปฺปมตฺตา อขิลา, หิริวีริเยหุปาคตา;

    ‘‘Ye appamattā akhilā, hirivīriyehupāgatā;

    เต เต อิเม คุณวเร, อาทิยนฺติ ยถาสุข’’นฺติฯ – อาห;

    Te te ime guṇavare, ādiyanti yathāsukha’’nti. – āha;

    ตตฺถ เยติ อนิยมุเทฺทโสฯ อปฺปมตฺตาติ ปมาทสฺส ปฎิปกฺขภูเตน สติยา อวิปฺปวาสลกฺขเณน อปฺปมาเทน สมนฺนาคตาฯ อขิลาติ ปญฺจเจโตขิลรหิตาฯ หิริวีริเยหุปาคตาติ กายทุจฺจริตาทีหิ หิรียตีติ หิรี, ลชฺชาเยตํ อธิวจนํฯ วีรสฺส ภาโว วีริยํ, ตํ อุสฺสาหลกฺขณํฯ เตหิ หิริวีริเยหิ อุปาคตา สมนฺนาคตา ภพฺพปุคฺคลาฯ เตติ อิทํ ปุเพฺพ อนิยมุเทฺทสสฺส นิยมุเทฺทโสฯ ปุน เตติ วุตฺตปฺปกาเร คุณรตนวิเสเส เต กุลปุตฺตา อาทิยนฺติ ปฎิลภนฺติ อธิคจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ สพฺพํ ปน สุมโน ภควา กตวิทิตมโน ธมฺมเภริํ อาหนิตฺวา ธมฺมนครํ มาเปตฺวา อิมินา นเยน ปฐมเมว สตสหสฺสโกฎิโย โพเธสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tattha yeti aniyamuddeso. Appamattāti pamādassa paṭipakkhabhūtena satiyā avippavāsalakkhaṇena appamādena samannāgatā. Akhilāti pañcacetokhilarahitā. Hirivīriyehupāgatāti kāyaduccaritādīhi hirīyatīti hirī, lajjāyetaṃ adhivacanaṃ. Vīrassa bhāvo vīriyaṃ, taṃ ussāhalakkhaṇaṃ. Tehi hirivīriyehi upāgatā samannāgatā bhabbapuggalā. Teti idaṃ pubbe aniyamuddesassa niyamuddeso. Puna teti vuttappakāre guṇaratanavisese te kulaputtā ādiyanti paṭilabhanti adhigacchantīti attho. Sabbaṃ pana sumano bhagavā kataviditamano dhammabheriṃ āhanitvā dhammanagaraṃ māpetvā iminā nayena paṭhamameva satasahassakoṭiyo bodhesi. Tena vuttaṃ –

    .

    7.

    ‘‘เอวเมเตน โยเคน, อุทฺธรโนฺต มหาชนํ;

    ‘‘Evametena yogena, uddharanto mahājanaṃ;

    โพเธสิ ปฐมํ สตฺถา, โกฎิสตสหสฺสิโย’’ติฯ

    Bodhesi paṭhamaṃ satthā, koṭisatasahassiyo’’ti.

    ตตฺถ อุทฺธรโนฺตติ สํสารสาครโต อริยมคฺคนาวาย สมุทฺธรโนฺตฯ โกฎิสตสหสฺสิโยติ สตสหสฺสโกฎิโยติ อโตฺถฯ วิปริยาเยน นิทฺทิฎฺฐํฯ

    Tattha uddharantoti saṃsārasāgarato ariyamagganāvāya samuddharanto. Koṭisatasahassiyoti satasahassakoṭiyoti attho. Vipariyāyena niddiṭṭhaṃ.

    ยทา ปน สุมโน โลกนายโก สุนนฺทวตีนคเร อมฺพรุกฺขมูเล ติตฺถิยมทมานมทฺทนํ ยมกปาฎิหาริยํ กตฺวา สตฺตานํ โกฎิสหสฺสํ ธมฺมามตํ ปาเยสิฯ อยํ ทุติโย อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Yadā pana sumano lokanāyako sunandavatīnagare ambarukkhamūle titthiyamadamānamaddanaṃ yamakapāṭihāriyaṃ katvā sattānaṃ koṭisahassaṃ dhammāmataṃ pāyesi. Ayaṃ dutiyo abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    8.

    ‘‘ยมฺหิ กาเล มหาวีโร, โอวที ติตฺถิเย คเณ;

    ‘‘Yamhi kāle mahāvīro, ovadī titthiye gaṇe;

    โกฎิสหสฺสา ภิสมิํสุ, ทุติเย ธมฺมเทสเน’’ติฯ

    Koṭisahassā bhisamiṃsu, dutiye dhammadesane’’ti.

    ตตฺถ ติตฺถิเย คเณติ ติตฺถิยภูเต คเณ, ติตฺถิยานํ คเณ วา ‘‘ติตฺถิเย อภิมทฺทโนฺต, พุโทฺธ ธมฺมมเทสยี’’ติ ปฐนฺติ เกจิฯ

    Tattha titthiye gaṇeti titthiyabhūte gaṇe, titthiyānaṃ gaṇe vā ‘‘titthiye abhimaddanto, buddho dhammamadesayī’’ti paṭhanti keci.

    ยทา ปน ทสสุ จกฺกวาฬสหเสฺสสุ เทวตา อิมสฺมิํ จกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา มนุสฺสา จ นิโรธกถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘กถํ นิโรธํ สมาปชฺชนฺติ, กถํ นิโรธสมาปนฺนา โหนฺติ, กถํ นิโรธา วุฎฺฐหนฺตี’’ติ? เอวํ สมาปชฺชนอธิฎฺฐานวุฎฺฐานาทีสุ วินิจฺฉยํ กาตุํ อสโกฺกนฺตา สห มนุเสฺสหิ ฉสุ กามาวจรเทวโลเกสุ เทวา จ นวสุ พฺรหฺมโลเกสุ พฺรหฺมาโน จ เทฺวฬฺหกชาตา ทฺวิธา อเหสุํฯ ตโต นรสุนฺทเรน อรินฺทเมน นาม รญฺญา สทฺธิํ สายนฺหสมเย สุมนทสพลํ สพฺพโลกนาถํ อุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อรินฺทโม ราชา ภควนฺตํ นิโรธปญฺหํ ปุจฺฉิฯ ตโต ภควตา นิโรธปเญฺห วิสฺสชฺชิเต นวุติปาณโกฎิสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ อยํ ตติโย อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Yadā pana dasasu cakkavāḷasahassesu devatā imasmiṃ cakkavāḷe sannipatitvā manussā ca nirodhakathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘kathaṃ nirodhaṃ samāpajjanti, kathaṃ nirodhasamāpannā honti, kathaṃ nirodhā vuṭṭhahantī’’ti? Evaṃ samāpajjanaadhiṭṭhānavuṭṭhānādīsu vinicchayaṃ kātuṃ asakkontā saha manussehi chasu kāmāvacaradevalokesu devā ca navasu brahmalokesu brahmāno ca dveḷhakajātā dvidhā ahesuṃ. Tato narasundarena arindamena nāma raññā saddhiṃ sāyanhasamaye sumanadasabalaṃ sabbalokanāthaṃ upasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā arindamo rājā bhagavantaṃ nirodhapañhaṃ pucchi. Tato bhagavatā nirodhapañhe vissajjite navutipāṇakoṭisahassānaṃ dhammābhisamayo ahosi. Ayaṃ tatiyo abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    9.

    ‘‘ยทา เทวา มนุสฺสา จ, สมคฺคา เอกมานสา;

    ‘‘Yadā devā manussā ca, samaggā ekamānasā;

    นิโรธปญฺหํ ปุจฺฉิํสุ, สํสยํ จาปิ มานสํฯ

    Nirodhapañhaṃ pucchiṃsu, saṃsayaṃ cāpi mānasaṃ.

    ๑๐.

    10.

    ‘‘ตทาปิ ธมฺมเทสเน, นิโรธปริทีปเน;

    ‘‘Tadāpi dhammadesane, nirodhaparidīpane;

    นวุติโกฎิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติฯ

    Navutikoṭisahassānaṃ, tatiyābhisamayo ahū’’ti.

    ตสฺส ปน สุมนสฺส ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํฯ ตตฺถ ปฐมสนฺนิปาเต เมขลนครํ อุปนิสฺสาย วสฺสํ วสิตฺวา ปฐมปวารณาย อรหนฺตานํ โกฎิสหเสฺสน เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิเตน สทฺธิํ ภควา ปวาเรสิ, อยํ ปฐโม สนฺนิปาโต อโหสิฯ อถาปเรน สมเยน สงฺกสฺสนครสฺสาวิทูเร อรินฺทมราชกุสลพลนิพฺพเตฺต โยชนปฺปมาเณ กนกปพฺพเต นิสิโนฺน สรทสมยรุจิรกรนิกโร ทิวสกโร วิย ยุคนฺธรปพฺพเต มุนิวรทิวสกโร อรินฺทมราชานํ ปริวาเรตฺวา อาคตานํ ปุริสานํ นวุติโกฎิสหสฺสานิ ทเมตฺวา สเพฺพ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา ตสฺมิํเยว ทิวเส อรหตฺตํ ปเตฺตหิ ภิกฺขูหิ ปริวุโต จตุรงฺคสมนฺนาคเต สนฺนิปาเต ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิฯ อยํ ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ ยทา ปน สโกฺก เทวราชา สุคตทสฺสนตฺถาย อุปสงฺกมิ, ตทา สุมโน ภควา อสีติยา อรหนฺตโกฎิสหเสฺสหิ ปริวุโต ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, อยํ ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tassa pana sumanassa bhagavato tayo sāvakasannipātā ahesuṃ. Tattha paṭhamasannipāte mekhalanagaraṃ upanissāya vassaṃ vasitvā paṭhamapavāraṇāya arahantānaṃ koṭisahassena ehibhikkhupabbajjāya pabbajitena saddhiṃ bhagavā pavāresi, ayaṃ paṭhamo sannipāto ahosi. Athāparena samayena saṅkassanagarassāvidūre arindamarājakusalabalanibbatte yojanappamāṇe kanakapabbate nisinno saradasamayarucirakaranikaro divasakaro viya yugandharapabbate munivaradivasakaro arindamarājānaṃ parivāretvā āgatānaṃ purisānaṃ navutikoṭisahassāni dametvā sabbe ehibhikkhupabbajjāya pabbājetvā tasmiṃyeva divase arahattaṃ pattehi bhikkhūhi parivuto caturaṅgasamannāgate sannipāte pātimokkhaṃ uddisi. Ayaṃ dutiyo sannipāto ahosi. Yadā pana sakko devarājā sugatadassanatthāya upasaṅkami, tadā sumano bhagavā asītiyā arahantakoṭisahassehi parivuto pātimokkhaṃ uddisi, ayaṃ tatiyo sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –

    ๑๑.

    11.

    ‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, สุมนสฺส มเหสิโน;

    ‘‘Sannipātā tayo āsuṃ, sumanassa mahesino;

    ขีณาสวานํ วิมลานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํฯ

    Khīṇāsavānaṃ vimalānaṃ, santacittāna tādinaṃ.

    ๑๒.

    12.

    ‘‘วสฺสํวุฎฺฐสฺส ภควโต, อภิฆุเฎฺฐ ปวารเณ;

    ‘‘Vassaṃvuṭṭhassa bhagavato, abhighuṭṭhe pavāraṇe;

    โกฎิสตสหเสฺสหิ, ปวาเรสิ ตถาคโตฯ

    Koṭisatasahassehi, pavāresi tathāgato.

    ๑๓.

    13.

    ‘‘ตโต ปรํ สนฺนิปาเต, วิมเล กญฺจนปพฺพเต;

    ‘‘Tato paraṃ sannipāte, vimale kañcanapabbate;

    นวุติโกฎิสหสฺสานํ, ทุติโย อาสิ สมาคโมฯ

    Navutikoṭisahassānaṃ, dutiyo āsi samāgamo.

    ๑๔.

    14.

    ‘‘ยทา สโกฺก เทวราชา, พุทฺธทสฺสนุปาคมิ;

    ‘‘Yadā sakko devarājā, buddhadassanupāgami;

    อสีติโกฎิสหสฺสานํ, ตติโย อาสิ สมาคโม’’ติฯ

    Asītikoṭisahassānaṃ, tatiyo āsi samāgamo’’ti.

    ตตฺถ อภิฆุเฎฺฐ ปวารเณติ ลิงฺควิปลฺลาโส ทฎฺฐโพฺพ, อภิฆุฎฺฐาย ปวารณายาติ อโตฺถฯ ตโตปรนฺติ ตโต อปรภาเคฯ กญฺจนปพฺพเตติ กนกมเย ปพฺพเตฯ พุทฺธทสฺสนุปาคมีติ พุทฺธทสฺสนตฺถมุปาคมิฯ ตทา กิร อมฺหากํ โพธิสโตฺต อตุโล นาม นาคราชา อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโวฯ โส ‘‘โลเก พุโทฺธ อุปฺปโนฺน’’ติ สุตฺวา ญาติคณปริวุโต สกภวนา นิกฺขมิตฺวา โกฎิสตสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส สุมนสฺส ภควโต ทิเพฺพหิ ตุริเยหิ อุปหารํ กาเรตฺวา มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา ปเจฺจกทุสฺสยุคานิ ทตฺวา สรเณสุ ปติฎฺฐาสิฯ โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tattha abhighuṭṭhe pavāraṇeti liṅgavipallāso daṭṭhabbo, abhighuṭṭhāya pavāraṇāyāti attho. Tatoparanti tato aparabhāge. Kañcanapabbateti kanakamaye pabbate. Buddhadassanupāgamīti buddhadassanatthamupāgami. Tadā kira amhākaṃ bodhisatto atulo nāma nāgarājā ahosi mahiddhiko mahānubhāvo. So ‘‘loke buddho uppanno’’ti sutvā ñātigaṇaparivuto sakabhavanā nikkhamitvā koṭisatasahassabhikkhuparivārassa sumanassa bhagavato dibbehi turiyehi upahāraṃ kāretvā mahādānaṃ pavattetvā paccekadussayugāni datvā saraṇesu patiṭṭhāsi. Sopi naṃ satthā ‘‘anāgate buddho bhavissatī’’ti byākāsi. Tena vuttaṃ –

    ๑๕.

    15.

    ‘‘อหํ เตน สมเยน, นาคราชา มหิทฺธิโก;

    ‘‘Ahaṃ tena samayena, nāgarājā mahiddhiko;

    อตุโล นาม นาเมน, อุสฺสนฺนกุสลสญฺจโยฯ

    Atulo nāma nāmena, ussannakusalasañcayo.

    ๑๖.

    16.

    ‘‘ตทาหํ นาคภวนา, นิกฺขมิตฺวา สญาติภิ;

    ‘‘Tadāhaṃ nāgabhavanā, nikkhamitvā sañātibhi;

    นาคานํ ทิพฺพตุริเยหิ, สสงฺฆํ ชินมุปฎฺฐหิํฯ

    Nāgānaṃ dibbaturiyehi, sasaṅghaṃ jinamupaṭṭhahiṃ.

    ๑๗.

    17.

    ‘‘โกฎิสตสหสฺสานํ , อนฺนปาเนน ตปฺปยิํ;

    ‘‘Koṭisatasahassānaṃ , annapānena tappayiṃ;

    ปเจฺจกทุสฺสยุคํ ทตฺวา, สรณํ ตมุปาคมิํฯ

    Paccekadussayugaṃ datvā, saraṇaṃ tamupāgamiṃ.

    ๑๘.

    18.

    ‘‘โสปิ มํ พุโทฺธ พฺยากาสิ, สุมโน โลกนายโก;

    ‘‘Sopi maṃ buddho byākāsi, sumano lokanāyako;

    อปริเมยฺยิโต กเปฺป, อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ

    Aparimeyyito kappe, ayaṃ buddho bhavissati.

    ๑๙.

    19.

    ‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป.… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ’’ฯ

    ‘‘Padhānaṃ padahitvāna…pe… hessāma sammukhā imaṃ’’.

    ยถา โกณฺฑญฺญพุทฺธวํเส, เอวํ อฎฺฐ คาถา วิตฺถาเรตพฺพาติฯ

    Yathā koṇḍaññabuddhavaṃse, evaṃ aṭṭha gāthā vitthāretabbāti.

    ๒๐.

    20.

    ‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, ภิโยฺย จิตฺตํ ปสาทยิํ;

    ‘‘Tassāpi vacanaṃ sutvā, bhiyyo cittaṃ pasādayiṃ;

    อุตฺตริํ วตมธิฎฺฐาสิํ, ทสปารมิปูริยา’’ติฯ

    Uttariṃ vatamadhiṭṭhāsiṃ, dasapāramipūriyā’’ti.

    ตสฺส ปน สุมนสฺส ภควโต เมขลํ นาม นครํ อโหสิ, สุทโตฺต นาม ราชา ปิตา, สิริมา นาม เทวี มาตา, สรโณ จ ภาวิตโตฺต จ เทฺว อคฺคสาวกา, อุเทโน นามุปฎฺฐาโก, โสณา จ อุปโสณา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, นาครุโกฺข โพธิ, นวุติหตฺถุเพฺพธํ สรีรํ, นวุติเยว วสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิ, วฎํสิกา นามสฺส มเหสี เทวี, อนูปโม นาม ปุโตฺต อโหสิ, หตฺถิยาเนน นิกฺขมิฯ อุปฎฺฐาโก องฺคราชาฯ องฺคาราเม วสีติฯ เตน วุตฺตํ –

    Tassa pana sumanassa bhagavato mekhalaṃ nāma nagaraṃ ahosi, sudatto nāma rājā pitā, sirimā nāma devī mātā, saraṇo ca bhāvitatto ca dve aggasāvakā, udeno nāmupaṭṭhāko, soṇā ca upasoṇā ca dve aggasāvikā, nāgarukkho bodhi, navutihatthubbedhaṃ sarīraṃ, navutiyeva vassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi, vaṭaṃsikā nāmassa mahesī devī, anūpamo nāma putto ahosi, hatthiyānena nikkhami. Upaṭṭhāko aṅgarājā. Aṅgārāme vasīti. Tena vuttaṃ –

    ๒๑.

    21.

    ‘‘นครํ เมขลํ นาม, สุทโตฺต นาม ขตฺติโย;

    ‘‘Nagaraṃ mekhalaṃ nāma, sudatto nāma khattiyo;

    สิริมา นาม ชนิกา, สุมนสฺส มเหสิโนฯ

    Sirimā nāma janikā, sumanassa mahesino.

    ๒๒.

    22.

    ‘‘นววสฺสสหสฺสานิ, อคารํ อชฺฌ โส วสิ;

    ‘‘Navavassasahassāni, agāraṃ ajjha so vasi;

    จโนฺท สุจโนฺท วฎํโส จ, ตโย ปาสาทมุตฺตมาฯ

    Cando sucando vaṭaṃso ca, tayo pāsādamuttamā.

    ๒๓.

    23.

    ‘‘เตสฎฺฐิสตสหสฺสานิ, นาริโย สมลงฺกตา;

    ‘‘Tesaṭṭhisatasahassāni, nāriyo samalaṅkatā;

    วฎํสิกา นาม นารี, อนูปโม นาม อตฺรโชฯ

    Vaṭaṃsikā nāma nārī, anūpamo nāma atrajo.

    ๒๔.

    24.

    ‘‘นิมิเตฺต จตุโร ทิสฺวา, หตฺถิยาเนน นิกฺขมิ;

    ‘‘Nimitte caturo disvā, hatthiyānena nikkhami;

    อนูนทสมาสานิ, ปธานํ ปทหี ชิโนฯ

    Anūnadasamāsāni, padhānaṃ padahī jino.

    ๒๕.

    25.

    ‘‘พฺรหฺมุนา ยาจิโต สโนฺต, สุมโน โลกนายโก;

    ‘‘Brahmunā yācito santo, sumano lokanāyako;

    วตฺติ จกฺกํ มหาวีโร, เมขเล ปุรมุตฺตเมฯ

    Vatti cakkaṃ mahāvīro, mekhale puramuttame.

    ๒๖.

    26.

    ‘‘สรโณ ภาวิตโตฺต จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

    ‘‘Saraṇo bhāvitatto ca, ahesuṃ aggasāvakā;

    อุเทโน นามุปฎฺฐาโก, สุมนสฺส มเหสิโนฯ

    Udeno nāmupaṭṭhāko, sumanassa mahesino.

    ๒๗.

    27.

    ‘‘โสณา จ อุปโสณา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

    ‘‘Soṇā ca upasoṇā ca, ahesuṃ aggasāvikā;

    โสปิ พุโทฺธ อมิตยโส, นาคมูเล อพุชฺฌถฯ

    Sopi buddho amitayaso, nāgamūle abujjhatha.

    ๒๘.

    28.

    ‘‘วรุโณ เจว สรโณ จ, อเหสุํ อคฺคุปฎฺฐกา;

    ‘‘Varuṇo ceva saraṇo ca, ahesuṃ aggupaṭṭhakā;

    จาลา จ อุปจาลา จ, อเหสุํ อคฺคุปฎฺฐิกาฯ

    Cālā ca upacālā ca, ahesuṃ aggupaṭṭhikā.

    ๒๙.

    29.

    ‘‘อุจฺจตฺตเนน โส พุโทฺธ, นวุติหตฺถมุคฺคโต;

    ‘‘Uccattanena so buddho, navutihatthamuggato;

    กญฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, ทสสหสฺสี วิโรจติฯ

    Kañcanagghiyasaṅkāso, dasasahassī virocati.

    ๓๐.

    30.

    ‘‘นวุติวสฺสสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

    ‘‘Navutivassasahassāni, āyu vijjati tāvade;

    ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ

    Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi janataṃ bahuṃ.

    ๓๑.

    31.

    ‘‘ตารณีเย ตารยิตฺวา, โพธนีเย จ โพธยิ;

    ‘‘Tāraṇīye tārayitvā, bodhanīye ca bodhayi;

    ปรินิพฺพายิ สมฺพุโทฺธ, อุฬุราชาว อตฺถมิฯ

    Parinibbāyi sambuddho, uḷurājāva atthami.

    ๓๒.

    32.

    ‘‘เต จ ขีณาสวา ภิกฺขู, โส จ พุโทฺธ อสาทิโส;

    ‘‘Te ca khīṇāsavā bhikkhū, so ca buddho asādiso;

    อตุลปฺปภํ ทสฺสยิตฺวา, นิพฺพุตา เต มหายสาฯ

    Atulappabhaṃ dassayitvā, nibbutā te mahāyasā.

    ๓๓.

    33.

    ‘‘ตญฺจ ญาณํ อตุลิยํ, ตานิ จ อตุลานิ รตนานิ;

    ‘‘Tañca ñāṇaṃ atuliyaṃ, tāni ca atulāni ratanāni;

    สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขาราฯ

    Sabbaṃ tamantarahitaṃ, nanu rittā sabbasaṅkhārā.

    ๓๔.

    34.

    ‘‘สุมโน ยสธโร พุโทฺธ, องฺคารามมฺหิ นิพฺพุโต;

    ‘‘Sumano yasadharo buddho, aṅgārāmamhi nibbuto;

    ตเตฺถว ตสฺส ชินถูโป, จตุโยชนมุคฺคโต’’ติฯ

    Tattheva tassa jinathūpo, catuyojanamuggato’’ti.

    ตตฺถ กญฺจนคฺฆิยสงฺกาโสติ วิวิธรตนวิจิตฺตกญฺจนมยคฺฆิกสทิสรูปโสโภฯ ทสสหสฺสี วิโรจตีติ ตสฺส ปภาย ทสสหสฺสีปิ โลกธาตุ วิโรจตีติ อโตฺถฯ ตารณีเยติ ตารยิตเพฺพ, ตารยิตุํ วุเตฺต สเพฺพ พุทฺธเวเนเยฺยติ อโตฺถฯ อุฬุราชาวาติ จโนฺท วิยฯ อตฺถมีติ อตฺถงฺคโตฯ เกจิ ‘‘อตฺถํ คโต’’ติ ปฐนฺติฯ อสาทิโสติ อสทิโสฯ มหายสาติ มหากิตฺติสทฺทา มหาปริวารา จฯ ตญฺจ ญาณนฺติ ตํ สพฺพญฺญุตญฺญาณญฺจฯ อตุลิยนฺติ อตุลฺยํ อสทิสํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    Tattha kañcanagghiyasaṅkāsoti vividharatanavicittakañcanamayagghikasadisarūpasobho. Dasasahassī virocatīti tassa pabhāya dasasahassīpi lokadhātu virocatīti attho. Tāraṇīyeti tārayitabbe, tārayituṃ vutte sabbe buddhaveneyyeti attho. Uḷurājāvāti cando viya. Atthamīti atthaṅgato. Keci ‘‘atthaṃ gato’’ti paṭhanti. Asādisoti asadiso. Mahāyasāti mahākittisaddā mahāparivārā ca. Tañca ñāṇanti taṃ sabbaññutaññāṇañca. Atuliyanti atulyaṃ asadisaṃ. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    สุมนพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sumanabuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิโต จตุโตฺถ พุทฺธวํโสฯ

    Niṭṭhito catuttho buddhavaṃso.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๖. สุมนพุทฺธวํโส • 6. Sumanabuddhavaṃso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact