Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๔. สุมนวโคฺค

    4. Sumanavaggo

    ๑. สุมนสุตฺตํ

    1. Sumanasuttaṃ

    ๓๑. เอกํ สมยํ…เป.… อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข สุมนา ราชกุมารี ปญฺจหิ รถสเตหิ ปญฺจหิ ราชกุมาริสเตหิ ปริวุตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข สุมนา ราชกุมารี ภควนฺตํ เอตทโวจ –

    31. Ekaṃ samayaṃ…pe… anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho sumanā rājakumārī pañcahi rathasatehi pañcahi rājakumārisatehi parivutā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnā kho sumanā rājakumārī bhagavantaṃ etadavoca –

    ‘‘อิธสฺสุ, ภเนฺต, ภควโต เทฺว สาวกา สมสทฺธา สมสีลา สมปญฺญา – เอโก ทายโก, เอโก อทายโกฯ เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปเชฺชยฺยุํฯ เทวภูตานํ ปน เนสํ 1, ภเนฺต, สิยา วิเสโส, สิยา นานากรณ’’นฺติ?

    ‘‘Idhassu, bhante, bhagavato dve sāvakā samasaddhā samasīlā samapaññā – eko dāyako, eko adāyako. Te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjeyyuṃ. Devabhūtānaṃ pana nesaṃ 2, bhante, siyā viseso, siyā nānākaraṇa’’nti?

    ‘‘สิยา, สุมเน’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘โย โส, สุมเน, ทายโก โส อมุํ อทายกํ เทวภูโต สมาโน ปญฺจหิ ฐาเนหิ อธิคณฺหาติ – ทิเพฺพน อายุนา, ทิเพฺพน วเณฺณน, ทิเพฺพน สุเขน, ทิเพฺพน ยเสน, ทิเพฺพน อาธิปเตเยฺยนฯ โย โส, สุมเน, ทายโก โส อมุํ อทายกํ เทวภูโต สมาโน อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ อธิคณฺหาติ’’ฯ

    ‘‘Siyā, sumane’’ti bhagavā avoca – ‘‘yo so, sumane, dāyako so amuṃ adāyakaṃ devabhūto samāno pañcahi ṭhānehi adhigaṇhāti – dibbena āyunā, dibbena vaṇṇena, dibbena sukhena, dibbena yasena, dibbena ādhipateyyena. Yo so, sumane, dāyako so amuṃ adāyakaṃ devabhūto samāno imehi pañcahi ṭhānehi adhigaṇhāti’’.

    ‘‘สเจ ปน เต, ภเนฺต, ตโต จุตา อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉนฺติ, มนุสฺสภูตานํ ปน เนสํ, ภเนฺต, สิยา วิเสโส, สิยา นานากรณ’’นฺติ? ‘‘สิยา, สุมเน’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘โย โส, สุมเน, ทายโก โส อมุํ อทายกํ มนุสฺสภูโต สมาโน ปญฺจหิ ฐาเนหิ อธิคณฺหาติ – มานุสเกน อายุนา, มานุสเกน วเณฺณน, มานุสเกน สุเขน, มานุสเกน ยเสน, มานุสเกน อาธิปเตเยฺยนฯ โย โส, สุมเน, ทายโก โส อมุํ อทายกํ มนุสฺสภูโต สมาโน อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ อธิคณฺหาติ’’ฯ

    ‘‘Sace pana te, bhante, tato cutā itthattaṃ āgacchanti, manussabhūtānaṃ pana nesaṃ, bhante, siyā viseso, siyā nānākaraṇa’’nti? ‘‘Siyā, sumane’’ti bhagavā avoca – ‘‘yo so, sumane, dāyako so amuṃ adāyakaṃ manussabhūto samāno pañcahi ṭhānehi adhigaṇhāti – mānusakena āyunā, mānusakena vaṇṇena, mānusakena sukhena, mānusakena yasena, mānusakena ādhipateyyena. Yo so, sumane, dāyako so amuṃ adāyakaṃ manussabhūto samāno imehi pañcahi ṭhānehi adhigaṇhāti’’.

    ‘‘สเจ ปน เต, ภเนฺต, อุโภ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ปพฺพชิตานํ ปน เนสํ, ภเนฺต , สิยา วิเสโส, สิยา นานากรณ’’นฺติ? ‘‘สิยา, สุมเน’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘โย โส, สุมเน, ทายโก โส อมุํ อทายกํ ปพฺพชิโต สมาโน ปญฺจหิ ฐาเนหิ อธิคณฺหาติ – ยาจิโตว พหุลํ จีวรํ ปริภุญฺชติ อปฺปํ อยาจิโต, ยาจิโตว พหุลํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชติ อปฺปํ อยาจิโต, ยาจิโตว พหุลํ เสนาสนํ ปริภุญฺชติ อปฺปํ อยาจิโต, ยาจิโตว พหุลํ คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปริภุญฺชติ อปฺปํ อยาจิโตฯ เยหิ โข ปน สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธิํ วิหรติ ตฺยสฺส มนาเปเนว พหุลํ กายกเมฺมน สมุทาจรนฺติ อปฺปํ อมนาเปน, มนาเปเนว พหุลํ วจีกเมฺมน สมุทาจรนฺติ อปฺปํ อมนาเปน, มนาเปเนว พหุลํ มโนกเมฺมน สมุทาจรนฺติ อปฺปํ อมนาเปน, มนาปํเยว พหุลํ อุปหารํ อุปหรนฺติ อปฺปํ อมนาปํ ฯ โย โส, สุมเน, ทายโก โส อมุํ อทายกํ ปพฺพชิโต สมาโน อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ อธิคณฺหาตี’’ติฯ

    ‘‘Sace pana te, bhante, ubho agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, pabbajitānaṃ pana nesaṃ, bhante , siyā viseso, siyā nānākaraṇa’’nti? ‘‘Siyā, sumane’’ti bhagavā avoca – ‘‘yo so, sumane, dāyako so amuṃ adāyakaṃ pabbajito samāno pañcahi ṭhānehi adhigaṇhāti – yācitova bahulaṃ cīvaraṃ paribhuñjati appaṃ ayācito, yācitova bahulaṃ piṇḍapātaṃ paribhuñjati appaṃ ayācito, yācitova bahulaṃ senāsanaṃ paribhuñjati appaṃ ayācito, yācitova bahulaṃ gilānappaccayabhesajjaparikkhāraṃ paribhuñjati appaṃ ayācito. Yehi kho pana sabrahmacārīhi saddhiṃ viharati tyassa manāpeneva bahulaṃ kāyakammena samudācaranti appaṃ amanāpena, manāpeneva bahulaṃ vacīkammena samudācaranti appaṃ amanāpena, manāpeneva bahulaṃ manokammena samudācaranti appaṃ amanāpena, manāpaṃyeva bahulaṃ upahāraṃ upaharanti appaṃ amanāpaṃ . Yo so, sumane, dāyako so amuṃ adāyakaṃ pabbajito samāno imehi pañcahi ṭhānehi adhigaṇhātī’’ti.

    ‘‘สเจ ปน เต, ภเนฺต, อุโภ อรหตฺตํ ปาปุณนฺติ, อรหตฺตปฺปตฺตานํ ปน เนสํ, ภเนฺต, สิยา วิเสโส, สิยา นานากรณ’’นฺติ? ‘‘เอตฺถ โข ปเนสาหํ, สุมเน, น กิญฺจิ นานากรณํ วทามิ, ยทิทํ วิมุตฺติยา วิมุตฺติ’’นฺติ 3

    ‘‘Sace pana te, bhante, ubho arahattaṃ pāpuṇanti, arahattappattānaṃ pana nesaṃ, bhante, siyā viseso, siyā nānākaraṇa’’nti? ‘‘Ettha kho panesāhaṃ, sumane, na kiñci nānākaraṇaṃ vadāmi, yadidaṃ vimuttiyā vimutti’’nti 4.

    ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต! ยาวญฺจิทํ, ภเนฺต, อลเมว ทานานิ ทาตุํ อลํ ปุญฺญานิ กาตุํ; ยตฺร หิ นาม เทวภูตสฺสาปิ อุปการานิ ปุญฺญานิ, มนุสฺสภูตสฺสาปิ อุปการานิ ปุญฺญานิ, ปพฺพชิตสฺสาปิ อุปการานิ ปุญฺญานี’’ติฯ ‘‘เอวเมตํ, สุมเน! อลญฺหิ, สุมเน, ทานานิ ทาตุํ อลํ ปุญฺญานิ กาตุํ! เทวภูตสฺสาปิ อุปการานิ ปุญฺญานิ, มนุสฺสภูตสฺสาปิ อุปการานิ ปุญฺญานิ, ปพฺพชิตสฺสาปิ อุปการานิ ปุญฺญานี’’ติ ฯ

    ‘‘Acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante! Yāvañcidaṃ, bhante, alameva dānāni dātuṃ alaṃ puññāni kātuṃ; yatra hi nāma devabhūtassāpi upakārāni puññāni, manussabhūtassāpi upakārāni puññāni, pabbajitassāpi upakārāni puññānī’’ti. ‘‘Evametaṃ, sumane! Alañhi, sumane, dānāni dātuṃ alaṃ puññāni kātuṃ! Devabhūtassāpi upakārāni puññāni, manussabhūtassāpi upakārāni puññāni, pabbajitassāpi upakārāni puññānī’’ti .

    อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน 5 สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –

    Idamavoca bhagavā. Idaṃ vatvāna 6 sugato athāparaṃ etadavoca satthā –

    ‘‘ยถาปิ จโนฺท วิมโล, คจฺฉํ อากาสธาตุยา;

    ‘‘Yathāpi cando vimalo, gacchaṃ ākāsadhātuyā;

    สเพฺพ ตาราคเณ โลเก, อาภาย อติโรจติฯ

    Sabbe tārāgaṇe loke, ābhāya atirocati.

    ‘‘ตเถว สีลสมฺปโนฺน, สโทฺธ ปุริสปุคฺคโล;

    ‘‘Tatheva sīlasampanno, saddho purisapuggalo;

    สเพฺพ มจฺฉริโน โลเก, จาเคน อติโรจติฯ

    Sabbe maccharino loke, cāgena atirocati.

    ‘‘ยถาปิ เมโฆ ถนยํ, วิชฺชุมาลี สตกฺกกุ;

    ‘‘Yathāpi megho thanayaṃ, vijjumālī satakkaku;

    ถลํ นินฺนญฺจ ปูเรติ, อภิวสฺสํ วสุนฺธรํฯ

    Thalaṃ ninnañca pūreti, abhivassaṃ vasundharaṃ.

    ‘‘เอวํ ทสฺสนสมฺปโนฺน, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก;

    ‘‘Evaṃ dassanasampanno, sammāsambuddhasāvako;

    มจฺฉริํ อธิคณฺหาติ, ปญฺจฐาเนหิ ปณฺฑิโตฯ

    Macchariṃ adhigaṇhāti, pañcaṭhānehi paṇḍito.

    ‘‘อายุนา ยสสา เจว 7, วเณฺณน จ สุเขน จ;

    ‘‘Āyunā yasasā ceva 8, vaṇṇena ca sukhena ca;

    ส เว โภคปริพฺยูโฬฺห 9, เปจฺจ สเคฺค ปโมทตี’’ติฯ ปฐมํ;

    Sa ve bhogaparibyūḷho 10, pecca sagge pamodatī’’ti. paṭhamaṃ;







    Footnotes:
    1. เตสํ (สี.)
    2. tesaṃ (sī.)
    3. วิมุตฺตนฺติ (สฺยา. กํ.)
    4. vimuttanti (syā. kaṃ.)
    5. อิทํ วตฺวา (สี. ปี.) เอวมุปริปิ
    6. idaṃ vatvā (sī. pī.) evamuparipi
    7. อายุนา จ ยเสน จ (ก.)
    8. āyunā ca yasena ca (ka.)
    9. โภคปริพฺพูโฬฺห (สี.)
    10. bhogaparibbūḷho (sī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. สุมนสุตฺตวณฺณนา • 1. Sumanasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑. สุมนสุตฺตวณฺณนา • 1. Sumanasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact